คลังเก็บหมวดหมู่: กิจกรรมเพื่อสังคม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สิทธิประโยชน์ คนพิการ พร้อมมอบชุดเยี่ยม ทหารผ่านศึก คนพิการ ผู้ยากไร้ จำนวน 20 ราย / มูลนิธิพุทธภูมิธรรม ทำบุญถวายแผ่นดินสยาม ณ วัดอรุณราชวรารามฯ กรุงเทพฯ

แชร์เนื้อหานี้

10 ตุลาคม 2568 : 10.00 – 12.00 น. สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย ร.ต.ท.ดร.มนัส โนนุช ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ มอบหมายให้

พ.ต.ศิริชัย ทรัพย์ศิริ กรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์ฯ/นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล,นายวินิทร เต็มวงษ์ หัวหน้างานสงเคราะห์ ผศ.ร.อ.,นายณฐธรรมธัช ที่รัก ประจำ อผศ.ช่วยปฏิบัติหน้าที่

ผศ.ร.อ.,นางฐานิดา อนุอัน นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากลประจำจังหวัดกาฬสินธุ์,น.ส.ชญาภา เทียมเมฆ นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากลประจำจังหวัดบุรีรัมย์,นายบุรินทร์ สารีคำ ผอ.ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดมหาสารคาม มอบหมาย

ให้ น.ส.ตริทธา ทะลาสี รอง ผอ.ศูนย์การศึกษาพิเศษฯ,นายทศพล มั่นศักดิ์ หน.หน่วยบริการแกดำ พร้อมคณะครู และนักเรียน,นายสมนึก ไชยสงค์ นายก อบต.วังแสง และคณะ,นางชนาภา ต้นบุญ ผอ.กองสวัสดิการ ทต.มิตรภาพ,นายเฉลิมชัย เชียงพฤกษ์ นายก อบต.โนนภิบาล,นางลุนณี เทียงดาห์ ผอ.รพ.สต.บ้านหนองบัว,อสม.ม.7,

พลฯ สมนึก เทพทองพูล ประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกเขตวาปีปทุม,นายธวัชชัย จิตต์เจริญ ที่ปรึกษาสมาคมคนพิการฯ,ชมรมช่วยเหลือสังคม,นายณรงค์ ทับสมบัติ ผญบ.ม.7 ผู้ประสานงาน :

ลงพื้นที่ให้ความรู้เรื่องสิทธิประโยชน์ของคนพิการ พร้อมมอบชุดเยี่ยมให้กับทหารผ่านศึก คนพิการ ผู้ยากไร้ จำนวน 20 ราย ซึ่งมี พ.ต.ศิริชัย ทรัพย์ศิริ กรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์ฯ เป็นประธานในพิธีมอบ

ณ ศาลาการเปรียญวัดบูรพาหนองบัว ต.วังแสง อ.แกดำ จ.มหาสารคาม*** ขอขอบคุณผู้ร่วมบริจาค มา ณ โอกาสนี้เป็นอย่างสูง ดังรายนามต่อไปนี้ ***สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล : บริจาคชุดเยี่ยม จำนวน 20 ราย โรงแรม CENTARA : บริจาคแปรงสีฟัน ยาสีฟัน

มูลนิธิพุทธภูมิธรรม นำโดย อาจารย์วิจักษณ์ สองจันทร์ ประธานมูลนิธิฯ และกัลยาณมิตร นำโดย พลอากาศเอก เสกสรร คันธา ผบ.ทอ. (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผช.ผบ.ทอ.) ร่วมทำบุญถวายแผ่นดินสยาม ณ วัดอรุณราชวรารามฯ กรุงเทพฯ

ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ของพระภิกษุสงฆ์ ถวายพระพุทธรูป ผ้าไตรจีวร สังฆทาน อธิษฐานบุญบารมีเพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับแผ่นดินสยาม ถวายกำลังบุญบารมีแด่พระสยามเทวาธิราช สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า บรรพชนไทย แล้วแผ่บุญกุศลไม่มีประมาณ

ขอน้อมส่งพลังบุญและมงคลอธิษฐาน ให้แด่ กัลยาณมิตรทุกท่าน จงประสบแต่ความสุขความเจริญและความสว่างไสว ตราบถึง พระนิพพาน เทอญ..

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / งานประเพณีชักพระ อ.โคกโพธิ์ ครั้งที่ 76 เพื่อสืบสานประเพณีวัฒนธรรม ส่งเสริมพัฒนา ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการจัดทำเรือพระ

แชร์เนื้อหานี้

โปรย : ในทุกๆปี เมื่อสายลมต้นตุลาคมพัดผ่านลำน้ำในอำเภอโคกโพธิ์ก็กลายเป็นเวทีแห่งศรัทธา เรือพระลำงามล่องผ่านสายน้ำดุจสายใยแห่งความเชื่อมั่นที่เชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ‘สายใยแห่งศรัทธา ลอยผ่านสายน้ำแห่งกาลเวลา’ ไม่ใช่เพียงถ้อยคำ แต่คือจิตวิญญาณของคนในชุมชนที่ยังคงเต้นอยู่ในทุกจังหวะ ของงานชักพระ”ที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานีผู้สื่อข่าวปัตตานีรายงาน

วันที่ 8 ต.ค 2568 เวลา 17.30 น. ที่ บริเวณลานอเนกประสงค์ หน้าที่ว่าการอำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ทรงคุณวุฒิจังหวัดปัตตานี ได้มาเป็นประธาน ในพิธีเปิดงาน ประเพณีชักพระอำเภอโคกโพธิ์ ครั้งที่ 76 ประจำปี 2568

เพื่อสืบสานประเพณีวัฒนธรรม ทางศาสนาพุทธ ที่เก่าแก่ และสืบทอดมาแต่บรรพบุรุษ ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน โดยมี นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวต้อนรับ มี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี

ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปัตตานี วัฒนธรรมจังหวัดปัตตานี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี นายอำเภอโคกโพธิ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดปัตตานี หัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการการจัดงานประเพณีชักพระ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และพี่น้องประชาชน ชาวอำเภอโคกโพธิ์ เข้าร่วมจำนวนมาก และ มีเรือพระจากวัดต่าง ๆ ในจังหวัดปัตตานี เข้าร่วมงานประเพณีชักพระกว่า 42 ลำ โดยตัวเต็งในปีนี้ ฟังจากเสียงชาวบ้านมาว่า ตำบลนาประดู่ อาจจะมีสิทธิ์คว้ารางวัลชนะเลิศไปครองก็เป็นได้

สำหรับงาน ประเพณีชักพระของอำเภอโคกโพธิ์นั้นเป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ของจังหวัดปัตตานี และพี่น้องคนไทยพุทธในพื้นที่อำเภอโคกโพธิ์ ได้ร่วมกับสถาบันสงฆ์ สภาวัฒนธรรมอำเภอ

โคกโพธิ์ และ คณะกรรมการจัดงานประเพณีชักพระอำเภอโคกโพธิ์ ได้กำหนดจัดงานประเพณีชักพระอำเภอโคกโพธิ์ ครั้งที่ 76 และงานมหกรรมวัฒนธรรมของดีท้องถิ่นปัตตานี ครั้งที่ 25 ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 3 – 14 ตุลาคม 68

โดยงานนี้ จัดขึ้นบริเวณลานอเนกประสงค์หน้าที่ว่าการอำเภอโคกโพธิ์ ทั้งนี้ เพื่ออนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรม ส่งเสริมการท่องเที่ยว พัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการจัดทำเรือพระ และสืบทอดประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามด้านการดำรงอยู่ แบบผสมผสานวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชนในอดีตถึงปัจจุบันของอำเภอโคกโพธิ์

ทางด้าน นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ทรงคุณวุฒิจังหวัดปัตตานี ได้กล่าวว่า สำหรับการจัดงานนี้ ถือว่าเป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่สืบทอดกันมานาน งานชักพระอำเภอโคกโพธิ์ ของจังหวัดปัตตานีใน ถือว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ เป็นการแสดงออกถึงความรัก

ความสมานฉันท์ การได้ทำความดี การแสดงพลังความรักความสามัคคี จังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่ที่มีประชาชนอยู่ร่วมกันในลักษณะสังคมพหุวัฒนธรรม ที่มีความหลากหลายของวัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่มีความโดดเด่น ทางศิลปวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน ที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งการจัดงานประเพณีชักพระอำเภอโคกโพธิ์

นอกจากจัดเพื่อส่งเสริมประเพณี ที่ดีงามให้คงอยู่คู่ประจำอำเภอโคกโพธิ์แล้ว ยังเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการนำวัฒนธรรมมาเป็นสื่อสายใยเรียงร้อยความสัมพันธ์ให้เกิดขึ้น ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี แก่จังหวัดปัตตานีอีกด้วย

นอกจากนี้ ภายในงานมีการออกร้านค้า จำหน่ายผลิตภัณฑ์ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่อำเภอโคกโพธิ์ การประกวดขบวนของดีท้องถิ่น การแสดงจากโรงเรียนโพธิ์คีรีราชศึกษา การแสดงประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นของแต่ละชุมชน การออกร้านแสดงนิทรรศการ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์โอท็อป สินค้าอุปโภคบริโภคจากตำบล ท้องถิ่น อีกด้วย

สำหรับ เรือพระไม่ใช่เพียงงานศิลป์ แต่คือสัญลักษณ์ของการรวมใจ—ไม้แต่ละชิ้นคือความทรงจำของรุ่นก่อน ผ้าประดับคือความหวังของรุ่นใหม่ และการล่องผ่านสายน้ำคือการเดินทางของศรัทธาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง”

สำหรับงานประเพณีชักพระที่มีทุกๆปีนี้ ไม่ใช่เพียงพิธีกรรม แต่มันสื่อถึงเรื่องราวสะท้อนบทสนทนา ระหว่างอดีตกับปัจจุบัน เรือพระที่ล่องผ่านคือเรือแห่งความทรงจำ ไม้แต่ละชิ้นคือเรื่องราว

ของบรรพชน ผ้าประดับคือความฝันของลูกหลาน และเสียงกลองคือจังหวะของหัวใจที่ยังคงเต้นอยู่\ เมื่อเรามองเรือพระ เราไม่ได้เห็นแค่ศิลปะ แต่เห็นความรัก ความศรัทธา และความหวังที่ลอยผ่านสายน้ำแห่งกาลเวลา”
ตอริก สหสันติวรกุล ผู้สื่อข่าว จ.ปัตตานี

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / รองนายกฯ พิพัฒน์ เปิดงานประเพณีแห่พระแข่งเรือขึ้นโขนชิงธง มรดกวัฒนธรรมแห่งลุ่มน้ำอ.หลังสวน จ.ชุมพร ปีที่ 182

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน0818923514 วันนี้ (8 ต.ค. 68) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดกิจกรรมทางน้ำ งานประเพณีแห่พระแข่งเรือขึ้นโขนชิงธง ปีที่ 182 ชิงโล่และถ้วยพระราชทาน

มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมแห่งลุ่มน้ำหลังสวน ประจำปี 2568 เพื่อส่งเสริมและสืบสานการแข่งขันเรือยาวขึ้นโขนชิงธง เอกลักษณ์หนึ่งเดียวของประเทศไทย ณ ศาลาท่าน้ำวัดด่านประชากร (สนามแข่งขันกลางภาคใต้) แม่น้ำหลังสวน อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร

งานแห่พระแข่งเรือขึ้นโขนชิงธงถือเป็นประเพณีเก่าแก่สำคัญที่อยู่คู่กับเมืองหลังสวนมาเป็นเวลายาวนานถึง 182 ปี เป็นการส่งเสริมและสืบสานการแข่งขันเรือยาวขึ้นโขนชิงธง มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมลุ่มน้ำหลังสวน

ซึ่งเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวของประเทศไทย ที่ตัดสินแพ้-ชนะกันที่ความสามารถของนายท้ายเรือที่ต้องบังคับหัวเรือให้ตรง และนายหัวเรือที่ต้องปีนขึ้นไปบนโขนเรือเพื่อชิงธงบริเวณเส้นชัยให้ได้ หากเรือลำใดเข้าเส้นชัยก่อนแต่นายหัวเรือปีนโขนเรือขึ้นไปคว้าธงไม่ได้ หรือคว้าธง

ได้แต่พลัดตกน้ำจะถูกตัดสินว่าเป็นผู้แพ้ แตกต่างจากการแข่งขันเรือยาวของที่อื่นที่ตัดสินกันที่เรือลำใดเข้าสู่เส้นชัยได้ก่อนเท่านั้น ทำให้ได้รับตรา UNSEEN THAILAND และ “ธงหนึ่งในสยาม” จาก ททท. เมื่อปี 2547 นอกจากนี้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม

ยังได้ประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2561 ให้ประเพณีการแข่งขันเรือยาวขึ้นโขนชิงธงของ อ.หลังสวน เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของประเทศด้านการเล่นพื้นบ้าน กีฬาพื้นบ้าน และศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว

สำหรับการแข่งเรือขึ้นโขนชิงธง ชิงโล่และถ้วยพระราชทานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมแห่งลุ่มน้ำหลังสวน ประจำปี 2568 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 12 ตุลาคม 2568 มีเรือที่เข้าร่วมการแข่งขัน จำนวน 5 ประเภท ประกอบด้วย เรือยาวประเภท ก (30 – 32 ฝีพาย)

เรือยาวประเภท ข (30 – 32 ฝีพาย) ใช้ฝีพายท้องถิ่น เรือยาวประเภทเรือนักเรียนและเยาวชน เรือยาวประเภทประชาชนภายในตำบล และเรือยาวประเภทเรืออนุรักษ์ (เรือขุด)

นอกจากนี้ยังมีการประกวดเรือประเภทต่าง ๆ ได้แก่ เรือพระบก เรือสวยงาม เรือพระน้ำเรือประเภทความคิด เรือประเภทตลกขบขัน และการประกวดกองเชียร์ริมฝั่งอีกด้วย

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ครอบครัวพาณิชย์พิศาล พร้อมพุทธศาสนิกชนร่วมตักบาตรเทโว ออกพรรษา / สมุทรปราการ ชาวบางพลีแห่ตักบาตรเทโวโรหณะวันออกพรรษา

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อช่วงเช้า วันที่ 8 ตุลาคม 2568 ที่วัดมหาวงษ์ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ บรรยากาศเปี่ยมด้วยศรัทธาและความอบอุ่น เมื่อครอบครัวพาณิชย์พิศาล

พร้อมพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก ร่วมทำบุญตักบาตรเทโว เนื่องในวันออกพรรษา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว โดยมี อาสาสมัครชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา คอยให้บริการและดูแลความเรียบร้อย

ประเพณีตักบาตรเทโว หรือ “เทโวโรหณะ” จัดขึ้นในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 เพื่อรำลึกถึงวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์หลังเทศนา

โปรดพระพุทธมารดา เป็นพิธีที่พุทธศาสนิกชนร่วมกันสืบสานอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงความศรัทธา ความสามัคคี และการร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยอันงดงาม


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ


เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 8 ตุลาคม 2568 ที่ วัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พระวชิรคณาทร (ท่านเจ้าคุณแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง จัดงานทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ เนื่องในวันออกพรรษาประจำปี 2568

สื่อสารขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม โดยมี นางสาววีร์สุดา รุ่งเรือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร พนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะศิษย์ยานุศิษย์ ตลอดจนพุทธศาสนิกชนชาวตำบล บางพลีใหญ่ และพื้นที่ใกล้เคียง

เข้าร่วมภายในงานกันเป็นจำนวนมาก คณะสงฆ์เดินรับบาตร ร่วมกันทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ รับบิณฑบาตข้าวสารอาหารแห้งจากพี่น้องประชาชน ที่มาร่วมในพิธี หลังวันออกพรรษา 1 วัน คือ วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 จะมีประเพณีทำบุญตักบาตร ที่เรียกกันว่า “ตักบาตรเทโว” คำว่า “เทโว” ย่อมาจาก “เทโวโรหณะ” แปลว่า

การเสด็จจากเทวโลก สืบเนื่องจากความเชื่อตามตำนานที่ว่า วันนี้เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธองค์เสด็จลงจากเทวโลก หลังเสด็จกลับจากการโปรดพระพุทธมารดา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
พระวชิรคณาทร (ท่านเจ้าคุณแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง กล่าวว่า

การจัดงานทำบุญตักบาตรเทโวโรหนะ เนื่องในวันออกพรรษา ในครั้งนี้ เพื่ออนุรักษ์ประเพณีอันดีงามและสืบทอดพระพุทธศาสนาที่ชาวไทย ยึดถือปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาเป็นเวลานาน ให้คงอยู่สืบไป


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผอ.กองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. รุดเยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บ-ผู้ประกอบการ จากเหตุปล้นร้านทองห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 7 ตุลาคม 2568 นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเยียวยา ศอ.บต. และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือเยียวยาจังหวัด/อำเภอ พื้นที่จังหวัดนราธิวาส ลงพื้นที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เข้าเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 18.30 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน บุกปล้นร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาสุไหงโก-ลก พร้อมอาวุธครบมือ และได้วางวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด อีกทั้งโรยตะปูเรือใบตามเส้นทาง เพื่อสกัดกั้นเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวจำนวน 2 ราย

ในการนี้ นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ได้พูดคุยให้กำลังใจ พร้อมมอบกระเช้าเยี่ยมในนาม เลขาธิการ ศอ.บต. เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย สิบเอก บุริศวร์ ระดาชัย อายุ 27 ปี ได้รับบาดเจ็บ ถูกกระสุนปืนแฉลบบริเวณคอ กระสุนเข้าที่หน้าอกขวา และถูกกระสุนปืนบริเวณขา แพทย์ได้ทำการตกแต่งบาดแผล เจาะปอดระบาย และให้ออกซิเจนทางจมูก ขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว และ

นายจีรศักดิ์ เปาะหนิ อายุ 30 ปี ยังมีอาการตกใจ อ่อนเพลีย รู้สึกตัวดี เนื่องจากถูกคนร้ายจับเป็นตัวประกัน แพทย์ให้การดูแลและประเมินอาการทางสุขภาพจิตทั้งนี้ ศอ.บต. ได้ชี้แจงสิทธิการช่วยเหลือเยียวยา ซึ่งการช่วยเหลือเยียวยาเป็นไปตามเอกสารรับรองแพทย์ระบุระดับความรุนแรงการบาดเจ็บ และจะได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดต่อไป

ต่อมา เวลา 15.00 น. ณ ห้างสรรพสินค้า บิ๊กซีสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเยียวยา ศอ.บต. และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือเยียวยาจังหวัด/อำเภอ ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายด้านทรัพย์สิน พร้อมมอบกระเช้าเยี่ยมในนาม เลขาธิการ ศอ.บต.

เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ประกอบการ จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย นางสาวอรุณ สุทธิสถิตย์ ผู้จัดการร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ประจำภาคใต้ และ นายเฉลิมชัย โยธาทิพย์ ผู้จัดการห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาสุไหงโก-ลก เบื้องต้นมีทรัพย์สินเสียหายประเภทตู้กระจก และประเภททองที่ถูกเอาไป ประมาณ 400 บาท ซึ่งทางร้านกำลังตรวจสอบความเสียหายเพิ่มเติม

ทั้งนี้ นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ได้ชี้แจงให้รับทราบเกี่ยวกับการช่วยเหลือเยียวยา ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการและหลักเกณฑ์ที่กำหนด ในส่วนภาครัฐจะเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินความเสียหายด้านทรัพย์สิน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนระดับอำเภอและจังหวัดต่อไป และหากผู้ประกอบการอื่นที่มีทรัพย์สินเสียหาย ให้รวบรวมหลักฐานและแจ้งต่อศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือเยียวยาอำเภอโดยเร็ว

นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนว่า ในมุมของหน่วยงานภาครัฐ ยืนยันว่า เราดูแลพี่น้องประชาชนรวมถึงผู้ประกอบการอย่างเต็มที่ ฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า แม้จะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม บ้านเมืองต้องเดินหน้าต่อไป วันนี้ห้างสรรพสินค้า ยังคงมีคนมาใช้บริการตามปกติ ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยังมีผลอยู่บ้าง แต่เชื่อว่า ในอีกระยะหนึ่งก็คงกลับมาเป็นปกติ ในส่วนของ ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการจัดกิจกรรมในลักษณะการขับเคลื่อนกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดจะมีการขับเคลื่อนในพื้นที่สุไหงโก-ลก คิดว่าจะฟื้นความเชื่อมั่นกลับมาได้ในเร็ววัน
ตอริก สหสันติวรกุล รายงาน

จัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระ คล้ายวันเกิด ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่ฯ 4 กันยายน 2568

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (4 ก.ย.) ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือฉวีวรรณ ผู้ส่งออกเนื้อไก่รายใหญ่ของไทย ได้จัดพิธีทำบุญครบรอบวันคล้ายวันเกิดอายุวัฒนมงคล ณ สโมสรฉวีวรรณกรุ๊ป (แห่งใหม่)

ตั้งอยู่ใน ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พร้อมจัดพิธีสืบชะตาแบบล้านนาเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยได้นิมนต์เจ้าประคุณสมเด็จพระธีรญาณมุนี

เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) เจ้าคุณธงชัย เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นประธานฝ่านสงฆ์ และมี

นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้วอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายธวัชชัย ศรีทอง ตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี สังกัด สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี นางเดชา จันทร์เล็ก นายเอกสิทธิ์ อ่ำฉอ้อน

สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เขตอำเภอศรีราชา พร้อมด้วย นายอโนทัย เจริญสันติสุข คณะที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การบริหารนโยบายนายกอบจ.ชลบุรี และมีหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานเอกชน ประชาชนผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือและหน่วยงานต่างๆ

จากทั่วประเทศทึ่ได้รับการสนับสนุนจาก ดร.ฉวีวรรณ ทั่วสารทิศ เดินทางเข้าอวยพรวันเกิดเป็นจำนวนมาก ขณะที่ ดร.ฉวีวรรณ คำพา เผยว่าการช่วยเหลือสังคมและผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากเป็นสิ่งที่ตนยินดีทำและยึดมั่นมาโดยตลอด ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่านอกจากการ

จัดพิธีทำบุญและพิธีสืบชะตาแบบล้านนาที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีแล้ว ในทุกวันคล้ายวันเกิดอายุวัฒนมงคล ดร.ฉวีวรรณ คำพา จะมอบทุนบำรุงสถานศึกษาทั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นประจำทุกปี และในปีนี้มีโรงเรียนและสถานศึกษาที่ขอทุนเกือบ 2 ล้านบาท

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดกิจกรรม “วิ่งไป เที่ยวไป กับแม่บ้านมหาดไทย” เพื่อส่งเสริมสุขภาพ และ การท่องเที่ยวใน จ.ชุมพร /เร่งช่วยชาวไทยพลัดถิ่น ที่ยังไม่มีสัญชาติไทย

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 เมื่อเวลา 16.45 น.วันที่ 5 ตุลาคม 2568 ท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวเทศบาลตำบลปากน้ำชุมพร นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร

พร้อมด้วย นางพณณกร ชูกิตติวิบูลย์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดชุมพร ร่วมกันเป็นประธานเปิดกิจกรรม “วิ่งไป เที่ยวไป กับแม่บ้านมหาดไทยชุมพร มีหัวหน้าส่วนราชการและข้าราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย

รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการและข้าราชการของหน่วยงานต่างๆ ตลอดจนผู้ที่รักและชื่นชอบการออกกำลังกาย ร่วมกิจกรรมกว่า 300 คน โดยเริ่มต้นวิ่งที่ท่าเทียบเรือฯ ไปรอบตัวเมืองปากน้ำชุมพร กลับมาสิ้นสุดที่ท่าเทียบเรือฯ ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร

ผู้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ยังมีโอกาสถ่ายภาพสวยๆ ที่ชุมชนปากน้ำชุมพร ชม Street Art แลนด์มาร์กใหม่ของเมือง เที่ยว, ชม, ชิม, ช้อป ที่ “หลาดแค่เล” (ตลาดริมทะเล) และสามารถร่วมสนุก (ลุ้นรางวัล) ด้วยการสวมเสื้อ

โครงการฯ ออกไป วิ่งหรือเดิน ที่แลนด์มาร์ก/สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดชุมพร แล้วโพสต์ภาพลงใน Facebook ส่วนตัว (ตั้งค่าเป็น สาธารณะ) ติด แฮชแท็ก ให้ครบ #วิ่งไปเที่ยวไปกับแม่บ้านมหาดไทย #สถานที่วิ่ง

จังหวัดที่วิ่ง เพื่อร่วมลุ้นรางวัลเที่ยวฟรี! ช่วงเวลาลุ้นรางวัลตั้งแต่วันนี้ – 26 ตุลาคม 2568 ถือเป็นโอกาสที่ดีในการออกกำลังกายและโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดชุมพรไปพร้อม ๆ กันเลย

เร่งช่วยชาวไทยพลัดถิ่น ที่ยังไม่มีสัญชาติไทย ยังไม่ได้รับบัตรประชาชนคนไทย

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514ชาวไทยพลัดถิ่น ขอภาครัฐเร่งแก้ปัญหาสิทธิคนไทย หลังตกอยู่ฝั่งพม่าจากการถูกปันเขตแดนสยาม เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 5 ต.ค 68 ที่โรงเรียนบ้านร้านตัดผม หมู่ที่ 4 ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร

นายหนูไกร วงธรรม กำนันตำบลสองพี่น้อง พร้อมด้วย นายชาญณรงค์ เสนเผื่อก อดีตกำนัน นายสายัณห์ สุธานินทร์ อดีตกำนัน นายสมพูล มีสุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านทรายขาวหมู่ 1 ต.สองพี่น้อง นายสุชน สินสมบูรณ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร พร้อมด้วยผู้ประสานงานนายนพพร อุสิทธิ์ นายก อบจ.ชุมพร นายปรีชา มีสุวรรณ นายก อบต.สองพี่น้อง พร้อมด้วยคณะบริหารและสมาชิกสภา ฯ นายทวีวัฒน์ เครือสาย นายกสมาคมประชาสังคมจังหวัดชุมพร

ได้ร่วมประชุมกับ ชาวไทยพลัดถิ่น ที่ยังไม่มีสัญชาติไทย ยังไม่ได้รับบัตรประชาชนคนไทย เพื่อรับฟังปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น และ ร่วมกัน แก้ไขปัญหา โดยมีชาวไทยพลัดถิ่นที่เดินทางมาร่วมประชุม ในส่วนที่มีบัตรขึ้นต้นด้วยเลข 0 เลข 6 เลข 077 และอื่นๆ จำนวน 250 คน คนที่ยังไม่มีบัตรอะไรเลยจำนวน 289 คน และบัตรตัว G ที่เป็นนักเรียนนักศึกษา 4 คน ที่ เข้าร่วมประชุม โดยเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐออกเอกสารบัตรประชาชนเพื่อจะได้รับสิทธิคนไทยโดยเท่าเทียมกัน

สำหรับความเป็นของของชาวไทยพลัดถิ่น เมื่อปี พ.ศ.2411 ยุคล่าอาณานิคมอังกฤษได้เข้าครอบครองพม่าโดยขอดินแดนตอนใต้ฝั่งตะวันตกของสยามคือ มะริด ทวาย ตะนาวศรี ให้เป็นของอังกฤษ ทำสนธิสัญญาแบ่งแยกดินแดน ทำให้สยามเสียดินแดนบริเวณดังกล่าวไป ส่งผลให้คนไทยที่อาศัยอยู่ในดินแดนนั้นติดไปกับดินแดน แต่คนไทยพลัดถิ่นไม่ได้สูญเสียความเป็นไทย บรรพบุรุษปลูกฝังความเป็นไทยอย่างเหนียวแน่นมาหลายชั่วอายุคน

แต่หลังจากประเทศพม่าได้อิสรภาพจากอังกฤษเมื่อปี พ.ศ. 2491 และเกิดรัฐบาลทหารพม่าปกครองแบบเผด็จการทหาร ส่งผลด้านลบต่อชนกลุ่มน้อยของประเทศพม่าทุกกลุ่ม กลุ่มคนไทยที่ติดแผ่นดินอยู่ในฝั่งพม่าได้รับความลำบาก บางส่วนจึงอพยพโยกย้ายกลับเข้ามายังแผ่นดินไทย มาอยู่กับญาติพี่น้องในฝั่งไทย ในพื้นที่จังหวัดระนอง ชุมพร

และ ประจวบคีรีขันธ์ พวกเขาพูดไทยปักษ์ใต้ มีวัฒนธรรมประเพณีเหมือนไทยปักษ์ใต้ แต่ปัญหาของการไม่มีบัตรประชาชนไทย ทำให้คนไทยพลัดถิ่น ไม่สิทธิตามความเป็นพลเมืองไทยในแง่ของกฎหมาย บางครั้งถูกจับกุม คุมขังข้อหาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง เผชิญปัญหาสารพัน แต่บางส่วนมีญาติพี่น้องที่สามารถยืนยันผังเครือญาติได้ ก็ได้รับสิทธิ์เป็นคนไทย

อย่างไรก็ดีในครั้งนี้ได้มีการสะท้อนปัญหาต่างๆที่เกิดกับชาวไทยพลัดถิ่นเช่น การไม่ได้รับสิทธิ์ต่างๆจากทางภาครัฐ การมีบ้านไม่สามารถขอบ้านเลขที่ได้ มีที่ดินก็ไม่มีสิทธิครอบครอง เจ็บป่ายก็ต้องจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลเอง ลูกเรียนหนังสือก็ไม่มีสิทธิ์รับในปริญญา เรียนจบไม่สามารถสอบเข้างานราชการ หรืองานบริษัทได้ เพราะไม่มีบัตรประชาชน และยังขาดสิทธิต่างๆอีกมายมาย

ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร้องขอการขอมีบัตรประชาชนกับสำนักทะเบียนอำเภอท่าแซะ และได้รับบัตรประชาชนไปแล้วกว่า 1,000 คน แต่ส่วนหนึ่งยังไม่ได้รับ เนื่องจากมีชาวไทยพลัดถิ่นจำนวนมาก ที่ต้องรอสอบผังเครือญาติ รอการตรวจ ดีเอ็นเอ จากสำนักนิติวิทยาศาสตร์ ล่าสุด

นายนพพร อุสิทธิ์ นายก อบจ.ชุมพร จึงมอบหมายให้ นายกิตติศักดิ์ พรหมรัตน์ เลขา นายก อบจ.ชุมพร นำลูกจ้างจำนวน 2 คน เข้าช่วยงานสำนักทะเบียนอำเภอท่าแซะ เพื่อเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานในการจัดเรียงเอกสารให้กับสำนักทะเบียนในการเรียกผู้ที่มีรายชื่ออยู่มาสอบปากคำดำเนินการตามขั้นตอนการขอรับสิทธิ์คนไทยได้เร็วยิ่งขึ้น


สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อบจ.สมุทรปราการ จัดแข่งกีฬาสานสัมพันธ์การแข่งกีฬาสานสัมพันธ์ครอบครัว คณะผู้บริหารอบจ. หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน สมุทรปราการ ประจำปี 2568

แชร์เนื้อหานี้

อบจ.สมุทรปราการ จัดแข่งกีฬาสานสัมพันธ์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ได้จัดการแข่งกีฬาสานสัมพันธ์ครอบครัว อบจ.สมุทรปราการ ประจำปี 2568 เพื่อสร้างความสัมพันธ์ ความรัก และความสามัคคี ระหว่างคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา อบจ.หัวหน้าส่วนราชการ และฝ่ายกองงานต่างๆ ของ อบจ.สมุทรปราการ

วันที่ 4 ตุลาคม 2568 ที่สนามกีฬา อบจ.สมุทรปราการ ซอยวัดราษฎร์โพธิ์ทอง ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ได้จัดการแข่งขันกีฬาสานสัมพันธ์ครอบครัว อบจ.สมุทรปราการ ประจำปี 2568

โดยมีนายสุนทร ปานแสงทอง นายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธาน เปิดงาน และมี นายสิทธิชัย เกษรสิทธิ์ ปลัด อบจ.สมุทรปราการ กล่าวรายงาน โดยมีคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา อบจ.หัวหน้าส่วนราชการ และฝ่ายกองงานต่างๆ เข้าร่วมกิจกรรม

เพื่อสร้างความสัมพันธ์ ความรัก และความสามัคคี ความผูกพัน และการทำงานเป็นทีมขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ภายในงานมีขบวนพาเหรดที่สวยงาม เข้าสู่สนามกีฬา อบจ.ประกอบไปด้วย สีเหลือง ภายใต้การดูแลของ

นายสิทธิชัย เกษรสิทธิ์ ปลัด อบจ. สมุทรปราการ สีฟ้า นายวรพร อัศวเหม รองนายก อบจ.สมุทรปราการ สีเขียว นายอัครวัตน์ อัศวเหม รองนายก อบจ.สมุทรปราการ และ สีชมพู ภายใต้การดูแลของนายต่อศักดิ์ อัศวเหม รองนายก อบจ.สมุทรปราการ

จากนั้น เป็นการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง การแข่งชันแชร์บอลหญิง การแช่งกีฬาพื้นบ้าน ประเภทกีฬาตีกอล์ฟมะเขือยาว กีฬาปิดตาตีปี๊บ และกีฬากินวิบาก

และการแข่งขันฟุตชอลหญิง การแข่งขันประเภทกองเชียร์ การแข่งขันฟุตซอลชาย การแช่งกีฬาพื้นบ้าน ประเภทวิ่ง 3 ขา การแข่งขันกีฬาชักเย่อ และการแข่งขันกีฬาฟุตซอล VIP

โดยมีคณะผู้บริหาร และสมาชิกสภา อบจ. หัวหน้าส่วนราชการ ฝ่ายกองงานต่างๆ ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างพร้อมเพรียง โดยใช้งบประมาณส่วนตัวของนายสุนทร ปานแสงทอง นายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ

ส่วนช่วงเย็นได้มีงานเลี้ยงสังสรรค์สานสัมพันธ์ครอบครัว อบจ.สมุทรปราการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน

ผู้ใหญ่บ้าน แขกผู้มีเกียรติ โดยมี นายสุนทร ปานแสงทอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานกล่าวเปิดงานเลี้ยงสังสรรค์

พร้อมด้วย นายอัครวัฒน์ อัศวเหม นายวรพร อัศวเหม นายต่อศักดิ์ อัศวเหม รองนายก อบจ.สมุทรปราการ พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต

ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ และนายสิทธิชัย เกษรสิทธิ์ ปลัด อบจ.สมุทรปราการ ได้ร่วมขึ้นร้องเพลงภายในงานบรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนานและเป็นกันเอง


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดการประกวดเมนูอาหารพื้นถิ่น ยกระดับสู่อาหารเพื่อสุขภาพ สร้างเสน่ห์การท่องเที่ยวเชิงอาหาร Gastronomy tourism

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2568 จังหวัดน่าน โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน และภาคีเครือข่าย จัดกิจกรรม การประกวดเมนูอาหารพื้นถิ่นจังหวัดน่าน ระดับจังหวัด ภายใต้โครงการเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันและยกระดับการ

ท่องเที่ยวน่านสู่การท่องเที่ยวคุณภาพสูง ณ ข่วงเมืองน่าน (ข่วงน้อย) อำเภอเมืองน่าน โดยมีนางวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธี ซึ่งมีนางสาวนพรัตน์ ศตะรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน ให้การต้อนรับ

การจัดงานครั้งนี้มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) เพื่อยกระดับอาหารพื้นบ้านสู่อาหารเพื่อสุขภาพ (อาหารเป็นยา) ต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่เมนูร่วมสมัย พร้อมสร้างคุณค่าใหม่ให้แก่วิถีชีวิต วัฒนธรรม และเศรษฐกิจชุมชนในจังหวัดน่าน

อีกทั้งเพื่อยกระดับอาหารพื้นเมืองสู่อาหารเพื่อสุขภาพจากภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างมาตรฐานด้านความสะอาด ปลอดภัย และโภชนาการในเมนูพื้นบ้าน พัฒนาอาหารพื้นถิ่นให้เป็นสินค้าวัฒนธรรมที่สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว ส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยวเชิงอาหาร เพิ่มรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน

การประกวดเมนูอาหารพื้นถิ่นระดับจังหวัด โดยมีทีมผู้ชนะจากระดับอำเภอทั้ง 14 ทีมเข้าร่วม นำเสนอเมนูอัตลักษณ์ อาทิ แกงแคไก่บ้าน, น้ำพริกรวมเห็ดหมูสับ, เมี่ยงคำปลา 3 รส, ลาบไก่ประดู่หางดำ, แกงหยวกกล้วยใส่ไก่บ้าน และเมนูพื้นบ้านอีกหลากหลาย ซึ่งการประกวดครั้งนี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมอาหารพื้นบ้านของชาวน่าน แต่ยังเป็นเวทีสำคัญ

ในการสร้างคุณค่าใหม่ให้กับอาหารท้องถิ่น เชื่อมโยงสู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดในอนาคตต่อไปผลการประกวดชนะเลิศ อำเภอเวียงสา ทีมส้านสร้างสุข ล๊ำลำ เมนูเมี่ยงคำปลา 3 รสรองชนะเลิศอันดับที่ 1 อำเภอสองแคว ทีมตำบลยอด เมนูแกงแคไก่รองชนะเลิศอันดับที่ 2 อำเภอสันติสุข

ทีมแม่ครัวตำบลดู่พงษ์ เมนูแกงแคไก่บ้านชมเชย อำเภอเมืองน่าน ทีมแม่บ้านผาตูบหมู่ 7เมนูแกงแคไก่บ้านชมเชย อำเภอปัว ทีมบ้านเสี้ยว เมนูแกงแคไก่เมนูยอดนิยม อำเภอนาหมื่น ทีมกลุ่มทำอาหารบ้านวังน้ำเย็น เมนูแกงยอดต๋าวใส่ไก่เมือง/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ ร.ต.อ.สถิตย์ ศรีประสม รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / นราธิวาสคึกคัก! เปิดฉากงาน “NARA มาหาสนุก มหกรรมการค้า 2025 @ สีสันเมืองนรา” ดันเศรษฐกิจ ชวนประชาชน-นักท่องเที่ยว ช็อป ชิม ชม สินค้า

แชร์เนื้อหานี้

นราธิวาสคึกคัก! เปิดฉากงาน “NARA มาหาสนุก มหกรรมการค้า 2025 @ สีสันเมืองนรา” ดันเศรษฐกิจชายแดน เพิ่มรายได้ผู้ประกอบการ ชวนประชาชน-นักท่องเที่ยว ช็อป ชิม ชม สินค้าและการแสดงตลอดที่บริเวณลานนกเงือก เขื่อนท่าพระยาสาย อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส

นายกฤษณนันท์ กำไร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดงานกิจกรรมมหกรรมการค้าชายแดน “NARA มาหาสนุก มหกรรมการค้า 2025 @ สีสันเมืองนรา” ภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดนจังหวัดนราธิวาส ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมีนางนฤมล แก้วมุกดากุล พาณิชย์จังหวัดนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนประชาชนในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

นางนฤมล กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างรายได้และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์การท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ และสร้างความมั่นใจในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในจังหวัด

โดยภายในงานมีผู้ประกอบการเข้าร่วมกว่า 100 คูหา แบ่งเป็นผู้ประกอบการจากจังหวัดนราธิวาส 58 ราย ปัตตานีและยะลา 18 ราย และจากจังหวัดอื่น ๆ อีก 24 ราย ครอบคลุมทั้งสินค้า OTOP, SMEs, วิสาหกิจชุมชน และร้านอาหารท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเสริมสร้างความคึกคัก อาทิ จุดถ่ายภาพเช็คอิน การแสดงศิลปวัฒนธรรมและการแสดงร่วมสมัย

รวมถึงโชว์พิเศษจากศิลปินนักร้อง การแจกคูปองเงินสด และลุ้นรับรางวัลใหญ่ ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าและทองคำตลอดการจัดงานนายกฤษณนันท์ กำไร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า โครงการนี้ถือเป็นการต่อยอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากงบประมาณเหลือจ่ายประจำปี 2568 เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาด ยกระดับรายได้ผู้ประกอบการ สนับสนุนภาพลักษณ์สินค้า และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดให้เติบโตอย่างยั่งยืน

สำหรับงาน “NARA มาหาสนุก มหกรรมการค้า 2025 @ สีสันเมืองนรา” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 ตุลาคม 2568 ณ ถนนภูผาภักดี โซนถนนคนเดิน และลานนกเงือก เขื่อนท่าพระยาสาย อำเภอเมืองนราธิวาส โดยมีการประดับแสงไฟสีสันสวยงามตลอดงาน ทำให้บรรยากาศยามค่ำคืนเต็มไปด้วยสีสันและความคึกคักจากผู้คนที่หลั่งไหลมาเที่ยวชมสินค้า ชิมอาหาร และร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นงานสำคัญที่ช่วยสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดนของจังหวัดได้อย่างเป็นรูปธรรม
//////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส