คลังเก็บหมวดหมู่: กิจกรรมเพื่อสังคม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / งานประเพณีบุญบั้งไฟ ปี46 ประจำปี 2568 ต.ภูเขาทอง อ.สุคิริน สืบสานประเพณีโบราณ คนอีสาน มาอาศัยปลายด้ามขวาน นราธิวาส

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ 14 มิ.ย.68 ณ ลานอเนกประสงค์บ้านโต๊ะโมะ หมู่ที่ 3 ตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดงานประเพณีบุญบั้งไฟ ประจำปี 2568 ตามโครงการส่งเสริมและ

พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและวัฒนธรรม ที่จัดต่อเนื่องมาอย่างยาวนานปีที่ 46 ซึ่งมี หัวหน้าส่วนราชการนายอำเภอสุคิริน รักษาราชการแทนท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนราธิวาส นายกองค์การบริหารส่วนตำบลภูเขาทอง ตลอดจนผู้เกี่ยวข้อง นักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ร่วมกิจกรรมฯ

ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า
งานประเพณีบุญบั้งไฟสุคิริน หนึ่งเดียว ที่เดียวในภาคใต้ เป็นงานที่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยจากกรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ต่างพร้อมใจมาสัมผัสกับเสน่ห์แห่งวัฒนธรรมอีสานของไทยด้วยตนเอง เป็นยกระดับการท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน ขณะที่ จังหวัดนราธิวาสพร้อมสนับสนุนให้จัดกิจกรรมดีๆอย่างนี้ ต่อเนื่อง

สำหรับงานประเพณีบุญบั้งไฟ กำหนดจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 13 -15 มิ.ย. 68 กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย ขบวนแห่บั้งไฟ ของแต่ละชุมชน มีการแสดงฟ้อนของภาคอีสาน การรำวงเวียนครก การจุดบั้งไฟหมื่น บั้งไฟแสน บั้งไฟตะไล

และไฮไลท์ของงาน คือการแข่งขันบั้งไฟที่หาชมได้ยากในพื้นที่ภาคใต้ นอกจากนี้มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมชุมชนพื้นถิ่น ส่งผลให้บรรยากาศของงานเป็นไปอย่างสนุกสนาน อบอวลด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมทางภาคอีสานในพื้นที่ปลายด้ามขวาน และรอยยิ้มของชาวบ้านที่ร่วมกันสืบสานประเพณีฯ

โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนราธิวาส ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลภูเขาทอง ที่ทำการปกครองอำเภอสุคิริน หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนได้ร่วมกันจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ ขึ้น เพื่อสืบสานประเพณีโบราณของ ประชาชนภาคอีสาน 8 หมู่บ้าน ที่มาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่อำเภอสุคิริน มาเป็นเวลานานสำหรับประเพณีบุญบั้งไฟ ตำบลภูเขาทอง

นับตั้งแต่ชาวภาคอีสานได้ย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากอยู่ที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้ตั้งแต่ปี 2518 โดยประชากรร้อยละ 98 เปอร์เซ็นเป็นชาวไทยจากภาคอีสาน โดยได้นำประเพณีอันดีงามของบรรพบุรุษติดตัวมาด้วย ปัจจุบันประเพณีบุญบั้งไฟที่นี่ได้รับการส่งเสริมจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนโดยเฉพาะชาวบ้านตำบลภูเขาทองได้ร่วมกันอนุรักษ์และสานต่อจากรุ่นสู่รุ่น นับเป็นงานบุญบั้งไฟที่ยิ่งใหญ่แห่งเดียวในภาคใต้
////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ”บิ๊กแป๊ะ-สนธยา“ จัดงาน “รวมใจเป็นหนึ่ง เป็นที่พึ่งประชาชน” วางกรอบ “บางละมุงโมเดล“ บูรณาการทำงานพัฒนาท้องถิ่นร่วมกันอย่างไร้รอยต่อ

แชร์เนื้อหานี้

ค่ำวันที่ 14 มิ.ย.68 นายสนธยา คุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดงาน “รวมใจเป็นหนึ่ง เป็นที่พึ่งประชาชน” ซึ่งเป็นงานเลี้ยงบุฟเฟต์อาหารค่ำและความบันเทิงเพื่อแสดงความยินดีองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอบางละมุงทั้งหมดทุกเทศบาลรวมเมืองพัทยา ที่ได้รับการเลือกตั้งและได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. อย่างเป็นทางการ และเพื่อบูรณาการทำงานพัฒนาท้องถิ่นร่วมกันอย่างไร้รอยต่อโดยมีคณะผู้บริหารและสมาชิกจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเครือบ้านใหญ่ชลบุรี เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ประกอบด้วย เทศบาลเมืองหนองปรือ นำโดย นายวินัย อินทร์พิทักษ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหนองปรือ, เทศบาลตำบลห้วยใหญ่ นำโดย นายไพรัตน์ ไตรศุภโชค นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลห้วยใหญ่, เทศบาลตำบลหนองปลาไหล นำโดย นายยศพงศ์ ลินทอง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหนองปลาไหล,

เทศบาลตำบลโป่ง นำโดย นายอนุชา เพียรใจ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลโป่ง, เทศบาลตำบลตะเคียนเตี้ย นำโดย นายมิตชัย ประกอบธรรม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลตะเคียนเตี้ย, เทศบาลตำบลบางละมุง นำโดย นายนราธิป ฟักฤกษ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบางละมุง, เมืองพัทยา นำโดย นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ตลอดจนตัวแทนองค์การบริหารส่วนตำบลเขาไม้แก้ว ที่กำลังจะเปลี่ยนฐานะเป็นเทศบาลในเร็วๆ นี้ พร้อมกันนี้ นายศักดิ์สิทธิ์ ธีระพรสถานนท์ นักธุรกิจชื่อดังเมืองพัทยา นายมีชัย อินทร์พิทักษ์ ประธานคณะทำงานนายกเมืองพัทยา และนายชาญยุทธ เฮงตระกูล ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ร่วมสนับสนุนและแสดงความยินดี

รวมทั้ง คณะกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และอำเภอบางละมุง นำโดย นายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอบางละมุง คณะจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี และข้าราชการในพื้นที่อำเภอบางละมุง เข้าร่วมงานอย่างคึกคัก โดยสถานที่จัดขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยง โรงแรมทรีซิกตี้ไฟว์ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งบรรยากาศของงานเป็นไปอย่างสนุกสนานและเป็นกันเอง

นายสนธยา คุณปลื้ม ในฐานะประธานจัดงาน “รวมใจเป็นหนึ่ง เป็นที่พึ่งประชาชน” กล่าวว่า คณะผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกคนมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการเข้ามาทำงานพัฒนาท้องถิ่นรับใช้ประชาชนชาวอำเภอบางละมุง ทุกเทศบาลรวมทั้งเมืองพัทยา โดยจะมีการร่วมมือกันบูรณาการพัฒนาพื้นที่อย่างเป็นภาพรวมสู่การเป็นบางละมุงโมเดลที่มีการทำงานอย่างไร้รอยต่อ เพื่อพัฒนาอำเภอบางละมุง และจังหวัดชลบุรี ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ​เหล่ากาชาดมุกดาหาร จัดโครงการวันผู้บริจาคโลหิตโลก ประจำปี 2568 รณรงค์และเสริมสร้างพลังคนรุ่นใหม่ / เตือนภัย!!​ อย่าหลงเชื่อหมอดูแขก อาละวาด ดูดวงแลกเงิน 599 บาท

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 13 มิถุนายน 2568 เวลา 09.30 น. ณ หอประชุม 250 ปี มุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานพิธีเปิดโครงการวันผู้บริจาคโลหิตโลก ประจำปี 2568 ด้วยเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร

ร่วมกับโรงพยาบาลมุกดาหาร ออกหน่วยรับบริจาคโลหิตตามโครงการวันผู้บริจาคโลหิตโลก ประจำปี 2568 เพื่อเป็นการรณรงค์และเสริมสร้างพลังคนรุ่น

ใหม่ ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นผู้บริจาคโลหิต โดยโลหิตที่ได้จะต้องเป็นโลหิตที่ปลอดภัย และเพียงพอต่อความต้องการของผู้ป่วย รวมทั้งยังเสริมสร้างคนรุ่นใหม่ เป็นผู้บริจาคโลหิตเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย

ทั้งนี้ในวันที่ 14 มิถุนายน องค์กรต่างๆ ทั่วโลกจะร่วมกันเฉลิมฉลองวันผู้บริจาคโลหิตโลก ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการบริจาคโลหิตต่ออุตสาหกรรมสุขภาพ

เนื่องจากโลหิตสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการบำบัดด้วยพลาสมา การวิจัย หรือการใช้ในกรณีฉุกเฉิน การบริจาคโลหิตถือเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยเหลือโลกมาหลายครั้งแล้ว เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

มุกดาหาร-เตือนภัย!!​ อย่าหลงเชื่อหมอดูแขก อาละวาด ดูดวงแลกเงิน 599 บาท

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568​ เฟสบุ๊คกลุ่ม ที่กิน ที่เที่ยว ที่พัก จังหวัดมุกดาหารได้โพสต์เตือนภัยโดยระบุข้อความว่า ทุกคน เจอคนลักษณะหน้าตาออกไปทางแขก อย่าอนุญาตให้เข้าบ้าน,ร้านค้าเด็ดขาดนะคะ แจ้งความอย่างเดียว ซึ่งต่อมาได้มีคนเข้ามาชี้เบาะแสพร้อมกับโพสต์แจ้งเกี่ยวเรื่องดังกล่าวโดยระบุว่าตอนนี้มีกลุ่มชายคล้ายแขกเดินไปทั่วเมืองมุกดาหาร เพื่อดูดวงพร้อมกับแรกค่าครูดูดวง

ผู้สื่อข่าวได้กล้องวงจรปิดจากร้านกาแฟแห่งหนึ่งซึ่งเผยให้เห็นพฤติกรรมของชายคนหนึ่งหน้าตาคล้ายแขกชาวต่างชาติไว้หนวดเค้า ผมยาวมัดจุก ใส่เสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบสีดำ ซึ่งเข้าไปในร้านแล้วได้พูดคุยกับ

พนักงาน โดยทางพนักงานเปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.43 น. ของวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา ขณะที่เธออยู่ในร้านมีชายต่างด้าวลักษณะเหมือนคนแขก รูปร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในร้าน ก่อนจะมาทำทีจะสั่งเครื่องดื่มหน้า เคาน์เตอร์โต๊ะคิดเงิน พร้อมกับทักทายแนะนำตัวเองบอกว่าเป็นอาจารย์ ต่อมาก็ได้ทำการพูด

คุยเกี่ยวกับเรื่องโหงวเฮ้งบนใบหน้าชมไปต่างๆนานา เรื่องราวในอดีตย้อนหลังเป็นอย่างโน้นเป็นอย่างนี้ จนทำให้เรารู้สึกคุ้นเคยต่อมาก็ขอดูลายมือ พร้อมกับให้วางมือใส่ของชายคนนั้น​ และได้ทำการท่องคาถา สวดมนต์ของเขา อะไรไม่รู้

ต่อไปจะค้าขายเจริญรุ่งเรือง อวยพรให้หมดหนี้หมดสิน มีโชคมีลาภถูกหวย แต่ต้องให้ทำบุญ พอพูด​เสร็จก็ทำการเรียกเงินค่าครู ให้อาจารย์ได้เลย แต่เจ้าของร้านบอกว่าไม่มีเงินสดโอนได้ไหม​ ชายคนนั้นอึ้ง​อยู่พักนึง ก็บอกว่าไม่มีบัญชีโอน ก่อนที่หมอดูจะเดินกลับออกไปด้วยท่าทีไม่พอใจ

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากประชาชนอีกว่าตอนนี้มีชายที่หน้าตาคล้ายแขกออกเดินตามซอยต่างๆในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 68 ที่ผ่านมาโดยมีประมาณ 3 คนแยกกันเดินไปคนละเส้นทางซึ่งมีพฤติกรรมคล้ายกันคือหลอกให้ดูดวงแล้วเรียกเก็บเงิน บางรายเรียกสูงถึง 599 บาท

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​092-5259777

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / รมช.คลัง มอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ โครงการ “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์” สร้างความมั่นคงด้านที่ดินให้ประชาชนแม่สาย

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 12 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00 น. ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ชร.1154 ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ตามโครงการ “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์”

ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินให้แก่ประชาชนอย่างยั่งยืน ภายในงานมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัด

เชียงราย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นเกียรติในพิธี และร่วมมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุให้กับประชาชนในพื้นที่

ในการนี้ มีประชาชนผู้ถือครองที่ดินในเขตอำเภอแม่สาย จำนวน 196 ราย ได้รับสัญญาเช่าอย่างเป็นทางการ รวมถึงมีการมอบเพิ่มเติมอีก 4 ราย รวมทั้งสิ้น 200

ราย คิดเป็นพื้นที่รวมประมาณ 31 ไร่ 3 งาน 90 ตารางวา ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
โครงการ “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์”

เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาการถือครองที่ดินราชพัสดุ โดยเฉพาะในกลุ่มราษฎรที่มีการครอบครองก่อนวันที่ 4 ตุลาคม 2546

และยินยอมเข้าสู่กระบวนการเช่าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ภายใต้อัตราที่เหมาะสม ซึ่งกรมธนารักษ์ได้ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และเสริมสร้างความมั่นคงของประชาชน

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและท้องถิ่น ที่ร่วมผลักดันโครงการให้สำเร็จลุล่วง พร้อมเน้นย้ำ

เจตนารมณ์ของกระทรวงการคลังในการบริหารจัดการที่ราชพัสดุให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน โดยเฉพาะในด้านการอยู่อาศัย การเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐาน และโอกาสทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมั่นคง

ในโอกาสเดียวกัน นายเผ่าภูมิ และคณะยังได้ลงพื้นที่บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 เพื่อติดตามความคืบหน้าในการก่อสร้างคันกั้นน้ำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนป้องกันและลดความเสี่ยงจากปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนในระยะยาว

พงศกร ตันสุวรรณ ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯโคราช สานพลังภาครัฐ บ้าน วัด โรงเรียน รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย สวมหมวกนิรภัย 100 %

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ (13 มิ.ย.68) เวลา 08.30 น. ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมราม ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการมอบหมวกนิรภัยให้กับประชาชน โดยมี พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา และนักเรียน เข้าร่วม

นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมากล่าวว่า อำเภอวังน้ำเขียวได้จัดทำโครงการ “อำเภอวังน้ำเขียวห่วงใย สวมหมวกนิรภัย 100%” ขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดหาหมวกนิรภัยให้กับผู้มีรายได้น้อย รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,471 ใบ ได้รับการบริจาคจากประชาชนชาวอำเภอวังน้ำเขียว จำนวน 530 ใบ กรมการขนส่งทางบกสนับสนุน จำนวน 200 ใบ

ได้รับความอนุเคราะห์จากหลวงพ่อกัณหา สุขกาโม วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมราม จำนวน 741 ใบ โดยมีผู้เข้ารับมอบหมวกนิรภัยเป็นประชาชนจาก 5 ตำบล 83 หมู่บ้าน ของอำเภอวังน้ำเขียว จำนวน 852 คน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาและประถมศึกษา จำนวน 419 คน นักเรียนมัธยมศึกษาสังกัด อบจ.นม. จำนวน 200 คนอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดขึ้นกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์

เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และนำไปสู่การสูญเสียต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาล การขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัยร่วมกับการสวมอุปกรณ์ป้องกันทุกครั้งอย่างหมวกนิรภัยหรือหมวกกันน็อกในทุกการเดินทาง ทั้งระยะใกล้และไกล เป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ควรให้ความสำคัญ

เพราะช่วยลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ เพราะหมวกนิรภัย ถูกออกแบบมาสำหรับรองรับแรงกระแทกโดยเฉพาะ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ การสวมหมวกนิรภัยช่วยลดการบาดเจ็บรุนแรง ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มุ่งหวังที่จะให้ประชาชนมีความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน โดยเป็นการสานพลังความร่วมมือระหว่างภาครัฐ บ้าน วัด โรงเรียน ร่วมรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย สวมหมวกนิรภัย 100 %

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / มุกดาหารฝึกซ้อมเสมือนจริงเผชิญเหตุเพลิงไหม้และอพยพหนีไฟ ณ ศาลากลาง จ.มุกดาหาร

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ 12 มิ.ย.68 เวลา 14.00 น. ณ ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร นายรณรงค์ เทพรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานการฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟศาลกลางจังหวัดมุกดาหาร

การยกระดับการพัฒนาการดำเนินการป้องกันและระงับอัคคีภัยภายในสำนักงานระดับจังหวัด และการขับเคลื่อนโครงการมหาดไทย แรงงาน ต้านอัคคีภัยภาครัฐ และสถานประกอบกิจการ

โดยมีนายคมเพชร สีดามาตร์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมุกดาหาร ในฐานะผู้อำนวยการดับเพลิงตามแผนป้องกันและระงับอัคคีภัยของศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร มีหน่วยงานราชการที่อยู่ภายในศาลากลางจังหวัดมุกดาหารและหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

เข้าร่วมการฝึกซ้อมฯ โดยมีการฝึกซ้อมเสมือนจริงตามสถานการณ์จำลอง เกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณชั้น 4 ศาลากลางจังหวัด ห้องสำนักงานคลังจังหวัดมุกดาหาร จากนั้นมีประกาศแจ้งภายในอาคารให้หน่วยงานในศาลากลาง อพยพหนีไฟตามแผนไปยังจุดรวมพล

ขณะเดียวกันมีหน่วยงานดับเพลิง เทศบาลเมืองมุกดาหารเข้าระงับเหตุ หน่วยงานสนับสนุน (อปท.ข้างเคียง) สนับสนุนรถน้ำ จำนวน 6 คัน ปฏิบัติการดับเพลิง พร้อมทั้งรถพยาบาล 1 คัน เตรียมรับผู้บาดเจ็บ และรถตรวจการ 2 คัน ซึ่งสรุปสถานการณ์

สามารถระงับเหตุเพลิงไหม้ไว้ได้และช่วยเหลือผู้ติดอยู่ภายในอาคารลงมาได้ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งนี้เพื่อบูรณาการทำงานในการป้องกันและระงับอัคคีภัยทั้งก่อนเกิดเหตุ จนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ ในสถานประกอบกิจการ และหน่วยงานภาครัฐ เพื่อลดความสูญเสียชีวิต ทรัพย์สินและร่างกาย

ไฟไหม้​ #อพยพไฟไหม้​ #มุกดาหาร​ #สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร​ #ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดมุกดาหาร​

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​092-5259777​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ทับสะแก ต่อยอดโครงการ “หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุขสร้างรอยยิ้มให้ประชาชน” ปีงบประมาณ 2568 กฟผ.สร้างห้องน้ำให้ผู้ป่วยติดเตียง

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 12 มิถุนายน 2568 ที่หมู่บ้านสีดางาม หมู่ที่ 3 ตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้การอำนวยการของ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ได้จัดโครงการ “หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุขสร้างรอยยิ้มให้ประชาชน” หรือ โครงการจังหวัดเคลื่อนที่ ประจำปีงบประมาณ 2568 ณ.ตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา และได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมบ้านผู้พิการราย นายธงทิว ภูยศ

พบว่าห้องน้ำชำรุดเสียหายและไม่ถูกสุขลักษณะ จึงได้มอบหมายให้อำเภอทับสะแกโดย นายสิทธิพร คงหอม นายอำเภอทับสะแก และนายบังเอิญ พึ่งโพธิ์ทอง นายกอบต.อ่างทอง เพื่อประมาณการในการก่อสร้าง พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การช่วยเหลือผู้พิการรายดังกล่าวต่อไป นั้น

อำเภอทับสะแกพิจารณาแล้ว เพื่อให้การซ่อมสร้างห้องน้ำให้แก่ นายธงทิว ภูยศ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงมีความประสงค์ที่จะขอรับการสนับสนุนงบประมาณ จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ( กฟผ.)

จากราคาประมาณการ จำนวน 39,500 บาท จาก น.ส.ชิดชนก กอวัฒนาวรานนท์ หัวหน้าแผนกพัฒนา เครือข่ายภาครัฐ ( หพร-พ.) ตัวแทนจาก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมดำเนินการจัดซื้ออุปกรณ์มามอบให้เพื่อดำเนินการก่อสร้างในทันที
/////////////////////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน แถลง 7 นโยบายสำคัญต่อสภาเทศบาลเมืองน่าน เพื่อประโยชน์สุขสู่ประชาชนและบูรณาการความร่วมมือเพื่อทำให้ “เทศบาลเมืองน่าน เป็นเมืองที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน”

แชร์เนื้อหานี้

12 มิถุนายน 2568 เวลา 14.30 น. ณ ห้องประชุมสภาเทศบาลเมืองน่าน นายวิสุทธิ์ ไชยวงศ์ ประธานสภาเทศบาลเมืองน่าน เป็นประธานการประชุมสภาเทศบาลเมืองน่าน สมัยที่ 2 ครั้งที่ 1/2568 พร้อมด้วย นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน สมาชิกสภาเทศบาลเมืองน่าน นายปกฤษณ์ คำเหลือง ปลัดเทศบาลเมืองน่าน และหัวหน้าส่วนราชการ

การประชุมสภาฯ ในครั้งนี้ มีวาระสำคัญคือ การแถลงนโยบายของนายกเทศมนตรี เมืองน่านต่อสภาเทศบาลเมืองน่าน ตามที่ได้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองน่าน ไปเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา และคณะ

กรรมการการเลือกตั้งได้มีประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จนถึง
ฉบับที่ 14 พ.ศ. 2562 กำหนดให้นายกเทศมนตรีแถลงนโยบายต่อสภาเทศบาล โดยไม่มีการลงมติก่อนเข้ารับหน้าที่

นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน แถลง 7 นโยบายสำคัญ ต่อสภาเทศบาลเมืองน่าน เพื่อประโยชน์สุขสู่ประชาชนมุ่งเน้นบูรณาการความร่วมมือ เพื่อทำให้ “เทศบาล เมืองน่านเป็นเมืองที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน” ประกอบด้วย นโยบายเทศบาลของประชาชน ด้วยการบริหารจัดการที่ดี โปร่งใสและมีส่วนร่วม นโยบายด้านสาธารณสุข สร้างสังคมสุขภาวะ


เมืองแห่งคนอายุยืน นโยบายด้านเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลัก นโยบายด้านการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม มุ่งเป็นชุมชนแห่งปัญญาและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน นโยบายด้านคุณภาพชีวิตและสังคมคุณภาพนโยบายด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายด้านเมืองอัจฉริยะ Smart City


“ชีวิตอัจฉริยะเพื่อน่านนครแห่งความสุข เมืองเก่าที่มีชีวิต”ด้วยวิสัยทัศน์ เทศบาลเมืองน่าน เมืองแห่งคนอายุยืน คืนถิ่นเอกลักษณ์เมืองเก่า เรามุ่งเป็นชุมชนแห่งปัญญา ปรารถนาสู่สังคมคุณภาพ

งานประชาสัมพันธ์ ฝ่ายอำนวยการ สำนักปลัดเทศบาล เทศบาลเมืองน่าน
โทร 0 54710 234 ต่อ 110,119 www.nancity.go.th/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อบจ.โคราชขนยางรถยนต์กว่า 500 เส้นมอบทหารพรานที่ 26 อำเภอกาบเชิง

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา นายชัยวัฒน์ ชูกระโทก รอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ได้รับมอบหมายจาก ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ให้ช่วยระดมยางรถยนต์เพื่อนำไปมอบให้กับทหารตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นความห่วงใยจากพี่น้องชาวโคราชและองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาสู่พี่น้องทหารที่ปกป้องอธิปไตยของชาวไทยทุกคน

โดยทาง รองนายกฯชัยวัฒน์ ได้ดำเนินการประสานกลุ่มเพื่อนๆและพันธมิตร ทั้ง พ่อค้า ประชาชน นักธุรกิจ และเพื่อนนักการเมืองประกอบไปด้วย สจ.อภิชัย อุไรรัมย์ ส.อบจ.อำเภอประคำ จังหวัดบุรีรัมย์ ผู้ใหญ่เล็กจาก บริษัท ยาริศารีไซเคิล จำกัด หจก.ปรีดาโชค คอนสตรัคชั่น (เจ้น1) เฮียเกียรติ จากโรงโม่หินศิลา ทุ่งอรุณ อำเภอโชคชัย

บริษัทชัยสิทธิ์ รุ่งเรืองจำกัด บริษัท เชิดพงษ์การโยธา จำกัด และอีกหลายแห่งที่ได้ร่วมบริจาคยางรถยนต์ จำนวนรวมกันกว่า500 เส้นในครั้งนี้
ทางด้านรองนายกฯชัยวัฒน์ กล่าวต่อไปอีกว่า ทางตนได้เดินทางนำยางรถยนต์ จำนวน 500เส้น ไปมอบให้กับ พันเอกกิตติศักดิ์ บังพิมาย สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26

จังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้มารับมอบยางจำนวนดังกล่าวที่ทาง อบจ.นครราชสีมา ได้เดินทางนำมามอบที่ด่านชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อนำไปทำบังเกอร์ตามตะเข็บแนวชายแดนต่อไป และทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ต้องขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่ร่วมบริจาค มาในครั้งนี้ รองชัยวัฒน์กล่าว

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / โครงการสำรวจบุคคลไร้สถานะและตกหล่นทางทะเบียนให้มีสิทธิเข้าถึงบริการของรัฐ ด้วยการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) อำเภอเมืองชุมพร

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 10 มิถุนายน 2568 เวลา 9.30 น. ณ ห้องไข่มุขไพลิน โรงแรมชุมพรการ์เดนส์ อ.เมือง จ.ชุมพร นพ.อธิคม บัวเลิศ รอง. ผอ.รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ นายอดิศร วิลาศ นักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญ สสจ.ชุมพร นายอนรรฆ พิทักษ์ธานินท์ ประธานคณะทำงานพัฒนาการเข้าถึงบริการสาธารณสุขของกลุ่มคน ไทยที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน ภายใต้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นายไอศูนย์ ภาสยะวรรณ์ นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ และ นางพัชพัภรณ์ ชุมสูข ผอ.สวท.จ.ชุมพร ผู้แทนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนสุขภาพ และผู้แทนจาก สปสช., นักสังคมสงเคราะห์ ตัวแทน อปท.ผู้นำท้องที่ท้องถิ่นในพื้นที่ จ.ชุมพร เข้าร่วมการสัมมนา

โครงการสำรวจบุคคลไร้สถานะและตกหล่นทางทะเบียนให้มีสิทธิเข้าถึงบริการของรัฐด้วยการตรวจ สารพันธุกรรม (DNA) อำเภอเมืองชุมพร เป็นโครงการที่ดำเนินการภายได้ “โครงการการพัฒนาและหนุนเสริม เครือข่ายวิชาการและวิชาชีพเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรมทางสุขภาพของกลุ่มประชากร เฉพาะ” สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อช่วยเหลือบุคคลไร้สถานะ และตกหล่นทางทะเบียนในเขตอำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ให้ได้รับการขึ้นทะเบียนในระบบทะเบียน ราษฎร์ และมีสิทธิเข้าถึงบริการของรัฐอย่างเท่าเทียม

นางพัลลภา ระสุโส๊ะ ศูนย์คุ้มครองสิทธิ์ บัตรทอง จ.ชุมพร จากการสำรวจพื้นที่ท่าแซะพบคนไทยพักถิ่นจำนวนมากจากอดีตเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วเราเจอประมาณ 300 กว่า LINE ปัจจุบันเค้าเกิดลูกหลานเกิดเป็นสอง 3000 รายอาทิตย์ที่แล้วเราไปเก็บข้อมูลเพื่อจะยื่นให้กับท่านผู้ว่าให้มาจัดการเหล่านี้ให้มีสิทธิ์ได้ถูกต้อง เราไปเจอเราเก็บแคหมู่ 1 หมู่ 4 เราเจอคนที่มีบัตรเลขศูนย์ประมาณ 193 รายที่เค้า

ยังถืออยู่เราเข้าไปตรวจสอบในระบบของสำนักงานทะเบียนเราว่าคนเหล่านี้ถูกขึ้นทะเบียนได้รับเอกสารตั้งแต่เดือนสิงหาประมาณ 10 กว่าปีแต่ยังไม่มีการขับเคลื่อนเพราะ ถึงเวลาคนเหล่านี้เจ็บป่วยขอรับการรักษาที่โรงพยาบาลที่ส่งต่อมาโรงพยาบาลชุมพรจะมีปัญหากับเขาที่ไม่สามารถไม่มีงบประมาณเค้าไม่มีสิทธิ์ในการรักษาคือไม่มีเลข 13 หลักถูกต้องของระเบียบเค้าจะรอจนป่วยหนักจริงๆ

ถึงจะเดินทางมาหาหมอเพราะหนักแล้วก็จะมีค่าใช้จ่ายที่มากมาปรึกษาเรา เราต้องโทรมาทุกครั้งคุยกับคุณมานะแสงทองเราอยากจะให้นักสังคมสงเคราะห์ในทุกที่ให้เหมือนกับคุณวรรณะแสงทองเค้าจะมีความรู้สึกว่าเห็นอกเห็นใจคนด้วยกันว่าเป็นมนุษย์เหมือนกันจะหาแนวทางในการช่วยทุกครั้งที่ทางศูนย์โทรเข้ามาขอความช่วยเหลือแกจะมาใช้เงินกองทุนเศษเอามาในการช่วยเหลือ เป็นสิ่งหนึ่ง

ที่เราคิดว่าเป็นการผลักดันให้คนเหล่านี้เข้าถึงสิทธิ์สามารถมีบัตรประชาชนได้สามารถพิสูจน์สิทธิ์เขาว่าเขาคือคนไทยคนหนึ่งจะทำให้กองทุนสิสามารถเก็บไว้ให้กับคนคนอื่นใช้อีกเยอะนะปัจจุบันนี้กองทุนสิทธิ์ก็อยู่ใช้ในคนไทยที่อยู่ระหว่างกึ่งกลาง กับการรอตรวจสอบทำให้กระบวนการนี้เงินกองทุนเศษนี้จึงใช้หมดไปอย่างเยอะสิ่งหนึ่งที่เราจะฝากบอกทุกคนในสื่อว่าหรือทุกหน่วยงานจริงๆมันมีคนเหล่านี้อยู่ที่เขาสามารถที่จะมีเอกสารการแสดงสิทธิ์การรักษาของเค้าให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาดูแลมาตรวจสอบเขาเพื่อทำให้เขาถูกต้องอันนี้คือสิ่งที่เราอยากฝาก

นายอนรรฆ พิทักษ์ธานินท์ กล่าว กิจกรรมวันนี้ก็มีที่มาจากสามส่วนหลัก ส่วนแรกก็คือทาง สสส.กองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ แล้วก็ (สปสช.) แล้วก็ทางจุฬาหน่วยงานต่างๆโดยเฉพาะโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ที่มาร่วม ให้เกิดการพัฒนาศักยภาพของเครือข่ายแกนนำต่างๆเพื่อให้เกิดการพัฒนาสิทธิ์แล้วก็การพิสูจน์สิทธิ์ ต้องเน้นคนไทยที่ตกหล่นจากสิทธิ์ สถานะการตกหล่นจากสิทธิ์

สถานะส่งผลอยู่สองสามประการประเด็นแรกก็คือคุณภาพชีวิตของคนไทยที่ตกหล่นจริงๆแล้วเค้าก็คือคนไทยคนที่เติบโตในประเทศไทยอาจจะเกิดการตกหล่นในการแจ้งเกิดหรือการย้ายถิ่นต่างๆก็ทำให้เขาไม่สามารถจะเข้าถึงสวัสดิการโดยเฉพาะเรื่องของการรักษาพยาบาล อันที่สองก็เป็นการช่วยของหน่วยบริการเองที่จะต้องรับผิดชอบการรักษา โรงพยาบาลหลายหลายแห่งใจดีจะช่วย ซัพพอร์ต การรักษาพยาบาลต่างๆพอเค้าไม่มีสิทธิ์ก็ทำให้ทางโรงพยาบาลต้องใช้งบส่วนตัวของตัวเองในการ ซัพพอร์ต ตอนนี้ตัวเลขยังไม่ชัดเจนเพราะกลุ่มคน

ไทยที่ตกหล่นเราก็ยังไม่ทราบเราก็เลยต้องมาทำงานกัน กับโรงพยาบาลเรามองว่าโรงพยาบาลเป็นหน้าต่าง เราจะรู้ว่าจำนวนคนที่ตกหล่นจะมีอยู่สักเท่าไหร่เพราะว่าเค้าจะต้องมารักษาพยาบาลคือคนคนเรายังไงก็ต้องป่วยเค้าจะต้องมารักษาพยาบาลเราก็จะทราบว่าเค้าเป็นคนตกหล่นไม่มีสิทธิ์พอย้อนกลับมาพอรักษาพยาบาลโรงพยาบาลก็ไม่มีเงินก็ต้องควักเนื้อตัวเองในกรณีที่จะทำให้เขามีสิทธิ์พิสูจน์สิทธิ์ ก็จะทำให้โรงพยาบาล ไม่ต้องรับภาระในส่วนตรงนี้นอกจากคุณภาพชีวิตที่ดีแล้วนี่ทำให้ระบบบริการสุขภาพมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นครับผม
นพ.อธิคม บัวเลิศ รอง. ผอ.รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์

โครงการนี้จริงๆแล้วต้องท้าวความกลุ่มคนพวกนี้เป็นกลุ่มคนที่น่าสงสารเพราะว่าเราไม่รู้หรอกเพราะว่าเรามีบัตรประชาชนเรามีเลข 13 หลักมันมีความสำคัญขนาดไหนเราจะรู้ความสำคัญก็ต่อเมื่อเราขาดเลข 13 หลักไปทำอะไรไม่ได้เลยจะเข้าโรงพยาบาลก็ไม่มีสิทธิ์รักษาไปอำเภอไปติดต่อธนาคารก็ไม่สามารถ ทำ

อะไรได้เลยกลุ่มคนพวกนี้เป็นกลุ่มที่เป็นกลุ่มค่อนข้างจะเก็บตัวจากนิสัยเค้าเองด้วยจากการที่เขาไม่สามารถเข้าสังคมได้เค้าสามารถที่จะทำอะไรได้มั่งเป็นปัญหาเรื้อรังในวันนี้ก็เป็นโอกาสดีที่มีกลุ่มที่จะมาช่วยเหลือให้สามารถมีบัตรประชาชนอยู่ได้ลืมตาอ้าปากได้ อย่างน้อยน้อยก็เป็นสิทธิ์ของเขาเรื่องสิทธิ์การรักษาพยาบาลการทำ ทุรกรรมกับทางธนาคารติดต่อกับทางอำเภอทุกอย่างได้สิทธิ์ตรงนั้น

ทั้งนี้การทำสิทธิ์เหล่านี้ในอดีตก็อาจจะเกิดความยุ่งยากในปัจจุบันก็พยามทำให้ง่ายขึ้นทางโรงพยาบาลชุมพรคล้ายๆกับเป็นจุดเจาะเลือดเป็นจุดตรวจเค้าสามารถพิสูจน์ดีเอ็นเอในการเจาะก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงในกลุ่มวันนี้ค่าใช้จ่ายไม่มีเพราะทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์มีงบประมาณสนับสนุนอยู่ให้ เป็นการแบ่งเบาภาระบาง เคส ง่ายง่ายมีพี่ชายเป็นมีสิทธิ์บัตรตัวเองไม่มีสิทธิ์บัตรอย่างง่ายเจาะทีเดียวก็จบบางคนผ่านไปทั่วอายุคนต้องค่อยค่อยไล่ไปทีละนิดทีละนิดกว่าจะถึงตัวก็ไม่ใช่ง่ายปีแรกสามารถทำได้ประมาณ 10 กว่าเคสในปีพ.ศ. 2566

ส่วนปีที่แล้วก็เพิ่มขึ้นประมาณ 20 เคสเราก็ประสานงานกับทางอำเภอได้ดีขึ้นโดยเฉพาะอำเภอท่าแซะอำเภอเมืองเทศบาลเมืองชุมพรประสานงานได้ดีขึ้นมันก็เริ่มดีขึ้นถามว่ายุ่งยากไหมก็พอสมควรเหมือนกันเพราะเริ่มแรกจะต้องไปที่อำเภอตรวจสอบประวัติโรงพยาบาลเป็นเพียงจุดเจาะเลือดเท่านั้นเพื่อดำเนินการต่อไป ที่อำเภอท่าแซะก็จะมีจำนวนเยอะเกือบทั้งหมู่บ้านเลยก็มี จุดแรกที่จะติดต่อก็คือที่อำเภอมีอำเภอเมืองอำเภอท่าแซะคิดว่าควรไปอำเภอและไม่ได้รับความสะดวกก็ให้มาที่โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ยินดีที่จะเป็นตัวกลางให้เพราะก็สามารถทำติดต่อให้ได้ไม่มีค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้น

ธนากร โกศลเมธี ภาพ*ข่าว รายงาน 0818923514