คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อุทยานฯ ศรีลานนา ร่วมกับทหารและตำรวจ จับกุมชายอ้างรับจ้างเฝ้าไม้ที่ลักลอบตัดในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ

แชร์เนื้อหานี้

(14 พ.ย. 68) #นายอานนท์ #กุลนิล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีลานนา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนา โดยการนำของนายอานนท์ กุลนิล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีลานนา พร้อมด้วย หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติฯ ที่ ศล.2 (ปางมะเยา) หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติฯ ที่ ศล.3 (บ้านออน) หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติฯ ที่ ศล.6 (ห้วยกุ่ม) สายตรวจส่วนกลางอุทยานแห่งชาติ สถานีตำรวจภูธรเชียงดาว และทหารกองบังคับการควบคุมสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดที่ 1

ผลจากการสืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อเนื่องจากคดีเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 และได้รับแจ้งจากผู้หวังดีเพื่อหวังสินบนนำจับว่า มีการลักลอบตัดไม้มีค่า บริเวณป่าดอยผาหมวก ท้องที่หมู่ 7 ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ภายในเขตอุทยานแห่งชาติศรีลานนา จึงร่วมกันออกตรวจลาดตระเวนป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ ตามที่ได้รับแจ้งในพื้นที่ดังกล่าว

เมื่อคณะเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนถึงบริเวณดังกล่าว พบชายบุคคลหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตนว่าเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ทราบชื่อภายหลังว่า นายกฤษณะ อยู่ที่ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ จากการสอบถาม นายกฤษณะ ให้การรับสารภาพว่าได้รับจ้างจากกลุ่มบุคคลหนึ่ง ให้ตนเองมาเฝ้าระวังดูต้นทาง และเฝ้าระวังไม้ (เวรยาม)

โดยได้รับค่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท ครั้ง/วัน คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวไว้ และได้ตรวจสอบบริเวณพื้นที่เกิดเหตุพบไม้ประดู่ท่อน จำนวน 12 ท่อน กองกระจัดกระจาย จึงได้ตรวจวัด ตรวจนับไม้ของกลางไม้ประดู่ จำนวน 12 ท่อน ปริมาตร 26.88 ลูกบาศก์เมตร

คณะเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งให้นายกฤษณะ ทราบว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ จึงร่วมกันตรวจสอบ/ตรวจนับ พร้อมตรวจยึดไม้ประดู่ท่อน จำนวน 12 ท่อน ปริมาตร 26.88 ลูกบาศก์เมตร ค่าเสียหายของรัฐ 940,800 บาท พร้อมจัดทำเรื่องราวร้องทุกข์กล่าวโทษนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด และทางอุทยานแห่งชาติศรีลานนา จะดำเนินการขยายผลขบวนการทำไม้มีค่าต่อไป

ทั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายสุชาติ ชมกลิ่น) และตามข้อสั่งการของท่านอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (นายอรรถพล เจริญชันษา) และอำนวยการโดยท่านผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (นายกริชสยาม คงสตรี) ให้ดำเนินการเข้มงวด การออกตรวจลาดตระเวน ป้องกัน ป้องปราม และปราบปราม เกี่ยวกับการกระทำผิดเกี่ยวกับกฎหมายการป่าไม้ และการลักลอบทำไม้มีค่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์////

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจัดการแสดงโขน /น้ำทะเลหนุนสูงต่อเนื่อง วันที่ 3 ทำน้ำท่วม ตลาดปากน้ำ

แชร์เนื้อหานี้

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) จัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมชั้นสูงของชาติ “โขน” มหากาพย์รามเกียรติ์ ตอน “นางลอย – ยกรบ” เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

อันเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่คู่แผ่นดินการแสดงจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 – 12 พฤศจิกายน 2568 ณ อาคารผู้โดยสารหลัก และ

อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ถ่ายทอดความงดงาม วิจิตร และทรงพลังของศิลปะแห่งโขน พร้อมนำเสนอเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาติไทย

ให้ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวได้ร่วมสัมผัสความภาคภูมิใจในมรดกทางวัฒนธรรมไทยอย่างใกล้ชิด

ทสภ.มุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานการบริการสู่ World Class Hospitality พร้อมผลักดันให้ท่าอากาศยานร่วมเป็นพื้นที่เผยแพร่วัฒนธรรมที่ถ่ายทอดอัตลักษณ์ไทยผ่านศิลปะการแสดงอันงดงามที่แตกต่างอย่างไม่เหมือนใคร


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

น้ำทะเลหนุนสูงต่อเนื่อง วันที่ 3 ทำน้ำท่วม ตลาดปากน้ำ

เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานภาพบรรยากาศภายใน ตลาดปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ หลังระดับน้ำทะเลหนุนสูงในช่วงสาย ส่งผลให้น้ำเอ่อเข้าท่วมภายในตลาดสด ระดับ 5-10 เซนติเมตร ประมาณข้อเท้า พ่อค้าแม่ค้าต้องลุยน้ำขายของ ขณะที่ลูกค้ายังคงเดินเลือกซื้อสินค้าท่ามกลางน้ำที่ท่วมพื้นตลาด

แม้น้ำจะท่วมแต่บรรยากาศยังคงคึกคัก แม่ค้าบอกว่า “ชินแล้ว” เพราะช่วงปลายปีแบบนี้มักเกิดน้ำหนุนสูงเป็นประจำ เดี่ยวมันก็ลด ประมาณครึ่งชั่วโมง ถึง 1 ชั่วโมง สถานการณ์ก็กลับมาเป็นปกติ

โดยเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ได้มีประกาศเตือน จาก ปภ.แจ้งสถานการณ์น้ำ ผ่าน sms ระบบโทรศัพท์มือถือ เกี่ยวกับ น้ำเหนือ เขื่อนเจ้าพระยา ระบายน้ำ 2,800 ลบ.ม./วินาที และ น้ำทะเลหนุน ถึง วันที่ 14 พฤศจิกายน 68 ทำให้มีผลกระทบในพื้น อำเภอเมือง และ อำเภออื่น ๆ ในจังหวัดสมุทรปราการ

จากการสอบถามแม่ค้าที่ ให้ข้อมูลว่า กรณีที่น้ำท่วมตลาดนั้นก็มีผลกระทบกับยอดขายบ้าง เพราะลูกค้าบ้างคนเห็นน้ำท่วมแล้วเขาก็ไม่เข้ามาแต่ก็ยังมีขาประจำที่เข้ามาซื้ออยู่ ส่วนการปรับตัวระหว่างที่น้ำขึ้นเราก็ต้องเอาของหนีหลบน้ำหน่อย

เดียวสักพักน้ำก็ลงแป๊บเดียวโดยน้ำท่วมนั้นก็ไม่นาน บ้างที่ก็ครึ่งชั่วโมงบ้าง 1 ชั่วโมงบ้าง 2 ชั่วโมงบ้างแล้วแต่ระดับน้ำ เป็นอย่างนี้ประจำ ช่วงฤดูน้ำทะเลหนุน แต่ก็ไม่ได้เป็นทั้งปี


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เลขารัฐมนตรีว่ามหาดไทย..สถานการณ์น้ำท่วมเมืองสุโขทัยเมื่อเวลา17.20น. 8 พย. 2568

แชร์เนื้อหานี้

เลขารัฐมาตรีมหาดไทยพร้อมพ่อเมืองสุโขทัยลงพิ้นที่แก้ไขและติดตามสถานการณ์น้ำท่วมเมืองสุโขทัยเมื่อเวลา17.20น.ของวันที่8พย.2568

นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพร้อมนายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายสมรักษ์ ยกน้อยวงค์รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยและนายอำเภอเมืองสุโขทัยหัวหน้าส่วนงานราชการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม

ตำบลปากแคว ตำบลบ้านกล้วย โรงพยาบาล
สุโขทัย อำเภอเมืองสุโขทัย พร้อมทั้งเร่งระดมเครื่องสูบน้ำเครื่องสูบน้ำระยะไกล จากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 8 กำแพงเพชร และเขต9 พิษณุโลก เครื่องสูบน้ำนวัตกรรม เขต 9 พิษณุโลก

สูบน้ำออกจากพื้นที่ลงสู่แม่น้ำยมที่ยังมีระดับไม่สูงมากพอรับมวลน้ำได้และ คราดว่าภายใน 2 วัน น้ำน่าจะลดลงอย่างต่อเนื่อง.ทั้งนี้เนื่องจากพายุฝน พายุดีเปรสชัน “คัลแมกี” (KALMAEGI) ได้เคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณจังหวัดสุโขทัยทำให้มีฝนตกปริมาณน้ำฝนมากตกลงมา

ในพื้นที่พร้อมมวลน้ำทที่ล้นสปริงเวย์จากอ่างเก็บน้ำแม่ท่าแพ อ่างเก็บน้ำแม่ท่าแพ อ่านเก็บน้ำแม่รำพันทีอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเมืองสุโขทัยทำให้มีมวลน้ำมากไหลลงสู่ตัวเมืองจึงทำให้มวลล้นคลองส่งน้ำไหลเอ่อท่วมตัวเมืองดังกล่าว.
กิตติ(ถาวร) พรดวงจันทร์ สุโขทัย 0821632939

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “ถ้ำพระยานคร” น้ำพระราชหฤทัยพิสูจน์พระราชปณิธานสีเขียวของพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

แชร์เนื้อหานี้

ท่ามกลางเทือกเขาสามร้อยยอดอันเขียวชอุ่ม อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ มีถ้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของพระราชปณิธานสีเขียว นั่นคือ “ถ้ำพระยานคร” ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นสมบัติทางธรรมชาติที่งดงามเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่ประทับพระราชลัญจกรแห่งความห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่มีต่อพสกนิกรและผืนแผ่นดินไทย ภายในถ้ำพระยานครมี “พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์”

ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นพระที่นั่งไม้สักทองที่ออกแบบอย่างประณีต สะท้อนถึงพระปรีชาสามารถในการผสมผสานสถาปัตยกรรมไทยเข้ากับธรรมชาติอันงดงามของถ้ำ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนพระที่นั่งแห่งนี้เป็นโบราณสถานสำคัญเมื่อปี พ.ศ. 2495 และด้วยความสำคัญอันยิ่งใหญ่ จ.ประจวบคีรีขันธ์จึงได้ใช้รูปพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์เป็นตราประจำจังหวัด
สองครั้งแห่งพระราชดำเนิน บทพิสูจน์พระราชหฤทัย – ครั้งที่หนึ่ง เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2501

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร รัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จพระราชดำเนินประพาสถ้ำพระยานครเป็นการส่วนพระองค์ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (พระบรมราชชนนีพันปีหลวง) และสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในโอกาสนั้น ทรงพระราชทานเครื่องนุ่งห่มแก่ชาวบ้านที่มารับเสด็จ แสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใยในความเป็นอยู่ของพสกนิกร

ครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2524 เส้นทางแห่งพระราชปณิธานที่เดินด้วยพระบาท การเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนี้มีความหมายพิเศษอย่างยิ่ง เพราะพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร รัชกาลที่ 9 และพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเลือกที่จะเดินเท้าขึ้นเขาไปยังถ้ำพระยานครด้วยพระองค์เอง เพื่อต้องการสัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด การเสด็จครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเยือนสถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าการอนุรักษ์ธรรมชาติต้องเริ่มจากการเข้าใจและใส่ใจอย่างจริงจัง การเดินเท้าขึ้นเขา 2 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชั่วโมง นั้น เป็นบทเรียนสำคัญที่สอนเราว่า ธรรมชาติไม่ได้อยู่ห่างไกล แต่ต้องใช้ความตั้งใจและความพยายามในการเข้าถึง

ความงามที่แท้จริงไม่ได้มาง่าย ต้องผ่านความเหนื่อยยาก แต่สิ่งที่ได้รับคือความประทับใจที่คงอยู่ตลอดไป การทำงานเพื่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมไม่ใช่การนั่งสั่งการจากที่สูง แต่คือการลงมือทำด้วยตนเองแม้จะยากลำบาก ถ้ำพระยานคร และเขาสามร้อยยอดเป็นมากกว่าแค่สถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นสัญลักษณ์ของพระราชปณิธานสีเขียวที่พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงสืบสานมาจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร รัชกาลที่ 9 นั่นคือการอนุรักษ์ธรรมชาติ การดูแลผืนป่า และการใส่พระทัยในชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร

บริเวณเขาสามร้อยยอดที่ถ้ำพระยานครตั้งอยู่ ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศป่าไม้ที่สมบูรณ์ และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด การอนุรักษ์พื้นที่แห่งนี้จึงสอดคล้องกับพระราชปณิธานในการรักษาสมดุลของธรรมชาติเพื่อลูกหลานของไทยในอนาคต วันนี้ หากทุกท่านมีโอกาสเยือนถ้ำพระยานคร และได้เดินตามรอยพระบาทบนเส้นทาง 2 กิโลเมตรที่ทรงเคยเสด็จ ท่านจะไม่ได้แค่ชื่นชมความงามของธรรมชาติระหว่างทาง หินงอก หินย้อย หรือความศักดิ์สิทธิ์ของพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ เท่านั้น แต่ควรน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และพระราชปณิธานสีเขียวที่ทรงปลูกฝังไว้ในดินแดนแห่งนี้ เส้นทางที่ชันและเหนื่อยยากนั้น กลายเป็นบทเรียนว่า “ทุกสิ่งที่มีค่าต้องแลกมาด้วยความตั้งใจและความพยายาม”

“ถ้ำพระยานคร” ไม่ใช่แค่ถ้ำ  แต่เป็นห้องเรียนแห่งธรรมชาติที่สอนเราถึงความหมายของพระราชปณิธานสีเขียว การดูแลธรรมชาติด้วยหัวใจ เดินหน้าด้วยความมุ่งมั่น และยึดมั่นด้วยความรักที่มีต่อแผ่นดิน สิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าคือ การมีอยู่ของระบบนิเวศเฉพาะถิ่นภายในถ้ำ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญของความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพของเขาสามร้อยยอด นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ สิ่งมีชีวิตเฉพาะถิ่นบางชนิด ที่ไม่สามารถพบได้ที่อื่นในโลกนี้ เช่น จิ้งจกนิ้วยาวสามร้อยยอด (Sam Roi Yot Bent-toed Gecko)

สัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กที่ปรับตัวให้อยู่รอดในสภาพแวดล้อมถ้ำได้อย่างสมบูรณ์ และ ตุ๊กกายสามร้อยยอด (Sam Roi Yot Skink) สัตว์เลื้อยคลานอีกชนิดหนึ่งที่สะท้อนกระบวนการวิวัฒนาการที่โดดเดี่ยวทางภูมิศาสตร์ การค้นพบสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ เป็นหลักฐานสำคัญที่เน้นย้ำว่าพื้นที่แห่งนี้มีคุณค่าอนุรักษ์ระดับสากล หากพื้นที่ถูกทำลาย สัตว์เหล่านี้ก็จะสูญพันธุ์ไปตลอดกาล ซึ่งสอดคล้องกับพระราชปณิธานของพระบรมราชชนนีพันปีหลวงที่ทรงเป็น “พระมารดาแห่งการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ”

จึงขอเชิญชวนท่านร่วมเดินตามรอยพระบาท ขึ้นไปยังถ้ำพระยานคร ด้วยความเคารพและตระหนักในคุณค่าของธรรมชาติ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานสีเขียวของพระบรมราชชนนีพันปีหลวง และรักษามรดกอันล้ำค่านี้ไว้เพื่อลูกหลานของเราในอนาคต. นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /วงการบันเทิงเศร้า เมื่อ คุณ พล พลาพร อดีตพระเอกละครเรื่องดาวพระศุกร์ ได้เสียชีวิตวัย 76 ปี

แชร์เนื้อหานี้

บิณฑ์ ไม่ทิ้งอดีตพระเอกดาวพระศุกร์จัดพิธีวาระสุดท้ายส่งร่าง พล พลาพร
จากกรณีที่ทางด้าน คุณ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้เคยออกมาโพสต์เรื่องเศร้าของคนในวงการบันเทิง เมื่อ คุณ พล พลาพร อดีตพระเอกละครเรื่องดาวพระศุกร์ ได้เสียชีวิตลงในบ้านสุขสุดท้าย ด้วย วัย 76 ปี

สาเหตุจากการติดเชื้อในต่อมลูกหมาก โดยเสียชีวิตเมื่อเวลา 03.40 น. บ้าน สุขสุดท้าย ที่ทางคุณบิณฑ์ ได้รับคุณ พล พาลาพร ไปดูแลอย่างดีเรื่อยมากระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิต โดยทางด้าน คุณบิณฑ์ ได้นำร่างมาประกอบพิธีทางศาสนา ณ วัดบางพลีใหญ่กลาง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งแต่คืนวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันนี้ที่ 3 พฤศจิกายน 2568 เวลา 14.00 น. ทางคุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ พร้อมคณะ และ พระวชิรคณาทร (เจ้าคุณแจ้) รวมถึงคนในวงการบันเทิงที่สนิทและคุ้นเคยกับทางคุณ พล พลาพร

ได้ร่วมกันจัดพิธี ฌาปนกิจ ให้กับร่างของคุณ พล ณ เมรุ วัดบางพลีใหญ่กลาง โดยการจัดงานเป็นไปอย่างเรียบง่าย ซึ่งมีบุตรสาวทั้งสองคนเดนิทางมาร่วมงานในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

ด้าน คุณ บิณฑ์ ระบุว่า สำหรับ คุณ พล พลลาพร หลังจากล้มป่วยเป็นอัมพาตมาได้ระยะและต้องอยู่ในบ้านพักคนเดียวโดยไม่มีใครดูแลเมื่อห้าปีที่ผ่านมา หลังจากที่ตนเองทราบข่าวก็เดินทางไปรับมาดูแลในบ้านสุขสุดท้ายอย่างดีจนแกมีความสุขดี

ทุกครั้งที่ตนเองไปที่บ้านสุขสุดท้าย แกจะคอยจับมือบีบมือตนเองจนแน่นเพื่อแสดงออกให้รู้ว่าเขายังแข็งแรงและมีรอยยิ้มมีความสุขอยู่ในบ้านสุขสุดท้าย กระทั่งมาถึงวาระสุดท้ายของแก ซึ่งตนเองก็เสียใจที่สูญเสียแกไป และเมื่อแก

จากไปก็จึงทำหน้าที่ดูแลจนวาระสุดท้าย ให้ดีที่สุด หากบอกพี่พลให้รับรู้ได้ตนเองก็อยากบอกแกไม่ต้องห่วงอะไรอีก โดยเฉพาะลูกๆสองคนก็เดนิทางมาร่วมงานและมาหาแกแล้ว ซึ่งในวันพรุ่งนี้ทางลูกๆจะนำอัฐิแกไปลอยอังคารด้วยตัวเอง


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “ทำดี 100 วัน” ลุยใต้! วันที่ 6 จัดเลี้ยงข้าวหมกไก่-มอบถุงยังชีพ ตอกย้ำพลังหนุนจาก ‘ผบช.ภ.9-เลขาฯ ศอ.บต.’

แชร์เนื้อหานี้

ความคืบหน้าโครงการ “ทำดี 100 วัน” เพื่อถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง “แม่ของแผ่นดิน” โดยการนำของ นางสาวนาซือเราะ เจะฮะ นายกสมาคมสื่อมวลชนเพื่อพัฒนาชายแดนภาคใต้ (JSD-South) ที่เข้าสู่วันที่ 6 ของการดำเนินงานอย่างเข้มข้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา นางสาวนาซือเราะ เจะฮะ นายกสมาคมฯ เปิดเผยถึงการดำเนินกิจกรรมว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โครงการได้รับความร่วมมือและการตอบรับเป็นอย่างดีเยี่ยมจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ในพื้นที่ ได้แก่ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และ นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร เลขาธิการ ศอ.บต. ที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมหลักในแต่ละวันของโครงการ “ทำดี 100 วัน” เน้นการช่วยเหลือกลุ่มผู้เปราะบางในมิติต่าง ๆ อย่างครอบคลุม โดยวันนี้ ( 31 ต.ค. 68 ) ทางสมาคมสื่อมวลชนและภาคีเครือข่าย ได้ร่วมกันจัดเลี้ยง “ข้าวหมกไก่” และ มอบถุงยังชีพ ให้กับกลุ่มเปราะบางในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะขยายมิติการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง

นายกสมาคมสื่อมวลชนฯ กล่าวว่า การช่วยเหลือไม่ได้จำกัดอยู่แค่การมอบอาหารและถุงยังชีพเท่านั้น แต่ยังมีการดำเนินการในมิติอื่น ๆ ตลอด 6 วันนี้ ได้ดำเนินการ มอบอิฐ สำหรับสร้างและซ่อมแซมบ้านเรือนให้กับผู้ยากไร้ มอบสิ่งของและอุปกรณ์ที่จำเป็น ให้กับผู้ป่วยติดเตียง เลี้ยงอาหาร และ มอบข้าวสารอาหารแห้ง โดยกำหนดเป้าหมายไว้ที่ วันละ 100 ชุด จำนวน 100 วัน การร่วมกัน พัฒนาพื้นที่ เพื่อสร้างความสามัคคีภายในชุมชน นอกจากกิจกรรมภาคสนามแล้ว โครงการยังได้ขยายผลสู่ภาคการศึกษา โดยมีเป้าหมาย โรงเรียนกว่า 100 สถาบัน เข้าร่วมการประกวดกิจกรรม “ทำดี 100 วันเพื่อแม่ของแผ่นดิน”

นักเรียนจากทั้ง 100 สถาบันนี้ จะเข้าร่วมการประกวด เรียงความ เพื่อชิงรางวัลจากผู้ใหญ่ใจดี โดยสมาคมสื่อมวลชนฯ ได้กำหนดจัด พิธีมอบรางวัลดังกล่าวในวันนักข่าว ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมีนาคม 2568 นี้ นางสาวนาซือเราะ เจะฮะ นายกสมาคมสื่อมวลชนฯ จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมทำความดีในโครงการ “ทำดี 100 วัน” เพื่อ ‘แม่ของแผ่นดิน’ อย่างต่อเนื่อง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและสร้างสรรค์สังคมชายแดนภาคใต้ให้ดีขึ้น
ขณะเดียวกัน

นางสาวรอกาฮา กามา ครูจากโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันที่เข้าร่วมกิจกรรม ได้กล่าวแสดงความชื่นชมต่อโครงการดังกล่าว โดยเฉพาะมิติของการเปิดพื้นที่ให้นักเรียนได้แสดงออกผ่านการประกวดเรียงความ “การที่สมาคมสื่อมวลชนฯ เปิดโอกาสให้นักเรียนร่วม”ทำดี 100 วัน” เพื่อ ‘แม่ของแผ่นดิน’ ผ่านการเรียงความนั้น ถือเป็นกิจกรรมที่ดีมาก ขอชื่นชมสมาคมสื่อมวลชนฯ ที่เชิญชวนโรงเรียนในพื้นที่ โดยเฉพาะโรงเรียนชนบทที่อยู่ห่างไกลตัวเมือง อย่างโรงเรียนของตน ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีมาก ที่ได้ให้นักเรียนร่วม ‘ทำดี 100 วัน’ เพื่อ ‘แม่ของแผ่นดิน’ แล้วยังเปิดโอกาสให้นักเรียนได้รับโอกาสได้แสดงออกอีกด้วย”

นางสาวรอกาฮา ยังกล่าวขอบคุณไปยังภาคีเครือข่ายและผู้ใหญ่ที่ให้การสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และ นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร เลขาธิการ ศอ.บต. ที่เล็งเห็นความสำคัญและให้การสนับสนุนต่อกิจกรรมครั้งนี้อย่างยิ่ง สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจต่อการพัฒนาเยาวชนและการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีงามในพื้นที่ชายแดนใต้ โครงการ “ทำดี 100 วัน” ที่ดำเนินงานต่อเนื่องและขยายผลไปสู่ภาคการศึกษาเช่นนี้ ถือเป็นมิติใหม่ของการขับเคลื่อนกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ที่ไม่เพียงแต่ช่วยเหลือผู้เปราะบาง แต่ยังช่วยส่งเสริมศักยภาพและความสามัคคีในชุมชนไปพร้อมกัน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / วัดบางพลีใหญ่กลาง ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระพันปีหลวง

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 29 ตุลาคม 2568 ที่ พระอุโบสถ วัดบางพลีใหญ่กลาง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ คณะพระภิกษุสงฆ์ วัดบางพลีใหญ่กลาง ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม ถวายเป็นพระราชกุศลแด่

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระวชิรคณาทร (เจ้าคุณแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และมีนายขจิตเวช แก้วน้อย นายอำเภอบางพลี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส จุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัย

ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ จุดเทียนธูปหน้าตูพระธรรม และตัวแทนไวยาวัจกร วัดบางพลีใหญ่กลาง จุดเครื่องทองน้อย หน้าโต๊ะหมู่บูชาพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราช

ชนนีพันปีหลวง พระสงฆ์ วัดบางพลีใหญ่กลาง จำนวน 10 รูป สวดอภิธรรม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ อบต.บางพลี ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี และประชาชนชาวอำเภอบางพลี เข้าร่วมพิธี


สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้แจ้งแนวทางให้คณะสงฆ์ทั่วประเทศ และวัดไทยในต่างประเทศ ดำเนินการบำเพ็ญกุศลถวายพระราชกุศล โดยตั้งโต๊ะหมู่บูชา พร้อมพระฉายาลักษณ์ หรือพระสาทิสลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมเครื่องราชสักการะภายในพระอุโบสถ

หรือสถานที่ให้สมพระเกียรติ จัดพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมถวายพระราชกุศลทุกวัน เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป จัดพิธีบำเพ็ญกุศลครบกำหนดสัตตมวาร (7 วัน) ปัณรสมวาร (15 วัน) ปัญญาสมวาร (50 วัน) และสตมวาร (100 วัน) ตามกำหนด

พร้อมจัดกิจกรรมทำบุญตักบาตร สวดมนต์ ฟังธรรม และถวายสังฆทาน ให้สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดจัดกิจกรรมปฏิบัติธรรมถวายพระราชกุศลในวันสำคัญตามกำหนด และให้คณะสงฆ์ทั่วประเทศเจริญจิตตภาวนาหลังทำวัตรเย็นเป็นประจำทุกวัน ตลอดระยะเวลาไว้ทุกข์

ทั้งนี้ ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมสวดมนต์ ในพิธีดังกล่าว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในช่วงเวลาหลังทำวัตรเย็นเป็นประจำทุกวัน ตลอดระยะเวลาไว้ทุกข์


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /จับแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง 20 รายปลายทางจังหวัดสงขลาส่งต่อประเทศเพื่อนบ้าน

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 22 ตุลาคม 2568 ได้รับรายงานจาก พ.ต.กอบศักดิ์ นาคหาญ หน.ชรด.๔๐๓ (ชพ) กอ.รมน.จังหวัด.ชุมพร ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว มีแรงงานต่างด้าวมาแอบพักพิงอยู่บริเวณ เพิงพักชายเขา ในพื้นที่ บ.หาดหนองหอย ม.6 ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร

จึงได้ประสานหน่วยงานรับผิดชอบ สนธิกำลัง ฝ่ายปกครอง จนท.ทหารกอ.รมน.จว.ชุมพร จนท.ตร.กก.สส.ภ.จว.ชุมพร ตม.จว.ชุมพร ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบเพิงพักชั่วคราวจำนวนสามหลังคุมด้วยผ้าใบสีฟ้าขาวและพบแรงงานชาวต่างด้าวจำนวน 20 รายต่อจากนั้น เจ้าหน้าที่ ได้ร่วมจับกุมบุคคลต่างด้าว สัญชาติพม่า เป็นชาย จำนวน 18 คน หญิงจำนวน 2 คน และร่วมกันนำตัวมาที่ สภ.ท่าแซะ

เพื่อคัดกรองเบื้องต้น และขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดกรองฯ 1.MR.KYAW HTAY (นายจอ เท) อายุ 42 ปี สัญชาติ เมียนมา 2.MR.SOE MYINT AUNG (นาย โซ เมี๊ยะ อาว) อายุ 22 ปี สัญชาติ เมียนมา 3.MR.AUNG KO MYINT (นาย อาว โก มิ) อายุ 21 ปี สัญชาติ เมียนมา 4.MR.MYO HTET NING (นาย มิว เทด นาย) อายุ 35 ปี สัญชาติ เมียนมา 5.MR.THEIN THAN HTAY (นาย เต ทาน เท้)

อายุ 34 ปี สัญชาติ เมียนมา 6.MR.AUNG ZAYA (นาย อาว เซ ยะ) อายุ 25 ปี สัญชาติ เมียนมา 7.MR.MOE WIN (นายมู เวน) อายุ 41 ปี สัญชาติ เมียนมา 8.MR.THEIN ZAW LWIN (นายเต ซอ ลุย) อายุ 19 ปี สัญชาติ เมียนมา

9.MR.MAUNG NAING (นาย มาว นาย) อายุ 37 ปี สัญชาติ เมียนมา 10.MR.U MYO (นายอู มิ้ว) อายุ 34 ปี สัญชาติ เมียนมา 11.MR.THAN TONE AUNG (นายตาน เต อาว) อายุ 18 ปี

สัญชาติเมียนมา 12.MR.NAY MYO AUNG (นายเน มิว อาว) อายุ 18 ปี สัญชาติเมียนมา 13.MR.AUNG MYO THUYA (นายอาว มิว ตู ยะ) อายุ 21 ปี สัญชาติ เมียนมา 14.MR.MIN WAI AUNG (นายเม เว อาว) อายุ 23 ปี สัญชาติเมียนมา 15.MR.ZAW LIN AUNG

(นายซอ ลิน อาว) อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา 16.MR.MAUNG LWIN (นายเมา ลวย) อายุ 44 ปี สัญชาติ เมียนมา 17.MR.AUNG THAN

(นายเอา แตะ) อายุ 42 ปี สัญชาติเมียนมา 18.MR.NAING TUN (นายไน ทอน) อายุ 32 ปี สัญชาติ เมียนมา 19.MISS AYE AYE SOE (น.ส.เอ้ เอ้ ซู) อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา 20.MRS.YIN YIN HTAY (นาง เย เยน เท่) อายุ 25 ปี สัญชาติ เมียนมา
จากการตรวจสอบชาวเมียนมาจำนวนดังกล่าวไม่มีเอกสารหนังสือเดินทาง (พาสสปอร์ต )

จากการสอบถามชาวเมียนมา ให้การว่าตนเองเดินทางมาจากพื้นที่ต่างๆในพื้นที่ สมม. ขึ้นรถโดยสารมาลงที่ย่างกุ้ง สมม. จากนั้นนายหน้าพาเดินทางต่อโดยรถโดยสารไปยัง เมาะลำไย สมม. และโดยสารรถตู้มาลงที่ เจดีย์สามองค์ จว.ก.จ. เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 68 เวลา 0145 จากนั้นเดินทางต่อโดยรถเอสยูวี สีดำ (1 ในรถขน) โดยมีการสลับรถจำนวน 4 คัน

จนมาลงที่บริเวณสวนปาล์มน้ำมัน วันที่ 21 ต.ค.68 เวลา 1700 จากนั้นเดินเท้ามายังบริเวณ ป่าใกล้สวนปาล์มน้ำมัน และพักอยู่บริเวณดังกล่าวเป็นระยะเวลา 1 วัน เพื่อรอเดินทางต่อไปไปยัง พื้นที่ อ.หาดใหญ่ จว. ส.ข. และประเทศมาเลเซีย โดยเสียค่าเดินทางไป จว.ส.ข. เป็นเงินจำนวน 22,000 บาท

และประเทศมาเลเซียเป็นเงินจำนวน 45,000 บาท โดยจะจ่ายเมื่อเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางเรียบร้อยแล้ว
เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมแรงงาน ฯ ส่ง สภ.ท่าแซะ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ขับเคลื่อน ส่งเสริมพัฒนาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไผ่จ.น่านให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ สามารถแข่งขันในตลาดสากล

แชร์เนื้อหานี้

จังหวัดน่าน โดย สำนักงานอุตสาหกรรมน่าน ดำเนินโครงการเกษตรปลอดภัยและมูลค่าสูง กิจกรรมหลักการแปรรูปผลิตภัณฑ์ไม้ ไม้ไผ่ เพื่อเพิ่มมูลค่า กิจกรรมย่อยพัฒนาอุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน ประจำปีงบประมาณ 2568 จัดงานแสดงผลงานและทดสอบตลาดผลิตภัณฑ์ต้นแบบอุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน NAN BAMBOO Inno-Creative 2025 จากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไม้ไผ่ของจังหวัดน่าน จำนวน 30 ผลิตภัณฑ์ โดยมีนางวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธีเปิดงาน และนายอดิศักดิ์ มณีท่าโพธิ์ อุตสาหกรรม

จังหวัดน่าน เป็นผู้กล่าวรายงานการจัดงาน มุ่งเน้นการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ ทันสมัย ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ ตอบสนองความต้องการของตลาด และวิถีของคนยุคปัจจุบัน ผสมผสานกับภูมิปัญญา อันทรงคุณค่า ทั้งนี้เพื่อสร้างรายได้ให้กับกลุ่มวิสาหกิจและผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนต่อไป สามารถร่วมชื่นชมผลิตภัณฑ์ต้นแบบอุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน และเข้าร่วมกิจกรรมภายในงานได้ระหว่างวันที่ 17 – 19 ตุลาคม 2568 ณ ข่วงเมืองน่าน (ข่วงน้อย) จังหวัดน่าน

นางวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า จังหวัดน่านมีพื้นที่เกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ มีผลผลิตทางการเกษตรเป็นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเกษตรกรรมการปลูกไผ่ และผู้ประกอบการ-วิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกและแปรรูปไผ่ ดังนั้น การพัฒนาอุตสาหกรรมไผ่สู่อนาคตที่ยั่งยืน และการผลักดันให้ไผ่เป็นไม้เศรษฐกิจอุตสาหกรรมครบวงจรของประเทศไทย ตลอดจนเพื่อเพิ่มพื้นที่การปลูกไผ่เศรษฐกิจ จึงควรมีการส่งเสริมการปลูกไผ่ในจังหวัดน่าน เพิ่มพื้นที่การปลูกไผ่เศรษฐกิจ สร้างป่าแก้ปัญหาเขาหัวโล้น ช่วยสร้างความยั่งยืนทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีแก่เกษตรกร ให้มีความมั่นใจในการผลิตไผ่แบบครบวงจร เกิดการรวมกลุ่ม และพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไผ่ ตลอดจนได้แนวทางผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมไม้ไผ่

ที่สามารถดำเนินการได้ถูกต้องตามกฎหมาย และเข้ากับบริบทสภาพพื้นที่ของจังหวัดน่าน ซึ่งรัฐบาลได้มีนโยบายในการส่งเสริม และพัฒนาอุตสาหกรรมไผ่ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยเน้นการพัฒนาวัตถุดิบและกระบวนการผลิตให้มีมาตรฐานมีคุณภาพสูง ส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมใหม่ เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ไผ่ในพื้นที่จังหวัดน่าน เนื่องจากการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรในระดับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) พบว่ายังอยู่ในระดับการแปรรูปชั้นต้น ราคาถูก หากมีการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยใช้นวัตกรรมใหม่จะทำให้มีการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและจังหวัดในภาพรวมมากยิ่งขึ้น

ด้าน นายอดิศักดิ์ มณีท่าโพธิ์ อุตสาหกรรมจังหวัดน่าน ในนามของหน่วยงานดำเนินโครงการ กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้เป็นปีที่สองของอุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน มีวัตถุประสงค์สำคัญ ได้แก่ พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SME และวิสาหกิจชุมชน ให้สามารถแข่งขันในตลาดสากล พัฒนาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไผ่ให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ สร้างรายได้ ที่ยั่งยืนแก่ผู้ประกอบการ ส่งเสริมและเปิดช่องทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่านสำหรับกิจกรรมที่ได้ดำเนินการมาแล้วนั้น ประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก คือ กิจกรรมแรก พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการ โดยจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการจำนวน 2 ครั้ง ครั้งละ 30 ราย กิจกรรมที่สอง พัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ ผ่านการศึกษาดูงาน เพื่อยกระดับมาตรฐาน และการให้คำปรึกษาเชิงลึกด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ แก่ผู้ประกอบการ 15 ราย

ได้ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาแล้วรวม 30 ผลิตภัณฑ์ กิจกรรมที่สาม เชื่อมโยงและทดสอบตลาด ซึ่งเป็นกิจกรรมสุดท้ายของโครงการ คือการจัดงานแสดงผลงานในครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 17-19 ตุลาคม 2568 โดยนำผลิตภัณฑ์ต้นแบบทั้ง30 ผลิตภัณฑ์ มาจัดแสดงและทดสอบตลาดผ่านแบบสอบถามรายผลิตภัณฑ์ เพื่อวิเคราะห์ และสรุปผลเป็นข้อมูลให้ผู้ประกอบการนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดต่อไป อีกทั้งภายในงานยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การสาธิตการต่อเรือไผ่ การสาธิตการทำอาหารจากไผ่ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ กิจกรรมส่งเสริมการขายและการแสดงดนตรีเป็นประจำทุกวัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : สำนักงานอุตสาหกรรมจะงหวัดน่าน 054 716 018/เครดิตสนง.ปชส.น่าน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / งานประเพณีรับบัว 2568 ประชาชนสองฝั่งคลองสำโรงร่วมอธิษฐานโยนบัวคึกคักบริหน้าตักหลวงพ่อโต อ.บางพลี สมุทรปราการ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อช่วงเช้า วันที่ 6 ตุลาคม 2568 ที่ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ

เป็นประธานเปิดลานวัฒนธรรม ในงานประเพณีรับบัว ประจำปี 2568 และร่วมโยนบัวลงที่บริเวณหน้าตักหลวงพ่อโตจำลองที่ล่องอยู่ในคลองสำโรง

ซึ่งสองฝากฝั่งคลองสำโรงประชาชนจำนวนมากต่างถือดอกบัวอธิษฐานก่อนโยนไปที่หน้าตักหลวงพ่อโต

จำลองที่ล่องในคลองสำโรง เพราะเชื่อกันว่า หากโยนบัวได้ถึงหลวงพ่อโต

คำอธิษฐานก็จะเป็นจริง สมความปรารถนาภายในงานมี นายสมศักดิ์ แก้วเสนา ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ

นางอารีรัตน์ สุนทรเสนาะ วัฒนธรรมจังหวัดสมุทรปราการ ดร.พัฒนพงศ์ จงรักดี นายกเทศมนตรีตำบลบางพลี

นายวิชัย จันทร์จำรูญ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรปราการ อาจารย์ชูศรี สัตยานนท์ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอบางพลี

นางสาววัฒนจิต บูรณเทพ ผู้แทนจาก ททท. สำนักงานจังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรม

ขณะที่ นายสุนทร ปานแสงทอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมคณะผู้บริหาร และส.อบจ.ก็ได้ล่องเรือในคลองสำโรง เพื่อโยนข้าวต้มมัด น้ำดื่ม ไข่ต้ม ให้กับประชาชนริมสองฝั่งคลองสำโรง

ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่น โดยมีขบวนเรือแห่จากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมขบวนจำนวนมาก นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้ร่วมแจกข้าวต้มมัดแก่ผู้มาร่วมงาน

งานประเพณีรับบัว ประจำปี 2568 ถือประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ ของชาวอำเภอบางพลี

ที่แสดงถึงความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ต่อคนต่างถิ่นที่มาอาศัยอยู่ในอำเภอบางพลี แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิต

ความผูกพันกับสายน้ำ ที่มีมาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และได้รับการประกาศเป็นมรดกภูมิปัญญา

ทางวัฒนธรรมของชาติ โดย กระทรวงวัฒนธรรม ประเพณีรับบัว จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11

ซึ่งปีนี้ตรงกับจันทร์ที่ 6 ตุลาคม 2568จะมีการอัญเชิญหลวงพ่อโตจำลอง ลงเรือแห่ไปตามลำคลองสำโรง

เพื่อให้ประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณสองฝั่งคลอง และที่มาร่วมพิธีได้ร่วมสักการบูชา โดยการโยนดอกบัวลง

ไปในเรือที่องค์หลวงพ่อโต ประดิษฐานอยู่ เชื่อกันว่า หากสามารถโยนดอกบัวไปในเรือ แล้วอธิษฐานสิ่งใดไว้ จะประสบความสำเร็จสมหวังทุกประการ


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ