คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวกีฬา

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “ศึกศิลปะมวยไทยลพบุรี – จิตรเมืองนนท์สัญจร” เพื่อส่งเสริมเยาวชนและอนุรักษ์ศิลปะมวยไทย

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 11 ตุลาคม 2568 เวลา 18.00 น. ณ บริเวณอาคารศูนย์กีฬา โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ลพบุรี
พลเอกชนินทร์ สิงหนาถนิติรักษ์ (ผู้ทรงคณวุฒิพิเศษกองทัพบก) ประธานจัดการแข่งขัน”ศึก ศิลปะมวยไทยลพบุรี – จิตรเมืองนนท์สัญจร” นายเจตพงศ์ โชคสวัสดิ์วลกุล (นายอำเภอโคกสำโรง)

พ.ต.อ. จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต (ผกก.สภ.โคกสำโรง) ผอ.ดร.ศักดิ์ดา คำโส (ผอ.รร.จุฬาภรณฯ ลพบุรี) นายกัณพงศ์ แช่ภู่ นายณัฏพงษ์ อารยางค์กูร

(ประธาน กต.ตร.สภ. โคกสำโรง) นายปรีชา กิจรัตนกาญจน์ นายนิธิโรจน์ หงษ์ยนต์ พร้อมด้วยคณะกรรมจัดการแข่งขันชกมวย ประชนเข้าร่วมงานฯ

“ศึกศิลปะมวยไทยลพบุรี – จิตรเมืองนนท์สัญจร” การจัดงานในครั้งนี้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ

  1. สมทบทุนปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ลพบุรี
  2. จัดซื้ออุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยด้านการจราจรและอื่นๆให้กับสถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง
  3. เพื่อนำรายได้ไปสนับสนุนการพัฒนาโรงพยาบาบาล
    โคกสำโรง และนอกจากนี้ยังมีวัตถุประสงค์สำคัญ ในการส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปะมวยไทย
  4. ซึ่งถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติไทย ให้ยังคงอยู่ในสังคมไทย และส่งต่อไปสู่คนรุ่นใหม่ในอนาคต งานในครั้งนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง ค่ายมวยจิตรเมืองนนท์, โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬา
    ภรณราชวิทยาลัย ลพบุรี, คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง, (กต.ตร.สภ.โคกสำโรง) และวัดเขาลังพัฒนา

งานนี้ไม่เพียงแต่เป็นเวทีแห่งการแสดงออกถึงความสามารถของนักมวยไทยทั้งรุ่นเยาว์และรุ่น ใหญ่ หากยังมีเจตนารมณ์อันงดงามในการส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ ทั้งในด้านการศึกษา ความปลอดภัยงานด้านจราจร งานของตำรวจ สภ.โคกสำโรง และการพัฒนาสาธารณสุของชุมชนอำเภอโคกสำโรงอีกด้วย

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี
อนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐนิวส์*สื่อรัฐทีวี / “ปั่นสู่นครนาคา” คึกคัก! อบจ.บึงกาฬ ชวนคนรักสุขภาพ ร่วมปั่นตามรอยเส้นทางพญานาค “นาคารูท” และร่วมงาน “14 ปี เปิดประตูสู่นครนาคา ออกพรรษาบึงกาฬ”

แชร์เนื้อหานี้

ที่ถนนข้าวเม่าริมโขง อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ นายไตรภพ รำเพยพล รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม “ปั่นสู่นครนาคา ออกพรรษาบึงกาฬ” ประจำปี 2568

ภายใต้โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดบึงกาฬ “14 ปี เปิดประตูสู่นครนาคา ออกพรรษาบึงกาฬ” โดยมีนายณรงค์ศักดิ์ คุรุพันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ นายแพทย์ภมร ดรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ นายธีระพล ขุนพานเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมเป็นเกียรติพิธีเปิด

ซึ่งกิจกรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 – 7 ตุลาคม 2568 โดยมีกิจกรรมหลากหลายทั้งบันเทิง วัฒนธรรม และกิจกรรมเพื่อสุขภาพ ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือ “ปั่นสู่นครนาคา” กิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนและนักปั่นทั่วประเทศได้มาร่วมสัมผัสเสน่ห์เมืองบึงกาฬ ตามเส้นทางการท่อง

เที่ยวแห่งความเชื่อความศรัทธา “นาคารูท” โดยนักปั่นจะได้สักการะหลวงพ่อใหญ่ พระคู่บ้านคู่เมืองบึงกาฬ ที่อำเภอเมืองบึงกาฬ, สักการะปู่อือลือที่เกาะดอนโพธิ์ อ.บึงโขงหลง และตามรอยหลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ที่วัดเจติยาคีรีวิหาร หรือวัดภูทอก อำเภอศรีวิไล ฯลฯ

นายไตรภพ รำเพยพล รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ โดยนางแว่นฟ้า ทองศรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ และคนบึงกาฬ ยินดีต้อนรับคณะนักท่องเที่ยวที่มาชมจังหวัดบึงกาฬ ตลอดจนนักปั่นจังหวัดบึงกาฬ และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งการจัดงานปั่นครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 3 และทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ จะจัดงานให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นต่อไป

และนอกจาก กิจกรรมปั่นจักรยานแล้ว ระหว่างวันที่ 5 – 7 ตุลาคม 2568 ภายในงานยังอัดแน่นไปด้วยความสนุกและสีสัน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง อาทิ เสียงอีสาน, เวียง นฤมล, ไหมไทย หัวใจศิลป์ และสาวน้อยเพชรบ้านแพง ตลอดจนการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากเยาวชนในพื้นที่, การประกวดเต้น “บาสโลบ” และการประกวดธิดานาคา โดยตลอดทั้ง 3 วันของการจัดงาน เปิดให้เข้าชมฟรี
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สองล้อหัวใจอาสา “โปลิสนรา” ปั่นน้ำใจ เติมรอยยิ้มให้เด็กกำพร้า เมืองนรา พร้อมกิจกรรมสันทนาการ เสียงหัวเราะ ประทับใจ

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (5 ต.ค.68) ที่ สภ.เมืองนราธิวาส พ.ต.อ.ปรัชญา ไบเตะ ผกก.สภ.เมืองนราธิวาส ในฐานะประธานกลุ่ม “สองล้อรู้ใจ โปลิสนรา” นำสมาชิกกว่า 30 คน ร่วมจัดกิจกรรม “สองล้อรู้ใจ โปลิสนรา ครั้งที่ 2” เดินหน้าทำความดีด้วยหัวใจ จัดทริปขับขี่มอเตอร์ไซค์เยี่ยมและมอบสิ่งของแก่บ้านเด็กกำพร้า 2 แห่งในพื้นที่อำเภอเมืองนราธิวาส ได้แก่ บ้านเด็กกำพร้ายะกัง และ มูลนิธิบ้านเด็กกำพร้าดารุลอีมาน

สำหรับกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการขับขี่ปลอดภัย ใส่หมวกนิรภัย เคารพกฎจราจร ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์และความสามัคคีในกลุ่มผู้รักมอเตอร์ไซค์ พร้อมทั้งสนับสนุนการทำกิจกรรมเพื่อสังคมและช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส

โดยบรรยากาศเริ่มต้นที่ลานอเนกประสงค์ สภ.เมืองนราธิวาส โดยมี พ.ต.อ.ปรัชญา ไบเตะ กล่าวเปิดกิจกรรมอย่างเป็นทางการ จากนั้นสมาชิกกลุ่มได้ตรวจสภาพรถและอุปกรณ์นิรภัย ก่อนออกเดินทางสู่บ้านเด็กกำพร้ายะกัง ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ พร้อมร่วมมอบเงินทุนการศึกษาและสิ่งของจำเป็นให้แก่เด็ก ๆ

ต่อมาคณะสองล้อรู้ใจฯได้เดินทางต่อไปยังมูลนิธิบ้านเด็กกำพร้าดารุลอีมาน ต.กะลุวอเหนือ อ.เมืองนราธิวาส เพื่อมอบของบริจาค ร่วมแจกไอศกรีม สร้างรอยยิ้มด้วยกิจกรรมสันทนาการ และรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับเด็กๆในบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง

ทั้งนี้กิจกรรมในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี ท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทั้งผู้ให้และผู้รับ สะท้อนพลังแห่งน้ำใจของกลุ่ม “สองล้อรู้ใจ โปลิสนรา” ที่ไม่เพียงขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ หากแต่ขับเคลื่อนด้วย หัวใจของความดีและจิตอาสา
/////////
ข่าว/กรียานราธิวาส

สื่อรัฐนิวส์*สื่อรัฐทีวี / เปิดการแข่งขันกีฬาสีโรงเรียนฝวาหมินกงลิ ประจำปีการศึกษา 2568

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 23 กันยายน 2568 นายณัฐวัฒน์ โชติกสถิตย์ ประธานสภาเทศบาลเมืองชุมพร ให้เกียรติมาเป็นประธาน
ในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาสีประจำปีการศึกษา 2568 ร่วมกับ

นายประชา วิโรจน์ทินกร ในฐานะ ประธานมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ นายอรรถสิทธิ์ ลิมสถายุรัตต์ ผู้รับใบอนุญาต โรงเรียน

ฝวาหมินกงลิ ดร. มยุรีย์ ทิพย์ญาณ ผู้อำนวยการโรงเรียน คณะผู้บริหารโรงเรียน นักกีฬา กองเชียร์ที่รักทุกคน

นายอรรถสิทธิ์ ลิมสถายุรัตต์ กล่าว โรงเรียนฝวาหมินกงลิ การจัดการแข่งขันกีฬาสีทางโรงเรียนจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อส่ง

เสริมให้นักกีฬา มีทักษะด้านกีฬาพื้นฐาน เพื่อเสริมสร้างความรักความสามัคคี ปลูกฝังให้นักกีฬาเล่นกีฬาด้วยน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้

ชนะ รู้อภัย ห่างไกลยาเสพติด ดังคำขวัญที่ว่า เสียเหงื่อให้กับการกีฬาดีกว่าเสียน้ำตาให้กับยาเสพติด ในการแข่งขันกีฬา แบ่ง

นักกีฬา กองเชียร์ออกเป็น 4 สี ได้แก่ สีแดง สีน้ำเงิน สีม่วง และ สีชมพู โดยมีนักกีฬาและกองเชียร์เข้าร่วมทั้งหมด 1,600 คน

โรงเรียนได้รับการสนับสนุนวงดุริยางค์ 1. วงโยธวาทิตมณฑลทหารบกที่ 44 2. วงโยธวาทิตโรงเรียนสอาดเผดิมวิทยา 3. วงโย

ธวาทิตโรงเรียนนิรมลชุมพร 4. วงโยธวาทิต โรงเรียนสวีวิทยา 5. วงโยธวาทิต โรงเรียนท่าแซะรัชดาภิเษก ได้รับการสนับสนุน เจ้า

หน้าที่จราจร การให้ความสะดวกปลอดภัยกับนักกีฬากองเชียร์ รับสนับสนุนรถพยาบาลจากมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์และ

คณะผู้ปกครองทุกท่านในการ จัดริ้วขบวนกีฬาสีเป็นอย่างดี ทางโรงเรียนจึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้


นายณัฐวัฒน์ โชติกสถิตย์  ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาสีโรงเรียนฝวาหมินกงลิ ประจำปีการศึกษา 2568 ในครั้งนี้ ผมได้เห็นถึงความสามัคคีในการทำงานและได้เห็นถึงการปลูกฝังให้นักกีฬา กองเชียร์ มีน้ำใจนักกีฬา และมีทักษะในการเล่นกีฬาเสมอมา สี่สีที่แบ่งออกเพื่อความสะดวกในการ แข่งขันขอให้เด็กๆจำไว้ว่า สุดท้ายแล้วเราจะกลับมาเป็นสีเดียวกันคือขาวแดง ผมได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาหลายครั้ง เห็นถึงความพร้อมเพรียง ความคิดสร้างสรรค์ ความสามัคคี พัฒนาขึ้นทุกปี เป็นที่น่าชื่นชมยินดีนัก ขอให้นักกีฬา กองเชียร์เล่นกีฬาอย่างมีน้ำใจนักกีฬา สนุกสนานและปลอดภัยกันทุกคน

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514

สื่อรัฐนิวส์*สื่อรัฐทีวี / ศอ.บต.ขับเคลื่อนนโยบาย “120 วัน พืชกระท่อม” เห็นผลเป็นรูปธรรม สังคม-ชุมชนลุกขึ้นปฏิเสธการใช้และการค้า

แชร์เนื้อหานี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สวนนราเปี่ยมสุข ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง

เป็นประธานเปิดโครงการ “เยาวชนรุ่นใหม่ต่อต้านพืชกระท่อม สร้างสังคมเข้มแข็งปลอดยาเสพติด” ประจำปีการศึกษา 2568 พร้อมทั้งมอบรางวัลให้แก่นักเรียนผู้ชนะการประกวดในกิจกรรมครั้งนี้

สำหรับโครงการดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้การขับเคลื่อนวาระ 120 วันพืชกระท่อม ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดยมีนักเรียนและเครือข่ายเยาวชนจากโรงเรียนอัต

ตัรกียะห์อิสลามียะห์ เข้าร่วมอย่างคึกคัก เพื่อร่วมสร้างพื้นที่ปลอดภัย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิด และเป็นพลังสำคัญในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและปราศจากยาเสพติด

นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง เปิดเผยว่า การดำเนินการตามวาระ 120 วันพืชกระท่อม ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา และจะครบกำหนดในวันที่ 30 กันยายน 2568

ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในหลายมิติ ทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ และชุมชน โดยพบว่ามีพลังจากกลุ่มผู้นำตามธรรมชาติ ผู้ปกครอง และประชาชนที่ลุกขึ้นปฏิเสธการใช้และการค้าพืชกระท่อม ขณะเดียวกันปรากฏชัดว่าการค้าขายตามเส้นทางหลักในพื้นที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้งการเปิดโอกาสให้เยาวชนมีส่วนร่วมถือเป็นหัวใจสำคัญที่สะท้อนพลังและมุมมองใหม่ๆในการแก้ไขปัญหา ต่างจากเดิมที่การขับเคลื่อนแก้ปัญหายาเสพติดใช้กลไกภาครัฐเป็นหลัก ภาย

ใต้การนำของพ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้ผลักดันให้เยาวชนคิดและลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเอง ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงสังคมอย่างเป็นรูปธรรม

ซึ่งโครงการในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นเวทีให้เยาวชนได้แสดงศักยภาพ แต่ยังเป็นอีกก้าวสำคัญในการบ่มเพาะพลังคนรุ่นใหม่ให้มีส่วนร่วมในการสร้างสังคมเข้มแข็ง ปลอดภัย และปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืน
///////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เยี่ยมแค้มป์นักเตะอนุบาลหนองปรือ ตักศิลาหมากแข้งชลบุรี สถานที่ปลุกปั้น ’หนูน้อยต้นอ้อ‘ แข้งจิ๋วมหัศจรรย์

แชร์เนื้อหานี้

มีรายงานว่า ทีมฟุตซอลโรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองปรือ ได้เรียกตัวนักกีฬาเข้าแคมป์ฝึกซ้อมเพื่อร่วมชิงชัยการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย (ระดับภาคตะวันออก) ครั้งที่ 40 ประจำปี 2568 รายการตากสินระยองเกมส์ 2025

โดยในประเภททีมเยาวชนหญิง นักกีฬาทั้งหมดต้องมาอาศัยอยู่ร่วมกันตามระบบฝึกซ้อมที่เคร่งครัดและจริงจัง โดยในเวลา 05.00 น. จะเป็นเวลาตื่นนอนของนักกีฬา ในเวลา 05.15 น. จะมีการวิ่งและฝึกซ้อมประมาณ 1 ชม.กว่าๆ ก่อนเวลา 06.30 น. จะอาบน้ำแต่งตัว และรับประทานข้าวเช้าที่โรงเรียนจัดหามาให้ในเวลา 07.00 น.

ในเวลา 08.00 น. จะเข้าเรียนตามปกติตามรายวิชาประจำวัน เมื่อเลิกเรียนเวลา 16.00 น. ก็จะฝึกซ้อมบอลต่อในเวลา 16.30 น. เวลาประมาณ 2 ชม. ก่อนทางผู้ฝึกสอนจะอนุญาตให้ทางบ้านมารับไปรับประทานอาหารเย็นในเวลา 18.30 น. โดยมีเวลาอยู่กับครอบครัว ประมาณ 2 ชม. ก่อนเวลา 20.30 น. ต้องกลับแค้มป์นักกีฬา เพื่อประชุมทีมในเวลา 20.50 น. และเข้านอนในเวลา 21.30 น. โดนห้ามนำโทรศัพท์มือถือไปโรงเรียนโดยเด็ดขาด

จากการพูดคุยกับ ด.ญ.รวิ หอมชื่น หรือ น้องต้นอ้อ อายุ 12 ปี นักเรียนอยู่ชั้น ป.6 โรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองปรือ ในฐานะนักฟุตซอล รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี ของโรงเรียน ในตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า หรือ สไตรเกอร์ (Striker) ของทีม เผยว่า ได้มาอยู่กับเพื่อนนักฟุตบอลที่โรงเรียนเพื่อฝึกซ้อมเตรียมตัวแข่งขันกีฬานักเรียน อปท. ที่ระยอง ในเดือนวันที่ 6-15 พฤศจิกายน 2568 ที่จะถึงนี้

โดยนักกีฬาทุกคนต้องมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเพื่อให้ได้รู้จักกัน ได้ฝึกซ้อมร่วมกันตามแผนการเล่นของโค้ชเพื่อสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียน ซึ่งทุกคนก็สนุกสนานที่ได้มาอยู่ด้วยกัน เพราะในแต่ละวันต้องทำกิจกรรมฝึกซ้อมหลายอย่าง ซึ่งคุณครูผู้ฝึกสอนก็ได้สอนในเรื่องการใช้ชีวิตที่สมถะ อยู่ร่วมกันแบบพี่น้อง กินง่ายอยู่ง่าย แต่ถึงเวลาเราต้องฝึกซ้อมก็ต้องซ้อมแบบจริงจัง

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ทัพนักกีฬาภาคอีสาน” ย่าโมโคราชเกมส์”1.8หมื่นคนบุกโคราช คาดเงินสะพัด 60 ล้าน

แชร์เนื้อหานี้

กองทัพนักกีฬาจาก อปท.ภาคอีสาน 1.8หมื่นคน เตรียมบุกจังหวัดนครราชสีมา เพื่อแข่งขันกีฬา” นักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” แห่งประเทศไทย รอบคัดเลือกระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 40 “ย่าโมโคราชเกมส์” ระหว่างวันที่ 20 – 30 ตุลาคม 2568

นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะพ่อเมืองโคราช กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพ การแข่งขันกีฬานักเรียน.องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทยรอบคัดเลือก ระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่

40 ว่า จังหวัด นครราชสีมา เรามีความพร้อมมาก ในการรองรับนักกีฬากว่า 1.8หมื่นคน ที่จะเดินทางมา 20 จังหวัด ภาคอีสาน เพื่อที่จะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬานักเรียน อปท.ถาคอีสานในครั้งนี้ โดยเฉพาะจังหวัดเรามีห้องพักเพียงพอรองรับ มีห้างสรรพ

สินค้า ขนาดใหญ่ ถึง 3 ห้าง มีร้านค้า ร้านอาหาร สถานที่บริการมากมาย มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อาทิ แหล่งท่องเที่ยว 3 มรดกโลก สถานที่ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อำเภอปากช่อง สถานที่ท่องเที่ยว อ.วังน้ำเขียว จุดเช็คอิน เขายายเที่ยง

กังหันลมยักษ์ และอื่นๆอีกมากมาย จ.นครราชสีมา เรามีความพร้อมอย่างมาก ในการต้อนรับและเป็นเจ้าภาพที่ดี จึงขอเรียนเชิญ ทัพนักกีฬา อปท.ทั้ง 20 จังหวัด เดินทางมาอย่าง สะดวกสะบาย ไม่ต้องกังวลถึงการ เป็นเจ้าบ้าน ของโคราช ในครั้งนี้

ด้าน ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะเจ้าบ้านเตรียมต้อนรับ ทั้งสนามการแข่งขัน พิธีเปิดและดูแลผู้ที่ร่วมเดินทางมาร่วมการแข่งขัน กีฬา อปท.ภาคอีสาน 20 จังหวัดในครั้งนี้ ทาง อบจ.ได้เตรียมงบประมาณกว่า 35 ล้านบาท เอาไว้จัดการแข่งขันในครั้งนี้ อีกทั้งเตรียมสนามการแข่งขัน ที่มีมาตรฐานกว่า 20 สนาม

รองรับ 16 ชนิดกีฬา ที่ใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ และการแข่งขันครั้งนี้ เป็นการเปิดบ้าน เปิดเมือง เพื่อต้อนรับ บรรดานักกีฬา พร้อมผู้ติดตามกว่า 1.8 หมื่น คนที่จะเข้ามา กิน เที่ยว และ พัก กว่า 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 20 – 30 ตุลาคม คาดว่าเงินสะพัดกว่า 60 ล้านบาท พร้อมเตรียมไฮไลท์ พิธีเปิดอย่างยิ่งใหญ่ อลังการ สมเป็นเมืองหลวงของภาคอีสาน ดร.ยลดา กล่าว

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / การแข่งขันกีฬาสานสัมพันธ์ ราชการ ปกครอง ส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ครั้งที่ 4

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 17 ก.ย.68 ที่ สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนตำบลตะโละแมะนา อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี นายไชยพร นิยมแก้ว

รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานปิดการแข่งขัน “กีฬาสานสัมพันธ์ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อำเภอทุ่งยางแดง ครั้งที่ 4 ประจำปี 2568 มี

นายมงคล สินยัง นายอำเภอทุ่งยางแดง หัวหน้าส่วนราชการ ประธานชมรม นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนราชการ

ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ บุคลากรทางการศึกษา ทั้งภาครัฐและเอกชน ชมรมตาดีกา ภาคีเครือข่าย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน

และประชาชน เข้าร่วม เป็นจำนวนมาก สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์ ความรักความสามัคคี ระหว่างส่วน

ราชการกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สร้างบรรยากาศความผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดจากการทำงานและสถานการณ์ความรุนแรงในปัจจุบัน

และเพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมการออกกำลังกายและเล่นกีฬา โดยใช้กีฬาเป็นสื่อกลางในการสร้าง

ความสัมพันธ์ โดยมี ประเภท ประกอบด้วย กีฬาฟุตซอล การแข่งขัน วิ่งผลัดโดยใส่ชุดเครื่องแบบของแต่ละหน่วยงาน และกีฬาพื้นบ้าน

นายไชยพร นิยมแก็ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า กิจกรรมนี้ได้เห็นถึงความร่วมมือ ร่วมใจของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ของอำเภอทุ่งยางแดง รวมทั้งประชาชนที่มีส่วนร่วม มีความตั้งใจ และทุ่มเทในการสนับสนุนการ

จัดการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้เป็นอย่างดี ได้เห็นถึงความรัก ความสามัคคีของส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน

ผู้ใหญ่บ้าน การแข่งขันกีฬานอกจากจะทำให้ผู้ที่เล่นกีฬามีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง

มีสุขภาพจิต ที่เข้มแข็ง และมีน้ำใจ เป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัยแล้ว ยังเสริมสร้างให้เกิดความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะอีกด้วย

ตอริก สหสันติวรกุล
ผอ.บรรณาธิการข่าว /
ศูนย์ข่าวภาคใต้ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เปิดโปรไฟล์ “หนูน้อยต้นอ้อ-รวิ หอมชื่น“ แข้งจิ๋วโต๊ะเล็กเมืองฉลาม ดาวจรัสแสงอนาคตไกล”เฮิร์บแลนด์“ เล็งปลุกกระแส “ต้นสาคู” พืชมากสรรพคุณแดนใต้ หวั่นถูกโลกยุคใหม่ลืมเลือน/ ระเบิดศึกชิงชัย “BGC Powerboat Grand Prix 2025” สนามที่ 2 ที่หาดบางเสร่ อัพสกิลนักกีฬาไทยสู่เวทีสากล

แชร์เนื้อหานี้

”ฟุตซอล“ เป็นอีกประเภทกีฬาหมากแข้งที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างแพร่หลายไม่แพ้ฟุตบอล จนในปัจจุบันมีผู้สนใจหันมาเอาจริงเอาจังกับกีฬาประเภทนี้มากมายทั่วโลก ทั้งชายหญิง หนุ่มสาว รวมทั้งเด็กและเยาวชน จนมีการจัดการแข่งขันมากมายทั้งในระดับชุมชน ระดับโรงเรียน ระดับจังหวัด ระดับภาค และระดับประเทศ ความน่าสนใจคือมีนักกีฬาดาวรุ่งหน้าใหม่ผุดขึ้นราวดาวเห็ด หนึ่งในนั้นคือ ”ต้นอ้อ-รวิ หอมชื่น” นักกีฬาฟุตซอลหญิง อายุไม่เกิน14 ปี ประจำทีมโรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองปรือ แข้งจิ๋วโต๊ะเล็กดาวจรัสแสงดวงใหม่จากจังหวัดชลบุรี

ด.ญ.รวิ หอมชื่น ชื่อเล่น น้องต้นอ้อ เกิดวันที่ 7 เมษายน 2556 อายุ 12 ปี อยู่ชั้น ป.6 โรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ปัจจุบันเป็นนักฟุตซอล รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี ของโรงเรียน โดยเล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า หรือ สไตรเกอร์ (Striker) มีพี่ชาย 1 คน คือ นายวีรภัทร หอมชื่น (เอิร์ธ) อยู่ชั้น ม.5 โรงเรียนหัวถนนวิทยา อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี และเป็นนักฟุตซอลรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ของโรงเรียนเช่นกัน โดย เริ่มเล่นฟุตซอลตั้งแต่อายุ 10 ปี หรือตอน ป.4 จากอดีตที่ไม่เคยสนใจกีฬาฟุตบอลเลย แต่ด้วยเห็นพี่ชายเป็นนักกีฬาฟุตซอล และบิดาชื่นชอบกีฬานี้เป็นพิเศษมักเล่นฟุตบอลและมีแข่งขันออกกำลังกายอยู่บ่อยครั้ง จึงเกิดความซึมซับ ก่อนเริ่มหัดเล่นจนชื่นชอบ และมุ่งมั่นจนได้เป็นนักกีฬาฟุตซอลประจำโรงเรียนในที่สุด

ทั้งนี้ มีผลงานที่เป็นเกียรติแก่ครอบครัวตนเองและโรงเรียนมากมาย อาทิ ที่ 2 เหรียญเงิน รองแชมป์การแข่งขันฟุตซอลประเภทหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี รายการกีฬานักเรียนองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น (อปท.) ระดับภาคตะวันออก ประจำปี 2566 ก่อนได้สิทธิ์เป็นตัวแทนไปแข่งขันระดับประเทศ, ที่ 2 เหรียญเงิน รองแชมป์การแข่งขันฟุตซอลประเภทหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี รายการกีฬานักเรียนองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น (อปท.) ระดับภาคตะวันออก ประจำปี 2567 ก่อนได้สิทธิ์เป็นตัวแทนไปแข่งขันระดับประเทศ (เป็นรองแชมป์สองปีซ้อน ในรายการระดับภาค),

ที่ 3 เหรียญทองแดง การแข่งขันฟุตซอลประเภทหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี กีฬานักเรียนองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น (อปท.) ระดับประเทศ ประจำปี 2566, ที่ 3 เหรียญทองแดง การแข่งขันฟุตซอลประเภทหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี กีฬานักเรียนองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น( อปท.) ระดับประเทศ ประจำปี 2567 (ได้ที่ 3 สองปีซ้อนเช่นกัน ในรายการระดับประเทศ) ,ที่ 3 เหรียญทองแดง การแข่งขันฟุตซอลประเภทหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี รายการกีฬานักเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี (อบจ.ชลบุรี) ประจำปี 2568 และเหรียญทอง ชนะเลิศการแข่งขันฟุตซอลประเภทหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี รายการชิงแชมป์เยาวชนเมืองพัทยา ประจำปี 2568

ขณะนี้ หนูน้อยต้นอ้อ-รวิ หอมชื่น กำลังเก็บตัวเพื่อไปสู้ศึกร่วมการแข่งขันรายการนักเรียนองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น (อปท.) ระดับภาคตะวันออก ประจำปี 2568 ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ที่จังหวัดระยอง โดยตลอดวันจันทร์-อาทิตย์ ได้เข้าแคมป์เก็บตัวนักกีฬากับทางโรงเรียน ที่มีนายวิศรุต เย็นฉ่ำ (ครูบาส) และนายอาคม แจ่มจำรัส (โค้ชตุ๋ม) เป็นผู้ฝึกสอน และจะได้กลับบ้านเฉพาะช่วงหลังซ้อมเสร็จตอนเย็นเท่านั้น เพื่อรับประทานอาหารและเตรียมสิ่งของส่วนตัว ก่อนจะกลับมาเข้าแคมป์ฝึกซ้อมที่โรงเรียนในเวลา 20.3

ระเบิดศึกชิงชัย “BGC Powerboat Grand Prix 2025” สนามที่ 2 ที่หาดบางเสร่ อัพสกิลนักกีฬาไทยสู่เวทีสากล

มีรายงานว่า นายอนุศักดิ์ พิริยอมร นายอำเภอสัตหีบ และนางสาวรัตน์ฤดี ปิ่นแก้ว ผู้จัดการส่วนสื่อสารภาพลักษณ์องค์กร บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดในการแข่งขันเรือเร็วครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในรายการ “BGC Powerboat Grand Prix 2025” สนามที่ 2 ที่ชายหาดบางเสร่ จังหวัดชลบุรี

สิงห์ วอเตอร์สปอร์ต (Singha Watersports) ได้จัดการแข่งขันเรือเร็วครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในรายการ “BGC Powerboat Grand Prix 2025” สนามที่ 2 โดย บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ในเครือกลุ่มบริษัทบางกอกกล๊าส หรือ BG ร่วมสนับสนุนการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง

ในพิธีได้รับเกียรติจาก นายสมหวัง เอี่ยมดี นายกเทศบาลตำบลบางเสร่, นายนัฐพงษ์ คงข่าน สมาชิกเทศบาลตำบลบางเสร่ และ นายเชาวลิต ละอองขวัญ ผู้จัดการฝ่ายดูแลอาคารและสถานที่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด พร้อมด้วยประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สนใจร่วมงานกันอย่างคึกคัก

ทั้งนี้ การแข่งขันแบ่งออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ รุ่น F1 (Formula 1), F5s (Formula 5s), F5 (Formula 5), SPORT 40HP, F30HP (Formula 30HP) และ F3 (Formula 3) โดยผลการแข่งขันในรุ่น Formula 1 นายสราวุธ ขำดี นักแข่งจากทีม BGC สามารถคว้าชัยชนะอันดับ 1 ไปครอง โดยมี นางสาวภัณฑิดา วิทยาภาเลิศ ผู้อำนวยการสำนักกิจการเพื่อสังคมและสื่อสารองค์กร บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติมอบรางวัล

การสนับสนุนของ BGC ในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ BGC ในการยกระดับกีฬาทางน้ำไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานสากล พร้อมสร้างเวทีให้นักกีฬาไทยได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาและก้าวสู่การแข่งขันในเวทีนานาชาติในอนาคต นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของ BGC ยังตอกย้ำบทบาทองค์กรในฐานะผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ที่ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการสนับสนุนกิจกรรมด้านกีฬาและการพัฒนาชุมชน ภายใต้แนวทางการเติบโตที่เคียงคู่กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน

”เฮิร์บแลนด์“ เล็งปลุกกระแส “ต้นสาคู” พืชมากสรรพคุณแดนใต้ หวั่นถูกโลกยุคใหม่ลืมเลือน

น.ส.ณัฏฐ์นลิน เชี่ยวชาญธนกิจ ผู้บริหาร บจก.เฮิร์บแลนด์ โปรดักส์ และคณะ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับต้นสาคูกับนายชาญวิทย์ ดารามิตร ปราชญ์ท้องถิ่นและกูรูเรื่องต้นสาคูจากจังหวัดพัทลุง ที่ได้เดินทางมาออกบูธนำเสนอและจำหน่ายเม็ดสาคูต้น “สาคูใต้พัทลุง ของแท้ หาทานยาก” ในงานของดีชาวแดนใต้ OTOP ทั่วไทย และ SMEs ร่วมใจสู่เมืองระยอง ที่โดมแอร์สนามกีฬาจังหวัดระยอง ซึ่งจัดขึ้นโดยโอท็อปเพื่อสังคม และกรมการพัฒนาชุม กระทรวงมหาดไทย

โดยทาง ผู้บริหาร บจก.เฮิร์บแลนด์ โปรดักส์ ได้เล็งเห็นถึงคุณค่าและคุณประโยชน์ของต้นสาคู พืชมากประโยชน์และมากสรรพคุณ ที่ปัจจุบันกำลังจะถูกลืมเลือนไปจากคนรุ่นใหม่และกระแสสังคม จึงมีแนวคิดจุดประกายในการส่งเสริม ต่อยอด สร้างมูลค่าช่วยเหลือชุมชนที่มีแหล่งป่าต้นสาคู และชาวบ้านที่สร้างรายได้จากประโยชน์ของต้นสาคูให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมทั้งสร้างความยั่งยืนในระบบนิเวศป่าต้นสาคูให้ขยายมากขึ้นและคงอยู่สืบไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากผู้บริหาร บจก.เฮิร์บแลนด์ โปรดักส์ และคณะ ได้แลกเปลี่ยนความรู้กับทางกูรูเรื่องต้นสาคูจากจังหวัดพัทลุง ที่ได้เดินทางมาออกบูธในครั้งนี้พร้อมภรรยา ด้วยมิตรภาพและอัธยาศัยไมตรีที่ดีแล้ว ทั้งหมดจึงได้ร่วมกันถ่ายภาพที่ระลึก ก่อนที่ทางคณะเฮิร์บแลนด์ ได้เลือกชมและเลือกซื้อสินค้าเม็ดสาคูต้น พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อสื่อสารร่วมกันเพื่อพูดคุยรายละเอียดเชิงลึกในการต่อยอดเรื่องต้นสาคูดังกล่าวร่วมกันในอนาคต

อนึ่ง ต้นสาคู เป็นพืชตระกูลปาล์มขนาดกลางถึงใหญ่ ความสูงประมาณ 10–15 ม. ลำต้นตั้งตรงเส้นผ่านศูนย์กลาง 30–50 ซม. ใบยาวคล้ายใบมะพร้าวและใบจากใช้มุงหลังคา เส้นใบและก้านใช้จักสาน ลำต้นบางส่วนใช้เป็นฟืน รากช่วยยึดดินในพื้นที่ชุ่มน้ำ ชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะที่ที่มีน้ำขังตลอดทั้งปี ริมน้ำ หนองคลองบึง และป่าพรุ พบมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ปาปัวนิวกินี และเป็นพืชเฉพาะถิ่นทางภาคใต้ของไทย

ในส่วนของการใช้ประโยชน์จากต้นสาคู หลักๆ นั้น จะมีการนำไส้ต้นหรือแกนในของลำต้นสาคู ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 8-10 ปี มาทำเป็นแป้งสาคู เมื่อตัดต้นลงมาจะขูดแกนในออกมาล้างและร่อนจนเป็นเม็ดกลม ก่อนนำไปตากจนแห้ง จะได้แป้งสาคู หรือ “สาคูต้น” ซึ่งต้นสาคูแต่ละต้นจะให้สาคูต้นที่มีสีแตกต่างกันออกไป ทั้ง สีน้ำตาล สีชมพู หรือว่าส้มอมเหลือง ตามตามความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งที่ขึ้น โดยแป้งนี้สามารถนำไปทำขนม หรือเป็นอาหารหลักแทนข้าว

ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า สำหรับในท้องถิ่นบางแห่งของบางประเทศนั้น ต้นสาคูยังถือได้ว่าเป็นแหล่งอาหารหลักที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะแป้งจากต้นสาคูหนึ่งต้นสามารถเลี้ยงดูแลคนในครอบครัวหนึ่งได้หลายเดือน แต่ปัจจุบันนี้หา “สาคูต้น” หรือ ”แป้งสาคูแท้“ ได้ยากและค่อนข้างน้อยมาก เพราะมีการนำแป้งจากแหล่งอื่นหรือพืชอื่นมาทดแทน ซึ่งสามารถหาได้ง่ายกว่าและสะดวกมากกว่า อาทิ แป้งจากมันสำปะหลัง หรือแป้งจากข้าวเจ้า ดังที่ได้เห็นอยู่มากมาย

นอกเหนือจากประโยชน์ดังกล่าวแล้ว ต้นสาคูยังมีสรรพคุณมากมาย โดยเมล็ดสามารถนำมาบดใช้พอกรักษาอาการปวดหัว, หัวสามารถนำมาต้มน้ำใช้ดื่มแก้อาการท้องเสีย หรือนำมาตำให้ละเอียดรับประทานแก้โรคคุดทะราด หรือนำมาต้มเคี่ยวก่อนดื่มช่วยแก้โรคตับอักเสบ หรือนำหัวสดมาตำให้ละเอียดก่อนใช้ทาพอกรักษาแผล หรือนำหัวมาต้มดื่มใช้เป็นยาขับปัสสาวะ รวมถึงนำมาแช่น้ำ และตำให้ละเอียดใช้อุดจมูกเพื่อหยุดเลือดกำเดาได้ เป็นต้น

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / บึงกาฬ จัดกิจกรรม “ฟุตบอลคลินิกสัญจร” สัปดาห์สุดท้าย สร้างแรงบันดาลใจและเสริมทักษะสุขภาพกีฬาแก่เยาวชน

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 30–31 สิงหาคม 2568 จังหวัดบึงกาฬได้จัดกิจกรรมโครงการ “จังหวัดบึงกาฬฟุตบอลคลินิกสัญจร” สัปดาห์ที่ 4 ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของการดำเนินโครงการ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากเงินบริจาคของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มีกิจกรรมจัดขึ้นในพื้นที่อำเภอศรีวิไล และอำเภอบึงโขงหลง เพื่อเสริมสร้างทักษะการเล่นกีฬา ส่งเสริมสุขภาพ และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนในพื้นที่

พิธีเปิดกิจกรรมจัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2568 ณ ห้องประชุมโรงเรียนศรีวิไลวิทยา โดยมีนายไพรวัลย์ อรกุล ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนศรีวิไลวิทยา ให้เกียรติเป็นประธานเปิดโครงการ พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ และโรงพยาบาลศรีวิไล ซึ่งได้จัดทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ มาร่วมให้ความรู้แก่นักเรียนและเยาวชนเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การป้องกันการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ตลอดจนแนวทางการรักษาพยาบาลที่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและการปฏิบัติที่ถูกต้องในการออกกำลังกายและการเล่นกีฬา

ในโอกาสนี้ นายรัชชานนท์ ศรีนอก อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดปรีโอลิมปิก ได้ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และแนวคิดเกี่ยวกับเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ทั้งในระดับประเทศและระดับสโมสร เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้แก่นักเรียนและเยาวชน พร้อมร่วมทำกิจกรรมฝึกทักษะและการลงเล่นฟุตบอลในภาคสนามอย่างใกล้ชิด

นอกจากนั้น ในวันเดียวกัน โรงเรียนบึงโขงหลงวิทยาคม อำเภอบึงโขงหลง ได้จัดกิจกรรมควบคู่กัน โดยมีนายจักรพงศ์ หมื่นรัตน์ อดีตนักฟุตบอลสโมสรหนองคาย เอฟซี และศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย มาร่วมเป็นวิทยากร ถ่ายทอดทักษะการเล่นฟุตบอล พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเส้นทางลูกหนังให้กับเยาวชนในพื้นที่

ในโอกาสนี้ นายณรงค์ศักดิ์ คุรุพันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ ได้เดินทางไปร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนบึงโขงหลงวิทยาคม พร้อมกล่าวให้โอวาทแก่เยาวชน โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเล่นกีฬาในการพัฒนาทักษะชีวิต ความมีระเบียบวินัย การทำงานเป็นทีม และการสร้างโอกาสในอนาคต พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่ากิจกรรมฟุตบอลคลินิกสัญจรครั้งนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาเยาวชนของจังหวัดบึงกาฬให้เติบโตเป็นกำลังสำคัญของสังคมต่อไป

การดำเนินกิจกรรมโครงการ “จังหวัดบึงกาฬฟุตบอลคลินิกสัญจร” ตลอด 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจและการตอบรับจากเยาวชนในพื้นที่เป็นอย่างดี ถือเป็นกิจกรรมที่มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างทักษะกีฬา พัฒนาสุขภาพ และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชน พร้อมทั้งช่วยปลูกฝังวินัยการออกกำลังกายและการทำงานเป็นทีม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม

ทั้งนี้ เยาวชนที่ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมในโครงการ จะนำความรู้และทักษะที่ได้รับไปต่อยอดในการแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษาจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8–15 กันยายน 2568 อันเป็นเวทีสำคัญในการแสดงศักยภาพและพัฒนาทักษะด้านกีฬาอย่างยั่งยืน

ฟุตบอลคลินิกสัญจร #จังหวัดบึงกาฬ #กีฬาเยาวชน #สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ รายงาน