คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวประชาสัมพันธ์

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / อภิมหาโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ก้าวสำคัญสู่ศูนย์กลางการบินระดับโลก

แชร์เนื้อหานี้

​โครงการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก (Eastern Aviation City) ถือเป็นหนึ่งในโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลักของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC โดยมีเป้าหมายในการยกระดับสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินนานาชาติหลักแห่งที่ 3 ของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางการบินหรือ Aviation Hub ที่สำคัญในภูมิภาค

​สำหรับความคืบหน้าล่าสุดนั้นพบว่าจะมีการเซ็นสัญญาก่อสร้างและการลงทุนอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้ ซึ่งเป็นกานรลงนามระหว่างบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) ที่เตรียมจะเซ็นสัญญาก่อสร้างโครงการในวันที่ 18 มิถุนายน 2568 โดยไม่รอการเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และอยู่ระหว่างการเจรจาสิทธิประโยชน์พื้นที่ปลอดอากรเมืองการบินอู่ตะเภา

​ขณะที่แผนการพัฒนาโครงการและสิ่งอำนวยความสะดวกนั้น โครงการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภามีแผนดำเนินการครอบคลุมในพื้นที่กว่า 6,500 ไร่ ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลพลา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง โดยมีการวางแผนพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออกให้เป็นศูนย์กลางการบินและธุรกิจต่อเนื่อง รวมถึงการเชื่อมโยงการขนส่งทางอากาศ ทางบก และทางรางแบบไร้รอยต่อ

​มีรายงานเพิ่มเติมว่าโครงการนี้มีการสนับสนุนจากภาครัฐและความร่วมมือกับเอกชน โดยรัฐบาลได้อนุมัติการแก้ไขสัญญาโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โดยเพิ่มเงินลงทุนเป็น 40,000 ล้านบาท และจัดหาแหล่งเงินกู้เงื่อนไขพิเศษ . นอกจากนี้ยังมีการอนุมัติให้สถานบริการในเขตเมืองการบินภาคตะวันออกสามารถเปิดบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อส่งเสริมการลงทุนและการท่องเที่ยวในพื้นที่อีกด้วย

ทั้งนี้โดยมีเป้าหมายและวิสัยทัศน์ ที่จะให้มีการเปิดบริการโครงการได้ในเฟสแรกภายในในปี 2571 โดยมีการวางแผนขยายขีดความสามารถสนามบินและพื้นที่เชิงพาณิชย์สู่ “มหานครการบินอู่ตะเภา” . ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในภูมิภาคตะวันออกของประเทศไทย

​สำหรับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางการบินระดับโลก และส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคตะวันออกเป็นอย่างดี

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สุดซาบซึ้ง! อาจารย์เมย์ ส่งทีมงานอบรม AI ช่วยชาวน้ำหนาว หนุ่มพิการใจสู้ถ่ายทอดความรู้ด้วยหัวใจเต็มร้อย

แชร์เนื้อหานี้

มีรายงานว่า ที่ห้องประชุมสำนักงานเกษตร อำเภอน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ เกิดเหตุการณ์แสนประทับใจเมื่อ อาจารย์เมย์ ดร.จินต์วยา เบญญจินดาพิศุทธ์ ซินแสฮวงจุ้ยชื่อดัง จากบริษัท แฮปปี้ฮวงจุ้ย จำกัด ได้ส่งทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้าน AI นำโดย นายวรากุล ภัคธัญญานนท์ ชายหนุ่มผู้พิการทางร่างกายแต่ใจแกร่ง มาถ่ายทอดความรู้ AI ChatGPT ถวายความรู้พระสงฆ์ และให้ความรู้ ข้าราชการ, เกษตรกร, กลุ่มวิสาหกิจชุมชน, ผู้สูงวัย และชาวบ้านกว่า 30 คน

งานนี้ได้รับเกียรติอย่างสูงจาก พระครูพัชรคณาภิรักษ์ เจ้าคณะอำเภอน้ำหนาว และเจ้าอาวาสวัดโคกมน ที่เมตตามาร่วมเรียนรู้ สร้างบรรยากาศอบอวลไปด้วยรอยยิ้ม และความสุข

หลังจบกิจกรรม ผู้เข้าร่วม และทีมงานได้ร่วม ถ่ายภาพหมู่ เก็บความทรงจำแสนอบอุ่น โดยทาง สำนักงานเกษตร อำเภอน้ำหนาว และ กลุ่มเดินตามธรรม ได้บริการ บ๊ะจ่าง และจัดเลี้ยง ขนมจีนสุดอร่อย ให้ทุกคนได้อิ่มท้อง อิ่มใจ พูดคุยแบ่งปันความประทับใจและหัวเราะร่วมกันอย่างชื่นมื่น

นายวรากุล กล่าวด้วยน้ำเสียงปลื้มใจว่า ขอบพระคุณอาจารย์เมย์ ซินแสฮวงจุ้ย ที่มอบโอกาสดีๆ นี้ แม้ร่างกายจะไม่สมบูรณ์ แต่หัวใจเต็มร้อยความรู้ดีๆ ไม่มีขอบเขต และผว่หวังทุกท่านที่นี่จะสามารถนำไปต่อยอดชีวิตต่อไปได้แน่นอน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /“หมอกี้ มาดามพลังงาน” ขอปั้น “MUT SMART QUEEN”เปิดตัวแคมเปญการประกวด มิสยูนิเวิร์สระยอง 2025

แชร์เนื้อหานี้

“มาดามพลังงาน” หมอกี้ ดร. อังคนางค์ ชากีร่า บำรุงสรณ์ หัวเรือใหญ่แห่ง บริษัท รีเจน สมาร์ทซิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ REGEN SMART CITY (THAILAND) CO.,LTD ทุ่มงบจัดงานแถลงข่าวครั้งใหญ่ในฐานะผู้ถือสิทธิ์การประกวด MISS UNIVERSE RAYONG 2025 (มิสยูนิเวิร์ส ระยอง 2025) เพื่อเฟ้นหาสาวงาม ตัวแทนจังหวัดระยอง เข้าร่วมประชันความงามอันทรงคุณค่าบนเวทีการประกวด MISS UNIVERSE THAILAND 2025 (มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2025) ภายใต้แนวคิด ส่งเสริมความงามผ่านนิยามคำว่า “SMART QUEEN (สมาร์ท ควีน)” สะท้อนภาพลักษณ์ผู้หญิงยุคใหม่ที่มีพร้อมทั้งความงาม ความฉลาด และ ใส่ใจต่อสังคม โดยได้รับแรงสนับสนุนจากทางภาครัฐ และ เอกชนในจังหวัดระยอง ร่วมผลักดันแคมเปญการประกวด เพื่อยกระดับจังหวัดระยองสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ส่งเสริมประเทศไทยในระดับสากล อย่างจริงจัง ณ เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) อ.วังจันทร์ จ.ระยอง

ภายในงานได้รับเกียรติจาก นางสาวสลารีวรรณ ทัพทวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ ในหัวข้อ ความสำคัญและศักยภาพของจังหวัดระยอง , การสนับสนุนพลังผู้หญิง ในการขับเคลื่อนสังคม , การขับเคลื่อนสินค้า Otop ผ่านการประกวดนางงาม ,ทางด้าน ดร.วุฒิ ด่านกิตติกุล ผู้อำนวยการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) กล่าวถึง ภารกิจของหน่วยงาน EECi ความสำคัญและทิศทางของนวัตกรรมไทย ,การเข้าถึงนวัตกรรมของประชาชนทั่วไป จากการส่งเสริมของภาครัฐ ปิดท้ายด้วย ดร.อภิชาติบุตร รอดยัง ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิตอล ( Depa ) เขตพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก ผู้เล็งเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน และ อนาคตของประเทศไทย กล่าวถึงการพัฒนาไทยให้เป็น smart city ส่งผลดีอะไรบ้าง อุปสรรคที่เจอในปัจจุบัน ในการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ พร้อมเชิญชวนคนไทยเรียนรู้และพัฒนาไปด้วยกัน นอกจากนี้ ทีมบริหารหอการค้าจังหวัดระยอง ให้เกียรติร่วมงานและแสดงความยินดีกับ PD คนเก่ง

จากนั้นพิธีกร แชมป์ สกุล ลิมปภานนท์ นำชมแฟชั่นโชว์ ผ้าหมักโคลนทะเล (eco)…ความงามจากธรรมชาติสู่แฟชั่น สินค้าพื้นถิ่น อำเภอบ้านฉาง จ.ระยอง ก่อนเปิดตัว มาดามพลังงาน ดร. อังคนางค์ ชากีร่า บำรุงสรณ์ ผู้อำนวยการกองประกวด มิสยูนิเวิร์ส ระยอง 2025 เผยแคมปญเพื่อค้น “SMART QUEEN” ในปีนี้ ได้ริเริ่มโครงการ และกิจกรรมต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนและยกระดับจังหวัดระยองสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) พร้อมผลักดัน การสร้างภาพลักษณ์ของไทยในระดับสากล ผ่านการใช้ เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ (Smart Health) มาดูแลผู้เข้าร่วมประกวด ทั้งเก็บข้อมูลสุขภาพ ความปลอดภัย และระบบแจ้งเหตุฉุกเฉิน ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) นอกจากนี้ ผู้จัดฯยังให้ความสำคัญกับการ ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดระยอง ผลักดัน Soft Power ของระยอง ผ่านวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และแหล่งท่องเที่ยวสู่สายตาชาวโลก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดระยองในฐานะแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพระดับสากล

จากนั้นวินาทีที่แฟนนางงามรอคอย ทั้งที่เดินทางมาเชียร์ภายในงาน และ ที่กำลังรับชมผ่านทาง Live Streaming on FACEBOOK : MISS UNIVERSE THAILAND เปิดตัวผู้เข้าประกวด มิสยูนิเวิร์ส ระยอง 2025 อย่างเป็นทางการ เดินอวดโฉมแนะนำตัวเอง ต่อหน้าแขกผู้มีเกียรติ และ สื่อมวลชน ก่อนจะได้ชมความงามของมงกุฎ MUT Rayong 2025 “The Crown of Lumina” (ลูมิน่า) สื่อความหมาย ราชินีที่เป็นแสงนำทาง มีวิสัยทัศน์ชาญฉลาด เปล่งประกายทั้งภายในและภายนอก จากนั้นต้อนรับการมาเยือนเวทีนางงามอย่างเป็นทางการของ นางเอก-นักธุรกิจสาวสวย ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์ CEO UZI Cosmetic ร่วมเป็น Beauty Coach เสริมเติมแต่งให้ผู้เข้าประกวดเป็นผู้หญิงสวยที่สมบูรณ์แบบ และอีกบทบาทสำคัญครั้งใหม่ของ เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์ รองอันดับ1 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2025 ร่วมเทรนด์การพูดและการตอบคำถาม (Public Speaking Coach) ให้กับผู้เข้าประกวดตลอดการเก็บตัวในครั้งนี้ ที่สำคัญนอกจากโอกาสในการเป็นตัวแทน มิสยูนิเวิร์ส ระยอง 2025 และโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตแล้ว มาดามพลังงาน ยังทุ่มรางวัลสำหรับผู้ชนะกว่า 1 ล้านบาทเลยทีเดียว จัดหนักกับ 2 แคมเปญใหญ่

  1. Building the Future ,A Journey to Dubai รางวัลสำหรับผู้ที่ทำยอดขายครบ 100,000 บาท เตรียมบิดลัดฟ้าไปร่วมงาน Event ที่ประเทศดูไบ และสัมผัสเมืองต้นแบบ Smart City ของโลก
  2. Beyond Beauty,Beyond Luxury ผู้ที่ทำยอดขายครบ 50,000 บาท จะได้ร่วมถ่ายแบบเครื่องเพชรโดย Beauty Gems ลงบนปกนิตยสาร HOWE

สำหรับกิจกรรมสำคัญของการประกวด มิสยูเวิร์สระยอง 2025 จะเก็บตัวระหว่างวันที่ 4-7 มิถุนายน ก่อนจะประกวดรอบตัดสินในคืนวันที่ 8 มิถุนายน 2568 ณ Passione Shopping Destination อ.เมือง จ.ระยอง
หมายเหตุ ภาพ-ข่าว อยู่ใน Link นี้ : https://drive.google.com/drive/folders/117OP1mdJCjNjwdAQHhgbGc8OIpdKZFNt?usp=sharing

ติดตามทุกกิจกรรมได้จากทุกช่องทาง
Facebook : มิสยูนิเวิร์สระยอง – Miss Universe Rayong

MissUniverseRayong #MissUniverseRayong2025 #MissUniverseThailand #MissUniverseThailland2025 #MUTRayong #MUTRayong2025 #MUT #MUT2025 #TheNewEraOfMUT#MGIxMUT #The74thMissUniverse #MissUniverse #มิสยูนิเวิร์สระยอง2025

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์2025 #RegenSmartCity #Shakira #หมอกี้ชากีร่า #BeyondBeautyBuildingTheFuture #SmartQueen #SmartCity #SmartCityThailand #RayongSmartCity

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์เฉพาะกิจ มิสยูนิเวิร์สระยอง 2025 Tel:0623955642

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /อ.เมย์ เดินหน้าจัดโครงการ “ทำดีให้คนมองเห็น ปีที่ 4” แจกแว่นสายตาผู้สูงอายุกว่า 1,500 คน

แชร์เนื้อหานี้

มีรายงานว่า ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้มีการจัดกิจกรรมอย่างเป็นทางการในโครงการ “ทำดีให้คนมองเห็น ปีที่ 4” ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท แฮปปี้ฮวงจุ้ย จำกัดโดยมี อาจารย์เมย์ ดร.จินต์วยา เบญญจินดาพิศุทธ์ ซินแสฮวงจุ้ยชื่อดังของประเทศไทย เป็นประธานโครงการ และขับเคลื่อนโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุในพื้นที่ห่างไกลที่มีปัญหาทางสายตา แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยภายในพิธีเปิด ได้รับเกียรติจาก นายปัญญา ปานแสง นายอำเภอน้ำหนาว เป็นประธานในพิธี

โครงการในปีนี้ตั้งเป้ามอบแว่นสายตาคุณภาพให้กับ ผู้สูงอายุจำนวน 1,500 คน จาก 30 หมู่บ้าน ครอบคลุม 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลน้ำหนาว, ตำบลโคกมน, ตำบลวังกวาง และตำบลหลักด่าน โดยคุณสมบัติของผู้รับบริการในโครงการนี้ ได้แก่:อายุ 50 ปีขึ้นไปมีรายได้น้อย ไม่เกิน 5,000 บาทต่อเดือนมีปัญหาสายตา เช่น สั้น ยาว เอียง และยังไม่เคยได้รับแว่นจากโครงการนี้มาก่อน​ ซึ่งแบ่งการดำเนินงานเป็น 3 วัน คือ วันที่ 30 เมษายน 2568 ณ หอประชุมอำเภอน้ำหนาว, วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ณ อาคารอเนกประสงค์​ หมู่ 1 ตำบลวังกวาง และวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลหลักด่าน

ทั้งนี้ ในช่วงเช้า ทางคณะผู้จัดงานยังได้รับความเมตตาจาก พระครูพัชรคณาภิรักษ์ เจ้าคณะอำเภอน้ำหนาว และเจ้าอาวาสวัดโคกมน กล่าวสัมโมทนียกถา แก่ผู้สูงอายุ และจิตอาสาที่มาร่วมงาน ถึงแม้ร่างกายจะร่วงโรย แต่ถ้าใจยังศรัทธา ยังเห็นค่าความดี ก็ถือว่าเรายังมีพลังอยู่ วันนี้ไม่ใช่แค่ได้แว่น แต่คือได้เห็นธรรมะ ได้แสงสว่าง ได้เห็นคุณค่าชีวิตอีกครั้ง

กิจกรรมในงานประกอบด้วยการวัดสายตาด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์​ วัดด้วยเลนส์เซ็ท และมอบแว่นตาที่ประกอบใหม่จากเลนส์คุณภาพ CR39 โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ ให้พ่อโซ้น แม่โซ้น ได้รับแว่นสายตาคุณภาพ ตรงกับค่าสายตาจริง นอกจากอิ่มใจ ยังอิ่มท้องด้วยโรงทาน อาหารคาวหวาน อาหารเจ น้ำดื่ม และจิตอาสาคอยดูแลผู้สูงอายุตลอดงาน สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น ปิติใจ และเปี่ยมด้วยน้ำใจ

หนึ่งในช่วงเวลาที่ประทับใจที่สุดของวัน คือการได้พบกับคุณลุงวัย 84 ปี ที่แม้จะอายุมาก แต่ยังแข็งแรงและเดินทางมาด้วยตนเอง โดยคุณลุงเล่าว่า รอคอยโครงการนี้มานาน เพราะที่ผ่านมาใส่แว่นตลาดที่ไม่ตรงค่าสายตา มองเห็นไม่ชัด และอ่านหนังสือธรรมะไม่ได้ รู้สึกดีใจมากที่อาจารย์เมย์ยังมาทุกปี ปีนี้ก็ไม่พลาด จะได้อ่านหนังสือได้อีกครั้ง

โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งปกครอง, หน่วยงานท้องถิ่น ข้าราชการ, อบต., สาธารณสุขอำเภอ, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน และจิตอาสามากมาย ที่มาร่วมทำงานเพื่อส่วนรวมด้วยจิตสาธารณะ ที่สำคัญ​และขาดไม่ได้ คือคณะเจ้าภาพร่วม โดยเจ้าภาพหลักได้แก่ บริษัท​ แฮป​ปี้ฮวงจุ้ย​ จำกัด, คุณวีรวิชญ์ อัศวภิญโญภาคย์ และครอบครัว, คุณวิชัย อรุณสิริตระกูล บริษัท ซีเอ็นเอส เอ็นจิเนียริ่งเซอร์วิส จำกัด, คุณธัญกมล เมืองฮาม และครอบครัว, Alpha Trading and Service Co.,Ltd., ครอบครัวดารกมาศ, บริษัท ที.เอ็น.ซีเมนต์บล็อค จำกัด, ลูกศิษย์​และกัลยาณมิตร​ร่วมบุญกันมาอีกมากมาย

อาจารย์เมย์ กล่าวถึงหัวใจของโครงการว่า หลายคนมองไม่เห็นชัดมานาน ไม่ใช่เพราะโรคร้ายแรง แต่เพราะไม่มีโอกาสได้มีแว่นตาดีๆเป็นของตนเอง การมอบแว่นให้เขาเห็นชัด คือการมอบชีวิตใหม่ มอบโอกาสทางการศึกษา ให้โอกาสในการสร้างรายได้ ให้ความสุขในการทำสิ่งที่รัก พลิกชีวิตเขาได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมั่นใจอีกครั้ง

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อแอนแทรกซ์ เสียชีวิตรายแรก.มุกดาหาร / สสจ.มุกดาหาร ออกประกาศให้ประชาชนงดกินเนื้อวัว ควาย แพะและแกะดิบ / สสจ.มุกดาหาร พบผู้ป่วยเข้าข่ายติดเชื้อแอนแทรกซ์3 ราย และผู้สัมผัส 377 ราย

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 30 เมษายน นายชาคริต ชุมจันทร์ นายอําเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร ได้ออกประกาศอำเภอดอนตาล เรื่องมาตรการควบคุมโรค (ฉบับที่ 1) สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา มีประชาชนในตำบลเหล่าหมี อำเภอดอนตาล ได้สัมผัสและรับประทานเนื้อวัว

ต่อมาได้ป่วยเป็นไข้และมีตุ่มที่บริเวณผิวหนังถูกนำส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลดอนตาล แต่ทางโรงพยาบาลเห็นว่ามีอาการหนักจึงได้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลมุกดาหาร และได้เสียชีวิตในช่วงบ่ายของวันนี้ (30 เมษายน 2568) จากการตรวจในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าเสียชีวิตเพราะติดเซื้อโรคแอนแทรกซ์ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพกู้ภัยองค์การบริหารส่วนตำบลเหล่าหมีได้ไปรับศพมาฌาปนกิจในวันเดียวกัน

อําเภอดอนตาลจึงได้แจ้งหัวหน้าส่วนราชการ และกํานัน – ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่อําเภอตอนตาล ดำเนินการควบคุมโรคและเฝ้าระวังการแพร่ระบาคโรคแอนแทรกซ์ และได้ประกาศก่าหนดมาตรการควบคุมโรค คือ

  1. ห้ามฆ่าสัตว์ โดยเฉพาะ โค กระบือ ในห้วงงานบุญประเพณีบุญเตือนหก (บุญบั้งไฟ) ทุกกรณี
  2. โรงพยาบาลตอนตาล สาธารณสุขอําเภอดอนตาล และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลเหล่าหมี ได้เปิดศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค เพื่อบริการประชาชนในการตรวจเชื้อโรคแอนแทรกข์ ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลเหล่าหมี และศาลาประชาคม หมู่ที่ ๑ บ้านเหล่าหมี
  1. ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจ๋าหมู่บ้าน (อสม.) สํารวจประชาชนในพื้นที่เสี่ยง และให้บันทึกข้อมูลลงใน ระบบของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นการเฝ้าระวังในการแพร่ระบาดของโรคแอนแทรกซ์
  2. การเฝ้าระวังการติดเชื้อของโค กระบือและแพะ มอบหมายให้ปศุสัตว์อําเภอดอนตาลดําเนินการ
  3. ให้กํานัน – ผู้ใหญ่บ้าน ประชาสัมพันธ์ไห้ประชาชนในพื้นที่ทราบ ลักษณะอาการของการติดเชื้อโรคแอบ แทรกซ์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค หากประชาชนท่านใดมีอาการตังกล่าว ให้มาตรวจหาเซื้อได้ที่ ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค
  1. ให้กํานัน -ผู้ใหญ่บ้าน ประชาสัมพันธ์หากพบโค กระบือและแพะ ที่มีอาการไข้สูง ไม่กินหญ้าแต่ยืน เคี้ยวเอื้อง มีน้ำลายปนเลือดไหลออกมา หายใจลําบาก ยืนโซเซ กล้ามเนื้อกระตุก ชัก ให้กักขังสัตว์ดังกล่าว เละแจ้งปสุสัตว์อ่าเภอดอนตาลเข้ามาตรวจสอบโดยทันที่
  2. ให้มีการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด ในการลักลอบขนโค กระบือและแพะ ออกจากพื้นที่ที่มีการระบาดของ โรคแอนแทรกซ์
  3. ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป ปศุสัตว์อําเภอตอนตาล จะทําการจีดวัคซีนโค กระบือ และแพะ ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาตโรคแอนแทรกซ์ จึงห้ามไม่ให้ประชาชนในพื้นที่ ที่มีการฉีดวัคซีนทํา การฆ่าหรือซําแหละโค กระบือ และแพะ ในเวลา 21 วัน นับตั้งแต่มีการฉีดวัคซีน
  1. หากมีปัญหาข้อสงสัยในการระบาดของโรค และโดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงพื้นที่ตำบลเหล่านี้ ขอให้เฝ้าสังเกตอาการตัวเอง หากพบว่ามีอาการผิดปกติสามารถติดต่อหน่วยงานราชการ เพื่อขอรับการช่วยเหลือได้ที่ ที่ทําการปกครองอําเภอดอนตาล (ฝ่ายความมั่นคง) โรงพยาบาลดอนตาล สำนักงานสาธารณสุขอําเภอดอนตาล ปศุสัตว์อําเภอดอนตาล และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลเหล่าหมี

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สสจ.มุกดาหาร ออกประกาศให้ประชาชนงดกินเนื้อวัว ควาย แพะและแกะดิบ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคแอนแทรกซ์

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม กลุ่มภารกิจสื่อสารความเสี่ยง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร ได้ออกประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนจังหวัดมุกดาหาร งดกินเนื้อวัว ควาย แพะ และแกะดิบ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคแอนแทรกซ์ เพราะเป็นแล้วอาจถึงตายได้ โดยสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา มีประชาชนในตำบลเหล่าหมี อำเภอดอนตาล

ได้สัมผัสและรับประทานเนื้อวัว ต่อมาได้ป่วยเป็นไข้และมีตุ่มที่บริเวณผิวหนังถูกนำส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลดอนตาล แต่ทางโรงพยาบาลเห็นว่ามีอาการหนักจึงได้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลมุกดาหาร และได้เสียชีวิตในช่วงบ่ายของวันนี้ (30 เมษายน 2568) โดยแพทย์ตรวจแล้วพบว่าผู้ป่วยเป็นโรคติดเชื้อแอนแทรกซ์ ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียและติดต่อจากสัตว์สู่คน มีพาหะนำโรคคือ วัว ควาย แพะ และแกะ โดยผู้ป่วยรายดังกล่าวได้เสียชีวิตเป็นรายแรกของจังหวัดมุกดาหาร

ขณะที่แผงขายเนื้อวัวสดในตลาดเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร บรรยากาศก็เป็นไปด้วยความเงียบเหงาโดยมีประชาชนมาซื้อเนื้อวัวไปบริโภคน้อยลงอย่างผิดสังเกต เนื่องจากส่วนใหญ่ได้รับทราบข้อมูลว่ามีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคแอนแทรกซ์ จึงทำให้เกิดความกลัวจึงไม่กล้าซื้อเนื้อวัวไปบริโภคแต่โดยเปลี่ยนไปซื้อเนื้อสัตว์ประเภทบริโภคอื่นแทน

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สสจ.มุกดาหาร พบผู้ป่วยเข้าข่ายติดเชื้อแอนแทรกซ์เพิ่มอีก 3 ราย และผู้สัมผัส 377 ราย เตือนประชาชนงดกินก้อย ซอยจุ๊

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม นายแพทย์ณรงค์ จันทร์แก้ว สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยถึงสถานการณ์ผู้ป่วยโรคแอนแทรกซ์ ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร ว่า เป็นโรคแอนแทรกซ์เสียชีวิต 1 ราย พบผู้ป่วยเข้าข่ายเป็นโรคแอนแทรกซ์ 3 ราย ขณะนี้ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว และยังพบ

ผู้สัมผัสอีกจำนวน 377 ราย ประกอบด้วยผู้ชำแหละเนื้อวัว 28 ราย ผู้รับประทานเนื้อดิบ 232 ราย ผู้สัมผัสโดยอยู่ร่วมบ้านเดียวกันกับผู้ชำแหละ 117 ราย โดยทั้งหมดทุกคนได้รับการตรวจคัดกรอง และได้รับยาป้องกันเรียบร้อยแล้ว จึงขอแจ้งเตือนให้ประชาชนจังหวัดมุกดาหารงดกินลาบเนื้อดิบ ก้อยดิบ และซอยจุ๊ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคแอนแทรกซ์ ก็อาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้

ขณะที่ อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ตรวจพบผู้ป่วยโรคแอนแทรกซ์ นายชาคริตชุมจันทร์ นายอำเภอดอนตาล ได้ออกประกาศอำเภอดอนตาล เรื่องมาตรการควบคุมโรค ฉบับที่ 2 มีข้อความว่าเพื่อให้การตวบคุมโรคและเผ้าระวังการแพร่ระบาดโรคแอนแทรกซ์ อ่าเกอตอนตาลจึงให้ดำเนินการจัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด เพื่อปัองกันการเคลื่อนซ้ายโค กระบือ เข้าและออกในเขตพื้นที่อำเภอดอนตาล รวม 4 จุด ประกอบด้วย จุดตรวจบ้านป่าพะยอม จุตตรวจบ้านนาห้วยกอก จุดตรวจบ้วนภูวง และจุดตรวจหน้าสถานีต้ารวจภูธรปาไร่

สำหรับพื้นที่บ้านโคกสว่าง ตำบลเหล่าหมี อำเภอดอนตาล ได้มีการเข้าตรวจสอบจุดชำแหละวัวทีมีการแพร่เชื้อ โดยเจ้าหน้าที่จากด่านกักกันสัตว์ กรมปศุสัตว์ ได้ดำเนินการเก็บตัวอย่างส่งตรวจ และทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณโดยรอบเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรค และได้มีการวางแผนการควบคุมโรคสัตว์โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสํารวจ/วางแผนฉีดวัคซีนวัวในรัศมี 5 กม. จํานวน 1,222 ตัว ฉีดยาปฏิชีวนะในวัวบริเวณพื้นที่เสี่ยงจำนวน 124 ตัว อีกด้วย

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหารพบผู้ป่วยเข้าข่ายติดเชื้อแอนแทรกซ์เพิ่มอีกสามราย ภาพ/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / คุณยาย อายุ 86 ปี คนจังหวัดนครราชสีมา ออกตลาดขายขนม ช่วยเบาภาระครอบครัว

แชร์เนื้อหานี้

คุณยายมีชื่อว่า นางฝ่าย หลุนกระโทก อายุ 86 ปีอีกสี่เดือนจะครบ 87 ปี มีสัมโนครัวที่ ต.ด่านเกวียน อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ปัจจุบัน คุณยายไม่มีบ้าน ได้ เช่าห้องอยู่ที่ ต.กระโทก อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา อยู่กับ ลูกสาว 2 คน หลานชาย 1 คน ลูกสาวอายุ 40 กว่าชื่อนาง(ก)นามสมมุติ และอีกคนอายุ 50 กว่าชื่อนาง(ข)นามสมมุติ ส่วนหลานชาย อีก 1 คน อายุ 26 ปี ไม่มีวุฒิการศึกษา ไม่มีอาชีพติดตัว จึงหาเงินได้น้อย คุณยายเล่าว่า ลูกสาวทำงานเป็นแม่บ้านที่ รพ.มหาราช ลูกสาวอีกคน ช่วยทำขนมที่บ้าน ลูกสาวทั้งสองคนเลิกกับสามีนานแล้ว และลูกสาวทั้งสองคนป่วยด้วยโรคกระดูกทับเส้น ทำงานได้ไม่เต็มร้อย รายได้จึงไม่เพียงพอ

คุณยาย หู ไม่ค่อยได้ยิน และ จะปวดขาบ่อยๆ เพราะเดินมาก บางวันปวดมากทนไม่ไหว ก็นอนลงไปตรงที่นั่งขายของ คุณยายเล่าต่อไปว่า ตัวเองนั้น สมัยยังสาว ทำงานเป็นลูกจ้างที่ กทม. หลังจากนั้น กลับมาอยู่ โคราช เมื่ออายุได้ 30กว่า จากนั้นจึงขายขนมเรื่อยมา จนถึงวันนี้ คุณยายได้ขายขนมมาเป็นเวลา 50 กว่าปีแล้ว ขนมที่คุณยายขายคือ ขนมไทย ใส่ไส้ห่อใบตอง ขนมกล้วย ขนม ตาล สมัยนั้นคุณยายจะเอาขนมใส่ตะกร้าใบใหญ่และหิ้วสองมือ ปัจจุบันใส่ตะกร้าใบเล็กขาย ขนมที่คุณยายขาย จะเป็นขนมที่ทำสำเร็จมาแล้ว เช่น บ๊วย ท๊อฟฟี่ ขนมปังกรอบสอดไส้ ขนมเหล่านี้ หลานสาวคุณยายซึ่งเป็นลูกของนาง(ก)จัดหามาให้ คุณยายได้ขายทุกวันนี้

สถานที่คุณยายขายมีสองที่ คือ ตลาดไนท์กระโทก อ.โชคชัย (ที่อยู่ปัจจุบัน)และในตัวอำเภอเมืองนครราชสีมา คุณยายเล่าต่อไปว่า ได้นั่งรถประทาง สาย โชคชัย – นครราชสีมา เข้าไปขายในเมือง บริเวณ กรมที่ดิน เดินต่อไป ธ.ออมสิน เดินต่อไป ศาลากลางจังหวัด และ รพ.มหาราช อาจจะนั่งรถเมย์บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเดิน เพราะได้ขายไปด้วย หากวันไหนขายที่ตลาดไนท์กระโทก อ.โชคชัย(ที่อยู่ปัจจุบัน) คุณยายจะนั่งวินไปขาย บางวันก็เดินไป ระยะทางประมาณ เกือบครึ่งกิโลเมตร จากที่พัก ไปยัง ตลาดไนท์กระโทก ขายขนมเสร็จ เวลา 20.00 น.หากคุณยายไม่มีรถกลับบ้าน หาวินมอไซค์ไม่ได้ ก็จะมีแม่ค้าใจบุญที่ตลาดไนท์กระโทก อ.โชคชัย ขับรถมอไซค์พ่วงมาส่งยังที่พัก

ส่วนรายได้จากการขายขนม คุณยายเล่าว่า ขายในเมืองนครราชสีมาโดยเฉลี่ย ได้วันละ 1000 บาท หักค่ารถ และต้นทุน เหลือกำไรวันละ ร้อยกว่า ถึง สองร้อยกว่าบาท หากขายที่ตลาดไนท์กระโทก อ.โชคชัย รายได้โดยเฉลี่ย วันละ 200 บ.รวมต้นทุน

กันตินันท์ เรืองประโคน/ รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / แขวงทางหลวงน่านที่ 1 จัดการประชุมการมีส่วนร่วมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โครงการก่อสร้างทางจักรยาน ทางหลวง 1168 ตอน น่าน – น้ำใส

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (22 เมษายน 2568) เวลา 10.00 น. ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน นายนิวัฒน์ งามธุระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานการประชุมการมีส่วนร่วมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โครงการก่อสร้างทางจักรยาน ในทางหลวงหมายเลข 1168 ตอน น่าน – น้ำใส

โดยมี พระราชนันทวัชรบัณฑิต รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน เจ้าอาวาสวัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง และ นายพงษ์ศิลป์ ผาลา นายอำเภอภูเพียง พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ท่านผู้แทนภาคเอกชน

ท่านผู้นำท้องถิ่น สื่อมวลชน และประชาชน เข้าร่วมการประชุมฯ โดยมี นายมงคปิ่นสกุล ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงน่านที่ 1 เป็นผู้กล่าวรายงาน

การประชุมการมีส่วนร่วมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โครงการเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันและยกระดับ การท่องเที่ยว น่านสู่ท่องเที่ยวคุณภาพสูง ในโครงการก่อสร้างทางจักรยาน

ในทางหลวงหมายเลข 1168 ตอน น่าน – น้ำใส รวมระยะทาง 1.5 กิโลเมตร เพื่อให้ประชาชนสองข้างทาง นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจ สามารถมาออกกำลังกาย

ทั้งการปั่นจักรยานและการวิ่งที่ปลอดภัยและใกล้บ้าน ใกล้ที่พัก เป็นการส่งเสริมด้านสุขภาพของคนน่าน และส่งเสริมการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำในเขตเมืองน่าน โดยผู้เข้าร่วมการประชุมการมีส่วนร่วมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในวันนี้ จะช่วยให้ทุกภาคส่วนในท้องถิ่น

ทั้งภาคราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ได้มีส่วนร่วมในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อโครงการฯ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อการดำเนินการโครงการฯ และลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น/บุญยงค์ สดสอาด ยายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ร่วมงานประเพณีแห่พระคันธารราฐ ลอดซุ้มประตูเมือง “มหาสงกรานต์โคราช”12-15 เมย.2568 ณ วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี

แชร์เนื้อหานี้

ระหว่างวันที่ ๑๒ – ๑๕ เมษายน ๒๕๖๘ ณ วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และสวนสุรนารี (สวนรัก) อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา๙ เมษายน ๑๘.๐๐ น. เชิญร่วมแถลงข่าวการจัดงานสืบสานประเพณีแห่พระคันธารราฐ ลอดซุ้มประตูเมือง “มหาสงกรานต์โคราช” ณ วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร

๑๒ เมษายน ๑๐.๐๐ น. ชมการประกวดเจดีย์ทราย ณ สวนสุรนารี (ส่วนรัก)
๑๖.๓๐ น. พิธีอัญเชิญพระคันธารราฐ ออกจากพระเจดีย์ ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร
๑๗.๐๐ น. เชิญร่วมขบวนแห่อัญเชิญพระคันธารราฐ เดินทางตามเส้นทางถนนจอมพล ประชาชนร่วมโปรยดอกไม้ตลอดสองข้างทาง เดินทางไปยังลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี

ชมริ้วขบวนอัญเชิญพระคันธารราฐแบบประเพณีไทยอีสาน และชมขบวนแห่สงกรานต์ (Songkran Carnival) สุดตระการตา
๑๘.๐๐ น. ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชพระคันธารราฐ ร่วมสรงน้ำพระคันธารราฐ เขียนคำอธิษฐานบนผ้าทองผ้าเงิน และชมการแสดงศิลปวัฒนธรรม ณ ศาลาไทย ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี

๑๓ เมษายน ๐๗.๐๙ น. ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พระสงฆ์ ๒๙ รูป เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ไทย ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี
๑๔.๐๐ น. ชมการแข่งขันประกวดขั่วหมี่โคราช และตำส่มโคราช ๒๔ กระทะเหล็ก ณ สวนสุรนารี (สวนรัก) ๑๖.๐๐ น. ชมการขั่วหมี่โคราชกระทะยักษ์ บนถนนเล่นสงกรานต์จังหวัดนครราชสีมา “ถนนขั่วหมี่” มากิ๋นขั่วหมี่โคราชกันเด้อ ณ สวนสุรนารี (สวนรัก)

๑๗.๐๐ น. พบกับพิธีเปิดงานสุดอลังการ ร่วมต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ๑๗.๒๐ พิธีสวดขอขมา พิธีสรงน้ำพระคันธารราฐ สรงน้ำพระสงฆ์ รดน้ำขอพรผู้สูงอายุ กิจกรรมไฮไลท์พิธีแห่พระคันธารราฐลอดซุ้มประตูเมือง (ประตูชุมพล) เพื่ออัญเชิญกลับวัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร ร่วมจับชายผ้าทองผ้าเงิน ความยาว ๕๕๗ เมตร และสรงน้ำพระคันธารราฐตลอดสองข้างทางถนนจอมพล ๑๙.๓๐ น.

ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมของเด็ก เยาวชน และศิลปินพื้นบ้าน ณ วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร ๑๔ เมษายน ๑๐.๐๐ – ๒๑.๐๐ น. สรงน้ำพระคันธารราฐ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ณ วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร และกิจกรรมต่าง ๆ ภายในงาน ๑๕ เมษายน ๑๘.๐๐ น. พิธีอัญเชิญพระคันธารราฐเข้าสู่พระเจดีย์ และพิธีห่มผ้าพระเจดีย์ ณ วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร

๑๓-๑๕ เมษายน ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ – ๒๑.๓๐ น. ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และสวนสุรนารี (สวนรัก) พบกับกิจกรรมจัดเต็ม เล่นน้ำเสริมมงคลบนถนนราชดำเนิน อุโมงค์น้ำมนต์ ๙ วัด สรงน้ำพระพุทธรูปประจำวันเกิด ถ่ายภาพจุดเช็คอินโคราชเมืองน่าเที่ยว ร่วมกิจกรรมการประกวดทางศิลปวัฒนธรรม ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมและการแสดงดนตรีร่วมสมัย

กันตินันท์ เรืองประโคน / รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าเพชรฯ ไปร่วมงานเปิดงาน ตามไปดูกัน ธารน้ำใจหลั่งไหลร่วมบริจาคของรางวัลงาน “มหัศจรรย์เมืองสามอ่าว และงานกาชาด ครั้งที่ 15”

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 10 เม.ย.68 ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ เป็นประธานงานวันรวมน้ำใจให้กาชาดจังหวัดประจวบฯ เพื่อรับสิ่งของและเงินสดสนับสนุนในการออกร้านกาชาด ในงาน “มหัศจรรย์เมืองสามอ่าว และงานกาชาด ครั้งที่ 15” ประจำปี 2568

โดยมี พญ.บุษกร สวัสดิ์แสน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดฯ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ปลัดจังหวัดฯ นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน

เข้าร่วมกิจกรรมฯ พร้อมทั้งร่วมรดน้ำขอพรจากผู้ว่าราชการจังหวัดฯ เนื่องในวันสงกรานต์ ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นตามแบบประเพณีไทย สำหรับงานท่องเที่ยวประจวบคีรีขันธ์ มหัศจรรย์เมืองสามอ่าว และงานกาชาด ครั้งที่ 15

จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 เม.ย. – 4 พ.ค.68 ที่บริเวณสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติฯ ร.9 หน้าศาลากลางจังหวัดฯ และถนนเลียบชายทะเลอ่าวประจวบฯ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ

และหารายได้สนับสนุนกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ของสำนักงานเหล่าชาดจังหวัดฯ ภายในงานมีการจัดโซนแสดงนิทรรศการของส่วนราชการ 20 กระทรวง ภายใต้แนวคิด “Next Move Prachuap ประจวบต้องไปต่อ”

เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้รับทราบถึงแนวทางและเป้าหมายการพัฒนาของจังหวัดใน 10 ประเด็น ส่วนในวันเปิดงาน 25 เม.ย.68 จะมีการจัดขบวนแห่ประเพณีวัฒนธรรมของทั้ง 8 อำเภอ

เคลื่อนออกจากกองบิน 5 ตั้งแต่เวลา 16.00 น.มาตามเส้นทาง ถ.สละชีพ เข้าสู่บริเวณสถานที่จัดงานสวนสาธารณ เฉลิมพระเกียรติ ร.9 พร้อมด้วยชุดการแสดงประกอบขบวน

ขณะที่ในพิธีเปิดงานบนเวทีกลาง จะมีการแสดงแสง สี เสียง ชุด “ผีพุ่งไต้” ซึ่งเป็นการละเล่นพื้นบ้านของชาวหัวหิน พร้อมการจุดพลุสวยงามตระการตา
นอกจากนี้ ในแต่ละค่ำคืนของการจัดงาน ทั้ง 8 อำเภอจะมีการจัดชุดการแสดงมินิไลต์ แอนด์ ซาวน์ บนเวทีกลาง สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 คืนละ 1 ชุดการแสดง เพื่อเผยแพร่อัตลักษณ์วิถีชีวิต ประเพณีวัฒนธรรมของแต่ละอำเภอให้ผู้ร่วมงานได้รับชม

พร้อมกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น การประกวดสาวงามเมืองสามอ่าว / การประกวดสินค้าเกษตร / การแข่งขันกีฬามวยไทย ตะกร้อลอดบ่วง / กิจกรรมเดินแบบผ้าไทย ใครใส่ก็สวย โดยนายแบบและนางแบบกิตติมศักดิ์ / กิจกรรม Night Run เดิน-วิ่ง ชมเมืองสามอ่าว / กิจกรรมการออกร้านกาชาด รวมทั้งการจำหน่ายสินค้าโอทอป สินค้าชุมชน

คาราวานสินค้าอุปโภคบริโภค และการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินที่มีชื่อเสียงในทุกค่ำคืน โดยในวันสุดท้ายของการจัดงานจะมีการหมุนวงล้อออกรางวัลสลากกาชาดการกุศล ลุ้นรางวัลใหญ่รถยนต์ 3 คัน

พร้อมของรางวัลอื่นๆ มากมาย จึงขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมชมงานดังกล่าวได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

ผู้ว่าเพชรฯ นำทีมบุกค้นเรือนจำกลางเพชรบุรี หาสิ่งผิดกฎหมายโดยเฉพาะยาเสพติด

เมื่อวันที่ 10 เม.ย.68 ร้อยตำรวจโท ภพชนก ชลานุเคราะห์ ผู้ว่าราชการ จ.เพชรบุรี เปิดปฏิบัติการบุกจู่โจมตรวจค้นเรือนจำกลางเพชรบุรี อ.แก่งกระจาน เป็นกรณีพิเศษ เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาด รวมถึงสิ่งของผิดกฎหมายหรือของต้องห้ามภายในเรือนจำ โดยได้สนธิกำลังร่วมกับ หน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี

เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ภาค 7 ฝ่ายปกครอง อ.แก่งกระจาน สภ.แก่งกระจาน สาธารณสุข อ.แก่งกระจาน และ จนท.ราชทัณฑ์ กว่า 100 นาย โดยมี นายมิตรารุณห์ พรหมอินทร์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเพชรบุรี นำเข้าตรวจค้นจุดต่างๆ ภายในเรือนจำ อาทิ ล็อกเกอร์เก็บของของผู้ต้องขัง

ห้องนอน ห้องน้ำ และตามจุดสุ่มเสี่ยงต่างๆ ซึ่งผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายหรือสิ่งของต้องห้ามแต่อย่างใด นอกจากนี้ ยังได้สุ่มทำการตรวจปัสสาวะของผู้ต้องขัง จำนวน 150 คน ผลปรากฎว่าไม่พบสารเสพติดในปัสสาวะผู้ต้องขังแต่อย่างใด

ร้อยตำรวจโท ภพชนกฯ กล่าวว่า จ.เพชรบุรีได้รับการประสานจากเรือนจำกลางเพชรบุรี โดยได้บูรณาการร่วมกันหลายหน่วยงานในการปฏิบัติการบุกจู่โจมตรวจค้นภายในที่พักของผู้ต้องขัง เพื่อค้นหาสิ่งของผิดกฎหมายและสิ่งของต้องห้ามต่างๆ ที่เล็ดลอดเข้ามาในเรือนจำ

ไม่ว่าจะเรื่องของยาเสพติด อาวุธ หรือโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นสิ่งของต้องห้ามเด็ดขาด ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของต้องห้ามหรือสิ่งของผิดกฎหมาย ส่วนผลการตรวจปัสสาวะก็ไม่พบปัสสาวะสีม่วงในกลุ่มผู้ต้องขัง สำหรับเรือนจำกลางเพชรบุรี เป็นเรือนจำขนาดกลาง

มีผู้ต้องขังรวมทั้งสิ้น 2,530 คน เป็นผู้ชาย จำนวน 2,177 คน เป็นผู้หญิง จำนวน 323 คน เป็นกลุ่มที่รอการตรวจพิสูจน์ความผิด รวมถึงกลุ่มที่ถูกตัดสินโทษแล้วและมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 15 ปี.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

ผู้ว่าประจวบฯ เปิดศูนย์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงสงกรานต์ ตั้งเป้าเสียชีวิตน้อยกว่า 5 คน

เมื่อวันที่ 10 เม.ย.68 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (หลังใหม่) นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2568 โดยมีนายธนวัฒน์ เรืองเดช หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประจวบฯ คณะกรรมการและคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล และช่วงวันหยุด พ.ศ. 2568

จังหวัดประจวบฯ หัวหน้าส่วนราชการ ตำรวจ ทหาร ตชด. มูลนิธิ อาสาสมัคร อปพร. จิตอาสาพระราชทาน เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานร่วมพิธี ภายหลังผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้กล่าวเปิดศูนย์ฯ พร้อมรับมอบของสนับสนุนจุดตรวจจุดบริการช่วงเทศกาลสงกรานต์จากภาคเอกชนแล้ว ได้ชมการสาธิตการใช้เครื่องมือ การช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุทางถนนจากองค์กรการกุศล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเป็นประธานปล่อยขบวนรณรงค์ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน มูลนิธิกู้ภัย ร่วมกันออกปฏิบัติงานในช่วงควบคุมเข้มข้นระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย.68 พร้อมตั้งจุดตรวจจุดบริการประชาชนริม ถ.เพชรเกษม เพื่อให้บริการประชาชนที่สัญจรผ่านพื้นที่ จ.ประจวบฯ ตลอดระยะทางกว่า 200 กม. เดินทางอย่างปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้

นายธนวัฒน์ เรืองเดช กล่าวว่า การเปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 ในวันนี้ ใช้ชื่อการรณรงค์ว่า “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” มีการกำหนดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ช่วงควบคุมเข้มข้นระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2568 โดยมีมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน 5 มาตรการหลัก ได้แก่ 1. มาตรการด้านการบริหารจัดการ 2. มาตรการด้านลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนนและสภาพแวดล้อม 3. มาตรการด้านลดปัจจัยเสี่ยงด้านยานพาหนะ 4. มาตรการ

ด้านผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย 5. มาตรการด้านการช่วยเหลือหลังเกิดอุบัติเหตุ ตลอดจนมุ่งเน้นลดสาเหตุและพฤติกรรมเสี่ยงหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ ไม่ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดดื่มไม่ขับ การสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ การคาดเข็มชัดนิรภัย และการรณรงค์ลดอุบัติเหตุบริเวณทางข้าม โดยบูรณาการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐภาคเอกชน ภาคประชาชน อาสาสมัคร จิตอาสาพระราชทานและองค์กรสาธารณกุศล เพื่อลดความสูญเสียในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนจากปัญหาอุบัติเหตุทางถนนให้ได้มากที่สุด

ทั้งนี้จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2567 ในระดับประเทศ มีจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ 2,044 ครั้ง จำนวนผู้เสียชีวิต 287 ราย และจำนวนผู้บาดเจ็บ (Admit) 2,060 ราย ส่วนสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2567 ของจังหวัดประจวบฯ มีจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ 58 ครั้ง จำนวนผู้เสียชีวิต 9 ราย และจำนวนผู้บาดเจ็บ (Admit) 55 ราย ซึ่งเป้าหมายในการดำเนินการของจังหวัดประจวบฯ คือ

จำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บ (Admit) ของจังหวัดลดลงไม่น้อยกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับสถิติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง ทำให้จังหวัดประจวบฯ มีเป้าหมาย ดังนี้ การเกิดอุบัติเหตุน้อยกว่า 41 ครั้ง ผู้เสียชีวิตน้อยกว่า 5 ราย และผู้บาดเจ็บ (Admit) น้อยกว่า 41 ราย. นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

เจ้าคณะภาค 15 เปิดงาน “เดือนห้านมัสการหลวงพ่อในกุฏิ วัดกุยบุรี” ครบรอบ 154 ป


เมื่อวันที่ 10 เม.ย.68 ที่วัดกุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ พระธรรมวชิรสิทธาจารย์ เจ้าคณะภาค 15 เจ้าอาวาสวัดคลองวาฬ พระอารามหลวง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายสินาทร โอ่เอี่ยม รองผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ ประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีเปิดงานเดือนห้านมัสการหลวงพ่อในกุฏิ วัดกุยบุรี ครบรอบ 154 ปี โดยมี พระราชรัตนวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดประจวบฯ (มหานิกาย)

เจ้าอาวาสวัดกุยบุรี พร้อมด้วยพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ นายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ นางอรษา โอ่เอี่ยม รองประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดฯ นายอร่าม ญาณแก้ว นายอำเภอกุยบุรี หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แขกผู้มีเกียรติและ พุทธศาสนิกชนจำนวนมากเข้าร่วมงาน โดยก่อนเปิดงานมีขบวนแห่อัญเชิญหลวงพ่อในกุฏิ เพื่อให้ชาวบ้านกราบนมัสการบูชาพร้อมเครื่องสักการะ ซึ่งงานดังกล่าวทางวัดจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มานมัสการปิดทองรูปหล่อ “หลวงพ่อในกุฏิ” ในระหว่างวันที่ 10-18 เมษายน 2568 เป็นเวลา 9 วัน 9 คืน


“หลวงพ่อในกุฏิ” เดิมชื่อมาก หรือบุญมาก ท่านเกิดในราวปีมะเส็ง สมัยแผ่นดินพระเจ้าเอกทัศ กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เป็นน้องคนสุดท้องของ 3 พี่น้อง คือ ท่านอินทร์ ท่านม่วง และท่านมาก ท่านมีพี่น้องสี่คน น้องคนสุดท้องเป็นผู้หญิง ท่านเป็นคนปักษ์ใต้โดยกำเนิดน่าจะอยู่จังหวัดชุมพร ตระกูลของหลวงพ่อเป็นตระกูลที่มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก เมื่ออายุครบบวชท่านและพี่ชายได้ออกบวชและครองสมณเพศตลอดชีวิต หลวงพ่อทั้งสามเชี่ยวชาญเรื่องเวชกรรม ไสยศาสตร์ และวิปัสสนากัมมัฏฐาน

เมื่อบวชเป็นเวลาพอสมควรแล้วจึงชวนกันออกธุดงค์ มีความแตกฉานในสรรพวิชาทั้ง 3 องค์ เมื่อได้อยู่จำพรรษาที่วัดเดิมกันมาตามสมควรแล้วจึงได้ชักชวนกันเดินธุดงค์โดยหลวงพ่ออินทร์ เลือกมาจำพรรษาที่เมืองกำเนิดนพคุณ หรือเมืองบางสะพาน ปัจจุบันมีรูปเหมือนของท่านประดิษฐานอยู่ที่วัดเขาโบสถ์ อำเภอบางสะพาน หลวงพ่อม่วง น้องคนกลาง เลือกจำพรรษาที่ถ้ำแห่งหนึ่งระหว่างบ้านกรูดและทับสะแก ถ้ำแห่งนั้น คือ ถ้ำคีรีวงศ์ และกลายเป็นวัดถ้ำคีรีวงศ์ ในปัจจุบัน ส่วนหลวงพ่อมาก หรือหลวงพ่อในกุฏิ เลือกจำพรรษาที่เมืองกุยบุรี ที่วัดกุยบุรี วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมีแม่น้ำกุยบุรีไหลผ่านทางด้านหลังวัดและตั้งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน

ที่พระภิกษุจะต้องออกไปบิณฑบาตในเวลาเช้า นับเป็นสับปายะของผู้อยู่อาศัยถึงจะไม่ไกลจากหมู่บ้านแต่ก็ปราศจากเสียงอื้ออึงเข้ามารบกวน สมเป็นที่หลีกอยู่ของสมณะผู้ใคร่หาความสงบ หลวงพ่อในกุฏิเป็นผู้ที่ใฝ่ใจในด้านหาความสงบทางจิตยู่แล้ว จึงได้รับอาราธนาจากเจ้าเมืองและชาวกุยบุรี ปกครองวัดกุยบุรีตลอดมา ปฏิปทาของหลวงพ่อในกุฏิ ท่านเป็นผู้เคร่งครัดในด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน และชำนิชำนาญคล่องแคล่วด้านไสยศาสตร์คาถานับว่าหลวงพ่อเป็นผู้มีอาคมขลังพร้อมทั้งเป็นผู้มีเมตตาจิตอย่างสูง ทั้งเป็นผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย คือเมื่อพูดคำใดแล้วจะต้องเป็นอย่างนั้น

เมื่อเป็นดังนี้ชาวเมืองกุยบุรี เมืองคลองวาฬ เมืองปราณ ตลอดจนถึงเมืองใกล้เคียงจึงได้ศรัทธาเลื่อมใสในบุญบารมีเป็นอันมาก เมื่อใดได้รับทุกข์ก็จะต้องหาโอกาสมาบนบานศาลกล่าว ขอให้ช่วยปัดเป่าให้ผ่อนคลายหายจากทุกข์นั้นๆ ครั้นเมื่อได้รับความสำเร็จแล้วหรือสมความปรารถนาจากที่ตนได้บอกกล่าวกับหลวงพ่อไว้แล้วก็จะต้องนมัสการและปิดทองที่ตัวท่านเป็นจำนวนมาก แม้ในปัจจุบันรูปเหมือนหลวงพ่อในกุฏิก็ยังมีคนมาปิดทองท่านอยู่ตลอดมา.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

พ่อเมืองประจวบฯ นำทีม “ลงแขก – ลงคลอง” กำจัดปลาหมอคางดำให้หมดจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่คลองบางนางรม

เมื่อวันที่ 10 เม.ย.68 นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ เป็นประธานเปิดกิจกรรมร่วมด้วย ช่วยกัน “ลงแขก – ลงคลอง” กำจัดปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำธรรมชาติ “Next Move Prachuap ประจวบต้องไปต่อ” ที่คลองบางนางรม บริเวณด้านหลังสำนักงานประมงจังหวัดประจวบฯ อ.เมืองประจวบฯ โดยมี นายสมนึก พรหมศร ประมงจังหวัดฯ นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฯ นายบรรพต รัตนจันทร์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดฯ

นายธนวัฒน์ เรืองเดช หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประจวบฯ หัวหน้าส่วนราชการ และชาวประมงพื้นบ้านร่วมกิจกรรม เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้ และการมีส่วนร่วมในการกำจัดปลาหมอคางดำให้กับทุกภาคส่วน ควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงานประมง เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ชาวประมงพื้นบ้าน และผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดฯ

มาร่วมบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ ช่วยกันจับปลาหมอคางดำออกจากคลองบางนางรม พร้อมมีกิจกรรมสาธิตการทำน้ำหมักชีวภาพโดยสถานีพัฒนาที่ดินประจวบฯ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดฯ และหัวหน้าส่วนราชการได้ร่วมกันทำน้ำหมักชีวภาพด้วย ก่อนร่วมกันปล่อยปลากะพงขาว ขนาด 5-7 นิ้ว ซึ่งเป็นปลาผู้ล่าลงสู่คลองบางนางรมเพื่อไปกินลูกปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ

นายสมนึก พรหมศร กล่าวว่า จ.ประจวบฯ พบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในพื้นที่ 8 อำเภอ ซึ่งสำนักงานประมงจังหวัดฯ ได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ ของกรมประมง เพื่อควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำทุกแห่งที่พบการแพร่ระบาด โดยดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการกำจัดโดยการ “ลงแขก ลงคลอง” และการนำขึ้นมาใช้ประโยชน์ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 67 ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 68 และยังต้องปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องในทุกอำเภอ อย่างน้อยอำเภอละ 1-2 ครั้งต่อเดือน เพื่อควบคุมจำนวนปลาหมอคางดำให้เหลือน้อยที่สุด ให้เกิดความสมดุลของระบบนิเวศ ไม่ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำประจำถิ่น ซึ่งที่คลองบางนางรมนี้ได้มีการทำกิจกรรมลงแขกลงคลองไปแล้ว 4 ครั้ง

พบว่าปลาหมอคางดำเริ่มลดน้อยลง จึงได้ปล่อยปลากะพงผู้ล่าลงไป ทั้งนี้ จากการดำเนินการกำจัดปลาหมอคางดำมากว่า 1 ปี พบความชุกชุมในแหล่งน้ำลดลงชัดเจน เหลือเพียงลำคลองไม่กี่แห่งที่ยังมีความชุกชุม ส่วนการระบาดในบ่อเลี้ยงของเกษตรกรที่เลี้ยงแบบบ่อธรรมชาติ หลังจากที่ได้มีการรับซื้อปลาหมอคางดำจากเกษตรกรเพื่อนำไปทำน้ำหมักชีวภาพก็พบว่าไม่ค่อยมีปลาหมอคางดำหลงเหลือแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ จ.ประจวบฯ ได้รับโควต้ารับซื้อปลาหมอคางดำจากกรมประมงเพิ่มอีก 104 ตัน เพื่อเร่งกำจัดปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำอย่างต่อเนื่อง.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ” เป็นปลื้ม “น.ส.เกตน์ศิรณี บุญมา ฮ.นกเอี้ยงตาโตผู้จัดละคร ผู้กำกับโทรทัศน์ MV TV

แชร์เนื้อหานี้

ได้รับ การแต่งตั้งตำแหน่งผู้ช่วย น.ส. ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อย่างเป็นทางการ โดยได้เป็นข้าราชการการเมือง ผ่านการพิจารณาเห็นชอบและ อนุมัติ จากรัฐสภา ถูกต้องตามกฏหมาย น.ส.เกตน์ศิรณี บุญมา ( ฮ.นกเอี้ยงตาโต ) กล่าว ” ตนดีใจมาก ที่ ท่าน สว. ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา ได้คัดเลือก ตนเอง เข้ารับมอบตำแหน่ง หน้าที่ผู้ช่วย สว. ซึ่งเล็งเห็นถึง ความสามารถ ศักยภาพ ในการทำงาน การเสียสละตนเพื่อสังคม และ แผ่นดิน ในกิจกรรม ต่างๆ ที่ตนได้ทำมา อาทิ โครงการร้อยมือล้านใจช่วยเด็กไทยในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งปีนี้ เข้าสู่ปีที่13. ที่ตนได้ อุทิศตน

โดย ปณิธาน ส่วนหนึ่งของชีวิตขออุทิศตนเพื่อสังคม พร้อมตอบแทนคุณแผ่นดิน เพราะเราคือคนของแผ่นดิน และ ที่สำคัญ ที่ผ่านมา ตนก็ ลงพื้นที่ ไปทั่วทุกภาคของประเทศไทย สร้างสรรค์ ส่งเสริมด้านการศึกษาในท้องถิ่นทุรกันดารแก่ เยาวชน ได้เสริมสร้าง สร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆแก่ผู้สูงอายุ จัดหาอุปกรณ์เครื่องทางการแพทย์ สนับสนุนให้แก่ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยติดบ้าน ร่วมถึง ส่งเสริม ด้านการอาชีพที่ยั่งยืน แก่พ่อแม่พี่น้องประชาชน ในทุกๆ พื้นที่ที่ได้ลงจัดกิจกรรม
มาตลอดระนะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา อย่างจริงจัง และ จริงใจ

ตนขอ ปฏิญาณตน จะปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์ จงรักภักดี ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และ ขออุทิศตน ต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชน ก้าวตาม สนับสนุน
นโยบายที่สร้างสรรค์ ตามที่ สว. ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา ที่มอบหมายหน้าที่ให้ตน เป็นอย่างดีด้วยความรัก ความซื่อสัตย์ ความตั้งใจ ที่จะทำต่อแผ่นดิน ” ขอกราบขอบพระคุณทุกๆ กำลังใจที่มอบให้แก่ น.ส.เกตศิรณี บุญมา ( ฮ.นกเอี้ยงตาโต ) กราบขอบคุณคุณแม่สุมาลี ตันตยกุล และ พี่ๆ น้องๆ ลูกๆ ครอบครัวที่สนับสนุน เป็นกำลังใจให้ตลอดมา

จุฬาเฮิร์บเปิดแคมเปญใหญ่รับซัมเมอร์
“เสิร์ฟผิวสวยท้าแสง” แจกกันแดดจุฬาเฮิร์บฟรีทั่วไทย
พร้อมลุ้นรางวัลรวมกว่า 1.5 ล้านบาท

จุฬาเฮิร์บมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านการดูแลผิวที่เข้าถึงคนไทยทุกพื้นที่ พร้อมเดินหน้าสร้างสุขภาพผิวที่ดีผ่านการกระตุ้นการป้องกันแสงแดดอย่างทั่วถึง และมีประสิทธิภาพ บริษัท เจแอลซี กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เมคอัพสกินแคร์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก ภายใต้แบรนด์ “จุฬาเฮิร์บ” แบรนด์ไทยที่อยู่เคียงข้างผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน เปิดตัวแคมเปญใหญ่รับซัมเมอร์ “จุฬาเฮิร์บเสิร์ฟผิวสวยท้าแสง” แจกกันแดดฟรีทั่วไทย ภายใต้แนวคิดที่ต้องการมอบสุขภาพผิวที่ดีให้คนไทยทั่วประเทศ ผ่านตู้กดครีมกันแดดจุฬาเฮิร์บฟรี กว่า 100 ตู้ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์กันแดดตัวล่าสุดของจุฬาเฮิร์บ “กันแดดแตงโม 3D Aura” กันแดดหน้าพุ่ง พร้อมปกป้องผิวทุกมิติ รวมทั้งสามารถแสกน QR CODE

เพื่อร่วมสนุกพร้อมลุ้นรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท โดยภายในงานพบกับ คุณแพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ พรีเซ็นเตอร์แบรนด์จุฬาเฮิร์บ เป็นตัวแทนร่วมรณรงค์การดูแลผิวหน้าท้าแดดในแคมเปญนี้ด้วย
การจัดแคมเปญนี้ขึ้นนับเป็นการขับเคลื่อนแบรนด์จุฬาเฮิร์บให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการ “ทาครีมกันแดด” ก่อนออกจากบ้าน นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย โดยสนับสนุนให้มีการจัดตั้งตู้แจกกันแดดจุฬาเฮิร์บไว้ตามจุดต่างๆ ในช่วงสงกรานต์ พร้อมกันนี้ยังผลักดันแนวคิดการเข้าถึงการดูแลผิวอย่างเท่าเทียม ได้จัดตั้งตู้แจกกันแดดจุฬาเฮิร์บในช่วงวันแรงงานอีกด้วย
โดยประชาชนทั่วไปสามารถทดลองใช้กันแดดจุฬาเฮิร์บฟรีได้ง่าย ๆ เพียงไปที่ตู้แจกกันแดดของแบรนด์จุฬาเฮิร์บ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ พร้อมร่วมกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลผ่านการสแกน QR Code ที่ตู้ หรือจากหลังซองสินค้าจุฬาเฮิร์บที่ร่วมรายการ

โดยแคมเปญ “เสิร์ฟผิวสวยท้าแสง” นี้ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2568 ครอบคลุมพื้นที่กว่า 35 จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมเตรียมมอบของรางวัลให้กับผู้ร่วมสนุกมากมาย อาทิเช่น iPhone 16, ทองคำหนัก 1 สลึง, บัตรกำนัลแทนเงินสดมูลค่า 1,000 บาท, รถจักรยานยนต์ Honda Scoopy และของรางวัลใหญ่ Toyota Yaris Cross รวมทั้งสิ้นมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท
นายอาทิตย์ สีตาไว ผู้บริหารแบรนด์จุฬาเฮิร์บ กล่าวว่า “เรามุ่งหวังให้แคมเปญนี้เป็นมากกว่าการทำการตลาด แต่คือภารกิจเพื่อสังคม เราอยากให้คนไทยใส่ใจการปกป้องผิวด้วยวิธีที่ง่าย เข้าถึงได้ และสามารถสนุกกับกิจกรรมในแบบที่จุฬาเฮิร์บตั้งใจจัดแคมเปญนี้ขึ้นเพื่อตอบแทนลูกค้าจุฬาเฮิร์บรวมถึงคนไทยทั่วประเทศ จึงเป็นที่มาของการทำตู้แจกกันแดดฟรีทั่วประเทศ”

โดยการเปิดตัวแคมเปญนี้จะมีขึ้นในวันที่ 8 เมษายน 2568 เวลา 10.00 – 12.00 น. ณ บริษัท คัดไว้ มีเดีย จำกัด & บริษัท ธรรมตา แอ๊ดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด พร้อมทั้งเรียนเชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมงานพร้อมเก็บภาพบรรยากาศ และสัมภาษณ์ คุณแพนเค้ก รวมถึงรับฟังข้อมูลรายละเอียดกิจกรรมต่าง ๆ ณ วันดังกล่าว พร้อมสามารถทดลองใช้ตู้กดกันแดดจุฬาเฮิร์บฟรีภายในงาน
ซึ่งแคมเปญนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของแบรนด์จุฬาเฮิร์บ ในการเดินหน้าสู่การเป็น แบรนด์ที่เข้าใจคนไทย และใส่ใจในสุขภาพผิวของทุกคนอย่างแท้จริง “จุฬาเฮิร์บ สวยจบ..ครบทุกสภาพผิว”