คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวประชาสัมพันธ์

สื่อรัฐทีวี/สื่อรัฐนิวส์ / มิสแกรนด์ประจวบฯ 2025 เข้าพบรองผู้ว่าราชฯ รอบไฟนอล 30 พ.ย. นี้ ที่ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ 27 พ.ย.67 ที่ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้การต้อนรับคุณภาติยะ นิ่มน้อย ผู้ได้ลิขสิทธิ์ในการจัดกองประกวดมิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ 2025 นายทิวัตถ์ แจ่มสว่าง นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คณะผู้จัดการประกวดฯ และผู้เข้าร่วมประกวดฯ 11 ท่าน โดยทางคณะผู้จัดการประกวดฯ

ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการค้นหาสาวงามที่จะเป็น ตัวแทนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไปประกวดในเวที มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2025 เวทีประกวดสาวงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย นอกจากนั้นยังมีจุดประสงค์ในการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวในท้องถิ่น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ในการนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ให้โอวาทแก่คณะผู้จัดฯและผู้เข้าร่วมประกวดฯ ก่อนที่จะมีการจัดการประกวดขึ้น เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับกองประกวดฯ สำหรับการจัดประกวดมิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ 2025

เป็นการคัดเลือกสาวงามที่มีความเพียบพร้อมทั้งความงาม สุขภาพที่ดี มีสติปัญญา เพื่อเป็นตัวแทนของจังหวัดเดินทางไปประกวดเวทีระดับประเทศ โดยจะจัดการประกวดมิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ 2025 รอบไฟนอลในวันที่ 30 พ.ย.67 ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้น ที่ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน (Bluport Huahin) ไป ไฮไลท์ของงานเตรียมพบกับ “อิงฟ้า วราหะ” , “หลิน มาลิน” มิสแกรนด์ไทยแลนด์ คนล่าสุด

//////////////

ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / แถลงข่าว ประชาสัมพันธ์ ตามนโยบายและแผนพัฒนาจังหวัด ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567

แชร์เนื้อหานี้


เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดน่าน นางวจิราพร อมาตยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในการจัดกิจกรรมแถลงข่าวประจำเดือน เพื่อสื่อสารและประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงาน ตามนโยบายและแผนพัฒนาจังหวัด ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567 โดยมีนายพิพัฒน์ สัสดีแพง ประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน กล่าวถึงประเด็นที่สำคัญในการประชาสัมพันธ์จังหวัดพร้อมแจ้งถึงผลการดำเนินงานตามนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดน่านในแต่ละเดือน พร้อมนำเสนอผลการขับเคลื่อนการที่จังหวัดทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวและอื่นๆ โดยมีประเด็นต่างๆ เพื่อนำเสนอให้สื่อมวลชนและประชาชนได้รับทราบ ดังนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน โดย นางสาวพัฒนา ไวลิม ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน แทน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน ได้กล่าวถึงเรื่องการเตรียมรับมือภัยหนาวในพื้นที่จังหวัดน่าน โดยกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศการเริ่มต้นฤดูหนาวของประเทศไทย พ.ศ. 2567 – 2568 ประเทศไทยได้เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 โดยได้มีการจัดตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์ภายใต้กองอำนวยการป้องกัน รวมถึงทบทวนและปรับปรุงแผนเผชิญเหตุจังหวัด และการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ภัยหนาวและแต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาวจังหวัดน่าน พ.ศ. 2567 – 2568

โดยข้อมูลสำรวจความต้องการเครื่องกันหนาวปีงบประมาณ 2567 – 2568 จังหวัดน่านได้มีการสำรวจข้อมูลความต้องการเครื่องกันหนาว จำนวน 91,510 คน ทั้งนี้ได้มีผู้ประสงค์จะแจกจ่ายครื่องกันหนาวมาจากบ.ไทยเบฟฯ จำนวน 15,000 ผืน และมูลนิธินอกจากนี้ราชประชาฯ จำนวน 2,500 ผืน ทั้งนี้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่านได้แนะนำเรียนรู้และรับมือภัย ในช่วงฤดูหนาว ดำเนินชีวิตปลอดภัย อาทิ อุบัติเหตุทางถนน สุขภาพ เพลิงไหม้ ไฟป่า และหมอกควัด้านนายสายันต์ ไชยยศ ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาน่าน ได้เปิดเผยว่าคาดการณ์สภาพภูมิอากาศ และสภาพอากาศหนาวเย็นในพื้นที่จังหวัดน่าน เดือนพฤศจิกายน จะมีอากาศเย็นเกือบทั่วไป กับมีอากาศหนาว บางแห่งในบางวันทางตอนบนของภาค และมีหมอกในตอนเช้า

โดยจะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 – 20 ของ พื้นที่ และอาจมีลมกระโชกแรงบางแห่งในบางวัน สำหรับช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม อากาศจะหนาวเย็นมากขึ้น โดยมีอากาศหนาวเย็น เกือบทั่วไป และมีอากาศหนาวจัดโดยเฉพาะบริเวณตอนบนของภาค สำหรับบริเวณยอดดอย ยอดภูรวมทั้งเทือกเขาจะมี อากาศหนาวถึงหนาวจัด และเกิดน้ำค้างแข็งขึ้นได้ในบางช่วง ส่วนช่วงต้นและกลางเดือนกุมภาพันธ์ลักษณะอากาศจะแปรปรวน โดยอากาศจะเริ่มอุ่นขึ้นและมีฝนบาง แห่งในบางวัน กับมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ โดยยังคงมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้า และจะมีอากาศร้อนหลาย พื้นที่ในตอนกลางวันข้อควรระวังในเดือนธันวาคมและมกราคม บริเวณยอดดอยมักจะเกิดน้ าค้างแข็งขึ้นได้ กับจะมีหมอกหนาเกิดขึ้น ในหลายพื้นที่ จึงควรระมัดระวังการเกิด อุบัติเหตุจากการใช้ ยวดยานพาหนะไว้ด้วย เดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ อาจมีคลื่นกระแสลมตะวันตก เคลื่อนตัวจากประเทศเมียนมาผ่าน ภาคเหนือซึ่งจะทำให้ช่วงดังกล่าวเกิดฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกได้ในบางพื้นที่อากาศหนาวถึงหนาวจัดในช่วงเดือนธันวาคม 2567 ถึง มกราคม 2568 คาดการ์ว่าอากาศหนาว – หนาวจัดบางวันอุณหภูมืต่ำถึง 8 องศา – 15 องศา

ในบางพื้นที่อากาศหนาวจัดต่ำกว่า 8 ด้านนางสาวนพรัตน์ ศตะรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน กล่าวถึงการจัดประชุมเตรียมความพร้อมเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวจังหวัดน่าน ปี 2567 และการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ในการต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและจากทั่วทุกมุมโลกโดยมีนายชัยนรงค์ วงค์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านเป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวจังหวัดน่าน ปี 2567 จังหวัดน่านกำลังเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน – เดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปีเพื่อส่งสัญญาณว่า จังหวัดน่านมีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและจากทั่วทุกมุมโลก ที่มีความหลากหลายทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรม การเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ อาทิ ด้านแหล่งท่องเที่ยว ด้านการบริการ ด้านคมนาคม ด้านการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว

ด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ตลอดจนหารือถึงกิจกรรมที่จะจัดขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น เป็นการแสดงถึงศักยภาพการบูรณาการความร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนชาวน่าน ด้วยการสร้างคุณภาพและบริการจากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน มีมิตรไมตรีและเป็นเจ้าบ้านที่ดี โดยมีสถิตินักท่องเที่ยวผู้มาเยี่ยมเยือนจังหวัดน่าน มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยมากกว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นตามเช่นกัน การเข้าพักของจังหวัดน่าน ที่พัก จำนวน 598 ที่ โดยมีห้องพักจำนวน 6,706 ห้อง บ่งชี้ได้ถึงการรองรับนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก โดยสถิติในปี 2567 มีจำนวนถึง 774,210 คน ข้อมูลณเดือนกันยายน

  ด้านนายรณกฤต จักร์เงิน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ผู้แทนผู้อำนวยการสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 แพร่ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวตามอุทยานแห่งชาติในพื้นที่จังหวัดน่าน  ซึ่งจังหวัดน่านมี 15 อำเภอ 98 ตำบล 31 ชุมชน 893 หมู่บ้าน มีประชากร 470,708 คน พื้นป่ามีจำนวน 7,581,035.02 ไร่ โดยมีพื้นที่ป่าตามกฎหมายในจังหวัดน่านจำนวน 5,976,453.15 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 79% ของพื้นที่จังหวัดน่าน ป่าสมบูรณ์ 4,241,855 ไร่ คิดเป็น 59.17% แบ่งเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์จำนวน 2,756,453.15 ไร่ คิดเป็น 36% ของพื้นที่จังหวัดน่าน มีอุทยานแห่งชาติ 7 แห่ง ,เขตห้ามล่าสัตว์ป่า 1 แห่ง ,วนอุทยาน 1 แห่ง ,สวนรุกขชาติ 1 แห่ง  พื้นที่อื่นๆจำนวน 1,604,581.87 ไร่ คิดเป็น 21% ของพื้นที่เป็นชุมชน,เกษตรกรรม โดยเผยว่านายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้สั่งการให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เตรียมความพร้อมแหล่งท่องเที่ยวและเส้นทางศึกษาธรรมชาติทั่วประเทศ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะในช่วงปลายฝนถึงฤดูหนาวนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การเดินป่าและกิจกรรมอาบป่า (Forest Bathing) มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดสำหรับในภาคเหนือ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคาจังหวัดน่าน ซึ่งมีเส้นทางให้เลือกหลากหลาย ทั้งเส้นทางระยะไกลดอยภูแล เส้นทางเด่นช้างนอน เส้นทางน้ำตกขุนน้ำปัว เส้นทาง 1,700 และเส้นทางดอกชมพูภูคา นอกจากนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ เส้นทางดอยค้ำฟ้า ในอุทยานแห่งชาติผาแดงและจุดชมวิวยอดภูชี้ฟ้าในอุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า ที่สวยงามโดดเด่น ทั้งนี้ กรมอุทยานฯ ได้เตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง โดยจัดเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงมีป้ายสื่อความหมายและจุดพักตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับทั้งความรู้และความเพลิดเพลินในการได้รับบริการ

ด้านนายวสันต์ จารุศังข์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัวหวัดน่านได้กล่าวถึงเรื่องการเตรียมรับมือและแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่จังหวัดน่านสถานการณ์ ฝุ่นPM2.5 ในพื้นที่จังหวัดน่าน คุณภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดน่านพบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน2.5 ไมครอนทั้ง 2 สถานี โดยจุดที่มีฝุ่นละอองPM2.5 อยู่ในเขตพื้นที่ที่มีรถหนาแน่นนอกจากนี้สถานการณ์ จุดความร้อน Hotspot ในพื้นที่จังหวัดน่านเปรียบเทียบกับปี 2566 – 2567 มีการพบจุดความร้อนลดลงหรือน้อยกว่าปี 2566 ซึ่งเกิดจากพื้นที่เผาไหม้ในพื้นที่จังหวัดน่านน้อยลง ทั้งนี้ทางสำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัวหวัดน่านได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันจังหวัดน่านปี 2568 โดยมีมาตราการป้องกัน เช่น บริหารจัดการเชื้อเพลิง , การกำหนดวันห้ามเผาเด็ดขาด ,ลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง,ตรึงพื้นที่กำหนดจุดเฝ้าระวัง,จัดระบบการเข้า-ออก พื้นที่ป่า,ส่งเสริมการจัดทำแหล่งชุมชนขนาดเล็กรวมถึงการประชาสัมพันธ์เชิงรุก พร้อมทั้งสื่อสารสร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือ ส่วนมาตราการด้านเผชิญเหตุ อาทิ การสนธิกำลังจัดตั้งชุดปฎิบัติการตั้งจุดสกัด จุดเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง ,บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในการป้องกันและปราบปราม,

กำหนดสถานที่พักชั่วคราวตลอดจนการบริหารด้านสาธารณสุข ,พร้อมทั้งแจ้งเตือนสถานการณ์ในช่วงวิกฤตและป้องกันตัวเองที่ถูกต้องให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง ด้านนางนัฑวิภรณ์ จันต๊ะพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน ได้กล่าวถึง Creative City วิถีน่าน ด้วย Spark 3 วิ “เชิงลุก” โดยการขับเคลื่อนโครงการเสริมสร้างศักยภาพผู้เรียนบนฐานพหุปัญญา สู่ Soft Power วิถีน่าน เพื่อพัฒนาทักษะอาชีพที่จำเป็นในอนาคตและการสร้างรายได้ระหว่างเรียนมุ่งสู่ น่านเมืองสร้างสรรค์ Nan – Creative City of Crafts and Folk Art และแนวทางการขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพการศึกษา ทั้งนี้สพม.น่าน เป็นองค์กรแห่งคุณภาพคู่คุณธรรมขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม สู่อนาคตที่ยั่งยืน เรียนดีมีความสุข ปีแห่งการความท้าท้ายการศึกษาไทยองค์กรคุณภาพสร้างคนดี พร้อมทั้งในปีการศึกษา 2567 -2568 เน้นว่าเป็นปีทองแห่งคุณภาพคู่คุณธรรม 5 นโยบายภายใต้ธรรมาภิบาล คือ ความปลอดภัย คุณธรรม คุณภาพ โอกาส และประสิทธิภาพ เปิด 4 สาระสำคัญในการขับเคลื่อนดำเนินการ 1.แผนที่เชิงประวัติศาสตร์ 2.วิชาชีพเชิงช่างวิถีน่าน 3.ผ้าพื้นถิ่นน่าน 4.ศิลปะการแสดงพื้นบ้านวิถีน่าน/ ข่าวสนง.ปชส.น่าน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ทีมข่าวสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / แถลงข่าวงานประเพณีไหลแพไฟเฉลิมพระเกียรติฯ ประจำปี 2567

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ.โรงแรมต้นทองรีสอร์ทสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ จัดงานแถลงข่าวประชาสัมพันธ์การจัดงานประเพณีไหลแพไฟเฉลิมพระเกียรติฯ และพิธีขอบคุณพืชพันธ์ุธัญญาหารและสายน้ำ ประจำปี 2567

โดยมี นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานการแถลงข่าว ร่วมกับคณะผู้จัดงานซึ่งประกอบด้วย วัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ , ปลัดอาวุโส (รักษาราชการแทนนายอำเภอตรอน) นายกเทศมนตรีตำบลตรอน , นายกเทศมนตรีตำบลบ้านแก่ง

นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแก่ง , นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังแดงและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหาดสองแคว ร่วมเวทีแถลงข่าว ซึ่งมีกำหนดจัดระหว่างวันที่ 3 – 6 ธันวาคม 2567 ณ ท่าน้ำในพื้นที่อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้แก่ ท่าน้ำวัดวังแดง หมู่ 3 , ท่าน้ำสวนสาธารณะเทศบาลตำบลตรอน , ท่าน้ำองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแก่ง , ท่าน้ำลานริมน่าน เทศบาลตำบลบ้านแก่ง และท่าน้ำวัดหาดสองแคว

โดยภายในงานดังกล่าวมีกิจกรรมประกอบด้วย การชมแพไฟและพลุเฉลิมพระเกียรติ การเลือกช็อปอาหารและสินค้าผลิตภัณฑ์ในชุมชน การแสดงศิลปวัฒนธรรม และเทศกาลกินปลากินไข่ โดยไฮไลต์ของงานจะมีในวันที่ 5 ธันวาคม ที่จะมีการไหลแพไฟ 7 หลัง ระยะทาง 10 กิโลเมตร

ทั้งนี้ ได้มีหัวหน้าส่วนราชการทุกภาคส่วน หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สื่อมวลชน และประชาชน ร่วมเป็นเกียรติในงานแถลงข่าวดังกล่าวด้วย ในการนี้ จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวและผู้สนใจทั่วไปเข้าร่วมชมงานดังกล่าวในวันที่ 3-7 ธันวาคมนี้

นภอ.ลับแล ประชุมเตรียมความพร้อมกิจกรรม เปิดเส้นทางการท่องเที่ยวสายศรัทธา

วันที่ 18 พย.2567 ณ.หอประชุมโรงเรียนวัดดอนสัก ต.ฝายหลวง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ นายภูริวิจน์ โชตินพรัตน์ นายอำเภอลับแล เป็นประธานเปิดการประชุมปรึกษารือในการวางแนวทางการจัดกิจกรรม เปิดเส้นทางการท่องเที่ยวสายศรัทธาและการงานบวชต้นไม้ ณ.ม่อนจำศิล พร้อมการจัดกิจกรรมยามค่ำคืน ณ.เฮือนลับแล นำทีมการ

จัดงานโดย คณะถ่ายทำภาพยนต์ “ธี่หยด”M Studio เอ็ม สตูดโอ(@m_studiomovies)พร้อมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เมเจอร์ โดยการจัดงานจะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 21-22 พย.2567 ณ. ม่อนจำศิล และ โรงเรียนวัดดอนสัก โดยมีผู้เข้าร่วมในการเสวนาปรึกษาหารือในกิจกรรมดังกล่าวได้แก่ นางกัญญาวีร์ ศิริกาญจนารักษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จังหวัด อุตรดิตถ์

นายเกรียงศักดิ์ ทิพย์พรหม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนานกกก นายโสภณ สีหะอำไพ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดดอนสัก นางสาว ศศิ ศิริกาญจนารักษ์ ประธานกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC จังหวัดอุตรดิตถ์ และ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์ ,

พร้อมด้วย คณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลฝายหลวง อาจารย์คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฑอุตรดิตถ์ และที่ปรึกษาสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์ ฝ่ายปกครองในพื้นที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประธานกลุ่มห่อผ้าฝายหลวง , คณะครูโรงเรียนวัดดอนสัก , ปราชญ์ชาวบ้าน , ประธานกลุ่มทอผ้าฝายหลวง , ราษฎรในพื้นที่ ได้เข้าร่วมกิจกรรมเสวนาในการเตรียมการในครั้งนี้ ณ หอประชุมโรงอาหาร โรงเรียนวัดดอนสัก ต.ฝายหลวง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์นาง กัญญาวีร์ ศิริกาญจนารักษ์ ประธานสภาอุตรสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า

วัตถุประสงค์ของการจัดงาน เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจ พร้อมเข้าร่วมรับฟังการมีส่วนร่วมรวมถึงบริบทเพื่อเป็นการดำเนินการทำเป็นข้อมูลในการประชุมพร้อมทั้งนำมาซึ่งการสร้างรายได้ให้ก่อเกิดในบริบทพื้นที่ชุมชนและเพื่อให้ราษฎรในพื้นที่เสนออัตลักษณ์ชุมชนในเขตพื้นที่อำเภอลับแล อย่างเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์และเป็นข้อมูลตรงกับความเป็นจริงจากราษฎร

นาคา คะเลิศรัมย์/รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวสื / การประกวด Heritage Pageants 2024 จัดขึ้นด้วยสัมผัสทางวัฒนธรรม

แชร์เนื้อหานี้

บริษัท Eplanet Pte Ltd มีความภูมิใจที่จะประกาศการเปิดตัวการประกวด Heritage Pageants ครั้งที่ 7 ประจำปี 2024 งานระดับนานาชาติที่เฉลิมฉลองการผสมผสานระหว่างความงาม วัฒนธรรม และมรดกทางวัฒนธรรม การประกวดที่หลายคนรอคอยได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2024 ด้วยพิธีมอบสายสะพายให้กับผู้เข้าประกวด ณ โรงแรมดิวาลักซ์ รีสอร์ท แอนด์ สปา กรุงเทพฯ ประเทศไทย การประกวดในปีนี้ได้ขยายประเภทการประกวดเพิ่มขึ้น ได้แก่ Mister, Ms., Petite และ Gems นอกเหนือจากตำแหน่งหลักคือ Miss และ Mrs. Heritage International ผู้เข้าประกวดจากหลากหลายประเทศ รวมถึงอินเดีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย มองโกเลีย เมียนมาร์ เม็กซิโก เนปาล ไนจีเรีย นิวซีแลนด์ ลาว ไทย สิงคโปร์ เซอร์เบีย ฟิลิปปินส์ สหราชอาณาจักร อินโดนีเซีย เปรู ลัตเวีย เคนยา และเวียดนาม ได้มารวมตัวกันในการเฉลิมฉลองระดับโลกครั้งนี้ งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-18 พฤศจิกายน 2024 โดยจะมีพิธีตัดสินและมอบมงกุฎในวันที่ 16 พฤศจิกายน

กิจกรรมเบื้องต้นได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยผู้เข้าประกวดได้ร่วมถ่ายภาพในชุดประจำชาติ ชุดราตรี และชุดว่ายน้ำ ผู้เข้าประกวดยังได้มีโอกาสสำรวจเมืองกรุงเทพฯ ด้วยการนั่งตุ๊กตุ๊ก ระหว่างพักที่โรงแรมทินิดี เทรนดี้ กรุงเทพฯ ข้าวสาร ในงานแถลงข่าว ผู้เข้าประกวดได้โชว์ชุดประจำชาติและชุดวัฒนธรรมผ่านการเดินแบบอย่างน่าประทับใจ นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงทางวัฒนธรรม โดยผู้เข้าประกวดแต่ละคนได้จัดโต๊ะแสดงวัฒนธรรม นำเสนอองค์ประกอบทางวัฒนธรรมของตนผ่านการจัดแสดงที่คัดสรรมาอย่างดี Heritage Pageants ยังคงขยายการเข้าถึงระดับโลก ดึงดูดผู้เข้าร่วมจากทั่วโลก และนำเสนอเวทีที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม งานนี้เป็นการรวมตัวของความหลากหลาย ความสง่างาม และการเฉลิมฉลองทางวัฒนธรรม ที่เน้นย้ำถึงความงามของมรดกทางวัฒนธรรมระดับโลก

การประกวดนี้ดำเนินการโดยบริษัท Eplanet Pte Ltd ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ และนำโดยประธาน คุณสันโตษ สัปโกตา ซึ่งการนำของเขาได้ผลักดันให้การประกวดก้าวสู่ระดับใหม่บนเวทีนานาชาติ การแสดงอันน่าตื่นตาตื่นใจของการประกวดจะได้รับการกำกับการแสดงโดยผู้เชี่ยวชาญ คุณโรจิน ชักยา จากเนปาล และคุณเวสลีย์ ซอว์ จากมาเลเซีย ที่จะนำความงดงามทางศิลปะมาสู่งาน การดำเนินงานที่ราบรื่นของการประกวดได้รับการดูแลโดยคุณซูซาน ซานเฟอร์มี โกะ ซึ่งความเชี่ยวชาญของเธอจะรับประกันประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง Heritage Pageants ทำหน้าที่เป็นเวทีสำคัญสำหรับผู้เข้าประกวดในการส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมระดับโลกและสร้างความชื่นชมในความหลากหลายทางวัฒนธรรม ด้วยการนำเสนอชาติพันธุ์ ประเพณี และความงามของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติ งานนี้นำผู้เข้าประกวดและผู้ชมมารวมกันในการเฉลิมฉลองความเป็นหนึ่งเดียวและความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างทรงพลัง

ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 บริษัท Eplanet Pte Ltd ได้พัฒนาจากบริษัทวางแผนการจัดงานสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในการประกวดนางงามและงานวัฒนธรรม ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้จัดงานระดับโลกมากมาย รวมถึงการแสดงดนตรี เทศกาลวัฒนธรรม งานแสดงสินค้า และงานมอบรางวัล Eplanet ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นเลิศในการประกวดนางงาม นำเสนอโซลูชันการจัดงานที่ปรับแต่งให้เหมาะกับลูกค้าทั่วโลก มรดกแห่ง Heritage Pageants นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2014 Heritage Pageants ได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ดึงดูดความสนใจและผู้เข้าร่วมจากทั่วโลก งานแรกจัดขึ้นที่กาฐมาณฑุ เนปาล มงกุฎ Miss Heritage International ตกเป็นของ Hla Yin Kyae จากเมียนมาร์ งานนี้ได้เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางระดับนานาชาติ

รวมถึงนิวเดลี ศรีลังกา และสิงคโปร์ โดยได้มอบมงกุฎให้กับผู้ชนะที่สร้างแรงบันดาลใจ เช่น Victoria Pham จากเวียดนาม (2015), Anna Kirillina จากรัสเซีย (2022), Fontip Sriwaranyoo คุณฝนธิป ศรีวรัญญู จากไทย (2022), Wuandar Jirleyth Casanova จากเวเนซุเอลา (2023) และ Erika Hara จากญี่ปุ่น (2023) อนึ่งจะมีการประกวดปี 2024 (รอบชิงชนะเลิศ Final Contest)
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 ณ Tinidee Trendy Khaosan Rd. Bangkok Thailand เวลา 17.30 น เป็นต้นไป ขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ สำหรับการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดต่อสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ: Eplanet Pte Ltd ติดตามเราได้ที่: Facebook: www.fb.com/pageantofheritage
Instagram: www.instagram.com/heritagepageants
เว็บไซต์: www.pageantofheritage.com

สื่อรัฐทีวี -สื่อรัฐนิวส์ / ประกวด Heritage Pageants 2024 จัดขึ้นด้วยสัมผัสทางวัฒนธรรม

แชร์เนื้อหานี้

บริษัท Eplanet Pte Ltd มีความภูมิใจที่จะประกาศการเปิดตัวการประกวด Heritage Pageants ครั้งที่ 7 ประจำปี 2024 งานระดับนานาชาติที่เฉลิมฉลองการผสมผสานระหว่างความงาม วัฒนธรรม และมรดกทางวัฒนธรรม การประกวดที่หลายคนรอคอยได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2024 ด้วยพิธีมอบสายสะพายให้กับผู้เข้าประกวด ณ โรงแรมดิวาลักซ์ รีสอร์ท แอนด์ สปา กรุงเทพฯ ประเทศไทย การประกวดในปีนี้ได้ขยายประเภทการประกวดเพิ่มขึ้น ได้แก่ Mister, Ms., Petite และ Gems นอกเหนือจากตำแหน่งหลักคือ Miss และ Mrs. Heritage International

ผู้เข้าประกวดจากหลากหลายประเทศ รวมถึงอินเดีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย มองโกเลีย เมียนมาร์ เม็กซิโก เนปาล ไนจีเรีย นิวซีแลนด์ ลาว ไทย สิงคโปร์ เซอร์เบีย ฟิลิปปินส์ สหราชอาณาจักร อินโดนีเซีย เปรู ลัตเวีย เคนยา และเวียดนาม ได้มารวมตัวกันในการเฉลิมฉลองระดับโลกครั้งนี้ งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-18 พฤศจิกายน 2024 โดยจะมีพิธีตัดสินและมอบมงกุฎในวันที่ 16 พฤศจิกายนกิจกรรมเบื้องต้นได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยผู้เข้าประกวดได้ร่วมถ่ายภาพในชุดประจำชาติ ชุดราตรี และชุดว่ายน้ำ ผู้เข้าประกวดยังได้มีโอกาสสำรวจเมืองกรุงเทพฯ ด้วยการนั่งตุ๊กตุ๊ก ระหว่างพักที่โรงแรมทินิดี เทรนดี้ กรุงเทพฯ ข้าวสาร ในงานแถลงข่าว ผู้เข้าประกวดได้โชว์ชุดประจำชาติและชุดวัฒนธรรมผ่านการเดินแบบอย่างน่าประทับใจ นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงทางวัฒนธรรม โดยผู้เข้าประกวดแต่ละคนได้จัดโต๊ะแสดงวัฒนธรรม นำเสนอองค์ประกอบทางวัฒนธรรมของตนผ่านการจัดแสดงที่คัดสรรมาอย่างดี

Heritage Pageants ยังคงขยายการเข้าถึงระดับโลก ดึงดูดผู้เข้าร่วมจากทั่วโลก และนำเสนอเวทีที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม งานนี้เป็นการรวมตัวของความหลากหลาย ความสง่างาม และการเฉลิมฉลองทางวัฒนธรรม ที่เน้นย้ำถึงความงามของมรดกทางวัฒนธรรมระดับโลกการประกวดนี้ดำเนินการโดยบริษัท Eplanet Pte Ltd ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ และนำโดยประธาน คุณสันโตษ สัปโกตา ซึ่งการนำของเขาได้ผลักดันให้การประกวดก้าวสู่ระดับใหม่บนเวทีนานาชาติ การแสดงอันน่าตื่นตาตื่นใจของการประกวดจะได้รับการกำกับการแสดงโดยผู้เชี่ยวชาญ คุณโรจิน ชักยา จากเนปาล และคุณเวสลีย์ ซอว์ จากมาเลเซีย ที่จะนำความงดงามทางศิลปะมาสู่งาน การดำเนินงานที่ราบรื่นของการประกวดได้รับการดูแลโดยคุณซูซาน ซานเฟอร์มี โกะ ซึ่งความเชี่ยวชาญของเธอจะรับประกันประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง

Heritage Pageants ทำหน้าที่เป็นเวทีสำคัญสำหรับผู้เข้าประกวดในการส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมระดับโลกและสร้างความชื่นชมในความหลากหลายทางวัฒนธรรม ด้วยการนำเสนอชาติพันธุ์ ประเพณี และความงามของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติ งานนี้นำผู้เข้าประกวดและผู้ชมมารวมกันในการเฉลิมฉลองความเป็นหนึ่งเดียวและความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างทรงพลังก่อตั้งขึ้นในปี 1999 บริษัท Eplanet Pte Ltd ได้พัฒนาจากบริษัทวางแผนการจัดงานสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในการประกวดนางงามและงานวัฒนธรรม ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้จัดงานระดับโลกมากมาย รวมถึงการแสดงดนตรี เทศกาลวัฒนธรรม งานแสดงสินค้า และงานมอบรางวัล Eplanet ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นเลิศในการประกวดนางงาม นำเสนอโซลูชันการจัดงานที่ปรับแต่งให้เหมาะกับลูกค้าทั่วโลก

มรดกแห่ง Heritage Pageants นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2014 Heritage Pageants ได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ดึงดูดความสนใจและผู้เข้าร่วมจากทั่วโลก งานแรกจัดขึ้นที่กาฐมาณฑุ เนปาล มงกุฎ Miss Heritage International ตกเป็นของ Hla Yin Kyae จากเมียนมาร์ งานนี้ได้เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางระดับนานาชาติ รวมถึงนิวเดลี ศรีลังกา และสิงคโปร์ โดยได้มอบมงกุฎให้กับผู้ชนะที่สร้างแรงบันดาลใจ เช่น Victoria Pham จากเวียดนาม (2015), Anna Kirillina จากรัสเซีย (2022), Fontip Sriwaranyoo คุณฝนธิป ศรีวรัญญู จากไทย (2022), Wuandar Jirleyth Casanova จากเวเนซุเอลา (2023) และ Erika Hara จากญี่ปุ่น (2023)

ขอบพระคุณมา ณ ที่นี้
สำหรับการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดต่อสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ:

Eplanet Pte Ltd

ติดตามเราได้ที่:
Facebook: www.fb.com/pageantofheritage
Instagram: www.instagram.com/heritagepageants
เว็บไซต์: www.pageantofheritage.com

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / แถลงข่าวเทศกาลดนตรีแจ๊สเมืองพัทยา “Pattaya International Jazz Festival 2024″/ ฮือฮาร้านสเต็กพัทยา”นาเนียสเต็กแอนด์ซีฟู้ด” เปิดเมนูอาหารกว่า 1,000 เมนู

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 6 พ.ย.67 มีรายงานว่า นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ได้ร่วมแถลงข่าวเทศกาลดนตรีแจ๊สเมืองพัทยา “Pattaya International Jazz Festival 2024” พร้อมนายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี นายชัยวัฒน์ ตามไท ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา พร้อมศิลปิน “ป้อม ออโต้บาห์น” และ “ฟอร์ด สบชัย ไกรยูรเสน”

ร่วมแถลงข่าว โดยมี นางสาวทิฐิพันธ์ เพ็ชรตระกูล รองนายกเมืองพัทยา นายภูมิพิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกเมืองพัทยา พร้อมผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ ห้างสรรพสินค้า The Emsphere ชั้น M ลาน Sphere Gallery 1 กรุงเทพมหานคร

นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวถึงรายละเอียดของการจัดงานเทศกาลดนตรีแจ๊สเมืองพัทยา 2024 ว่าครั้งนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสวยงามในการจัดงานปีแรก ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “The Harmonic Jazz & Beach” เพื่อยกระดับเมืองพัทยาสู่เป้าหมาย “WORLD CLASS EVENT HUB” “พัทยา เมืองแห่งเทศกาลดนตรี ศิลปะ และวัฒนธรรมระดับโลก” ชูศักยภาพของเมืองในการจัดงานระดับโลก เพื่อให้เมืองพัทยาและประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก

โดยกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 7 ธันวาคม 2567 เวลา 17.00 – 24.00 น. ณ บริเวณริมชายหาดพัทยากลาง จ.ชลบุรี พบกับโมเม้นต์สุดประทับใจไปกับท่วงทำนองเพลงแจ๊สในบรรยากาศแสงสุดท้ายลับเส้นขอบฟ้า ณ ชายหาดเมืองพัทยา ที่จะพาทุกท่านดื่มด่ำไปกับอารมณ์เพลงแจ๊สจากศิลปินระดับตัวท็อปท่ามกลางแสงสุดท้ายของชายหาดเมืองพัทยา ด้วยศิลปินระดับโลกทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งในปีนี้เราได้เชิญศิลปินระดับโลก “Ronan Keating” ศิลปินหนุ่มชาวไอริช เจ้าของบทเพลงสุดโรแมนติก When you say nothing at all เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Nothing Hill มาร่วมสร้างความสุขในงานเทศกาลดนตรีแจ๊สเมืองพัทยาครั้งนี้

ด้านนายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี กล่าวว่าปีนี้ทาง องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดงานเทศกาลดนตรีแจ๊สเมืองพัทยา “Pattaya International Jazz Festival 2024” ด้วยต้องการให้เทศกาลดนตรีแจ๊สเมืองพัทยาเป็นเทศกาลดนตรีระดับโลกที่นำเสนอความสุดยอดของโชว์จากศิลปินแจ๊ส โดยเปิดให้เข้าชมฟรี

และยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างรายได้ให้กับภาคประชาชน ชุมชน ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งนอกจากจะมีศิลปินระดับโลกอย่าง “Ronan Keating” แล้ว ยังยังมีศิลปินมากฝีมือ และนักร้องคุณภาพระดับโลก “Tabitha King” ที่มากความสามารถแนวเพลงแจ๊ส, โซล, R&B, ฟังค์ และบลูส์ อีกทั้งยังเป็นนักร้องคุณภาพที่เคยได้ร่วมงานกับหลากหลายศิลปินระดับโลก อาทิเช่น Usher, Freebo

ลที่จะมาแสดงร่วมกับวง Infinity วงดนตรีแนวฟิวชั่นแจ๊ส วงแรกของประเทศไทย และการรวมตัวสุดพิเศษของศิลปินแจ๊สไทยระดับตำนาน Koh Mr.Saxman & Band ที่จะมาแสดงร่วมกับ Pom Autobahn และ Ford Sobchai ตามด้วยนักร้องมาดเท่ Burin Boonvisut พร้อมด้วยศิลปินสาวเสียงดี Gam Wichayanee ที่จะมาประชันเสียงกับ Pure The Voice และศิลปินไทยที่ไปสร้างชื่อระดับนานาชาติมาแล้วอย่าง Rasmee Isan Soul นักร้องหญิงที่เคยคว้ารางวัลคมชัดลึกอวอร์ด ในสาขาศิลปินหญิงยอดเยี่ยม, อัลบั้มยอดเยี่ยม อีกทั้งศิลปินรุ่นใหม่ วง ASIA7 ที่จะมาแสดงร่วมกับ Pae Sax มือแซกโซโฟนระดับแถวหน้าของเมืองไทย และวง H3F ที่จะมาร่วมสร้างบรรยากาศให้ชายหาดพัทยาอบอวลไปด้วยสีสันของดนตรีแจ๊ส รวมทั้้งยังมีร้านค้า ร้านอาหารเจ้าอร่อยจากเมืองพัทยาและพื้นที่ใกล้เคียงอีกมากมาย

ฮือฮาร้านสเต็กพัทยาไม่ได้มีแค่สเต็ก “นาเนียสเต็กแอนด์ซีฟู้ด” เปิดเมนูอาหารกว่า 1,000 เมนู

นายบัญชา หาธะนี หรือ พี่ติ เจ้าของร้านนาเนียสเต็กแอนด์ซีฟู้ด พัทยา ตั้งอยู่ริมถนนเฉลิมพระเกียรติสาย 3 พัทยาเหนือ ได้เปิดเผยข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาพักผ่อน ร้านนาเนีย สเต็กแอนด์ซีฟู้ด พัทยา จึงเปิดเป็นร้านอาหารแบบครัวนายาชาติที่มีเมนูต่างๆ มากมายกว่า 1,000 เมนู ไว้รองรับให้บริการลูกค้า ทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ

ที่ผ่านมากว่า 8 ปี อดีตเป็นเพียงร้านเล็กๆ ริมถนน แต่ทางร้านเห็นว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางมาในเมืองพัทยานั้น มีทั้งคนไทย คนเอเชีย และคนยุโรป ซึ่งจะหาอาหารรับประทานในตอนกลางคืนนั้นค่อนข้างยาก จึงมีแนวคิดขยายร้านและเปิดให้บริการอย่างครบครันในปัจจุบัน เป็นร้านอาหารที่เหมาะสำหรับนักท่องราตรี รวมถึงนักทานที่หิวยามดึก

ร้านนาเนีย สเต็กแอนด์ซีฟู้ด พัทยา ไม่ได้เป็นเพียงร้านจำหน่ายอาหารประเภทสเต็ก แต่ร้านมีบริการอาหารมากมายที่คัดสรรวัตถุดิบอย่างดีและมีคุณภาพ ที่รังสรรค์โดยเชฟมากฝีมือกว่า 20 ชีวิต เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 18.00 น.-05.00 น. ของทุกวัน นอกจากนี้ยังมีบริการส่งอาหาร เริ่มต้นเพียง 20 บาท ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่มาจากต่างจังหวัด พอตกดึกหาแล้วหาของกินยาก สำหรับผู้มาใช้บริการที่ร้านสามารถรองรับได้กว่า 100 ที่นั่ง สามารถตืดต่อสอบถามและสำรองจองโต๊ะได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ นาเนียสเต็ก & ซีฟู้ด สาขาพัทยา หรือเบอร์โทรศัพท์ 033-087 047, 088-856 7288 และ 099-096 1327

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯมุกดาหาร.​เปิดงานประเพณีแข่งเรือยาวออกพรรษา เชื่อมความสัมพันธ์ไทย-ลาว​ 2 ฝั่งโขง มุกดาหาร-สะหวันนะเขต

แชร์เนื้อหานี้

จังหวัดมุกดาหารเปิดงานประเพณีแข่งเรือยาวออกพรรษา เชื่อความสัมพันธ์ 2 ฝั่งโขง (ตีช้างน้ำนอง แข่งเรือยาวโบราณ สานประเพณีสองฝั่งโขง เชื่อมโยงไหลกะจู้) ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2567 เวลา 08.30 น. นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานในพิธีเปิดงาน แข่งเรือยาวออกพรรษาชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2567 ภายใต้วลี “ตีช้างน้ำนอง แข่งเรือยาวโบราณ สานประเพณีสองฝั่งโขง เชื่อมโยงไหลกระจู้”

ที่ ณ บริเวณลานหน้าท่าเทียบเรือ ท่าข้ามเทศบาลเมืองมุกดาหาร โดยมีคณะจากแขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวนำโดย ท่านนางหลิงทอง แสงตาวัน รองเจ้าแขวงสะหวันนะเขต นายปัฐม์ ปัทมจิตร กงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขตพร้อมคณะ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร ส่วนราชการ และพี่น้องประชาชนร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงาน

นางสุวรรณี ตั้งปณิธานนท์ นายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร กล่าวว่า ประเพณีแข่งเรือออกพรรษา เป็นงานประเพณีประจำปีที่สำคัญอันดับหนึ่งของจังหวัดมุกดาหาร ที่เทศบาลเมืองมุกดาหารได้จัดกิจกรรมมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำนุบำรุงศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมอันดีงาม ส่งเสริมเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวและกีฬาเรือพายของจังหวัดมุกดาหาร และที่สำคัญยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนชาวแขวงสะหวันนะเขต สาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวกับชาวจังหวัดมุกดาหารให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ในพิธีเปิดงาน (15 ตุลาคม 2567) ยังมีพิธีอัญเชิญถ้วยพระราชทานทางบก โดยประชาชนชาวจังหวัดมุกดาหารชาวเรือและชุมชนในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร และพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง อันได้แก่ศาลหลักเมืองมุกดาหารศาลเจ้าพ่อเจ้าฟ้ามุงเมืองศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้องและพระเจ้าองค์หลวง และพิธีเบิกน่านน้ำ

ทั้งนี้การแข่งเรือยาวประเพณีออกพรรษาจังหวัดมุกดาหาร จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 -17 ตุลาคม 2567 นับเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนให้คึกคัก และยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์จังหวัดชายแดนสองฝั่งโขงให้มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/รพ.กรุงเทพพัทยา จัดเสวนารับวันมะเร็งเต้านมสากล/มูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย/จะจัดงานระดมทุนสนับสนุนสังคมสงเคราะห์/เมืองพัทยาวางแนวทางดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงระยะยาว

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 10 ต.ค.67 ที่บริเวณ Lobby อาคาร E โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา จ.ชลบุรี โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ได้จัดเสวนาเรื่อง หลากหลายความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม เนื่องในวันมะเร็งเต้านมสากล โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการดูแลเต้านม เนื่องในวันมะเร็งเต้านมสากล (World Breast Cancer Day) “มะเร็งเต้านม” ภัยเงียบอันดับ 1 ของผู้หญิงทั่วโลก ป้องกันได้ด้วยการหมั่นตรวจเต้านมด้วยตนเอง และพบแพทย์เพื่อตรวจเต้านมอย่างน้อยปีละครั้ง โดยมี คุณภารดี อาจสมิติ ผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาล รพ.กรุงเทพพัทยา เป็นประธานกล่าวเปิดงาน

หลังจากนั้นมีการเสวนาเรื่อง หลากหลายความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม โดย นายแพทย์ฐาปนัสม์ ลิขิตมาศกุล ศัลยแพทย์เต้านม ศูนย์เต้านม และแพทย์หญิงสิริจัยกรณ์ ศิววงศ์ศรี อายุรแพทย์โรคมะเร็งและโรคเลือด รพ.กรุงเทพพัทยา มาร่วมให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม พร้อมตอบคำถามข้อสงสัยจากผู้เข้าร่วมฟังเสวนา

นอกจากนี้ มีการออกบูทเรียนรู้วิธีประเมินความเสี่ยงโรคมะเร็งจากผู้เชี่ยวชาญ และตรวจเต้านมฟรี จำนวน 100 ท่าน โดยพยาบาลวิชาชีพ ตลอดเดือนตุลาคมนี้ และยังมีกิจกรรมสุดพิเศษมากมาย อาทิ กิจกรรมส่งข้อความให้กำลังใจผู้ป่วยมะเร็งเต้านมผ่าน Interactive Booth เกมหมุนวงล้อเสี่ยงโชคและกิจกรรมสนุก ๆ พร้อมลุ้นรับส่วนลดสุดพิเศษ รับกล่องของขวัญ คูปองส่วนลด และโปรโมชั่นสุดพิเศษ

ทั้งนี้ ศูนย์เต้านม รพ.กรุงเทพพัทยา มีความห่วงใยสตรีไทยที่ต้องตกเป็นเหยื่อโรคมะเร็งเต้านม เพราะเป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในหญิงไทยและทั่วโลก ในประเทศไทยมีอุบัติการณ์เกิดในผู้ป่วยใหม่ ปีละประมาณ 12% โดยในปี 2566 พบผู้ป่วยรายใหม่ 17,742 คน หรือวันละ 49 คน และพบการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็งเต้านมหรือการแพร่กระจายของโรคค่อนข้างสูงกว่ามะเร็งชนิดอื่น ทำให้ผู้ป่วยหลายรายหมดกำลังใจในการรักษา อย่างไรก็ตาม มะเร็งเต้านม หากตรวจพบเร็ว เข้ารับการรักษาเร็ว และดูแลตนเองอย่างถูกวิธี จะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่รักได้อีกนาน จึงขอเชิญให้มาร่วมตรวจคัดกรองเพื่อป้องกันการเกิดโรคในอนาคต

โดยศูนย์เต้านม รพ.กรุงเทพพัทยา มีความพร้อมในเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพเต้านมรอบด้าน ด้วยทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลเต้านมโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเบื้องต้น การเจาะดูดชิ้นเนื้อในเต้านมระบบสุญญากาศ (VABB: Vacuum Assisted Breast Biopsy) เพื่อการตรวจวินิจฉัยและรักษาในคราวเดียว โดยไม่ต้องผ่าตัดขนาดแผลเล็กเท่ารูเข็ม การตรวจยีนพันธุกรรม (BRCA) เพื่อค้นหาความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านม และการรักษาโรคมะเร็งเต้านมโดยอายุรแพทย์โรคมะเร็ง รวมถึงการศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างเต้านมขึ้นใหม่หลังจากผ่าตัดรักษามะเร็งเต้านม เพราะเรื่องมะเร็งเต้านม หากรู้เร็ว รักษาไว ก็สามารถหายขาดได้

มูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย พบนายกเมืองพัทยา หารือจัดงานระดมทุนสนับสนุนสังคมสงเคราะห์

บ่ายวันที่ 10 ต.ค.67 นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เป็นประธานในการประชุมหารือแนวทางการจัดกิจกรรมระดมทุนสนับสนุนงานสังคมสงเคราะห์ของมูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย โดยมีนายภูมิพิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกเมืองพัทยา นายเอกประภู เอกะสิงห์ ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารมูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย นำโดยนางรัชฎา ชมจินดา ผู้อำนวยการมูลนิธิฯ เข้าร่วมในการประชุม ณ ห้องประชุม 131 ศาลาว่าการเมืองพัทยา

ทั้งนี้ มูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย เป็นองค์กรพัฒนาเอกชน ที่ทำงานด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนในเมืองพัทยามายาวนานกว่า 15 ปี โดยได้ดำเนินโครงการ 2 โครงการ คือ 1. สถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก บ้านเอื้ออารี เพื่อให้การช่วยเหลือ คุ้มครองเด็กที่ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว และเด็กที่ถูกแสวงหาประโยชน์โดยไม่เป็นธรรมในรูปแบบต่างๆ เช่น แสวงหาประโยชน์ทางเพศ แสวงหาประโยชน์ในรูปแบบการค้ามนุษย์ และ 2. ศูนย์พักพิงเด็ก/ศูนย์การเรียนรู้อาเซียน ซึ่งเป็นศูนย์แรกรับเพื่อให้การช่วยเหลือเด็กในกรณีฉุกเฉิน เพื่อพิจารณารูปแบบที่เหมาะสมในการให้ความช่วยเหลือโดยทีมสหวิชาชีพ และศูนย์การเรียนรู้อาเซียน เป็นศูนย์ขยายโอกาสทางการศึกษา

ให้บุตรหลานแรงงานข้ามชาติที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา นอกจากนี้มูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทยยังดำเนินงานโครงการอื่นๆ อาทิ โครงการรถโมบายเคลื่อนที่ เพื่อส่งเสริมความรู้เรื่องสิทธิเด็กและการป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศ, โครงการทุนการศึกษาสู่ความสำเร็จ HGM Education Fund สำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และโครงการทุนช่วยเหลือครอบครัว เพื่อส่งเสริมให้ครอบครัวสามารถดูแลเด็กเองได้โดยไม่ต้องส่งเข้าสถานสงเคราะห์ โดยปัจจุบันมูลนิธิฯ มีเด็กๆ อยู่ในความอุปการะกว่า 300 คน ในการนี้คณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ จึงมีความประสงค์หารือแนวทางการจัดกิจกรรมระดมทุนสนับสนุนงานของมูลนิธิฯ เพื่อสร้างความยั่งยืนในการให้ความช่วยเหลือเด็กๆ ในเขตพื้นที่เมืองพัทยา อาทิ การจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตการกุศล, งานกาล่าดินเนอร์เพื่อการกุศล, กิจกรรมวิ่งการกุศลโลมารัน, กิจกรรมโชว์รถคลาสสิคเพื่อการกุศล เป็นต้น

ด้าน นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า ด้วยบริบทเมืองพัทยาเป็นหน่วยงานราชการ ทำให้ไม่สามารถให้การสนับสนุนงบประมาณในการจัดกิจกรรมที่มีการจำหน่ายบัตรเพื่อหารายได้ แต่เมืองพัทยายินดีที่จะเป็นเจ้าภาพร่วม โดยให้การสนับสนุนในส่วนที่ไม่ขัดต่อระเบียบราชการ เช่น อนุญาตให้ใช้โลโก้เมืองพัทยาในการจัดงาน, การประชาสัมพันธ์กิจกรรมเพื่อสร้างการรับรู้ผ่านช่องทางสื่อสารต่างๆ, การประสานสื่อมวลชนร่วมทำข่าว สำหรับการประชุมหารือในครั้งนี้ทำให้ทราบถึงปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานของทั้งทางมูลนิธิ และเมืองพัทยา ถือเป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกัน อย่างไรก็ตาม เมืองพัทยาจะรับเรื่องไว้พิจารณาแนวทางสนับสนุนงบประมาณตามอำนาจหน้าที่ที่สามารถทำได้ภายใต้บริบทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และยินดีให้คำแนะนำแนวทาง หรือการประสานงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินงานของมูลนิธิฯ เป็นไปด้วยดี และสร้างความยั่งยืนในการให้ความช่วยเหลือเด็กๆ ในพื้นที่เมืองพัทยาต่อไป

เมืองพัทยาวางแนวทางดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงระยะยาว

วันที่ 10 ต.ค.67 นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการสนับสนุนการจัดบริการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง และบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิง ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนายศักดิ์ไชย เจริญอยู่คงรอด และ ดร.พิทยา ภิรมย์อ้น ผู้ช่วยเลขานุการนายกเมืองพัทยา พร้อมหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ในชุดคณะอนุกรรมการดังกล่าว เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ที่ห้องประชุมศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี

โดยในที่ประชุมได้มีการรายงานงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพเมืองพัทยา ในส่วนค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิง ประจำปี พ.ศ.2567 และแนวทางบริหารจัดการค่าบริการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิง ที่มีการเปลี่ยนแปลงตามมติบอร์ด สปสช. ซึ่งมีการอนุมัติเพิ่มงบประมาณค่าบริการจากเดิมเหมาจ่ายการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ จากจำนวน 6,000 บาท ต่อคนต่อปี เพิ่มเติมเป็นจำนวน 10,442 บาท ต่อคนต่อปี ซึ่งจะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีงบประมาณสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นในการดูแลผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ ทำให้หน่วยบริการสามารถจัดบริการได้ดีขึ้น สามารถจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นให้กับผู้ป่วย และเพิ่มแรงจูงใจในการดำเนินงานของบุคลากรและอาสาสมัครได้อีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีการรายงานผลการดำเนินงานโครงการจัดบริการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่เมืองพัทยา ประจำปี พ.ศ.2567 และการพิจารณาอนุมัติโครงการจัดบริการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิง ในพื้นที่เมืองพัทยา ประจำปี พ.ศ.2568 ซึ่งพบว่าการดำเนินงานในปีที่ผ่านมามีปัญหาการขาดแคลนบุคลากร และอาสาสมัครที่มาทำหน้าที่นี้ รวมทั้งเวลาไปเยี่ยมแต่ละครั้งจะไม่มีญาติอยู่ด้วย เนื่องจากญาติไปทำงาน ทำให้เวลาสอบถามหรือให้คำแนะนำต่างๆ ญาติจะไม่ได้ฟังด้วย และการพัฒนาความรู้สำหรับอาสาสมัครฯ

ด้านนายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา ได้กล่าวให้นโยบายในการดำเนินงานการจัดการระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่เมืองพัทยา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ว่าการดูแลผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งคณะผู้บริหารเมืองพัทยาให้ความสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่มทุกเพศวัยมาโดยตลอด จึงอยากให้คณะอนุกรรมการฯ หาแนวทางในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงฯ และให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหมั่นดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้มีสุขภาพแข็งแรง เพื่อเป็นตัวอย่างและสร้างแรงจูงใจให้กับประชาชนที่มารับบริการหันมาใส่ใจการดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้มากขึ้น รวมทั้งจัดอบรมพัฒนาทักษะแก่อาสาสมัครฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เกิดการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่มีศักยภาพ มีความต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนชาวพัทยามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถเข้าถึงสิทธิการรักษาได้อย่างทั่วถึง และเท่าเทียมต่อไป

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / งานไหลเรือไฟ แห่ปราสาทผึ้ง กฐินน้ำบูชาพญานาค ออกพรรษานี้ 17 ตุลาคม 2567

แชร์เนื้อหานี้

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม เปิดเทศกาลท่องเที่ยวออกพรรษา ประจำปี 2567 เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาสัมผัสงานบุญใหญ่ประจำปี ประเพณีออกพรรษาในพื้นที่กลุ่มจังหวัดสนุก (สกลนคร นครพนม มุกดาหาร) ในครั้งนี้ ททท.สำนักงานนครพนม ได้จัดกิจกรรม TAT Nakhonphanom Open House #9 เปิดสำนักงาน ททท. ตึกเหลืองสไตล์โคโลเนียลติดริมแม่น้ำโขง ประดับประดาสำนักงานด้วยแสงสีระยิบระยับจากดวงไฟและเรือไฟโบราณจำลองสวยงาม ให้เป็นอีก 1 แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนมในช่วงเทศกาลออกพรรษา โดยนักท่องเที่ยวสามารถมาถ่ายรูปได้ ระหว่างวันที่ 4 – 20 ตุลาคม 2567 มาสัมผัสกับอากาศที่เย็นสบายในช่วงปลายฝนต้นหนาวที่เมืองน่าเที่ยวทั้ง 3 จังหวัด การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเข้าสู่พื้นที่ และประชาสัมพันธ์กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษา ในพื้นที่ 3 จังหวัด อาทิ

1.งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง ชิงถ้วยพระราชทานฯ และแข่งขันเรือยาว จังหวัดสกลนคร ประจำปี 2567 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 17 ตุลาคม 2567 ณ บริเวณศูนย์ราชการจังหวัดสกลนคร, หนองหาร และวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร อ.เมือง จ.สกลนคร ชม Highlight ขบวนแห่ปราสาทผึ้งยิ่งใหญ่ตระการตา สืบสานมรดกทางวัฒนธรรม และสักการะพระธาตุเชิงชุม หลวงพ่อพระองค์แสน สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ในวันที่ 16 ตุลาคม 2567

2.งานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2567 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 18 ตุลาคม 2567 ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขงเทศบาลเมืองนครพนม อ.เมือง จ.นครพนม ชม Highlight การประกวดเรือไฟ 12 ลำ จาก 12 อำเภอ ในจังหวัดนครพนม วันที่ 17 ตุลาคม 2567 ตื่นตากับแสงไฟนับหมื่นดวงทอแสงสว่างไสว งดงามตามลำแม่น้ำโขง พิเศษสุด “แสงแห่งศรัทธาสู่เวทีโลก” ปีนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สนับสนุนการจัดงาน โดยเชิญสื่อต่างประเทศ (Influencers-Nas Daily) เดินทางมาร่วมทำข่าวประชาสัมพันธ์ เพื่อยกระดับให้เป็นงานประเพณีระดับสากลให้ก้าวไกลสู่สายตาชาวโลก ด้วยการนำเสนอ “8 เรือไฟพระธาตุประจำวันเกิด” ผสมผสานนวัตกรรมแสง สี เสียง และความร่วมสมัย ออกแบบและตกแต่งเรือไฟฟ้า ภายใต้แนวคิด “เรือไฟพระธาตุประจำวันเกิด” ได้รับการออกแบบอย่างประณีตและมีความหมายแฝงถึงความเป็นมงคล ตั้งแต่ชื่อของเรือไฟไล่มาจาก “รุ่งสุริยัน” ที่สื่อถึงความเจริญรุ่งเรือง ไปจนถึง “มิ่งเมืองนคร” ที่เป็นตัวแทนของความรุ่งเรืองของจังหวัดนครพนม โดยจะไหลโชว์ตลอดงานทั้ง 11 วัน

3.งานจุดเทียนขึ้นภูบูชาพระใหญ่ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแสงเทียนแห่งศรัทธา ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 หลังจากออกพรรษา 1 วัน บูชาแด่ องค์พระพุทธมิ่งมงคลมุณีศรีมุกดาหาร ในวันที่ 18 ตุลาคม 2567 ณ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร

4.งานกฐินน้ำบูชาพญานาค ครั้งที่ 17 ร่วมสืบสานตำนานพญานาคลุ่มแม่น้ำโขงหลังออกพรรษา ในวันที่ 19 ตุลาคม 2567 ณ ท่าทรายอัญเชิญสถิต สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 2 เป็นงานวัฒนธรรมที่จัดต่อเนื่องกันมานาน ของประชาชนที่หากินในลุ่มแม่น้ำโขง ทุกปีจะมีประชาชนทั้งสองฝั่งโขงมุกดาหาร – สะหวันนะเขต อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร มาร่วมลงแพเรือบั๊ค (เรือบรรทุกรถขนทรายรับน้ำหนักมากกว่า 50 ตัน) พร้อมคณะสงฆ์และผู้ว่าราชการจังหวัด พุทธศาสนิกชนกว่า 200 คน ลงแพเพื่อร่วมลอยกระทงบูชาพญานาค ณ กลางแม่น้ำโขงพื้นที่เชื่อกันว่าเป็นถ้ำพญานาค

นางสาวเสาวนีย์ คนกล้า ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอเชิญชวนสายบุญ พุทธศาสนิกชน นักท่องเที่ยวมาร่วมรับบุญใหญ่ประจำปี 2567 ในเทศกาลออกพรรษา ร่วมกิจกรรมตามกำหนดเวลาทั้ง 4 งาน เพื่อเพิ่มประสบการณ์ท่องเที่ยว ที่สัมผัสได้ด้วยตัวเองจากความเชื่อความศรัทธาของคนในท้องถิ่นจนกลายเป็นงานประเพณีวัฒนธรรม สุดยิ่งใหญ่สืบทอดกันมานาน ที่ไม่ได้มีบ่อยครั้ง ใน 1 ปี จะจัดเพียงครั้งเดียวเชื่อมต่อกัน ในพื้นที่ 3 จังหวัดสนุก

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

ผอ.เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มั่นใจน้ำไม่กระทบประชาชนท้ายเขื่อน 100% เพียงพออุปโภค บริโภค

แชร์เนื้อหานี้

นายชูพงศ์ อิศรัตน์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ เปิดเผยว่า จากการประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ที่พยากรณ์ไว้ว่าฝนจะเริ่มเบาบางลงในวันที่ 4 , 5 และ 6 ตุลาคม 2567 ซึ่งปัจจุบันนี้แม่น้ำป่าสักช่วงวิเชียรบุรีก็ยังถือว่ามีปริมาณน้ำค่อนข้างสูงซึ่งอยู่เหนือเขื่อนป่าสักโดยน้ำเหล่านี้ก็จะไหลเข้าสู่เขื่อนป่าสัก ณ ขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักมีความจุอยู่ประมาณ 600 กว่าล้าน ลูกบาศก์เมตร ยังสามารถรับได้อีกอยู่ประมาณ 300 กว่าล้าน ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นประมาณ 67%ความจุของอ่างที่สามารถเก็บกักได้ 960 ล้านลูกบาศก์เมตรของเขื่อน ในส่วนของการระบายน้ำปัจจุบัน รับน้ำด้านเหนือไหลเข้าอ่าง วันละ 40 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และระบายออกอยู่ที่ 30 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน คิดเป็นระบายออกไป 30 ล้านลูกบาศก์เมตร เก็บไว้ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับใน

วันที่ 4 จากการคาดการณ์ภูมิอากาศปริมาณน้ำฝนอาจจะลดลงเนื่องจากความกดอากาศที่แผ่ลงมาจากประเทศจีน จะทำให้ฝนลดน้อยลง ตั้งแต่วันที่ 4 , 5 และ 6 เป็นต้น ซึ่งในลักษณะเช่นนี้เขื่อนก็จะลดการระบายเพื่อให้สอดคล้องกับน้ำที่อยู่ด้านเหนือ ที่จะเข้าเขื่อน โดยจะเริ่มลดการระบายตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม จาก 350 เหลือ 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในวันที่ 5 ตุลาคม ลดจาก 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เหลือ 250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และในวันที่ 6 ตุลาคม เหลือระบาย 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตามลำดับ เพื่อให้สอดคล้องกับน้ำที่ยังคงมีช่องว่างเหลืออยู่ ก็คาดว่าสิ้นสุดฤดูฝน ในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ตามปฏิทินของกรมชลประทานก็จะสามารถเก็บกักน้ำได้ประมาณ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือมีน้ำเต็ม 100% ความจุของเขื่อน ซึ่งในปีนี้การบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งจะมีน้ำให้เกษตรกรเพื่ออุปโภค บริโภค และผลักดันน้ำเค็ม การรักษาระบบนิเวศ การอุตสาหกรรม ตลอดจนการเพาะปลูกด้านการเกษตรต่างๆ ในตลอดช่วงตลอดฤดูแล้งเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ จากการเฝ้าระวังเราต้องติดตามสภาวะภูมิอากาศเป็นหลักก็คือน้ำที่อยู่บนฟ้าซึ่งไม่มีความแน่นอน จะมีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศค่อนข้างมาก จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา เราก็จะต้องติดตามทุกวัน ในส่วนของพายุที่จะเกิดหรือไม่เกิดนั้น เราก็ไม่นิ่งนอนใจในส่วนของเขื่อนป่าสักก็จะติดตามทั้งน้ำบนฟ้า และน้ำที่ลงมาเป็นน้ำท่าจากสถานีวัดน้ำต่าง ๆ ตั้งแต่ อำเภอหล่มเก่า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ มาจนถึงเขื่อนป่าสักเราจะมีสถานีวัดน้ำติดตามสถานการณ์น้ำตลอดเส้นทาง เพื่อที่จะวางแผนการจัดการน้ำได้เป็นรายสัปดาห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

แต่อย่างไรก็ตาม หากอาจต้องมีการระบายน้ำเพิ่มเติมด้านท้ายเขื่อนเพื่อให้การเก็บกักน้ำหน่วงน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจะดำเนินการระบายตามแผนในปริมาณที่เหมาะสมไม่ให้น้ำล้นตลิ่งและจะแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนก่อนการระบายน้ำทุกครั้ง ตลอดจนไปถึงพี่น้องที่อยู่อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้านท้ายเขื่อนพระราม 6 ก็จะได้รับการแจ้งเตือน ก่อนล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน โดยน้ำจากเขื่อนป่าสักจะไปถึง พระราม 6 ที่อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็จะใช้เวลาเดินทาง 1 วัน ทั้งนี้คาดว่าถ้าไม่มีพายุฝนก็จะสามารถที่จะผ่านฤดูฝนในปีนี้ไปได้โดยที่ไม่ทำให้เกิดผลกระทบทั้งพี่น้องประชาชนคนลพบุรี คนสระบุรี ตลอดจนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพมหานครอีกด้วย

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี รายงาน