คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวร้องเรียน ร้องทุกข์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “ห้วยบังอี่” ระดับน้ำเริ่มลด – เปลี่ยนธงเป็นสีเหลือง เตือนประชาชนเฝ้าระวังต่อเนื่อง

แชร์เนื้อหานี้

​เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 สืบเนื่องจากที่ นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ล่าสุด

นายคมเพชร สีดามาตร์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วย นายวิรัตน์ เจริญจิตร์ นายอำเภอนิคมคำสร้อย ลงพื้นที่ติดตามระดับน้ำบริเวณสะพานข้ามห้วยบังอี่ อำเภอนิคมคำสร้อย หลังเกิดฝนตก

ต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจนท่วมจุดกลับรถบริเวณใต้สะพานอย่างไรก็ตาม ขณะนี้ระดับน้ำในห้วยบังอี่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง การระบายน้ำดำเนินไปได้ด้วยดี ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงในระดับหนึ่ง

ในวันเดียวกัน โครงการชลประทานมุกดาหาร ได้เปลี่ยนสัญลักษณ์เตือนภัยจาก “ธงสีแดง” เป็น “ธงสีเหลือง” หมายถึง ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง พร้อมขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสภาพอากาศในภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง อาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันได้

ทั้งนี้ หากประชาชนพบเหตุสาธารณภัยหรือต้องการความช่วยเหลือ สามารถแจ้งเหตุได้ที่ หมายเลข 042-633101 หรือ สายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมงสถานการณ์น้ำมุกดาหาร #ห้วยบังอี่ #น้ำท่วมภาคอีสาน #ข่าวมุกดาหาร #ฝนตกหนัก #ระดับน้ำลดแล้ว #ปภมุกดาหาร #ชลประทานมุกดาหาร #ภัยพิบัติ #สายด่วน1784 #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้​ ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / บ้านดอนตัน 100 กว่าหลังคาจมน้ำ ขณะที่เยาวชนฝีพายเรือแข่ง อ.ท่าวังผา ขนน้ำลงเรือแจกจ่ายช่วยชาวบ้าน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 – สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดน่านยังคงน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะที่ บ้านดอนตัน หมู่ 4 ตำบลศรีภูมิ อำเภอท่าวังผา ซึ่งมีชาวบ้านกว่า 100 หลังคาเรือนยังคงอาศัยอยู่ท่ามกลางน้ำท่วมขัง ระดับน้ำในพื้นที่ยังสูงกว่า 1 เมตร ส่งผลให้ประชาชนต้องย้ายสิ่งของขึ้นชั้น 2 ของบ้านเพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียวจำเป็นต้องอพยพไปพักอาศัยอยู่กับญาติในพื้นที่ใกล้เคียงหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และจิตอาสาได้ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน

โดยมีการจัดส่งอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเยาวชนฝีพายเรือแข่งจากบ้านสบหนอง อำเภอท่าวังผา ได้นำเรือออกให้ความช่วยเหลือในการขนส่งน้ำดื่มและอาหารไปยังบ้านที่ถูกน้ำล้อม เพื่อส่งต่อถึงมือผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ภายในบ้าน ดร.เชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคกล้าธรรม ได้ลงพื้นที่นำข้าวสาร อาหารแห้ง และน้ำดื่มเข้าไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมรับฟังปัญหาและให้กำลังใจถึงพื้นที่ด้วยตนเอง

นายเดโชพล คำเขียว ผู้ใหญ่บ้านดอนตัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง แต่บริเวณท้ายหมู่บ้านซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและอยู่ติดแม่น้ำ ยังคงมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะในพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งไร่ข้าวโพดและลำไยรวมกว่า 2,000 ไร่ ถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด
ขณะที่หมู่บ้านใกล้เคียงในพื้นที่ ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา

ได้แก่ บ้านสบหนอง บ้านหนองบัว บ้านดอนมูล และบ้านดอนแก้ว ระดับน้ำได้ลดลงอยู่ที่ประมาณ 50-80 เซนติเมตร ส่วนในเขตเทศบาลตำบลท่าวังผา ระดับน้ำได้ลดลงจนเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้เร่งลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านในการทำความสะอาดบ้านเรือนและถนน เพื่อขจัดคราบโคลนและป้องกันไม่ให้โคลนแห้งกลายเป็นฝุ่นฟุ้งเข้าสู่บ้านเรือน

ขณะเดียวกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการสำรวจความเสียหายในพื้นที่การเกษตร เพื่อวางแผนการช่วยเหลือและเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบต่อไป ข้อมูลระดับน้ำ ณ เวลา 14.00 น. ของวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ในจุดสำคัญต่าง ๆ ของจังหวัดน่าน พบว่าจุดวัดน้ำ N64 บ้านผาขวาง อ.เมืองน่าน: ระดับน้ำ 9.56 เมตร (แนวโน้มลดลง) – เกินระดับวิกฤติ 9.50 เมตร จุดวัดน้ำ N1 หน้า สนง.ป่าไม้ อ.เมืองน่าน: ระดับน้ำ 7.55 เมตร – เกินระดับวิกฤติ 7.00 เมตร จุดวัดน้ำ N13A บ้านไผ่งาม อ.เวียงสา: ระดับน้ำ 7.59 เมตร – เกินระดับวิกฤติ 6.50 เมตร จุดวัดน้ำ N75 สะพานท่าลี่ อ.เวียงสา: ระดับน้ำ 7.02 เมตร (แนวโน้มลดลง) – ต่ำกว่าระดับวิกฤติ 10.00 เมตร

สำหรับเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินสไลด์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดน่าน ระหว่างวันที่ 15–17 กรกฎาคม 2568 ส่งผลกระทบรวม 7 อำเภอ 13 ตำบล 20 หมู่บ้าน ซึ่งอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์และความเสียหาย
ด้าน นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้สั่งการให้ทุกอำเภอที่ได้รับผลกระทบเร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมจัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ และให้หน่วยงานท้องถิ่นจัดตั้งโรงครัวประกอบอาหาร แจกจ่ายข้าวกล่องให้กับประชาชน

พร้อมทั้งระดมสรรพกำลัง อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที อย่างไรก็ตามจังหวัดน่านยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยประชาชนในพื้นที่เสี่ยงขอให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อความปลอดภัย/ภาพข่าวระพีพร เพชรเจริญ/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “เกษตรจังหวัดน่าน เตรียมพร้อมช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาน้ำท่วม”

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 14 กรกฎาคม 2568 นายศักดิ์สิทธิ์ ศรีวิชัย เกษตรจังหวัดน่าน มอบหมายให้นายธนัย บุญมาธิวัฒน์ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอเวียงสา ลงพื้นที่สำรวจ ติดตามสถานการณ์พื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเวียงสา ได้แก่ ตำบลกลางเวียง ตำบลส้าน ตำบลขึ่ง ตำบลน้ำมวบ และตำบลไหล่น่าน โดยในขณะนี้ระดับน้ำในพื้นที่ได้ลดลงเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบตำบลประสานผู้นำ ดำเนินการสำรวจและรายงานความเสียหายเบื้องต้นให้ทางอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ เพื่อให้การช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาเกษตรกรต่อไป/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำป่าไหลหลากดินสไลด์

แชร์เนื้อหานี้

13 กรกฎาคม2568 เวลา 08.30. พล.ม.1 โดย ม.2 พัน.15 ได้จัดชุดบรรเทาสาธารณภัย เข้าดำเนินการตรวจสอบ และช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์ เป็นเหตุให้สะพานทางเข้าหมู่บ้านขาด จึงไม่สามารถสัญจรหรือเดินทางเข้าออกได้ โดยมอบข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่มและยาสามัญประจำบ้าน พร้อมทั้งปรับพื้นที่ทำทางเข้าออกชั่วคราวให้กับชาวบ้าน เบื้องต้นชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจำนวน 172 คน 52 หลังคาเรือน โดยมีผู้ป่วยติดเตียงจำนวน 2 ราย จึงให้การช่วยเหลือเบื้องต้น ณ บ้านห้วยเลา ม.7 ต.เชียงของ อ.นาน้อย จ.น่าน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จนท.ลงพื้นที่จัดระเบียบสังคมในสถานบริการและสถานประกอบคล้ายสถานบริการ จำนวน 4 แห่งของ จ.ลพบุรี

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 23.00 น. ภายใต้การอำนวยการของนายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี นายปรัชญา เปปะตัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี นายพิษณุ ประภาธนานันท์ ปลัดจังหวัดลพบุรี มอบหมายให้ที่ทำการปกครองจังหวัดลพบุรี (กลุ่มงานความมั่นคง)

นำโดย นายยศวิน บำรุงเวช ป้องกันจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยผู้ช่วยป้องกันจังหวัดลพบุรี นำสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลพบุรี และที่ทำการปกครองอำเภอเมืองลพบุรี ลงพื้นที่จัดระเบียบสังคมในสถานบริการและสถานประกอบคล้ายสถานบริการ จำนวน 4 แห่ง ดังนี้ ยุ้งข้าว สุขโข สโมสร ฅนกลางคืนพานร บาร์ แอนด์ เรสเตอรอง (เซเลป)

ทั้งนี้ได้มีการแนะนำผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามข้อกฎหมายและต้องดำเนินการห้ามมิให้บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการ ห้ามนำอาวุธ และ สิ่งผิดกฎหมาย เข้าไปในสถานบริการ รวมถึงห้ามมิให้มีการเสพหรือจำหน่ายยาเสพติดอย่างเด็ดขาดรวมถึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการที่มีลักษณะเป็นสถานประกอบ

การคล้ายสถานบริการว่าให้ปฏิบัติตามกฏหมายและต้องต่อใบอนุญาต จำหน่ายยาสูบ และใบอนุญาตจำหน่ายสุราก่อนหมดอายุทุกครั้ง ผลการดำเนินการ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และไม่พบการ กระทำอันผิดกฏหมาย และจะได้ทำการออกตรวจสอบอยู่เป็นระยะเพื่อป้องกันการกระทำความผิดต่อกฎหมาย

    สนอง แท่นสูงเนิน
    ผอ.ศูนย์ข่าวฯ และอนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี รายงาน

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / วัยรุ่น 17 ปี ปืนลั่นใส่เพื่อนดับคาวงเหล้า ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าคนโดยเจตนา / แม่ค้าตลาดชุมชนมุกดาหารเจอแบงก์ปลอม 100 บาท หยดน้ำสีหลุดติดมือ

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ขณะที่ กลุ่มวัยรุ่นรวมตัวนั่งดื่มสุราภายในบ้านหลังหนึ่งใน ต.โชคชัย อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร ได้มีนายธร (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี หยิบปืนที่เพื่อนในกลุ่มนำมาวางไว้ตรงหน้าขึ้นมาเล่น และปืนได้ลั่นใส่นายวัด (นามสมมุติ) บริเวณหน้าอกซ้าย 1 นัด จนล้มฟุบไปเพื่อนในกลุ่มจึงได้ช่วยกันนำขึ้นรถส่งโรงพยาบาลนิคมคำสร้อย แต่ปรากฏว่าผู้ถูกยิงได้เสียชีวิตแล้ว

    นายธร ให้การยอมรับว่าทำปืนลั่นจนมีผู้เสียชีวิตจริง โดยก่อนเกิดเหตุตนได้ถูกชักชวนไปบ้านเพื่อน ซึ่งภายในบ้านมีการนั่งดื่มเหล้ากัน 5 คน ต่อมาเพื่อนคนหนึ่งนำปืนแบบแมกกาซีนออกมาโชว์ ก่อนนำมาวางไว้ตรงหน้า ตนคิดว่าไม่มีลูกจึงหยิบขึ้นมาเล่น และปืนเกิดลั่นใส่นายวัด บริเวณหน้าอกซ้าย 1 นัด ท่ามกลางความตกใจของเพื่อนๆในวงเหล้า และได้ช่วยกันนำตัวนายวัด ส่งโรงพยาบาลนิคมคำสร้อย แต่ปรากฏว่าเสียชีวิตแล้ว

    ขณะที่ นางสาวดาว (นามสมมุติ) มารดาของผู้เสียชีวิตให้สัมภาษณ์ว่าไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ เพราะจุดที่โดนยิงคือบริเวณสำคัญ อีกทั้งเพื่อนของลูกชายยังระบุว่า ผู้ก่อเหตุมากับเจ้าของปืน และได้หยิบปืนที่ขึ้นลำไว้แล้วขึ้นมายิงลูกชายตนทันที จนทำให้เสียชีวิตดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาต่อนายธร และนำศพของผู้เสียชีวิตส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง

    ยิงกันตาย #วัยรุ่นมุกดาหาร #ข่าวมุกดาหาร #นิคมคำสร้อย #มุกดาหาร #ปืนลั่นหรือเจตนา #สลดวงเหล้า #ข่าวอาชญากรรม #เสียชีวิต #เด็กวัยรุ่น #ข่าววันนี้ #อุบัติเหตุหรือฆาตกรรม #ข่าวด่วนวันนี้​ ภาพ/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

    มุกดาหาร​ -​เตือนภัย! แม่ค้าตลาดชุมชนมุกดาหารเจอแบงก์ปลอม 100 บาท หยดน้ำสีหลุดติดมือ

    เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางนงลักษณ์ แม่ค้าขายอาหารในตลาดชุมชนบ้านหนองแวงน้อย ต.โชคชัย อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร ว่าถูกมิจฉาชีพนำธนบัตรปลอมชนิดราคา 100 บาท มาซื้อของ โดยอาศัยช่วงเวลาเย็นที่มีลูกค้าจำนวนมาก

    นางนงลักษณ์เผยว่า เหตุเกิดเมื่อเย็นวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีลูกค้ารายหนึ่งมาซื้อของราคาหลักสิบบาท แล้วจ่ายด้วยธนบัตร 100 บาท ซึ่งตนก็ทอนเงินตามปกติ กระทั่งช่วงหลังร้านเริ่มว่าง ขณะนับเงินที่เปียกน้ำ สีแดงจากธนบัตรหลุดติดมือ และเมื่อลองหยดน้ำซ้ำลงบนธนบัตร พบว่าสีจางและหลุดอีกครั้ง ทำให้มั่นใจว่าเป็น “แบงก์ปลอม”

    หลังเกิดเหตุ ได้นำธนบัตรปลอมใส่ถุงพลาสติก พร้อมเขียนข้อความ “เงินปลอม” แปะไว้ให้ลูกค้ารายอื่นเห็น เพื่อให้รู้เท่าทัน และไม่ตกเป็นเหยื่อซ้ำอีก

    เตือนภัยแบงก์ปลอม #แม่ค้าตลาดชุมชน #โชคชัย #นิคมคำสร้อย #มุกดาหาร #ข่าวท้องถิ่น #ระวังเงินปลอม #มิจฉาชีพ #ตลาดชุมชนบ้านหนองแวงน้อย #เงินปลอม100บาท #ข่าววันนี้​ ภาพ/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ชาวบ้าน จ.บุรีรัมย์ เยี่ยมชมโรงงานน้ำตาลพิมายและชื่นชมโรงงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 3-5 กรกฎาคม 2568 บริษัท อุตสาหกรรมโคราชจำกัด (โรงงานน้ำตาลพิมาย) โดยคุณประเสริฐ เสถียรถิระกุล ประธานกรรมการ และคุณมงคล เสถียรถิระกุล กรรมการผู้จัดการ มอบหมายให้ นายสมบูรณ์ จาตุรชาต ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาอ้อย

    พร้อมด้วยผู้บริหารและพนักงานโรงงานน้ำตาลพิมาย ให้การต้อนรับคณะผู้เยี่ยมชมโรงงานน้ำตาลพิมาย ชาวหมู่บ้านหนองปล่อง ,หนองหัวลาว,หนองตาเสาร์,โคกขาม,สำโรง,ดอนหวาย,หนองใหญ่,ตาเหล็ง อีกหลายหมู่บ้าน จาก อ.ชำนิ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งได้เดินทางมาเยี่ยมชมการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม และด้านการพัฒนาสังคมของโรงงานน้ำตาลพิมาย

     ในการเยี่ยมชมครั้งนี้ คณะผู้เยี่ยมชมโรงงานน้ำตาลพิมาย ได้รับฟังการบรรยายเกี่ยวกับการบำบัดน้ำเสีย การควบคุมคุณภาพอากาศ การจัดการของเสีย และการนำทรัพยากรเหลือใช้กลับมาใช้ประโยชน์ (Zero Waste) โดยเฉพาะการใช้กากอ้อยและเศษวัสดุทางการเกษตรเป็นพลังงานทดแทน  นอกจากนี้ยังได้เยี่ยมชมพื้นที่จริง เช่น การจัดการมลพิษทางอากาศที่ระบายออกจากปล่องหม้อไอน้ำ  พื้นที่จัดเก็บกองกากอ้อย  การจัดการผันน้ำของโรงงาน  และชมการพัฒนาชุมชนรอบโรงงานน้ำตาลพิมาย  คณะผู้เยี่ยมชมโรงงานน้ำตาลพิมาย  ได้แสดงความชื่นชมต่อความมุ่งมั่นของโรงงานน้ำตาลพิมาย ในการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  อันจะส่งผลดีต่อชุมชนและระบบนิเวศโดยรอบในระยะยาว
    หลังจากได้รับทราบข้อมูลและลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมในจุดต่าง ๆ  คณะผู้เยี่ยมชมโรงงานฯ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าโรงงานมีการดำเนินงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้  และให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ทั้งยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล การได้รับความไว้วางใจจากผู้เยี่ยมชมครั้งนี้ ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญให้โรงงานน้ำตาลพิมาย  มุ่งมั่นพัฒนาระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น สอดคล้องกับแนวทางของการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน และสร้างความเชื่อมั่นต่อชุมชนและสังคมโดยรอบอย่างมั่น

    กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สป้า 62 ร้องผู้ว่าโคราชเชือดกำนันแหนบทองคำ หลอกสวมชื่อที่ดิน สปก. สูญเงิน 2.2 แสน จ่อลงโทษทางวินัย

    แชร์เนื้อหานี้

    วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางลมหวน คลื่นสูงเนิน อายุ 62 ปี ชาวบ้าน ต.บ้านใหม่ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา พร้อมครอบครัว หอบเอกสารยื่นขอความเป็นธรรมกับ นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุมภ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กรณีถูกกำนันรางวัลแหนบทองคำนายหนึ่ง ร่วมขบวนการกับผู้หญิงที่อ้างตัวว่าเป็นอาจารย์ระดับด๊อกเตอร์ และเจ๊ใหญ่ หลอกลวงเงินรวม 220000 บาท อ้างว่าสามารถทำเรื่องเปลี่ยนชื่อในเอกสารสิทธิ์ สปก. (ใบจริง) เพื่อเป็นเจ้าของที่ดิน สปก. โดยสมบูรณ์ จากนั้นจะสามารถนำใบจริง สปก. ที่เป็นชื่อของป้าลมหวน ไปดำเนินการทำเรื่องลงทะเบียนเปลี่ยนเป็นโฉนดที่ดินตามนโยบายรัฐบาลได้ แต่สุดท้ายไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ต้องสูญเสียเงินเปล่า จึงมีการแจ้งความดำเนินคดีกับกำนัน และผู้ร่วมขบวนการ รวม 3 คน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง

    โดยมีปลัดอาวุโส ปฏิบัติหน้าที่หน้าห้อง รับเรื่องเพื่อเสนอให้ผู้ว่าฯทราบ
    เหตุการณ์เริ่มต้นตั้งแต่ นางลมหวน ใช้เงินเก็บหอมรอมริบมาตลอดชีวิต ซื้อที่ดิน 13 ไร่ ต่อจากเจ้าของเดิม ในราคาไร่ละ 90000 บาท รวมเป็นเงิน 1170000 บาท แต่เป็นที่ดินเอกสารสิทธิ์ สปก. ต่อมามีกำนันแหนบทองคำรายหนึ่งมาติดต่ออ้างว่า สามารถทำเรื่องเปลี่ยนชื่อในเอกสารสิทธิ์ สปก. จากชื่อของเจ้าของเดิม เป็นชื่อของนางลมหวนได้ โดยมีผู้ร่วมขบวนการ ทั้งอาจารย์ด๊อกเตอร์และเจ๊ใหญ่ อ้างตัวว่า รู้จักสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ สปก.โคราช ช่วยทำเรื่องให้ แต่มีค่าดำเนินการทำเอกสารใหม่ทั้งหมดเป็นเงิน 120000 บาท จึงตกลงทำพร้อมกับจ่ายเงินก้อนแรก เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566

    ต่อมาวันที่ 5 ตุลาคม 2566 มีผู้หญิงอ้างว่าเป็นอาจารย์ระดับด๊อกเตอร์ ถือเอกสารใบ สปก.ตัวจริง (ใบแข็ง) ที่ยังเป็นชื่อของเจ้าของเดิม (ยังเปลี่ยนชื่อไม่ได้) มาหานางลมหวน อ้างว่า มีคนนำใบ สปก.ฉบับนี้ เอาไปกู้เงิน 100000 บาท ถ้าอยากได้ใบ สปก.(ใบแข็ง)คืน ก็ให้จ่ายเงินมา 100000 บาท นางลมหวนกลัวว่าจะไม่ได้ใบ สปก.คืน จึงยอมจ่ายเงินให้ เพราะกลัวจะไม่ได้อะไรเลย เพราะลงทุนซื้อที่ดินในราคา 1170000 บาท และจ่ายเงินไปครบแล้ว

    สุดท้ายมารู้ว่า กำนันแหนบทองคำ อาจารย์ด๊อกเตอร์ และเจ๊ใหญ่ ผู้ร่วมขบวนการรวม 3 คน มาหลอกเอาเงินรวมทั้งสิ้น 220000 บาท ซ้ำยังไม่สามารถทำเรื่องเปลี่ยนชื่อในใบ สปก.ได้ จึงนำหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีกับทั้ง 3 คน ที่ สภ.หนองบุญมาก เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566
    ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี ตำรวจสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาและพยานแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง จนสรุปสำนวนคดีส่งอัยการพิจารณาสั่งฟ้องศาล ขณะที่ทางอำเภอหนองบุญมาก หน่วยงานปกครอง มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพื่อเอาผิดกำนันแหนบทองคำรายนี้ เพราะเป็นตัวการสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้าน และน่าเชื่อว่าทำกันเป็นขบวนการ มีชาวบ้านหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อมาแล้วหลายราย

    ก่อนหน้านี้ นายพงษ์เทพ จันทร์นอก นายอำเภอหนองบุญมาก ชี้แจงว่า ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้พบว่า มีมูลความผิด กำนันรายนี้มีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายหลอกลวงชาวบ้านจริง อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล ก่อนเสนอเรื่องถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อพิจารณาบทลงโทษตามขั้นตอนแล้ว
    ด้าน กำนันรางวัลแหนบทองคำ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว แต่ได้แจ้งทางโทรศัพท์ว่า ขอรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมจะคืนเงินทั้งหมดแก่ นางลมหวน ผู้เสียหาย แต่อยู่ระหว่างการหารวบรวมเงินก่อน.

    กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ทับสะแกยังไม่จบ ! ชาวบ้านฮือขับไล่และขัดขวางเจ้าอาวาสองค์ใหม่ “วัดโบสถ์เหรียญบาท” ที่จะเข้ามาดูแล ประจันหน้ามวลชนทั้ง 2 ฝ่าย แต่วืดหลังชาวบ้านไม่ให้เข้ากุฏิ ยันไม่ถอยพร้อมปักกรดหน้าอุโบสถ์สู้

    แชร์เนื้อหานี้

    วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดบ้านทุ่งเคล็ด หรือ วัดโบสถ์เหรียญบาท หมู่ 3 ต.นาหูกวาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้มีความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านกับพระภิกษุอีกครั้งหลังจากที่ผ่านมามีการรวมตัวขับไล่เจ้าอาวาสองค์ใหม่ จากกรณีมี คำสั่งเจ้าอาวาสวัดบ้านทุ่งเคล็ด ที่ ๐๐๕/๒๕๖๘ อนุญาตให้พระประสิทธิ์ สัญจร เข้าอยู่วัดบ้านทุ่งเคล็ด

    โดยมีบทบัญญัติแห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 19 (พ.ศ. 2536) ว่าด้วยการผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2535 ในมาตรา 38 ในกรณีที่ไม่มีเจ้าอาวาสหรือเจ้าอาวาสไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้แต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ให้ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส มีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับเจ้าอาวาส

    ล่าสุดที่ผ่านมา เมื่อเย็นวานนี้ (16.00 น.) พระครูประชา พลากร รองเจ้าคณะอำเภอทับสะแก เจ้าอาวาสวัดนาล้อม พร้อมคณะสงฆ์ อำเภอทับสะแก และชาวบ้านผู้สนับสนุน ได้เดินทางไปส่ง พระประสิทธิ์ สัญจร เจ้าอาวาสวัดบ้านทุ่งเคล็ดองค์ใหม่ และนำป้ายไวนิลที่มีหนังสื่อแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสไปติดตั้ง แต่ไม่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้

    เนื่องจากโดนชาวบ้านนับ 100 ขับไล่ และขัดขวางไม่ให้เข้า ขณะที่ทนายความของวัดพยายามแสดงเหตุผลโต้แย้งการแต่งตั้งโดยอ้างว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้มีชาวบ้านแสดงความคิดเห็นคัดค้านเจ้าอาวาสองค์ใหม่ ท่ามกลางการรักษาความสงบเรียบร้อยจากกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทับสะแก และ เจ้าหน้าที่ อส.รวมถึงฝ่ายปกครอง อำเภอทับสะแก เข้ารักษาความสงบ

    และในช่วงเวลา 23.00 น.เศษ เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากเจ้าอาวาสองค์ใหม่พร้อมชาวบ้านได้ปักกลดอยู่บริเวณหน้าอุโบสถ์ แต่คณะกรรมการวัดชุดเจ้าอาวาสองค์เก่า ได้ให้ย้ายออกเนื่องจากเป็นเขตอภัยทานไม่สามารถมานอนพักค้างแรมได้จนได้มีการ กระทบกระทั่งกันอีกรอบ โดยทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนใหญ่ก็จะเป็น

    ญาติพี่น้องกันและคนในหมู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน และเป็นผู้สนับสนุนพระทั้ง 2 ฝ่าย ได้ประทะคารมกันและได้กระทบกระทั่งกันเล็กน้อยจนเจ้าหน้าที่ได้เข้า แยกย้าย ต่อมาเวลาประมาณ 24.00 น. ว่าที่เจ้าอาวาสองค์ใหม่และชาวบ้านที่สนับสนุนต่างแยกย้ายกับออกจากวัดบ้านทุ่งเคล็ดไป

    นายวัฒนา ฉั่วเจริญ อายุ 51 ปี ไวยาวัจกร วัดบ้านทุ่งเคล็ด กล่าวว่า ชาวบ้านบ้านทุ่งเคล็ด ต้องการพระมีคุณสมบัติที่ดีมีความพร้อม หรือต้องเข้ากับชาวบ้านให้ได้ ต้องมีมุทิตา อุเบกขา ซึ่งตนเองไม่ต้องการให้วัดเสียหายมากไปกว่านี้ จึงขอให้ทุกฝ่ายตรวจสอบคุณสมบัติของเจ้าอาวาสองค์ใหม่ว่าที่ผ่านมาเคยถูกดำเนินคดีทางอาญามาก่อนหรือไม่ จากนั้นจะต้องมีการเจรจากับญาติโยมที่บ้านทุ่งเคล็ด หากพบว่ามีปัญหาชาวบ้านก็ยอมรับไม่ได้

    //////////////////

    ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ชาวบ้านรวมตัวปิดถนน เพชรเกษมทำให้รถติดยาว 15 กิโลเมตร

    แชร์เนื้อหานี้

    ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.30 น ชาวบ้านรวมตัวร่วม 500 คนปิดถนน เพชรเกษม บริเวณสำนักงานป่า หน่วย

    ป้องกันรักษาป่าที่ชุมพร 2 บ้านยายไท พื้นที่ในการปิดถนน ม3 ต หงษ์เจริญ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ทำให้รถที่เดินทางลงใต้จอดติดเป็นทางยาว ถึง 15 กิโลเมตร จากรณีที่

    เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้เข้าควบคุมตัว ผู้กระทำความผิด จำนวน 12 ราย นายประคองจิตประสงค์ นางสาวอารีย์ พัฒนา นายพะเยาว์ ยุตติมิตร นางสาววารุณีเดชบุญภพ

    นายประยูรนวลศรี นายอารมณ์ จันทร์คง นายสมชายโยมรัตน์ ร้อยตำรวจโทวันชัย รัก คลี่ นายชุมพล ทอดสวาสดิ์ นายธนวัฒน์ โพธิสาร นายวัชรศักดิ์นพรัตน์ นาย นายวิฑูรย์กลับดี

    เจ้าหน้าที่ป่ไม้ได้แจ้งข้อล่าวหาว่าบุรุกพื้นที่ป่าสงวน รับร่อ สลุย แห่งชาติ จึงได้นำตัวมาบันทึการจับกุมที่สำนักงานป่า หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ชุมพร 2 บ้านยายไท

    ต่อมาประชาชนได้มาเรียร้องให้ปล่อยตัวแกนนำทั้ง 12 รายโยระทารปิดถนนและขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรมาให้ความเป็นธรรมต่อประชาชนที่ไม่ผิด

    นายเธียร ชูกิตติวิบูลย์ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดเดินทางไปทำบันทึกที่สภ สลุย อ ท่าแซะ จังหวัดชุมพร เพื่อ

    ที่จะให้ผู้ต้องหาได้ต่อสู้ตามกระบวนการตามกฏหมายโดยทำการบันทึกและประกันตัวออกมาเพื่อดำเนินการต่อสู้กันทางกฎหมายต่อไป