คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวร้องเรียน ร้องทุกข์

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /“สราวุธ” ลุยหาเสียงโค้งสุดท้าย อ้อนขอกลับไปนั่งเก้าอี้ นายก อบจ.ประจวบฯ อีกสมัย /ร้องสื่อถนนสร้างเสร็จไม่สมราคากว่า 7 ล้านบาท จ่อยื่น ปปช.สอบข้อเท็จจริง

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 27 ม.ค.68 นายสราวุธ หรือ “เฮียไล้”  ลิ้มอรุณรักษ์ แชมป์เก่า อดีต นายก อบจ. ประจวบฯ ผู้สมัครนายก อบจ. ประจวบฯ หมายเลข 2 เปิดเผยขณะเดินหาเสียงพร้อมลูกทีมว่า จากการลงพื้นที่ในการเลือกตั้งรอบนี้ ตนได้ลงพื้นที่หาเสียงตลอดทุกวัน ตั้งแต่ อ.หัวหิน ไปจนถึง อ.บางสะพานน้อย เรียกได้ว่า ไม่มีเวลาหยุดพักกันเลย ความตั้งใจ คือ ต้องการลงพื้นที่แนะนำตัวด้วยตนเองทั้งหมด โดยคิดเสมอว่า การเข้าไปหาประชาชน เป็นการให้เกียรติพ่อแม่พี่น้องทุกคน เพราะตนเองตั้งใจอาสามาทำงาน เพื่อพ่อแม่พี่น้องจึงอยากเดินเท้าเข้าไปหาทุกท่านด้วยตนเอง เพราะเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ตนก็ทำแบบนี้ ไม่รู้สึกเหนื่อยใดๆ รู้สึกดีด้วยซ้ำที่ได้ไปสวัสดีพ่อแม่พี่น้องทุกท่านทั้งจังหวัดด้วยตัวเอง

จะไม่ขออาศัยการส่งไปรษณีย์ไปให้ทุกบ้าน เพราะตนเองอยากเข้าถึงประชาชนถึงบ้านจริงๆ การลงพื้นที่ทั้งจังหวัดด้วยตนเองรอบนี้ ด้วยความที่บ้านเมืองเรา ทุกคนน่ารัก ตนได้รับการต้อนรับและ กำลังใจมากมาย ส่วนใหญ่อวยพรให้กลับมาทำงานเพื่อบ้านเมืองอีก เพราะเห็นผลงานมาแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาผลงานของตน ในระหว่างอยู่ในตำแหน่งอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบฯ เรียกได้ว่ามีผลงานครอบคลุมครบ ทั้ง 8 อำเภอ อย่างทั่วถึง และเท่าเทียมกัน
“ตนเองชอบรับฟังความคิดเห็น ชอบให้มีคนเสนอแนะ เพราะจะได้มุมมองที่แตกต่างกัน

โดยเฉพาะความเห็นของสมาชิกสภา ที่เป็นตัวแทนของพ่อแม่พี่น้อง รวมทั้งของประชาชนที่มาบอกด้วยตนเอง ตนให้ความสำคัญ และ ติดตามงานเสมอ การเมืองปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก ตนอยากให้ทุกคน ที่เสนอตัวอยากเข้ามาทำงาน นำเสนอผลงานและความดี อย่าเล่นสกปรก สาดโคลนกันเลย เพราะมันเป็นการเมืองแบบเดิม ๆ ไม่มีประโยชน์อะไร ปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปเยอะแล้ว ให้เอาผลงาน เอาความดีมาแข่งกันดีกว่า เพราะการสาดโคลนใส่กันมันเสียเวลาของพ่อแม่พี่น้อง ที่จะมารับฟังเรื่องเหล่านี้ แต่ควรจะเอาผลงาน ความดี มาเป็นทางเลือกให้พ่อแม่พี่น้องเห็น จะได้อุ่นใจว่าเลือกคนดี คนทำงานเป็น คนมีประสบการณ์มาดูแลบ้านเมืองของเรา การเลือกตั้งรอบนี้ อยากขอฝากทุกๆ ท่านให้ออกมาใช้สิทธิ์ เลือกตั้งนายก อบจ. ประจวบฯ และ สมาชิกสภา อบจ. ในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.68 เวลา 08.00 น – 17.00 น. ขอให้เลือกคนดี คนจริงใจครับ”  นายสราวุธ กล่าวตอนท้าย.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

ประจวบฯผญบ.หนองมะค่าร้องสื่อถนนสร้างเสร็จไม่สมราคากว่า 7 ล้านบาท จ่อยื่น ปปช.สอบข้อเท็จจริง

  27 ม.ค.68 ผู้ใหญ่อำนวย สุดกระแสร์ (ผู้ใหญ่เปี๊ยก)ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 บ้านหนองมะค่า ต.หนองตาแต้ม อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พาผู้สื่อข่าวไปดูถนนลาดยางแอสฟัลท์ติกคอนกรีต พื้นทางหินคลุกซีเมนต์ผสมโพลิเมอร์ สายบ้านสามหลัง หนองเผาเตา บ้านหนองมะค่า ระยะทางประมาณ 2  กิโลเมตร ที่ผู้รับเหมารายเดิมดำเนินการแล้วเสร็จไปนั้น ชาวบ้านร้องให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยลงมาตรวจสอบ อาจไม่ได้มาตรฐาน ไม่สมตามราคาจ้างเหมาวงเงินกว่า 7 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองตาแต้ม เป็นผู้เปิดประกวดราคาจ้าง ชื่อโครงการก่อสร้างถนนลาดยาง แอสฟัลท์ติกคอนกรีต พื้นทางหินคลุกซีเมนต์ผสมโพลิเมอร์(กึ่งกอนกรีต) สายบ้านสามหลัง-หนองเผาเตา หมู่ที่ 10  บ้านหนองมะค่า ต.หนองตาแต้ม ด้วยวิธีประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์(e-biddiing) โดยราคากลางเป็นจำนวนเงิน 3,013,523.87 บาท

จากนั้นผู้ใหญ่เปี๊ยกพาผู้สื่อข่าวเดินดูบริเวณพื้นผิวทางบนถนนที่ผู้รับเหมารายเดิม ดำเนินการแล้วเสร็จ ขณะมีคนงานกำลังดำเนินการเร่งตรวจเก็บงานบริเวณไหลทางเตรียมส่งมอบวิศวกรคุมแบบของอบต. โดยชี้ให้เห็นจุดต่าง ๆ ที่อาจเกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง  หากเปิดให้ประชาชนใช้สัญจร โดยเฉพาะบริเวณทางโค้งบางจุดอุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากไม่มีการทำพื้นผิวไหล่ทางรองรับทั้งสองฝั่ง ขณะที่แบบพื้นดินเดิมปูทางหินคลุกไม่มีการอัดแน่นก่อนจะลงแอสฟัลท์ ทำให้พื้นผิวถนนอาจหลุดล่อนยุบตัวลงก่อนกำหนด

ระหว่างเดินตรวจดูการอัดแน่นของยางแอสฟัลท์ติกคอนกรีต พื้นทางหินคลุกซีเมนต์ผสมโพลิเมอร์ ขณะใช้เศษไม้จิ้มและเท้ากดบริเวณไหล่ขอบทางปรากฏสภาพการอัดแน่นผิวถนนที่ไม่ได้มาตราฐาน มีการยุบตัวตลอดแนว ทั้งฐานล้างและผิวบนไม่มีการอัดแน่นด้วยเครื่องจักรกล หากรถ จยย.ชาวบ้านวิ่งไหลทางอาจแฉลบล้มลงเกิดอุบัติเหตุได้ เนื่องจากไม่ได้ทำไหล่ทางรองรับ และไม่มีการปรับระดับไหล่ทางถนนเข้าบริเวณหน้าบ้านและชุมชนให้ชาวบ้าน รวมทั้งท่อระบายน้ำรอดใต้พื้นผิวถนน ไม่มีการเปลี่ยนขนาดที่เหมาะสมให้เป็นมาตราฐาน บางท่อเกิดการอุดตันอยู่ในสภาพเดิม หากน้ำป่าจากภูเขาทะลักไหลลงมา อาจทำลายเส้นทางผิวการจราจรเกิดความเสียหายเป็นวงกว้างได้ และที่สำคัญไม่มีการติดตั้งป้ายประกาศบอกการจัดจ้างโครงการก่อสร้างถนนพร้อมชื่อผู้รับเหมาโครงการ และงบประมาณการจัดจ้างให้ประชาชนทราบอย่างชัดเจน ชาวบ้านจึงไม่มั่นใจว่าโครงการก่อสร้างถนนแห่งนี้ที่มีผู้รับเหมารายเดิมผ่านการประกวดราคาไปนั้น ผ่านกระบวนการจัดจ้างอย่างโปร่งใสถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากผลงานที่ผ่านมาเกิดปัญหาชาวบ้านร้องทุกข์ให้ท้องถิ่นตรวจสอบแต่กลับเมินไม่สนทุกข์ชาวบ้าน

จากนั้นผู้ใหญ่บ้านพาผู้สื่อข่าวไปดูสภาพถนนอีกหลายจุด ที่มีสภาพแตกระเอียดเป็นวงกว้าง หลังผู้รับเหมารายเดิมสร้างเสร็จเพียงไม่กี่ปี ชาวบ้านต้องระมัดระวังขณะขับขี่ จึงอยากร้องทุกข์ให้ สนง.ปปช.จังหวัดประจวบฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากการประกวดราคาจัดจ้างยังคงเป็นผู้รับเหมารายเดิมที่ไร้คู่แข่ง จึงไม่มีความมั่นใจกระบวนการตรวจสอบต่อคณะกรรมการตรวจสอบความโปร่งใสโครงการดังกล่าว ขององค์การบริหารส่วนตำบลหนองตาแต้ม(อบต.)ขณะที่การจัดจ้างโครงการก่อสร้าง ถนนลาดยาง แอสฟัลท์ติกคอนกรีต พื้นทางหินคลุกซีเมนต์ผสมโพลิเมอร์ ตามประกาศ ใช้งบประมาณจังหวัดฯกว่า 7 ล้านบาท โดยให้ท้องถิ่นนำไปบริหารจัดการอย่างคุ้มค่า เพื่อสร้างความเจริญสู่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน แต่ชาวบ้านได้รับประโยชน์ไม่คุ้มค่าภาษีของประชาชน ผู้ใหญ่เปี๊ยกกล่าว
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พิธีบวงสรวงบูรพพญามังรายมหาราตำหนักพ่อขุนเม็งรายมหาราช ครบรอบ763 ปี จ.เชียงราย / อุตสาหกรรมเชียงใหม่ ตรวจบ่อดิน ร้องเรียน สร้างความเดือดร้อน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่24 มกราคม 2568เวลา09.00 น. แม่ภาวิดา แซ่เจี่ย แม่ชีชนกานต์ ชมภูศรี ดร.ประชา คุณศลินดา รุ่งเพ็ชรวิภาวดี ประธานกรรมการบริษัทในเครือ ทั้ง9แห่งพร้มด้วยนายปิยะพล-นายปิยณัฐ-นายเบญจ รุ่งเพ็ชรวิภาวดี น.ส.พิตติภรณ์ ชมภูศรี หจก.ชนะยนต์ อิมสปอร์ เอกซปอร์ต บริษัท ซี เอ็นวาย อิมพอร์ต เอกซ์พอร์ต จำกัด บริษัท ซี เอ็น วาย ออโต้ อิมพร์อต จำกัด (ผู้นำเข้ารถยนต์ใหม่) บริษัทหมิง ทรานสปอร์ต จำกัด(บริษัทขนส่งจำกัด) จำกัด(ผู้นำรถใหม่ส่งออก) บริษัทมิตซูล้านนา จำกัด(ผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ จ.เชียงราย)

บรษัทโตโยต้าสิงห์บุรี จำกัด(ผู้จำหน่ายรถยนต์โตโยต้า จ.สิงห์บุรี) บริษัทโตโยต้าเมืองสองแคว จำกัด (ผู้จำหน่ายโตโยต้า จ.พษณุโลก) บริษัทเอ็มจีล้านนา จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจี จ.เชียงรายและพะเยา) จัดพิธีบวงสรวงพ่อขุนพยามังรายมหาราชประจำปี 2568โดยมี พนเอกสิงหนาท โลสุยยะ เสนาธิการ มทบ.37 เป็นประธานจุดธธปเทียนบูชาพระรัตนตรัยประกอยพิธีทางศาสนา พระสงฆ์สวดเจริญพุทธมนต์ เพื่อน้อมถวายบุญให้กับพ่อขุนพยามังรายมหาราชและบูรพมหากษัตริย์แห่งล้านนาทุกพระองค์

ต่อด้วยพิธีบวงสรวงบูรพพญามังรายโดยแม่ชีชนกานต์ ชมภูศรี จุดเทียนฤกษ์เปิดชัย โดยดร.ประา คุณศลินดา รุ่งเพ็ชรวิภาวดี บวงสรวงโดยอาจารย์มุณีพราหมณ์ สุพจน์ ฤทิ์ทา มหาราชครูพราหมณ์มณีเทวสถานวัดสุทัศน์ ต่อด้วยการตีกลองสะบัดชัย รำถวายพ่อขุนมังรายมหาราช เป็นอันเสร็จพิธี

สำหรับพิธีบวงสรวงพ่อขุนเม็งรายครั้งนี้ถือว่าเป็นการบวงสรวงปีพิเศษเนื่องในโอกาสที่เมืองเชียงรายงมีอายุครบ763ปี (ปีพ.ศ2568)เดิมดร.ประชา คุณสิลินดา รุ่งเพ็ชรวิภาวดี ได้เริ่มทำพิธีการบวงสรวง ณ ลานพิธีวัดดอยจอมทอง สะดือเมืองเชียงราย มาตั้งแต่ปีพ.ศ.2541-2545 และตั้งแต่ปี2546ถึงปัจจุบัน ย้ายมาทำการบวงสรวง ณ ตำหนักพ่อขุนเม็งรายมหาราช (สถานีวิทยุกระจายเสียง วปถ.10) พิธีบวงสรวง จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีโดยดร.ประชา คุณสบินดา รุ่งเพ็ชรวิภาวดี ประธานฝ่ายสงฆ์ โดยพระครูสุภัทรวชิรรานุกูล ผู้ช่วยพระอารามหลวง ผู้ช่วยเลขานุการ เจ้าอาวาสเจ็ดยอดเชียงใหม่ เจ้าสำนักศูนย์ปฏิบัติธรรมหมิงธรรมสถาน และแม่ชีชนกานต์ มภูศรี วัดเวียงนางตองจ.ลำปาง

สำหรับพิธีบวงสรวงใหญ่ในวันที่26 มกราคม2568 จังหวัดเชียงรายต่อจากนี้ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย จะเป็นประธานในพิธีบวงสรวง โดยจะมีการฟ้อนล้านนาถวายพ่อขุนเม็งรายมหาราช ณ ลานอนุสาวรีย์ห้าแยกพ่อขุนอย่างยิ่งใหญ่ในฐานะเมืองเชียงรายมีอายุเก่าแก่ครบ763 ปีซึงจะมีการแห่ขบวนอย่างยิ่งใหญ่ไปยังลานจัดงานพ่อขุนเม็งรายมหาราชและงานกาชาดพ่อขุน ณสนามบินเก่า416เชียงราย.

นายธนกฤต วรรมณี ข่าวเชียงรายรายงาน

อุตสาหกรรมเชียงใหม่ ตรวจบ่อดิน ที่ร้องเรียน สร้างความเดือดร้อน 6 แห่ง

นายสงกรานต์มูลวิจิตรอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับอำเภอสันทรายและเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลป่าไผ่อำเภอสันทรายจังหวัดเชียงใหม่ได้ลงไปตรวจสอบเกี่ยวกับผู้ประกอบการบ่อดินในพื้นที่สร้างความเดือดร้อนไปทั่วได้ส่งหนังสือร้องเรียนมาที่อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่

จึงได้ลงไปตรวจสอบเมื่อวันที่ 23 ที่ผ่านมาโดยได้ประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในพื้นที่ทางอำเภอสันทรายตำรวจภูธรแม่โจ้เทศบาลป่าไผ่ได้เปิดเผยกับทีมงานข่าวหลังการเข้าไปตรวจสอบพบว่าในพื้นที่เทศบาลตำบลป่าไผ่นี้มีผู้ประกอบการบ่อดินทั้งหมด6 แห่ง

ทั้งที่ได้ตรวจสอบข้อมูลแล้วว่าบ่อดินทั้ง 6 บ่อนี้มีใบอนุญาตอย่างถูกต้องแค่ 1 บ่อเท่านั้นนอกนั้นไม่มีใบอนุญาตถูกต้องถึง 5 บ่อ.#ว่าที่ร้อยตรีจำลองอ่อนพุทธา.#ปลัดเทศบาลป่าไผ่.รักษาการนายกเทศบาลตำบลป่าไผ่ได้เปิดเผยกับทีมงานว่าลงไปแล้วไม่พบผู้กระทำผิดพบแต่ล่องลอยในการทำขุดดินเท่านั้นแต่เครื่องจักรกลเช่นแม็คโคร

หรือรถขนดินไม่ได้พบเลยก็ไม่ทราบว่าข่าวนี้ได้รั่วหรือรู้จริงหรือคู่ประกอบการได้อย่างไรแต่ก็ได้บอกว่าจะเข้าไปตรวจสอบทุกๆ 7 วันถ้ามีการกระทำผิดเช่นไรก็จะดำเนินการตามกฎหมายพรบการขุดดินถมดินต่อไป…

..#สมจิตรแสงบัลลังก์ทีมข่าวภาคเหนือรายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /SSI-BRDเอ็มโอยูร่วมธุรกิจโมดูลาร์บิลด์ดิ้ง แบรนด์ “SSI Swift Space x Bangkok Retails”/กฟผ. ขอความร่วมมืองดเผาไร่อ้อย และวัชพืช ใกล้แนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง

แชร์เนื้อหานี้


      
นายณรงค์ฤทธิ์ โชตินุชิตตระกูล (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือธุรกิจกับนายวุฒิวัฒน์ อรุณรัตน์รัฐกร (ที่ 3 จากขวา) ประธานกรรมการ บริษัท ดีทู พาร์ทเนอร์ส จำกัด หรือ BRD ในความร่วมมือทางธุรกิจสำหรับงานออกแบบ ผลิต ติดตั้ง จัดทำ ตลอดจนการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับงานอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง ด้วยระบบการก่อสร้างสำเร็จรูปแบบโมดูลาร์ ภายใต้แบรนด์ “SSI Swift Space x Bangkok Retails” โดยนำความเชี่ยวชาญของทั้ง 2 บริษัททั้งด้านวิศวกรรมเหล็ก การก่อสร้าง และด้านการออกแบบงานสถาปัตยกรรม มาส่งเสริมศักยภาพงานอาคารและงานก่อสร้างด้วยระบบก่อสร้างสำเร็จรูปแบบโมดูลาร์ ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าอาคารเชิงพาณิชย์
      


ทั้งนี้ มีนายณภัทร ภาณุพิชิต (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ นายนนทพงษ์ ธีรานนท์ (ซ้าย) หัวหน้าหน่วยธุรกิจระบบอาคารสำเร็จรูป SSI และนางสาวสโรชา เทียมจิตรตรักษา (ที่ 2 จากขวา) Project Development BRD ร่วมงานดังกล่าว ณ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) เมื่อเร็วๆ นี้

///////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

กฟผ. ขอความร่วมมืองดเผาไร่อ้อย และวัชพืช โดยเฉพาะพื้นที่ใกล้แนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เพื่อความปลอดภัย ลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจากฝุ่น PM 2.5 และรักษาความมั่นคงระบบไฟฟ้า

นายเสน่ห์ ตรีขันธ์ รองผู้ว่าการปฏิบัติการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร เกษตรกรบางกลุ่มยังคงนิยมใช้วิธีเผาผลผลิตก่อนการเก็บเกี่ยว หรือหลังเก็บเกี่ยว เพื่อลดเวลาและต้นทุนด้านแรงงาน ซึ่งก่อเกิดปัญหามลพิษด้านอากาศ ทำให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้ทัศนวิสัยในการเดินทางและการคมนาคมไม่ชัดเจน กฟผ. จึงขอความร่วมมืองดการจุดไฟเผาไร่อ้อย วัชพืช และตอซังข้าว โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้แนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงระบบไฟฟ้าของประเทศ เพราะควันและเขม่าจากการเผาอาจทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจรสู่พื้นดิน เป็นอันตรายต่อเกษตรกรและประชาชนที่อยู่บริเวณดังกล่าว รวมทั้งอาจทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าตกหรือไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างที่จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าในภาพรวม และระบบเศรษฐกิจของประเทศ

สายส่งไฟฟ้าแรงสูงที่ กฟผ. ดูแลและรับผิดชอบ เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของระบบไฟฟ้าของประเทศ เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่แห่งพลังงานที่เชื่อมโยงกระแสไฟฟ้าจากระบบผลิตไปยังระบบจำหน่ายซึ่งรับผิดชอบโดยการไฟฟ้านครหลวง (MEA) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) โดยมีการปรับแรงดันไฟฟ้าให้เหมาะสมก่อนส่งถึงผู้ใช้ไฟฟ้าทุกภาคส่วนและทุกครัวเรือนต่อไป ดังนั้นสายส่งไฟฟ้าแรงสูงต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา ซึ่ง กฟผ. มีการดูแลบำรุงรักษาสายส่งไฟฟ้าแรงสูงเป็นประจำเพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีความมั่นคง

“กฟผ. ขอความร่วมมือพี่น้องเกษตรกรและประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณใกล้แนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง งดเผาไร่อ้อยและวัชพืชทุกชนิด และขอให้ร่วมกันดูแลสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งเป็นสมบัติของชาติ หากพบเหตุผิดปกติหรือไม่ปลอดภัยเกี่ยวกับสายส่งไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ. โปรดแจ้งศูนย์บริการข้อมูล กฟผ. โทร. 1416” นายเสน่ห์ ตรีขันธ์ กล่าวย้ำในตอนท้าย

/////////////////////

ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ รายงาน 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พิธีเปิดต้อนรับปีใหม่ 2568 โรงพยาบาลโคกสำโรง อำนวยความสะดวก แก่ประชาชน จังหวัด ลพบุรี

แชร์เนื้อหานี้

วันที่27 ธันวาคม 2567 เวลา 09.19 น. ที่ หน้าบริเวณโรงพยาบาลโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี นายเจตน์พงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล นายอำเภอโคกสำโรง ประธานพิธีฯ พร้อมด้วยนายแพทย์ นุสิทธิ์ ชัยประเสริฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโคกสำโรง นางสาวนงลักษณ์ อยู่พุ่ม หัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองอำเภอโคกสำโรง นางสมฤดี ชมญาติ ประธานคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลโคกสำโรง
นายเชาว์ งามรัตนกาญจน์ รองประธานฯ นายปรีชา กิจรัตนกาญจน์ รองประธานฯ ข้าราชการ ตำรวจ แพทย์ พยาบาล พ่อค้า ประชาชนร่วมงานพิธีเปิดลานจอดรถโรงพยาบาลโคกสำโรง 200 คน

ทั้งนี้มีพระครูสุนทร ปรีกิจ (พระอาจารย์แดง เจ้าอาวาสวัดเขาลังพัฒนา) พระนักพัฒนาได้เมตตาเดินทางมาร่วมพิธีเปิดลานจอดรถ และส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลโคกสำโรง รับใบกาศเกียรติคุณผู้สนับสนุนสร้างลานจอดรถให้กับโรงพยาบาลโคกสำโรง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้ที่มาใช้บริการโรงพยาบาลโคกสำโรง ในการที่ท่านได้คิดริเริ่มโครงการนี้ขึ้นมา เพื่อผู้ป่วย ญาติผู้ป่วยชาวอำเภอโคกสำโรง มอบลานจอดรถให้กับโรงพยาบาลโคกสำโรงในครั้งนี้

วัตถุประสงค์ความเป็นมาของโครงการนี้ เนื่องจากสถานที่จอดรถของประชาชนผู้ที่มาใช้บริการที่โรงพยาบาลโคกสำโรงมีไม่เพียงพอการให้บริการแก่ประชาชนที่มาใช้บริการของโรงพยาบาลโคกสำโรง พระครูสุนทร ปรีชากิจ (พระอาจารย์แดง) ได้มาพบเห็นแล้วท่านจึงริเริ่มมีความคิด จะต้องปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลโคกสำโรง โดยใช้งบประมาณ 1 ล้านบาทเศษ วางท่อกลบถมดินทำเป็นลานจอดรถได้อีกจำนวนหลายคัน และเปิดช่องทางเข้า – ออก เพื่อเหตุเร่งด่วนฉุกเฉินบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนผู้ป่วยได้ เพื่อให้ประชาชนทุกท่านที่มีความจำเป็นเร่งด่วนทั้งผู้ป่วยฉุกเฉิน ร่วมทั้งญาตผู้ป่วย

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 จึงได้ริเริ่มโครงการนี้ขึ้นมา ได้นัดปรึกษาผู้อำนวยการโรงพยาบาลโคกสำโรง และหัวหน้าหมวดการทางที่ 9 พร้อมทีมงานลงดูพื้นที่จริงและได้เริ่มวางแผนออกแบบการก่อสร้างทำงานร่วมกับแขวงทางหลวงที่ 1 ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยได้รวบรวมเงินจากบริจาคจากหลายๆฝ่ายทำจนแล้วเสร็จในระยะเวลา 3 เดือนเปิดใช้งานได้จริงต้อนรับปีใหม่2568นี้ มอบเป็นของขวัญให้ชาวอำเถอโคกสำโรง ทางด้านนายแพทย์นุสิทธิ์ ชัยประเสริฐ
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโคกสำโรง ยังเปิดเผยต่อไปอีกว่า ปี2568

ทางโรงพยาบาลโคกสำโรง จะมีการปรับปรุงการให้บริการแกพี่น้องประชาชนทุกท่านที่มาใช้บริการกับโรงพยาบาลอีกหลายอย่าง หากแม้ว่าท่านใดมีขอเสนอแนะที่ดีก็พร้อมที่จะรับฟัง ความคิดเห็นของทุกๆท่าน เพื่อมาวิเคราะห์นำมาพัฒนาปรับปรุงแก้ไขให้เป็นที่ยอมรับ ประทับใจแก่พี่น้องประชาชน รวมถึงผู้ที่มาใช้บริการของโรงพยายาบาลโคกสำโรงต่อไป

สนอง แท่นสูงเนิน
ภาพ / ข่าว

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/สนง.พื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 เชียงราย ร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ป่า การบุกรุกผืนป่าของนายทุนในพื้นที่บ้านดอยสะโง้

แชร์เนื้อหานี้

19 ธันวาคม 2567 เวลา 10.30 น. คณะเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษพิทักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ประจำ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย) นำโดยนายปาวิณ ไวว่อง หัวหน้าสายตรวจปราบปรามฯ พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ ใจปิน หัวหน้าสวนป่าแม่มะ-สบรวก , ปลัดและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเชียงแสน , กำนันตำบลศรีดอนมูล , ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านดอยสะโง้ หมู่ที่ 7 และคณะทำงานตรวจสอบการแก้ไขปัญหาที่ดิน

กรณีนายเศกสันติ์ กองศรี กำนันตำบลศรีดอนมูล ทูลเกล้าถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือการบุกรุกผืนป่าของนายทุนในพื้นที่บ้านดอยสะโง้ เข้าร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ป่า ท้องที่บ้านดอยสะโง้ หมู่ที่ 7 ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ผลการตรวจสอบ พบว่า มีการกระทำผิด 1 คดี แต่ไม่พบตัวผู้กระทำความผิด และได้ตรวจยึดพื้นที่ป่า

ในแปลงปลูกป่าสวนป่าแม่มะ-สบรวก ปี พ.ศ.2530 พื้นที่ถูกยึดถือครอบครอง จำนวน 1 แปลง รวมเนื้อที่บุกรุกทั้งหมด 48-2-52 ไร่ โดยกล่าวหาว่า มีความผิด ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 ฐาน ”ก่อสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่าหรือกระทำการด้วยประการใดอันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต”

สำหรับค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อมบางประการหลังการทำลายป่า (ค่าเสียหายของรัฐ) จะจัดส่งให้ภายหลัง ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ นายพิพัฒน์ ใจปิน หัวหน้าสวนป่าแม่มะ-สบรวก เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ และนายบุญส่ง ยอดบุญศรี เป็นพยาน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เชียงแสน ดำเนินการตามระเบียบต่อไป…
..#ทีมข่าวบกรายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / วีระ สมความคิด ยื่นหนังสือผู้ว่าประจวบฯ ขอเข้าสำรวจโนแมนแลนด์ด่านสิงขร ยกพื้นที่เขตป่าไม้เอาไปทำจุดขนถ่ายสินค้าชายแดนไทย-เมียนมา

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 12 ธันวาคม 2567 นายวีระ สมความคิด เลขาธิการ เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ได้แจ้งให้สมาชิก คปต. จ.ประจวบคีรีขันธ์ และคณะ ทำหนังสือแจ้งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.จ.ประจวบคีรีขันธ์ และหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ผบ.กองกำลังสุรสีห์ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขออนุญาตเดินทางไปเข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่ขนถ่ายสินค้าระว่างประเทศไทยกับเมียนมา ที่จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร จุดตรวจ ตชด.ที่ 1461 เนื่องจาก คปต.มีแผนงานจะเดินทางไปสังเกตการณ์ ในพื้นที่ขนถ่ายสินค้าจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร ที่จุดตรวจ ตชด.ที่ 1461 กก.ตชด.14 หมู่ 6 ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใกล้ชายแดนประเทศเมียนมา เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่ามีการใช้พื้นที่ป่าไม้โดยผิดกฎหมาย ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยกรมป่าไม้ ขณะที่จุดดังกล่าวยังไม่มีการปักปันเขตแดนที่ชัดเจน ยังมีปัญหาในการปักปันเขตแดน เนื่องจากไม่มีข้อตกลงร่วมกันระหว่างประเทศนานหลายสิบปี ทำให้ทางการไทยและเมียนมา ไม่สามารถทำการเปิดด่านพรมแดนถาวรเพื่อทำการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว

นายวีระ กล่าวว่า จุดที่อ้างเป็นโนแมนแลนด์ มีการร้องเรียนว่า มีการลักลอบขนส่งสินค้าทั้งพืชเกษตร และสัตว์น้ำบางชนิด โดยหลบเลี่ยงกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ มีการร้องเรียนว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเพียงบางกลุ่ม นอกจากนั้นการขนถ่ายสัตว์น้ำยังมีน้ำเสียกระทบกับสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทย ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย สำหรับเครือข่าย คปต.ที่ผ่านมาได้เดินทางไปสังเกตการณ์ในการขนถ่ายสินค้าเมื่อช่วงต้นปี 2567 โดยได้ขออนุญาตด้วยวาจา จากเจ้าหน้าที่ทหารที่ประจำการที่จุดตรวจ ตชด.146 แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพื้นที่ในจุดขนถ่ายสินค้า โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าอาจไม่มีความปลอดภัย และขอให้ทำหนังสือขออนุญาตตามขั้นตอนอย่างเป็นทางการ

มีรายงานว่า นายวีระและเครือข่าย คปต. มีกำหนดการเดินทางไปจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรในช่วงต้นปี 2568 จึงทำหนังสือขออนุญาตจากผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าไปสังเกตุการณ์ในพื้นที่ขนถ่ายสินค้าไว้ล่วงหน้า เนื่องจากเบื้องต้นเห็นว่าจุดที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาขนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศเป็นพื้นที่ในเขตป่าไม้ตามกฎหมายของประเทศไทย หรือ หากผู้มีอำนาจมีข้อขัดข้องตามกฎหมายฉบับใด ไม่สามารถอนุญาตให้เครือข่าย คปจ.ซึ่งมีภารกิจในการช่วยเหลือหน่วยงานปราบปราบการทุจริตเข้าไปสังเกตการณ์ได้ โปรดอ้างอิงรายละเอียดตามข้อกฎหมาย หรือหากไม่มีความปลอดภัย โปรดแจ้งเหตุผลที่แท้จริงให้ทราบอย่างชัดเจน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีการเปิดด่านพรมแดนถาวรและยังไม่มีโอกาสเปิดด่านการค้าเนื่องจากปัญหาการปักปันเขตแดน เครือข่าย คปต.จะตรวจสอบการใช้ประโยชน์จากอาคารหรู สภาพทิ้งร้างมูลค่าหลายร้อยล้านบาท มีการใช้งบของกรมโยธาธิการกระทรวงมหาดไทย สร้างเป็นอาคารที่พักอาศัยของข้าราชการหลายหน่วยที่ด่านพรมแดนสิงขร มีการทำพิธีเปิดอาคารด่านพรมแดนเมื่อเดือนตุลาคม 2565 ปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปใช้งาน ขณะที่เดิมมีการค้างจ่ายค่ากระแสไฟฟ้าหลายแสนบาท

รวมทั้งอาคารที่ใช้ในการตรวจสินค้านำเข้าส่งออกระหว่างประเทศ มีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานมูลค่าการก่อสร้างกว่า 1 พันล้านบาท และก่อนหน้านี้หน่วยงานในจังหวัดมีแผนจะถ่ายโอนอาคารทั้งหมดให้ อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ปัจจุบันยังไม่มีการถ่ายโอน ทำให้อาคารทั้งหมดถูกปล่อยทิ้งร้าง ไม่มีการบำรุงรักษาเนื่องจากตรวจรับงานครบ 2 ปี จึงหมดสัญญาค้ำประกันงานจากผู้รับเหมารายใหญ่ ทั้งนี้เครือข่าย คปต.จะสรุปปัญหาพร้อมเอกสารหลักฐานร้องเรียนไปยังองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องต่อไป เนื่องจากมีการใช้งบประมาณที่ไม่มีความคุ้มค่า ทำความเสียหายให้กับทางราชการ
นายนิพล ทองเก่า นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / บ่นระงม! ด่านมุกดาหาร รถติดหนัก เจ้าหน้าที่ทำอะไรกัน วอนศุลกากร ปรับทำงานให้เร็วขึ้น เพื่อแก้ปัญหา

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2567​ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดมุกดาหาร ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน สปป.ลาว และผู้ประกอบการธุรกิจลาว-ไทย ที่เดินทางข้ามแม่น้ำโขงจากแขวงสะหวันนะเขต เข้ามาจังหวัดมุกดาหาร โดยใช้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ว่า สืบเนื่องจากด่านศุลกากรมุกดาหารได้มีการเปลี่ยนระบบการตรวจ รถยนต์ที่เข้าประเทศ และปล่อยให้รถเข้าทีละ 1 คัน เพื่อตรวจสอบ

ซึ่งแม้จะเป็นการปฏิบัติตามระเบียบ แต่ปรากฏว่าไม่มีการบริหารจัดการที่ดีรองรับการปฏิบัติ จึงก่อให้เกิดปัญหาการจราจรที่ติดขัดโดยเฉพาะในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ต้องใช้เวลาในการผ่านด่านศุลกากรถึง 40 นาที และหากป็นช่วงเทศกาลสำคัญจะมีรถติดสะสมจนเกือบถึงกลางสะพานและใช้ระยะเวลาในการผ่านด่านนานถึง 2 ชั่วโมงก็มี

อีกทั้ง หากเป็นกรณีรถที่เพิ่งเข้าประเทศไทยครั้งแรกจะต้องทำการบันทึกข้อมูลเข้าระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่ง 1 คัน จะใช้ระยะเวลาประมาณ 10-15 นาที ถ้าหากในช่วงเวลาเดียวกันมีรถที่เพิ่งเข้าเป็นครั้งแรก 3-4 คันติดต่อกัน ก็จะส่งผลให้เกิดรถรอข้ามด่านติดเป็นแถวยาวขึ้นไปบนสะพาน ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นมาเป็นเวลานานแล้วแต่ไม่เคยได้รับการแก้ไข เคยมีการเรียกร้องให้เปิดตู้บริการเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์หรือวันหยุดเทศกาล แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองแก้ไขปัญหาดังกล่าวแต่อย่างใด

ด้วยการจัดการที่ไม่เอื้ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เดินทางตลอดจนไม่สามารถจัดการกับปัญหาเรื่องความล่าช้า ไม่สามารถตรวจให้เสร็จได้โดยเร็วยิ่งขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวและประชาชนแขวงสะหวันนะเขต เริ่มมีความรู้สึกเบื่อหน่ายไม่ค่อยอยากจะเดินทางข้ามมาจังหวัดมุกดาหาร อันอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจการค้าของผู้ประกอบการในจังหวัดมุกดาหาร ทำให้เศรษฐกิจการค้าซบเซาลงได้

จึงอยากขอให้ด่านศุลกากรมุกดาหารปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้สามารถอำนวยความสะดวก ในด้านการตรวจรถให้แก่ผู้ผ่านด่านได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและให้บริการด้วยอัธยาศัยมีมิตรไมตรีต่อไปด้วย

กรมศุลกากร #ด่านศุลกากรมุกดาหาร #สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่2 #จังหวัดมุกดาหาร #แขวงสะหวันนะเขต #รถติด #บริการไม่มีประสิทธิภาพ

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ผอ.ทางหลวง นำสื่อขึ้นสะพาน 2 พิสูจน์ยังแข็งแรง แจงรอยต่อห่างมากเพราะหน้าหนาวบวกรถเยอะ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567​ นายเกรียงศักดิ์ ตันปิยะกุล ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงมุกดาหาร ได้นำคณะสื่อมวลชนขึ้นไปบนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต)

เพื่อไปดูระยะห่างของรอยต่อพื้นสะพาน (Expansion Joint) สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้ขับยานพาหนะว่าเมื่อแล่นขึ้นไปถึงบริเวณกึ่งกลางสะพาน จะรู้สึกเหมือนกับว่าสะพานเคลื่อนไหวโยกไปมาได้ และจะรับรู้ถึงการสั่นสะเทือนแรงมากยิ่งขึ้นเมื่อมีรถบรรทุกวิ่งผ่าน

ขณะที่เมื่อมายืนสังเกตดูสะพานจากบริเวณเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง ก็พบว่าบริเวณกึ่งกลางสะพานช่วงที่เป็นรอยต่อพื้นสะพาน (Expansion Joint) มีการแยกตัวระหว่างพื้นสะพานทั้ง 2 ข้าง ห่างกันมากผิดปกติ จนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจน

ทำให้ประชาชนทั้งชาวไทยและลาวที่ใช้ต้องสะพานดังกล่าวในการสัญจรไปมารู้สึกหวาดผวา เกรงว่าจะเกิดอันตราย และหากปล่อยทิ้งไว้จะเกิดผลกระทบต่อโครงสร้างของสะพานอันอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นได้ จึงได้นำสื่อมวลชนขึ้นมาดูสภาพของสะพานเพื่อให้เห็นและรับทราบข้อเท็จจริง

นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันสะพานยังมีสภาพมั่นคงแข็งแรง ส่วนรอยต่อพื้นสะพานที่เห็นว่ามีระยะห่างมากนั้น ก็เนื่องมาจากช่วงนี้เป็นฤดูหนาวอากาศเย็นจึงทำให้สะพานรอยต่อของสะพานมีความห่างมาก โดยมีสาเหตุมาจาก 2 ส่วน คือ ส่วนหนึ่งมาจากปริมาณของรถยนต์ที่วิ่งขึ้นมาบนสะพานมีจำนวนมาก

ส่วนที่สองมาจากการออกแบบทางวิศวกรรมให้สะพานสามารถยืดหดตัวตามอุณหภูมิโดยเมื่ออากาศเย็นอุณหภูมิต่ำก็จะหดตัวและถ้าอากาศร้อนอุณหภูมิสูงก็จะยืดตัว จึงทำให้ในช่วงฤดูหนาวนี้ประชาชนจะพบว่ารอยต่อของสะพานมีความห่างมาก แต่ก็ยังคงสามารถใช้งานได้ตามปกติ

ทั้งนี้ มาตรฐานของอัตราการยืดหดของรอยต่อพื้นสะพาน (Expansion Joint) ทั้งสองด้านอยู่ที่ 100-150 มิลลิเมตร หรือถ้าวัดจากด้านใดด้านหนึ่งก็คือด้านละ 5 – 7.5 เซนติเมตร (50-750 มิลลิเมตร) บอกด้วยระยะห่างจากส่วนหัว 1 นิ้วหรือประมาณ 2.5 เซ็นติเมตร

กระทรวงคมนาคม #กรมทางหลวง #หน่วยบำรุงรักษาสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่2 #จังหวัดมุกดาหาร #รถบรรทุกหนัก #แขวงทางหลวงมุกดาหาร

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/”สุเทียน” ร้องผู้ว่าฯ มุกดาหาร สอบ 157 วินัย-จริยธรรม โยธาธิการและผังเมือง ไม่เปิดเผยข้อมูลโครงการสร้างเขื่อน-สะพาน

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2567​ ที่ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร ร้อยตำรวจตรี สุเทียน ทองโสม ประธานชมรมรักษ์มุกดาหาร เดินทางมายื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ขอให้ตรวจสอบโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดมุกดาหาร กระทำผิดวินัย กฎหมายและประมวลจริยธรรม สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 ร้อยตำรวจตรี สุเทียน ทองโสม ได้ยื่นขอข้อมูลข่าวสารต่อโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดมุกดาหาร กระทั่งเวลาได้ล่วงพ้นมาเกินกว่า 15 วัน ปรากฏว่าโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดมุกดาหาร เพิกเฉยไม่แจ้งผลการพิจารณาตามที่ได้ยื่นขอ

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 จึงได้หนังสือแจ้งให้ดำเนินการตามคำขอข้อมูลข่าวสารอีกครั้ง หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 นายทวีศักดิ์ สุริยะสิงห์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดมุกดาหาร ได้มีหนังสือแจ้งว่า โครงการที่หน่วยงานดำเนินการเองมี 1 โครงการ คือ โครงการก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กข้ามห้วยแข้ (ชุมชนค่ายลูกเสือ) สามารถไปคัดถ่ายเอกสารได้ ส่วนอีก 5 โครงการ กรมโยธาธิการและผังเมืองเป็น หน่วยดำเนินการ

ให้ร้อยตำรวจตรี สุเทียน ประสานขอคัดถ่ายจากหน่วยงานดำเนินการ โดยไม่อำนวยความสะดวกให้ ทั้งที่สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดมุกดาหาร เป็นหน่วยงานในสังกัดของกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งสามารถที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการจัดให้รับเอกสารได้ที่สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดมุกดาหาร โดยไม่ต้องเดินทางไปกรุงเทพมหานคร อันเป็นที่ตั้งของกรมโยธาธิการและผังเมือง อีกทั้ง หนังสือก็ไม่ได้แจ้งว่าให้ติดต่อโดยวิธีใดกับเจ้าหน้าที่ผู้ใดในกรมโยธาธิการและผังเมืองด้วย อีกทั้ง เมื่อได้เดินทางไปขอรับเอกสารโครงการก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กข้ามห้วยแข้กับเจ้าหน้าที่สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดมุกดาหาร ปรากฏว่าได้รับเอกสารเพียง 1 ฉบับ จากที่ขอไปทั้งหมด 4 ฉบับ อันทำให้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางโดยไร้ประโยชน์

จึงเห็นว่าการกระทำของโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดมุกดาหารและเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องดังกล่าว เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด , ไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่กำหนดให้ทุกหน่วยงานบริการข้อมูล ข่าวสารแก่ประชาชนด้วยความรวดเร็ว , ไม่เปิดเผยข้อมูลข้อมูลอย่างโปร่งใสตามมาตรา 3/1 พระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน , ไม่ปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และ วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 และประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน โดยขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารตรวจสอบข้อเท็จจริงและและพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไปกระทรวงมหาดไทย #กรมโยธาธิการและผังเมือง #จังหวัดมุกดาหาร #โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดมุกดาหาร #ปปท #ปปช

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ท​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /’สุเทียน’ จี้สอบ อ.เมืองมุกดาหาร ทำหลักฐานให้คนเดียวกันมี 2 เลขที่บัตร ปชช.

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ร้อยตำรวจตรี สุเทียน ทองโสม ประธานชมรมรักษ์มุกดาหาร เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากกรณีที่อำเภอเมืองมุกดาหาร ได้จัดให้มีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน บ้านคำอาฮวน หมู่ที่ 15 แทนตำแหน่งที่ว่าง แต่จากการเฝ้าดูของผู้สังเกตการณ์ระหว่างมีผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนปรากฏว่า พบนายพลร่ม พันธะ ซึ่งชาวบ้านจำได้ว่าอยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 11 บ้านนิคมสหกรณ์

แต่กลับมาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 15 บ้านคำอาฮวน โดยกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งก็อนุญาตให้ลงคะแนนได้ ทั้งที่มีชาวบ้านทักท้วง จนทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ากรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งเพิกเฉยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง จนส่อว่าอาจจะทำให้เป็นการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม

ร้อยตำรวจตรี สุเทียน กล่าวว่า ต่อมาทีมงานชมรมรักษ์มุกดาหาร ได้ตรวจสอบข้อมูลของนายพลร่ม พันธะ กลับพบพิรุธที่น่าตกใจโดยมีข้อมูลปรากฏในสำนักทะเบียนอำเภอเมืองมุกดาหาร ว่า นายพลร่ม ซึ่งเป็นลูกของนางไหลและนายชม คนเดียวกันแต่มีข้อมูลเกี่ยวกับบ้านและเลขบัตรประจำตัวประชาชน 2 หมายเลข 2 นามสกุล คือ นายพลร่ม พันธะ เลขบัตรประจำตัวประชาชนลงท้ายด้วย 9613 อยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ที่ 11 เกิดเดือน พฤษภาคม 2511

กับนายพลร่ม พันทะ เลขประจำตัวประชาชนลงท้ายด้วย 9052 อยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ที่ 15 เกิดเดือน พฤศจิกายน 2511 โดยเป็นการที่ เจ้าหน้าที่อำเภอเมืองมุกดาหาร ออกหลักฐาน 2 ชุดข้อมูลให้แก่บุคคลเดียวกัน ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อและนอกจากนายพลร่มแล้วยังมีอีกหลายคนหรือไม่ที่มีข้อมูลทางทะเบียน 2 ชุด

มีการทุจริตสวมทะเบียนหรือไม่ โดยขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กรมการปกครอง และกระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวโดยเร่งด่วนและเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนได้รับทราบผลการตรวจสอบอย่างโปร่งใสและรวดเร็วต่อไปด้วย

กระทรวงมหาดไทย #กรมการปกครอง #จังหวัดมุกดาหาร #ปปช #ปปท #ที่ว่าการอำเภอเมืองมุกดาหาร

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​