คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวศิลป และ วัฒนธรรม

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / โครงการวิทยาลัยป้องกันกิเลส (วปก.) รุ่นที่ 29 วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร

แชร์เนื้อหานี้

โครงการวิทยาลัยป้องกันกิเลส (วปก.) รุ่นที่ 29 จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2554 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสืบสานพระพุทธศาสนา ส่งเสริมคุณธรรมในชีวิตประจำวัน และพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ที่เข้าร่วมการอุปสมบท ทั้งนี้ยังเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ โครงการนี้ได้ดำเนินการมาแล้วกว่า 29 รุ่น ซึ่งในรุ่นนี้ มีผู้เข้าร่วมอุปสมบท 59 รูป แบ่งเป็นคนไทย 58 รูป และชาวต่างชาติ 1 รูป จากประเทศเมียนมา โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่รุ่นที่ 1 ถึงรุ่นที่ 29 มีผู้เข้าร่วมอุปสมบทมากกว่า 5,000 รูป

โครงการ วปก. ก่อตั้งขึ้นโดย สมเด็จพระธีรญาณมุนี (วรชาโย) เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ในการถวายเป็นพุทธบูชาและพระราชกุศล เพื่อสร้างบุคลากรที่เปี่ยมด้วยคุณธรรม จริยธรรม และจิตสำนึกต่อสังคม โดยการบวชถือเป็นการบำเพ็ญบุญที่ทรงคุณค่า อันจะนำไปสู่ความสงบสุขและความเจริญของประเทศชาติ

ในปีนี้ได้รับความเมตตาจาก พระธรรมวชิรปาโมกข์ (ธนู วรธนุ ป.ธ.๔) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์ และ พระศรีวิศาลคุณ (จีรพันธ์ วรญาโณ ป.ธ.๗) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เป็นพระกรรมวาจาจารย์และผู้ดูแลโครงการเดินทางไปประเทศอินเดีย โดยโครงการได้รับการสนับสนุนจากศิษยานุศิษย์ คณะสหธรรมิก และผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมาก ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้โครงการเติบโตและได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องทุกปี

กำหนดการเดินทางปฏิบัติธรรม และเยี่ยมชม 4 พุทธสังเวชนียสถาน วันที่ 5: กรุงเทพฯ – เจดีย์พุทธคยา (ประเทศอินเดีย)
วันที่ 6: ร่วมทำบุญมหาทานผ้าป่า และเยี่ยมชมพุทธรูปหินโบราณ ณ พุทธคยา
วันที่ 7: เยี่ยมชมสถูปบ้านบิดานางสุชาดา สถานที่ถวายข้าวมธุปายาส
วันที่ 8: เดินทางไปยังเขาคิชฌกูฏ และวัดเวฬุวัน ณ เมืองราชคฤห์
วันที่ 9: เยี่ยมชมกูฎาคารศาลา ปาวาลเจดีย์ เมืองไวสาลี
วันที่ 10: เดินทางไปยังสาลวโนทยาน กุสินารา สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า
วันที่ 11: เดินทางสู่ลุมพินี ประเทศเนปาล สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า
วันที่ 12: เยี่ยมชมวัดพระเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี
วันที่ 13: เยี่ยมชมสารนาถ เมืองพาราณสี สถานที่แสดงปฐมเทศนา
วันที่ 14: พักปฏิบัติธรรม ณ เมืองพาราณสี
วันที่ 15: เดินทางกลับมายังเจดีย์พุทธคยา
วันที่ 16: ออกเดินทางกลับประเทศไทย
วันที่ 17:

  • ช่วงเช้า: พิธีตักบาตรพระใหม่ นำโดย สมเด็จพระธีรญาณมุนี ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร
  • ช่วงเที่ยง: พิธีฉลองพระใหม่ และลาสิกขาบท
  • การเดินทางครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้เข้าร่วมในการศึกษาและซึมซับหลักธรรมคำสอนจากสังเวชนียสถานทั้ง 4 อันเป็นสถานที่สำคัญในพระพุทธศาสนา รวมถึงเป็นการเสริมสร้างความศรัทธาและปัญญาในการดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร “ร่วมกันสืบทอดพระพุทธศาสนา สร้างคุณค่าทางจิตใจให้สังคมไทย”

โดย: พระคุณวํโว ธนพงศ์ งานรุ่งเรือง วปก29

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / มูลนิธิพุทธภูมิธรรม และกัลยาณมิตร ร่วมสงเสด็จ พระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) /พลเอก ปิยพงศ์ กลิ่นพันธ์ุ นำพลังบุญ บูรณะอุโบสถวัดศรีกะอาง จ.นครนายก

แชร์เนื้อหานี้

พลเอก ปิยพงศ์ กลิ่นพันธ์ุ นำพลังบุญ บูรณะอุโบสถวัดศรีกะอาง จ.นครนายก วัดสำคัญประดิษฐาน “พระพุทธพิชิตมาร” พระพุทธรูปสำคัญที่ สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 ทรงประทานพระนาม 15 ก.พ.68 พลเอกปิยพงศ์ กลิ่นพันธ์ุ , ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 12 , ประธานมูลนิธิพุทธภูมิธรรม และกัลยาณมิตร ร่วมพลังบุญทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อสมทบทุนบูรณะอุโบสถวัดศรีกะอาง จ.นครนายก ยอดปัจจัยร่วมบุญกว่า 6 แสนบาท

ในการนี้ มูลนิธิพุทธภูมิธรรม ร่วมพลังบุญทอดผ้าป่า 7 หมื่นบาท ถวายเป็นพุทธบูชา เป็นพลังบุญเพื่อพระพุทธศาสนาสามารถร่วมบุญ ซ่อมแซมกระเบื้องหลังคาอุโบสถ และซ่อมแซมถังเก็บน้ำ วัดศรีกะอาง เพิ่มเติมได้ที่
ธนาคารกรุงไทย , เลขบัญชี 212 068 9946 , วัดศรีกะอาง (เปลี่ยนหลังคาโบสถ์และซ่อมแซมถังน้ำ)

**ประวัติ ความสำคัญ แผนงาน ของวัดศรีกะอาง *ประวัติ วัดศรีกะอางตั้งอยู่ที่ อ.บ้านนา จ.นครนายก ก่อตั้งเมื่อ ปีพุทธศักราช 2515 โดยมีเจ้าอาวาสรูปแรก คือ
หลวงปู่จำรัส อินทรกำแหง (ฉายา ฐิติจาโค) ซึ่งท่านดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาส ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2515 – 2536 ในระหว่างปีพุทธศักราช 2522 – 2536 ได้มีการก่อสร้างพระพุทธชินราชจำลอง ความสูง 30 เมตร, ก่อสร้างพระพุทธรูปจำลอง 3 พี่น้อง, ก่อสร้างพระสีวลี, ศาลาไม้, กุฏิบูรพาจารย์ และเสนาสนะอื่น ๆ ในช่วงต่อมา ระหว่างปีพุทธศักราช 2536 – 2566 มีพระครูวรญาณโสภณ (หลวงพ่ออาทร) เป็นเจ้าอาวาส โดยได้มีการก่อสร้างอุโบสถขึ้นในปี 2540 (ยังไม่ได้ฝังลูกนิมิตจนถึงปัจจุบัน) ก่อสร้างถนนเส้นทางในวัด และบันไดทางขึ้นพระพุทธชินราช โดยในระหว่างนี้ทางวัดได้รับวิสุงคามสีมาเรียบร้อยแล้ว ตามทะเบียนเลขที่วิสูงคามสีมา ในปัจจุบันตั้งแต่ พุทธศักราช 2566 – 2568 มีพระมหาฆโณทัย โฆสคุโณ เป็นเจ้าอาวาส

*ความสำคัญ ของวัดศรีกะอางและพระพุทธรูปมีความสำคัญ กล่าวคือ เป็นพระพุทธชินราชที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานนามว่า “พระสัมพุทธะสักยะมุนีโลกนาถ” มีพระพุทธรูปพระประธาน ในพระอุโบสถปางสะดุ้งมาร ได้รับพระราชทานพระนามจาก สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ว่า “พระพุทธพิชิตมาร” โดยบริเวณผ้าทิพย์หน้าพระพุทธรูปได้รับพระราชทานพระนามาภิไธยย่อ ญสส. ประดิษฐานไว้

นอกจากนี้ยังได้พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศอินเดีย ไว้ในอุโบสถด้วย และความสำคัญอีกประการหนึ่งคือ วัดศรีกะอางนี้ เป็นวัดธรรมยุติกนิกายตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปัจจุบัน โดยในอดีตที่ผ่านมา วัดนี้เคยเป็นที่พำนักของ พ่อแม่ครูอาจารย์ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ หรือพระกรรมฐานสาย พระอาจารย์ มัน ภูริทัตเถระ ได้เดินทางธุดงค์มาพักค้างแรมเจริญสมนธรรม อาทิเช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร หลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาป้อง จ.เชียงใหม่ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาละวัน จ.นครราชสีมาหลวงพ่อวิริยังค์ จ.กรุงเทพฯ และอีกหลายรูป

*แผนงาน ของวัดที่สำคัญ กล่าวคือ การอบรมสั่งสอนสาธุชนของหมู่บ้านโดยรอบวัดและประชาชนโดยทั่วไปให้หันมาสนใจในธรรมะและคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการรักษาศีล ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม นอกจากนี้ยังมีการบูรณะปฏิสังขรณ์เสนาสนะ ที่ถูกสร้าง ขึ้นมาเป็นเวลานานมีสภาพชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา เพื่อให้สามารถกลับมาใช้งานได้ ตามปกติ เช่น การซ่อมแซมเปลี่ยนกระเบื้องหลังคาพระอุโบสถที่ชำรุดแตกหักทำให้น้ำรั่วซึมลงมา การปรับปรุงซ่อมแชมถังเก็บน้ำซีเมนต์ การปรับปรุงแหล่งต้นน้ำ เพื่อให้กักเก็บน้ำได้ยาวนาน รวมไปถึงการสวดถอนและการเตรียมการฝังลูกนิมิตในอนาคตอันใกล้

ขอเชิญชวน พุทธศาสนิกชน ร่วมพลังบุญ และ ขออนุโมทนาบุญมา ณ โอกาสนี้ ครับ อานิสงส์การสร้างโบสถ์ https://www.sarakuntho.org/ มูลนิธิพุทธภูมิธรรม นำโดยอาจารย์วิจักษณ์ สองจันทร์ ประธานมูลนิธิฯ นำนมัสการพระธาตุพนมจำลอง (พระธาตุเจดีย์สิริมงคลนวรัตน์) ถวายบุญกุศลแด่ทุกภพภูมิ เปิดมงคลบวงสรวงฯ ณ วัดสระแก้ว จังหวัดขอนแก่น ในพลังบุญ เปิดงานนมัสการพระธาตุ และทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทบทุนสร้างกำแพงแก้วและซุ้มประตูวัด เป็นมหามงคลเพื่อแผ่นดิน ขอให้ทุกท่านมีส่วนในผลบุญ รับมงคลบารมีนี้ ให้เจริญสุข เจริญทรัพย์ เจริญอำนาจบารมี เจริญธรรม ตราบถึง พระนิพพาน…

มูลนิธิพุทธภูมิธรรม และกัลยาณมิตร ร่วมสงเสด็จ พระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) และ ปฏิบัติบูชา สวดมนต์อธิษฐานจิตถวายเป็นพุทธบูชา เป็นพลังบุญเพื่อแผ่นดิน ในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) กลับคืนสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อ 15 ก.พ.2568

หลังจากได้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.2567 จนถึงวันที่ 14 ก.พ.2568 รวมระยะเวลา 73 วัน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน

ขณะที่ยอดจำนวนประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) หลังจากประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในประเทศไทย จนถึงการอัญเชิญกลับสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้งสิ้น 2,993,737 คน

ขอร่วมอนุโมทนาบุญและส่งพลังบุญนี้ ให้แด่กัลยาณมิตรทุกท่าน เจริญสุข เจริญธรรม ตราบถึง มรรค ผล นิพพาน เทอญ…

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พิธีหล่อองค์หลวงปู่ดู่ ยืน อันตรายาปิ-พระจักรพรรดิ์กินบ่เซี่ยง บรรยายธรรมโดย หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ

แชร์เนื้อหานี้

      วันที่ 9  กุมภาพันธ์ 2568  ที่บริษัท อาร์ที  อะกริเทค จำกัด ตำบลห้วยขวาง  อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม  ได้จัดพิธีเททองหล่อองค์หลวงปู่ดู่ ยืน อันตรายาปิ (ปิดอันตราย)  สูง 21  เมตร  ส่วนมือขวาและมือซ้าย  และหล่อองค์พระจักรพรรดิ์กินบ่เซี่ยง  จำนวน 4  องค์ (ขนาด 30  นิ้ว  2  องค์  และ  20  นิ้ว  2  องค์)  โดยมีหลวงตาม้า วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ) เป็นองค์ประธานในพิธี  พร้อมรับฟังบรรยายธรรมโดยหลวงตาม้า  โดยมีสาธุชนที่มีจิตศรัทธาเข้าร่วมในครั้งนี้หลาย พันคน  รายได้ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่ายถวายองค์หลวงตาม้า

      สำหรับพิธีเริ่มเวลา  17.00 น.  โดยผู้บริหารบริษัท อาร์ที  อะกริเทค จำกัด พร้อมด้วยแขกผู้เกียรติ  จุดธุปเทียนหน้าเครื่องบรวงสรวง  หลังจากนั้น  เป็นการเริ่มเททองหล่อองค์หลวงปู่ดู่  ยืน อันตรายาปิ (ปิดอันตราย)  สูง 21  เมตร ส่วนมือขวาและมือซ้าย  ต่อด้วยเป็นการหล่อองค์พระจักรพรรดิ์กินบ่เซี่ยง  ขนาด 30  นิ้ว  2  องค์  และ  20  นิ้ว  2  องค์  ตามลำดับ

      หลังจากนั้นเวลาประมาณ  18.00 น. หลวงตาม้า  วัดถ้ำเมืองนะ นำสวดบทจักรพรรดิ์  และมอบของที่ระลึกแด่ผู้มาร่วมงาน  ต่อด้วยหลวงตาบรรยายธรรมพร้อมตอบข้อซักถามของสาธุชน และนำสวดบทพระจักรพรรดิ์ รอบ2ทุ่มครึ่ง  เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีในครั้งนี้

      นอกจากนี้  ทางบริษัทฯ  ได้จัดเตรียมโรงทานอาหารและเครื่องดื่มไว้ต้อนรับเหล่าผู้มาร่วมงาน  พร้อมแจกของที่ระลึกประกอบด้วยประคำ  ผ้ายันต์  และเงินขวัญถุง  ไว้เป็นที่ระลึกแด่ผู้มาร่วมงานในครั้งนี้อีกด้วย

สมคิด พรมมี ผู้สื่อข่าว นครฐม

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ประเพณี”กินวอ”ชาวเขาเผ่าลาหู่ บ้านดอยปู่ไข่บ้านดู่เต้นรำเฉลิมฉลองสนุกสนานท่ามกลางความหนาวเย็น

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา17.30น.วันที่27ม.ค2568 ที่ผ่านมาท่ามกลางลมหนาวเย็น ที่ผัดแผ่ลงมาจากประเทศจีน ณ ลานพิธีใจกลางหมู่บ้านบ้านดอยปู่ไข่ จังหวังหวัดชียงราย นายพัฒนพงษ์ โพธิ์เกตุ นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลบ้านดู่เป็นประธานพิธีเปิดงานประเพณีกินวอ ของชาวเขาเผ่าลาหู่บ้านดอยปู่ไข่ บ้านบริวารบ้านหัวฝาย หมู่ที่ 13 ตำบลบ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย ประจำปี 2568

จัดโดยสภาวัฒนธรรมตำบลบ้านดู่ร่วมกับเทศบาลตำบลบ้านดู่ ระหว่างวันที่ 27 มกราคม-4 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีคณะผู้บริหารเทศบาลตำบลบ้านดู่ ปลัดเทศบาล และฝ่ายปกครอง เทศบาลตำบลบ้านดู่ เข้าร่วมงานประเพณี มีการแสดงเต้นรำของเยาวชนเผ่าลาหู่บ้านดอยปู่ไข่ และประเพณีเต้น”จะคึ” รอบต้นวอ ของหนุ่มสาว และเยาวชน ชาติพันธ์ุลาหู่ ที่แต่งตัวสวยสดงดงามเนื่องในประเพณีสำคัญประจำปี ทุกปีและการกินวอ

จะดำเนินไป7-9 วัน ซึ่งจะออกประเพณีกินวอ ตามประเพณีสืบทอดกันมาของชาวเขาเผ่าลาหู่ ลาหูดำ ลาหู่ฯลฯมีการทำข้าวปุกงาอันแสนอร่อยเลี้ยงแขกเหรื่อที่มาร่วมงานท่ามกลางลมนาวครังนี้ด้วย สำหรับในวันดังกล่าวยังมีแขกที่ไดรับเชิญร่วมพิธีตลอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขึ้นไปพักที่รีสอร์ทตากอากาศบ้านดอยปู่ไข่ เข้าร่วมเต้นจะคึรอบต้นวอที่ชาวเขาเผ่าลาหู่

ร่วมกันจัดทำขึ้นอย่างสนุกสนาน บ้านดอยปู่ไข่ตั้งอยู่สันเขา หรือดอยแปดซุง ดอยเสือขบม้า นับว่าเป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าลาหู่หรือมูเซอร์แดง ประวัติตั้งแต่ปีพศ. 2510 ได้อพยพมาจากพม่า และปีพ.ศ2535ได้แยกออกไปอยู่ในตำบลนางแลบางส่วนมีผู้นำก่อตั้งชื่อหมู่บ้านนามว่าปู่ไข่ เป็นชาวเขาเผ่าเดียวในตำบลบ้านดู่ เป็นบ้านบริวารของบ้านหัวฝายหมู่ที่ 13 ตำบลบ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย

มีประมาณ 40หลังคาเรือน มีความสูงจากระดับเหนือน้ำทะเลประมาณ450-580 ฟุต บนสันเขาเขตป่าสงวนแห่งชาติดอยนางแล-ดอยยาว ดอยพระบาท เป็นป่าต้นน้ำโป่งพระบาทดอยแถบนี้มีการค้นพบร่องรอยรอยเท้า ไดโนเสาร์เก่าแก่ อายุนับพันปี มีป่าที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นมุมสูงสามารถ

มองทิวทัศน์เมืองเชียงรายได้ชัดเจน โดยเฉพาะสนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวง ยามค่ำคืน มีแสงไฟยามค่ำคืนที่สวยงามเหมือนดาวบนดิน ในอนาคตสามารถบูมเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ใกล้เมืองเชียงรายได้อนึ่งขณะเดียวกันพี่น้องชาติพันธ์ุเผ่าอื่นๆก็อยู่ในช่วงประเพณีกินวอแต่ละเผ่าอีกด้วยเช่นกัน.

ธนกฤต วรรมณี ทีมงานข่าวเชียงรายรายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน มอบผ้าห่มกันหนาวให้นายกสมาคมสื่อมวลชนจ.น่าน

แชร์เนื้อหานี้

น่าน เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 ณ วัดมิ่งเมือง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน พระสุนทรมุนี(หลวงพ่อเสน่ห์) รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมืองได้เมตตามอบผ้าห่มกันหนาวจำนวน 10 ผืนให้กับนายบุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่านเพื่อนำไปมอบต่อให้กับผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้ยากไร้

เนื่องด้วยสภาพภูมิอากาศในพื้นที่จังหวัดน่าน ในช่วงฤดูหนาวมีอุณหภูมิต่ำสภาพอากาศหนาวเย็น ทำให้ประชาชนต้องดูแลรักษาสุขภาพร่างกายและจัดหาเครื่องแต่งกายและผ้าห่ม เพื่อรักษาความอบอุ่นแก่ร่างกาย และป้องกันการเจ็บป่วยเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ซึ่งทางสมาคมสื่อมวลชนจงหวัดน่าน ได้เล็งเห็นถึง ข้อจำกัดของประชาชนในพื้นที่ตำบลไชยสถาน และ ในพื้นที่จังหวัดน่าน บางกลุ่มเช่น ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ยากไร้ ผู้ต้อยโอกาส และ ผู้ป่วยติดเตียง ที่ขาดแคลนอุปกรณ์ผ้าห่มกันหนาวหรือทุนทรัพย์ในการจัดหาเครื่องแต่งกาย ผ้าห่มกันหนาว ในการนี้สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่านขอขอบพระคุณท่านพระสุนทรมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดน่านเป็นอย่างสูงที่ให้ความอนุเคราะห์เมตามอบผ้าห่มกันหนาวจำนวน 10 ผืนมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ และทางสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน จะนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนกลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ยากไร้ต่อไป

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ลั่นฆ้องชัย แต่งไทยเทิดพระเกียรติฯ ในงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช’ ครั้งที่ 37 ประจำปี 2568

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 15 มกราคม 2568 เวลา 08.00 น. นายปรัชญา เปปะตัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยตรี ทรงพล แป้นแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี นายประยูร ศิริวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ภาครัฐ และ ภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชน จำนวน กว่า 3,500 คน ได้เข้าร่วมกิจกรรม รณรงค์แต่งไทย “นุ่งโจง ห่มสไบ แต่งไทยทั้งเมือง”

ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมการจัดงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ประจำปี 2568 ด้วยการ แต่งไทยย้อนยุค สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และ ชุดไทยประยุกต์ อย่างสวยสดงดงาม ปรับเป็นรูปขบวน โดยมีหน่วยงาน สถานศึกษา เข้าร่วมประกวดขบวนรณรงค์แต่งไทย จำนวน 8 ขบวน ประเภทสวยงาม จำนวน 4 ขบวน และประเภทความคิดสร้างสรรค์ จำนวน 4 ขบวน ออกเดินรณรงค์แต่งไทย

จากบริเวณลานเอนกประสงค์ สวนราชานุสรณ์ ตามท้องถนน ผ่านโบราณสถาน และจุดต่างๆ ในเขตตลาดชุมชนรอบตัวเมืองลพบุรี ระยะทางรวมกว่า 3 กิโลเมตร เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ งานที่ภาคภูมิใจและยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวจังหวัดลพบุรี คือ งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ครั้งที่ 37 ประจำปี 2568

โดยได้เชิญชวนชาวลพบุรี พร้อมใจแต่งไทยกันทั้งเมือง ตลอดระยะเวลา 1 เดือน เพื่อเป็นการเสริมสร้างบรรยากาศของความเป็นไทย และร่วมกันแสดงออก ถึงการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ในการต้อนรับนักท่องเที่ยว ในช่วงของการจัดงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งจะมีขึ้นระหว่าง วันที่ 14-23 กุมภาพันธ์ 2568 ณ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ อำเภอเมืองลพบุรี เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ องค์บูรพระมหากษัตริย์ไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

โดยเฉพาะสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงคุณูปการอเนกอนันต์ ต่อเมืองลพบุรี สำหรับกิจกรรมดังกล่าว นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์ และส่งเสริมความเป็นเอกลักษณ์ และความเป็นชาติไทยแล้ว ยังถือเป็นการรวมพลังชาวลพบุรี ในการแต่งไทยทั้งเมือง เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนารายณ์มหาราช รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย เป็นการแสดงออก ซึ่งความร่วมมือกันระหว่างส่วนราชการ ภาคเอกชน องค์กรต่างๆ และประชาชนในจังหวัดลพบุรี เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

สำหรับงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในปีนี้พบกับความยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี 2568 ชมขบวนแห่ประวัติศาสตร์ รำบวงสรวง สวนนารายณ์นฤมิต ตำรับโอสถพระนารายณ์ ทหารวังเปลี่ยนเวร การแสดงละครลิง กิจกรรมแต่งชุดไทยจดทะเบียนสมรส หมากรุกคน ตลาดย้อนยุค ลานวัฒนธรรมและอาหารพื้นบ้าน

การแสดงศิลปวัฒนธรรม ซาโม่น “ตลาดมอญเมืองละโว้” ชิม ช้อป สินค้าโอทอปของดีจังหวัดลพบุรี สัมผัสการแสดง แสง สี เสียง ประวัติศาสตร์จินตนาการที่ปรับเปลี่ยนใหม่ ที่ยิ่งใหญ่ สุดอลังการ ณ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี ซึ่งเปิดให้ชมฟรีอีกด้วย

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนนย์ข่าวฯ / ประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรี ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รองผู้ว่าประจวบฯ นำชาวหัวหินร่วมถวายภัตตาหารพระราชทานแด่คณะสงฆ์โครงการจาริกธุดงค์ฯ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 8 ม.ค.68 ที่วัดหนองคร้า ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พระครูภาวนาสีลวิสุทธิ์ (พระอาจารย์จรัน อนังคโน) รองเจ้าคณะอำเภอศิลาลาด เจ้าอาวาสวัดอุทยานธรรมดงยาง ต.คลีกลิ้ง อ.ศิลาลาด จ.ศรีสะเกษ ประธานฝ่ายสงฆ์

ในพิธีถวายภัตตาหารพระราชทานแด่คณะสงฆ์โครงการจาริกธุดงค์ธรรมยาตราเผยแพร่ธรรมเฉลิมพระเกียรติ โดยมี พระเถรานุเถระ คณะพระภิกษุสงฆ์และสามเณรในโครงการจาริกธุดงค์ฯ นายรัฐวิชญ์ พาฉิมพลี ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดประจวบฯ นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน นางอุษา พวงวลัยสิน นายกกิ่งกาชาดอำเภอหัวหิน นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพุทธศาสนิกชนชาวหัวหินจำนวนมากร่วมในพิธี ด้วย จ.ศรีสะเกษ

แจ้งว่าคณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษ โดยพระครูภาวนาสีลวิสุทธิ์ วัดอุทยานธรรมดงยาง ได้กำหนดจัดโครงการจาริกธุดงค์ธรรมยาตราเผยแผ่ธรรมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อนำคณะสงฆ์ สามเณร อุบาสก ออกจาริกธุดงค์ ฝึกฝนขัดเกลาพัฒนาตนเองและเผยแพร่หลักธรรมคำสอนให้เกิดความเจริญในธรรมของพระพุทธศาสนา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

โดยในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทาน ให้ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุในโครงการดังกล่าว ประกอบด้วยพระภิกษุในไทย และจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าร่วมกว่า 500 รูป ซึ่งกำหนดเริ่มออกเดินจาริกธุดงค์ ในวันที่ 1 ธ.ค.67 – วันที่ 18 ม.ค.68 จากวัดมหาธาตุวชิรมงคล ต.นาเหนือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ผ่าน จ.พังงา ระนอง สุราษฎร์ธานี ชุมพร ประจวบฯ เพชรบุรี ราชบุรี และสิ้นสุดการจาริกธุดงค์ที่วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรวิหาร จ.นครปฐม

โดยในวันพรุ่งนี้ (9 ม.ค.68) คณะสงฆ์ฯ จะเข้าพักปฏิบัติธรรมจำวัดและทำภัตตกิจ ฉันภัตตาหารเพล ที่บ้านเพชรบำเพ็ญ ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ ต.ห้วยทรายเหนือ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี. 
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สวดมนต์ข้ามปี อาเซียน ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2568 ณ.วัดศรีโสภณธรรมทาน จ.บึงกาฬ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ ( 31ธันวาคม 2567) ณ วัดศรีโสภณธรรมทาน ตำบลบึงกาฬ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ พระครูวิสุทธิโพธารักษ์ เจ้าคณะอำเภอเมืองบึงกาฬ เจ้าอาวาสวัดศรีโสภณธรรมทาน ประธานฝ่ายสงฆ์ นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานฆราวาส

ในพิธีสวดมนต์ข้ามปี เสริมสิริมงคลทั่วไทย ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2568 และสวดมนต์ข้ามปีอาเซียน โดยมี นายนคร ศิริปริญญานันท์ รอง ผวจ.นายวรพันธ์ ชำนิยันต์ ปลัดจังหวัด นายสมหวัง อารีย์เอื้อ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดบึงกาฬกาฬ นายธีระพล ขุนพานเพิง นอภ.เมืองบึงกาฬ นายอภิชัย จำปานิล หน.สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบึงกาฬ

oplus_0

นางพัชรนันท์ แก้วจินดา วัฒนธรรมจังหวัดบึงกาฬ นางสาวรุงอรุณ ธิมาชัย ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบึงกาฬ นายชินท์ณภัทร ก้อนคำ ผอ.วิทยาลัยเทคนิคบึงกาฬ ส่วนราชการ พุทธศาสนิกชน ร่วมพิธีในงานจำนวนมาก ท่ามกลางอากาศหนาวและลมเย็น ประมาณ 13 องศาเซลเซียส
โดยงานเริ่มตั้งแต่ช่วงบ่ายสี่โมงเย็น นิทรรศการสวดมนต์ข้ามปี อาเซียน และองค์ความรู้พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ โบราณ“พระพุทธโสภณ หลวงพ่อพระสุก”

ต่อด้วย การแสดงศิลปวัฒนธรรมของนักเรียน โรงเรียนบึงกาฬ และการแสดง “หมอลำกลอนพื้นบ้าน” อำเภอโซ่พิสัย โดย สภาวัฒนธรรมจังหวัดบึงกาฬ และพิธีสักการะขอพร พระพุทธโสภณ (องค์หลวงพ่อพระสุก) พระพุทธรูปเก่าแก่สมัยล้านช้าง ปางมารวิชัยเนื้อทองสำริด การจัดแสดง และจำแหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย CPOT “นาคกี้” ของขวัญจากแม่น้ำโขง

วัดศรีสามัคคีธรรม อำเภอศรีวิไล และสุดท้ายพิธีสวดมนต์ข้ามปี ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสริมสิริมงคล เนื่องในเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2568 ภายหลังสวนมนต์ข้ามปีจบ นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผวจ.ได้ลั่นฆ้องชัยแสดงว่าขึ้นศักราชปีใหม่ของไทยแล้ว พระสงฆ์สวดชยันโตพร้อมกับพรมน้ำมนต์ให้รับเอาโชคเอาชัยในวันขึ้นปีใหม่ 2568 ถ้วนทั่วทุกคน
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พิธีฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธุ์ทางการทูตจีน-ไทย และ พิธีขอพรเทศการ อันเค่อเล่อ ครั้งที่ 9 จัดขึ้นที่ประเทศไทย

แชร์เนื้อหานี้

เพื่อตอบรับต่อความริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” และปฏิบัติตามแนวคิดการทูตที่เป็นมิตรและเอื้ออาทรต่อประเทศเพื่อนบ้าน สืบทอดประเพณีอันดีงามของการเป็นมิตรต่อเพื่อนบ้าน ส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนจีนและไทย เพิ่มพูนมิตรภาพระหว่างจีนและไทย และเพื่อให้พุทธศาสนาทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างอารยธรรม วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567  สมาคมพุทธศาสนาจีนถังมี่ และสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ร่วมกันจัดงาน “พิธีฉลองครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย และ พิธีขอพรเทศกาลอันเค่อเล่อ ครั้งที่ 9 จัดขึ้นที่ประเทศไทย” ณ อาคารหอการค้าไทย-จีน โดยได้รับการสนับสนุนจากสมาคมการค้าไทย-จีน และเศรษฐกิจเอเชีย ศูนย์ประสานงานการค้าและการลงทุนอาเซียน และสมาคมวิญญูชนไทย-จีน พระพรหมวัชรเมธี เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม หม่อมหลวงสุภาพ ปราโมช ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมการค้าไทยจีน-และเศรษฐกิจเอเชีย ดร.โภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ดร.พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ    ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นางสาว รุจิรา อารินทร์ รองผู้อำนวยการสำนักงานวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร  พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน นายบุญยงค์ ยงเจริญรัฐ รองประธานหอการค้าไทย-จีน นางเยเลนา มาเชนโก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย และตัวแทนจากวงการศาสนา การเมือง ธุรกิจ วัฒนธรรม และชุมชนชาวจีน รวมถึงบุคคลสำคัญอีกกว่า 600 ท่าน ได้เข้าร่วมพิธี ในครั้งนี้ พระอาจารย์จินเคอสวนเหลย แห่งพุทธวัชรยาน จงหัวถังมี่ เป็นประธานในพิธี และได้เจริญพุทธมนต์ขอพรให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีความเจริญรุ่งเรือง มนุษยชาติมีความสุข และโลกมีความสงบสุข

เพื่อตอบรับต่อความริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” และปฏิบัติตามแนวคิดการทูตที่เป็นมิตรและเอื้ออาทรต่อประเทศเพื่อนบ้าน สืบทอดประเพณีอันดีงามของการเป็นมิตรต่อเพื่อนบ้าน ส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนจีนและไทย เพิ่มพูนมิตรภาพระหว่างจีนและไทย และเพื่อให้พุทธศาสนาทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างอารยธรรม วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567  สมาคมพุทธศาสนาจีนถังมี่ และสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ร่วมกันจัดงาน “พิธีฉลองครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย และ พิธีขอพรเทศกาลอันเค่อเล่อ ครั้งที่ 9 จัดขึ้นที่ประเทศไทย” ณ อาคารหอการค้าไทย-จีน โดยได้รับการสนับสนุนจากสมาคมการค้าไทย-จีน และเศรษฐกิจเอเชีย ศูนย์ประสานงานการค้าและการลงทุนอาเซียน และสมาคมวิญญูชนไทย-จีน พระพรหมวัชรเมธี เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม หม่อมหลวงสุภาพ ปราโมช ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมการค้าไทยจีน-และเศรษฐกิจเอเชีย ดร.โภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ดร.พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ    ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นางสาว รุจิรา อารินทร์ รองผู้อำนวยการสำนักงานวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร  พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน นายบุญยงค์ ยงเจริญรัฐ รองประธานหอการค้าไทย-จีน นางเยเลนา มาเชนโก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย และตัวแทนจากวงการศาสนา การเมือง ธุรกิจ วัฒนธรรม และชุมชนชาวจีน รวมถึงบุคคลสำคัญอีกกว่า 600 ท่าน ได้เข้าร่วมพิธี ในครั้งนี้ พระอาจารย์จินเคอสวนเหลย แห่งพุทธวัชรยาน จงหัวถังมี่ เป็นประธานในพิธี และได้เจริญพุทธมนต์ขอพรให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีความเจริญรุ่งเรือง มนุษยชาติมีความสุข และโลกมีความสงบสุข

ณ ห้องกวางฮวา อาคารหอการค้าไทย-จีนได้จัดแสดงผลงานศิลปะและวัฒนธรรมมันดาลาจินเคอแห่งพุทธวัชรยานจงหัวถังมี่กว่าร้อยชิ้นซึ่งเป็นผลงานการสร้างสรรค์อันประณีตของพระอาจารย์จินเคอสวนเหลย และคณะศิษย์ ประกอบด้วย ภาพวาด จิตรกรรม ประติมากรรม และเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งได้รับการยกย่องชื่นชมเป็นอย่างสูง ในงานนี้ยังได้จัดแสดงภาพวาดศิลปะมันดาลาจินเคอแห่งพุทธวัชรยานจงหัวถังมี่ ขนาดใหญ่ 3 ภาพ ได้แก่ “โลกเป็นหนึ่ง สันติสุขทั่วโลก” “มิตรภาพไทย-จีน สืบสานตลอดกาล” และ “เสียงแห่งอิสระ” ซึ่งแสดงถึงความปรารถนาดีที่มีต่อมิตรภาพระหว่างจีนและไทย ตลอดจนสันติสุขของโลก เมื่อภาพวาดทั้งสามถูกเปิดเผยออกมานั้น ได้รับเสียงปรบมือดังกึกก้องจากผู้เข้าร่วมงาน และต่างพากันเข้ามาถ่ายภาพร่วมกับพระอาจารย์และเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม ณ บริเวณภาพวาด

“ผู้ที่มีความมุ่งมั่นเดียวกัน แม้จะอยู่ห่างไกลกันดั่งภูเขาและทะเล ก็ไม่อาจขวางกั้นได้” ตัวแทนจากวงการศาสนา การเมือง ธุรกิจ และวัฒนธรรมทั่วโลกได้มารวมตัวกันในครั้งนี้ เพื่อร่วมกันสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างจีนและไทย ในด้านศาสนา วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ โดยการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหารือเกี่ยวกับโอกาสในการร่วมมือ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเข้าใจอันดีและความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างประชาชนชาวจีนและนานาชาติ อีกทั้งยังเป็นการปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความเมตตาต่อกัน

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเคยกล่าวไว้ว่า: “เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาสันติภาพและส่งเสริมการสร้างชุมชนที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมนุษยชาติ ชาวจีนสืบทอดแนวคิดเรื่องสันติภาพ ความสามัคคี และความกลมเกลียว… ” ท่านเน้นย้ำว่า: ” แนวร่วมเป็นเครื่องมือสำคัญของพรรคในการเอาชนะศัตรูและปกครองประเทศ เป็นเครื่องมือสำคัญในการรวมชาวจีนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อบรรลุการฟื้นฟูชาติที่ยิ่งใหญ่ของจีน ซึ่งต้องยึดมั่นในระยะยาว ……ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างพรรคการเมือง ชาติพันธุ์ ศาสนา และชนชั้น รวมถึงชาวจีนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างความสามัคคีและร่วมกันสร้างสรรค์ประเทศชาติให้มีความเจริญก้าวหน้าและแข็งแกร่ง เพื่อบรรลุเป้าหมายในการสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ที่เข้มแข็งและฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของชาติจีน

เพื่อตอบสนองต่อคำเรียกร้องของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พระอาจารย์จินเคอสวนเหลยได้อุทิศตนในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างศาสนาและวัฒนธรรมที่หลากหลายในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อส่งเสริมความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค และสืบทอดมรดกอันดีงามของการเป็นมิตรต่อเพื่อนบ้าน ส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างกัน และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวัฒนธรรม พระอาจารย์มีความปรารถนาที่จะนำพาศิษย์ นักธุรกิจ และชาวจีนทั้งในและต่างประเทศ ร่วมกันสร้างแท่นพิธีขอพรเพื่อสันติภาพโลกแห่งพุทธวัชรยานจงหัวถังมี่ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้โลกได้รู้จักภูมิภาคนี้มากขึ้น และร่วมกันเผยแผ่หลักธรรมแห่งความเมตตาและการให้ โดยหวังว่าจะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองและความสุขแก่ประชาชนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และสันติสุขทั่วโลก

เพื่อเสริมสร้างความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมจีนในหมู่ชาวจีนโพ้นทะเล พระอาจารย์ได้เดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพื่อเป็นกำลังใจให้ชาวจีนโพ้นทะเลให้เข้าร่วมในสังคมท้องถิ่น และสืบทอดคุณธรรมจริยธรรมอันดีงามของชาวจีน เพื่อให้วัฒนธรรมจีนได้รับการยอมรับและเคารพในระดับสากล นอกจากนี้ พระอาจารย์ยังให้คำแนะนำและกำลังใจแก่ชาวจีนโพ้นทะเลในด้านชีวิต การงาน และความเชื่อ นายเฉิน เว่ยผิง ประธานกรรมการสมาคมมิตรภาพชาวจีนโพ้นทะเล ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมจื่อเซียวตู้ชิ่นแห่งอเมริกา รองประธานและเลขาธิการสมาคมพุทธศาสนาจีนถังมี่ได้กล่าวว่า“50 ปีทองแห่งมิตรภาพไทย-จีน” เป็นแบบอย่างแห่งสันติภาพ และเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนของประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ การจัดงานครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้คนทั่วโลกได้ร่วมกันส่งเสริมหลักธรรมแห่งเมตตาและปัญญาของพระพุทธศาสนา เพื่อสร้างสรรค์ความสามัคคีของมนุษย์ชาติ โดยก้าวข้ามขอบเขตทางภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม และศาสนา ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์แห่งมิตรภาพระหว่างจีนและไทย และเป็นการเปิดฉากใหม่แห่งสันติภาพและมิตรภาพ พระอาจารย์จินเคอสวนเหลย ได้เน้นย้ำว่า สันติภาพและการพัฒนาคือหัวข้อสำคัญของยุคสมัย การฟื้นฟูชาติและการรวมประเทศเป็นแนวโน้มทางประวัติศาสตร์ เป็นความปรารถนาร่วมกันของลูกหลานชาวจีนทุกคน ภายใต้การนำทางของพระอาจารย์ กิจกรรมแลกเปลี่ยนเพื่อส่งเสริมอารยธรรมจีนอันดีงามที่จัดโดยสมาคมพุทธศาสนาจีนถังมี่ ได้แสดงให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะของชนชาติจีนที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ สร้างความปรองดอง ร่วมมืออย่างฉันมิตร เปิดใจรับฟัง และร่วมมือกันก้าวไปข้างหน้า ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของลูกหลานชาวจีนทั้งในและต่างประเทศที่ร่วมมือกันสร้างความผาสุกอันยั่งยืนของชนชาติจีน พวกเราหวังว่า ด้วยความสามัคคีและความมุ่งมั่นของลูกหลานชาวจีนทุกคน และการรวมพลังกับทุกภาคส่วนทั้งในและต่างประเทศ จะร่วมกันส่งเสริมสันติภาพ สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ชาวจีน และนำไปสู่การฟื้นฟูชาติ

หม่อมหลวงสุภาพ ปราโมช ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมการค้าไทยจีน-และเศรษฐกิจเอเชีย เล่าถึงความผูกพันอันยาวนานกับพระอาจารย์ ท่านยกย่องอุปนิสัยและปฏิภาณของพระอาจารย์ ใช้ปัญญาอันลึกซึ้งและเมตตาอันเปี่ยมล้น เสริมสร้างสัมพันธภาพทางจิตใจระหว่างประชาชนทั้งสองชาติ ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมระหว่างไทยและจีน เมตตาจิตอันยิ่งใหญ่ของพระอาจารย์ เปรียบเสมือนดวงประทีปที่ส่องสว่าง แผ่รัศมีแห่งปัญญาไปทั่ว เป็นผู้ริเริ่มและนำทางให้เราได้มาพบปะกันในวันอันเป็นมงคลนี้ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองมิตรภาพระหว่างไทยและจีน และความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา

ดร.โภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ได้กล่าวขอบคุณพระอาจารย์จินเคอสวนเหลย ที่ได้นำวัฒนธรรมจีนอันดีงามมาสู่ประเทศไทย และได้อธิษฐานขอพรให้ประชาชนมีความสุขและสันติสุขทั่วโลก ท่านยังได้แสดงความชื่นชมในความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ และได้อวยพรให้กิจกรรมในครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีนจะร่วมมือกับสมาคมพุทธศาสนาจีนถังมี่ เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างไทยและจีน ให้ประชาชนของทั้งสองประเทศได้มีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น และเพื่อให้จิตวิญญาณของ ครอบครัวไทย-จีน สืบทอดต่อไป และร่วมกันสร้างอนาคตที่สดใส

ดร.พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ    ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม ได้กล่าวว่า ไทย-จีน มีมิตรภาพและวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งมายาวนาน ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ทั้งสองประเทศได้ก้าวไปด้วยกันและมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่เฟื่องฟู สร้างประโยชน์ให้กับประชาชนของทั้งสองประเทศ พระอาจารย์จินเคอสวนเหลยได้ถ่ายทอดจิตวิญญาณของถังมี่ มายังประเทศไทย ส่งมอบศิลปวัฒนธรรมมันดาลาถังมี่ อันทรงคุณค่าสำหรับชาวไทย เสริมสร้างความงดงามแห่งศิลปะพระพุทธศาสนา และเผยแพร่ความรู้และความรักอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนา ขอให้ดอกไม้ไฟในงานเฉลิมฉลองศรัทธานี้จุดประกายความหวังของการเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม และเขียนบทใหม่ของมิตรภาพไทย-จีน

นางสาว รุจิรา อารินทร์ รองผู้อำนวยการสำนักงานวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร กล่าวถึงผลสำเร็จของความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างไทย-จีน โดยระบุว่าประชาชนของทั้งสองประเทศยังคงรักษามิตรภาพและความร่วมมือที่แน่นแฟ้นอยู่เสมอ ขณะที่ความริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ได้ดำเนินไปอย่างลึกซึ้ง อุตสาหกรรมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระหว่างไทยและจีนได้มีโอกาสพัฒนาที่ไม่เคยมีมาก่อน ท่านยังได้ยกย่องบทบาทเชิงบวกของงานเฉลิมฉลองนี้ที่ช่วยเสริมสร้างมิตรภาพและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ขอบคุณพระอาจารย์ที่ได้แบ่งปันศิลปะวัฒนธรรมของมันดาลาถังมี่ให้กับชาวกรุงเทพฯ ซึ่งสะท้อนถึงความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างไทย-จีนในด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว โดยหวังว่าจะมีการเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศเพื่อให้ประชาชนของทั้งสองประเทศได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง

นายบุญยงค์ ยงเจริญรัฐ รองประธานหอการค้าไทย-จีน ได้กล่าวปราศรัยในงานนี้ โดยเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของหอการค้าไทย-จีน ที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างจีนและไทยในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสังคม ท่านได้กล่าวถึงความสำคัญของการรวมพลังชาวจีนโพ้นทะเล เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูชาติจีน และการส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคี เพื่อความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ ท่านยังได้กล่าวขอบคุณพระอาจารย์ และชื่นชมในความทุ่มเทของพระอาจารย์ ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวจีนโพ้นทะเล การส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจ และการเสริมสร้างความเชื่อมั่น

นางเยเลนา มาเชนโก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย กล่าวว่า เดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2562 เนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างรัสเซียกับจีน ตามคำเชิญของสภาดูมาแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย สมาคมมิตรภาพรัสเซีย-จีน และสมาคมศิลปินรัสเซีย พระอาจารย์จินเคอสวนเหลย ได้เข้าร่วมใน “พิธีฉลองครบรอบ 70 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างรัสเซียกับจีน และเวทีฟอรัมทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจรัสเซีย-จีน” ท่านเอกอัครราชทูตจีนประจำรัสเซีย จางฮั่นฮุย รองประธานคนแรกของสมาคมมิตรภาพรัสเซีย-จีน คูลิโควา และสมาชิกสภาดูมาแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย อาดูกิเยฟ บาโต ได้กล่าวชื่นชมและยกย่องพระอาจารย์อย่างสูงต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัสเซียกับจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปะและวัฒนธรรมมันดาลาจินเคอแห่งพุทธวัชรยานจงหัวถังมี่ที่พระอาจารย์ได้สร้างสรรค์ขึ้นนั้น ได้ผสมผสานแก่นแท้ของอารยธรรมจากหลายประเทศเข้าด้วยกัน และก้าวข้ามขีดจำกัดของประเทศชาติ ศิลปะและวัฒนธรรมทางศาสนานี้เองที่เป็นสะพานเชื่อมโยงจิตใจระหว่างจีนกับประเทศต่างๆ ตามแนว “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ชาวจีนโพ้นทะเลท่านหนึ่งกล่าวด้วยความตื้นตันใจว่า เพื่อเสริมสร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันในวัฒนธรรมจีนของชาวจีนโพ้นทะเล พระอาจารย์จินเคอสวนเหลย ได้ให้

กำลังใจแก่เราชาวจีนโพ้นทะเล ให้จดจำแก่นแท้ของวัฒนธรรมจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสืบทอดคุณธรรมอันดีงามของชาวจีน เช่น ความกตัญญู ความซื่อสัตย์ และความเมตตา พระอาจารย์เปรียบเสมือนดวงประทีปที่นำทางชาวจีนโพ้นทะเลทุกคนที่กำลังดิ้นรนในต่างแดน ให้มีกำลังใจและความกล้าหาญในการก้าวเดินต่อไป

ศาสตราจารย์ลี่เจียนฟู ผู้เชี่ยวชาญด้านวัชรยานที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ จากมหาวิทยาลัยซื่อชวน ประเทศจีน ศาสตราจารย์หลี่ลี่อัน ผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาทางศาสนา มหาวิทยาลัยซีเป่ย ประเทศจีน และศาสตราจารย์หวังอี้หมิง ผู้เชี่ยวชาญด้านวัชรยานตะวันออก จากมหาวิทยาลัยครูหัวหนัน ประเทศจีน ได้เข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนครั้งนี้ และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน อกจากนี้ ศาสตราจารย์จางเป่าเซิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาสันสกฤต จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง และศาสตราจารย์หวังจื่อหยวน ที่ปรึกษาสมาคมศาสนวิทยาแห่งประเทศจีน และนักวิจัยจากสถาบันวิจัยศาสนาโลก สังคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน ได้ส่งสาส์นแสดงความยินดีมาด้วย พวกเขาระบุว่าจะยังคงส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวัฒนธรรมพุทธระหว่างจีนและไทย และส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันของวัฒนธรรมพุทธในทั้งสองประเทศ

ชาวจีนโพ้นทะเลได้นำเสนอการแสดงร้องเพลงและการเต้นที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ของชาวจีน ซึ่งเป็นสีสันที่เพิ่มความงดงามให้กับกิจกรรมในครั้งนี้ การแสดงนางฟ้าที่เต้นอย่างสง่างดงาม และการแสดงเปลี่ยนหน้ากากมันดาลาวัชระได้สร้างสรรค์ภาพที่สวยงามและความหมายอันลึกซึ้งทางจิตวิญญาณ ซึ่งได้มอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจและไม่เหมือนใครให้แก่ผู้เข้าร่วมงานและผู้ศรัทธาทุกท่าน

“50 ปีทองแห่งมิตรภาพไทย-จีน” นับเป็นผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่ทั้งสองประเทศได้ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้นมาภายใต้หลักการของความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มิตรภาพของไทยและจีนได้กลายเป็นแบบอย่างของสันติภาพและความร่วมมือในระดับนานาชาติ ในงานเฉลิมฉลองครั้งนี้ พระสงฆ์ผู้ทรงคุณวุฒิ บุคคลสำคัญทางการเมือง และผู้นำทางธุรกิจ ได้มารวมตัวกัน โดยมีเมตตาธรรมเป็นพื้นฐาน และมิตรภาพไทย-จีนเป็นสายใยที่ผูกพัน เพื่อร่วมกันศึกษาถึงบทบาทของพระพุทธศาสนาที่มีต่อการพัฒนาสังคมในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการสานต่อมิตรภาพอันดีระหว่างทั้งสองประเทศให้ยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้น และเป็นการสร้างสรรค์สันติภาพและความสงบสุขให้แก่โลก

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/ตร.สันติบาล จัดกิจกรรมเข้าวัด ฟังธรรม ทำความดีด้วยหัวใจ เฉลิมพระเกียรติ ในหลวง ร. 10

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 8 ธ.ค.67 เวลา 09.30 น. ที่วัดป่าบ้านพันลำ ตำบลวิศิษฐ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ หน่วยสันติบาลจังหวัดบึงกาฬ จัดกิจกรรมเข้าวัด ฟังธรรม ทำความดีด้วยหัวใจ เฉลิมพระเกียรติ ในหลวง รัชกาลที่ 10 โดยมี พ.ต.ท.พิพัฒน์ เจริญเดชธนกิจ หัวหน้าหน่วยตำรวจสันติบาลบึงกาฬ กก.2 บก.ส.1 เปิดเผยว่า กิจกรรมเข้าวัด ฟังธรรม ทำความดีด้วยหัวใจ

โดยกองบัญชาการตำรวจสันติบาล มีพันธกิจหลักสำคัญในการถวายความปลอดภัยพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ การบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความยุติธรรมทางอาญา รักษาความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงของราชอาณาจักร และความปลอดภัยของประชาชนอันเป็นประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน ซึ่งเน้นในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1

ซึ่งรับผิดชอบการสืบสวนหาข่าว ที่เกี่ยวข้องความมั่นคง ในพื้นที่ 20 จังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 จึงได้จัดทำกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวง รัชกาลที่ 10 เพื่อพัฒนาจริยธรรม คุณธรรม และ จิตใจของข้าราชการตำรวจ เพื่อเสริมความรู้ คำสอนของพระพุทธเจ้า ฝึกสมาธิ ปัญญา การให้ทาน เสียสละ และเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมระหว่างตำรวจสันติบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับจิตใจเป็นสาธารณะกุศล ช่วยเหลือผู้อื่น และ ความรัก ความสามัคคี ในองค์กร

หัวหน้าหน่วยตำรวจสันติบาลบึงกาฬ กก.2 บก.ส.1 ได้นำข้าราชการตำรวจในสังกัดทุกนาย เข้าร่วมกิจกรรม เข้าวัดฟังธรรม คำสั่งสอนจาก พระภิกษุสงฆ์ บำเพ็ญกุศล ถวายสังฆทาน โดยมีพระอาจารย์สมบัติ สัมปัตติธารโก เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านพันลำ นำสวดมนต์เช้าและบรรยายธรรม จากนั้นหัวหน้าหน่วยตำรวจสันติบาลบึงกาฬ กก.2 บก.ส.1 ได้นำข้าราชการตำรวจในสังกัดทุกนาย บำเพ็ญประโยชน์สาธารณะ จิตอาสา ทำดีด้วยหัวใจ ทำความสะอาดลานวัด เพื่อความสะอาดเรียบร้อย

นอกจากนี้กิจกรรมดังกล่าวได้แสดงออกถึงความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้รับความรู้เกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า เข้าใจหลักธรรม ได้รับอานิสงส์จากการเข้าวัดฟังธรรม ทำบุญ จิตใจเบิกบาน และได้บำเพ็ญสาธารณะกุศล เป็นส่วนรวมอีกด้วย
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326