คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวสังคม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /พิธีรับรางวัลลูกโลกสีเขียว ประเภทสิปปนนท์ เกตุทัต รางวัลแห่งความยั่งยืน ครั้งที่23/ 2568 ณ สถาบันลูกโลกสีเขียว / ธ.ก.ส. ผนึก ซีพีน่าน เดินหน้าเสริมองค์ความรู้ หนุนปลูกผักมูลค่าสูงเพิ่มรายได้ เมื่อเร็วๆ นี้

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 25มิถุนายน 2568 นำโดยผู้ใหญ่นัยนา ฑีฆาวงค์ พร้อมด้วยคณะกรรมการหมู่บ้าน ได้เข้าพิธีรับรางวัลลูกโลกสีเขียว ประเภทสิปปนนท์ เกตุทัต รางวัลแห่งความยั่งยืน ครั้งที่23/ 2568 ณ สถาบันลูกโลกสีเขียว 🌱

ชุมชนที่มีผลงานดีเด่นในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างต่อเนื่องและผ่านการประเมินในรอบ 5 ปี ประเภทสิปปนนท์ เกตุทัต รางวัลแห่งความยั่งยืน ในวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ณ อาคารสำนักงานใหญ่ ปตท. กรุงเทพฯ

🏆 ประเภทสิปปนนท์ เกตุทัต รางวัลแห่งความยั่งยืน

ชุมชนบ้านห้วยหาด ตำบลอวน อำเภอปัว จังหวัดน่าน
🌱ชุมชนบ้านห้วยหาด ชุมชน ห้วยหาด อำเภอปัว จังหวัดน่าน
ผลงานรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 23
ประเภทสิปนนท์ เกตุทัต รางวัลแห่งความยั่งยืน

บทเรียนแห่งการปรับตัว ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และพัฒนาอย่างยั่งยืน
.ท่ามกลางหุบเขาในอำเภอปัว จังหวัดน่าน ชุมชนบ้านห้วยหาด ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อ เคยใช้ชีวิตเรียบง่ายภายใต้ระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ ป่าไม้และลำน้ำห้วยหาดเป็นแหล่งอาหารแหล่งน้ำของชุมชน แต่เมื่อการทำเกษตรเชิงเดี่ยวเข้ามา พื้นที่ป่าถูกแปรสภาพเป็นไร่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ การใช้สารเคมีอย่างหนักส่งผลให้แหล่งน้ำปนเปื้อนจนไม่สามารถใช้บริโภคได้ ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง สัตว์น้ำและพืชป่าหายไป คนในชุมชนเริ่มเผชิญกับปัญหาสุขภาพและหนี้สิน จุดเปลี่ยนและการตระหนักรู้

เมื่อชาวบ้านพบว่าแหล่งน้ำที่เคยใสสะอาดกลายเป็นน้ำที่ใช้ไม่ได้ และต้องซื้อจากภายนอก พวกเขาเริ่มตระหนักถึงผลกระทบจากการพึ่งพาเกษตรเชิงเดี่ยวที่ใช้สารเคมีสูง อีกทั้งยังพบว่าสารพิษตกค้างในร่างกายของคนในชุมชนสูงเกินค่ามาตรฐาน ความอยู่รอดของชุมชนไม่สามารถพึ่งพาแนวทางเดิมได้อีกต่อไป บ้านห้วยหาดจึงตัดสินใจปรับเปลี่ยนแนวทางการพัฒนา มุ่งสู่การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ควบคู่กับการสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
.จากไร่ข้าวโพดสู่การฟื้นฟูป่าและเกษตรอินทรีย์
ด้วยความร่วมมือของคนในชุมชน บ้านห้วยหาดได้เลิกปลูกข้าวโพด หันมาทำเกษตรผสมผสาน และ ฟื้นฟูป่าและลำน้ำห้วยหาด ชาวบ้านเริ่มปลูกป่าทดแทน ทำแนวกันไฟป่า และสร้างฝายชะลอน้ำกว่า 20 แห่งเพื่อรักษาระบบนิเวศ การฟื้นฟูแหล่งต้นน้ำกลายเป็นภารกิจสำคัญ ของชุมชน พวกเขาออกลาดตระเวนป่า ปลูกต้นไม้ริมลำห้วย และมีการบวชป่าเพื่อสร้างจิตสำนึกในการดูแลทรัพยากร

ผลที่เกิดขึ้นคือ แหล่งน้ำของบ้านห้วยหาดกลับมามีคุณภาพดีขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถนำมาใช้ผลิตน้ำดื่มสะอาดให้กับคนในชุมชนได้ ซึ่งช่วยให้ชาวบ้านเข้าถึงน้ำสะอาดโดยไม่ต้องซื้อจากภายนอก อีกทั้งยังจำหน่ายให้กับพื้นที่ใกล้เคียง สร้างรายได้หมุนเวียนในชุมชน
นอกจากนี้ การอนุรักษ์แหล่งน้ำยังส่งผลให้ “ปลามัน” ซึ่งเป็นปลาพื้นถิ่น เคยหายไปจากลำน้ำห้วยหาด กลับมาเพิ่มจำนวนขึ้น และกลายเป็นแหล่งอาหารและรายได้สำคัญของชุมชน
การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนจากฐานทรัพยากรท้องถิ่น
เมื่อป่าฟื้น น้ำกลับมาใสสะอาด ชุมชนก็สามารถพัฒนาทางเศรษฐกิจโดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างยั่งยืน โดยมี
กลุ่มวิสาหกิจชุมชน เช่น การทอผ้าไทลื้อที่ใช้สีจากเปลือกไม้ธรรมชาติ การทำไม้กวาดดอกก๋ง จักสาไม้ไผ่ และแปรรูปสมุนไพรจากป่าชุน
การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยเปิดโฮมสเตย์ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเรียนรู้วิถีชีวิตพอเพียง ชิมอาหารชุมชน และสัมผัสธรรมชาติ
เกษตรอินทรีย์ ชุมชนหันมาทำนาขั้นบันได เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ และปลูกพืชผักปลอดสารพิษ

บทเรียนของบ้านห้วยหาด : เมื่อชุมชนเป็นผู้กำหนดอนาคตของตนเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นที่บ้านห้วยหาดไม่ใช่เพียงแค่การฟื้นฟูธรรมชาติ แต่คือการคืนความมั่นคงให้กับวิถีชีวิต และเศรษฐกิจชุมชน เมื่อคนในชุมชนสามารถร่วมกันคิด วิเคราะห์ และหาทางออกจากวิกฤตโดยไม่ต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอกมากนัก
บ้านห้วยหาดในวันนี้เป็นหมู่บ้านที่พึ่งพาตนเองได้ จากชุมชนที่เคยต้องซื้อน้ำจากภายนอก พวกเขากลับสามารถผลิตน้ำดื่มของตนเองได้ จากชุมชนที่เคยต้องพึ่งพาเกษตรเชิงเดี่ยว วันนี้พวกเขามีเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เกิดจากทรัพยากรที่ดูแลด้วยมือของตัวเอง

นี่คือบทเรียนของการพัฒนาอย่างยั่งยืน เมื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเศรษฐกิจสามารถไปด้วยกันได้ หากการจัดการทรัพยากรเป็นไปอย่างรู้คุณค่าและมีส่วนร่วมจากคนในชุมชน

สถาบันลูกโลกสีเขียว #รางวัลลูกโลกสีเขียว #บ้านห้วยหาด #ชุมชนบ้านห้วยหาด/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

ธ.ก.ส. ผนึก ซีพีน่าน เดินหน้าเสริมองค์ความรู้ หนุนปลูกผักมูลค่าสูงเพิ่มรายได้ เมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ร่วมกับ เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยสำนักงานด้านความยั่งยืนและพัฒนาชุมชน จังหวัดน่าน (ซีพีน่าน) ได้ร่วมกับเดินหน้าจัดอบรมหลักสูตรเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ลูกหนี้รายย่อย ภายใต้มาตรการพักชำระหนี้ของรัฐบาล ระยะที่ 2 โดยมีเป้าหมายหลักในการยกระดับอาชีพ เพิ่มพูนรายได้ และเสริมทักษะการผลิต เพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยสามารถกลับมาชำระหนี้ได้อย่างยั่งยืน

นายบัญชา โชติกำจร ผู้อำนวยการสำนักงานด้านความยั่งยืนและพัฒนาชุมชน จ.น่าน เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า โครงการนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 มุ่งเน้นการอบรมเชิงปฏิบัติการที่ช่วยฟื้นฟูทักษะด้านการประกอบอาชีพ และส่งเสริมการผลิตแบบ

“ทำน้อย ได้มาก” ผ่านแนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ตัวอย่างเช่น การแนะนำการปลูกพืชมูลค่าสูงอย่างผักสลัด ผักเคล และผักสวนครัวปลอดภัย รวมถึงการพัฒนาอาชีพเดิมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วยการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และยกระดับมาตรฐานสินค้าเพื่อการแข่งขันในตลาดที่มีมูลค่าสูง

ปัจจุบันมีลูกค้า ธ.ก.ส. ที่ได้เข้ารับการอบรมผ่าน “โครงการซีพีความดี ชุมชนยั่งยืน” จ.น่าน ไปแล้วรวม 1,725 ราย โดย ธ.ก.ส. ได้ให้การสนับสนุนสินเชื่อฟื้นฟูอาชีพในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ด้วยอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำไปลงทุนปรับเปลี่ยนการผลิต ขยายอาชีพ ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และเสริมศักยภาพในการชำระหนี้หลังสิ้นสุดมาตรการ

ทั้งนี้ “โครงการซีพีความดี ชุมชนยั่งยืน” โดยซีพีน่านและ ธ.ก.ส. ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมอาชีพและฟื้นฟูศักยภาพของลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2568 เพื่อร่วมกันสร้างงาน สร้างรายได้ และช่วยให้เกษตรกรสามารถหลุดพ้นจากกับดักหนี้ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สภ.ห้วยยาง ร่วมพิธีบวงสรวง และทำบุญให้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ / เอสวีแอล กรุ๊ป ร่วมต้อนรับผู้ตรวจราชการฯ ส่งเสริมภาครัฐ โครงการ “แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง”

    แชร์เนื้อหานี้

    วันนี้ 26 มิ.ย.2568 เวลา 09.09.น. พ.ต.อ.วีระพัฒน์ เกตุษา ผกก.สภ.ห้วยยาง พ.ต.ท.จตุพงษ์ แป้นเขียว รอง ผกก.สอบสวน.สภ.ห้วยยาง พ.ต.ท.กฤษดา เหนี่ยวพึ่ง สวป.สภ.ห้วยยาง พ.ต.ท.ทรงศักดิ์ รัศมีสว.อก.สภ.ห้วยยาง น.ส.อุษณีย์ ทอดสนิทกำนัน ต.ห้วยยางพร้อมข้าราชการตำรวจ สภ.ห้วยยาง
    และ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และ ประชาชนในตำบลห้วยยาง

    เข้าร่วมพิธีบวงสรวง และทำบุญ ให้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นศิริมงคล ณ วัดประชาสนธิ (น้ำตกห้วยยาง) ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จว.ประจวบคีรีขันธ์

    /////////////////

    ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

    เอสวีแอล กรุ๊ป ร่วมต้อนรับผู้ตรวจราชการฯ ส่งเสริมภาครัฐ โครงการ “แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง”

    เอสวีแอล กรุ๊ป (SVL Group) ร่วมให้การต้อนรับ นายสราวุฒิ ธนาเจริญสกุล ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง เขต 4 ในโอกาสเดินทางลงพื้นที่พร้อมคณะกรรมการตรวจประเมินฯ ภายใต้โครงการคัดเลือกหมู่บ้านเข้มแข็งตามแนวทาง “แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง” (หมู่บ้านอยู่เย็น) ประจำปี 2568 ระดับเขต เขตตรวจราชการที่ 4 ครอบคลุมกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร ซึ่งจัดขึ้น ณ ศาลาประชาคม หมู่ 4 บ้านระหาร ต.กำเนิดนพคุณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ โดยมีนายสุธี เล้าสุบินประเสริฐ ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนายสุทิน ประเสริฐศักดิ์ นายอำเภอบางสะพาน พร้อมด้วยผู้นำท้องที่ท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับคณะกรรมการฯ ในโอกาสที่บ้านระหาร ผ่านการคัดเลือกในระดับจังหวัดฯ
    นางสาววันวิสาข์ หุ้นจิ้น ผู้จัดการส่วนชุมชนสัมพันธ์และพัฒนาชุมชน นำทีมในฐานะเป็นพี่เลี้ยงด้านงานพัฒนาชุมชน ในนามภาคเอกชน เอสวีแอล กรุ๊ป (SVL Group) ได้ร่วมดำเนินรายการตลอดงาน พร้อมถือโอกาสนำเสนอภาพรวมบทบาทของ SVL Group ผ่านบูธนิทรรศการที่สะท้อนความร่วมมือกับภาคประชาชนในมิติต่างๆ ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะโครงการสนับสนุนการพัฒนาหมู่บ้านอย่างยั่งยืน ที่ส่งเสริมงานพัฒนาชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง
    การตรวจประเมินในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นเวทีแสดงศักยภาพของชุมชน แต่ยังสะท้อนถึงบทบาทของ SVL Group ในการสนับสนุนการพัฒนาเชิงพื้นที่อย่างมีส่วนร่วม ซึ่งได้รับความชื่นชมจากคณะผู้ตรวจราชการฯ โดยเฉพาะการเป็นพันธมิตรภาคเอกชนที่มีวิสัยทัศน์ร่วมสร้างชุมชนเข้มแข็งตามแนวทาง “แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง”
    นอกจากนี้ SVL Group ยังคงยึดมั่นในพันธกิจ “เติบโตเคียงข้างชุมชน” พร้อมเดินหน้าสนับสนุนและเสริมพลังให้ชุมชนไทยก้าวสู่ความเข้มแข็งในทุกมิติ ตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ

    /////////////////////

    ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สุดยิ่งใหญ่เปิดมหกรรมทุเรียนชุมพร Chumphon Durian Expo 2025

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อเวลา 17.30 .วันที่ 26 มิถุนายน 2568 ที่เวทีชั่วคราว ภายในโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร นายเธียรชัย ชูกิตติ

    วิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “มหกรรมทุเรียนคุณภาพ” (Chumphon Durian Expo 2025) โดยมี นายสุบรรณ์ รักษ์ทอง เกษตรจังหวัดชุมพร ให้การต้อนรับและกล่าวรายงาน

    นายเธียรชัย กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการจัดงานดังกล่าว เพื่อผลักดันจังหวัดชุมพรสู่การเป็น “ศูนย์กลางนวัตกรรมทุเรียน” ของประเทศไทย ด้วยการส่งเสริมการผลิตทุเรียนคุณภาพ การดูแลรักษา และการควบคุมมาตรฐานสินค้า เพื่อยก

    ระดับผลผลิตให้ตอบโจทย์ตลาดผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางรายได้แก่เกษตรกร

    นายสุบรรณ์ กล่าวว่า จังหวัดชุมพรเป็นแหล่งผลิตทุเรียนสำคัญของภาคใต้ มีการขยายพื้นที่ปลูกอย่างต่อเนื่อง ในปี 2568 ชุมพรมีพื้นที่ปลูกกว่า 334,576 ไร่ ส่งออกทุเรียนไปสู่ประเทศจีนมากถึง 60%

    งานมหกรรมทุเรียนคุณภาพชุมพร กำหนดจัดระหว่างวันที่ 26-28 มิถุนายน 2568 มีกิจกรรมมากมาย เช่น กิจกรรมวิชาการเพื่อการผลิตทุเรียน การเสวนาวิชาการ

    นิทรรศการนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร การสาธิตการดูแบรักษาทุเรียน การแปรรูปและเพิ่มมูลค่า กิจกรรมชิม ช้อป สินค้าทุเรียนและผลิตภัณฑ์แปรรูปทุเรียนจากชุมชน และการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง

    ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514

    เด็กไทยว่ายน้ำได้ เปิดฝึกทักษะว่ายน้ำเพื่อป้องกันการจมน้ำ ภายใต้โครง การฝึกทักษะว่ายน้ำเพื่อป้องกันการจมน้ำ
    ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514

    วันนี้ (25 มิ.ย. 68) นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการเด็กไทยว่ายน้ำได้จังหวัดชุมพรประจำปี 2568 ในการฝึกทักษะว่ายน้ำเพื่อป้องกันการจมน้ำ ณ สระว่ายน้ำโรงเรียนมันตานุสรณ์ ตำบลตากแดด อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร โดยมีเด็ก เยาวชน ให้ความสนใจสมัครเข้าร่วม ฝึกอบรม จำนวน 140 คน ซึ่งโครงการฯดังกล่าวเป็นการส่งเสริมให้เด็ก และเยาวชน มีทักษะการว่ายน้ำ สามารถเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำ และรู้หลักการใช้อุปกรณ์ในการช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำได้

    นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่า การจมน้ำเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ในกลุ่มเด็กอายุ 5 -14 ปี และเป็นอันดับต้นๆ ของเด็กไทยโดยรวม โดยในแต่ละวันมีคนไทยเสียชีวิตจากการจมน้ำประมาณ 10 คน ซึ่ง 1 ใน 5 เป็นเด็กอายุ ต่ำกว่า 15 ปีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายแห่งในประเทศไทยได้ ร่วมกันขับเคลื่อนมาตรการป้องกันการจมน้ำในเด็ก โดยเน้นย้ำ

    ในประเด็นสำคัญ คือการสอนให้เด็กว่ายน้ำเป็น และมีทักษะด้านความปลอดภัยทางน้ำสำหรับเด็กวัยเรียน และในปัจจุบันมีสถานศึกษาต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับการเรียนว่ายน้ำ และมีการสนับสนุนและบรรจุไว้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในโรงเรียน นับว่าเป็นกิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากโรงเรียนทั้งภาครัฐบาล และ

    เอกชน ทำให้นักเรียนในสังกัดได้มีโอกาสเรียนว่ายน้ำเพื่อเป็นนักกีฬา และสามารถเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำได้อย่าง ปลอดภัยรวมทั้งรู้หลักการใช้อุปกรณ์ในการช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทาง น้ำได้อีกด้วย ซึ่งจะเป็นการพัฒนาสมรรถภาพทางร่างกาย จิตใจ และเป็นการส่งเสริมการป้องกัน และควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ อีกทั้งยังส่งเสริมให้ชุมชนเป็นรากฐานในการสร้างสุขภาวะที่ดีในทุกพื้นที่

    นายกรวิทย์ ช่วยดู ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชุมพร ได้ดำเนินงานโครงการเด็กไทยว่ายน้ำได้จังหวัดชุมพร ประจำปี 2568 ฝึกทักษะว่ายน้ำเพื่อป้องกันการจมน้ำ ในกลุ่มเด็ก เยาวชน อายุ 6 – 14 ปี ระหว่างวันที่ 23 – 28 มิถุนายน 2568 มีผู้สมัครเข้าร่วม ฝึกอบรม จำนวน 2 รุ่น ๆ ละ 70 คน จำนวน 140 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เด็ก และเยาวชน มีทักษะการ ว่ายน้ำสามารถเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำ และรู้หลักการใช้อุปกรณ์ในการช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำ

    ได้ ส่งเสริมให้เด็ก และเยาวชน ได้นำเอาทักษะไปพัฒนาให้มีขีดความสามารถของตนเองให้สูงขึ้น ได้ใช้เวลาว่างด้วยการออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬา และออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงอบายมุขสิ่งเสพติด และปัญหาเด็กติดเกมออนไลน์ ร่วมถึงการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นคนดี มีคุณภาพ รู้จักใช้ชีวิต ร่วมกับสังคมอย่างมีความสุข ซึ่งการจัดโครงการในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจาก ภาครัฐ และเอกชน จังหวัดชุมพร กรมพลศึกษา และโรงเรียนมันตานุสรณ์ ได้ให้การสนับสนุนวิทยากร และสถานที่ในการจัดโครงการฯ อีกด้วย


    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “พลิกโฉมเมืองด้วยการจัดรูปที่ดิน ความร่วมมือรัฐ – ท้องถิ่น – ประชาชนขับเคลื่อนโครงการพัฒนาเมืองน่านสู่อนาคต”

    แชร์เนื้อหานี้

    วันที่ 26 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานพิธีมอบโฉนดที่ดินและเปิดถนนโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน โดยมี นางสาวจริยาพร จิตต์ใจมั่น รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวรายงาน พร้อมด้วย ดร.มาร์ค เจริญวงศ์ อัยการจังหวัดน่าน นางวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นางบุญจิรา เจริญศักดิ์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดน่าน นายสุนิรันดร์ ท้วมยิ้ม ผู้อำนวยการสำนักจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ ร่วมมอบโฉนดที่ดิน โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด ผู้บริหารทุกภาคส่วน ผู้นำท้องถิ่น และประชาชน เข้าร่วมชื่นชมความสำเร็จ ซึ่งความสำเร็จนี้นำมาซึ่งความยินดีและความภาคภูมิใจที่พี่น้องชาวน่าน ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับรัฐผ่านโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดน่าน ระยะที่ 2 ในพื้นที่ 532 ไร่ 1 งาน 23.90 ตารางวา

    โดยมีเจ้าของที่ดิน เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 146 ราย พัฒนาที่ดินและโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคม ระหว่างถนนโครงการสาย ค5 และ ค8 ผ่านพื้นที่โครงการในแนวทิศตะวันออก ทิศตะวันตก เชื่อมระหว่างถนนมหายศและถนนโครงการเสนอแนะของกรมทางหลวง สภาพพื้นที่ ก่อนดำเนินโครงการ ที่ดินส่วนใหญ่เป็นพื้นที่นา พื้นที่ว่าง ยังไม่มีถนนเข้าถึงแปลงที่ดิน จึงถูกทิ้งร้างไม่ได้ใช้ประโยชน์ มีการใช้ประโยชน์เฉพาะพื้นที่ตอนใต้และทางตะวันออกของพื้นที่ตามแนวถนนปัจจุบันเท่านั้น ประกอบกับทางตอนใต้ของพื้นที่โครงการฯ เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านจัดสรร จึงเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพและเหมาะสมในการพัฒนาให้เป็นพื้นที่รองรับการขยายตัวของชุมชนในอนาคต สอดคล้องกับการวางผังเมืองและการพัฒนาตามผังถนนโครงการที่วางไว้เกิดการพัฒนาเมือง และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นเมืองน่าอยู่ ป้องกันการขยายตัวของเมืองอย่างไร้ทิศทาง เพิ่มมูลค่าของที่ดิน และทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หลังดำเนินโครงการแล้วเสร็จเจ้าของที่ดินยังมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินของตนเอง นำมาซึ่งประโยชน์แก่เจ้าของที่ดิน ชุมชน และเมือง ณ บริเวณพื้นที่โครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ในเขตตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน

    นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า การจัดรูปที่ดิน Land Readjustment ถือเป็นเครื่องมือที่ทันสมัยและเป็นกลไกการพัฒนาพื้นที่ร่วมกันระหว่างรัฐกับเอกชนหรือประชาชน และเป็นภารกิจสำคัญที่จังหวัดน่านและกรมโยธาธิการและผังเมืองร่วมดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ที่มีปัญหาหรือเดือดร้อนจากการใช้ที่ดิน ให้สามารถมีส่วนร่วมกับรัฐ ในการพัฒนาที่ดินและคุณภาพชีวิตของตนและชุมชน โครงการนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมพัฒนาเมือง ให้สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้ตรงวัตถุประสงค์ มีสาธารณูปโภคที่เพียงพอและได้มาตรฐาน ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการภาครัฐ ถือเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาเมืองที่ตอบโจทย์กับยุคสมัย อีกทั้งเป็นวิธีการพัฒนาเมืองที่เจ้าของที่ดินยินยอมพร้อมใจเข้าร่วมโครงการฯ ร่วมคิดร่วมพัฒนาไปด้วยกัน ขอขอบคุณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าของที่ดิน ภาคเอกชน และทุกส่วนราชการที่ได้ร่วมกันผลักดัน และสนับสนุนการดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดน่านตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนถึงปัจจุบันนับว่าใกล้เสร็จสมบูรณ์และนำมาสู่การเปิดใช้ถนนในวันนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการจัดรูปที่ดินจังหวัดน่านแห่งนี้จะเป็นตัวอย่างความสำเร็จของการร่วมกันพัฒนาพื้นที่ โดยภาคีต่างๆ และนำไปสู่การขยายผลการพัฒนาพื้นที่แห่งอื่นๆ ต่อไป

    นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง มุ่งเน้นการขับเคลื่อนผังเมืองสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม กรมฯ ได้นำวิธีการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่มาใช้เป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับภาครัฐในการพัฒนาเมือง โดยการก่อสร้างถนนตามแนวเส้นทางที่กำหนดไว้ในผังเมืองแก้ปัญหาที่ดิน ที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ โดยการนำที่ดินหลายแปลงมารวมกัน แล้วดำเนินการจัดระเบียบและปรับรูปร่างแปลงให้เหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์ พร้อมกับวางโครงข่ายคมนาคม สร้างถนนเชื่อมโยงการเดินทางในพื้นที่ และจัดวางระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน อาทิ ไฟฟ้า ประปา และระบบระบายน้ำ เพื่อให้พื้นที่นั้นพร้อมรองรับการขยายตัวของเมืองและเศรษฐกิจในอนาคต แนวทางนี้ช่วยให้การพัฒนาเกิดขึ้นอย่างมีทิศทาง เป็นธรรม และเกิดประโยชน์ร่วมกันแก่ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนเจ้าของที่ดิน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ยังไม่มีการพัฒนา เช่น พื้นที่ว่างใจกลางเมือง พื้นที่ชานเมืองที่มีศักยภาพจะพัฒนาเป็นเมืองใหม่ สร้างความมั่นคงให้แก่ชุมชน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง

    นางสาวจริยาพร จิตต์ใจมั่น รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวเน้นย้ำว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ดำเนินการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ ตามพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. 2547 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาพื้นที่เมืองและชุมชนโดยเชิญชวนให้ประชาชนเจ้าของที่ดินนาแปลงที่ดินมารวมกันและปันที่ดินของตนส่วนหนึ่ง เพื่อใช้พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ได้มาตรฐาน เข้าถึงที่ดินทุกแปลงโดยไม่ต้องเวนคืนที่ดิน พร้อมกับการจัดรูปแปลงที่ดินใหม่ให้ใช้ประโยชน์ได้ดีขึ้น ปัจจุบันมีโครงการแล้วในพื้นที่ 54 จังหวัด 71 โครงการ ก่อให้เกิดการพัฒนาที่ดิน 19,225 ไร่ คิดเป็นจำนวนแปลงที่ดินที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น 5,816 แปลง มูลค่าที่ดินเพิ่มขึ้นเป็นเงิน 50,039 ล้านบาท ถนนได้รับการพัฒนา เป็นระยะทาง 217 กิโลเมตร ซึ่งทำให้รัฐประหยัดงบประมาณเวนคืนที่ดิน กว่า 2,772 ล้านบาท สำหรับโครงการจัดรูปที่ดิน เพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดน่าน ระยะที่ 2 ได้รับการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานและออกโฉนดที่ดินแปลงใหม่แล้วเสร็จ บนพื้นที่ 532 ไร่เศษ มีแปลงที่ดิน 185 แปลง เจ้าของที่ดิน 146 ราย ที่มีความพร้อมและยินดีเสียสละที่ดินให้กับโครงการ เพื่อให้ที่ดินได้รับการพัฒนาและมีระบบโครงข่ายคมนาคมที่สะดวก ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมืองได้จัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในการก่อสร้างถนน ตามผังเมืองรวมเมืองน่านภายในโครงการ เป็นเงินทั้งสิ้น 125 ล้านบาท และได้เปิดเป็นทางสาธารณะให้ประชาชนใช้สัญจรอย่างสะดวกและเข้าถึงที่ดินทุกแปลง ซึ่งนับว่าการจัดรูปที่ดิน ได้มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ถือเป็นประโยชน์กับจังหวัดน่านเป็นอย่างยิ่ง

    นางบุญจิรา เจริญศักดิ์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดน่าน กล่าวทิ้งท้าย โครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดน่าน ถือเป็นโครงการตัวอย่างของการพัฒนาเมือง โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน เกิดเป็นผลสำเร็จอย่างสูง โดยโครงการะยะที่ ๑ ได้รับรางวัลเลิศรัฐ ประเภทรางวัลสัมฤทธิ์ผลประชาชนมีส่วนร่วมจากสำนักงาน ก.พ.ร. ประจำปี พ.ศ. 2562 และสามารถขยายผลจนได้รับรางวัลในประเภทเลื่องลือขยายผล ระดับดีเด่น ประจำาปี พ.ศ. 2567 กรมโยธาธิการและผังเมือง และ จังหวัดน่าน จึงจัดพิธีมอบโฉนดที่ดินและเปิดถนนโครงการจัดรูปที่ดิน เพื่อเปิดการใช้ถนนอย่างเป็นทางการ รวมทั้งเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์วิธีการพัฒนาเมืองด้วยการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เพื่อให้เกิดการขยายผลในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป

    “จัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ : พัฒนาพื้นที่ พัฒนาเมือง พัฒนาคุณภาพชีวิต”/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื้อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สภ.ห้วยยาง โครงการตำบลยั่งยืนเพื่อแก้ใขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ปีงบประมาณ 2568

    แชร์เนื้อหานี้

    วันที่ 25 มิ.ย. 2568 ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.นครินทร์
    สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.ภาคภูมิ โห้ใย รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบ ฯ พ.ต.อ.วีระพัฒน์ เกตุษา ผกก.สก. ห้วยยาง อำเภอห้บสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

    มอบหมายให้ พ.ต.ท.สหธัญ กำบิลดีลิราช รอง ผกก.ป สภ.ห้วยยาง ว่าที่ พ.ต.ท.กฤษฎา เหนี่ยวพึ่ง สวป.สภ.ห้วยยาง ตำรวจชดปฏิบัติการตำบลยั่งยืนฯ

    นายกิตติรัตน์ ส้มแป้น ปลัดฝ่ายทะเบียนอำเภอทับสะแก นายบุญช่วย โพธิ์ทอง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 บ้านไรใน นายทิวา สุขอวบอ่อง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 บ้านแสงทอง

    ต่าบลแสงอรุณ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครสาธารณสุข ( อสม.)คณะกรรมการคุ้ม และ น.ส.ธาราพันธ์ มีแก้ว พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ

    ได้ร่วมดำเนินการกิจกรรมบำบัดโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน จำนวนผู้กล้า/ผู้บำบัด ในโครงการจำนวน 34 คน รายละเอียด ดังนี้ 1.การตรวจปัสสาวะหาสาเสพติด ในผู้กล้า/ผู้บำบัด

    2.ร่วมกิจกรรมอาสาพัฒนาและนิทรรศการบำบัด โดยร่วมปลูกป่าด้วยการยิงเมล็ดพันธ์พืช เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ความเข้าใจ รักหวงแหน และปกปักรักษา ในทร้พยากรธรรมซาติ อันมีค่าของชาติ และมีความสมัครสมานสามัคคี ในทีมในหมู่คณะ

    3.อบรมให้ความรู้/ตักเตือน/เน้นย้ำ ให้ประพฤติตนในการ ลด/ละ/เล็ก ยาเสพติด เมื่อได้เข้าสู่โครงการนี้แล้วให้ได้มีผลเป็นรูปธรรมมากที่สุด และ ปลุกเร้า/ฝึก

    จิตใจ ให้จิตใจมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ในการต่อสู้กับยาเสพติด ด้วยตัวของตนเองอย่างเข้มแข็งต่อไป ณ อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง ตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก

    //////////////////
    ข่าว ณัฐธภพ พันสาย
    จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

    อำเภอทับสะแก เปิด “ยุทธการเมืองสามอ่าวล้างบางยาเสพติด”อำเภอทับสะแกจับผู้ต้องหา 5 ราย ดำเนินคดี 1 ราย อีก 4 ราย สู่กระบวนการบำบัด

    วันที่ 25 มิ.ย.68 ตามแนวทางขับเคลื่อนกรมการปกครอง ประจำปี 2568 ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ภายใต้ “ยุทธการเมืองสามอ่าวล้างบางยาเสพติด”อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้การอำนวยการของ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ /ผอ.ศอ.ปส.จ.ประจวบคีรีขันธ์ สั่งการให้นายสิทธิพร คงหอม นายอำเภอทับสะแก ผอ.ศป.ปส.อ.ทับสะแก

    มอบหมายให้ นายทนงศักดิ์ รุ่งรัศมี ปลัดอาวุโสอำเภอทับสะแก นายฉัตรชัย ค้างาม ปลัดฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยสมาชิก อส.อ.ทับสะแกที่ 6 ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ ม.5 ต.ทับสะแก จากการตรวจสอบได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจำนวน 5 ราย และมีการสมัครใจยินยอมเข้าสู่กระบวนการบำบัด รพ.ทับสะแก จำนวน 4 ราย และดำเนินคดี จำนวน 1 รายซึ่งพนักงานฝ่ายปกครองได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ถูกจับกุม ดังนี้

    1. จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) โดยการจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย 2. เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย 3. เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 6 เม็ด โดยได้บันทึกการจับกุมส่งพนักงานสอบสวนสภ.ทับสะแก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
      //////////////////////////
      ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / มูลนิธิกาญจนบารมี จัดโครงการคัดกรองมะเร็งนรีเวชในสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาส เฉลิมพระเกียรติฯ

    แชร์เนื้อหานี้

    มูลนิธิกาญจนบารมี จัดหน่วยคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยเครื่องเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ และโครงการคัดกรองมะเร็งนรีเวชในสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาส เฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อค้นหาผู้ป่วย ให้ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม และมะเร็งรีเวช

    ***เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 68 ที่สนามหน้าองค์การบริหารส่วนตำบลคำเนียม ตำบลคำเนียม อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ นายทวีศักดิ์ ทรงอยู่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานเปิดโครงการคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยเครื่องเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ (Mammogram) ในสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาส เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหา

    มงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค. 67 ซึ่งโครงการดังกล่าว มูลนิธิกาญจนบารมี ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนตำบลคำเนียม จัดขึ้นเพื่อค้นหาคัดกรองผู้ป่วย ให้ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเล็งเต้านม และมะเล็งนรีเวช สร้างความตระหนักการคัดกรองตรวจเต้านมด้วยตนเอง และให้ประชาชนที่มี อายุ 40 ปี ขึ้นไป ได้รับการตรวจเต้านมจากบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้สามารถพบมะเร็งในระยะเริ่มต้น โดยมี นายนพนันท์ บุญคล้าย นายอำเภอกันทรารมย์ พร้อม หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเป็นเกียรติในพิธี

    ;

    ***นายวิจิตร บัวจูม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคำเนียม เปิดเผยว่า มะเร็งเต้านม และมะเร็งนรีเวช เป็นโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในเพศหญิง มักเกิดกับผู้หญิงทีมอายุ 40 ปี ขึ้นไป หรือ ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม แต่ทั้งนี้พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การสูบบุหรี่ การดีมสุรา การรับประทานอาหารไขมันสูง

    และขาดการออกกําลังกาย ก็ถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม ซึ่งโรคมะเร็งเต้านมสามารถป้องกันได้ ด้วยการออกกําลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาที ประมาณสัปดาห์ละ 3 ครั้งขึ้นไป ไม่บริโภคอาหารไขมันสูง นอกจากนีผู้หญิงทุกคนควรที่จะฝึกคล้าเต้านมด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ

    ***โดยองค์การบริหารส่วนตําบลคําเนียม เล็งเห็นความสําคัญของการคัดกรอง การตรวจเต้านมด้วยตนเอง จึงได้จัดกิจกรรมคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยเครื่องเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ ในสตรีกลุ่มเสียงและด้อยโอกาส เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ซึ่งโครงการจัดขึ้น ระหว่าง วันที่ 25-26 มิถุนายน 2568 โดยมีประชาชนน เพศหญิงเข้ารับบริการ จำนวน 670 คน
    ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เฮง เฮง รับซื้อ หรือ เช่าอสังหาริมทรัพย์ทุกชนิด ชลบุรี

    แชร์เนื้อหานี้

    วันที่ 23 มิถุนายน 2568เฮง เฮง พร็อพเพอร์ตี้นาย ภูวดล พุทธ์เทศน์ ( เฮงกรรมการผู้จัดการบริษัทฝากขาย – ซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ทุกชนิด

    นางสาว นทัยวรรณ ถิ่นถาวรซื้อทาวน์เฮ้าส์สองชั้น พฤกษาวิลล์ 74 บางพระ
    392/41 ม.10 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จะ.ชลบุรี

    สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาศรีราชา เสี่ย เฮงๆ จัดให้ท่านใดสนใจอยากได้บ้านมือสองบ้านสวยๆ ( แถวศรีราชา ) เสี่ย ( เฮง เฮง ) มีทีมงานครบวงจรสนใจ

    ติดต่อเบอร์โทรนี้ได้ – 0917432784
    – 0813291222
    ( เฮง เฮง )

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พิธีปิดโครงการอบรมเพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพนักเรียนผู้สูงอายุ เทศบาลเมืองชุมพร รุ่นที่ 9 และมอบประกาศนียบัตรนักเรียนผู้สูงอายุ

    แชร์เนื้อหานี้

    วันนี้ (23 มิ.ย. 68) เวลา 10.00น. ณ ห้องทับทิม โรงแรมชุมพรการ์เด้นส์ นายนพพร อุสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีปิดโครงการอบรมเพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพนักเรียนผู้สูงอายุ เทศบาลเมืองชุมพร รุ่นที่ 9 และพิธีมอบประกาศนียบัตรนักเรียนผู้สูงอายุ เทศบาลเมืองชุมพร ร่วมด้วย

    นายศรีชัย วีระนรพานิช นายกเทศมนตรีเมืองชุมพร นายวิบูลย์ศักดิ์ โพธิ์ธารส รองนายกเทศมนตรีฯ นายณัฐวัฒน์ โชติกสถิตย์ ประธานสภาเทศบาลเมืองชุมพร พร้อมด้วยสมาชิกสภาเทศบาลฯ นายสุพจน์ บุปผา ปลัดเทศบาลเมืองชุมพร นายเจริญ โพธิ์ศรีทอง รองปลัดเทศบาลฯ นายสายันย์ หัสรินทร์ รองปลัดเทศบาลฯ และหัวหน้าส่วนการงาน ร่วมเป็นเกียรติใน

    นางวรางคณา สรรเสริญ ผู้อำนวยการโรงเรียนผู้สูงอายุ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดโครงการ เพื่ออบรมส่งเสริมฟื้นฟูและพัฒนาสุขภาพกาย จิตใจ สังคมเศรษฐกิจและรายได้ ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้เรียนรู้ พัฒนาทักษะในการดูแลตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี คงความแข็ง

    แรงไว้ให้นานที่สุด โดยหลักการดำเนินการ อยู่บนพื้นฐานแนวคิดที่ว่า ผู้สูงอายุมีคุณค่า มีศักยภาพและมีศักดิ์ศรี ควรได้รับการส่งเสริม สนับสนุนให้มีส่วนร่วมทำประโยชน์ให้สังคม และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแก่ผู้สูงอายุ โดยเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของผู้สูงอายุและสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า มีศักดิ์ศรี มีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

    ในการอบรมครั้งนี้ ใช้งบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพ เทศบาลเมืองชุมพร มีนักเรียนผู้สูงอายุเข้าร่วมรับการอบรมจำนวน 230 คน และมีจิตอาสาร่วมเป็นคณะทำงานขับเคลื่อนโรงเรียน จำนวน 25 คน ระยะเวลาการอบรม 3 เดือน ทุกวันพฤหัสบดี หลักสูตรการอบรม เรียนรู้การส่งเสริม ฟื้นฟูและพัฒนาสุขภาพกาย จิตใจ สังคมเศรษฐกิจและการส่งเสริมรายได้ การบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เพิ่มทักษะชีวิตแก่ผู้สูงอายุ ตลอดจนการเป็นคลังปัญญาให้ลูกหลาน

    ด้านนายนพพร อุสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร กล่าวว่า โครงการอบรมเพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพนักเรียนผู้สูงอายุ เทศบาลเมืองชุมพร เป็นการเตรียมการรองรับสถานการณ์และสังคมผู้สูงอายุ ของประชากรในเขตเทศบาลเมืองชุมพร โดยการส่งเสริมความรู้และเรียนรู้การเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี เรียนรู้และพัฒนาทักษะในการดูแลตนเอง จะนำไปสู่การเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานดูแลคุณภาพชีวิตของประชากรในเขตของเทศบาลเมืองชุมพร

    ได้มีการดึงภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ เข้ามามีส่วนร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมสร้าง ร่วมดำเนินงานในการดูแลส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ผู้สูงอายุ และใช้ชุมชนเป็นกลไกสำคัญในการบริหารจัดการ ยึดหลักแนวคิดทำให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีคุณค่า เข้าสู่วัยชราอย่างมีคุณภาพ มีศักดิ์ศรี และส่งต่อภูมิปัญญาสืบสานประเพณีวัฒนธรรมให้ลูกหลานต่อไป

    และผมขอชื่นชมจิตอาสาร่วมเป็นคณะทำงานขับเคลื่อนโรงเรียนผู้สูงอายุ จำนวน 25 คน ที่เสียสละเวลาและกำลังกายในการดำเนินงานโรงเรียนผู้สูงอายุของเทศบาลเมืองชุมพร ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่านักเรียนผู้สูงอายุทุกท่านในที่นี้ จะได้รับประโยชน์จากการมาเป็นนักเรียนผู้สูงอายุของเทศบาลเมืองชุมพรในครั้งนี้

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “เสน่ห์กาแฟน่าน Charming Nan Coffee” ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของจังหวัดอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน

    แชร์เนื้อหานี้

    นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ #ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “เสน่ห์กาแฟน่าน Charming Nan Coffee” ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน โดยมีเครือข่ายและผู้ประกอบการกาแฟ มาร่วมออกร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์กาแฟ และมีภาคส่วนราชการ และประชาชนทั่วไป ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรม เมื่อวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2568 เวลา 17.00 น. ณ ข่วงเมืองน่าน (ข่วงน้อย) จังหวัดน่าน

    นางสาวนพรัตน์ ศตะรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน กล่าวว่า #สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน ได้จัดงาน “งานเสน่ห์กาแฟน่าน Charming Nan Coffee” ซึ่งจัดขึ้นภายใต้โครงการ ท่องเที่ยวเชิงเกษตรสร้างสรรค์ มูลค่าสูง สู่การพัฒนากาแฟน่าน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเสน่ห์ของกาแฟคุณภาพจากผืนดินน่าน

    และขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของจังหวัดอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน ซึ่ง กาแฟน่าน ขณะนี้ เป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพ ทั้งรสชาติและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ กาแฟจากน่านสามารถคว้ารางวัลจากเวทีต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นที่ต้องการอย่างสูงในตลาด ทั้งในและต่างประเทศ

    #จังหวัดน่าน ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนากาแฟในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการเพาะปลูก การตลาด ตลอดจนการเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ซึ่งโครงการนี้ ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากจังหวัดน่าน และดำเนินการโดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมศักยภาพของชุมชน พัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวสายกาแฟ และสร้างรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

    โดยก่อนหน้านี้ โครงการฯ ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อวางรากฐานและประชาสัมพันธ์เส้นทางกาแฟของจังหวัดน่าน ได้แก่ การจัด Workshop การจัดกิจกรรม Blogger Fam Trip การรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นของแหล่งกาแฟ และการจัดทำคู่มือเส้นทางท่องเที่ยวกาแฟ เพื่อสร้างความเข้าใจและเชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับวิถีชีวิตของชาวน่านอย่างแท้จริง

    สำหรับ “งานเสน่ห์กาแฟน่าน” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20–21มิถุนายน 2568 โดยภายในงานพบกับกิจกรรมมากมาย อาทิ บูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากกาแฟ เมล็ดกาแฟคุณภาพ ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกาแฟ และสินค้า OTOP การสาธิตและ

    Workshop การชงกาแฟ โดยผู้เชี่ยวชาญ การแสดงดนตรีเพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่สะท้อนความตั้งใจของจังหวัดน่าน ในการผลักดันกาแฟให้เป็นมากกว่าสินค้าเกษตร แต่คือเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนในอนาคต/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / วิทยาลัยอาชีวศึกษาแพร่”ยกระดับ” พลังความร่วมมือแนวทาง CSR / “หมอรุ่ง” ณัฐ วังกาวรรณ นายกทต.สวนเขื่อนแถลงนโยบายต่อสภา ก่อนเข้ารับตำแหน่งฯ

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์ปฏิบัติการวิชาชีพแก้วกาสะลอง วิทยาลัยอาชีวศึกษาแพร่ นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มอบหมายให้ นายสง่า แต่เชื้อสาย รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เป็นประธานในพิธีรับมอบศูนย์การเรียนรู้ “ยกระดับพลังความร่วมมือกับบริษัท 21

    ซันแพชชั่น (Partnership college)” และมอบนโยบายด้านการศึกษาและแนวทาง CSR ร่วมกัน โดยมี นายอนรรฆ ชนาธินาถพงศ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาแพร่ พร้อมคณะผู้บริหารฯ ครู-อาจารย์ บุคลากรทางการศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาแพร่ ให้การต้อนรับ โดยมีแขกผู้มีเกียรติ อาทิ นายบุญธรรม เกี้ยวฝั้น ผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 2 คณะกรรมการการศึกษาร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่ง

    โดยกิจกรรมดังกล่าว วิทยาลัยอาชีวศึกษาแพร่ ได้ดำเนินการจัดทำบันทึกความร่วมมือกับบริษัท 21 ซันแพชชั่น เพื่อให้เกิดการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและสนับสนุนนโยบาย “ยกระดับพลังความร่วมมือกับบริษัท 21 ซันแพชชั่น (Partnership college)” ภายใต้แนวทางการทำงานที่เน้น “เรียนดี มีความสุข” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ในการบริหารจัดการร่วม

    พัฒนา และสนับสนุนสถานศึกษารวมถึงการพัฒนาคุณภาพและรังสรรค์นวัตกรรมการบริหารจัดการของสถานศึกษาเพื่อให้สถานศึกษาได้รับโอกาสในการพัฒนาอย่างทั่วถึง นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและการเรียนรู้ที่สร้างความสุขให้ผู้เรียน โดยได้รับสนับสนุน 5 ด้าน ได้แก่ 1.สนับสนุนทุนการศึกษา 2.พัฒนาห้องเรียนต้นแบบช่วยจัดหาอุปกรณ์และเทคโนโลยี 3.ส่งบุคลากรจากสถานประกอบการร่วมสอน 4.ออกแบบหลักสูตรที่ตอบโจทย์เทรนด์ตลาดแรงงาน และ 5.สร้างเส้นทางอาชีพ ฝึกงาน – จ้างงานจริง

    ธีรพงษ์ ธงออน/แพร่
    061-595-5297

    “หมอรุ่ง” ณัฐ วังกาวรรณ นายกทต.สวนเขื่อนแถลงนโยบายต่อสภา ก่อนเข้ารับตำแหน่งฯ

    เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 20 มิถุนายน 2568 เทศบาลตำบลสวนเขื่อน อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ได้จัดการประชุมสภาเทศบาลตำบลสวนเขื่อน สมัยสามัญ สมัยที่ 2 ประจำปีพ.ศ.2568 ครั้งที่ 1 ณ.ห้องประชุมสภาเทศบาลตำบลสวนเขื่อน ซึ่งมี นางชลดา หม้อกรอง ประธานสภาเทศบาลตำบลสวนเขื่อน นางสาวนงเยาว์ สวนสง่า เลขานุการ และสมาชิกสภาทั้ง 2 เขต นางยุพิน ทองเทพ ปลัดเทศบาลตำบลสวนเขื่อน ผู้อำนวยการ กองต่างๆ เข้าร่วม

    ทั้งนี้ “หมอรุ่ง” นายณัฐ วังกาวรรณ นายกเทศมนตรีตำบลสวนเขื่อน พร้อมคณะผู้บริหาร ประกอบด้วย ร.ต.อ.สมฤทธิ์ เขื่อนแก้ว รองนายกเทศ
    มนตรี (คนที่ 1) นายธีรภพ เขื่อนสี่ รองนายกเทศมนตรี (คนที่ 2) นายเสถียร เขื่อนเก้า เลขานุการนายกเทศมนตรี นางกัญฐณา สิริกรวัฒนกุล ที่ปรึกษานายกเทศมนตรี เข้าร่วมการประชุมด้วย

    ในการนี้ “หมอรุ่ง” นายณัฐ วังกาวรรณ นายกเทศมนตรีตำบลสวนเขื่อน ได้แถลงนโยบายต่อสภาเทศบาลตำบลสวนเขื่อน 7 ด้านฯ เพื่อทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชนตำบลสวนเขื่อน

    “หมอรุ่ง” นายณัฐ วังกาวรรณ นายกเทศมนตรีตำบลสวนเขื่อน กล่าวว่า 4 ปี หรือ 48 เดือน ต่อจากจากนี้ไปผมพร้อมผู้บริหารจะทำหน้าที่ตามระเบียบของทางราชการ คงจะไม่ตามใจพี่น้องประชาชนอย่างที่ผ่านมา เพราะว่า 4 ปีก็จะครบ 2 วาระของผม กลังจากนั้น ผมต้องวางมือจากการเมือง ผมมีความตั้งใจจะทำหน้าที่ผู้บริหารเทศบาลตำบลสวนเขื่อนเต็มความสามารถ ทั้งนี้ต้องได้รับความร่วมมือจากสมาชิกสภา ฝ่ายข้าราชการฯ เทศบาลตำบลสวนเขื่อน ฝ่ายปกครองในตำบลสวนเขื่อน

    ในโอกาสนี้ นางยุพิน ทองเทพ ปลัดเทศบาลตำบลสวนเขื่อนได้มอบช่อดอกไม้ แสดงความยินดีแด่ นายณัฐ วังกาวรรณ ที่ได้รับการเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลสวนเขื่อน โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ พนักงานเทศบาลตำบลสวนเขื่อน ร่วมแสดงความยินดีด้วย และทางฝ่ายสภาเทศบาลตำบลสวนเขื่อน
    นำโดย นางชลดา หม้อกรอง ประธานสภาเทศบาลตำบลสวนเขื่อน พร้อมสมาชิกสภาได้มอบช่อดอกไม้ แสดงความยินดีแด่ นายณัฐ วังกาวรรณ ที่ได้รับการเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลสวนเขื่อนด้วย

    ธีรพงษ์ ธงออน/แพร่
    061-595-5297

    เมียสุดทน ผัวหึงไม่รู้สาเหตุ จึงคว้ามีแทง ร้อนถึงตำรวจมาไกล่เกลี่ย ลงท้ายด้วยการหอมแก้ม

    เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 20 มิถุนายน 2568 ศูนย์วิทยุ “เวียงโกศัย” สภ.เมืองแพร่ ได้รับแจ้งมีเหตุทะเลาะวิวาท เมียแทงผัว เหตุเกิดที่ข้างโรงสี ม.7 บ้านดอนดี ต.กาญจนา อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ หลังรับแจ้งทางร.ต.ท.พีรศักดิ์ กองรัตน์ ร้อยเวร 20 สภ.เมืองแพร่ ร่วมกับสายตรวจ ต.กาญจนา ออกตรวจสอบเหตุตามที่ได้รับแจ้ง ร่วมศูนย์กู้ชีพ เทศบาลตำบลสวนเขื่อน

    จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเป็นบ้านชั้นเดียว มีนายสุรินทร์ ยวงแก้ว อายุ 57 ปี บ้านหมู่ 7 ต.กาญจนา อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ นั่งรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่แคร่ใต้เพิงหน้าบ้านด้วยอาการเมา พร้อมชี้บาดแผลที่ถูก นางสุรีรัตน์ ไกยสวน อายุ 46 ปี ภรรยา แทงที่บริเวณ ข้างเท้าด้านในขาซ้าย มีรอยเลือดเล็กน้อย จึงให้เจ้าหน้าที่กู้ชีพ ต.สวนเขื่อน ปฐมพยาบาลเบื้องต้น

    ระหว่างนั้น นายสุรินทร์ฯเปรยกับเจ้าหน้าที่ว่า สู้เมียไม่ได้เลย บ้านอื่นเมืองอื่น มีแต่ ผัวตีเมีย บ้านนี้ เมียตีผัว มีเรื่องกันครั้งใด แพ้ตลอด จนทำให้ตนเองกลัวหมด ไม่กล้าหือ วันนี้ก่อนเกิดเหตุ ทะเลาะกัน เมียได้ขึ้นไปเอามีดจากบนบ้านมา มาขึ้นคล่มตีจนตนเองโดนแทงเข้าที่เท้า จึงได้บอกพี่ชาย และขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

    ทางด้าน นางสุรีรัตน์ฯ ภรรยา เผยว่า วันนี้น้องสาวจากบ้านเวียงทองพาแฟนมาเที่ยวหา จึงตั้งวงกันตั้งแต่เช้า เมื่อต่างคนต่างเมา นายสุรินทร์ฯ จึงมีอาการหึงหวงตนเองกับแฟนน้องสาว พูดอย่างนั้นอย่างนี้ ตนเองทนไม่ไหว จึงได้มีเรื่องกัน และตนเองเอามีดมาขู่ เพื่อให้สามีหยุดการหึงหวง แต่พลาดไปโดยเท้า เข้านิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ

    จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ช่วยพูดคุยให้ทั้ง สองคนดีกัน เพราะเป็นคู่กันแล้ว อย่าให้มีเรื่องมีราวกัน อยู่กันอย่างสันติ รักกัน ก่อนที่จะให้ทั้ง 2 คน มาแสดงความรัก ด้วยการหอมแก้มให้อภัยกัน จบความบาดหมางหึงหวงในวงเหล้า ก่อนจะออกบ้านเกิดเหตุ ทั้งคู่ ได้ ยกมือไหว้ขอบคุณ เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ชีพ ที่มาช่วยเหลือ และไกล่เกลี่ยให้รักกันเหมือนเดิม

    ธีรพงษ์ ธงออน/แพร่
    061-595-5297