คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวสังคม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สุโขทัยรับขบวนแห่ไฟพระฤกษ์ และพระประทีปพระราชทานไปประดิษฐาน ณ ตระพังตระกวน อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (5 พฤศจิกายน 2568) เวลา 11.00 น. ณ ตระพังตระกวน อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เป็นประธานในพิธีอัญเชิญไฟพระฤกษ์และพระประทีปพระราชทานไปประดิษฐาน ณ แท่นที่จัดเตรียมไว้ ในการนี้ นายธีรยุทธ สำราญทรัพย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ศาล ทหาร ตำรวจ อัยการ หัวหน้าส่วนราชการ และข้าราชการร่วม

ในพิธีโดยขบวนแห่ไฟพระฤกษ์ และพระประทีปพระราชทานผ่านศาลปู่ผาดำ ตลาดสดเทศบาลตำบลเมืองเก่า เข้าสู่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ผ่านพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช มายังตระพังตระกวน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย หัวหน้าส่วนราชการ และข้าราชการ ตั้งแถวรอรับขบวนแห่ไฟพระฤกษ์ และพระประทีปพระราชทาน วงโยธวาทิตโรงเรียนสุโขทัยวิทยาคม

บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี กองเกียรติยศ จากมณฑลทหารบกที่ 39 ตั้งขบวน พร้อมทำความเคารพ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยรับไฟพระฤกษ์จากผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย อัญเชิญไปประดิษฐาน ณ แท่นที่จัดเตรียมไว้ กำลังพลจาก กองทัพภาคที่ 3 อัญเชิญพระประทีปพระราชทานทั้ง 11 พระองค์ ไปประดิษฐาน ณ แท่นที่จัดเตรียมไว้ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยเป็นผู้รับไปประดิษฐานจนครบทุกพระองค์

จังหวัดสุโขทัยกำหนดจัดงานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2568 ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และได้ขอพระราชทานพระประทีป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระประทีป สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ

เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูล สิริวิบูลยราชกุมาร และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เพื่อเชิญไปลอยเป็นปฐมฤกษ์ในงานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ประจำปี 2568 ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568
กิตติ พรดวงจันทร์ สุโขทัย

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐทีวี/ ครอบครัวชาวสุราษฏร์ฯ 7 คน เดินเท้าจากสุราษฏร์ฯ เข้าเขตทับสะแกแล้ว เพื่อไปเคารพพระบรมศพสมเด็จพระพันปีหลวง ถวายความจงรักภักดี

แชร์เนื้อหานี้

จากกรณี นายเสนอ เกิดแก้วหรือหนึ่ง อายุ 62 ปี ชาว อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าของสวนยางพารา พร้อมด้วย ลูกชาย และลูกเขย รวม 7 คน เดินทางออกจากบ้านพักในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่เมื่อเช้าวันที่ 26 ต.ค.68 ที่ผ่านมา เพื่อเข้าร่วมถวายอาลัยและสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระบรมมหาราชวัง

ล่าสุด เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ครอบครัว นายเสนอ แก้วเกิด เดินทางเข้าพื้นที่ ต.อ่างทอง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะเดียวกันเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมาทั้งหมดได้หยุดพักผ่อนหลับนอนที่ วัดรักดีคีรีวัน ต.ชัยเกษม อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เขตรอยต่อ อ.ทับสะแก

โดยนายเสนอ แก้วเกิด กล่าวว่าตนและครอบครัว ออกเดินทางเป็นวันที่ 11 แล้ว ระยะทางกว่า 280 กม. ซึ่งการเดินไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าวันหนึ่งต้องเดินกี่กิโลเมตร มืดไหนนอนนั้น เดินไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก ซึ่งการแสดงออกถึงความจงรักภักดีครั้งนี้เป็นครั้งแรกของคนในครอบครัว และไม่มีอุปสรรคใดๆระยะเวลา

การเดินทางมีเพียงบางช่วงที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักจำเป็นต้องหยุดเดิน คาดว่าจะเดินเท้าผ่านจังหวัดประจวบได้คงใช้เวลาไม่น้อยกว่า 5 วัน ซึ่งนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว เนื่องจากจังหวัดประจวบตั้งแต่ อ.บางสะพานน้อยจนถึง อ.หัวหินมีระยะทางกว่า 220 ก.ม.ที่ผ่านมา การเดินเท้าครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการเดินทาง แต่คือการแสดงออกถึงความจงรักภักดีอย่างสุดหัวใจของคนในครอบครัว และพสกนิกรที่ต้องการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ แม่ของแผ่นดิน อย่างใกล้ชิดที่สุด

จากนั้นนายเสนอได้เดินทางออกจากร้านข้าวแกง อาหารเช้าของวันนี้ ไปตามริมถนนเพชรเกษมขาขึ้นกรุงเทพโดยมีนายสิทธิชัย ทองสุวรรณ อายุ 27 ปี ลูกเขย ถือพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เดินนำหน้าขบวน มีอาสาสมัครกู้ภัยตำรวจทางหลวง มูลนิธิสว่างรุ่งเรืองฯ อำนวยความสะดวกด้านการจราจร โดยค่ำวันนี้น่าจะพักที่คลองวาฬ เขตเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งจะมีชาวบ้านที่เห็นคณะเดินก็จะมอบของ น้ำ ของกิน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการเดินครั้งนี้

ชาวบ้านกรูดจัดพิธี ถวายความอาลัย ในกิจกรรมลอยกระทง มีชาวบ้านร่วมพิธี จำนวนมาก

เมื่อค่ำวันที่ 5 พ.ย.68 ที่บริเวณคลองวังพลูสถานที่จัดงาน ประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2568 ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทางเทศบาลตำบลบ้านกรูด ได้ร่วมจัดพิธีถวายความอาลัย เพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

โดยมี นายอิศรา กาญจนรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านกรูด พร้อม นายสมหมาย ปานทอง อุปนายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย นายวิฑูรย์ พุกจันทร์ สมาชิกสภาจังหวัด (สจ.)

นายวิชาญ แก้วจีน ประธานสภาเทศบาลตำบลบ้านกรูด นายณฐพล ภูมิรินทร์ ปลัดเทศบาล พร้อม คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล ข้าราชการ พนักงานเทศบาล ผู้บริหารสถานศึกษา บุคลากรทางการศึกษา ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมพิธี

จากนั้น นายอิศรา กาญจนรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านกรูด พร้อม นายสมหมาย ปานทอง อุปนายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย พร้อม ผู้นำชุมชน ได้ร่วมมอบทุนการศึกษาให้แก่โรงเรียนในเขตตำบลธงชัย จำนวน 7 โรงเรียน

จากรายได้หลังจากการจัดกิจกรรม “บ้านกรูดรันเดอร์แลนด์” BANKRUT RUNDERLAND 2025 ครั้ง เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้แก่ โรงเรียนธงชัยวิทยา โรงเรียนวัดดอนยาง โรงเรียนวัดธงชัยธรรมจักร โรงเรียนวัดถ้ำคีรีวงศ์ โรงเรียนบ้านหนองระแวง โรงเรียนบ้านหนองมงคล และโรงเรียนบ้านดอนสำราญ

นอกจากนี้ ยังได้มอบทุนช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยบ้านไฟไหม้ จากกองทุนพระตำหนักเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรฯ เขาธงชัย จำนวน 4 ครอบครัว จากนั้นได้ร่วมกันลอยกระทงประจำปี ซึ่งมีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
////////////////////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ประเพณีลอยกระทงเมืองชุมแพ ภายใต้แนวคิด”ลอยกระทงไท ไทย คารวาลัยพระแม่ของแผ่นดิน” พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

แชร์เนื้อหานี้

นิทรรศการ ประเพณีลอยกระทงเทศบาลเมืองชุมแพ ภายใต้แนวคิด”ลอยกระทงไท ไทย คารวาลัยพระแม่ของแผ่นดิน” เพื่อแสดงความอาลัยถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนารถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

เมื่อ 5 พฤศจิกายน 2568 เวลาประมาณ 18.45 น.นายเสกสิทธิ์ สัธนะกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองชุมแพ เป็นประธานเปิดงานพิธีประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2568 ในตำนานเล่าว่าเป็นประเพณีที่กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์โดยเป็นการขอขมาต่อพระแม่คงคา

ให้ชีวิตได้เจริญรุ่งเรือง อยู่เย็นเป็นสุข ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 ของทุกๆปีและเทศบาลเมืองชุมแพได้จัดนิทรรศการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณให้ข้าราชการ ประชาชนลงนาม

เพื่อแสดงความอาลัยถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้แนวคิด”ลอยกระทงไท ไทย คารวาลัย พระแม่ของแผ่นดิน” โดยมีนายสิงหภณ ดีนาง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 6 ขอนแก่น นางสาวอ้อยใจ คำบุญเรือง นายอำเภอชุมแพ

พ.ต.อ.รักชาติ เรืองเจริญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรชุมแพ นายเกรียงไกร วิริยะอาชา นายอาทิตย์ ถนอมทุน นางสาวรติมา สิริวรพิทักษ์ รองนายกเทศมนตรี ฝ่ายบริหาร สมาชิกสภาฯ ประชาชนในเขต 38 ชุมชนร่วมงานมากมาย เสร็จพิธีร่วมกันลอยกระทง ณ.หนองน้ำกุดน้ำใส เขตเทศบาลเมืองชุมแพ จังหวัดขอนแก่น

ภาพ/ข่าว กบชุมแพ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / โครงการคนละลูก มอบเกียรติบัตรแสดงความยินดี ชมรมทูบีนัมเบอร์วัน จังหวัดพังงา ประจำปี พ.ศ.2567

แชร์เนื้อหานี้

โดยนายพิชญพัทธ์ เรืองชาตรี นายอำเภอตะกั่วป่า (ที่ 7 ซ้ายมือ)ประธานพิธีเปิดมอบรางวัล วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.00 น. ณ.ศาลาประชาคมที่ว่าการอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงาชมรมทูบีนัมเบอร์วัน จังหวัดพังงา ได้ส่งชมรมทูบีนัมเบอร์วัน เข้าประกวดชมรมทูบีนัมเบอร์วันระดับประเทศ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 ณ.อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี กรุงเทพมหานคร มีชมรมทูบีนัมเบอร์วัน จากจังหวัดพังงา ได้รับรางวัล 11 ชมรม ดังนี้1.ชมรมทูบีนัมเบอร์วันอำเภอตะกั่วป่า 2.ชมรมทูบีนัมเบอร์วันชุมชนตลาดใหญ่

  1. ชมรมทูบีนัมเบอร์วันชุมชนเสนานุชรังสรรค4.ชมรมทูบีนัมเบอร์วันโรงเรียนเทศบาลบ้านย่านยาว
  2. ชมรมทูบีนัมเบอร์วันโรงเรียนสตรีพังงา6.ชมรมทูบีนัมเบอร์วันโรงเรียนทุ่งโพธิ์วิทยา
  3. .ชมรมทูบีนัมเบอร์วันชุมชนบ้านย่านยาว
  1. ชมรมทูบีนัมเบอร์วันวิทยาลัยเทคนิคพังงา9.ชุมชนทูบีนัมเบอร์วันบริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด(มหาชน)10.ชมรมทูบีนัมเบอร์วันศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนพังงา11.ชมรมทูบีนัมเบอร์วันเรือนจำจังหวัดพังงา12.นางสาววงเดือน โกยดุลย์ บุคลากรผู้ปฎิบัติงานดีเด่นโครงการทูบีนัมเบอร์วัน ยอดเยี่ยม ระดับประเทศ ปี 2567 ในโอกาสนี้ ศุภชัย ตัณฑสมบูรณ์ ประธานโครงการคนละลูก กล่าว รู้สึก มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่โครงการคนละลูกได้มีโอกาสร่วมแสดงความยินดี ในครั้งนี้ และขอขอบคุณ THAI PRINTING CENTER บริษัท กีล่าสปอร์ต จำกัด Allgether Design ร้านบ้านปกไหม ที่สนับสนุนโครงการคนละลูกมาโดยตลอด

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดแสดงและจำหน่ายสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) “อร่อยล้ำ GI สมุทรปราการ” 29 ตค.-2 พย. 2568 ที่ศูนย์การค้า มาร์เก็ต วิลเลจ สุวรรณภูมิ

แชร์เนื้อหานี้

พัฒนาชุมชน สป. จัดงานอร่อยล้ำ GI สมุทรปราการ พัฒนาชุมชนจังหวัดสมุทรปราการ ได้จัดโครงการขับเคลื่อนแผนพัฒนาจังหวัดในทุกมิติ ยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยได้มาตรฐานด้วยแนวทาง BCG Model แบบบูรณาการสู่เศรษฐกิจฐานราก

กิจกรรม ยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยได้มาตรฐาน ด้านพืช ประมง ปศุสัตว์ ด้วยแนวทาง BCG Model แบบครบวงจร จึงได้จัดแสดงและจำหน่ายสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จังหวัดสมุทรปราการภายใต้ชื่อ “อร่อยล้ำ GI สมุทรปราการ” ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม-2พฤศจิกายน 2568 ที่ศูนย์การค้า มาร์เก็ต วิลเลจ สุวรรณภูมิ

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 30 ตุลาคม 2568 ที่ ลานกิจกรรม ศูนย์การค้า มาร์เก็ต วิลเลจ สุวรรณภูมิ สำนักงานพัฒนาชุมชน จังหวัดสมุทรปราการ โดย นางสาวสุขนันทิพย์ ศรีสมวงษ์ พัฒนาการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานเปิดงาน อร่อยล้ำ GI สมุทรปราการ มีนางสาวอวยพร สงแก้ว ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน กล่าวรายงาน

โดยก่อนเริ่มเข้าสู่พิธีการ ทุกคนที่เข้าร่วมงานต่างยืนสงบนิ่ง เพื่อแสดงความเคารพและน้อมรำลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จากนั้นได้มีการแสดงจินตลีลาประกอบบทเพลงอาลัยพระพันปี โดยคณะหุ่นคนมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ โดยนางสาวสุขนันทิพย์ ศรีสมวงษ์ พัฒนาการจังหวัดสมุทรปราการ

ประธานในพิธี ได้มอบรางวัลกิจกรรมในการประกวดสินค้าเกษตร (GI) ของจังหวัดสมุทรปราการ ภายในงานยังมีการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง เอิ้นขวัญ วรัญญา กิจกรรมสาธิตการปรุงอาหารเมนูใหม่โดยใช้สินค้า GI ของจังหวัดสมุทรปราการโดยเชฟตุ๊กตา “บ้านยี่สาร” ภายในงานยังมีบูธสินค้า สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จังหวัดสมุทรปราการ กว่า 42 ร้านค้า


จังหวัดสมุทรปราการตั้งอยู่ภาคกลางของประเทศไทย อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตอนปลายสุดของแม่น้ำเจ้าพระยา และเหนืออ่าวไทย ลักษณะภูมิประเทศ ส่วนใหญ่พื้นที่เป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านกลางจังหวัด และมีลำคลองมากมาย เกษตรกรมีศักยภาพทั้งด้านการเพาะเลี้ยงและแปรรูปที่เป็นอัตลักษณ์ และสภาพพื้นที่เหมาะแก่การทำการประมง และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั้งน้ำจืด และชายฝั่ง เช่น ปลาสลิด กุ้งก้ามกราม กุ้งแชบ๊วย กุ้งขาว หอยแครง หอยแมลงภู่ ปลากะพงขาว และ ปูทะเล เป็นต้น

นอกจากนั้นยังมีพืชผลทางเกษตร อาทิ ข้าว มะม่วง มะพร้าว พืชผักสมุนไพร โดยเฉพาะปลาสลิดและมะม่วงน้ำดอกไม้ ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ GI และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจของจังหวัด ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดและผู้บริโภค

กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ได้ให้ความสำคัญในการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคเกษตร โดยการส่งเสริมและคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น และภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยทั้งตลาด ในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ช่วยส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มใน ห่วงโซ่สินค้าเกษตร และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอย่างยังยืน

โดยอาศัยจุดเด่นทั้งเอกลักษณ์และความโดดเด่นของสินค้าเกษตรเฉพาะพื้นที่ ผสมสานภูมิมิปัญญาท้องถิ่นที่สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพ ชื่อเสียงและคุณลักษณะเฉพาะของสินค้าที่เชื่อมโยงกับแหล่งภูมิศาสตร์จังหวัดสมุทรปราการ จึงจัดทำโครงการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาด เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าGIก่อให้เกิดรายได้ กับเกษตรกรและท้องถิ่นอย่างแท้จริงต่อไป


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรณรงค์งดปล่อยโคมลอย พลุ ดอกไม้ไฟ หรือฉายแสงเลเซอร์ขึ้นท้องฟ้า ช่วงเทศกาลลอยกระทง เพื่อความปลอดภัยทางการบิน
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนโดยรอบ งดปล่อยโคมลอย จุดพลุ ลูกโป่ง ดอกไม้ไฟ หรือฉายแสงเลเซอร์ขึ้นท้องฟ้า ในช่วงเทศกาลลอยกระทง

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่ออากาศยานและความปลอดภัยด้านการบิน ทสภ. ตระหนักถึงความสำคัญในการอนุรักษ์ประเพณีไทยที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม การปล่อยโคมลอย จุดพลุ ลูกโป่ง จุดดอกไม้ไฟ ฉายแสงเลเซอร์ขึ้นท้องฟ้า เป็นกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่ออากาศยาน การปฏิบัติงานของท่าอากาศยาน ตลอดจนอาจส่งผลร้ายแรงต่อชีวิต และทรัพย์สิน ในโอกาสนี้ ทสภ.

จึงขอความร่วมมือหน่วยงานและประชาชนโดยรอบ ทสภ. งดการกระทำดังกล่าวที่ส่งผลกระทบต่อการบินในบริเวณพื้นที่โดยรอบสนามบิน หรือหากมีความจำเป็นที่จะต้องปล่อยโคมลอยหรือดำเนินกิจกรรมต่างๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอในท้องที่ก่อน อย่างไรก็ตาม ทสภ.

ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่โดยรอบ ให้ตระหนักถึงอันตรายและผลกระทบต่อความปลอดภัยด้านการบินจากการปล่อยโคมลอย การจุดพลุ ลูกโป่ง ดอกไม้ไฟ หรือฉายแสงเลเซอร์ขึ้นท้องฟ้า พร้อมชี้แจงถึงบทลงโทษตามกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นหากมีการกระทำดังกล่าว


ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลลอยกระทง ทสภ. จะดำเนินการตรวจสอบทางวิ่งทางขับเพื่อไม่ให้มีวัสดุแปลกปลอมบนทางวิ่งทางขับอันเป็นอันตรายต่ออากาศยาน โดยจะเฝ้าระวังเป็นพิเศษบริเวณแนวขึ้น – ลง ของเครื่องบิน และบริเวณพื้นที่โดยรอบสนามบิน รวมถึงได้มีการประสานกับ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ดูแลบริหารจัดการการจราจรทางอากาศในการบินเข้า – ออก ทสภ. ในช่วงเวลาดังกล่าวให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดตลอดช่วงเทศกาล
หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายมาตรฐานท่าอากาศยานและอาชีวอนามัย ทสภ. หมายเลขโทรศัพท์ 0 2132 5619


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

ศึก“แร่หายาก”สหรัฐ-จีนในสมรภูมิอาเซียน:โอกาสใหม่ของไทยผู้ผลิตRare Earthอันดับ6ของโลก

แชร์เนื้อหานี้

โดย นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ. ไทยแลนด์(Fields for Knowledge Integration and Innovation)
อดีตประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ….การแข่งขันแร่หายากในอาเซียนเพิ่งเริ่มต้น และจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ประเทศที่สามารถพัฒนาศักยภาพทางการผลิต การแปรรูป และนวัตกรรมได้เร็วที่สุด จะได้เปรียบในเกมการแข่งขันเศรษฐกิจโลกยุคใหม่โดยเฉพาะไทย ผู้ผลิตแร่หายากอันดับ6 ของโลก…”อลงกรณ์ พลบุตรในยุคที่เทคโนโลยี เศรษฐกิจและความมั่นคงเดินควบคู่กัน “แร่หายาก” (Rare Earths)ได้กลายเป็นอาวุธที่สำคัญในเกมของมหาอำนาจโดยมีสมรภูมิใหม่คืออาเซียน สถานการณ์ล่าสุดคือการลงนามข้อตกลงการค้าและแร่หายากระหว่างสหรัฐอเมริกากับ 4 ชาติอาเซียน ได้แก่ ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2025 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งคือหมากสำคัญที่อาจเปลี่ยนเกมการแข่งขันทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

จุดเปลี่ยนของอาเซียน: เมื่อสหรัฐฯรุกกลับ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ความตึงเครียดระหว่างสองมหาอำนาจกลับมาปะทุอีกครั้ง หลังจากจีนประกาศใช้มาตรการใหม่อย่างครอบคลุมเพื่อจำกัดการส่งออกแร่หายาก โดยกำหนดให้บริษัทต่างชาติที่ต้องการส่งออกสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่เหล่านี้แม้เพียงเล็กน้อย ต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลจีนล่วงหน้า และต้องระบุวัตถุประสงค์การใช้งานอย่างชัดเจน ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตอบโต้ทันทีด้วยการขู่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มอีก 100% และเตรียมออกข้อจำกัดใหม่ต่อการส่งออกซอฟต์แวร์สำคัญบางประเภท เพื่อปกป้องเศรษฐกิจเทคโนโลยีของตนเองการลงนามข้อตกลงกับ 4 ชาติอาเซียนในครั้งนี้ คือการปฏิบัติการเชิงรุกโดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้

  1. กระจายความเสี่ยง เพื่อลดการพึ่งพาแร่หายากจากจีน
  2. สร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่ เพื่อพัฒนาเครือข่ายการผลิตและแปรรูปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับกลุ่มประเทศอาเซียน
  3. เสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ผ่านกรอบข้อตกลงการค้าต่างตอบแทน
    โดยเฉพาะอาเซียนกลายเป็นเป้าหมายหลักของสหรัฐฯในการพัฒนาพันธมิตรทางยุทธศาสตร์
  4. จีนรุกก่อน: ความร่วมมือมาเลเซียโรงสกัดแร่หายากแห่งใหม่

ข้อมูลจาก U.S. Geological Survey 2025 ชี้ให้เห็นถึงความได้เปรียบอย่างยิ่งของจีนในตลาดแร่หายากโลก โดยจีนควบคุม 71% ของการผลิตแร่หายากทั่วโลก และครองส่วนแบ่งสูงถึง 86% ของการแปรรูปแร่หายาก ซึ่งปัจจุบัน แร่หายากจัดเป็นหมวดแร่ธาตุยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตแม่เหล็กประสิทธิภาพสูง ซึ่งจำเป็นต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และพลังงานหมุนเวียน จนถึงเทคโนโลยีขั้นสูงเช่น หลอดไฟ หน้าจอโทรทัศน์ที่ใช้ยูโรเปียมเป็นส่วนประกอบ และการขัดกระจกหรือกลั่นน้ำมันที่ใช้ซีเรียมและอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ที่ใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงทางยุทธวิธีเช่นขีปนาวุธนำวิถีและระบบอาวุธต่างๆความได้เปรียบของจีนถูกแปลงเป็นอำนาจต่อรองผ่านมาตรการจำกัดการส่งออก โดยในเดือนกรกฎาคม 2023 จีนประกาศควบคุมการส่งออกแกลเลียมและเจอร์เมเนียม ซึ่งส่งผลกระทบถึง 94% ของอุปทานโลก

กล่าวได้ว่าจีนคือผู้เล่นที่ถือไพ่เหนือกว่า เพราะเป็นทั้งผู้ผลิตรายใหญ่และประเทศที่มีทรัพยากรแร่หายากมากที่สุดในโลก
ในขณะที่สหรัฐฯ เพิ่งเริ่มสร้างพันธมิตรในอาเซียน
จีนเดินหน้าก่อนหนึ่งก้าวด้วยการลงนามความร่วมมือสำคัญกับมาเลเซีย เพื่อสร้างโรงงานแปรรูปแร่หายากแห่งใหม่ในรัฐปะหัง ประเทศมาเลเซียมูลค่าการลงทุนประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐมีกำลังการผลิตสามารถแปรรูปแร่หายากได้ 5,000 ตันต่อปีด้วยเทคโนโลยีนำเข้าจากจีนโดยบริษัท China Nonferrous Metal Mining Groupคาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มผลิตได้ในปี 2027โอกาสของอาเซียน: จากการเป็น “ผู้ตาม” สู่ “ผู้เล่นหลัก”อาเซียนไม่เพียงเป็นสนามแข่งขันใหม่ของมหาอำนาจเท่านั้นแต่กำลังก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นหลักในห่วงโซ่อุปทานโลก
1.มาเลเซียกำลังพัฒนาตนเองเป็นศูนย์กลางแร่หายากของภูมิภาค2.เวียดนามมีศักยภาพเป็นฐานผลิตแร่หายากแทนจีน
3.อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ อุดมด้วยทรัพยากรแร่และกำลังแรงงาน4.ไทย ผู้ผลิตแร่หายากอันดับ6 ของโลกและเติบโตเร็วที่สุดในโลกสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปและเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์

ทั้งนี้ทำเนียบข่าวเผยแพร่เอกสารบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลไทยว่าด้วยความร่วมมือในการกระจายห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญระดับโลกและการส่งเสริมการลงทุนบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยว่าด้วยความร่วมมือในการกระจายห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญระดับโลกและการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงการพัฒนาองค์ความรู้ การแปรรูปในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องโครงการแร่หายากในประเทศไทย: ศักยภาพและความคืบหน้าเมื่อ“แร่หายาก”กลายเป็นเครื่องมือต่อรองทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ แต่สิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้คือ ประเทศไทยก็มีแร่หายาก และเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในห่วงโซ่อุปทานโลกในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ6 ของโลกโดยผลิตได้ 13,000 ตันในปี2024เพิ่มขึ้นกว่า 260% จากปีก่อนหน้าและมากกว่า 13 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2018ถือเป็นการเติบโตที่ “เร็วที่สุดในโลก” ในกลุ่มประเทศผู้ผลิตแร่หายากโดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันตกและภาคใต้

  1. โครงการในจังหวัดนครราชสีมาโรงงานNeo Magnequenchที่นครราชสีมาผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับอุตสาหกรรม EV และอิเล็กทรอนิกส์ซึ่ฝBYD (จีน) ลงทุนโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามูลค่า 486 ล้านดอลลาร์ในไทย เพื่อเชื่อมโยงซัพพลายเชนแร่หายากและแม่เหล็ก2.โครงการในจังหวัดกาญจนบุรี
    บริษัท Lynas Rare Earths จากออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่หายากนอกประเทศจีนรายใหญ่ที่สุด กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งโรงงานแปรรูปแร่หายากในพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ การศึกษาครอบคลุมทั้งด้านเทคนิค เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
    ทั้งนี้พื้นที่อำเภอทองผาภูมิมีการค้นพบแหล่งแร่โมนาไซต์ (Monazite) ซึ่งมีธาตุหายากกลุ่ม LREE (Light Rare Earth Elements) ที่มีค่าสูง เช่น แลนทานัม (Lanthanum) เซอเรียม (Cerium) และนีโอดิเมียม (Neodymium) ซึ่งเป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง
    จากการศึกษาของกรมทรัพยากรธรณี คาดว่ามีปริมาณสำรองเบื้องต้นประมาณ 50,000 ตัน โดยมีเป้าหมายเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2028 3.โครงการในจังหวัดภูเก็ตและพังงา
    การสำรวจของกรมทรัพยากรธรณีพบแร่เซอไรต์ (Xenotime) และเซนอไทต์ (Synchysite) ในพื้นที่อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต มีธาตุหายากกลุ่ม HREE (Heavy Rare Earth Elements) ที่มีมูลค่าสูง เช่น ดิสโพรเซียม (Dysprosium) เทอร์เบียม (Terbium) และเออร์เบียม (Erbium)
    โดยบริษัท Thaisarco ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการถลุงแร่ดีบุก กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการแยกแร่โคลัมเบต-แทนทาไลท์ (Columbite-Tantalite) ที่มีธาตุหายากปนอยู่ โดยใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแยกแร่
    4.โครงการวิจัยและพัฒนา
    กรมทรัพยากรธรณีกำลังดำเนินการทำแผนที่แหล่งแร่หายากทั่วประเทศอย่างละเอียด โดยใช้เทคโนโลยีการสำรวจระยะไกล (Remote Sensing) และการวิเคราะห์ทางธรณีฟิสิกส์ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2026
    ขณะที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิจัยกระบวนการแยกแร่หายากด้วยวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยพัฒนาระบบรีไซเคิลสารเคมีและลดของเสียจากการผลิต ผลการศึกษาคาดว่าจะเผยแพร่ภายในไตรมาสแรกของปี 2026

สำหรับประเทศไทย อุตสาหกรรมแร่หายากถือเป็นโอกาสในการยกระดับอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี แต่ก็มีความท้าทายที่ต้องเตรียมพร้อมความพร้อมได้แก่
1.การพัฒนาบุคลากร
ต้องเร่งพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
2.การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
เพื่อรองรับอุตสาหกรรมแปรรูปแร่หายาก
3.การจัดการสิ่งแวดล้อม
กระบวนการแปรรูปแร่หายากต้องได้มาตรฐานสากล
4.การรักษาสมดุลทางการทูตระหว่างสหรัฐฯ และจีน

อนาคตที่ต้องจับตาการแข่งขันแร่หายากในอาเซียนเพิ่งเริ่มต้น และจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ประเทศที่สามารถพัฒนาศักยภาพทางการผลิต การแปรรูป และนวัตกรรมได้เร็วที่สุด จะได้เปรียบในเกมการแข่งขันเศรษฐกิจโลกยุคใหม่

สำหรับประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตแร่หายากอันดับ6 ของโลกไม่ใช่แค่ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่เป็นโอกาสในการกำหนดแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่เพื่ออัพเกรดสู่บทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทาน(Global Supply Chain)แร่หายากของโลก
ดังนั้นการเตรียมความพร้อมและวางยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ชัดเจนรวมทั้งการขับเคลื่อนความร่วมมือกับทั้งจีนและสหรัฐอย่างสมดุลจะเป็นปัจจัยชี้ขาดความสำเร็จในเกมใหญ่เกมนี้ของเรา.

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

  1. U.S. Geological Survey (2025). Mineral Commodity Summaries: Rare Earths
  2. Reuters (26 ตุลาคม 2025). “U.S. signs trade and critical minerals pacts with four ASEAN nations”
  3. Department of Mineral Resources Thailand (2025). “รายงานการศึกษาศักยภาพแร่หายากในประเทศไทย”
  4. Lynas Rare Earths (2025). “Thailand Project Feasibility Study Report”
  5. Thaisarco (2025). “การศึกษาความเป็นไปได้การแยกแร่หายากจากแร่โคลัมเบต-แทนทาเลต”
  6. King Mongkut’s Institute of Technology Ladkrabang (2025). “งานวิจัยกระบวนการแยกแร่หายากอย่างยั่งยืน”
  7. China Nonferrous Metal Mining Group 2025“ข้อมูลโครงการมาเลเซีย”
    หมายเหตุ:
    แร่ธาตุหายาก” (Rare Earths)
    แร่หายากเป็นกลุ่มของโลหะหนัก 17 ชนิด ประกอบด้วยธาตุเคมี ได้แก่ ซีเรียม (cerium), พราเซโอไดเมียม (praseodymium), นีโอไดเมียม (neodymium), โพรมีเทียม (promethium), ซามาเรียม (samarium), ยูโรเปียม (europium), แกโดลิเนียม (gadolinium), เทอร์เบียม (terbium), ดิสโพรเซียม (dysprosium), โฮลเมียม (holmium), เออร์เบียม (erbium), ทูเลียม (thulium), อิตเทอร์เบียม (ytterbium), ลูทีเทียม (lutetium) และแลนทานัม (lanthanum) ซึ่งเป็นธาตุต้นแบบของกลุ่ม รวมถึงสแกนเดียม (scandium) และอิตเทรียม (yttrium) ทั้งหมดนี้เรียกรวมกันว่า “แร่แรร์เอิร์ธ” หรือ “ธาตุหายาก”
    แม้แร่เหล่านี้จะพบได้ทั่วไปในธรรมชาติ แต่เหตุที่ถูกเรียกว่า “หายาก” มาจากความยากในการสกัดให้ได้ในรูปแบบบริสุทธิ์ โดยมักกระจายตัวปะปนอยู่กับแร่ชนิดอื่นในปริมาณน้อย อีกทั้งกระบวนการสกัดต้องใช้สารเคมีเข้มข้นและก่อให้เกิดของเสียที่เป็นพิษจำนวนมาก จึงทำให้ต้นทุนการผลิตสูงและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ

10 อันดับประเทศผู้ผลิตแร่หายากมากที่สุดในโลก ปี 2024
1.จีน 270,000 ผู้นำเบอร์หนึ่งของโลก ควบคุมตลาดกว่า 70% มีเหมือง Bayan Obo ที่มองโกเลีย
2.สหรัฐอเมริกา 45,000 ผลิตจากเหมือง Mountain Pass (California) ภายใต้บริษัท MP Materials
3.เมียนมา (พม่า) 31,000 แม้มีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและกลุ่มติดอาวุธ แต่ยังเป็นแหล่งแร่หนักสำคัญของจีน
4.ออสเตรเลีย 13,000 บ้านของ Lynas Rare Earths เหมือง Mount Weld หนึ่งในแหล่งแร่หายากชั้นนำของโลก
5.ไนจีเรีย 13,000 ดาวรุ่งใหม่ของแอฟริกา เริ่มจับมือฝรั่งเศสพัฒนาเหมืองและโรงแปรรูป
6.ประเทศไทย 13,000 ผลิตพุ่ง 261% ในปีเดียวมีโรงงาน Neo Magnequench ที่โคราช
7.อินเดีย 2,900 มีทรัพยากรชายฝั่งมากแต่ผลิตน้อย เข้าร่วมโครงการ Minerals Security Partnership (MSP)
8.รัสเซีย 2,600 มีแหล่งสำรองใหญ่แต่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ เหมืองหลักคือ Tomtor
9.มาดากัสการ์ 2,000 มีศักยภาพสูงแต่ถูกต่อต้านจากชุมชนท้องถิ่นเรื่องสิ่งแวดล้อม
10.เวียดนาม 300 มีแหล่งแร่ใหญ่ แต่สะดุดเพราะคดีทุจริตในวงการเหมืองปี 2023

‘เสถียรธรรมสถาน’ เชิญชวนผู้ศรัทธา ร่วมส่ง – ปฏิบัติภาวนา เพื่อเป็นอาจาริยบูชา ‘แม่ชีศันสนีย์’


นางสายสัมพันธ์ ปัญญศิริ ประธานมูลนิธิเสถียรธรรมสถาน กล่าวว่า เสถียรธรรมสถานกำหนดให้มีการเคลื่อนกายสังขาร แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ออกจากเสถียรธรรมสถาน กรุงเทพฯ อย่างถาวร สู่เสถียรธรรมสถาน หุบเขาโพธิสัตว์ จ.เพชรบุรี โดยเรียกชื่องานนี้ว่า ‘จากบ้านสู่บ้าน จากปณิธานสู่ความจริง’ ขอเชิญลูกศิษย์และผู้ศรัทธาแม่ชีศันสนีย์ได้ร่วมส่งท่านผ่าน

การร่วมงานสวดพระอภิธรรม ในวันที่ 28-30 ต.ค. 2568 ตั้งแต่เวลา 18.23 น. เป็นต้นไป ณ เสถียรธรรมสถาน กรุงเทพฯ และในวันที่ 31 ต.ค. จะจัดเป็นขบวนเคลื่อนกายสังขารของแม่ชีศันสนีย์ออกจากเสถียรธรรมสถาน กรุงเทพฯ ในเวลา 04.00 น. โดยคาดว่าจะถึงเสถียรธรรมสถาน หุบเขาโพธิสัตว์ ในเวลาประมาณ 09.00 น. และจะมีพิธีสวดพระอภิธรรมจนถึงวันที่ 2 พ.ย.นั้น


นางสายสัมพันธ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกำหนดการงาน ‘จากบ้านสู่บ้าน จากปณิธานสู่ความจริง’ เนื่องในโอกาสครบรอบ 72 ปี ชาตกาล และการเคลื่อนกายสังขารแม่ชีศันสนีย์ จากเสถียรธรรมสถาน สู่หุบเขาโพธิสัตว์ จ.เพชรบุรี ดังนี้ วันที่ 28 – 30 ต.ค. ณ เสถียรธรรมสถาน กรุงเทพฯ การปฏิบัติภาวนาในกิจกรรม Spiritual Trip ตั้งแต่เวลา 10.15น. และสวดพระอภิธรรมตั้งแต่เวลา 18.23 น. เป็นต้นไป

โดยระหว่างวันที่ 28-30 ต.ค. เวลา 17.00 – 18.00 น. จะมีการแสดงพระธรรมเทศนา โดยวันที่ 28 ต.ค. เรื่อง แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต จาก ‘ผู้ได้โอกาส’ สู่ ‘ผู้ให้โอกาส’ โดย พระครูนนทสังฆกิจจาพิมล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ วันที่ 29 ต.ค. เรื่อง วันนี้ของเมล็ดพันธุ์แห่งความดีที่แม่ปลูก

โดย พระราชวัชรธรรมภาณี เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ วันที่ 30 ต.ค. พระธรรมเทศนา เรื่อง ‘หัวใจแม่หัวใจโพธิสัตว์ของ แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต’ โดย พระพรหมวชิรโพธิวงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา สาธารณรัฐอินเดีย และหัวหน้าพระธรรมทูตสายอินเดีย-เนปาล ส่วนวันที่ 31 ต.ค. ครบรอบ 72 ปี

ชาตกาล แม่ชีศันสนีย์ จะมีพิธีเคลื่อนกายสังขาร แม่ชีศันสนีย์ สู่หุบเขาโพธิสัตว์ ตั้งแต่เวลา 03.00น. เมื่อถึงหุบเขาดพธิสัตว์ เวลา 14.00-15.30 น. จะมีกิจกรรม Spiritual Talk เวลา 17.00-18.00 น. พระธรรมเทศนา เรื่อง แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต กับการให้ธรรม…ให้ทาง

ดูเรื่องนี้

โดย พระครูจารุปริยัติการ เจ้าอาวาสวัดหนองขุ่น จ.อุบลราชธานี จากนั้นวันที่ 1-2 พ.ย. ที่หุบเขาโพธิสัตว์ จ.เพชรบุรี จะมีการจัดปฏิบัติภาวนาถวาย แม่ชีศันสนีย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ line : @sdsline หรือ โทร. 02-510-6697

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /กฐินสามัคคี เพื่อสร้างศาลาเอนกประสงค์สำนักสงฆ์ศรีอุปถัมภ์ (ถ้ำเขาปก)/ เทศบาลเมืองชุมพร เชิญชวนร่วมเป็นเจ้าภาพพิธีบำเพ็ญกุศลถวายพระราชกุศลแด่ “พระพันปีหลวง” นาน 44 วัน

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 เวลา 09.00 น. ที่สำนักสงฆ์ศรีอุปถัมภ์ (ถ้ำเขาปก) หมู่ที่ 8 ตำบลวังไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ได้มีการจัดพิธี ทอดกฐินสามัคคี เพื่อสมทบทุนสร้างศาลาเอนกประสงค์ของสำนักสงฆ์ศรีอุปถัมภ์ (ถ้ำเขาปก) โดยมีคณะศรัทธาชาวจังหวัดชุมพรและพื้นที่ใกล้เคียงเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง

การจัดงานครั้งนี้มี พระสุนทรสุธมฺโม รักษาการเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ศรีอุปถัมภ์ (ถ้ำเขาปก) เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
ส่วนประธานฝ่ายฆราวาส ได้แก่ คุณอำไพ ปานคล้าย
รองประธานฝ่ายฆราวาสได้แก่

คุณธรรมนูญ เศวตเวช, คุณอัมพร เศวตเวช, คุณโสภณ อุดมศรี และ คุณนิตยา ขำจิต พร้อมด้วยคณะกรรมการดำเนินงานและอุปถัมภ์ นำโดย คุณอภิวัฒน์ วงศ์สุวัฒน์ และคณะ ร่วมแรงร่วมใจจัดงานอย่างเรียบร้อยงดงาม

ยอดกฐินสามัคคีในปีนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 349,618 บาท โดยจะนำไปใช้ในการก่อสร้างศาลาเอนกประสงค์ เพื่อให้เป็นสถานที่ใช้ประกอบศาสนกิจและกิจกรรมสาธารณประโยชน์ของชุมชนต่อไป บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่นและร่มเย็น พุทธศาสนิกชนจากหลาย

พื้นที่ต่างนำอาหารคาวหวานมาจัดโรงทาน ทั้งอาหารพื้นบ้าน ขนมไทย และเครื่องดื่มไว้บริการผู้มาร่วมงาน สะท้อนให้เห็นถึงน้ำใจ ความสามัคคี และพลังแห่งศรัทธาของชาวชุมพรที่ร่วมกันสร้างบุญใหญ่ในครั้งนี้
ธนากร โกศลเมธี
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดชุมพร
โทร. 081-892-3514

เทศบาลเมืองชุมพร เชิญชวนร่วมเป็นเจ้าภาพพิธีบำเพ็ญกุศลถวายพระราชกุศลแด่ “พระพันปีหลวง” นาน 44 วัน

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 ชุมพร – วันที่ 28 ตุลาคม 2568 สำนักงานเทศบาลเมืองชุมพร ขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน พ่อค้า และประชาชนชาวจังหวัดชุมพร ร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัด พิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม เพื่อถวายพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อแสดงความอาลัยและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

พิธีบำเพ็ญกุศลฯ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม ถึง 12 ธันวาคม 2568 รวมระยะเวลา 44 วัน ณ มณฑลพิธีลานเอนกประสงค์ หน้าสำนักงานเทศบาลเมืองชุมพร อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร โดยเริ่มพิธีทุกวันเวลา 18.00 น.

พร้อมกันนี้ เทศบาลเมืองชุมพรยังขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนและผู้มีจิตศรัทธา ร่วมเป็นเจ้าภาพ จัดตั้งโรงทานถวายพระราชกุศล เพื่อร่วมสร้างบุญกุศลในวาระสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ชาติไทยครั้งนี้ด้วย

ผู้สนใจแจ้งความประสงค์ร่วมเป็นเจ้าภาพหรือจัดตั้งโรงทานได้ที่ห้องปฏิบัติงานนายกเทศมนตรีเมืองชุมพร ชั้น 2 สำนักงานเทศบาลเมืองชุมพรหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ นายศรีชัย วีรนรพานิช นายกเทศมนตรีเมืองชุมพร

ทั้งนี้ ในการเริ่มต้นจัดพิธีบำเพ็ญกุศลฯ ได้รับความร่วมแรงร่วมใจจากภาคประชาชน โดย คุณณัฐวรรณ ฉายะบุตร (คุณนายหน่อย) ประธานคณะกรรมการจริยธรรมจังหวัดชุมพร ได้ร่วมบริจาคเงินจำนวน 50,000 บาท เพื่อสมทบทุนการจัดพิธีในครั้งนี้ ถือเป็นแบบอย่างแห่งความจงรักภักดีและกตัญญูกตเวทีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแท้จริง

เร่งรัดตรวจสอบโครงการขุดลอกคลองหลังสวน งบกว่า 6 พันล้าน แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก

ผู้สื่อข่าว : ธนากร โกศลเมธี โทร. 081-8923514
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมเกาะพิทักษ์ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดชุมพร สภาเกษตรกรจังหวัดชุมพร ได้จัดการประชุมสภาเกษตรกรจังหวัดชุมพร ครั้งที่ 1/2569

โดยมี นายธีระศักดิ์ ยมสวัสดิ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดชุมพร เป็นประธานการประชุม มีสมาชิกจากทุกอำเภอและผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
การประชุมครั้งนี้ได้พิจารณาแนวทางการบูรณาการโครงการร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร รวม 6 โครงการสำคัญ ได้แก่

โครงการวิเคราะห์ดินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตทางการเกษตร

  1. โครงการพัฒนาคุณภาพทุเรียนชุมพรเพื่อการส่งออกตลาดจีน
  2. โครงการเพิ่มมูลค่าผลไม้ชุมพรด้วยนวัตกรรมแปรรูป
  3. โครงการตรวจสอบสารตกค้างในทุเรียน
  4. โครงการเพิ่มช่องทางการตลาดและการกระจายผลผลิตทางการเกษตร
  5. โครงการบูรณาการสร้างการรับรู้แผนแม่บทพัฒนาเกษตรกรรม
    พร้อมทั้งมีการหารือร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพรเพื่อกำหนดแนวทางดำเนินงานในปีงบประมาณ 2569
    นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ติดตามความคืบหน้าในการประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งและการบริหารจัดการน้ำ เช่น การติดตั้งเครื่องสูบน้ำระยะไกล สนับสนุนการขุดเจาะบาดาลและระบบท่อส่งน้ำ การขุดหลุมน้ำ การสร้างฝายชะลอน้ำ รวมถึงการเร่งรัดสิทธิ์ในที่ดินทำกินให้เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง
    ในช่วงการประชุม นายสุรินทร์ ทองน้อย สมาชิกสภาเกษตรกรอำเภอหลังสวน เขต 1 ได้สอบถามถึงความคืบหน้า โครงการขุดลอกคลองหลังสวน เพื่อผันน้ำออกสู่อ่าวไทย แก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่ตำบลพ้อแดง และตำบลนาพญา อำเภอหลังสวน ซึ่งอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ สำนักชลประทานที่ 14 กรมชลประทาน
    โครงการดังกล่าวมีวงเงินงบประมาณกว่า 6,000 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมระยะยาวในพื้นที่ลุ่มน้ำหลังสวน โดยจะสามารถป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ตำบลบ้านควน ตำบลพ้อแดง ตำบลนาพญา และตำบลบางมะพร้าว ครอบคลุมพื้นที่กว่า 27,000 ไร่ และช่วยบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้ง โดยสามารถเก็บกักน้ำได้ประมาณ 3.8 ล้านลูกบาศก์เมตร และเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในพื้นที่กว่า 29,000 ไร่
    นายธีระศักดิ์ ยมสวัสดิ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือสอบถามความคืบหน้าไปยังกรมชลประทานแล้ว ซึ่งได้รับคำชี้แจงจากสำนักชลประทานที่ 14 ว่าการดำเนินโครงการมีอุปสรรค เนื่องจากมีราษฎรบางส่วนในพื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลท่ามะพลา ไม่ยินยอมให้ใช้พื้นที่ทำกินบริเวณหัวงานโครงการ ส่งผลให้ยังไม่สามารถเข้าดำเนินการสำรวจปฐพีวิทยาได้ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดชุมพรกล่าวเพิ่มเติมว่า สภาเกษตรกรจะเสนอแนวทางให้กรมชลประทานพิจารณาปรับเปลี่ยนเส้นทางการขุดลอกใหม่ เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินการต่อได้โดยไม่กระทบสิทธิ์ของประชาชน และเพื่อให้การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากของชาวอำเภอหลังสวนเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐทีวี/ กฟผ.แถลงข่าว กินข้าว เล่าเรื่อง กับสื่อมวลชน จังหวัดน่าน

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 ณเฮือนภูคา ผ้าน่านบุรี เดินหน้าดูแลความมั่นคงระบบไฟฟ้า สร้างพลังงานมั่นใจเพื่อคนไทยทั่วประเทศ กฟผ. เดินหน้าภารกิจดูแลความมั่นคงของระบบไฟฟ้า พร้อมเพิ่มพลังงานสะอาดต้นทุนต่ำจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ราคาค่าไฟฟ้ามีความเหมาะสมและเสริมเสถียรภาพด้านพลังงานในระยะยาว

นายบุญมา พูชิน ผู้ช่วยผู้ว่าการก่อสร้างระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์พลังงานโลกในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของประเทศ กฟผ. ในฐานะหน่วยงานของรัฐที่มีภารกิจดูแลความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศ จึงต้องบริหารจัดการเชื้อเพลิงให้มีความสมดุล หลากหลาย เพื่อให้ประชาชนมีไฟฟ้าใช้อย่างต่อเนื่อง มั่นคง ในราคาที่เหมาะสม

หนึ่งในแนวทางสำคัญคือการรับซื้อไฟฟ้าพลังน้ำจาก สปป.ลาว ซึ่งรัฐบาลไทยและ สปป.ลาว ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อขยายกรอบการรับซื้อไฟฟ้าเมื่อปี 2565 จาก 9,000 เมกะวัตต์ เป็น 10,500 เมกะวัตต์ ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP2018 Rev.1) ที่กำหนดให้ประเทศไทยรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศในสัดส่วนร้อยละ 10 ของกำลังผลิตทั้งหมด พร้อมทั้งก่อสร้างโครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าบริเวณจังหวัดน่าน แพร่ และอุตรดิตถ์ เพื่อรองรับการซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว

โดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้มอบหมาย กฟผ. ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบาง จำนวน 1,460 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนปากแบง จำนวน 912 เมกะวัตต์ เพื่อส่งไฟฟ้าเข้าสู่ระบบของไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มแหล่งพลังงานที่มั่นคงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งการลงทุนระบบส่งและต้นทุนรวมของการรับซื้อไฟฟ้ายังต่ำกว่าการผลิตไฟฟ้าในประเทศ จึงไม่เป็นภาระต่อค่าไฟฟ้าของประชาชน ทั้งนี้ การก่อสร้างระบบส่งไฟฟ้าเป็นสาธารณูปโภคของประเทศจำเป็นต้องดำเนินงานโดยหน่วยงานรัฐ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าระบบไฟฟ้ามีความปลอดภัย มีความเสถียร และไม่เป็นภาระต่อประชาชนในระยะยาว

ผู้ช่วยผู้ว่าการก่อสร้างระบบส่ง กฟผ. กล่าวต่อไปว่า กฟผ. ให้ความสำคัญกับการใช้พื้นที่อย่างรอบคอบในการดำเนินโครงการฯ โดยพยายามหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีสิ่งปลูกสร้างหรือที่อยู่อาศัยของประชาชนให้มากที่สุด สำหรับด้านสิ่งแวดล้อม กฟผ. ได้จัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว ส่วน

พื้นที่ในแนวเขตระบบไฟฟ้าที่จำเป็นต้องใช้ประโยชน์ จากการสำรวจพบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ในแนวเขตระบบไฟฟ้าเป็นป่าเสื่อมโทรม ทั้งนี้ พื้นที่ที่ยังคงสภาพป่าธรรมชาติหรืออยู่นอกเขตป่าเสื่อมโทรม กฟผ. ได้ให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานให้ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องทุกขั้นตอน เมื่อได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าไม้แล้วจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมสำรวจและคัดเลือกไม้ตามระเบียบ โดยไม้ทั้งหมดจะอยู่ในความดูแลของหน่วยงานภาครัฐ มิได้เป็นกรรมสิทธิ์ของ กฟผ. และ กฟผ. พร้อมดำเนินการปลูกป่าทดแทนอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศและชดเชยพื้นที่ป่าที่ได้รับผลกระทบ

โครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าบริเวณจังหวัดน่าน แพร่ และอุตรดิตถ์ นอกจากช่วยเสริมความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศแล้ว ยังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่น เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในระดับจังหวัด ขณะเดียวกัน กฟผ. ยังมีแผนดำเนินกิจกรรมด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างแท้จริง โดยที่ผ่านมา กฟผ. ได้ดำเนินกิจกรรม อาทิ โครงการแว่นแก้ว โครงการน่าน Light Up & Smart City

โครงการกล้าดี การมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมถึงการร่วมจัดงานประเพณีท้องถิ่นกับชาวบ้านในชุมชน เพื่อให้การพัฒนาเดินหน้าไปพร้อมกับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในชุมชนเจ้าของพื้นที่
การพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าบริเวณจังหวัดน่าน แพร่ และอุตรดิตถ์ เป็นโครงการพลังงานของประเทศที่จะช่วยให้ภาคเหนือและคนไทยทุกคนมีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอ มั่นคง และยั่งยืน รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังขยายตัวทั่วประเทศ รวมทั้งเป็นการวางรากฐานสำคัญให้ประเทศไทยก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคง ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่านการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ชาวสมุทรปราการ ร่วมบุญใหญ่!! กฐินสามัคคีวัดมหาวงษ์ พุทธศาสนิกชนร่วมพิธีแห่องค์กฐิน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 26 ตุลาคม 2568 ที่ วัดมหาวงษ์ ปากน้ำ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ คณะศิษยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชนจำนวนมากร่วมแห่องค์กฐินสามัคคี ประจำปี 2568 โดยได้รับความเมตตาจากท่านพระปลัดสราวุธ โรจนธมฺโม (พระอาจารย์แดง) เจ้าอาวาสวัดมหาวงษ์ สมุทรปราการ

โดยมี พระครูยุทธนา ภททญาโณ (พระอาจารย์ตุ๋ย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาวงษ์ ร่วมกับ คณะสงฆ์วัดมหาวงษ์ คณะกรรมการ

ไวยาวัจกร อุบาสก อุบาสิกา คณะสงฆ์ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถาเจริญพระพุทธมนต์รับองค์กฐินสามัคคี ประจำปี 2568 โดยมี คุณธนิตพงษ์

ด้วย คุณทิพย์ประภา วรัณวงศ์เจริญ ประธานอุปถัมภ์ กฐินสามัคคีประจำปี 2568 นอกจากนี้ ยังได้รับการอุปถัมภ์ จากครอบครัวพาณิชย์พิศาลเศรษฐีผู้ใจบุญ

โดย คุณอัครนันท์ พร้อมด้วย คุณธัญยธรณ์ พาณิชย์พิศาล ผศ.พญ.เกศริน พาณิชย์พิศาล ดร.ปิยนุช พาณิชย์พิศาล คุณจรูญ กระแชงขาว

คุณแม่เรณู งามสมทรคุณแม่ทองม้วน อิษวาส คุณแม่น้อย พงษ์จันทร์ และคณะเจ้าหน้าที่ชมรมโฮมสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา อีกทั้งในปีนี้ยัง

ได้รับเกียรติจาก คุณภิญโญ กิจเลิศไพโรจน์ และผู้นำท้องถิ่น เดินทางมาร่วมในพิธีตลอดจนคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย พุทธศาสนิกชนผู้ใจบุญ ชาวอำเภอเมือง และอำเภอใกล้เคียง

ร่วมบุญกันอย่างเรียบง่ายและร่วมไว้อาลัยแด่พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นอกจากนี้ พุทธศาสนิกชนผู้ใจบุญยังได้ร่วมกันนำอาหารปรุงสุกนำมาออกร้านตั้งโรงทานแจกจ่ายให้แก่ประชาชน

ที่ร่วมในพิธีครั้งนี้ ก่อนจะแห่องค์กฐินรอบพระอุโบสถและร่วมถวายองค์กฐิน

ซึ่งในปีนี้ทางวัดมหาวงษ์ ปากน้ำ ได้ยอดเงินทอดกฐินสามัคคี จากการทำบุญของพุทธศาสนิกชนผู้ใจบุญรวมกว่า 1 ล้านบาท


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ชาวชุมพรพร้อมใจถวายน้ำสรงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้วยความอาลัยยิ่ง

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 ผู้ประกาศข่าว: ที่จังหวัดชุมพร วันนี้ (26 ตุลาคม 2568) นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีถวายน้ำสรงพระบรมศพเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลว

โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และพสกนิกรชาวจังหวัดชุมพร ร่วมกันถวายน้ำสรงพระบรมศพและลงนามถวายความอาลัย ณ ลานอเนกประสงค์หน้าเทศบาลเมืองชุมพร อำเภอเมืองชุมพร

บรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบ สะเทือนใจ และเปี่ยมด้วยความอาลัยยิ่ง พสกนิกรทุกหมู่เหล่าร่วมกันแสดงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อพสกนิกรชาวไทยตลอดพระชนมชีพ

ทั้งนี้ ทุกอำเภอในจังหวัดชุมพรได้พร้อมใจกันจัดพิธีถวายน้ำสรงพระบรมศพเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ และลงนามถวายความอาลัย เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมแสดงความอาลัยอย่างพร้อมเพรียงกันทั่วทั้งจังหวัด