คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวสังคม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อ.โคกสำโรง เปิดรับบริจาคสิ่งของเพื่อนำไปมอบให้กับพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยจากเหตุการประทะกันตามแนวชายแดนไทย -กัมพูชา

แชร์เนื้อหานี้

วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม 2568 ณ อาคารหอประชุมที่ว่าการอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ตามที่นายอำพล อังภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ได้มอบหมายให้แต่ละอำเภอ ประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดลพบุรี

บริจาคสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น ในการดำรงชีพ เพื่อนำไปมอบให้กับพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยจากเหตุการประทะกันตามแนวชายแดนไทย -กัมพูชา ที่อพยพไปอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ในเขตพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์

ทางอำเภอโคกสำโรงโดยการนำของ นายเจตน์พงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล นายอำเภอโคกสำโรง มอบหมายให้ผู้นำท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่ได้ประกาศเสียงตามสาย ประชาสัมพันธ์เชิญชวน พี่น้องประชาชนในพื้นที่ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยการสู้รบดังกล่าว

ซึ้งในวันนี้อำเภอโคกสำโรงได้รับสิ่งของบริจาค จากพี่น้องชาวอำเภอโคกสำโรงที่พร้อมใจกันนำมาช่วยเหลือจำนวนมาก และจะได้นำส่งให้ทางจังหวัดลพบุรีดำเนินการส่งต่อความช่วยเหลือต่อไปในแต่ละวัน

ฉนั้นทางอำเภอโคกสำโรง ยังคงขอความรวมมือรวมมอบสิ่งของส่งกำลังใจ ได้ที่ศาลาหอประชุมได้ทุกวัน จะมีนายอำเภอโคกสำโรง พร้อมเจ้าหน้าที่คอยรอรับบริจาคสิ่งของต่างส่งต่อไปยัง ผู้ประสบภัย ตามจังหวัดต่างๆในทุกๆวัน ศูนย์รับ

บริจาค สิ่งของอุปโภคบริโภค บริเวณที่ว่าการอำเภอโคกสำโรง เพื่อช่วยเหลือผู้อพยพ ในจังหวัดสุรินทร์ / อุบลราชธานี / ศรีสะเกษ ตั้งแต่ 26 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป
โดยสิ่งของที่ต้องการด่วน ดังนี้

  1. Pampers (แพมเพริส)
  2. ผ้าอนามัย
  3. มุ้ง(แบบกางสำเร็จรูป)
  4. ผ้าห่ม(แบบบาง)
  5. ยากันยุง
    (ทั้งนี้งดรับเงินสด / น้ำดื่ม)

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี
และอนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบมุ้งรักโลก ให้กับศูนย์พักพิง พร้อมเผยหลังเหตุการณ์สงบ จัดหาอาชีพ ให้กับผู้ประสบภัย

แชร์เนื้อหานี้

***ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์พักพิงผู้อพยพ อําเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อม ผศ.ดร พนธ์พันธ์ เลิศจันทรางกูร ที่ปรึกษาอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และคณะเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังผู้อพยพเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ที่ศูนย์ดังกล่าว และมอบสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ทั้ง ยาสีฟัง แปรงสีฟัน แป้ง แพนเพิร์ธทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ นม ยากันยุง น้ำดื่ม มุ้งรักโลก โดยมี นายธนเดช พระอารักษ์ นายอําเภอเบญจลักษ์ และหัวหน้าส่วรนราชการให้การต้อนรับ

***นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนเป็นตัวแทนรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ที่อพยพมาจากตะเข็บชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ หลังจากที่ตนได้ทราบข่าวการยิงปะทะกันกลับประเทศกัมพูชา ทำให้ประเทศไทยเกิดการสูญเสียและมีเด็กและประชาชนเสียชีวิตหลายราย ทางกระทรวง พม. มีความห่วงใยมากจึงให้ตนลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมและสอบถามความเดือดร้อนของผู้สูญเสีย และผู้อพยพที่เป็นกลุ่มเปราะบางรวมถึงพี่น้องประชาชนที่ได้รับเดือดร้อนหลายๆส่วน อาทิเช่น ผู้ป่วยติดเตียง คนชรา และเด็ก ที่ได้รับผลกระทบการจากการยิงปะทะกันในครั้งนี้

***ทางกระทรวงได้เห็นความสำคัญของกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้รัฐมนตรี พม. ประนามการกระทำของกัมพูชาที่กระทำต่อประชาชนเด็กที่ไม่รู้เรื่องด้วยและมีทางสู้ ตนลงมาในครั้งนี้ได้รับทราบความเดือดร้อนและความต้องการสิ่งต่างๆที่ขาดแคลนในศูนย์อพยพ อาทิเช่น มุ้งกาง โลชั่นกันยุง พัดลม แปรงสีฟันยาสีฟันสบู่แป้ง ที่ยังเป็นที่ต้องการอยู่เป็นจำนวนมากในตอนนี้ และหลังจากที่เหตุการสงบ พม. ก็จะลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบความเสียหายของบ้านเรือนและจัดหาอาชีพและสงเสริมอาชีพให้กับพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยต่อไป

***หลังจากมอบสิ่งของเสร็จแล้ว อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมคณะ ก็ได้เข้าไปเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ป่วยติดเตียง โดยได้สอบถามพูดคุยกับคุณยายสะแอม วันทรัพย์ อายุ 94 ปี เป็นผู้ป่วยติดเตียง ที่อพยพมาจากพื้นที่เสี่ยงภัยที่เป็นสีแดงในอำเภอกันทรลักษ์ คุณยายมาอยู่ศูนย์อพยพแห่งนี้ได้ 2 คืนแล้ว คุณยายไม่อยากมาและบ่นกับลูกๆอยู่ตลอดว่าอยากกลับบ้าน ให้พากลับไปบ้านหน่อย เพราะคนแก่คิดถึงบ้าน

***ลูกสาวคุณยายยังเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ในวันที่เกิดเหตุตนยังขายของตามปกติอยู่ที่บ้าน โดยไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงขนาดนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเกิดรวดเร็วมาก เพียงไม่กี่นาที วันที่เกิดเหตุระเบิดที่ปั๊ทน้ำมัน ตนเองยังได้ไปช่วยเหลือคนที่โดนระเบิดในวันนั้นด้วย ตนรู้สึกหดหัวใจและยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ไม่ลืม

***ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้นี้ยังมกลุ่มวัยรุ่นจิตอาสามีน้ำใจ นำเสื้อผ้ามือสองที่ไม่ได้ใช้ เอามาแจกจ่าย ปันน้ำใจให้กับผู้อพยพในศูนย์แห่งนี้อีกด้วย ซึ่งถือเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สร้างรอยยิ้ม และกำลังใจให้กับผู้อพยพที่หนีมาพักพิงช่วงยามอยากในครั้งนี้

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /มูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955 มอบอาคาร- ทุนการศึกษา มอบสิ่งของจำเป็น เงินช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง ให้กับกลุ่มผู้พิการ ผู้ยากไร้ สระแก้ว

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 นายสุเทพ ชัยวัฒน์ ปลัดจังหวัดสระแก้ว นายฐานิตย์ เทียนทอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว พร้อม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะผู้ติดตาม เดินทางมาเป็นประธานเปิดอาคารสำนักงาน ณ บ้านเขาสามสิบ หมู่4 ต.เขาสามสิบ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว และรับทุนการศึกษาและสิ่งของจำเป็น จากประธานมูลนิธิปิยะศักดิ์1955 ก่อนส่งมอบเด็กนักเรียน และกลุ่มผู้พิการ ผู้ยากไร้ จังหวัดสระแก้ว

โดย นางศรานันท์ คูโคเวค ประธานมูลนิธิปิยะศักดิ์1955 นายประทวน สุวรรณ์ รองประธานมูลนิธิปิยะศักดิ์1955 พร้อมด้วยประธานภาค คณะทำงานภาคและผู้ตรวจการพิเศษ สมาชิก จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดนครราชสีมา เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ทางด้าน นางบุญเรือน คะมะโน ประธานคณะทำงานมูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955 จังหวัดสระแก้ว และประธานคณะทำงานจิตอาสาจังหวัดสระแก้ว ได้กล่าว จุดเริ่มต้นการทำงานของคณะทำงานจังหวัดสระแก้ว ได้ติดตามการทำงานของมูลนิธิมาเป็นเวลา 2 ปี

จึงได้พาคณะทำงานทั้ง 66 ท่าน เดินทางไปเข้าพบ ท่านศรานันท์ คูโคเวค และ ท่านประทวน สุวรรณ์ เพื่อสมัครเข้ามาทำงานกับมูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955 นี้ ซึ่งจำคำที่ ท่านศรานันท์ ถามว่าคิดอย่างไรถึงอยากมาทำงานกับมูลนิธินี้ ดิฉันตอบท่านว่าทุกวันนี้เวลามีงานช่วยเหลือสังคมเราก็ทำกันอยู่แล้ว แต่ถ้าได้รับงบประมาณจากมูลนิธิปิยะศักดิ์1955 อย่างน้อยเราได้ช่วยเหลือประชาชนทั่วไปและ ผู้ด้อยโอกาสมากขึ้น แรงบันดาลใจที่ทำแล้ว เหนื่อยแค่ไหนก็ยังมีแรงใจ ทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้ ดิฉันถาม ท่านประทวน สุวรรณ์ ว่าท่านทำเพื่ออะไร ท่านตอบว่าก่อนตายเราได้ตอบแทนคุณแผ่นดิน…ดิฉันทำงานกับมูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955 นี้มา 1 ปีกับอีก 4 เดือน มูลนิธินี้ไม่มีการเรี่ยไรใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่ช่วยเหลือสังคม

สำหรับ วัตถุประสงค์ของมูลนิธิปิยะศักดิ์1955 มีอยู่ 4 ข้อ
1.ช่วยเหลือและสร้างอาชีพให้แต่ละอำเภอแต่ละจังหวัดได้มีอาชีพเพื่อหาเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัวสนับสนุนเกษตรกรปลูกพืชผักผสมผสานส่งเสริมรายได้สู่ชุมชน 2.เพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้ยากไร้เจ็บป่วยเขียวยาผู้พิการและมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์
3.เพื่อบำรุงพุทธศาสนา
4.เพื่อให้ทุนการศึกษาแก่เยาวชนที่เรียนดีมีความประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์และหรือเยาวชน ที่มีผลการเรียนดี ที่ผ่านมาโครงการหลักและโครงการรองที่เราได้ทำไปแล้ว

โครงการที่ 1 มอบหอกระจายข่าวให้กับสำนักสงฆ์เขาต่ำหมู่ 11 ตำบลบ้านแก้ง อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว และได้พาคณะทำงานร่วมจัดกิจกรรมสรงน้ำพระ และรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุมอบเงินและสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นโครงการที่ 2 เทถนนคอนกรีตให้กับโรงเรียนบ้านเหล่ากกโก หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านแก้ง อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งมีความยาว 235 เมตรกว้าง 4 เมตร ลงดินและดินลูกรัง ต่อจากที่เทถนนคอนกรีต ยาว 200 เมตรและได้นำคณะทำงานมูลนิธิปิยะศักดิ์ 1555 หลายจังหวัดมาทอดผ้าป่ามอบทุนให้กับโรงเรียน

โครงการที่ 3 สร้างอาคารสำนักงานเพื่อมอบให้เป็นสถานะประโยชน์ให้กับ บ้านเขาสามสิบ หมู่ 4 ตำบลเขาสามสิบ อำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว เพื่อให้มูลนิธิร่วมกตัญญได้มาใช้สถานที่เพื่อเป็นศูนย์การช่วยเหลือผู้ป่วยและประชาชนทั่วไปในตำบลเขาสามสิบ และตำบลใกล้เคียงได้ทันท่วงทีในเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน

ซึ่งทาง คุณศรานันท์ กูโคเวค ประธานมูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955 และคุณประทวน สุวรรณ์ รองประธาน มูลนิธิปิยศักดิ์ 1955 ได้เล็งเห็นประโยชน์ ในการสร้างสำนักงานแห่งนี้ขึ้นมาคือได้ช่วยเหลือประชาชนจริงๆจึงได้อนุมัติงบประมาณให้จังหวัดสระแก้ว พวกเราสมาชิกจังหวัดสระแก้วเป็นคนทำ โดยที่ไม่ได้จ้างผู้รับเหมา ส่วนการดำเนินการทำงานทางมูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955

มอบให้คณะทำงานจิตอาสาจังหวัดสระแก้ว โครงการทุกโครงการที่เอ่ยมาเราได้รับงบประมาณจากมูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955 โครงการของที่มูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955 จังหวัดสระแก้วมอบให้ทั้ง 9 อำเภอไปแล้วมีดังนี้ 1.มอบเงินและสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้กับผู้ป่วยติดเตียง ผู้ยากไร้และผู้พิการ 2.มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ร่วมกิจกรรมต่างๆเช่นตัดหญ้าทำความสะอาดวัด ที่สาธารณะประโยชน์ ทาสีและซ่อมแซมอาคารเรียน คณะทำงานของเราแต่ละอำเภอก็ลงพื้นที่ตามโรงเรียนและวัดต่างๆ ในจังหวัดสระแก้ว 4.จัดทำโรงทานของมูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955 เมื่อมีกฐินผ้าป่า งานวันเด็กหรือกิจกรรมที่เป็นสาธารณะ ประโยชน์ต่างๆในจังหวัดและนอกเหนือจากโครงการและกิจกรรมต่างๆที่กล่าวมาแล้วคณะทำงานจังหวัดสระแก้วยังได้จัดทำแปลงนาสาธิต 15 ไร่แบบผสมผสานเกษตรทฤษฎีใหม่ทั้ง 9 อำเภอเพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ให้กับนักเรียนและประชาชนทั่วไปได้เข้ามาศึกษาดูงานวัตถุประสงค์ในการทำแปลงนาสาธิต 15 ไร่แบบผสมผสานเกษตรทฤษฎีใหม่นี้ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับครัวเรือนและสามารถนำความรู้ที่ได้ปฏิบัติงานจริงในแปลงนาสาธิตไปต่อยอดเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวและสามารถพึ่งพาตัวเองได้ในยามที่เกิดวิกฤตต่างๆ เช่น โรคระบาดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทำให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน

    1. ที่ผ่านมาก็มีนักเรียนโรงเรียนต่างๆในจังหวัดสระแก้วได้มาศึกษาดูงาน จัดกิจกรรมต่างๆ ในแปลงนาและมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยี่ยมชมศึกษาดูงานที่แปลงนาของเราค่ะทางคณะทำงานมูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955 จังหวัดสระแก้วและทุกๆจังหวัดมีความยินดี่เป็นอย่าง ยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการทำความดีเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินช่วยแบ่งเบาภาระต่างๆให้กับประชาชนทั่วไปแบ่งปันความรู้ต่างๆให้กับน้องๆนักเรียนและทุกท่านที่มาเยี่ยมชมศึกษาดูงาน

    1. รายละเอียดการทำงาน อาคารสำนักงานและจัดงาน 350,000 บาท สร้างหอกระจ่ายข่าวพร้อมจัดงานสงกรานต์สรงน้ำพระรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุมอบเงินและของชำร่วย งบประมาณ 80,000 บาท เทถนนคอนกรีตโรงเรียนบ้านเหล่ากกโกหมู่8 ตำบลบ้านแก้ง อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว งบประมาณ 415,440 บาท ทำนาแปลงนาสาธิต 15 ไร่แบบผสมผสานเกษตรทฤษฎีใหม่ ตั้งแต่เริ่มต้นทำนาจัด กิจกรรม นักเรียนมาศึกษาดูงานดำนาเกี่ยวข้าว ขุดลอกคลองไส้ไก่ ขุดสระใช้งบประมาณ
    2. 950,000 บาท กิจกรรมจัดงานวันเด็กโรงทานต่างๆในจังหวัด และช่วยเหลือคณะทำงานที่เสียชีวิตใช้งบประมาณทั้งหมด 50,000 บาท ยังมีโครงการที่จังหวัดสระแก้วได้รับงบประมาณต่างๆจากท่านประธานและท่านรองประธาน มูลนิธิปิยะศักดิ์ 1555 อีกหลายโครงการ ที่กำลังจะทำเช่น
    1. สร้างเมรุให้กับสำนักสงฆ์เขาต่ำบ้านคลองหมากนัดหมู่ 11 ตำบลบ้านแก้งอำเภอเมืองจังหวัดสระแก้ว
      2.สร้างหอกระจายข่าวให้กลับโรงเรียนและวัดต่างๆ ในจังหวัดสระแก้ว
    2. มอบเงินช่วยเหลือซื้ออุปกรณ์ให้กับมูลนิธิสว่างกู้ภัยตำบลบ้านแก้ง อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้วและยังมีอีกหลายโครงการที่ท่านอนุมัติงบประมาณให้กับจังหวัดสระแก้วของเรา ในนามของคณะทำงานมูลิธิปิยะศักดิ์ 1955จังหวัดสระแก้ว และคณะทำงานจิตอาสา จังหวัดสระแก้ว ขอกราบขอบพระคุณ คุณศรานันท์ คูโคเวค และคุณประทวน สุวรรณ์ ที่ให้โอกาสคณะทำงานจังหวัดสระแก้ว ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน นางบุญเรือนกล่าว

    ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล ผู้สื่อข่าวภูมิภาค รายงาน

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผกก.สภ.ห้วยยาง พร้อมภาคีเครือข่าย ร่วมลงนามปฏิญญารวมพลัง ยับยั้งปัญหายาเสพติดภายใน 3 เดือน ตามนโยบายปฏิบัติการ “No Drugs No Dealers”/ ทำพิธีส่งมอบบ้านให้แก่ผู้ยากไร้และกลุ่มเปราะบาง โครงการ “บูรณาการซ่อมสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของกลุ่มเปราะบาง”

    แชร์เนื้อหานี้

    วันที่ 23 กรกฏาคม 2568 ที่ห้องประชุมศูนย์สั่งการจุดตรวจร่วมห้วยยาง สภ.ห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.วีระพัฒน์ เกตุษา ผกก.สภ.ห้วยยาง ร่วมลงนามปฏิญญารวมพลัง ยับยั้งปัญหายาเสพติด สถานีตำรวจภูธรห้วยยาง อ.ทับสะแก จว.ประจวบคีรีขันธ์ ตามนโยบายปฏิบัติการ “No Drugs No Dealers” ผนึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด เพื่อดำเนินการในหมู่บ้าน/ชุมชนในพื้นที่รับผิดชอบ ของสถานีตำรวจภูธรห้วยยาง จำนวน 17 หมู่บ้าน เพื่อขจัดปัญหายาเสพติดให้หมดไปภายใน 3 เดือน

    โดยมี นายชาตรี วณิชวรสกุล ประธาน กต.ตร.สภ.ห้วยยาง น.ส.อุษณี ทอดสนิท กำนันตำบลห้วยยาง นายชาลี สุทธา สารวัตรกำนันตำบลแสงอรุณ ตัวแทนนายก อบต.ห้วยยาง ตัวแทนนายก อบต.แสงอรุณ ผอ.รพ.สต.ห้วยยาง ผอ.รพ.สต.บ้านเนินดินแดง ผอ.รพ.สต.บ้านหินเทิน และ รอง ผกก.ป.ฯ รอง ผกก.สส.ฯ พร้อมภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ตำบลห้วยยาง ตำบลแสงอรุณ ร่วมเป็นสักขีพยานดังกล่าว

    โดยได้ร่วมแสดงปฏิญญาร่วมกันว่า 1. จะมุ่งบังคับใช้กฎหมายและปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่อย่างจริงจังและเด็ดขาด 2. จะป้องกันมิให้มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดมิให้มีผู้ค้าและผู้เสพยาเสพติดในหมู่บ้านชุมชน 3. จะเสริมสร้างความเข้มแข็งให้หมู่บ้านชุมชนมีระบบ กลไก การจัดการปัญหาด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยจากยาเสพติดอย่างแท้จริง
    /////////////////////////////////////
    ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

    อธิบดีกรมคุมประพฤติ และผู้ว่าฯประจวบ ทำพิธีส่งมอบบ้านให้แก่ผู้ยากไร้และกลุ่มเปราะบาง โครงการ “บูรณาการซ่อมสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของกลุ่มเปราะบาง” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568

    วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 หมู่ที่ 16 บ้านบึงใหญ่ ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พันตำรวจตรีสุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ พร้อม นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำพิธีส่งมอบบ้านให้แก่ผู้ยากไร้ และกลุ่มเปราะบาง โครงการ “บูรณาการซ่อมสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ของกลุ่มเปราะบาง” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568

    โดยมี นายยูซบ โต๊ะวัง ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายวสันต์ เภรีวิค ผอ.สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายศุภชัย ครุฑดำ นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.สถิตย์ คงเนียม ผกก.สภ.อ่าวน้อย พร้อม หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ อาสาสมัครคุมประพฤติจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่คุมประพฤติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกิจกรรม

    สำหรับโครงการ “บูรณาการซ่อมสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ของกลุ่มเปราะบาง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 โดยกลุ่มเปราะบางจากข้อมูลของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ย้อนหลัง 3 ปี เกี่ยวกับข้อมูลการปรับสภาพที่อยู่อาศัยและการให้ความช่วยเหลือจำนวนครัวเรือนที่มีที่อยู่อาศัยไม่มั่นคงถาวร และยังไม่ได้รับ ความช่วยเหลือของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 1,884 ครัวเรือนได้รับความช่วยเหลือแล้ว 1,291 ครัวเรือน และยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ 639 ครัวเรือนประกอบกับการประชุมคณะกรรมการบริหารศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ครั้งที่ 1/2568 การกำหนดแผน/โครงการ/กิจกรรมการให้ความช่วยเหลือครัวเรือนยากจน เป้าหมายได้อย่างต่อเนื่องและไม่กลับมาประสบปัญหาความเดือดร้อนซ้ำ

    และเนื่องในวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จึงเห็นโอกาสที่จะนำผู้ถูกคุมความประพฤติและผู้ต้องโทษปรับที่มีทักษะฝีมือช่าง ได้ร่วมกันทำความดีเพื่อแผ่นดินโดยใช้ทักษะความรู้ความสามารถ ทำงานบริการสังคมที่เป็นประโยชน์ เพื่อสาธารณะอย่างแท้จริง โดยการบูรณาการร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พัฒนาชุมชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ งานบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ องค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวน้อย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 16 ตำบลอ่าวน้อย คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สำนักงานคณะกรรมการศูนย์ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจ(CSR ประจวบคีรีขันธ์) อาสาสมัครคุมประพฤติ มูลนิธิพันธสัญญา (เครือข่ายCSRจังหวัดประจวบคีรีขันธ์) อำเภอบางสะพาน อำเภอเมือง อำเภอกุยบุรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 หมู่ที่ 7 ตำบลทองมงคล อำเภอบางสะพาน และโรงเรียนบ้านในล็อค และผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ตำบลกุยเหนือ

    จัดกิจกรรมทำงานบริการสังคมประเภทซ่อมสร้าง ที่อยู่อาศัยให้กับกลุ่มเปราะบางในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 4 หลัง ดังนี้ บ้านหลังที่ 1 บ้านนางอ้อม ยอดใหญ่ ที่อยู่ หมู่ที่ 8 บ้านในล็อค ตำบลทองมงคล อำเภอบางสะพาน งบประมาณ กองทุนปันสุขเพื่อน้อง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขต 1 จำนวนเงิน 30,000 บาท
    บ้านหลังที่ 2 บ้านนายประสาร สมุดไทย ที่อยู่หมู่ที่ 7 ตำบลทองมงคล อำเภอบางสะพาน งบประมาณ กองทุนวันละบาท องค์การบริหารส่วนตำบลทองมงคล จำนวนเงิน 3,000 บาท

    บ้านหลังที่ 3 บ้านนางสาวจิรภา ทองคำ ที่อยู่หมู่ที่ 16 บ้านบึงใหญ่ ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ งบประมาณจาก กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โครงการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุ จำนวนเงิน 40,000 บาทมูลนิธิพันธสัญญา (เครือข่าย CSR จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) จำนวนเงิน 4,100 บาท กองทุนศูนย์ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (CSR จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) จำนวนเงิน 40,000 บาท ประธานสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (เครือข่าย CSR จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) จำนวนเงิน 4,400 บาท

    บ้านหลังที่ 4 บ้านนางอำภา คำสว่าง อายุ 76 ปี (ภรรยาของนายสมควร คำสว่าง ผู้ป่วยติดเตียง ปัจจุบันได้ เสียชีวิตไปแล้วเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568) ที่อยู่ บ้านเลขที่ 25/2 หมู่ที่ 3 บ้านโพธิ์เรียง ตำบลกุยเหนือ อำเภอกุยบุรี งบประมาณ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สำหรับผู้พิการ จำนวนเงิน 40,000 บาท หน่วยงานที่ร่วมดำเนินการ 1. สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 2. อาสาสมัครคุมประพฤติจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

    ///////////////////////////////////////////
    ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / น้องจำปา พุทธธิดา วิยะนัด ร่วมบันทึกเทปถวายพระพระชัยมงคล /เตรียมพิสูจน์ “คำสาปเสื้อกันฝน – HAUNTED MOUNTAINS THE YELLOW TABOO” ภาพยนตร์ระทึกขวัญ-เหนือธรรมชาติจากไต้หวัน 28 สค.นี้

    แชร์เนื้อหานี้

    โดย เด็กหญิงพุทธธิดา วิยะนัด หรือ น้องจำปา อายุ 9 ปี โรงเรียนสิรกานต์มอนเทสซอริชั้นประถมศึกษาที่3ในฐานะ ตำแหน่ง Brand Ambassador. ของBrand mahadep.และดารานักแสดงเด็กทางช่อง9MCOT/HD30 ของค่ายMAHADEP ENTERTAINMENT ร่วมบันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ์ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 28กรกฎาคม 2568 ณสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง5(ททบ5)

    เตรียมพิสูจน์ “คำสาปเสื้อกันฝน – HAUNTED MOUNTAINS THE YELLOW TABOO” ภาพยนตร์ระทึกขวัญ-เหนือธรรมชาติจากไต้หวัน 28 สิงหาคมนี้

    เตรียมพบกับภาพยนตร์ระทึกขวัญ-เหนือธรรมชาติจากไต้หวันโดยผู้กำกับฯ เจี่ยหยิงไช่ เรื่องราวของ ”เจียหมิง“ ชายหนุ่มผู้พบว่าตนเองติดกับดักวนลูปที่ต้องเห็น ”อวี้ซิน“ แฟนสาวตายต่อหน้าต่อตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่าเขาจะพยายามแก้ไข แต่ทุกครั้งที่เริ่มลูปใหม่มันก็ไม่เคยสำเร็จ

    จนกระทั่งเขาพบว่ามันเกิดจากอาถรรพณ์เมื่อ 5 ปีก่อน ที่พวกเขาทั้งคู่ได้สูญเสีย ”อันเหว่ย“ เพื่อนสนิทจากทริปเดินป่าและทุกครั้งในลูป เจียหมิงจะเห็น อันเหว่ย ปรากฏตัวอยู่ในชุดเสื้อคลุมกันฝนสีเหลืองก่อนที่แฟนสาวของเขาจะจบชีวิตลงทุกครั้ง เพื่อปกป้องชีวิตของอวี้ซิน เจียหมิงจึงต้องทำทุกวิถีทางโดยเฉพาะการหาต้นตอของคำสาปจากพิธีกรรมลึกลับที่พวกเขาต้องฝ่าฝืนข้ามเส้นสีเหลืองเข้าไปพบเห็นและขัดขวางพิธีกรรมบนภูเขามรณะแห่งนี้

    พิสูจน์ความตื่นเต้น-ระทึกขวัญของ “Haunted Mountains The Yellow Taboo – คำสาปเสื้อกันฝน” โดย THAM STUDIO 19 28 สิงหาคมนี้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น!!!

    พลังรักเอฟซี จัดงานสุดยิ่งใหญ่ฉลองวันเกิด 28 ปีซูเปอร์สตาร์ “หวังอี้ป๋อ” สุดยิ่งใหญ่ที่ ยูเนียน มอลล์

    พลังรักแห่งแฟนคลับ “หวังอี้ป๋อ” โดยกลุ่ม YiZhan Forever TH Fans ร่วมกับ UNION MALL และแบรนด์ ANTA Thailand และ SF CINEMA จัดกิจกรรมแฮปปี้เบิร์ดเดย์ ฉลองก้าวที่ 28 ปี “หวังอี้ป๋อ” มอบรองเท้านี้เพื่อน้องในถิ่นทุรกันดาร ให้กับมูลนิธิกระจกเงา งานนี้จัดระหว่างวันที่ 4 – 10 สิงหาคม 2568 มีกิจกรรมมากมายให้เหล่าเอฟซี หวังอี้ป๋อ นักแสดงหนุ่มสุดหล่อแดนมังกร ได้มาเอนจอยในอีเวนต์สุดปังแห่งปี กิจกรรมเยอะฉ่ำๆ เริ่มตั้งแต่· เปิดให้เข้าชม Wang Yibo’s Photo Gallery เข้าชมฟรี! ที่ Union Co-Event Space Zone B, UNION MALL G FL.(ชั้นG) เปิดตั้งแต่ 4-10 ส.ค.68 เวลา 11:00 – 22:00 น.
    · วันที่ 5 ส.ค.68 กิจกรรมพิเศษ LIVE Party เชิญชวนเอฟซีตัวจริงของหวังอี้ป๋อ มาร่วมเป่าเค้กฉลองวันเกิด 18:00 – 20:30 น. ที่ Union Co-Event Space Zone B, UNION MALL G FL.(ชั้นG) · วันที่ 9 – 10 ส.ค. 68 มีกิจกรรมพิเศษจัดเต็มตลอดเสาร์และอาทิตย์ เริ่มที11:00 น. รับชมภาพยนตร์ FPU หน่วยพยัคฆ์พิทักษ์ข้ามโลก และ สเตปกล้าท้าฝัน ที่โรงภาพยนตร์ SF CINEMA เซ็นทรัลลาดพร้าว

    11:00 น. เริ่มกิจกรรมการฉลองวันเกิดของหวังอี้ป๋อ ที่ Union Co-Event Space Zone B, UNION MALL G FL.(ชั้นG)

    • กิจกรรมแข่งขันเต้น WYB TH Fans แดนซ์ ชาเลนจ์ ขาแดนซ์สมัครฟรี ลุ้นรางวัลจากผู้จัดและผู้สนับสนุนอย่างแบรนด์ ANTA
    • ร่วมทำบุญบริจาค รองเท้า สิ่งของ และทุนสมทบมอบให้มูลนิธิกระจกเงา โดยผู้บริจาครับกิ๊ฟท์พิเศษมากมายจาก YiZhan Forever และ Open Up Communication
    • เปิดโซนสายคราฟท์ สายครีเอท DIY มาตกแต่งภาพ ทำเฟรมภาพอวยพรให้หวังอี้ป๋อ
    • ร่วมช้อปสินค้าจากแบรนด์ ANTA Thailand และสินค้าแบรนด์ดังจากจีน ที่หวังอี้ป๋อ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์
    • ร่วมจับฉลาก และเป่าเค้กฉลองวันเกิดในช่วงเวลา 17:30 น.

    งานนี้แฟนหวังอี้ป๋อ สามารถนำกิ๊ฟท์อะเวย์ มาแจกหรือแลกภายในงานได้ฉ่ำๆ ได้ของแจกกลับบ้านไปเต็มกระเป๋าแน่นอน นอกจากนี้หาก ผู้สนใจต้องการจองของที่ระลึก Collect Card Book สมุดสะสมโฟโต้การ์ด ซึ่งผู้จองได้สิทธิ VIP พิเศษสามารถสั่งจองได้ โดย คลิกดูรายละเอียด ที่นี่ https://www.facebook.com/share/p/1ALpFceW4w/ หรือสอบถามที่ เฟสบุ๊กเพจ YiZhan Forever TH Fans

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / รองพ่อเมืองสุโขทัยลุยตรวจแนวตลิ่งป้องกันน้ำยมรับพายุวิภา

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่21กรกฏาคม2568ภายใต้การอำนวยการของ นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย

    โดย นายสมลักษ์ ยกน้องวงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์หลังน้ำลด และเพื่อการป้องกันจุดเสี่ยงบริเวณริมแม่น้ำยม หมู่ที่ 6 ตำบลท่าทอง อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย

    เนื่องจากบริเวณดังกล่าว องค์การบริหารส่วนตำบลท่าทองได้จัดทำโครงการและงบประมาณในการก่อสร้างแนวป้องกันตลิ่งแต่ไม่สามารถหาผู้รับจ้างได้

    ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ได้สั่งการให้องค์การบริหารส่วนตำบลท่าทอง ดำเนินการทำแนวป้องกันตลิ่งโดยใช้ไม้เสาเข็มยูคาและกระสอบทรายบิ๊กแบ็คเพื่อป้องกันน้ำกัดเซาะตลิ่งทะลักเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชน โดยจะเริ่มดำเนินการทันที

    ซึ่งในครั้งนี้ นายประพันธ์ศักดิ์ บุตรรัตน์ ปลัดอาวุโส และปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลท่าทอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้านร่วมลงพื้นที่ด้วยเพื่อเป็นการร่วมด้วยช่วยกันที่จะป้องกันและดำเนินงานตามนโยบายของจังหวัดสุโขทัย.
    กิตติ พรดวงจันทร์ สุโขทัย

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / โครงการ”จัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ในการเลี้ยงโค” สมาชิกเข้าร่วมโครงการจำนวน 15 คน

    แชร์เนื้อหานี้

    วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เวลา 14.00 น. นางณัติกานต์ บุญเจริญ หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดน่าน มอบหมายให้นายภัคพงศ์ ทองฟู นางชุติมา ภัทรภิญโญ ผู้ปฏิบัติงานสำนักงานจังหวัด และนายภัทร์ศรุต คล้ายสุบรรณ ผู้ปฏิบัติงานกลุ่มงานบริการ

    ลงพื้นที่ อำเภอเมืองน่าน เพื่อสนับสนุนกระบวนการพัฒนาและประเมินแผนและโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ขององค์กรเกษตรกรกลุ่มเลี้ยงสัตว์บ้านซาวหลวง ชื่อโครงการ”จัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ในการเลี้ยงโค” สมาชิกเข้าร่วมโครงการจำนวน 15 คน

    โดยมี นายบุญยงค์ สดสอาด ประธานอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ นายอุไร สารถ้อย นายสุบรรณ นรินทร์ อนุกรรมการจังหวัด และนายวัชรพงษ์ พญาพรม ปศุสัตว์อำเภอเมืองน่าน ผู้แทนปศุสัตว์จังหวัดน่าน (อนุกรรมการภาคราชการ) คณะ

    ทำงานเพื่อสนับสนุนกระบวนการพัฒนาและประเมินแผนและโครงการฯ ร่วมลงพื้นที่ด้วย ณ หอประชุมบ้านซาวหลวง หมู่ 5 ตำบลบ่อสวก อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “Nan Young Kids พอเพียง: ห้องเรียนท้องถิ่นน่าน” เปิดพื้นที่แหล่งเรียนรู้วิถีพอเพียงบ้าน

    แชร์เนื้อหานี้

    วันที่ 20 กรกฎาคม 2568 โครงการ “Nan Young Kids พอเพียง: ห้องเรียนท้องถิ่นน่าน” ภายใต้การสนับสนุนของโครงการจิตสำนึกรักเมืองไทย ปีที่ 17 โดยสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้เปิดพื้นที่แหล่งเรียนรู้วิถีพอเพียงต้งชมจันทร์อย่างเป็นทางการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และปลูกฝังแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่เยาวชนในท้องถิ่นจังหวัดน่าน พร้อมทั้งพัฒนาแกนนำเยาวชนให้เป็นผู้สืบทอดภูมิปัญญาจากปราชญ์ชุมชน และสร้างกิจกรรมชุมชนให้เป็นฐานการเรียนรู้

    โครงการนี้ริเริ่มโดยทีม “ละอ่อนน่าน พัฒนาเมือง” ซึ่งประกอบด้วยพลังความร่วมมือของ ทีม ลองน่านโลเคิลดีไซน์, กองทุนพัฒนาศักยภาพเครือข่ายเยาวชนจังหวัดน่าน, แหล่งเรียนรู้วิถีพอเพียงต้งชมจันทร์ และภาคีเครือข่ายต่างๆ โดยเล็งเห็นถึงปัญหาการใช้เวลาอยู่กับสื่อสังคมออนไลน์

    ของเยาวชนที่ส่งผลกระทบต่อสมาธิและทักษะทางสังคม โครงการ “Nan Young Kids พอเพียง: ห้องเรียนท้องถิ่นน่าน” ได้รับคัดเลือกและสนับสนุนจากโครงการจิตสำนึกรักเมืองไทย ปีที่ 17 ซึ่งเป็นหนึ่งใน 12 โครงการที่ผ่านการคัดเลือกจากกว่า 329 โครงการทั่วประเทศ

    กิจกรรมหลักของโครงการคือ “โซเชียลดีท็อกซ์” ซึ่งจัดขึ้นผ่าน 5 ฐานกิจกรรมที่ได้ลงมือปฏิบัติจริง ได้แก่ ฐานปั้นดิน, ฐานชาวนา, ฐานการละเล่นพื้นบ้าน, ฐานสิ่งประดิษฐ์จากต้นกล้วย และฐานอาหารถิ่นสร้างสรรค์ กิจกรรมเหล่านี้มุ่งเน้นให้เด็กและเยาวชนได้ซึมซับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ลดการติดออนไลน์ และเพิ่มสมาธิได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    โดย นายณัฐพงศ์ พูนสินวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการ “Nan Young Kids พอเพียง: ห้องเรียนท้องถิ่นน่าน” กล่าวว่า โครงการนี้ยังให้ความสำคัญกับการสร้าง “แกนนำเยาวชนนำเที่ยวชุมชน” เพื่อให้เยาวชนเหล่านี้สามารถจัดกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนได้เองในทุกฤดูกาล สร้างรายได้ให้กับตนเองและชุมชน และพัฒนาไปสู่

    “กลุ่มปราชญ์ชุมชนตัวน้อย” ที่พร้อมถ่ายทอดความรู้ ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น เพื่อความยั่งยืนของโครงการในระยะยาว โครงการเชื่อมั่นว่ากิจกรรมนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เยาวชนเกิดความภาคภูมิใจในบ้านเกิด มีทักษะชีวิตพร้อมรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของจังหวัดน่านให้เดินหน้าอย่างยั่งยืน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

    วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 นางสาวฐิติกาญจน์ ชะนะมาร นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ รักษาราชการแทน เกษตรอำเภอเวียงสา มอบหมายให้นางสาวศิริกุล บุญปก นางสาววิภาพร ศรีวิไชย นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ และเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอเวียงสา

    จัดประชุมคณะกรรมการเครือข่ายแปลงใหญ่และศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรระดับอำเภอ ปี 2568 ครั้งที่ 4/2568 เพื่อสรุปผลการดำเนินงานตามโครงการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่เพื่อปรับเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตประจำปี 2568

    การวางแผนการดำเนินการขับเคลื่อนและพัฒนาศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ระดับอำเภอ ให้มีศักยภาพเข้าสู่กระบวนการผลิตในรูปแบบแปลงใหญ่ และมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความต้องการของตลาด พร้อมกันนี้ได้ประชาสัมพันธ์การขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรปี 2568 ตลอด

    จนแจ้งมาตรการเตรียมรับมือพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และขั้นตอนการขอรับความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านพืช โดยมี นายวินัย ก้อนสมบัติ ประธานแปลงใหญ่ เป็นประธาน ณ แปลงใหญ่ยางพาราทุ่งศรีทอง (หอประชุมบ้านสีนาชื่น) หมู่ที่ 4 ตำบลทุ่งศรีทอง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “ ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านครัวเรือนยากจน เป้าหมายตามโครงการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”

    แชร์เนื้อหานี้

    วันพฤหัส ที่18 กรกฎาคม พ.ศ.2568 ตามที่ อบต.หนองเขียด อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่นได้ทำหนังสือขอรับการสนับสนุนปรับปรุงถนนสายบ้านหนองเขียด-บ้านหนองหนามแท่ง ถึงนายวัฒนา ช่างเหลา นายก อบจ. ขอนแก่น (ผ่าน สจ.สำราญ ศรีภา เขต3)

    นายวัฒนา ช่างเหลา นายก อบจ.ได้มอบหมายให้นายนาวิน คำเวียง รองนายก อบจ. ขอนแก่น ลงพื้นที่ถนนดังกล่าว โดยนายกิจทวี มาเพ็ชร นายกอบต.หนองเขียด คณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการของ อบต.หนองเขียด ให้การต้อนรับและร่วมสำรวจถนน ทั้งนี้อบจ.ขอนแก่น

    ยืนยันให้การสนับสนุน เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนที่สัญจรถนนสายดังกล่าวให้เกิดความสะดวกและปลอดภัย นายกิจทวี มาเพ็ชร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองเขียด กล่าว

    สื่อสร้างสรรค์ ข่าวสารเพื่อท้องถิ่นสื่อรัฐทีวี /สื่อรัฐนิวส์

    “ ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านครัวเรือนยากจน เป้าหมายตามโครงการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”

      วันนี้ 19 กรกฎาคม 2568  เวลา 09.00 น. นายประจวบ รักแพทย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย นางจิระภา เชื้อ ดวงผุย พัฒนาการจังหวัดขอนแก่น ผู้อำนวยการกลุ่มงาน เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนลงพื้นที่เยี่ยมบ้านครัวเรือนยากจน เป้าหมายตามโครงการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอำเภอชุมแพ(ศจพ.อ.) พร้อมมอบถุงยังชีพและคำแนะนำการดำเนินวิถีชีวิตด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ณ ครัวเรือนยากจนหมู่ที่ 4 ตำบลโนนหัน อำเภอชุมแพจังหวัดขอนแก่น
     ในการนี้ นางสาวอ้อยใจ คำบุญเรือง นายอำเภอชุมแพ พร้อมด้วย นายโยธิน สิทธิ พัฒนาการอำเภอชุมแพ นายนิโรจน์ แพ่งศรีสาร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโนนหัน ,เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนอำเภอชุมแพ ,กำนัน ผญบ ,ในพื้นที่ตำบลโนนหัน ให้การต้อนรับและดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

    สื่อรัฐทีวี /สื่อรัฐนิวส์ ศูนย์ข่าวขอนแก่นสื่อสร้างสรรค์ข่าวสารเพื่อท้องถิ่น

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ชาว อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์เยี่ยมชมโรงงานน้ำตาลพิมายโคราช

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 บริษัท อุตสาหกรรมโคราชจำกัด (โรงงานน้ำตาลพิมาย) โดยคุณประเสริฐ เสถียรถิระกุล ประธานกรรมการ และคุณมงคล เสถียรถิระกุล กรรมการผู้จัดการ มอบหมายให้

    นายสมบูรณ์ จาตุรชาต ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาอ้อย พร้อมด้วยผู้บริหารและพนักงานโรงงานน้ำตาลพิมาย ให้การต้อนรับคณะผู้เยี่ยมชมโรงงานน้ำตาลพิมาย ชาวบ้าน ต.ชำนิ หลายหมู่บ้าน อ.ชำนิ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งได้เดินทางมาเยี่ยมชมการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม และด้านการพัฒนาสังคมของโรงงานน้ำตาลพิมาย

    ในการเยี่ยมชมครั้งนี้ คณะผู้เยี่ยมชมโรงงานน้ำตาลพิมาย ได้รับฟังการบรรยายเกี่ยวกับการบำบัดน้ำเสีย การควบคุมคุณภาพอากาศ การจัดการของเสีย และการนำทรัพยากรเหลือใช้กลับมาใช้ประโยชน์ (Zero Waste) โดยเฉพาะการใช้กากอ้อยและเศษวัสดุทางการเกษตรเป็นพลังงานทดแทน นอกจากนี้ยังได้เยี่ยมชมพื้นที่จริง เช่น

    การจัดการมลพิษทางอากาศที่ระบายออกจากปล่องหม้อไอน้ำ พื้นที่จัดเก็บกองกากอ้อย การจัดการผันน้ำของโรงงาน และชมการพัฒนาชุมชนรอบโรงงานน้ำตาลพิมาย คณะผู้เยี่ยมชมโรงงานน้ำตาลพิมาย ได้แสดงความชื่นชมต่อความมุ่งมั่นของโรงงานน้ำตาลพิมาย ในการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อันจะส่งผลดีต่อชุมชนและระบบนิเวศโดยรอบในระยะยาว

     หลังจากได้รับทราบข้อมูลและลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมในจุดต่าง ๆ  คณะผู้เยี่ยมชมโรงงานฯ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าโรงงานมีการดำเนินงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้  และให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ทั้งยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล การได้รับความไว้วางใจจากผู้เยี่ยมชมครั้งนี้ ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญให้โรงงานน้ำตาลพิมาย  มุ่งมั่นพัฒนาระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น สอดคล้องกับแนวทางของการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน และสร้างความเชื่อมั่นต่อชุมชนและสังคมโดยรอบอย่างมั่นคง

    ภาพ/ข่าว : กันตินันท์ เรืองประโคน