คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวอาชญากรรม

​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / วงจรปิดมัดชัด! เด็กชายวัย 14 ปี แอบย่องขโมยเงินร้านของชำผู้ใหญ่บ้าน สุดท้ายยอมให้จับเพราะ “สำนึกผิด”

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อช่วงเช้ามืดเวลาประมาณ 06.00 น. ของวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพชายต้องสงสัยแอบลักลอบเข้ามาทางหลังบ้านของนายยุทธพัฒน์ ทับแสง ผู้ใหญ่บ้านบ้านคำผักหนอก หมู่ที่ 7 ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งบริเวณดังกล่าวเปิดเป็นร้านขายอะไหล่รถมือสอง และด้านหน้าบ้านยังเปิดเป็นร้านขายของชำ

กล้องวงจรปิดบันทึกภาพผู้ก่อเหตุเดินวนเข้ามาบริเวณหน้าร้าน ก่อนจะลักทรัพย์เป็นเงินสำหรับไว้ทอนลูกค้าจำนวนกว่า 300 บาท แล้วหลบหนีไป

ต่อมานายยุทธพัฒน์ ผู้ใหญ่บ้าน ได้สังเกตเห็นวัยรุ่นคนหนึ่งมีลักษณะตรงกับภาพจากกล้องวงจรปิด ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้าบ้านของตน จึงร้องบอกชาวบ้านให้ช่วยกันสกัดจับตัวไว้ได้ ทราบชื่อภายหลังคือ เด็กชายบอย อายุ 14 ปี ตรวจค้นพบเงินสดจำนวน 360 บาท และบุหรี่ไฟฟ้าอีก 1 พอดในตัว

ผู้สื่อข่าวสอบถามเด็กชายบอยถึงสาเหตุการขโมย เจ้าตัวยอมรับว่า ป่วยเป็นไข้ ไม่มีเงินซื้อยา ตั้งใจจะเข้าไปหายาในร้านของชำ แต่ไม่พบใครอยู่ จึงตัดสินใจขโมยเงินไว้ไปซื้อยาเอง พร้อมเผยว่าขี่จักรยานยนต์กลับมาผ่านหน้าบ้านที่ก่อเหตุก็เพราะสำนึกผิด อยากนำเงินมาคืน จึงยอมให้จับ

ด้านผู้ใหญ่บ้านได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มารับตัวเด็กชายรายนี้ไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ขโมยเงิน #เด็กชายวัย14 #บางทรายใหญ่ #มุกดาหาร #กล้องวงจรปิด #สำนึกผิด #ร้านของชำ #ข่าวอาชญากรรม #วงจรปิดจับภาพ #ข่าวท้องถิ่น #ผู้ใหญ่บ้าน #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้​ ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อากาศร้อนคนหัวร้อนระทึกขับรถ ปาดหน้าเฉี่ยวชน จนเกิดมวยกลางถนนจบด้วนยิง3นัดต่อหน้าผู้ใช้รถติดไฟแดง

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 17 กรกฎาคม เวลา 14.30 น ร.ต.อ.ชวกุล สิทธิ ศักดิ์ พงส. ได้รับแจ้งเหตุมีบุคคลใช้อาวุธปืนยิงกันที่ บริเวณสี่แยกหอนาฬิกา ถนนปรมินทรมรรคา ต.ท่าตะเภา อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร ด้วยอาวุธปืนจึงรายงาน พันตำรวจเอกปัญญาท่วมสีผู้กำกับการตำรวจภูธรเมืองชุมพรทราบจึงรุดไปยังที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบ

เมื่อเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุพบ นายเกรียงศักดิ์ ชูราศี และนางกัญญภัทร รติภัชรสิริ ให้ข้อมูลว่า บุคคลทั้งสองได้นั่งโดยสารมาด้วยรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน งบ 26 ชุมพร โดยมีนายสุริยา บัวหอม เป็นผู้ขับขี่ เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณสี่แยกหอนาฬิกาที่เกิด เหตุ รถยนต์โดยสาร(รถสองแถว) ไม่ทราบยี่ห้อ ทะเบียน สีแดง

ได้หยุดรถทำให้นายสุริยาฯที่ขับขี่ รถตามหลังมา เฉี่ยวชนบริเวณท้ายรถยนต์โดยสารดังกล่าวจากนั้นนายสุริยาฯและคนร้ายได้ลงมาจากรถมีปากเสียงกัน คนร้ายได้ใช้ อาวุธปืนที่ พกไว้ในกระเป๋าสะพายยิงไปที่นายสุริยาฯ ทำให้นายสุริยาฯได้รับบาดเจ็บที่แขนซ้ายและถูกนำตัวส่ง โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ส่วนคนร้ายได้ขับขี่รถหลบหนีไป จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบ ปลอก กระสุนปืนไม่ทราบขนาดจำนวน 3 ปลอก ได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง และได้รับคำร้องทุกข์กล่าวโทษไว้เป็น คดีอาญาที่ 751/2568 เพื่อจะได้ทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการสอบสวนนาย นายเจนณรงค์ ดวงสกุล ผู้ก่อเหตุได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวขณะที่ผมขับรถมาก็เห็นไฟเขียวพอดีกำลังจะเลี้ยวขวาจากแยกไฟแดงเพื่อที่จะเดินทางไปทางปากน้ำแต่ผมอยู่ในช่องเดินรถที่สองที่จะเลี้ยวขวาก็ได้ตรงไป

ก็ได้พอดีผมขับรถมาผมได้ยินเสียงแตรผมก็ไหลไปไม่ได้ดูรถเลยผมเข้าใจว่าผมตัดหน้ารถทางตรงหรือเปล่าก็เลยแตะเบรค ทำให้เขามาชนท้ายผมตอนที่ผมกำลังจะลงไปผมเห็นว่ามีรถชนท้ายผมก็ได้เปิดประตูเพื่อที่จะลงไปแต่ก็เห็นเค้ากระโดดถีบเข้ามาเลยหลังจากนั้นได้ลงไปจากรถก็ได้ต่อยกันและเขาก็มารุมผม แต่ผมว่าจะวิ่งหนีเข้าไปในปั๊มน้ำมันเพื่อหลบนึกขึ้นได้ว่าลูกเมียได้อยู่ในรถ

เพราะลูกก็อยู่ในรถอายุแค่ขวบเดียวกลัวจะได้รับอันตรายเกิดขึ้นผมก็เลยหันกลับมาตัดสินใจชักปืนขึ้นมา ยิงตั้งใจยิงนัดแรกผมยิงลงพื้นแล้วก็นัดสองก็กะว่าจะยิงให้ถูกขาแต่ไม่ทราบว่าถูกหรือเปล่าผมยิงไปสามนัด ส่วนรถสองแถวคันนี้ผมเพิ่งซื้อมา ผมทำอาชีพ อู่รับซ่อมรถกระบะแล้วก็ทำสวน ในวันนี้ได้ไปซื้อไม้และไปเหมาไม้ก็เลยได้ซื้อรถคันนี้เป็นรถตอนเดียวเพื่อจะนำไปขนไม้ที่ไปรับเหมา ต่อมาผมเกรงกลัวความผิดก็เลยได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวในครั้งนี้
นางกัญญาภัทร รติภัชรสิริ อายุ 67 ปี

เจ้ารถเล่าว่า ก็วันนี้ได้พาหลานออกมาขับรถเที่ยวรถเล่นเพราะอากาศมันร้อนก็เลยมาเกิดเหตุขึ้นในครั้งนี้สร้างความตกใจตื่นตระหนกมากเพราะว่ายังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ที่มีการเอาปืนมาไล่ยิงกัน ต้อนที่ ใกล้จะติดไฟแดงแต่รถสองแถวสีแดงมาปาดหน้าเดินทางมาด้วยกันแต่รถเค้ามาปาดหน้าทำเกิดการเฉี่ยวชนกันด้านหน้าซ้ายทำให้เด็กที่อยู่ในรถหัวทิ่มลงไปในเบาะเด็กเด็กที่ขับรถมันเลยโกรธโมโหก็เลยออกไปต่อยกันคนขับรถสีแดงก็เดินอ้อมออกไปทางด้านซ้ายแล้วก็กลับมาชักปืนยิงยิงสามนัดยิงโดนแขนผู้บาดเจ็บแตกคราวนี้อาการปลอดภัยอยู่อาศัยอยู่ที่บางไผ่รถก็อยู่ที่นี่แต่ว่าใช้ทะเบียนที่ชลบุรี

ร.ต.อ.ชวกุล สิทธิ ศักดิ์ รวบรวมเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุพร้อมทั้งสอบถามพยานคนเห็นเหตุการณ์อย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า พยามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ได้พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันควรและยิงปืนโดยใช้ดินระเปิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เจ้าของวิทยุชุมชนมึน ระเบียบ กสทช ออกอากาศมาตลอด ถูกหมายค้น ยึดเครื่องส่ง ตัดสาย นำตัวส่งโรงพักดำเนินคดี

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 15 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.30 น. นางสาวรัชฎาพร ทรัพย์มี ตำแหน่ง ผู้อำนวยการส่วน บังคับใช้กฎหมายและนิติการ (ผู้จัดการตามหมายค้น) นายวสันต์ เริงสมุทร ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช. เขต ๔๕ ร่วมกับ พนักงานเจ้าหน้าที่ กสทช. ที่ทำการตรวจค้นตามหมายค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ละแม

โดยมี ร.ต.อ.ศักดิ์ชัย เหยียบสูญ รอง สวป. ร.ต.อ.ปัญญา คำพิทุม รอง สว.(ป) ร.ต.ท.สัมพันธ์ ทิพย์ทอง รอง สว.(ป) ได้ร่วมกันตรวจค้นสถานที่ ตั้งสถานี วิทยุสมัชชาความมั่นคง ภายในราชอาณาจักร ทุ่งสวรรค์เรดิโอ Fm 94 mhz กระจายเสียง อ.ละแม จ.ชุมพร

ตามหมายค้นของศาลจังหวัดหลัง สวน ที่ ค.19/2568 ลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 เนื่องจากมีพยานหลักฐานตามสมควรว่าวัตถุนั้นใช้ในการ กระทำความผิด หรือมีไว้เป็นความผิด หรือจะนำไปใช้กระทำความผิด โดยมี นายคณาวุฒิ ดวงสวัสดิ์ อายุ 39ภ ปี ผู้บริหาร กระจายเสียง เจ้าหน้าที่ผู้จัดการตามหมายค้น ได้แสดงหมายค้นและอ่านหมายค้นให้นายคณาวุฒิฯได้ทราบและยินยอมเป็นผู้นำตรวจค้น โดยจุดตรวจค้น เป็นห้องเก็บเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงมี ลักษณะเป็นการกั้นด้วยสังกะสี มีปะตูด้านหน้า ล็อกด้วยกุญแจ ไม่สามารถเปิดเข้าไปตรวจค้นภายในห้องดังกล่าว

ได้ ตั้งอยู่ในพื้นที่ลักษณะเป็นสวนปาล์มภายในวัดทุ่งสวรรค์ บ้านเลขที่ 75/1 หมู่ที่ 12 ถนนตลาดใหม่-เขาชะมด ตำบลละแม อำเภอละแม จังหวัดชุมพร และมีการตั้งเสาทาวเวอร์ซึ่งติดตั้งสายอากาศและสายนำสัญญาณ ความสูงประมาณ 45 เมตร ติดตั้งใกล้กับห้องเก็บเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงดังกล่าว ซึ่งนายคณาวุฒิ ฯ ผู้นำตรวจค้น แจ้งว่าตนไม่มีกุญแจในการเปิดห้องดังกล่าว แต่ได้ยินยอมให้ตัดกุญแจออกได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ให้ ช่างทำการตัดกุญแจออกและสามารถเข้าตรวจค้นภายในห้องดังกล่าวได้ ผลการตรวจค้นปรากฏว่า

พบห้องมีลักษณะทรงสี่เหลี่ยมกั้นด้วยสังกะสี ภายในมีการออกอากาศวิทยุกระจายเสียง โดยการใช้เครื่องส่ง กระจายเสียงเชื่อมต่อกับสายอากาศและสายนำสัญญาณ ออกอากาศที่คลื่นความถี่ 94.00 MHz โดยใช้ เครื่องปรับอากาศระบายความร้อนให้แก่เครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงและอุปกรณ์ดังกล่าว และจากการตรวจค้น ดังกล่าว พบของกลางจำนวนทั้งสิ้น 16 รายการ ส่วนของกลางลำดับที่ 16 ที่เป็นสายอากาศ ชนิด Circular 4 Stacks ช่างที่ทำการรื้อถอนแจ้งว่าไม่สามารถปืนเพื่อทำการรื้อถอนออกมาได้

เนื่องจาก เสาทาวเวอร์ มีลักษณะชำรุด ไม่แข็งแรง อาจเสี่ยงอันตรายได้รับบาดเจ็บในการรื้อถอนใต้ เจ้าหน้าที่จึงได้อายัดสายอากาศ ดังกล่าวไว้ที่เกิดเหตุ รายละเอียดตามบัญชีวัตถุที่แนบท้ายบันทึกการตรวจค้นนี้ นายคณาวุฒิฯ ผมยอมรับผมผิดพลาดการลงทะเบียนในระบบแอพพลิเคชั่น ของ กสทช. ผมไม่กล้าทำเพราะในช่วงนั้นมีคนมาแอบอ้างเป็น กสทช.ทำทีโทรมาโทรศัพท์มาเรียกเก็บก็ให้ไปทำเอกสารก็ไม่เคยเห็นตัวตนก็เลยมีความกังวลว่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ผมจึงได้เขียนจดหมายและ

ได้นำส่ง เอกสารยื่นไปยัง กสทช.แล้วโดยเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรลายมือของตัวเองส่งไปขณะนี้ได้รับแจ้งว่าเอกสารฉบับดังกล่าวได้อยู่ที่หน้าห้อง ของสำนักงาน กสทช.ส่วนการดำเนินการของ สถานี่ได้ดำเนินการมาร่วม 20 ปี และตนได้มารับช่วงการบริหารเป็นรุ่นสุดท้ายแล้ว จึงอยากขอโอกาสได้ดำเนินการเพื่อสังคมด้วยจิตสาธารณะต่อไปครับ

ผมยอมรับผิดที่ไม่ได้ส่งเอกสารในรูปแบบ ระบบแอพ ของ กสทช. ผมกลัวเรื่องของมิจฉาชีพเพราะในช่วงปลายปี 2567มิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดมากให้โอนเงินในรูปแบบต่างๆ แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนอะไรจนวันนี้ได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจยึดเครื่องส่งสายอากาศสัญญาณแต่ผมก็ได้รับแจ้งให้หยุดการออกอากาศแต่ผมก็ดำเนินการทางด้านข่าวสารให้กับประชาชนได้รับรู้รับทราบและวิงวอนขอความเห็นใจทางสถานีวิทยุก็ไม่มีรายได้อะไรมากมายจึงต้องดำเนิน

การโดยที่รู้ว่ายังผิด แต่ก็ขอให้เจ้าหน้าที่เมตตาตรวจสอบเจตนารมณ์ ของทางสถานีและอยากให้ตรวจสอบหรือตักเตือนโดยวาจาเสียก่อนก่อนที่จะทำการตรวจยึดทรัพย์สินต่างๆครับเพราะตัวผมก็เป็นบุคคลอยู่ในองค์กรอิสระของสื่อก็ได้นำสื่อและข่าวสารเพื่อจะประชาสัมพันธ์ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นข้อมูลเบื้องต้นและช่องทางที่สามารถให้ประชาชนรับรู้รับทราบได้โดยไม่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายมากเพราะสถานีวิทยุจะมีประชาชนรับรู้รับและเฝ้าฟังข่าวสารอยู่ตลอดเวลาครับ

นางสาวรัชฎาพร ทรัพย์มี กล่าวว่า สำนักงานกสทช. ภาคสี่แล้วก็สำนักงาน กสทช. เขต 45 มาดำเนินการตรวจค้นแล้วก็ยึดของกลางสำหรับผู้ที่ยังออกอากาศและก็ยังมีการประกอบโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก กสทช. ในวันนี้ได้เดินทางมาตรวจสอบที่ อำเภอละแม และฝากเตือนถึงสถานีวิทยุที่เคยทดลองออกอากาศแต่ว่าที่ยังไม่ได้ดำเนินการยื่นขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ตั้งแต่วันที่การออกอากาศได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2567

ฝากเตือนว่าทุกสถานีให้หยุดออกอากาศไปก่อนแล้วก็ห้ามใช้เครื่องวิทยุคมนาคม พวกเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงจนกว่า กสทช. จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงและในขณะนี้การออกทะเบียนให้กับสถานีวิทยุเรายังต้องนโยบาย กสทช.ครั้งเพราะว่าตอนนี้กลุ่มที่ดำเนินการขอรับใบอนุญาต

ในกลุ่มที่ยื่นเข้ามาประมูลการใช้ความถี่เราจะอนุญาตและพิจารณากลุ่มที่ขอเข้ามาก่อนและกลุ่มที่ไม่ได้เข้ามาขอการดำเนินการอนุญาตเข้าประมูลคลื่นความถี่ขอให้หยุดออกอากาศไปก่อนจนกว่าจะมีนโยบายของกสทช.ออกฎหมายฉบับใหม่ขึ้นมา

​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / นรข.มุกดาหาร ยึดอาโวคาโดเถื่อนกว่า 4 ตัน คนขับเรือไหวตัวทันกระโดดน้ำหนีั

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตนครพนม (นรข.เขตนครพนม) โดย นาวาโท รุ่งเรือง มาสุทธิ หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร ได้จัดชุดลาดตระเวนทางน้ำ ออกตรวจการณ์บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง พื้นที่ชุมชนศรีบุญเรือง ตำบลศรีบุญเรือง อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร

ในเวลาต่อมา ชุดปฏิบัติการลาดตระเวนสามารถใช้กล้องตรวจการณ์กลางคืน (Night Vision) ตรวจพบเรือเหล็กติดเครื่องยนต์ มีบุคคลขับขี่ 1 คน พร้อมสิ่งของต้องสงสัยจำนวนมากบรรทุกใส่ลังพลาสติกอยู่ภายในเรือ กำลังแล่นเรือข้ามแม่น้ำโขงจากฝั่งแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว เข้ามาที่ริมฝั่งจังหวัดมุกดาหาร

เจ้าหน้าที่จึงทำการปิดระยะเข้าใกล้เพื่อขอตรวจสอบ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่แสดงตัว คนขับเรือได้อาศัยความมืดกระโดดน้ำว่ายหลบหนีขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการตรวจสอบเรือลำดังกล่าว พบผลไม้อาโวคาโดบรรจุในลังพลาสติกจำนวน 170 ลัง น้ำหนักประมาณลังละ 25 กิโลกรัม

คิดเป็นน้ำหนักรวมประมาณ 4,250 กิโลกรัม จึงได้ทำบันทึกการตรวจยึดและนำของกลางส่งด่านศุลกากรมุกดาหารเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ข่าวมุกดาหาร #อาโวคาโดเถื่อน #ข้ามโขง #ลอบขนผลไม้ #สินค้าหนีภาษี #สถานีเรือมุกดาหาร #นรข #ด่านศุลกากรมุกดาหาร #ข่าวภูมิภาค #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้​ ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อุบัติเหตุหมู่ “มุกดาหาร “รถพ่วงข้ามเลนพุ่งชนกระบะ คนลาวบาดเจ็บ 9 พบ “ยาบ้า” ตกเกลื่อนถนน! 🇱🇦

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 00.05 น. วันที่ 11 nรกฎาคม ขณะที่ พ.ต.ต.วัลลพ โพธิวัง ปฏิบัติหน้าที่ พนักงานสอบสวนเวร ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.เมืองมุกดาหาร ว่ามีเหตุรถบรรทุกกึ่งพ่วงเฉี่ยวชนกับ รถยนต์ที่บริเวณทางโค้งบ้านหนองแอก ถนนซยางกูร ต.บางทรายใหญ่ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร จึงได้เดินทางไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง

เมื่อไปถึงพบรถบรรทุกกึ่งพ่วงยี่ห้ออี่ซูชุ สีขาว หมายเลข ทะเบียนพ่วงหน้า 70-1267 มหาสารคาม หมายเลขทะเบียนพ่วงหลัง 70-7333 มหาสารคาม จอดคร่อมเกาะกลางถนนอยู่ ส่วนผู้ขับขี่ชื่อนายธนภัทร โตคําแพง อายุ 47 ปี ที่ยู่ 103/6 หมู่ 8 ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ถูกนําตัวส่งโรงพยาบางมุกดาหาร ใกล้กันพบรถยนต์ยี่ห้อีชูซุ ใส่คอกด้านหลัง สีขาว หมายเลขทะเบียน ผค 3496

จันทบุรี มีนายอัครพงษ์ ต้นตระกูล อายุ 25 ปี ที่อยู่ 3/3 หมู่ 7 ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี เป็นผู้ซับขี่ ส่วนผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บถูกนําตัวส่งโรงพยาบาลมุกดาหาร จำนวน 9 คน ทั้งหมดเป็นคนสัญชาติลาว ประกอบด้วย 1.นาง

คํากอง แก้วปะสง อายุ 41 ปี 2.ด.ญ.ลัดดา แก้วปะสง อายุ 11 ปี 3.นางวัน แก้วปะสง อายุ 24 ปี 4.นายเบียน แก้วปะสง อายุ 45 ปี 5.ด.ซ.คําพัด แก้วปะสง อายุ 14 ปี 6..นายนัดทะพง แก้วปะสง อายุ 17 ปี 7.นางนาง หน่อพะจัน อายุ 35 ปี 8.นายแพง หน่อพะจัน สัญชาติลาว และ 9.นายสีทอง ละมีไข อายุ 35 ปี

นางวัน เปิดเผยว่า ตนเองพร้อมครองครัวรวม 11 คน เดินทางมาจากจังหวัดจันทบุรี เพื่อที่จะกลับบ้านไปเยี่ยมญาติในวันหยุดยาว โดยตนเองนั่งด้านหน้าพร้อมกับลูกและสามีที่เป็นคนขับ ส่วนด้านหลัง ก็มีญาติที่ประกอบหลานและลุง

ป้า รวม9คน พอมาถึงจุดเกิดเหตุรถกึ่งพ่วงที่วิ่งมาจาก อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ได้วิ่งตรงเข้ามาหารถของตน โดยแล่นข้ามเกาะกลางถนนจะมาชนกับรถที่ตนเองนั่งมา สามีที่จึงได้หักรถหลบแต่ไม่พ้นทำให้เฉี่ยวชนที่บริเวณท้ายกระบะจนคอกกระเด็นหลุดออกจากรถและมีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

ต่อมาชาวบ้านพร้อมกับเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บกวาดชิ้นส่วนของรถที่กระจัดกระจายออกจากพื้นถนนเพื่อความปลอดภัย ปรากฏว่าพบยาบ้าตกกระจายอยู่ที่พื้นถนนใกล้กับหัวรถกึ่งพ่วง จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

รถกึ่งพ่วงพุ่งชน #อุบัติเหตุ #ยาบ้า #บางทรายใหญ่ #โค้งบ้านหนองแอก #มุกดาหาร #ข่าวด่วน #คนลาวอุบัติเหตุ #แรงงานข้ามชาติ #ข้ามเลนชน #ข่าวอีสาน #รถชน #สปปลาว #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้​ ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

https://drive.google.com/file/d/1Ykpwk-cX46Y8MnTgq1bwzXV6413D0QLb/view?usp=sharing

​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ไฟเผาวอด! จยย.หนุ่มใหญ่วัย 41 ถูกไฟไหม้ขณะเข้าไปเก็บเห็ดกลางป่าภูหินขัน – ยังไม่ชัดสาเหตุ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 10 กรกฎาคม 2568 พ.ต.ท.กิตติวัฒน์ คนหาญ สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร ได้รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์ถูกไฟไหม้ทั้งคันบริเวณป่าภูหินขัน ใกล้วัดป่าภูหินขัน ใกล้กับสถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์ช่อง 9 บ้านโค้งสำราญ ตำบลคำอาฮวน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร

ผู้เสียหายคือ นายจัตุรงค์ อินนอก อายุ 41 ปี ชาวบ้านหมู่ 7 ตำบลหนองแวง อำเภอนิคมคำสร้อย เล่าว่า ตนขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 110i สีแดงดำ ทะเบียน กบย 30 มุกดาหาร ออกจากบ้านพักเวลาประมาณ 05.00 น. เพื่อเข้าไปเก็บเห็ดในป่าภูหินขัน โดยจอดรถไว้ข้างทางขึ้นเขาใกล้สถานีช่อง 9

เมื่อเสร็จจากเก็บเห็ดและกลับมายังจุดจอดรถในช่วงระหว่างเวลา 09.00 น. ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่ารถของตนถูกไฟไหม้วอดเสียหายทั้งคัน โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด และยืนยันว่าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางหรือโกรธเคืองกับผู้ใดมาก่อน

ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และเก็บพยานหลักฐานเบื้องต้นไว้แล้ว เพื่อดำเนินการสืบสวนหาสาเหตุของเพลิงไหม้ต่อไป ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย หรือเกิดจากการกระทำของบุคคลอื่น

ไฟไหม้รถ #ภูหินขัน #เมืองมุกดาหาร #ข่าวมุกดาหาร #จยยไฟไหม้ #ไปเก็บเห็ดเจอไฟไหม้รถ #ข่าวอีสาน #มุกดาหารวันนี้ #ไฟลึกลับ #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้​ ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผบ.ตร.แถลงผลงาน จับกุมยาเสพติด 12,245 คดี ผู้ต้องหา 12,400 คน หมายจับ ตรวจยึด ยาบ้า 112 ล้านเม็ด ไอซ์ 4,136 กก. เคตามีน 230 กก. ทรัพย์สิน 1,310 ล้านบาท

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 8 กรกฎาคม เวลา09.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร.(ปป)/ประธานอนุกรรมการป้องกัน ปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้

แถลงผลการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติด ครั้งที่ 6/2568 และการจับกุมขบวนการผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ ตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติด อย่างครบวงจร

โดยมี พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ปส. พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ปส. 2 พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส. 3

พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.ปส. พล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส. พล.ต.ต.วันชนะ บวรบุญ ผบก.ขส นายบัณฑิต ลีลาพตะ นักสืบสวนฯ

สำนักงานป.ป.ส.พล.ต.ฉกาจ ขันตี รอง ผอ.ศปป.2 กอ.รมน. พ.อ.สุพจน์ สวาคฆพรรณผบ.ขกท.ศปก.นสศ. ร.ต.นิรันดร์ ขวัญบุรี ผอ.ส่วนฯ กรมการปกครอง ในปฏิบัติ

การฯ ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.- 8 ก.ค.68 ตรวจค้น 1,268 เป้าหมาย จับกุม 12,245 คดี ผู้ต้องหา 12,400 คน หมายจับ 695 หมาย ตรวจยึด ยาบ้ากว่า 112 ล้านเม็ด

ไอซ์ 4,136 กก. เคตามีน 230 กก. ทรัพย์สินกว่า 1,310 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 9 คดี จับกุมผู้ต้องหา 22 คน ตรวจยึดยาบ้า 31,800,000 เม็ด ไอซ์ 1,105 กก. เฮโรอีน 173 กก. ณ บช.ปส

สมจิต รแสงบัลลังก์ ภาพ-ข่าว รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / มรดกเลือด! สลดน้องชายวัย 69 ปี รัวยิงดับพี่สาววัย 72 ปี คาหน้าบ้าน ส่วนพี่สะใภ้บาดเจ็บ

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธี รายงาน 0818923514 เมื่อเวลา 11.20 น.วันที่ 7 มิถุนายน 2568 พ.ต.ต.สุรพงษ์ ภักดีศรี สว.(สอบสวน)สภ.บ้านมาบอำมฤต ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายที่บ้านเลขที่ 7/8 ม.4 ต.ดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วเดินทางไปตรวจสอบด้วย พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย

ผกก.สภ.มาบอำมฤต พ.ต.ท.ชาติชาย มูลลักษณ์ รอง ผกก.สส. และตำรวจชุดสายสืบสายตรวจ แพทย์เวร รพ.มาบอำมฤต หน่วยกู้ชีพกู้ภัยดอนยาง หน่วยกู้ชีพกู้ภัยปะทิ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวกว้างขวาง เป็นร้านขายอาหารตามสั่งและของชำ อยู่ติดถนนลาดยางในหมู่บ้าน พบศพทราบชื่อคือ นางสุภา ภู่ทอง อายุ 72 ปี เจ้าของบ้าน สภาพนอนหงายจมกองเลือด

เสียชีวิตอยู่บริเวณหน้าบ้านใกล้กับโต๊ะวางตู้ทำอาหาร ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .22 เข้าที่กลางหลัง 1 นัด ท้ายทอย 1 นัด ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนตกอยู่จำนวน 4 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานนอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย ทราบชื่อ นางปราณี กุหลาบสี อายุ 68 ปี เป็นน้องสะใภ้ของผู้ตาย ถูกยิงเข้าที่แขนขวา ชาวบ้านนำตัวส่งโรงพยาบาลก่อนหน้านี้แล้ว

ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อ คือ นายศุภชัย โพธิ์คีรี อายุ 69 ปี เป็นน้องชายแท้ๆของผู้ตาย หลังก่อเหตุได้ขับรถยนต์กระบะอีซูซุ ตอนครึ่ง สีเขียว ทะเบียน บว.2763 ชุมพร ขับหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ได้วิทยุสกัดทุกเส้นทางที่คาดว่าจะหลบหนี

รวบแล้ว มือปืนโหดรัวยิงพี่สาววัย 72 ปี ดับหน้าบ้าน

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 7 กรกฎาคม 2568 เวลา 21.30 น พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.มาบอำมฤตสั่งให้ชุดสืบ .สภ.มาบอำมฤต ออกติดตามนายศุภชัย โพธิ์คีรี อายุ 69 ปี ตามหมายจับ ศาลจังหวัดชุมพร ที่ จ225/2568 ทีก่อเหตุใช้ปืนยิงนางนางสุภา ภู่ทอง อายุ 72 ปีผู้เป็นพี่สาวเสียชีวิต

จากกรณีเมื่อเวลา 11.20 น.วันที่ 7 มิถุนายน 2568 พ.ต.ต.สุรพงษ์ ภักดีศรี สว.(สอบสวน)สภ.บ้านมาบอำมฤต ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายที่บ้านเลขที่ 7/8 ม.4 ต.ดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วเดินทางไปตรวจสอบด้วย พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.มาบอำมฤต พ.ต.ท.ชาติชาย มูลลักษณ์ รอง ผกก.สส. และตำรวจชุดสายสืบสายตรวจ แพทย์เวร รพ.มาบอำมฤต หน่วยกู้ชีพกู้ภัยดอนยาง หน่วยกู้ชีพกู้ภัยปะทิว
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวกว้างขวาง เป็นร้านขายอาหารตามสั่งและของชำ อยู่ติดถนนลาดยางในหมู่บ้าน พบศพทราบชื่อคือ นางสุภา ภู่ทอง อายุ 72 ปี เจ้าของบ้าน สภาพนอนหงายจมกองเลือด  เสียชีวิตอยู่บริเวณหน้าบ้านใกล้กับโต๊ะวางตู้ทำอาหาร ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .22 เข้าที่กลางหลัง 1 นัด ท้ายทอย 1 นัด ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนตกอยู่จำนวน 4 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย ทราบชื่อ นางปราณี กุหลาบสี อายุ 68 ปี เป็นน้องสะใภ้ของผู้ตาย ถูกยิงเข้าที่แขนขวา ชาวบ้านนำตัวส่งโรงพยาบาลก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อ คือ นายศุภชัย โพธิ์คีรี อายุ 69 ปี เป็นน้องชายแท้ๆของผู้ตาย หลังก่อเหตุได้ขับรถยนต์กระบะอีซูซุ ตอนครึ่ง สีเขียว ทะเบียน บว.2763 ชุมพร ขับหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ได้วิทยุสกัดทุกเส้นทางที่คาดว่าจะหลบหนี
เจ้าหน้าทีตำรวจชุดสืบออกติดตามและได้จับกุมผู้ต้องได้ในเวลา 21.30 น และได้นำตัวนายศุภชัย โพธิ์คีรีผู้ต้องหาตามหมายจับมาสอบสวนต่อที่ สภ.มาบอำมฤต ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา  โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา โดนไตร่ตรองไว้ก่อน  และพยามฆ่าผู้อื่น  มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต  ได้พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันควรและยิงปืนโดยใช้ดินระเปิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ม้าเหล็กขยี้ร่าง ชนชายวัย21ดับสยอง เร่งสอบฆ่าตัวตายหรืออุบัติเหตุ

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันนี้ ( 6 กรกฎาคม 2568) เวลาประมาณ 09.20 น. ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ เกิดสวัสดิ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านในหูต ขณะปฏิบัติเวรสอบสวนคดีอาญา-จราจร ได้รับแจ้งจากพนักงานวิทยุ สภ.บ้านในหูต ว่า พบศพบริเวณริมรางรถไฟ แจ้งให้ พ.ต.ท.จเร ชูแก้ว สวญ.สภ.บ้านในหูตผู้บังคับบัญชาทราบ รุดไปที่เกิดเหตุและแพทย์ รพ.หลังสวน เพื่อร่วมชันสูตรพลิกศพจึงเดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ เสาโทรเลขที่ 630/12 หมู่ที่ 10 ตำบลแหลมทราย อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร พบ นายวรรธนะ บุษฤดาจันทร์ อายุ 21 ปี ที่อยู่ 4 หมู่ที่ 2 ตำบลน้ำพุ อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี (ทราบชื่อ นามสกุลจริงในภายหลัง) สวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีดำ นอนเสียชีวิตบริเวณริมรางรถไฟ เสาโทรเลขที่ 630/12 หมู่ที่ 10 ตำบลแหลมทราย อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร สภาพศพพบแผลฉกรรจ์บริเวณใต้คาง และขาทั้งสองข้าง พักอาศัยบ้านเช่าเลขที่ 119 หมู่ที่ 10 ตำบลแหลมทราย อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 30 เมตรจากการสอบถามนายชัชชัย ยมโชติ อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟหลังสวน ทราบว่า ผู้ตายถูกรถไฟขนส่งสินค้า ขบวนที่ 778 ซึ่งได้แล่นออกจากสถานีรถไฟหลังสวน ชนเข้ากับผู้ตายเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2568 เวลาประมาณ 20.18 น. จึงได้ให้กู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน นำศพไป รพ.หลังสวน เพื่อทำการชันสูตรร่วมกับแพทย์ ญาติของผู้ตายไม่ติดใจสาเหตุการตาย จึงมอบศพให้กับทางญาติไปดำเนินการทางประเพณีทางศาสนาต่อไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เปิดตลาดด่านสิงขรคึกคัก ชาวไทย-เมียนมา นำสินค้ามาวางขายกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดน 2 ประเทศ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 4 ก.ค.68 บรรยากาศการเปิดตลาดการค้าด่านสิงขร วันแรก ที่บริเวณจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร บ้านไร่เครา ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบฯ เริ่มคึกคัก มีบรรดาผู้ค้าทั้งชาวไทยและชาวเมียนมาพากันนำสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเกษตร สินค้าพื้นถิ่นมาวางจำหน่าย โดยครั้งนี้เป็นการนำร่องเปิดตลาด 10 วัน

ตั้งแต่วันที่ 4-13 ก.ค.68 จากนั้นจะมีการเปิดตลาดทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ผ่านช่องทางด่านสิงขร อีกครั้ง หลังจากทางเมียนมาได้มีการปิดด่านมูด่อง อ.ตะนาวศรี จ.มะริด ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับช่องทางสิงขรไปนานตั้งแต่ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่อเนื่องมาถึงการเกิดสถานการณ์ความไม่สงบในฝั่งเมียนมา

โดยผ่อนปรนให้เฉพาะการขนส่งสินค้าข้ามแดนเท่านั้น แต่ปัจจุบันสถานการณ์ฝั่ง จ.มะริด เป็นปกติจึงมีการกลับมาเปิดด่านให้บุคคลสามารถเดินทางข้ามแดนระหว่างกันไดนายวิษณุลักษณ์ คุ้มเดช และ นางสาวอุไร อีคฮูท ประชาชนที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่ด่านสิงขร กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้เห็นด่านสิงขรกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังจากที่เงียบเหงาไปนานตั้งแต่ช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 วันนี้เป็นวันแรกที่เปิดตลาด

ผู้ค้าอาจจะยังไม่มาก ประกอบกับนักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยรู้มากนัก เชื่อว่าถ้าเป็นช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ บรรยากาศน่าจะคึกคักมากกว่านี้ โดย จ.ประจวบฯ มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง มาที่นี่แล้วก็สามารถที่จะเดินทางต่อไปเที่ยวที่อื่นได้อีก ส่วนตัวชอบที่ชาวเมียนมามักจะนำต้นไม้แปลก ๆ มาวางขาย อยากเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวมาที่ด่านสิงขรกันมาก ๆ เพื่อให้มีความคึกคัก มีการจับจ่ายใช้สอยอุดหนุนสินค้าของชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนทั้ง 2 ประเทศ ด่านตรงนี้มีความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล และหากเป็นไปได้ก็อยากจะเดินทางข้ามไปท่องเที่ยวที่ฝั่งเมียนมาเช่นกัน

ทั้งนี้ ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้มีคำสั่งที่ 1/2568 เรื่องการกำหนดมาตรการในการใช้ช่องทางผ่านแดน ณ จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบฯ ในช่วงวันที่ 4-13 ก.ค.68 โดยอนุญาตให้บุคคลสัญชาติเมียนมา สามารถเดินทางเข้ามาในฝั่งไทยได้ตั้งแต่เวลา 06.30 น.และต้องเดินทางกลับภายในเวลา 18.30 น. โดยใช้หนังสือรับรองบุคคล บัตรผ่านแดนและบัตรผ่านแดนชั่วคราว และอนุญาตให้เข้าถึงเฉพาะบริเวณพื้นที่บ้านไร่เครา ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เท่านั้น

โดยให้ที่ทำการปกครอง อ.เมืองประจวบฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันการหลบหนีออกนอกพื้นที่และตรวจสอบสิ่งของผิดกฎหมายลักลอบนำเข้า จัดรถรับส่งบุคคลและสินค้า เพื่อบริการประชาชนทั้ง 2 ประเทศ และจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยตลอดระยะเวลาจัดกิจกรรม ขณะเดียวกัน บุคคลสัญชาติไทยสามารถเดินทางออกไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้ ตั้งแต่เวลา 06.30 น.ด้วยการใช้บัตรผ่านแดนและบัตรผ่านแดนชั่วคราว และต้องเดินทางกลับภายในเวลา 18.30 น. เช่นกัน.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781