คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าว

​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จับกระบะขน “อะโวคาโดเถื่อน” กว่า 2.7 ตัน! ลอบนำเข้าจากมุกดาหาร ส่งขาย​ปทุมฯ ผ่านด่านศุลกากร-กักพืชฉลุย…

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2568 พ.ต.ท.สรศักดิ์ แสงจันทร์ สวญ.ส.ทล.2 กก.1 บก.ทล. พร้อมด้วย ร.ต.อ.ปรัชญานนท์ ยงยิ่ง รอง สว., ร.ต.ต.อรรถพล สมหวัง, ร.ต.ต.ณรงค์ สายหยุด รอง สว. (ป) และเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา นายนันทวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี พร้อมของกลาง ผลอะโวคาโดสดบรรจุในตะกร้าพลาสติกสีดำ จำนวน 110 ตะกร้า น้ำหนักรวมประมาณ 2,750 กิโลกรัม

และรถกระบะสีขาว จำนวน 1 คัน บริเวณริมถนนมิตรภาพ ขาเข้า กทม. กม.4 ต.ตลิ่งชัน อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีการลักลอบขนอะโวคาโดสดจาก อ.เมืองมุกดาหาร โดยไม่ผ่านด่านกักกันพืชและศุลกากร เจ้าหน้าที่จึงวางแผนเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณถนนมิตรภาพ จนพบรถต้องสงสัย ก่อนติดตามและแสดงตัวขอเข้าตรวจค้น พบผลไม้ต้องห้ามดัง

กล่าวโดยไม่มีเอกสารศุลกากร และไม่มีใบรับรองสุขภาพพืช (Phytosanitary Certificate) ตาม พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ. 2507 จากการสอบสวนเบื้องต้น นายนันทวัฒน์ฯ ให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างขนอะโวคาโดจากบ้านนาติ้ว ต.บางทรายใหญ่ อ.เมืองมุกดาหาร เพื่อไปส่งที่ตลาดใน ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยรับค่าจ้าง 5,800 บาท ผ่านการติดต่อจากชายชื่อ นายสุรนาถ หรือ “อั้ม” ผ่านแอปพลิเคชัน Messenger โดยระบุว่าไม่ได้ผ่านการตรวจของด่านศุลกากรและด่านกักพืชใดเลยตั้งแต่มุกดาหารจนถึงจุดจับกุม

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “นำเข้าสิ่งของต้องห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีใบรับรองสุขภาพพืชจากประเทศต้นทาง” อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ.2507 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมนำตัวผู้ต้องหาและของกลางส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปอะโวคาโดเถื่อน #ลอบนำเข้า #กักพืช #ตำรวจทางหลวง #สระบุรี #มุกดาหาร #ตลาดปทุมธานี #ข่าวอาชญากรรม #จับของเถื่อน #ด่านศุลกากรมุกดาหาร #กรมศุลกากร #กระทรวงการคลัง #ด่านกักพืชมุกดาหาร #กรมวิชาการเกษตร #กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เผาแล้ว 7 เหยื่อจากลูกระเบิดที่กัมพูชายิงตกลงมาใช้ประชาชน บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า

แชร์เนื้อหานี้

***เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 3 ส.ค. 68 ที่ศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ เดินทางมาเป็นประธานฝ่ายฆารวาส ประกอบพิธีพระราชเพลิงศพ 7 ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์การปะทะด้านชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะสงฆ์ประกอบพิธี

***โดยพิธีพระสงฆ์ตั้งพัดยศ สวดมาติกา เจ้าหน้าที่อัญเชิญกล่องเพลิงและผ้าไตรพระราชทาน เจ้าหน้าที่อ่านหมายรับสั่ง ญาติอ่านสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ประธานในพิธีขึ้นทอดผ้าไตรบังสุกุลพระราชทาน จำนวน 5 ไตร

หน้าจิตกาธาน พระสงฆ์สมณศักดิ์ 5 รูป พิจารณาผ้าไตรพระราชทาน ประธานในพิธี ประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ แขนผู้มีเกียรติและผู้เข้าร่วมในพิธีขึ้นวางดอกไม้จันทน์ ถือว่าเสร็จพิธี

***ทั้งนี้หลังวางดอกไม้จันทน์ เสร็จแล้วจะมีคลื่อนศพไปตามวัดที่จัดไว้เพื่อไปฌาปนกิจศพ ดังนี้ ที่เมรุวัดมหาพุทธธาราม พระอารามหลวง จะมี 4 ร่าง ได้แก่ นางสาวรุ่งรัตน์ ประชัน, เด็กหญิงทักษพร ประชัน, เด็กชายพงศภัค ประชัน และ

เด็กชายกิตติศักดิ์ คำวัง ขณะที่เมรุ วัดเจียงอี ศรีมงคลวราราม พระอารามหลวง จะมีร่างของ นางอรุณรัตน์ วันศรี ส่วนที่เมรุ วัดหลวงสุมังคลาราม พระอารามหลวง จะนำร่าง นางสาวสาวิตรี อ่อนทรวง ไปประกอบพิธี และที่เมรุ วัดเพียนาม อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ จะนำร่าง นายสมศรี ลาภบุญ ไปประกอบพิธีประเพลิง

***โดยหลังจากที่ ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ ว่างดอกไม้จันทน์เสร็จได้เดินเข้ามาคุยกับครอบครัวผู้สูญเสีย และกอดปลอบใจญาติผู้สูญเสีย พร้อมกับได้แลกเบอร์กันไว้เผื่นได้ติดต่อช่วยเหลือ โดยก่อนจะนำร่างไปฌาปนกิจได้มีการทำพิธีขอขมาผู้วายชนม์ ทั้งนี้บรรยากาศในแต่ละวัดที่นำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 7 ราย

ไปฌาปนกิจ ช่วงนำโลงศพขึ้นเมรุ และขึ้นเตาเผาศพ เป็นไปด้วยความโศกเศร้า ญาติๆ ผู้มาร่วมงาน ต่างร้องไห้กอดรูปถ่ายกันระงม ผู้สื่อข่าวได้คุยกับ นายเอกรัฐน์ วันศรี อายุ 39 ปี เป็นลูกชายคนโตของ นางนางอรุณรัตน์ วันศรี ที่เสียชีวิตที่สวนยางหลังปั๊มน้ำมันที่ระเบิดตกลงใส่ ได้เล่าให้ฟังว่า ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ที่ต้องเสียคุณแม่ไป

วันที่เกิดเหตุตนได้คุยกับแม่ว่าวันที่ 5 หมอนัดแม่ตรวจหัวเข่าตนจะลางานเพื่อพาแม่ไปพบหมอที่โรงพยาบาล พอพูดเสร็จแม่ก็ปั่นจักรยานไปหยอดน้ำกรดที่สวนยางตรงจุดเกิดเหตุ แม่ไปไม่ถึงชั่วโมงระเบิดจากกัมพูชาก็มาลงจนทำให้แม่ตนเสียชีวิตคาที่ ตนอยากสะท้อนหรือถามทหารกัมพูชาว่าทำไมถึงต้องมายิงระเบิดใส่แม่ตนใส่ประชาชนจนทำให้ประชาชนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยต้องมาเสียชีวิต

***สุดท้ายนี้ตนอยากบอกแม่ว่า ตนรักและเป็นห่วงแม่เสมอเพราะที่ผ่านมาร่างกายแม่ก็ไม่ค่อยแข็งแรงขอให้แม่ไปสู่สุคติไม่ต้องเป็นห่วงลูกหลานอยู่ทางบ้าน จะดูแลกันเองตนจะเข้มแข็งและสู้ชีวิตต่อไป หลังจากที่ทำพิธีพระราชทาน

เพลิงศพเสร็จครอบครัวก็จะปรึกษากันกับญาติก่อนว่าจะเอาอัฐิแม่ไปทำพิธีตามประเพณีทางพระพุทธศาสนาแบบไหน แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ความปลอดภัยด้วยเพราะตอนนี้อยู่ในช่วงอพยพไม่สามารถเข้าไปที่บ้านได้
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / บิ๊กโต้ง‘ ผบช.ภาค9 !!เปิดโต๊ะแถลงข่าว 3 ฝ่าย คดีความมั่นคง ปิดล้อมตรวจค้น 35 ครั้งคุมตัวผู้ต้องสงสัย 20 คน ออกหมายจับ 63 หมาย จับเพิ่มเติมอีก 13 คน)

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 1 ส.ค.68  เวลา 08.30 น. เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง 3 ฝ่าย ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย  พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4  พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9  พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. พล.ต.ต.ชุมพล ศักดิ์สุรีย์มงคล  ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้  นายโอฬาร บิลสัน ปลัดจังหวัดยะลา ได้ร่วมแถลงความคืบหน้าในคดีความมั่นคง และ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในห้วงที่ผ่านมา ที่ห้องประชุม อาคารศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า อำเภอเมือง จังหวัดยะลา

พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า ตามที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 และ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า โดยผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ดำเนินการเร่งรัดติดตามตัวผู้ก่ออาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว

และ กำชับทางเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เร่งเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบในเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้กำชับให้หน่วยขึ้นตรงที่เกี่ยวข้อง ติดตามผู้กระทำผิดและบังคับใช้กฎหมาย โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน ไม่กระทำต่อผู้บริสุทธิ์ ดำเนินการใช้มาตราการจากเบาไปหาหนัก คำนึงถึงสิทธิ เสรีภาพ และบังคับใช้กฎหมายเท่าที่จำเป็น ต่อเมื่อมีพยานหลักฐาน ที่น่าเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวกับการก่อเหตุ เท่านั้น

พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 บอกว่า ความคืบหน้าทางด้านคดีความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา ทางกองกำลังทหารพราน งานสืบสวนคดีความมั่นคงและฝ่ายปกครอง ได้ร่วมกันติดตามผู้กระทำผิดเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งผลการดำเนินการในห้วงเดือน กรกฎาคม เข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 35 ครั้ง ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 20 คน ปัจจุบันมีผู้ถูกควบคุมตัวอยู่ในกระบวนซักถาม รวม 18 คน เกี่ยวข้อง 10 เหตุการณ์ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจังหวัดในพื้นที่ฝั่งอันดามัน การดำเนินคดี ได้รวบรวมพยานหลักฐาน นำไปสู่การออกหมายจับ จำนวน 63 หมาย จับกุมแล้ว 13 หมาย

รวมผู้ต้องหา 13 คน ทั้งนี้ ทุกคดีที่รู้ตัวผู้กระทำความผิด เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับและติดตามจับกุม การเชิญตัวสู่กระบวนการซักถาม เป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนสอบสวนชั้นก่อนการดำเนินคดี ซึ่งเป็นกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐาน ปรับทัศนคติ ระงับยับยังเหตุ อีกทั้งเปิดโอกาส

ให้ผู้หลงผิดและให้การเป็นประโยชน์ ได้กลับคืนสู่สังคม เมื่อตรวจสอบพยานหลักฐานว่าไม่ส่วนเกี่ยวข้องภายหลักจากการซักถามตามเหตุควรสงสัยต่าง “จากการปฏิบัติการเชิงรุกในห้วงเดือน เมษายน 2568 ถึงปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนรู้ตัวผู้กระทำความผิดโดยคลี่คลายคดีไปแล้ว 20 คดี นำไปสู่การออกหมายจับ 101 หมาย จับกุม 36 คน 38 หมาย

สำหรับการแยกประเภทผู้ก่ออาชญากรรมออกจากชุมชน เพื่อให้ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ได้ใช้ชีวิตตามปกติสุขเหมือนที่ผ่านมาการปฏิบัติที่ผ่านมาฝ่ายความมั่นคงดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายที่มีอยู่เท่าที่จำเป็น โดยยึดหลักสิทธิมนุษยชน นิติธรรม นิติรัฐ บังคับใช้กฎหมายด้วยความเสมอภาค และบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเท่านั้น สำหรับผู้ก่ออาชญากรรม ผู้กระทำผิดไม่ว่าจะเป็นผู้ให้การช่วยเหลือ สนับสนุน หรือ ผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐาน เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามหลักสากล และการพิจารณาในชั้นศาลทุกคดี ต้องขอบคุณเครือข่ายภาคประชาชน และชุมชนที่ได้ให้ความร่วมมือ แจ้งเบาะแสต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ เราจะร่วมกันทำให้เกิดความสงบสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้”

ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.ชุมพล ศักดิ์สุรีย์มงคล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าทางด้านคดีเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากการรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่เป็นไปตามหลักสากล พบว่ากลุ่มที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดียวกัน ส่วนเหตุระเบิด ที่ จ.ภูเก็ต และ จ.พังงา นั้น มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้

ซึ่ง ในคดีนี้ได้ดำเนินการสืบสวนเสร็จสิ้นแล้ว โดยภาพรวมรายละเอียด พบว่า มีการดำเนินการ เตรียมการก่อเหตุตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา67 และ มีการสำรวจเป้าหมาย จนกระทั่งมาก่อเหตุในช่วงปลายเดือนมิถุนายน มีจุดมุ่งหมายให้เกิดระเบิดในช่วงปลายปี เพื่อทำลายต่อระบบเศรษฐกิจ เป้าหมายคือพื้นที่ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ คดีนี้ทำการสืบสวนจนเสร็จสิ้น ทราบตัวผู้กระทำความผิดรวม 26 คน ศาลอนุมัติหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังทยอยแจ้งข้อกล่าวหาสุดท้ายอีกประมาณ 5 คน

“ในส่วนของความปลอดภัย ระเบิดที่ใช้ในเหตุนี้ 16 ลูก ทางท่านแม่ทัพภาค 4 สั่งการให้กำลังในพื้นที่ เก็บกู้ทั้งหมดแล้ว พื้นที่ปลอดภัย ส่วนมาตรการป้องกัน ทางท่านผู้ช่วย ผบ.ตร. ก็ได้กำชับให้กำลังในพื้นที่ตรวจตรา เฝ้าตรวจ เพื่อสร้างความปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และพื้นที่ท่องเที่ยว ในเขตภูธรภาค 8 และภาค 9 ส่วนเหตุผลในการวางระเบิด เพื่อให้เกิดเหตุระเบิดในช่วงปลายปี ก็สืบเนื่องมาจากต้องการปกปิดร่องรอย หลักฐาน ไม่ว่าจะเป็น CCTV หรือหลักฐานทางดิจิตอลต่างๆ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ดำเนินการแก้ไขการจัดเก็บภาพให้นานขึ้นแล้ว ระเบิดทุกลูกถูกตั้งเวลามากกว่า 4 เดือนขึ้นไป แต่อย่างไรก็ตามขอให้มั่นใจ ในเรื่องของความปลอดภัยพื้นที่ท่องเที่ยว ที่ได้มีการวางมาตรการเอาไว้แล้ว”

ภาพข่าว/ อับดุลหาดี จ.ยะลา

ตอริก สหสันติวรกุล
กองบรรณาธิการข่าว /
ผู้อำนวยการข่าวศูนย์ข่าวภาคใต้ รายงาน

บิ๊กโต้ง‘ ระดมกำลัง ปล่อยแถวปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด “ No Drugs No Dealers ” สร้างชุมชนปลอดยาเสพติด-กระท่อม

วันนี้ 1 สิงหาคม 2568 ที่ บริเวณหน้าอาคารที่ทำการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา พลตำรวจโท ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้เป็นประธานปล่อยแถวเปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด “ No Drugs No Dealers ” พร้อมด้วย นายก้องสกุล จันทราช รองผู้ว่าราชการ จ.ยะลา

ตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลด้านการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด แผนปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินการเปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด “No Drugs No Dealers” ผนึกกำลัง ชุมชนปลอดยาเสพติด


ซึ่งทาง จังหวัดยะลา ตำรวจภูธรภาค 9 ตำรวจภูธรจังหวัดยะลา หน่วยเฉพาะกิจ สำนักงานป้องกันปราบปรามยาเสพติด ภาค 9 และกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 ได้บูรณาการ ความร่วมมือกัน เพื่อให้การปฏิบัติเป็นรูปธรรม ภายใน 3 เดือน มุ่งเน้นให้มีการ Re X-ray ค้นหาผู้เสพหรือผู้ติดยาเสพติด เข้าสู่กระบวนการบำบัด และดำเนินการจับกุม ผู้ค้ายาเสพติดทำการยึดทรัพย์สิน ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ให้หมดสิ้นไปทุกราย


สำหรับการปฏิบัติการในวันนี้ ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ จากหน่วยงานต่าง ๆ ประกอบด้วย สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 9 ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งสิ้น จำนวน 200 นาย ในการเข้าปิดล้อมตรวจค้น จับกุมและยึดทรัพย์สิน เป้าหมายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด ในพื้นที่รับผิดชอบ

ทั้งนี้ พลตำรวจโท ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้เน้นย้ำภารกิจ เปิดปฏิบัติการ กวาดล้างยาเสพติด “No Drugs No Dealers” วันนี้ ขอให้กำลังเจ้าหน้าที่ทุกนาย ช่วยกันปฏิบัติหน้าที่ ให้เต็มความสามารถเข้มแข็ง โดยยึดหลักปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

มีความอดทน อดกลั้น ในการปฏิบัติหน้าที่ อย่าได้ประมาท และให้ใช้ความระมัดระวังพยายามใช้ความละมุนละม่อม ความสุภาพ ในการปฏิบัติงาน โดยหลีกเลี่ยงการใช้กำลังอย่างที่สุด รวมทั้ง ให้ใช้ยุทธวิธี ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา เน้นความปลอดภัย ของผู้ปฏิบัติงาน เป็นสำคัญ

ตอริก สหสันติวรกุล รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / บ.เม็งรายเชอร์วิส จก. และ บ. โนวาค็อฟ บริจาค อุปกรณ์ทางการแพทย์ สิ่งของ เครื่องนุ่งหุ่ม และอาหาร รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์

แชร์เนื้อหานี้

โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ขอขอบคุณ บริษัท นำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศ เม็งรายเชอร์วิส จำกัด และ บริษัท โนวาค็อฟ บริจาค อุปกรณ์ทางการแพทย์ สิ่งของ เครื่องนุ่งหุ่ม และอาหาร

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.00 น. แพทย์หญิงอัจฉรา ละอองนวลพานิช ผู้อำนวยการ พร้อมทีม รับมอบของบริจาค อุปกรณ์ทางการแพทย์ สิ่งของ

เครื่องนุ่งหุ่ม และอาหาร บริจาคโดย บริษัท นำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศ เม็งรายเชอร์วิส จำกัด และ บริษัท โนวาค็อฟ

เครื่องติดตามการทำงานของหัวใจและสัญญาณชีพรุ่น SVM7621 จำนวน 10 เครื่อง ราคาเครื่องละ 100,000 บาท รวมมูลค่า 1,000,000 บาท

ไดร์เป่าผมยี่ห้อ Philips BHD 500 กำลังไฟ 2,100 วัตต์ จำนวน 28 เครื่อง ราคาเครื่องละ 850 บาท รวมมูลค่า 23,800 บาท ผ้าห่มไฟฟ้าขนาด 60 x 30 เชนติเมตร จำนวน 10 ผืน นมและขนมยูโร่ รวมมูลค่า 10,000 บาท

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผบ.ตร. ลงพื้นที่น่าน มอบถุงยังชีพ น้ำดื่ม และเครื่องอุปโภคบริโภค แก่ผู้ประสบภัย และให้กับข้าราชการตำรวจผู้ประสบภัยน้ำท่วม

แชร์เนื้อหานี้

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่น่าน มอบถุงยังชีพ น้ำดื่ม และเครื่องอุปโภคบริโภค แก่ผู้ประสบภัย และให้กับข้าราชการตำรวจผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยกล่าวให้กำลังใจกับพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย พร้อมสั่งการให้ตำรวจ เร่งช่วยเหลือประชาชน

ส่งอาหาร น้ำดื่ม น้ำอุปโภค บริโภค ตรวจตรา ดูแลทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะบ้านเรือนที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ โดยมีพล.ต.ต.ดเรศ กัลยา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน และข้าราชการตำรวจในพื้นที่ ให้การต้อนรับ และรายงานสถานการณ์ ผลกระทบจากพายุวิภา

ในการนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบนโยบาย แนวทางปฏิบัติแก่ข้าราชการตำรวจในพื้นที่ ให้เตรียมแผนรับมือ หากเกิดสถานการณ์น้ำท่วมอีก ให้นำข้อมูลสถานการณ์น้ำในครั้งนี้ วางแผนรับมือในแต่ละห้วง อาทิ ก่อนเกิดอุทกภัย ควรแจ้งเตือนประชาสัมพันธ์ในพื้นที่

ลงถึงระดับหมู่บ้านชุมชน โดยเฉพาะหมู่บ้านเสี่ยงภัยน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก พร้อมเตรียมช่วยเหลือยกของขึ้นที่สูง หรือหากมีการอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย ระหว่างเกิดภัย เร่งช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย อพยพ ส่งอาหาร น้ำดื่ม ตรวจตราดูแลทรัพย์สินของประชาชน

โดยเฉพาะหลังคาเรือนที่อพยพ และช่วงน้ำลด เร่งช่วยเหลือประชาชนในการฟื้นฟู กวาด ล้าง ทำความสะอาดบ้านเรือน และสถานที่สาธารณประโยชน์ เป็นต้น เพื่อให้ตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกสถานการณ์ ช่วยเหลือประชาชนดุจญาติมิตร

สำหรับความเสียหายของสถานีตำรวจในพื้นที่ พร้อมกับที่พักตำรวจ และข้าวของเครื่องใช้ ให้เร่งสำรวจความเสียหายและรายงานไปที่ส่วนกลาง เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามขั้นตอนต่อไป/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน ร.ต.อ.สถิตย์ ศรีประสม รายงาน

​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานตะกร้าสิ่งของแก่ครอบครัว “จ่าสิบเอก ธวัชชัย” ทหารกล้าผู้เสียชีวิตจากชายแดน

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 ณ บ้านเลขที่ 37 หมู่ที่ 3 บ้านโนนสังข์ศรี ตำบลบ้านซ่ง อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้

นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เชิญ ตะกร้าสิ่งของพระราชทาน ไปมอบแก่ครอบครัวของ จ่าสิบเอก ธวัชชัย บุสภา ทหารกล้าสังกัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ขณะปฏิบัติหน้าที่เพื่อความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศ

โดยมี นายเฉลิมชัย บุสภา บิดาของผู้เสียชีวิต เป็นผู้รับพระราชทานสิ่งของ พร้อมด้วย นางวิไล บุสภา มารดา และ นางสาวรจรินทร์ สิงห์ศร ภรรยา ร่วมเข้ารับสิ่งของพระราชทานด้วยความปลาบปลื้มและซาบซึ้งในพระเมตตา

ในโอกาสเดียวกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้เชิญ พระราชกระแสทรงห่วงใย จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปกล่าวแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งสร้างความตื้นตันใจ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พิธีไหว้ครู ของนักศึกษา วิชาทหาร ศูนย์ฝึกค่ายเขตอุดมศักดิ์ ประจำปีการศึกษา 2568

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น ณ อาคารอเนกประสงค์ นฝ.นศท.มทบ.44 พล.ต.สมคิด ชูเผือก ผบ.มทบ.44 ให้เกียรติมาเป็นประธาน กิจกรรม พิธีไหว้ครู ของนักศึกษา วิชาทหาร ศูนย์ฝึกค่ายเขตอุดมศักดิ์ ประจำปีการศึกษา 2568 ร่วมกับ ผู้บริหารสถานศึกษา รองผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บังคับหน่วยฝึก นักศึกษาวิชาทหาร ผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหาร ครูฝึก น้องๆ นักศึกษา วิชาทหาร จำนวน 450 นาย

ร.อ. ยอดชาย  เมฆอากาศ  นายทหารเตรียมการ นฝ.นศท.มทบ.44 รายงาน ในนามตัวแทนของหน่วยฝึกนักศึกษา วิชาทหาร  ขอขอบพระคุณท่านผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44 เป็นอย่างสูง   ตามนโยบายของหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน/ ให้หน่วยฝึกที่รับผิดชอบการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร  กระทำพิธีไว้ครูเป็นประจำทุกปี  และเปิด การฝึกศึกษา ประจำปีการศึกษา 2568 หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร  ศูนย์ฝึกค่ายเขต อุดมศักดิ์แห่งนี้  มีสถานศึกษาวิชาทหารเข้าร่วมพิธีไหว้ครู  จำนวน 21สถานศึกษา โดยจัดตัวแทนนักศึกษาวิชาทหาร  มาร่วมพิธีไหว้ครูครบทุกสถานศึกษา  เนื่องจาก พิธีไหว้ครูดังกล่าว  เป็นประเพณีที่สำคัญ/ สำหรับ นักเรียนนักศึกษา  เพื่อที่จะให้ลูกศิษย์ได้มีโอกาสแสดงออกถึง  ความกตัญญูกตเวที  ต่อครู  อาจารย์   ซึ่งได้ประสิทธิ์ประสาทวิชา ความรู้ตามกรอบการ ฝึกของนักศึกษา วิชาทหาร/ และเพื่อเป็นการส่งเสริมศีลธรรม  จริยธรรม  ประเพณีที่ดีงามสืบไป  ในโอกาสอันเป็นสิริมงคลนี้  กระผมขอเรียนเชิญท่านประธาน  ได้กรุณาเจิมตำราเพื่อเป็นสิริมงคล  และขออนุญาตให้ผู้แทน นักศึกษาวิชาทหาร  เป็นผู้กล่าวนำในการไหว้พระสวดมนต์  กล่าวคำบูชาครู  และกล่าวคำปฏิญาณ  พร้อมทั้งนำพานดอกไม้ธูปเทียนไหว้บูชาครู  ตามลำดับต่อไป
พล.ต.สมคิด ชูเผือก เปิดเผยว่า ผมรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง/ ที่ได้มาเป็นประธานในพิธี ไหว้ครูของนักศึกษาวิชาทหารในวันนี้ พิธีไหว้ครูหรือบูชาครูนั้น ถือเป็นพิธีที่สำคัญ ตามประเพณีไทย ที่มีมาตั้งแต่โบราณ และมีอยู่ในทุกสาขาอาชีพของคนไทย พิธีไหว้ครูจึงเป็นการสร้างความ ผูกพัน ระหว่างครูกับศิษย์ ที่จะก่อให้เกิดความมั่นคงยืนยาวตลอดไป ครูถือ ว่าเป็นบุคคลที่สังคมไทยให้การยอมรับ และให้การยกย่องเสมือนพ่อแม่ คนที่สองของศิษย์ เพราะครูจะต้องทุ่มเททั้งแรงกาย และแรงใจอย่างหนัก ในการอบรมสั่งสอนให้ศิษย์เติบโต เป็นผู้ที่มีวิชาความรู้และเป็นคนดีของสังคม ขอให้นักศึกษาวิชาทหารทุกนาย ตั้งใจรับการฝึกศึกษานำเอาวิชาความรู้จากครู หมั่นฝึกหัดตนเองให้เป็นผู้ที่มีระเบียบวินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต เสียสละและอดทน เพื่อเป็นกำลังพลสำรองที่มีคุณภาพของกองทัพบก และเป็นพลเมืองที่ดีของชาติสืบต่อไปในอนาคต

มทบ.44 ร่วมกันแสดงความจงรักภักดี และถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็น ข้าราชการที่ดี และพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาส วันเฉลิม พระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2568

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.00 น. พลตรี สมคิด ชูเผือก ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44 พร้อมด้วยสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขามณฑลทหารบกที่ 44 และกำลังพลค่ายเขตอุดมศักดิ์ จัดกิจกรรม เนื่องในโอกาส วันเฉลิม พระชนมพรรษา ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท วันที่ 28กรกฎาคม พุทธศักราช 2568 นี้ ณ สโมสรนายทหารสัญญาบัตร ค่ายเขตอุดมศักดิ์

จัดให้มีกิจกรรม พิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน ๑๐ รูป ถวายเป็นพระราชกุศล พิธีถวายเครื่องราชสักการะ ถวายราชสดุดี ถวายพระพรชัยมงคลและ พิธีเจริญพระพุทธมนต์ และการถวายสัตย์ ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดินและการลงนามถวายพระพร

พลตรี สมคิด ชูเผือก ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44 นำกล่าว กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 73 พรรษา 28 กรกฎาคม 2568 และพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน

ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า พลตรี สมคิด ชูเผือก ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44 พร้อม กำลังพลค่ายเขตอุดมศักดิ์ ต่างมีความปลาบปลื้ม ปิติเป็นล้นพ้น ที่ได้มาร่วมกันแสดงความจงรักภักดี และถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็น ข้าราชการที่ดี และพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาส วันเฉลิม พระชนมพรรษา ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท วันที่ 28กรกฎาคม พุทธศักราช 2568 นี้

ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ต่างล้วนสำนึกในพระเมตตา และ พระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยพระราชวิริยะอุตสาหะ ทรงดำรงพระองค์เป็นแบบอย่างแก่ข้าราชการทั้งปวง

ในการปฏิบัติ หน้าที่เพื่อประโยชน์สุขแห่งปวงประชา และความวัฒนาสถาพร ของประเทศ พระบรมราโชวาท ที่พระราชทานแก่ข้าราชการ ในโอกาสต่างๆ ล้วนสร้างความสำนึกในหน้าที่ และความรับผิดชอบ ในการปฏิบัติงานเพื่อแผ่นดิน ด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งปวงข้าพระพุทธเจ้า จักได้น้อมนำมาประพฤติปฏิบัติตาม ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เพื่อสนองพระราชปณิธาน ของใต้ฝ่าละออง ธุลีพระบาท ด้วยความจงรักภักดีสืบไป

ในโอกาสอันเป็นมงคลยิ่งนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอตั้ง จิตอธิษฐานด้วยความจงรักภักดี ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล

อีกทั้ง พลานุภาพแห่งองค์พระสยาม เทวาธิราช โปรดอภิบาลและดลบันดาลประทานชัยมงคล ให้ใต้ฝ่า ละอองธุลีพระบาท ทรงพระเจริญ พร้อมด้วยสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล ทรงพระเกษมสำราญ พระบารมีเกริกไกรแผ่ไพศาล สถิตเป็นมิ่งขวัญ ปกเกล้า ปวงข้าพระพุทธเจ้า และเหล่าพสกนิกรตราบกาลนาน

ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต นำกำลังพลของค่ายเขตอุดมศักดิ์ กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อสนอง พระมหากรุณาธิคุณ ดังต่อไปนี้
“ข้าพระพุทธเจ้า .. (พลตรี สมคิด ชูเผือก ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะประพฤติปฏิบัติตน เป็นข้าราชการที่ดี และเป็นพลังของ

แผ่นดิน มีความซื่อสัตย์สุจริต เจริญรอยตาม เบื้องพระยุคลบาท มุ่งมั่นแน่วแน่แก้ไขปัญหา ของประเทศชาติ และประชาชน สร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่แผ่นดิน และดำเนินชีวิต โดยยึดมั่น ในหลักธรรมคำสอนแห่งศาสนา ตามแนวทางในพระบรม ราโชวาทตลอดไป”
พระพุทธเจ้าข้าขอรับ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

ชุมพร – กก.ตชด.ชุมพรร่วมบริจาคโลหิตส่งให้ รพ.ชายแดน

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 พ.ต.อ.จาริพัฒน์ ทองแดง ผกก.ตชด.41 ชุมพร พ.ต.ท.กุลนริศร์ นวมมณีรัตน์ รอง ผกก.ตชด.41 พ.ต.ท.หญิง วัชรี หยงสตาร์ สว.กก.ตชด.41 (จอส.,กร.) ว่าที่

พ.ต.ท.นฤชาติ เวชโช ผบ.ร้อย ตชด.414 นำข้าราชตำรวจ ตชด.จิตอาสา กก.ตชด.41 แม่บ้านตำรวจ จำนวน 180 นาย ร่วมบริจาคโลหิตเพื่อสำรองเลือดส่งให้โรงพยาบาลในจังหวัดเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังเกิดสถานการณ์สู้รบกันบริเวณแนวชายแดนไทย – กัมพูชา โดยมีผู้บริจาคโลหิตจำนวน 115 นาย ได้โลหิตรวม 40,250 ซีซี

แถลงข่าวจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนชุมพร 7-15 ส.ค.2568

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ที่ศูนย์การเรียนรู้อาคารแปดเหลี่ยม โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร นายนพพร อุสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชุมพร เป็นประธานการแถลงข่าวการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนจังหวัดชุมพร ประจำปี 2568

โดยมี นายนุกูล แก้วสวี นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด ดร.ศักดิ์สิทธิ์ แร่ทอง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 1 นายเอกวุฒิ ไกรมาก ผู้อำนวยการโรงเรียนศรียาภัย และ นายกรวิทย์ ช่วยดู ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด (ทกจ.) ชุมพร ร่วมการแถลงข่าว มีบรรดาผู้แทนคณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ เข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าวประมาณ 200 คน

การแถลงข่าวสรุปได้ว่า อบจ.ชุมพร จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดังกล่าว เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนด้านกีฬา และเปิดโอกาสให้เยาวชนได้แสดงความสามารถอย่างสร้างสรรค์ การแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นเวทีสำคัญในการพัฒนาเยาวชนจังหวัดชุมพรทั้งทางร่างกาย จิตใจ สังคม และวินัย ผ่านการฝึกฝน

ความมีน้ำใจนักกีฬา และการทำงานเป็นทีม โดยกำหนดจัดการแข่งขันกีฬาทั้งหมด 16 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย 1.กรีฑา 2. ว่ายน้ำ 3.ฟุตซอล 4.ปันจักสีลัต 5.วอลเลย์บอล 6. มวยสากลสมัครเล่น 7.มวยไทยสมัครเล่น 8.วูซู 9.ยูยิตสู 10. เทเบิลเทนนิส 11. บาสเก็ตบอล 12. เทควันโด 13.เปตอง 14.เรือพาย 15.วู้ดบอล และ16. ฟุตบอล แบ่งเป็น 4 รุ่นอายุ

การแข่งขันกีฬาเยาวชนจังหวัดชุมพรจะจัดระหว่างวันที่ 7-15 สิงหาคม 2568 ส่วนพิธีเปิดการแข่งขันคือวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ณ สนามมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชุมพร ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป โดย นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร จะเป็นประธานในพิธี และมีคณะผู้บริหาร หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ภาคการศึกษา และภาคประชาชน เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ภายในพิธีเปิดจะมีการเดินขบวนพาเหรดของนักกีฬา การแสดงจากเยาวชนจังหวัดชุมพร และการจุดคบเพลิงเป็นสัญลักษณ์แห่งการแข่งขัน

ตำรวจทางหลวงชุมพร รวมพลังจิตอาสา ร่วมบริจาคโลหิตส่งให้ รพ.ชายแดน

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514วันนี้ (25 ก.ค. 68) เวลา 09.00 น. ณ ห้างสรรพสินค้าโลตัสชุมพร อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร พ.ต.ท.กล้า สมบัติพิบูลย์

สว.ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดชุมพรสภากาชาดไทย บริจาคโลหิตสำรองคงคลัง เพื่อส่งไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ชายแดน(รองรับภัยจากการสู้รบ)

กิจกรรมในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อสำรองโลหิตสำหรับส่งต่อไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ชายแดน ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบในบางพื้นที่ อีกหนึ่งความห่วงใยจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่บนเส้นทางความปลอดภัย

“ห่วงใยทุกชีวิต เป็นมิตรทุกเส้นทาง” “ทำทุกอย่างด้วยสำนึก เพราะเราคือ“ตำรวจทางหลวง” (ชุมพร – ระนอง)

น้องอมนำศาสตร์พระราชา เปิดศูนย์การเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา


วันนี้ (26 ก.ค. 2568) นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลล์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์การเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568

โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น กลุ่มจิตอาสา กลุ่มพลังมวลชน ผู้แทนภาคส่วนต่าง ๆ สื่อมวลชนและประชาชนชาวจังหวัดชุมพรเข้าร่วม ณ ศูนย์การเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริตำบลบางลึก อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เพื่อเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่ศาสตร์พระราชาในการพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

นายนพพร อุสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า จังหวัดชุมพรโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร ได้ดำเนินการตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายในการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมและสิ่งปลูกสร้างในโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ จังหวัดชุมพร ให้มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และเป็นไปตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

เพื่อให้สามารถพัฒนาในมิติต่าง ๆ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนโดยรวม โดยได้มีการดำเนินการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาให้มีความพร้อมอย่างครบถ้วน เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และแนวทางปฏิบัติให้แก่ประชาชนและผู้สนใจที่เข้ามาศึกษาดูงาน ทั้งนี้เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ ที่มีต่อพสกนิกรชาวจังหวัดชุมพร โดยการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทฤษฎีใหม่ประยุกต์ และอารยเกษตร มาส่งเสริมและต่อยอดเป็นฐานการเรียนรู้ รวมทั้งสิ้น 9 ฐานการเรียนรู้ ในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ฯ

เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 จังหวัดชุมพรกำหนดจัดพิธีเปิด “ศูนย์การเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเผยแพร่พระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกา

ธิเบศรฯ อีกทั้งแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความสมานฉันท์ และความสามัคคีของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในจังหวัดชุมพร พร้อมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนได้ฝึกฝนเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทฤษฎีใหม่ประยุกต์ และอารยเกษตร ผ่านฐานการเรียนรู้ทั้ง 9 ฐาน รวมถึงสนับสนุนการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาพื้นที่ให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อชุมชน

การจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา ณ โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ จังหวัดชุมพร ไม่เพียงเป็นการเฉลิมพระเกียรติเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่ยั่งยืน สร้างแรงบันดาลใจให้ประชาชนได้น้อมนำหลักปรัชญาของในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จ

พระเจ้าอยู่หัว มาปรับใช้ในชีวิตจริงอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางแห่งปัญญา พลังของชุมชน และแบบอย่างของการพัฒนาที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ภายใต้ร่มพระบารมีแห่งพระมหากษัตริย์ไทย ผู้ทรงเป็นดวงประทีปส่องนำทางสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของแผ่นดินไทยตลอดไป
ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514

​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พระราชทานพวงมาลาหลวง แด่จ่าสิบเอก ธวัชชัย บุสภา ทหารกล้าผู้เสียสละ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จังหวัดมุกดาหาร

ประกอบพิธีอัญเชิญพวงมาลาหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพวงมาลาจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ วางหน้าหีบศพ จ่าสิบเอก ธวัชชัย บุสภา ซึ่งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน ณ ฐานปฏิบัติการฟ้าลั่น เขาสัตโสม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ

พิธีดังกล่าวจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ ณ บ้านเกิดของผู้เสียชีวิตเลขที่ 37 หมู่ 3 บ้านโนนสังข์ศรี อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร โดยมี นายวรญาณ บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานในพิธี

พร้อมด้วย พลตรี ฉัฐชัย มีชั้นช่วง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210, นาย นราวิชญ์ มณีฤทธิ์ นายอำเภอคำชะอี, ครอบครัวผู้เสียชีวิต ได้แก่ นางวิไล บุสภา มารดา, นายเฉลิมชัย บุสภา บิดา และ นางสาวรจรินทร์ สิงห์ศร ภรรยา หัวหน้าส่วนราชการ, ทหาร ตำรวจ และประชาชนเข้าร่วมในพิธีแสดงความอาลัยอย่างล้นหลาม

จ่าสิบเอก ธวัชชัย บุสภา เกิดเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2534 อายุ 34 ปี บรรจุเป็นกองหนุนเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2556 สมรสกับนางสาวรจรินทร์ สิงห์ศร มีบุตรชาย 1 คน คือ เด็กชายธนดล ยุบสภา อายุ 1 ปี 1 เดือน

ทั้งนี้ กำหนดพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ในวันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม 2568 เวลา 18.00 น. โดยวันจันทร์ ที่ 28 กรกฎาคม 2568 งดสวดพระอภิธรรม และกำหนดพระราชทานเพลิงศพวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ณ วัดเจริญธรรมาราม ตำบลบ้านซ่ง อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร

“ขอแสดงความอาลัยแด่ จ่าสิบเอก ธวัชชัย บุสภา… วีรชนผู้กล้า แห่งฐานฟ้าลั่น ชายแดนศรีสะเกษ ผู้สละชีพเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย” ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผบ.ฉก.ตร.นราธิวาส 93 ลงพื้นที่โรงเรียนอิสลามบูรณะโต๊ะนอ มอบข้าวสารและอุปกรณ์กีฬา สร้างขวัญกำลังใจแก่เยาวชน พร้อมกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนใต้

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่าที่ พ.ต.อ.ธัญ ศิริขันธ์ ผบ.ฉก.ตร.นราธิวาส 93 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฉก.ตร.นราธิวาส 93 ลงพื้นที่โรงเรียนอิสลามบูรณะโต๊ะนอ ตำบลมะนังตายอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เพื่อมอบข้าวสารจำนวน 6 กระสอบ สนับสนุนอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียน

เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของโรงเรียน และส่งเสริมให้นักเรียนได้รับประทานอาหารที่มีคุณภาพและเพียงพอ และมอบอุปกรณ์กีฬาเพื่อสนับสนุนให้เด็กนักเรียนรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ห่างไกลจากยาเสพติด อีกทั้งยังเป็นการปลูกฝังเยาวชนให้รู้จักความรัก ความสามัคคี รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพทั้งด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจของเด็กและเยาวชน

สำหรับการมอบสิ่งของในครั้งนี้ เป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและชุมชนในพื้นที่ เสริมสร้างขวัญกำลังใจแก่เยาวชน รวมทั้งสนับสนุนการส่งเสริมด้านการศึกษาและการออกกำลังกาย อีกทั้งยังได้มีการพูดคุยสอบถามข้อมูลด้านการเรียนการสอน

รวมถึงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อรับทราบปัญหาและความต้องการต่างๆของสถานศึกษา ซึ่งปัจจุบันทางโรงเรียนได้ส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้กีฬาเป็นกิจกรรม เพื่อให้นักเรียนได้มีการผ่อนคลายให้นักเรียนได้มีกิจกรรมเสริม อีกทั้งเป็นการสร้างนักกีฬาหน้าใหม่ที่มีความสามารถควบคู่กับการพัฒนาผู้เรียนทางด้านร่างกายและจิตใจ

ทั้งนี้บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น โดยมีคณะครูร่วมให้การต้อนรับและแสดงความขอบคุณต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ให้การสนับสนุนและใส่ใจโรงเรียนในครั้งนี้
//////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ศรีสะเกษ คืบหน้าปะทะชายแดน เจ้าหน้าที่นำร่าง ผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะ ออกจากพื้นที่แล้ว

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 25 กรกฏาคม 2568 เหตุการณ์ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา พื้นที่ชายแดน เขตเขาพระวิหาร อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเกิดการปะทะกันต่อเนื่องโดยเริ่มยิงตั้งแต่ เวลา 09.00 น.

โดยกระสุนของฝั่งกัมพูชาได้ยิงมาโดนร้านสะดวกซื้อภายในปั้มน้ำมัน ปตท .บ้านผือ ต.เมือง อ.กันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 8 ราย และบาดเจ็บ 13 ราย และที่บ้านเรือนประชาชน 1 หลัง

ความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากปะทะกันตั้งแต่เวลา 03.00 น. จนกระทั่งถึงเวลาประมาณ 08.00 น.

โดยกระสุนปืนของฝั่งกัมพูชาตกมาที่ฝั่งไทย (ตกที่ค่าย ตชด 224) ประมาณ 3 ลูก ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต แต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ EOD ที่ปฏิบัติหน้าที่เก็บกู้ระเบิดตั้งแต่ช่วงเช้าต้องออกจากที่เกิดเหตุด่วน ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ โดยยังทำการเก็บกู้ระเบิดที่หลงเหลือ

ยังไม่แล้วเสร็จแต่อย่างใด เพราะกระสุนของทางกัมพูชายิงมาใกล้กับจุดเกิดเหตุ จึงทำการอพยพชั่วคราว ก่อนที่จะดำเนินการเก็บกู้ระเบิดอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า ขณะที่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากมูลนิธิร่วมกตัญญูได้เข้าทำการเก็บร่างของผู้เสียชีวิต ภายในร้านสะดวกซื้อ ( 7-11) ซึ่งจากการดำเนินการ

พบร่างผู้เสียชีวิตจำนวนทั้ง สิ้น 5 ราย โดย 1 ในนั้น เป็นพนักงานเซเว่น ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ ตรวจพิสูจน์ทราบต่อไป/////