คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /ด่วน! พบผู้ป่วย “แอนแทรกซ์” รายที่ 5 ในมุกดาหาร ชำแหละหมูก่อนเดินทางไปทำไร่อ้อยใน สปป.ลาว เกิดแผลติดเชื้อลุกลามก่อนกลับมารักษาในไทย ‼️

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน​ นายแพทย์ณรงค์ จันทร์แก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า พบผู้ป่วยยืนยันโรคแอนแทรกซ์รายใหม่ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร โดยเป็นผู้ป่วยรายที่ 5 ของการระบาดในครั้งนี้ ซึ่งมีประวัติสัมผัสกับเนื้อหมูระหว่างการชำแหละในพื้นที่บ้านโคกสว่าง หมู่ 6 ตำบลเหล่าหมี อำเภอดอนตาล เมื่อวันที่ 19 เมษายน โดยสถานที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากจุดชำแหละเนื้อวัวที่มีผู้ป่วยโรคแอนแทรกรายก่อนหน้าเพียง 100 เมตรผู้ป่วยรายนี้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกมีดทิ่มที่นิ้วมือ ระหว่างการชำแหละหมู ก่อนเดินทางข้ามไป สปป.ลาว โดยรถส่วนตัวผ่านสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 (มุกดาหาร – สะหวันนะเขต ในวันที่ 20 เมษายน เพื่อทำงานในไร่อ้อยที่เมืองพะลานไซ แขวงสะหวันนะเขต พร้อมนำหมูแดดเดียวจากการชำแหละไปรับประทานด้วย โดยอาศัยอยู่เถียงนากับลูกน้อง 1 คน บริเวณพื้นที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ขณะที่ภรรยาทราบข่าวเกิดโรคแอนแทรกซ์ระบาดในพื้นที่ตำบลเหล่าหมี อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร พยายามติดต่อสามีแต่ติดต่อไม่ได้ โดยสามีได้นําหมูที่ชําแหละแล้วทำเป็นหมูแดดเดียวไปเก็บไว้รับประทานด้วยที่ฝั่ง สปป.ลาว ทั้งนี้ บริเวณสัมปทานไร่อ้อยยังมีลูกจ้างคนลาว 3 คน อยู่บ้านกะลอง เมืองพะลานไซ ด้วย

กระทั่งวันที่ 23 เมษายน เริ่มเป็นแผลลักษณะเป็นจุดวงๆ ตุ่มน้ำใส ปวดคันเล็กน้อยที่มือบริเวณตําแหน่งเดียวกันกับที่โดนมีดบาด28 เมษายน แผลเริ่มเหมือนถูกไฟไหม้มีสีดำคล้ำ ปวดบวมแดง เจ้าตัวคิดว่าแพ้น้ำมันเครื่อง และไปร้านขายยาใน สปป.ลาว ซื้อยาฆ่าเชื้อ ชื่อยากาน่า เม็ดแคปซูลสีขาว คาดว่าจะเป็นยา Kanamycin และ Cephalexin 500 mg โดยเริ่มรับประทานยาตั้งแต่ 28 เมษายน – 16 พฤษภาคม ภายหลังจากรับประทานยา ผู้ป่วยแจ้งว่าแนวโน้มแผลดูดีขึ้น ไม่มีหนอง ไม่ค่อยปวด เหลือแต่เป็นสีดําๆ และยังคันอยู่

วันที่ 16 พฤษภาคม ยากาน่าหมด จึงจะไปซื้อใหม่แต่เภสัชกรแจ้งว่าไม่ต้องกินแล้ว โดยจ่ายให้แต่ยา cephalexin 500 mg กลับมารับประทาน

วันที่ 18 พฤษภาคม เดินทางข้ามสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 กลับมาบ้านที่อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร โดยขณะนั้นแผลยังไม่หายและทราบข่าวว่าเกิดโรคแอนแทรกซ์ระบาด จึงมาตรวจเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลดอนตาล

19 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อทำการเพาะเชื้อส่งตรวจ (cultur) ตรวจ PCR และรอผลการตรวจทางห้องปฏิงัติการ

วันที่ 21 พฤษภาคม ผลการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ พบเชื้อเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis โดยผลยืนยันว่าผู้ป่วยเป็นโรคแอนแทรกซ์

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ จนท.ถูกคนร้ายกราดยิงดับคาฐานรือเสาะ

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (4 มิ.ย. 68) เวลา 08.45 น.ที่วัดบางนรา อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ อส.ทพ.ไมตรี บุดดา ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ลอบวางระเบิดรถประชาชน และใช้อาวุธปืนเล็กยาวไม่ทราบชนิดและ

ขนาดยิงใส่จุดตรวจหน้าฐานปฏิบัติการ กองร้อยทหารพรานที่ 4614 ขณะที่ตั้งจุดตรวจหน้าฐานปฏิบัติการ เหตุเกิดในพื้นที่บ้านปอเนาะ หมู่ 6 ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา ซึ่งมี นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส

พลตรี ณรงค์ ตันติสิทธิพร ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส/ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมสุริโยทัย เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมพิธีและร่วมไว้อาลัยฯ
พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพและเป็นผู้แทนวางพวงหรีดของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี, พวงหรีดของ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ,พวงหรีดของ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก และพวงหรีดของพลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4ตามลำดับ ทั้งนี้ พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้มอบเหรียญบางระจัน และใบประกาศเชิดชูเกียรติในการประกอบคุณงามความดี และความเสียสละแก่วงศ์ตระกูล พร้อมมอบเงินช่วยเหลือจากหน่วยงานและส่วนราชการต่างๆ เพื่อเป็นการปลอบขวัญ ให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต

ด้าน นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส กรณีเสียชีวิต จำนวน 500,000.- บาท และมอบเงินช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ กรณีเสียชีวิต

จากเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส จำนวน 5,000.- บาท นอกจากนี้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาฯ เพื่อให้ช่วยเหลือเบื้องต้นอีกจำนวนหนึ่ง ด้วย
สำหรับร่าง อส.ทพ.ไมตรี บุดดา ได้มีพิธีส่งศพกลับไปบำเพ็ญกุศลยังภูมิลำเนาที่ ต.คำเขื่อนแก้ว อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ อย่างสมเกียรติ ต่อไป

      //////////////////

ข่าว/อาอีซะห์นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / รถทัวร์สายระยอง-มุกดาหาร พุ่งตกกลางถนนหน้าค่าย ตชด. ที่ประจวบฯ ดับสลด 2 เจ็บระนาว

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 4 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 04.30 น. เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์สายระยอง-มุกดาหาร เสียหลักพุ่งตกลงร่องกลางถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 (กก.ตชด.14) ตำบลห้วยทราย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกหลายรายร.ต.ท.ธนภพ น้อยหมื่นไวย์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.คลองวาฬ

รับแจ้งเหตุจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์, หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างรุ่งเรืองทับสะแก, หน่วยกู้ชีพ อบต.ห้วยทราย, กู้ภัยมูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถาน, กู้ภัยตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์, หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจากหลายหน่วยงานเร่งเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทันทีหลังได้รับแจ้ง

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า รถทัวร์โดยสารสีเหลือง ทะเบียน 10-5855 ชลบุรี ตกลงในร่องกลางถนนบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 327 ชนเข้ากับเสาไฟและแผ่นการ์ดเรล สภาพรถส่วนหน้ารถเสียหายรุนแรง ด้านขวารถตะแคงอยู่ในร่องกลางถนน พบผู้เสียชีวิต เป็นชาย 2 ราย และผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ถูกลำเลียงส่งโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์

ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ระบุว่า รถคันดังกล่าวมีผู้โดยสารซื้อตั๋วที่ต้นทางทั้งหมด 31 คน แต่ไม่ขึ้นรถ 3 ราย ลงที่อำเภอหัวหิน 2 ราย เหลือ 26 คนในรถขณะเกิดเหตุ แบ่งเป็นผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บหนัก 5 ราย บาดเจ็บที่ต้องดูอาการ 8 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 11 ราย

โดยมีนายทศพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ยอมรับว่าเป็นคนขับรถคนที่ 2 ที่เพิ่งเปลื่ยนมาขับจากจุดพักรถที่อำเภอหัวหิน โดยมีปลายทางมุ่งหน้าไปส่งผู้โดยสารที่ดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี เบื้องต้น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวนหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริง ส่วนผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและไม่ประสงค์เข้ารับการรักษา ทางบริษัทเดินรถได้จัดรถคันใหม่มารับส่งต่อไปยังจุดหมายปลายทางแล้ว
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ช่างศูนย์มิตซูขับรถปาเจโร่ลูกค้ามาทดสอบ แต่ซวยถูกเก๋งปริศนาตัดหน้าเสียหลักพลิกคว่ำ เจ็บ 3 ราย

แชร์เนื้อหานี้

***เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 4 มิ.ย. 68 พ.ต.ท.สง่า สมสุข สารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรเมืองศรีสะเกษ ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำอยู่กลางถนน หน้าสำนักงานที่ดินจังหวัดศรีสะเกษ ตรงข้ามเกาะกลางน้ำก้วยน้ำคำ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ

จึงประสานงานไปยังหน่วยกู้ชีพ กู้ภัย ก่อนจะรีบไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พอไปถึงพบรถยนต์ ยี่ห้อมิซูบิซิ รุ่นปาเจโร่ สีขาว หมายเลขทะเบียน กง 768 ศรีสะเกษ พลิกคว่ำท้องชี้ฟ้า มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย ซึ่งคนขับ อายุ 28 ปี เป็นช่างที่ศูนย์รถยนต์มิสซูบิซิ สาขาฝั่งขาเข้าเมืองเส้นศรีสะเกษ- กันทราลักษ์ และอีก 2 คน เป็นเด็กฝึกงานที่ศูนย์รถยนต์มิซูบิซิ ห่างไปเล็กน้อยพบรถยนต์ 6 ล้อ ซึ่งเป็นรถยนต์เก็บขยะของเทศบาลตำบลปะอาว จอดอยู่

***จากการสอบถาม คนขับรถยนต์เก็บขยะ เล่าให้ฟังว่า ตนขับรถยนต์เก็บขยะ เพื่อจะไปเทขยะที่บ่อขยะที่บ้านหนองสาด พอขับมาถึงจุดเกิดเหตุตนหันไปดูกระจกมองข้างเห็นมีรถยนต์เก๋งคันหนึ่งขับรถต่อท้ายรถยนต์ของตนมา รถเก๋งคัน

ดังกล่าวขับตัดหน้ารถยนต์คันประสบเหตุ (รถยนต์ปาเจโร่) ทำให้รถยนต์ปาเจโร่ที่ขับมาทางตรงเสียหลักหลบจนทำให้รถพลิกคว่ำแล้วมาชนท้ายรถยนต์เก็บขยะของตน จนเป็นเกิดเหตุดังกล่าว ตนจึงรีบจอดโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ ส่วนรถยนต์เก๋งคู่กรณีขับต่อไปโดยไม่ได้จอดรถลงมาดู

filter: 0; fileterIntensity: 0.0; filterMask: 0; captureOrientation: 0; algolist: 0; multi-frame: 0; brp_mask:0; brp_del_th:null; brp_del_sen:null; delta:null; bokeh:0; module: photo;hw-remosaic: false;touch: (-1.0, -1.0);sceneMode: 9961472;cct_value: 0;AI_Scene: (-1, -1);aec_lux: 0.0;aec_lux_index: 0;HdrStatus: auto;albedo: ;confidence: ;motionLevel: 0;weatherinfo: null;temperature: 48;

***ด้าน คนขับรถยนต์ปาเจโร่ เปิดเผยว่า รถยนต์คันเกิดเหตุเป็นรถยนต์ของลูกค้าที่เอามาเข้าศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และตรวจเช็ดระยะตามรอบ พอดีตนกับน้องๆนำรถยนต์ออกมาทดลองขับ กำลังจะกลับเข้าศูนย์อยู่แล้ว แต่พอมาถึงจุดเกิดเหตุถูกรถยนต์เก๋งขับมาตัดหน้ารถยนต์ ตนพยายามจะหักหลบรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว และเหยียบเบรก แต่รถก็เกิดพลิกคว่ำ

***เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุไว้แล้ว แต่ทั้งนี้จะต้องสอบปากคำกับผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คน อย่างละเอียดก่อน และสอบปากคำพยานแวดรอบอีกครั้ง ก่อนจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / กระทรวงยุติธรรมลุยแก้หนี้ กยศ.ที่นราธิวาส รัฐบาลแจ้งมีหนี้ต้องใช้หนี้เพื่ออนาคตบุตรหลาน

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 31 พ.ค.68 ที่ลานพิกุล มหิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการ รมว.ยุติธรรม ได้เป้ฯประธานในพิธีเปิดงาน มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม ปีที่ 2 โดยมีนางเอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายกฤษณนันท์ กำไร รอง ผวจ.นราธิวาส และส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางมาร่วมงาน เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลแก้ไขปัญหาหนี้สิน ภายใต้ปรัชญาที่จะไม่ขัดต่อวินัยทางการเงินของประชาชน และผู้มีหนี้สินที่ได้กู้ยืมเงิน กยศ.

โดยมีเป้าหมายการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทุกฝ่าย เพื่อยุติข้อพิพาททางแพ่งและทางอาญในช่วงที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรมได้จัดงานมหกรรมแก้หนี้มาแล้ว 89 ราย ช่วยเหลือลูกหนี้ได้ 132,303 ราย จำนวนทุนทรัพย์ 23,901.84 ล้านบาท แยกเป็นลูกหนีก่อนฟ้องช่วยเหลือได้ 66,132 ราย ทุนทรัพย์ 11,217.04 ล้านบาท

ลูกหนี้หลังศาลพิพากษา ช่วยเหลือลูกหนี้ไม่ให้ถูกยึดทรัพย์และอายัดทรัพย์ 66,131 ราย จำนวนทุนทรัพย์ 12,684.8 ล้านบาท สำหรับลูกหนี้ กยศ.รั้งที่ผ่านมา มีการคำนวณยอดหนี้ใหม่ 3.65 ล้านบัญชีแล้วเสร็จ ผู้กู้ 2.98 ล้านราย ได้รับประโยชน์ช่วยลดหนี้ผู้กู้เป็นเงินกว่า 56,326 ล้านบาท ปลดภาระผู้ค้ำ 2.8 ล้านราย ซึ่งในวันนี้มีประชาชนเดินทางมาเกลี่ยไกล่หนี้ กยศ. ประมาณ 300 ราย ที่มีกำหนดการจัดงานในครั้งนี้ขึ้น 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. ถึง 2 มิ.ย.68

ด้านนายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ซึ่งวันนี้ก็น่าจะเป็นปีที่ 2 ของโครงการปีนี้ ก็อยากให้ทุกคนมาร่วมเพราะว่าเรื่องกิจกรรมแก้หนี้เป็นเรื่องใหญ่เรื่อง และเป็นเรื่องอนาคตของน้องๆ บางคนอาจจะขาดความเข้าใจในเรื่องนี้ไปเชื่อบางอย่างไปเชื่อในโซเชียลบ้างอะไรก็แล้วแต่ แต่จริงๆแล้วข้อเท็จจริงจะเป็นยังไงให้ท่านมาพบมาคุยด้วยตัวเองและท่านจะรู้ว่าท่านจะได้กำไรกลับไปแน่นอน

ซึ่งผมเชื่อว่าท่านจะมีรอยยิ้มกลับไป วันนี้สิ่งที่ท่านทำคือท่านพยามหลีกเลี่ยงไม่อยากจะจ่ายหนี้ กยศ. ซึ่งเรื่องจะเป็นความทุกข์กับท่าน เรื่องหลักคือลดดอกเบี้ยปรับขยายเวลาไป 15 ปี นี่เงินที่ท่านจ่ายทั้งหมดที่ผ่านมาไม่คิดเป็นดอกเบี้ยปรับ แต่คิดเป็นเงินต้น เอาเงินทั้งหมดมาหักเลย กู้ไปเท่าไหร่ก็จะเหลือเท่านั้นอาจจะมีเบี้ยปรับ 1.5% ดอกเบี้ย 1% เบี้ยปรับอีก 0.5 % จากเมื่อก่อน 25.5% 18.5% คือดอกเบี้ย เบี้ยปรับก็ 7% เหลือแค่ 1% ของดอกเบี้ย เบี้ยปรับไม่มีอยู่แล้ว ถ้าชำระมาไม่ได้ขาดเกิน 3 ครั้ง

ก็ไม่ต้องเสียเบี้ยปรับ แต่อาจจะมีเบี้ยปรับที่ค้างจ่ายมานาน มันอาจจะมี 1.5 % แต่เพิ่มได้ไม่เยอะไม่เหมือน 25.5 % เมื่อมาปรับเมื่อไหร่เงินที่จ่ายทั้งหมดเป็นเงินต้นหักต้นที่ยืมมันก็จะเหลือไม่มาก บางคนเหลือเป็นหมื่น ถ้ามีงานทำที่ดีมีรายได้เยอะมีงานดีๆ ซึ่งวันนี้จะมีวอล์คอินเข้ามาหลายคนแล้ว บางคนจะเป็นส่วนที่อยู่มาเลเซียเขาก็ไม่สามารถเดินทางกลับด้วยตัวเอง ก็ให้แม่มาหรือว่าให้น้องมา ซึ่งหลายคนยังคิดว่าจะมีคนค้ำ

ยังมีค้ำประกันโดยวันนี้เราปลดหมด ทุกคนจะได้สบายใจ ซึ่งในชั้นบังคับคดี หรือว่าหลังศาลมีคำพิพากษาก็ไม่มีการยึดทรัพย์ จะไม่มีการขายทอดตลาด เราจะคืนให้หมด แต่ขอให้เข้ามาร่วมงาน ซึ่งการปรับโครงสร้างหนี้เป็นผลประโยชน์ได้กับท่านเต็มๆ แต่อย่างที่รัฐมนตรีกล่าวว่ามีหนี้ก็ต้องใช้หนี้ เพราะว่ามันเป็นหนี้ที่สร้างประโยชน์ให้กับน้องๆ สร้างอนาคตให้น้องๆต่อไป
/////////////////////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผบ.ตร.จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี วันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 เวลา 08.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานพิธีในการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี

เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 47 พรรษา 3 มิถุนายน 2568 พร้อมด้วย คุณกนกวรรณ พันธุ์เพ็ชร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ , ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , คณะสมาคมแม่บ้านตำรวจ และข้าราชการตำรวจในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมพิธี

ด้วยความจงรักภักดีของข้าราชการตำรวจ พนักงานราชการ และลูกจ้างในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ประกอบด้วย พิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล ณ ห้องสารสิน , พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 10 รูป ณ ห้องศรียานนท์ , พิธีถวายราชสักการะ พิธีถวายพระพรชัยมงคล และลงนามถวายพระพร ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสอันเป็นมหามงคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนข้าราชการตำรวจ พนักงานราชการ ลูกจ้างในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และประชาชนทุกหมู่เหล่า

ร่วมลงนามถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ www.royaloffice.th ระหว่างวันที่ 1-5 มิถุนายน 2568

ทรงพระเจริญ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรสาขา น่าน จัดประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร น่าน ครั้งที่ 5/2568

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.30 น. สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดน่าน จัดประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จังหวัดน่าน ครั้งที่ 5/2568

โดยมีนายบุญยงค์ สดสอาด เป็นประธาน และนางณัติกานต์ บุญเจริญ หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดน่าน ทำหน้าที่อนุกรรมการและเลขานุการ ณ ห้องประชุมเจ้าสุมนเทวราช (ชั้น6) ศาลากลางจังหวัด อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน

โดยมีวาระพิจารณาในที่ประชุม ดังนี้ 1.พิจารณาเห็นชอบการขึ้นทะเบียนหนี้เกษตรกร ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 23 เมษายน 2568 – 27 พฤษภาคม 2568 จำนวน 68 ราย จำนวน 190 บัญชี มูลหนี้ 30,909,432.79 บาท (สามสิบล้านเก้าแสนเก้าพันสี่ร้อยสามสิบสองบาทเจ็ดสิบเก้าสตางค์)

2.พิจารณากลั่นกรองแผนและโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ปีงบประมาณ 2568 3.พิจารณาเห็นชอบแผนการลงพื้นที่ปฏิบัติงานตามโครงการส่งเสริมและสนับสนุนกระบวนการสร้างความเข้มแข็งองค์กรเกษตรกร/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รพ.น่านจัดกิจกรรมรณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลกประจำปี 2568

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ 27 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.00 น. โรงพยาบาลน่าน จัดกิจกรรมรณรงค์ เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก ประจำปี 2568 ภายใต้คำขวัญ “กระชากหน้ากากธุรกิจบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า : นิโคตินเสพติด จน ตาย”

โดยมี นพ.วสันต์ แก้ววี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน เป็นประธานกล่าวเปิด และ พญ.วาลิกา รัตนจันทร์ รองผู้อำนวยการฝ่ายปฐมภูมิโรงพยาบาลน่าน เป็นผู้กล่าวรายงาน ซึ่งมีวัตถุประสงค์

เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ ผลกระทบต่อสุขภาพของตนเองและคนรอบข้าง สร้างความตระหนักถึงอันตรายของการเสพติดนิโคติน และสนับสนุนให้ผู้ที่กำลังสูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า

เข้าสู่กระบวนการเลิกบุหรี่ที่เหมาะสมปลอดภัย โดยมีคณะผู้บริหารพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลน่าน อสม.ฟ้าใส นักเรียนในเขตเทศบาลเมืองน่าน และสื่อมวลชน เข้าร่วมกิจกรรม

ซึ่งกิจกรรมประกอบไปด้วย การมอบใบเกียรติบัตร “บุคคลต้นแบบเลิกสูบบุหรี่ได้สำเร็จ” บูธเกมโทษและพิษภัยจากบุหรี่ ตอบคำถามชิงรางวัล/Kahoot ณ ลานชั้น 1 อาคารรังสี

ศูนย์การแพทย์รัตนนันทเวช โรงพยาบาลน่าน/ภาพข่าวทีมปชส.รพ.น่าน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ทีมข่าวสมาคม รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐทีวี / ศุลกากรมุกดาหารจับโป๊ะ! พ่อค้าข้ามชาติแสบลอบขนสินค้าออกจากตู้ผ่านแดน ก่อนวางกล่องเปล่าตบตาเจ้าหน้าที่ / ​ตาวูบหมดสติขณะขับรถกลับจากฟอกไต หน่วย EMS รพ.มุกดาหาร เข้าช่วยชีวิตได้ทัน

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 สืบเนื่องจากนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร นางกิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร และนาวสาวลลิตา อรรถพิมล ผอ.ศภ.2 มีนโยบายให้เข้มงวดในการตรวจสอบการกระท่าความผิดตามกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

นายกรณ์ชัย ปัญญาวัฒนพงศ์ นายด่านศุลกากรมุกดาหาร ได้รับข้อมูลว่ามีสินค้าผ่านแดนจำนวนมากถูกลักลอยขนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงได้สั่งการให้นายคําพร ธุระเจน หัวหน้าฝ่ายปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามส่วน

ควบคุมทางศุลกากร ภาค 2 และ สำนักสืบสวนและปราบปราม 1 ตรวจสอบตู้สินค้าผ่านแดน ตามใบขนสินค้าผ่านแดน จํานวน 99 ฉบับ ซึ่งสําแดงชนิดสินค้าเป็นเครื่องแต่งกาย จํานวนรวม 581 หีบห่อ น้ำหนักรวม 7,728 กิโลกรัม โดยสินค้าดังกล่าวพ้นกําหนด 30 วัน ในอันที่จะต้องนําออกไปนอกราชอาณาจักร จึงตกเป็นของแผ่นดินตามพระราชบัญญัติศุลกากร

ผลการตรอจสอบพบว่ามีเพียงกล่องเปล่า 268 ชิ้น และพาเลทไม้ 24 ชิ้น ไม่พบสินค้าเครื่องแต่งกายตามที่สำแดงไว้ กรณีจึงมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่าผู้ขอผ่านแดน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้นําสินค้าผ่านแดนออกจากตู้บรรทุกสินค้าเข้ามาใน

ราชอาณาจักร อันเป็นความผิดฐานเคลื่อนย้ายของออกใปจากยานพาหนะโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร เจ้าหน้าที่จึงได้ยึด/อายัดของดังกล่าว เพื่อติดตามผู้กระทำความผิดดําเนินการตามกฎหมายต่อไป
ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

​ตาวูบหมดสติขณะขับรถกลับจากฟอกไต หน่วย EMS รพ.มุกดาหาร เข้าช่วยชีวิตได้ทัน

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 เกิดเหตุชายสูงอายุ เกิดอาการวิงเวียน ชักและวูบหมดสติไปชั่วขณะข้างศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร ขณะขับรถกระบะอีซูซุ ไฮแลนด์เดอร์ หมายเลขทะเบียน บง 4858 มุกดาหาร จะกลับบ้านหลังเสร็จสิ้นการฟอกไตที่โรงพยาบาลมุกดาหาร โชคดีที่รถเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองมุกดาหาร ผ่านมาประสบเหตุพอดี จึงได้เข้าช่วยเหลือเบื้องต้นพร้อมเรียกหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉิน (EMS) โรงพยาบาลมุกดาหารมารับตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลมุกดาหารต่อไป

สอบถามยายที่นั่งรถมาด้วยกันได้ความว่า เมื่อเช้าตาขับรถมาฟอกไตที่โรงพยาบาลมุกดาหารโดยมีตนนั่งมาด้วย หลังจากฟอกไตเสร็จเรียบร้อยขณะที่ตากำลังขับรถจะกลับบ้านปรากฏว่าเกิดอาการวิงเวียนจะเป็นลมและวูบหมดสติไปพักหนึ่ง ดังกล่าว

เบื้องต้น คาดว่าชายคนดังกล่าวเกิดอาการวูบจากความเหนื่อยล้าหลังการฟอกไต หรือภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ อย่างไรก็ตามต้องรอผลการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการจากแพทย์อีกครั้งหนึ่ง

วูบกลางถนน #ฟอกไต #ชายสูงวัย #เหตุการณ์ระทึก #พลเมืองดี #หน่วยEMSโรงพยาบาลมุกดาหาร #ช่วยชีวิตทันเวลา #ข่าวมุกดาหาร ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี * สื่อรัฐนิวส์ / ทวี ร่วมถกนักธุรกิจมาเลย์ เตรียมร่วมทุนเปิดตลาดอาเซียนแห่งแรกที่นราธิวาส

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 24 พ.ค.68 พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางพื้นที่มายังองค์การบริหารส่วนตำบลดุซงญอ อำเภอจะแนะ จ.นราธิวาส เพื่อเป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยมีนายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส, นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม,

นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชาติ จังหวัดนราธิวาส, พลตำรวจโทพัฒนวุธ อังคะนาวิน ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ร่วมคอยให้การต้อนรับ จำนวนกว่า 2,500 คน พร้อมทั้งได้ถือโอกาสแจกรางวัลการประกวดซุ่มประตูมัสยิด

โดย พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม ได้ถือโอกาสพูดคุยพบปะกับพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาร่วมงาน พอสรุปใจความได้ว่า โครงการส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ถือว่าเป็นการสืบสานองค์ความรู้ท้องถิ่น อัตลักษณ์วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่ทรงคุณค่าของประชาชนในพื้นที่

การพัฒนาคนคือหัวใจของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ต้องทำให้เยาวชนมีพื้นที่ปลอดภัย มีทักษะชีวิต มีเวทีสร้างสรรค์และได้รับการยอมรับในฐานะ เจ้าของอนาคตของชุมชน อย่างไรก็ตามขณะที่เราร่วมกันอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น เราก็ไม่อาจละเลยภัยคุกคามจากยาเสพติด

ที่กำลังรุกคืบเข้าสู่ชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลและชายแดน ปัจจัยเชิงโครงสร้าง เช่น ความยากจน ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และครอบครัวที่เปราะบาง ล้วนทำให้เยาวชนตกเป็นเหยื่อของเครือข่ายค้ายาเสพติดได้ง่ายขึ้น

ซึ่งสะท้อนถึงแนวทางของการพัฒนาที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง
ต่อมา พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม ได้เดินชมบูธอาหาร จำนวนกว่า 20 แห่ง พร้อมทั้งได้ชิมรสชาติอาหารคาวหวาน ซึ่งล้วนแล้วเป็นอาหารประจำถิ่น หรือ อาหารโบราณ ที่สามารถหากินได้ในเฉพาะพื้นที่ เช่น แกงกะทิปลาซ่อน ขนมต้ม ขนมไข่ เป็นต้น

ซึ่งก่อนดินทางกลับ พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม ได้ถือโอกาสพูดคุยนอกรอบเป็นการส่วนตัวกับคณะนักธุรกิจประเทศมาเลเซีย ที่มีโอกาสได้เดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้ คือ นายซุลฟีกา ซูไฮมี Mr.Zulfika Suhaimi และนายนิอาซิม นิมูฮัมหมัด Mr.Niazim Nimuhammad ที่ห้องประชุม อบต.ดุซงญอ

ที่ทางนักธุรกิจมาเลเซียมีความสนใจที่จะเดินทางมาทำการค้าร่วมกับคนไทย ซึ่งการเจรจาในครั้งนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายต้องมีการพูดคุยอย่างเป็นกิจลักษณะอีกครั้ง ในเรื่องของการลงทุนเปิดตลาดอาเซียนแห่งแรกในพื้นที่ จ.นราธิวาส ทั้ง 2 ฝ่ายต้องใช้เงินร่วมลงทุนประมาณ 30 ถึง 50 ล้านบาท โดยใช้เวลาประมาณ 1 ช.ม.จึงแล้วเสร็จ

ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า วันนี้ทางนักธุรกิจของประเทศมาเลเซีย นายก อบต.ดุซงญอ และคณะ นายกอบจ.จ.นนราธิวาส ร่วมหารือกับนักธุรกิจมาเลเซีย ซึ่งนักธุรกิจมาเลเซียพบว่าอยากมีตลาดอาเซียนหรือตลาดสินค้าอาเซียน เพราะเราอยู่ในประชาคมอาเซียน ซึ่งคล้ายๆประเทศไทยไม่มี แต่จะมีที่ประเทศเวียดนาม

ซึ่งมีสินค้าของอาเซียนมาวางเป็นสินค้าคล้ายๆสินค้าพื้นเมือง โดยทางนักธุรกิจมาเลเซียก็อยากจะร่วมทุนกับทางประเทศไทย โดยมองไปที่พื้นที่ อ.สุไหงโกลก หรือ อ.แว้ง ที่ใดที่หนึ่งที่เป็นแนวชายแดน ซึ่งปัจจุบันนี้เรามีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ แต่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยได้ใช้เงินเต็มความสามารถ เราก็ยังไปมองนักท่องเที่ยวเข้ามาอีกก็ไม่มีประโยชน์ แต่จะทำอย่างไรที่จะทำให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาแล้วได้ใช้เงินเยอะขึ้น ซึ่งในขณะนี้ จ.นราธิวาสอย่างเดียวนักท่องเที่ยวก็ล้านคนแล้วต่อปี ทั้งนักท่องเที่ยวมาเลเซียและนักท่องเที่ยวต่างๆเข้ามาก็ควรที่จะต้องมีตลาดด้วย ซึ่งเป็นแนวความคิดหนึ่งที่มานำเสนอ

โดยทางรัฐบาลเองก็เห็นด้วย ซึ่งวันนี้เรื่องใหญ่ของเราจะต้องสร้างเศรษฐกิจให้กับพื้นที่ แล้วต้นทุนของจังหวัดชายแดนหรือแนวชายแดนเราต้องมีการพัฒนาศักยภาพซึ่งในเร็วๆนี้สะพานก็จะเกิดขึ้น ถ้านักธุรกิจเริ่มต้นด้วยความคิดของนักธุรกิจ แล้วก็คนในพื้นที่ร่วมด้วย รัฐบาลได้หนุน

ส่วนสถานที่นั้นก็มีบ้านเอื้ออาทรที่ค่อนข้างร้าง ซึ่งทางเราได้มีการพูดคุยกับพ.ม.แล้ว ก็มีแนวความคิดว่ามันต้องมีการรื้อ เพราะสภาพมันใช้ไม่ได้แล้ว ทั้งโครงสร้างตึก ซึ่งถ้าจะมีการแบ่งบางส่วน อันนั้นก็เป็นสถานที่ ที่ทางเราจะต้องเลือกว่าระหว่าง อ.แว้ง กับอ.สุไหงโกลกว่าอำเภอไหนจะดีกว่ากัน
//////////////////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส