คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าว

​สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ปชช.เรียกร้อง ผวจ. ส.ส. ส.ว.- เอกชนมุกดาหาร แอคชั่น – แจงกรณีข่าวยกเลิกการก่อสร้างสนามบิน/รถกู้ชีพ อบต.บ้านโคก ชนปะทะรถขนกระเทียม กลายเป็นเศษซากกระจายเกลื่อนสี่แยก ธกส.มุกดาหาร

แชร์เนื้อหานี้

สืบเนื่องจากกรณีที่นายสุริยะ จึงรุ่เรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. คมนาคม ออกมาเปิดเผยว่า ในการประชุมบุรณาการร่วมภาครัฐ และ เอกชน เพื่อพัฒนาจังหวัดภากตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (สกลนคร นครพนม และมูกดาหาร) ทิ่ จ.นครพนม ว่าทางภากเอกชนต้องการให้ก่อสร้างท่าอากาศยานมุกดาหาร แต่เบื้องต้นจากการพิจารณาผลการศึกษาการก่อสร้างท่าอากาศยานมุกคาหาร ที่กรมท่าอากาศยานได้สรูปผลศึกษา พบว่า ไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ กระทรวงคมนาคม จะประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเจรจาขอความร่วมมือกับสาธารณรัฐประชาธิปไดยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ใช้ท่าอากาศยานนานาชาติสะหวันนะเขต เป็นจุดเดินทางมามุกดาหารแทน นั้น ปรากฏว่าได้มีประชาชนจำนวนมากในจังหวัดมุกดาหารออก

มาวิพากษ์วิจารณ์แสดงความคิดเห็นในรื่องดังกล่าวอย่างกว้างขวาง พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้บริหารทั้งภาครัฐ เอกชน และการเมือง โดยเฉพาะ 3 ส.ส. 2 ส.ว. ผู้ว่าราชการจังหวัด ประธานหอการค้า ประธานสภาอุตสาหกรรม และประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ของจังหวัดมุกดาหารออกมากล่าวให้ประชาชนได้รับทราบว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปบ้าง และเมื่อโครงการถูกยกเลิกดังกล่าว ได้มีแนวคิดที่จะดำเนินการผลักดันหรือดำเนินการอย่างไรต่อไปหรือไม่ อย่างไรขณะที่ รัฐบาลได้เร่งรัดโครงการศูนย์ขนส่งชายแดน One Stop Service ที่ด่านศุลกากรนครพนม อำนวยความสะดวกทางการค้าและการส่งออกเชื่อมโยง การค้าลาว เวียดนาม จีนตอนใต้ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้เป็นศูนย์ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) สามารถดำเนินพิธีการนำเข้าและส่งออกได้ในจุดเดียว ตามมติคณะรัฐมนตรี

นอกจากนี้ ยังผลักดันให้จังหวัดนครพนมก้าวขึ้นเป็น Gateway และศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน พร้อมทั้งลดข้อจำกัดของภาครัฐในการดำเนินโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พร้อมทั้งมอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนาพื้นที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 (นครพนม – คำม่วน) ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดนครพนมต่อไป นั้น ในส่วนของจังหวัดมุกดาหารซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ได้รับการสนับสนุนอะไรที่ทัดเทียมกันหรือไม่

กระทรวงคมนาคมยกเลิกสนามบินมุกดาหาร #จังหวัดมุกดาหาร​ ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

รถกู้ชีพ อบต.บ้านโคก ชนปะทะรถขนกระเทียม กลายเป็นเศษซากกระจายเกลื่อนสี่แยก ธกส.มุกดาหาร

เมื่อเวลา 03.15น. ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 สภ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร ได้รับแจ้งว่ากิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันอย่างแรงจนทำให้ชิ้นส่วนของรถยนต์และสิ่งของที่บรรทุกมากระจายไปเต็มพื้นที่ถนนชยางกูร ที่บริเวณสี่แยก ธกส.มุกดาหาร เขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร

จึงได้ประสานขอความช่วยเหลือจากนายอดุลย์ ศิริมันต์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองมุกดาหาร นำกำลังเจ้าหน้าที่และรถกู้ภัยช่วยดำเนินการเก็บเศษซากต่างๆ บนท้องถนน เพื่ิอเปิดการจราจรบนถนนดังกล่าวด้วย จากการนำเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันฯเทศบาลเมืองมุกดาหาร

ออกตรวจสอบช่วย้หลือ พบรถกู้ชีพขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโคก ชนกับรถกระบะโตโยต้า บรรทุกกระเทียมมาเต็มคัน หมายเลขทะเบียน บต 8819 มุกดาหาร จนทำให้รถมีสภาพเกือบหักครึ่งท่อนเศษซากชิ้นส่วนรถและกระเทียม

กระจายเกลื่อนพื้นถนน เสาไฟฟ้าและป้ายแจ้งเตือนจราจรหักเสียหาย เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันฯ จึงได้ทำการเก็บเศษซากต่างๆบนพื้นถนนจนทำให้สามารถเปิดการจราจรตามปกติได้ในเวลาต่อมา

รถกู้ชีพชนปะทะรถขนกระเทียมกระจายเกลื่อนสี่แยกมุกดาหาร #จังหวัดมุกดาหาร​ ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ ​โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตรวจเยี่ยม นบ.ยส.24 บูรณาการ“Seal Stop Safe” เพื่อป้องกันยาเสพติดเข้าสู่ประเทศ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 28 เมษายน 2568 เวลา 1330 น. ที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ลงพื้นที่ติดตามการปฏิบัติงานในพื้นที่ จังหวัดนครพนมตรวจเยี่ยมหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อติดตามปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ผนึกกำลัง อำเภอชายแดน

เพื่อมอบนโยบายในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน เร่งรัดการดำเนินงานสกัดกั้น ยาเสพติดตามแนวชายแดนให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบาย เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลตำรวจเอก ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุม โดยได้รับฟังบรรยายสรุปสถิติและการปฏิบัติที่สำคัญแต่ละมาตรการตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน ตัวชี้วัดประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่เป้าหมาย แนวโน้มสถานการณ์ยาเสพติด กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งมอบนโยบาย ข้อสั่งการ และข้อเน้นย้ำ แนวทางการปฏิบัติงาน ตามที่รัฐบาลได้ออกประกาศเรื่องกำหนดพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและผู้รับผิดชอบ

เพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปีงบประมาณ 2568 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่อำเภอชายแดนเป็นพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนใน 7 จังหวัด 25 อำเภอชายแดน มีหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) เป็นหน่วยรับผิดชอบ มีภารกิจวางแผนบูรณาการอำนวยการประสานงาน ในการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติดสารตั้งต้น

และเคมีภัณฑ์ ปราบปรามเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด บำบัดผู้ป่วยจิตเวช ยาเสพติด จัดตั้งหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็งเอาชนะยาเสพติด ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และแก้ไขปัญหายาเสพติดด้านอื่นๆในพื้นที่ชายแดน โดยได้ดำเนินการตาม 6 มาตรการหลัก ได้แก่ มาตรการสกัดกั้น มาตรการปราบปราม มาตรการป้องกัน มาตรการบำบัดรักษา มาตรการบูรณาการ มาตรการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่าการมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ที่ปฏิบัติงานของหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปรามปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือในวันนี้ ถือว่าเป็นหน่วยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาสำคัญหลักของชาติ โดยเฉพาะปัญหาด้านยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมาอย่างยาวนาน และรัฐบาลนี้ก็ให้ความสนใจให้ทุ่มเทในการแก้ปัญหาดังกล่าวนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศชาติ มีความมั่นคงปลอดภัย และนับว่าเป็นโอกาสอันดี ที่ผมและทีมงาน ได้เข้ามารับทราบผลการปฏิบัติงานรวมถึงรับทราบปัญหา

ข้อขัดข้องเพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหา และเพื่อเป็นการ​ เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้น ขอชื่นชมในความทุ่มเท เสียสละ และความมุ่งมั่นของทุกท่านในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศ และดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชนโดยเฉพาะในภารกิจด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสังคมไทยจากการรับฟังบรรยายสรุป เห็นถึงความเข้มแข็ง และความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการดำเนินการสกัดกั้น ลำเลียง ปราบปราม ตลอดจนบำบัดและฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากยาเสพติด ซึ่งมีผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งในพื้นที่ชายแดนและตอนใน โดยเฉพาะการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ นบ.ยส.24 รวมถึงการขับเคลื่อน “ธวัชบุรีโมเดล” ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของการบูรณาการและสร้างความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหา และขอให้หน่วยดำเนินการดำรงความเข้มแข็งในการปฏิบัติงานเชิงรุก โดยใช้การข่าวและการลาดตระเวนเชิงลึก ควบคู่กับเทคโนโลยี เพื่อสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้ามาในประเทศได้ตั้งแต่แนวหน้า ส่งเสริมการประสานความร่วมมือข้ามหน่วยงานและข้ามพรมแดน เพื่อเสริมสร้างระบบความมั่นคงแนวชายแดน โดยเฉพาะการมีจุดประสานงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง

ให้ความสำคัญกับการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนเข้มแข็ง เป็นปราการด่านหน้าในการเอาชนะยาเสพติด และเป็นกลไกในการดูแล พี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด สนับสนุนภารกิจการฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเพื่อปราบปรามกลุ่มผู้กระทำผิด เร่งรัดการผลักดันโครงการที่จำเป็นเร่งด่วน และการของบประมาณสนับสนุนจากกองทุนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมศักยภาพและขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจ ผมมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของกำลังพลทุกนายว่า จะสามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อปกป้องประชาชนและประเทศชาติให้ปลอดภัยจากภัยยาเสพติด และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนได้อย่างยั่งยืน

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / จัดพิธีมอบแบบลายผ้าพระราชทาน “ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์” เดินหน้าสืบสานภูมิปัญญาผ้าไทยสู่สากล

แชร์เนื้อหานี้
วันที่ (25 เม.ย.68)  เวลา 10.30 น. ณ ห้องประชุมสิรินธรวัลลี ชั้น ๔ ศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ  นายจุมพฏ  วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ประกอบพิธีถวายราชสักการะเปิดกรวยดอกไม้ธูปเทียนแพ และกล่าวสำนึกในพระกรุณาธิคุณ  เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในพิธีมอบแบบลายผ้าพระราชทาน “ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์” ตามโครงการสร้างการรับรู้ ภูมิปัญญาผ้าไทยและผ้าลายพระราชทาน ให้แก่ เหล่ากาชาดจังหวัดบึงกาฬ  ชมรมแม่บ้านมหาดไทย หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ และผู้แทนกลุ่มทอผ้า 16 กลุ่มจากทั้ง 8 อำเภอของจังหวัดบึงกาฬ เพื่อนำแบบลายผ้าพระราชทานอันทรงคุณค่ามาประยุกต์ใช้เป็นต้นแบบ พัฒนาและต่อยอดภูมิปัญญางานหัตถศิลป์พื้นถิ่น เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ผ้า ด้วยการออกแบบตามความคิดสร้างสรรค์ของศิลปิน เป็นการฟื้นฟูและสืบทอดภูมิปัญญาตั้งเดิมควบคู่ไปกับการยกระดับมาตรฐานและพัฒนาศักยภาพงานหัตถศิลป์ไทย ตลอดจนเป็นการน้อมนำแนวพระดำริฯ ในการส่งเสริมภูมิปัญญาผ้าไทย นำแบบลายผ้าพระราชทานมาใช้เป็นต้นแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและหัตถกรรม เพื่อขับเคลื่อนการใช้และสวมใส่ผ้าไทยให้เกิดผลเป็นรูปธรรม สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์แบบลายผ้าพระราชทานอย่างแพร่หลาย  สำหรับ “ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์” เป็นลายผ้าที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงออกแบบจากการศึกษาลวดลายไทยดั้งเดิม ผสานแนวคิดร่วมสมัย สะท้อนเอกลักษณ์ วัฒนธรรม และธรรมชาติของไทย โดยทรงพระราชทานแบบลายประเภทผ้ามัดหมี่ ยก จก บิด แพรวา และบาติก ให้แก่ช่างทอผ้าทั่วประเทศ นับเป็นพระกรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ เพื่อให้สามารถนำไปต่อยอดสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพ สู่เวทีสากลต่อไป

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ไทย-กัมพูชา ร่วมสรงน้ำพระ ตักบาตร 2 แผ่นดิน สานสัมพันธ์แน่นแฟ้นรับปีใหม่ 2568

แชร์เนื้อหานี้

***เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ น.ส. ชนมณัฐ รอดบุญธรรม รองผู้ว่าราชจังหวัดศรีสะเกษ

พ.อ.บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมหัวหน้าส่วนราชการทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายทหาร ร่วมกันเปิดกิจกรรมสรงน้ำพระ ทำบุญตักบาตร สงกรานต์ไทย – กัมพูชา สืบสานประเพณี เชื่อมสัมพันธไมตรี ไทย – กัมพูชา

โดยมี นายอุน โซเพียก รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา พ.อ.ชิน เมา รองเสนาธิการภูมิภาคทหารที่ 4 และส่วนราชการฝั่งกัมพูชา ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

มีโดยได้นิมนต์พระสงฆ์ไทยและกัมพูชา จำนวน 100 รูป นำโดย พระครูโกศลสิกขกิจ เจ้าคณะ อ.ภูสิงห์ และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา พระครูเตโช สีนาน เจ้าคณะอำเภออัลลองเวง จ.อดุดรมีชัย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มีประชาชนชาวไทยและชาวกัมพูชา จำนวนร่วมกิจกรรมกันอย่างคึกคัก

***ทั้งนี้กิจกรรมมีพิธีสรงน้ำพระประธาน รดน้ำขอพรพระสงฆ์ และผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งไทย-กัมพูชา และทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ทั้งฝั่งไทย-กัมพูชา บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ด้วยความสัมพันธภาพที่ดีงามต่อกัน เนื่องจากทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชาล้วนนับถือพุทธศาสนา

***พระครูโกศลสิกขกิจ เจ้าคณะ อ.ภูสิงห์ กล่าวว่า การทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระในเทศกาลสงกรานต์ เป็นกิจกรรมที่จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย ร่วมกับจังหวัดอุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา จัดขึ้น โดยเป็นกิจกรรมที่ปฏิบัติต่อเนื่องมาประจำทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์หรือ

วันขึ้นปีใหม่ไทย เป็นการส่งเสริมสัมพันธไมตรีด้วยมิติทางพระพุทธศาสนา และเป็นการสร้างความเชื้อมั่นให้กับประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ว่าชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่มีปัญหาความรุนแรงแต่อย่างใด เหมือนที่เป็นข่าวออกไป และยังคงรักเคารพกันดั่งพี่กับน้อง

ภาพ/ข’าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / อบจ.นครปฐม เข้ารับฟังการบรรยายและสาธิตการใช้ระบบหุ่นยนต์ตำรวจอัจฉริยะ “Police Cyborg 1.0”

แชร์เนื้อหานี้

วันพุธที่ 23 เมษายน 2568 พลตำรวจโท นัยวัฒน์ ผะเดิมชิด ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 พร้อมด้วย นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายก อบจ.นครปฐม เข้าร่วมรับฟังการบรรยายและสาธิตการใช้ระบบหุ่นตำรวจอัจฉริยะ “Police Cyborg 1.0” ณ ห้องประชุมสถานีตำรวจภูธร ภาค 7 อ.เมืองนครปฐม ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับความปลอดภัยในจังหวัดนครปฐม โดย อบจ.นครปฐม ได้ให้การสนับสนุนการดำเนินการของตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งกล้อง CCTV ในเขตชุมชน, การต่อต้านปราบปรามเสพยาติด และโครงการอื่นๆ ที่ได้รับการร้องขอ เพื่อจะมาส่งเสริมการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อันจะเป็นการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับประชาชนมากยิ่งขึ้น สมคิด พรมมี ผู้สื่อข่าวนครปฐม

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ททท.เพชรบุรี ชวนเที่ยวงานเทศกาลหุ่นระดับโลก ‘Phetchaburi Harmony Puppet Festival 2025’/สภ.หัวหิน สรงน้ำพระขอพรผู้บังคับบัญชา มอบเกียรติบัตรดีเด่น

แชร์เนื้อหานี้


เมื่อวันที่ 18 เม.ย.68 นางดวงใจ คุ้มสอาด ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี เปิดเผยว่า จ.เพชรบุรี กำหนดจัดงานเทศกาลเพชรบุรีเมืองหนัง Phetchaburi Harmony Puppet Festival ระหว่างวันที่ 2-4 พฤษภาคม นี้ พร้อมร่วมแสดงความยินดี ที่ จ.เพชรบุรี ได้รับรางวัล Asia Local and Traditional Art Festival Tangible Heritage ประจำปี 2025 จาก สมาคมเทศกาลและงานอีเวนต์นานาชาติแห่งภูมิภาคเอเชีย IFEA Asia นับว่า เป็นการยกระดับเทศกาล Softpower ของประเทศไทย ตามนโยบายส่งเสริมของรัฐบาล ที่ได้นำเทศกาลอันโดดเด่นของเพชรบุรี สู่การได้รับความยอมรับและประกาศสู่สากล


เทศกาลหุ่นเพชรบุรีเมืองหนัง phetchaburi Harmony Puppet Festival 2025 เกิดขึ้นจากการฟื้นฟูศิลปะหุ่นหนังใหญ่ วัดพลับพลาชัย ซึ่งเป็นวัดที่สร้างขึ้นในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี โดยศิลปะหนังใหญ่นี้ได้สืบทอดมาและได้เคยจัดแสดงต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ฯ ณ พระรามราชนิเวศน์ หรือ วังบ้านปืน ที่สร้างขึ้นเมื่อเสด็จประพาสจังหวัดเพชรบุรี โดยในปี 2568 นี้ เทศกาลได้รับเกียรติให้จัดขึ้นในรูปแบบของมหรสพหลวง แสดงหนังใหญ่อย่างงามสง่าหน้าพระที่นั่ง

พร้อมด้วยการเชิดชู การแสดงหนังตะลุง ซึ่งเป็นต้นแบบของหนังตะลุงเมืองเพ็ชร และ คณะหนังตะลุงจากบรมครู นายหนังจากภาคใต้ สมาคมศิลปินพื้นบ้านจังหวัดสงขลา นำโดย 3 ศิลปินดีเด่นจังหวัดสงขลาที่เข้าร่วมงานครั้งนี้ ให้สมกับที่เพชรบุรี เป็น “เมืองหนัง” ที่เป็นศูนย์รวมของหนังใหญ่ และ หนังตะลุง ซึ่งปีนี้มีให้ชมถึง 37 คณะ ตลอด 3 วัน จัดบนถนนดำรงรักษ์ ถนนที่มีความงดงาม กว้างขวาง และสร้างขึ้นเป็นถนนสายศิลปะทีมีภาพเขียน Street Art งดงามโดดเด่นด้วยความทันสมัย

พร้อมต้อนรับการแสดงจากคณะหุ่นจากต่างประเทศซึ่งเป็นหุ่นเงานานาชาติ International Shadow Puppet และหุ่นร่วมสมัย ทั้งสิ้นถึง 12 ประเทศ อาทิ Ty Chean Sbek Thom หนังใหญ่ สแบกธม จาก กัมพูชา, Kohamkulov puppet troupe หุ่นเงาดั้งเดิม จาก คาซัคสถาน, Utervision Company Japan หุ่นเงาร่วมสมัย จากญี่ปุ่น, Theatrical Association of Artists Animating the Shadow TOXOT หุ่นเงาผสมผสานเทคโนโลยี จาก รัสเซีย, Paper Monkey Theatre หุ่นเงาเพื่อการศึกษา จาก สิงคโปร์, Gnayaw Puppets หุ่นเงาแนวศิลปะผสมผสาน ผลงานร่วมสร้างสรรค์ จาก เม็กซิโก-อินโดนีเซีย นอกจากนี้ยังมีการแสดงหุ่นนานาชาติในรูปแบบแปลกใหม่ทันสมัย Viet Lotus Group จาก เวียดนาม, Sky Bird Puppet Group จาก ฮ่องกง, Wanlu and his Puppets จาก ฟิลิปปินส์, การแสดงหุ่นสายร่วมสมัย Nicov botelladearroz จาก โคลัมเบีย, การแสดงผสมผสานระหว่างหุ่นเงาวายัง และนักแสดงระบำพื้นเมือง Sena Wangi (Indonesia National Wayang Secretariat) จาก อินโดนีเซีย นิทรรศการภาพถ่าย A Life In shadow และการ Workshop การถ่ายภาพหุ่นเงา โดย Constantine Korsovitis จาก ออสเตรเลีย ในการจัดงานเทศกาลครั้งนี้ ยังมีการจัดประชุมสัมมนานานาชาติ Unima SoutEast Asia On line อย่างยิ่งใหญ่ในระดับสากล จาก จ.เพชรบุรี โดยความร่วมมือของสมาพันธุ์หุ่นนานาชาติ Unima World


การจัดแสดงบนถนนสายศิลปะที่สวยสดงดงาม ของ จ.เพชรบุรี ถนนดำรงรักษ์ และจัดแสดงมหรสพอันสง่างาม ณ พระรามราชนิเวศน์ ด้วยการจัดแสดงหุ่นที่มุ่งเน้นเรื่องราวจากวรรณกรรมรามเกียรติ์หลากหลายให้ได้ชมกัน โดยตลอดทั้งวัน มีการจัดรถรางนำชมศิลปะสกุลช่างเมืองเพ็ชร งานปูนปั้นรามเกียรติ์ ที่ประดับตลอดเส้นทางของการจัดงานเทศกาล งานนิทรรศการภาพถ่าย พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ วัดพลับพลาชัย วันที่ 2-4 พ.ค.68 ขอเชิญชมความงามแห่งศิลปะหุ่นของไทย และนานาชาติได้ที่ จ.เพชรบุรี ในเทศกาลหุ่นเพชรบุรีเมืองหนัง Phetchaburi Harmony Puppet Festival 2025 ร่วมสร้างสรรค์งานเทศกาลหุ่นนานาชาติ ยกระดับ Softpower เทศกาลไทยสู่สากล โดยการรับรองของสมาพันธ์หุ่นนานาชาติ Unima ในความรับรองของ UNESCO ลิขสิทธิ์การจัดเทศกาลหุ่นโลก Harmony Puppet Thailand จาก มูลนิธิหุ่นสายเสมา
จัดโดยจังหวัดเพชรบุรี มณฑลทหารบกที่ 15 สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบุรี สำนักงานวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบุรี เทศบาลเมือง สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบุรี Amazing Thailand การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หอการค้าจังหวัดเพชรบุรี YEC เพชรบุรี สมาพันธุ์เอสเอ็มอีไทย จังหวัดเพชรบุรี สานพลังประชารัฐ ชุมชนคลองกระแชง พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดพลับพลาชัย สมาคมช่างภาพเพชรบุรี ส่งเสริมการจัดงาน โดยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สภ.หัวหิน แต่งธีมสงกรานต์สรงน้ำพระขอพรผู้บังคับบัญชา พร้อมมอบเกียรติบัตรดีเด่นให้กับตำรวจที่มีผลงาน

เมื่อวันที่ 18 เม.ย.68 ที่ห้องโสตทัศนศึกษา โรงเรียนหัวหิน จ.ประจวบฯ พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.หัวหิน เป็นประธานประชุมประจำเดือนมีนาคมพร้อมมอบเกียรติบัตรให้กับข้าราชการตำรวจที่มีผลการปฏิบัติงานป้องกันปราบปรามดีเด่น จำนวน 5 นาย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ โดยมี นายวรพจน์ ลิมาคม ประธาน กต.ตร.สภ.หัวหิน

พร้อมคณะ กต.ตร. พ.ต.ท.วรท กรุงกาญจนา รอง ผกก.ป.สภ.หัวหิน และตำรวจในสังกัดเกือบ 200 เข้าร่วมประชุมในธีมเสื้อสดใสลายดอกวันสงกรานต์สร้างสีสันและลดความตึงเครียดให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมแล้ว ตำรวจ สภ.หัวหินได้ร่วมสรงน้ำขอพรพระพุทธรูปเพื่อความเป็นสิริมงคล และรดน้ำขอพรผู้บังคับบัญชา เนื่องในวันสงกรานต์ เป็นการสานสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นภายในหน่วยงานด้วยบรรยากาศชื่นมื่น

พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.หัวหิน กล่าวว่า วันนี้มีการประชุมประจำเดือนที่เราทำกันทุกเดือนอยู่แล้ว เป็นการมอบนโยบายจากผู้บังคับบัญชา จากนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 7 และกองบังคับการภูธรจังหวัดประจวบฯ ก็ได้มอบนโยบายต่างๆ ทั้งหมด ทั้งการจับกุม การระดมการกวาดล้างต่างๆ ตามผลงานตั้งแต่ก่อนวันสงกรานต์ การทำงานในช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมา มีผลการปฏิบัติงาน

มีการถอดบทเรียนให้กับผู้ปฏิบัติงานทั้งหมดว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร หรือต้องปรับปรุงการแก้ไขอย่างไร ช่วงเทศกาลสงกรานต์หัวหินของเราก็ผ่านไปด้วยดี มีประชาชนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะคืนวันที่ 12 และวันที่ 13 เม.ย. เราได้จัดการจัดระเบียบในเรื่องของความปลอดภัย ในเรื่องของการจราจร มีเรื่องร้องเรียนน้อยมาก และไม่มีเหตุการณ์ร้ายใด ๆ เกิดขึ้น ก็ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ร่วมกันดูแลนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐนิวส์-สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทอดพระเนตรโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยบางทรายตอนบน มุกดาหาร

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 18 เมษายน 2567 เวลา 10.10 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ไปทอดพระเนตรผลการดำเนินงาน

โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยบางทรายตอนบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ณศูนย์ประสานงานโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยบางทรายตอนบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และบ้านเกษตรกรต้นแบบ นายพงษ์ไพร ศรีพงค์พยอม ที่ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร

โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยบางทรายตอนบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นหนึ่งในศูนย์สาขาของศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2538

ตามแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีลักษณะการดำเนินงานในรูปแบบการพัฒนาพื้นที่แบบเบ็ดเสร็จ โดยประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการร่วมกัน

เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ พัฒนาแหล่งน้ำ พัฒนาอาชีพด้านเกษตรกรรม และศิลปาชีพ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 184,000 ไร่ ครอบคลุม 14 หมู่บ้านในตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง 3 หมู่บ้าน 2 ชุมชน

ในตำบลบ้านค้อ อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ภายในบริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน และป่าสงวนแห่งชาติป่าดงภูสีฐาน ปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ

พร้อมระบบส่งน้ำ แล้วเสร็จจำนวน 7 แห่ง ถือเป็นการดำเนินการตามพระราชปณิธานที่จะพัฒนาป่าไม้ควบคู่ไปกับการพัฒนาแหล่งน้ำ และได้ดำเนินการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ ถนน ไฟฟ้า การจัดอบรม การส่งเสริมให้ความรู้แก่ราษฎรในด้านการบริหารจัดการน้ำ

จัดสรรพื้นที่ให้แก่ราษฎร จัดระเบียบชุมชน และกำหนดแนวทางการพัฒนาอาชีพในด้านต่างๆทางด้านเกษตรกรรม การเลี้ยงสัตว์ ประมง และการฝึกอบรมอาชีพ เพื่อให้ราษฎรสามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองและสามารถพึ่งพาตนเองได้ต่อไป

ภาพ​/ข่าว​ สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / วันไหล!!ประเพณีแห่น้ำจั้นทิพย์-ขอขมาคารวะสรงน้ำ”หลวงพ่อพระใหญ่”ปิดท้ายสงกรานต์ จ.บึงกาฬ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 09.49 น. วันที่ 19 เม.ย. 68 นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ พร้อมด้วย นายนคร ศิริปริญญานันท์ รองผวจ.บึงกาฬ, นายสมหวัง อารีย์เอื้อ รองผวจ.บึงกาฬ, นางแว่นฟ้า ทองศรี นายกอบจ.บึงกาฬ, นายนิพนธ์ คนขยัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.บึงกาฬ เขต 3, นายสยาม เพ็งทอง

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.บึงกาฬ เขต 1, หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน ได้ร่วมกันหาบน้ำจั้นศักดิ์สิทธิ์ และขบวนแห่ทางบกและทางน้ำเพื่อนำไปประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และสรงน้ำองค์หลวงพ่อพระใหญ่ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งประดิษฐาน ณ วัดโพธาราม (หรือ วัดท่าไคร้) ถือเป็นประเพณีดั้งเดิมของชาวบ้านในพื้นที่ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาทุกปีในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์

นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผวจ.บึงกาฬ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดบึงกาฬทุกหมู่เหล่า ทำพิธีบวงสรวงและแห่น้ำจั้นศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของบรรพบุรุษ โดยนำเอาน้ำจั้นหรือน้ำจากบ่อซึมที่มีความสูงจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงในหน้าแล้ง และไหลลงสู่แม่น้ำโขงตลอด

ทั้งปีไม่มีเหือดแห้ง ซึ่งน้ำบ่อซึมนี้เมื่อครั้งในอดีตผ่านมาชาวบ้านได้ใช้เป็นแหล่งน้ำดื่มสำหรับคนในตำบลบึงกาฬ ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำโขงบ้านท่าไคร้ หมู่ที่ 5 ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ และทุกๆ ปีหลังจากวันสงกรานต์ จะมีพิธีแห่น้ำจั้นศักดิ์สิทธิ์ทั้งในทางบกและทางน้ำ และเมื่อไปถึงหน้าวัดท่าไคร้หรือวัดโพธารามก็

จะอัญเชิญน้ำจั้นศักดิ์สิทธิ์ไปสรงน้ำหลวงพ่อพระใหญ่ในอุโบสถ ปีนี้จังหวัดได้จัดขบวนแห่ฟ้อนรำอันสวยงาม มีชาวจังหวัดบึงกาฬจากหลายเชื้อชาติ หลายชนเผ่า จำนวนกว่า 200 คน ต่างพร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดฟ้อนรำตามขบวนแห่น้ำจั้นศักดิ์สิทธิ์ เพื่ออัญเชิญน้ำไปสรงน้ำหลวงพ่อพระใหญ่ ซึ่งถือเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดบึงกาฬ

ณ วัดโพธาราม บ้านท่าไคร้ อ.เมืองบึงกาฬ ที่นับเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน ทั้งชาวไทยและชาวลาว เป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ตลอดสองฝั่งแม่น้ำโขงต่างให้ความเคารพศรัทธา มาเข้าร่วมพิธีกันอย่างเนืองแน่นลูกหลานที่ไปเรียนหนังสือหรือไปทำงานในต่างจังหวัดจะต้องกลับมาบ้านบึงกาฬ เพื่อมาเข้าร่วมพิธีนี้ทุกคนและถือปฏิบัติกันมาเป็นประเพณีทุกปี

ในพิธีหาบน้ำจั้นศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำมาสรงน้ำหลวงพ่อพระใหญ่ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดบึงกาฬ โดยภายในพิธีในพระอุโบสถได้รับเกียรติจากนายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ

ประธานประกอบพิธีฝ่ายฆารวาส มีพระเดชพระคุณ พระราชภาวนาโสภณ วิ. เจ้าอาวาสวัดเซกาเจติราม(พระอารามหลวง) เจ้าคณะจังหวัดบึงกาฬ ฝ่ายมหานิกาย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นำพระเถระและพุทธศาสนิกชนกล่าวนำคารวะขอขมาและร่วมกันสรงน้ำหลวงพ่อพระใหญ่

จากนั้น พ่อเมืองบึงกาฬ ประธานพิธีตีฆ้องเปิดงานประเพณีแห่น้ำจั้นศักดิ์สิทธิ์สรงน้ำขอพร“หลวงพ่อพระใหญ่” วัดโพธาราม บ้านท่าไคร้ ประจำปี 2568 อย่างเป็นทางการ และนำคณะผู้บริหารจังหวัดบึงกาฬ หัวหน้าส่วนราชการ และพุทธศาสนิกชน รดน้ำขอพระคณะสงฆ์พระเถรานุเถระ และรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์68อีกด้วย

ส่วนประวัติหลวงพ่อพระใหญ่ ไม่มีหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่เล่าขานต่อๆ กันว่าราว 200 กว่าปีก่อน ชาวบ้านอพยพย้ายถิ่นฐานมาจากเมืองยศ หรือยโสธร มาปักหลักแผ้วถางบุกเบิกป่าทึบ

ริมฝั่งแม่น้ำโขงแล้วพบหลวงพ่อพระใหญ่ ในสภาพมีเถาวัลย์ปกคลุมรกรุงรังก็พบว่าพระเกศของหลวงพ่อหักเพราะถูกช้างป่ากระชากเถาวัลย์ลงมาเพื่อหากินตามธรรมชาติของสัตว์ป่า และเห็นเป็นรูปร่างของสถานที่บำเพ็ญบุญ

หรือสถานที่ประกอบกิจกรรมทางพุทธศาสนา อีกทั้งยังพบซากเครื่องปั้นดินเผา โอ่งโบราณ รวมทั้งเครื่องใช้อีกหลายอย่างองค์พระพุทธรูปนั้นตั้งแต่ได้พบมาถึงปัจจุบันจึงช่วยกันบูรณะเสริมพระเกศขึ้นใหม่ให้สมบูรณ์ และฟื้นฟูพื้นที่โดยรอบสร้างเป็นวัดขึ้น หลวงพ่อพระใหญ่เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 2 ศอก 1 คืบ 4 นิ้ว สูง 3 ศอก 1 คืบ ศิลปะสมัยล้านช้าง แสดงถึงสายสัมพันธ์ศิลปวัฒนธรรมสองฝั่งโขง

พุทธศาสนิกชนมักไปกราบไหว้บูชาตั้งจิตอธิษฐานขอพร ขอให้ทำสิ่งใดๆ ได้สำเร็จ เช่น การสอบเข้าเรียน การเข้าทำงานหรือแม้การขอมีบุตร เมื่อได้สมหวังตามที่ขอหรือบนบานเอาไว้ ก็จะมาแก้บนด้วยการจุดบั้งไฟเล็กจำนวน 9 ดอกเป็นการถวายบูชาหลวงพ่อพระใหญ่

ณ จุดที่เตรียมไว้ข้างอุโบสถด้านติดแม่น้ำโขง สำหรับพิธีกรรมสรงน้ำหลวงพ่อพระใหญ่นั้น ผู้ชายสามารถเข้าไปสรงน้ำได้ภายในอุโบสถ ส่วนผู้หญิงเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับการเข้าไปในอุโบสถไม่ว่ากรณีใดๆ หรือเวลาไหน

แต่การสรงน้ำพระครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำบันไดเทียบข้างอุโบสถไว้ให้ขึ้นไปสรงน้ำผ่านท่อหรือรางน้ำที่จัดเตรียมไว้ให้ หรือจะสรงน้ำที่องค์หลวงพ่อพระใหญ่องค์จำลอง ที่ประดิษฐานอยู่นอกอุโบสถก็ได้ ซึ่งในปีนี้การจัดงานได้ทำขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 20 เม.ย. 2568

โดยให้ถือปฏิบัติในวันเสาร์-อาทิตย์ หลังสงกรานต์เป็นประเพณีทุกปี และจัดให้มีงานมหรสพสมโภช 3 วัน 2 คืนเป็นงานปิดท้ายวันสงกรานต์ของจังหวัดบึงกาฬนั่นเอง
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตรวจเข้มรถโดยสารสาธารณะ เน้นขับขี่ปลอดภัย ตรวจสอบทางออกฉุกเฉิน อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนเดินทางถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่16 เมษายน 2568 เวลา 18.00 น. ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดน่าน นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน มอบหมายให้นายบรรจง ขุนเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมจุดบริการและตรวจความเรียบร้อยในการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 โดยมี นายนพพร เรืองสว่าง นายอำเภอเมืองน่าน

นางสาวรัชนี ศรีชัยตัน ขนส่งจังหวัดน่าน นายวรวิทย์ อินต๊ะใจ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน พ.ต.ท.ธีระพงษ์ วงค์ทาฟั่น สว.จร.สภ.เมืองน่าน นายเอกฉันท์ มูลศรี หัวหน้าสำนักปลัดเทศบาลเมืองน่าน และเจ้าหน้าที่จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

ร่วมลงพื้นที่ตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะ และคนขับรถตาม Checklist ที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ ทั้งนี้มีประชาชนมาใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดน่าน เป็นจำนวนมาก

สำหรับการตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะ และคนขับ ประกอบด้วย ตรวจสภาพตัวรถทั้งภายนอกและภายใน รวมทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องครบถ้วน และมีความปลอดภัย เช่น ตรวจสอบทางออกฉุกเฉิน ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก ระบบเบรก ยาง ล้อ เข็มขัดนิรภัย ประตูรถ เป็นต้น ด้านพนักงานขับรถ ต้องมีใบอนุญาตขับรถที่ถูกต้อง แอลกอฮอล์เป็นศูนย์ ไม่มีสารเสพติด ชั่วโมงการทำงานขับรถไม่เกินที่กฎหมายกำหนด

ด้านรองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า ได้ตรวจเยี่ยมการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 บริเวณจุดตรวจความพร้อมรถโดยสารสาธารณะ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดน่าน ซึ่งจุดนี้จะมีการสุ่มตรวจหาสารเสพติดของพนักงานขับรถและการเฝ้าระวังการใช้ความเร็ว ในการขับรถ

โดยสารให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อให้พี่น้องประชาชนเดินทางถึงที่หมายโดยสะดวก สบาย ปลอดภัยไม่เกิดอุบัติเหตุ โอกาสรองผู้ว่าราชการจังหวัดน่านและคณะ ยังได้มอบของที่ระลึก ให้กับผู้ที่เดินทางมาใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ พร้อมพบปะพูดคุย และอวยพรขอให้เดินทางสู่จุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ชลบุรีเต้น! อนุทิน สั่งตรวจสอบเหตุทำร้ายนักท่องเที่ยวอินเดียที่พัทยา / อ.เมย์ จัดโครงการบรรพชาอุปสมบท สามเณรภาคฤดูร้อน ปี 2568

แชร์เนื้อหานี้

สืบเนื่องจาก เกิดเหตุทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย บริเวณถนนเลียบชายหาดพัทยา ปากทางเข้าวอล์คกิ้งสตรีทพัทยาใต้ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ส่งผลให้ภาพพจน์การท่องเที่ยวของจังหวัดชลบุรี และเมืองพัทยาเสียหาย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน

  ล่าสุด เวลา 13.30 น. วันที่ 15 เมษายน 2568 นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานประชุมหารือแนวทางการป้องกันเหตุเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวในพื้นที่พัทยา จังหวัดชลบุรี ณ ห้องประชุม ชั้น 3 สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยมีพ.ต.อ.ชาตรี สุขศิริ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี นายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอบางละมุง นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผกก.สภ.เมืองพัทยา พร้อมตัวแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปรามปราม ตำรวจสืบสวน ตำรวจท่องเที่ยว ฝ่ายปกครอง และเมืองพัทยา เข้าร่วมประชุมฯ เบื้องต้น ได้เชิญตัวบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์มาเปิดเผยรายละเอียดขณะเกิดเหตุให้สื่อมวลชน และประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ และยืนยันว่า เมืองพัทยา และจังหวัดชลบุรี เป็นมีที่มีความปลอดภัย แต่ในบางครั้งอาจจะเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันบ้าง เนื่องกันอาการมึนเมาและสื่อสารกันไม่เข้าใจ ระหว่างนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกับชาวไทย ซึ่งทางฝ่ายปกครอง และ สภ.เมืองพัทยา รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการประชุมจัดระเบียบกับ ผู้ประกอบการวิน จยย.รับจ้าง และรถสองแถว อยู่อย่างต่อเนื่อง หากมีการกระทำผิดจะมีโทษตามกฎหมาย และดำเนินการขั้นเด็ดขาดหากกระทำผิดซ้ำ

ด้าน นายเอ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอินเดียได้เดินมาสอบถามหารถโดยสาร เพื่อเดินทางไปโรงพยาบาล หลังจากตกลงราคาเรียบร้อยตนจึงให้ น้องชาย พากลุ่มนักท่องเที่ยวไปส่งที่รถสองแถว แต่ผ่านไปสักพักก็แปลกใจว่า ทำไมยังไม่ไปสักที จึงเดินตามไปกลับพบว่า 1 ในชาวอินเดียกำลังมีปากเสียงกับน้องชาย จากนั้นกลุ่มอินเดียจึงเริ่มด่าทอให้ของลับ และจะเข้ามารุมทำร้าย น้องชายจึงเริ่มถอยหนี ตนจึงเข้าไปห้ามปราม ก่อนจะบานปลายถึงขั้นชกต่อยกันคนละหมัด จากนั้นคนที่อยู่ใกล้เคียงจึงกรูกันเข้ามาห้ามเพื่อให้แยกกัน แต่บุคคลที่ใส่เสื้อวิน ที่ผ่านมาและเข้ามาทำร้ายนักท่องเที่ยวเสริม พวกตนไม่รู้จักแต่อย่างใด สุดท้ายอยากขอโทษสังคมและเมืองพัทยา ซึ่งตนเองไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น แต่เป็นเพราะอารมณ์ที่ถูกด่าทอ และจะถูกรุมทำร้ายก่อน จึงต้องป้องกันตัวเอง

อย่างไรก็ตาม อยากขอแจ้งว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นไม่ใช่เหตุรุนแรง หรือกลุ่มแก๊ง มาเฟียรุมทำร้ายนักท่องเที่ยว ตามที่ข่าวนำเสนอไป เป็นเพียงเหตุกระทบกระทั่งกันส่วนบุคคลซึ่งเกิดจากการสื่อสารไม่เข้าใจ เบื้องต้น จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนชาวไทยทั้ง 2 ราย ว่า หากนักท่องเที่ยวกริยาไม่ดี ก็ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ไม่ควรชกต่อยหรือตัดสินเอง ส่วนผู้เสียหายชาวอินเดียนั้นเจ้าหน้าที่ยังติดต่อไม่ได้และยังไม่มาแจ้งความในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี จึงได้สั่งการให้จัดประชุมหารือวางมาตรการร่วมกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเกิดขึ้นอีก เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ที่ดีของเมืองพัทยา และจังหวัดชลบุรี ต่อไป

มีรายงานว่า ณ วัดโคกมน อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ระหว่างวันที่ 30 มีนาคม ถึง 30 เมษายน 2568 ได้มีการจัดโครงการบรรพชาอุปสมบท สามเณรภาคฤดูร้อน ปี 2568 ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเนื่องด้วยในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนปีนี้ เด็กๆและเยาวชน ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จาก 30 หมู่บ้าน 4 ตำบล ทั่วอำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้เข้าร่วม โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน โดยได้รับความเมตตาจากพระครูพัชรคณาภิรักษ์ เจ้าอาวาสวัดโคกมน และเจ้าคณะอำเภอน้ำหนาว ที่เล็งเห็นถึงคุณค่าของการใช้เวลาช่วงปิดเทอมอย่างมีความหมาย

เด็ก ๆ ได้ฝึกวินัย ฝึกความอดทน ตื่นตีห้าสวดมนต์ เดินบิณฑบาตโดยไม่สวมรองเท้าช่วยกันทำความสะอาดวัด ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีระเบียบ และไม่มีการใช้โทรศัพท์มือถือตลอดระยะเวลา เพื่อฝึกสมาธิอย่างแท้จริง โดยบางคนมาจากครอบครัวที่ไม่มีโอกาส บางคนอยู่กับปู่ย่า บางคนไม่เคยได้กินอาหารดี ๆแต่เมื่อมาบวชกลับมีรอยยิ้ม ได้เพื่อน ได้กำลังใจ ได้สัมผัสความเมตตา และสิ่งดี ๆ จากสังคมเด็กบางคนถึงกับร้องไห้ ไม่อยากสึกเมื่อครบกำหนดเด็กๆหลายคน คุณพ่อคุณแม่ ปู่ย่า ตายาย สนับสนุนให้ใช้เวลาอย่างมีคุณค่า ในช่วงเวลาปิดเทอมที่วัด มากกว่าปล่อยให้เล่นอยู่ที่บ้าน ติดมือถือ ติดเพื่อน ติดทีวี ติดเกมหรืออาจเสี่ยงในการคบเพื่อนไม่ดี ติดยาเสพติด​ ​

ทั้งนี้ พิธีมอบทุนการศึกษาสามเณรและถวายภัตตาหารแด่ภิกษุ สามเณร 13 เมษายน 2568 ณ วัดโคกมน จุดประสงค์​เพื่อเป็นกำลังใจ เป็นแรงจูงใจให้แก่กับสามเณรน้อยที่ฝึกปฏิบัติตน ด้วยความมานะอดทน เพียรพยายาม ขันติบารมี วิริยะบารมี มาตลอดระยะเวลาในการบรรพชา ภาคฤดูร้อน​

ซึ่งในงานได้รับเกียรติจากอาจารย์​เมย์ ซินแสฮวง​จุ้ยชื่อดัง ประธานโครงการ “ทำดีให้คนมองเห็น” ดร.จินต์วยา เบญญจิ​นดาพิศุทธ์​ นักธุรกิจหญิง​ที่ได้รับรางวัลเกียรติ​คุณนานาชาติ รางวัลคชจักร ประเภทองค์กรเพื่อสังคมดีเด่น เดินทางมาเป็นเจ้าภาพ​ ในการมอบทุนการศึกษา และถวายภัตตาหาร ร่วมกับ คุณวรากุล ภัคธัญญานนท์ อดีตจิตอาสาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในวัดไทย และต่างประเทศที่เคยร่วมงานกับวัดไทยกว่า 848 แห่ง ใน 9 ประเทศทั่วโลก ซึ่งครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากคณะลูกศิษย์​อาจารย์เมย์ กัลยาณมิตร​สายบุญ ร่วมด้วยช่วยกัน สร้างความสุขให้สามเณรน้อย ด้วยความอิ่มใจ

ชลบุรีแถลงแผนเตรียมความพร้อมการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร เทศกาลงานวันไหลเมืองพัทยา และในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ประจำปี 2568

 วันที่ 15 เม.ย.68 นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ร่วมประชุมแถลงแผนเตรียมความพร้อมการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร เทศกาลงานวันไหลเมืองพัทยา และในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ประจำปี 2568 ณ ห้องประชุมชั้น 3 สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี  โดยมี พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี นายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอบางละมุง นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมฯ
ด้วยเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี จังหวัดชลบุรีได้กำหนดให้มีงานประเพณีวันไหลในหลายพื้นที่ โดยจัดรูปแบบงานการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย และสร้างความสนุกสนาน เพิ่มสีสันในช่วงเทศกาลวันไหลในแต่ละพื้นที่ อาทิเช่น วันไหลนากลือ วันที่ 18 เมษายน 2568 วันไหลเมืองพัทยา วันที่ 19 เมษายน 2568 วันไหลบ้านบึง วันที่ 20 แมษายน 2568 และวันไหลบางเสร่ วันที่ 20 แงชายน 2568 โดยมีการกำหนดให้ปิดการจราจรในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่นน้ำสงกรานต์ ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนจากที่ต่างๆ มาเล่นน้ำสงกรานต์เป็นจำนวนมากในห้วงดังกล่าว เพื่อรักษาความปลอดภัย และอำนวยความละดวกในการจราจร ผู้ที่มาเล่นน้ำสงกรานต์ ผู้ที่มาท่องเที่ยว และประชาชนในพื้นที่ ในการนี้จึงได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมเตรียมความพร้อมในช่วงเทศกาลดังกล่าว