คลังเก็บหมวดหมู่: ตำรวจ(ตร.)

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ผัวโหดทุบหัวเมียเสียชีวิตในวันเกิด – ตำรวจตั้งข้อหาหนัก

แชร์เนื้อหานี้

เกิดเหตุสลดในพื้นที่ อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร เมื่อชายวัย 35 ปี ก่อเหตุทำร้ายภรรยาจนเสียชีวิต โดยเหตุเกิดในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม เวลาประมาณ 21.00 น. นายสมัคร เมืองพิน หรือ “กึ้ม” ได้ทำร้ายร่างกายนางสาวพิกุลทอง ดาผา อายุ 43 ปี ภรรยาของตนเอง โดยใช้มือและเท้าทุบตีบริเวณศีรษะ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส

หลังเกิดเหตุ นายกึ้มได้นำร่างภรรยาส่งโรงพยาบาลนิคมคำสร้อย ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรแจ้งบุตรสาววัย 17 ปีของผู้เสียชีวิต ซึ่งทำงานอยู่ต่างจังหวัด ว่าแม่ถูกทำร้ายร่างกายจนไม่รู้สึกตัว และต้องส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลมุกดาหาร

อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ ผู้เสียชีวิตสิ้นใจในเวลา 06.20 น. ของวันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดของเธอ โดยบุตรสาวเปิดเผยว่า ตนเดินทางกลับมาทันหลังแม่เสียชีวิตไปแล้วเพียง 1 ชั่วโมง

นายดาว คำวงษา อายุ 55 ปี พ่อของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ลูกชายตนมักมีนิสัยรุนแรงเวลาเมา สุราเป็นสาเหตุหลักของปัญหา โดยก่อนหน้านี้นายกึ้มเคยมีแฟนหลายคน และคบหากับผู้เสียชีวิตมาราว 2 ปี ก่อนจะมาอยู่ด้วยกันที่บ้านเช่าในบ้านโนนเกษม ต.นิคมคำสร้อย ซึ่งตลอดระยะเวลามักมีปัญหาทะเลาะกันเป็นประจำ

ภายหลังเกิดเหตุ นายกึ้มได้กลับมารอให้ตำรวจจับตัวที่บ้านเช่า โดยให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือทำร้ายภรรยาจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาให้ถึงแก่ชีวิต

เบื้องต้น พ.ต.ท. วัชรพล จันทรศรี พนักงานสอบสวน สภ.นิคมคำสร้อย ได้แจ้งข้อหานายสมัคร เมืองพิน ในข้อหา “เจตนาทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย” และควบคุมดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

ข่าวอาชญากรรม #ความรุนแรงในครอบครัว #ผัวทำร้ายเมีย #มุกดาหาร #ข่าวภูมิภาค #วันเกิดกลายเป็นวันตาย #สถานีตำรวจภูธรนิคมคำสร้อย #ฆ่าภรรยา​ ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พล.ต.ต.ภัคพงศ์ สายอุบล ผบก.อก.ภ.1 การแข่งขัน บช. ของ ตร.( S.W.A.T.) งบประมาณ 2568 และเข้ารับการแข่งขันใน Stage 5 (Obstacle Course) เข้าร่วมแข่งขัน 27 ทีม

แชร์เนื้อหานี้

พลตำรวจตรี ภัคพงศ์ สายอุบล ผบก.อก.ภ.1 ในฐานนะหัวหน้าฝ่ายอำนวยการ ที่ควบคุมงาน ฝอ.5 บก.อก.ภ.่่(งานประชาสัมพันธ์และงานแถลงข่าว) ตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยว่า

วันที่ 8 พ.ค.68 เวลา 14.30 น.
พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 ได้ให้โอวาทแก่ ทีมปราบไพรีอริศัตรูพ่ายทั้ง 2 ทีม ที่เข้ารับการฝึกอบรมตามโครงการฝึกทบทวนและเตรียมความพร้อมการแข่งขันหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ระดับ บช. ของ ตร.( S.W.A.T.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 และเข้ารับการแข่งขันใน Stage 5 (Obstacle Course) สถานีข้ามสิ่งกีดขวาง มีทีมเข้าร่วมการแข่งขัน 27 ทีม ผลการแข่งขัน

– ปราบไพรีอริศัตรูพ่าย ทีม A ได้ลำดับที่ 13
– ปราบไพรีอริศัตรูพ่าย ทีม B ได้ลำดับที่ 21
การแข่งขันเสร็จสิ้น ผลรวม จำนวน 5 Stage ดังนี้
– ปราบไพรีอริศัตรูพ่าย ทีม A ได้ลำดับที่ 5
– ปราบไพรีอริศัตรูพ่าย ทีม B ได้ลำดับที่ 12

โดยมี พ.ต.อ.จักรพันธ์ โอสถากันต์ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.1, พ.ต.ท.กฤษณพงษ์ ชูตระกูล รอง ผกก.ฯ, พ.ต.ท.ชยากร บุญมา รอง ผกก.ฯ, พ.ต.ท.สมพร ลอยกระโทก สว.ฯ, ร.ต.อ.ศุภร ภาวมิ่งมงคล รอง สว.ฯ ส่วนควบคุม และ จนท.ส่วนปฏิบัติ จำนวน 2 ทีม พร้อมผู้สังเกตการณ์ ร่วมขอบคุณและรับโอวาทจากผู้บังคับบัญชา ณ ตำรวจภูธรภาค 1

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ผบ.ตร. ประธาน วันสถาปนากองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ครบรอบ72 ปี รับโล่รางวัล กก.ตชด.23 ปรามยาเสพติดดีเด่น

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 6 สมาคม 2568​ พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผกก.ตชด. 23 เป็นประธานเป็นประธานมอบโล่เกียรติคุณกองกำกับการที่มีผลการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนดีเด่น (กก.ตชด.23)
กองกำกับการที่มีผลการปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดดีเด่น อันดับ 1 ประจำปี 2567 (กก.ตชด.23) ให้แก่หน่วยงาน, ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ขับเคลื่อนงานด้านยาเสพติด

ตามที่รัฐบาลมีนโยบายสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ด้วยการใช้หลัก “การลดความต้องการการใช้ยาเสพติด และลดปริมาณยาเสพติดรวมทั้งดำเนินการกับ ผู้ค้ายาเสพติด อย่างเด็ดขาด” ดังนั้น ทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานราชการ องค์กรต่าง ๆ และภาคประชาชน จึงต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหายาเสพติด อย่างเต็มกำลัง

จึงมีนโยบายเน้นหนักด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด ในทุกมิติอย่างเป็นระบบ ด้านการป้องกันยาเสพติด ได้ดำเนินการนําผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาในสถานพยาบาล และการบำบัดด้วยการมีส่วนร่วมของชุมชน การเสริมสร้างให้ประชาชนและชุมชนเข้าใจ

และรับรู้ปัญหายาเสพติดที่มีผลกระทบต่อตนเอง ครอบครัวชุมชน ส่วนด้านการปราบปรามยาเสพติด

ได้ดำเนินการจับผู้ค้ารายย่อยในชุมชน การขยายผลจับกุมและยึดทรัพย์ผู้ค้าทุกระดับ เพื่อทำลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดอย่างเด็ดขาดรวมทั้งการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่ประเทศ

อย่างไรก็ตามหน่วยงานที่ได้รับรางวัลผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติด​ กก.ตชด.23 ได้รับโล่รางวัลการปราบปรามยาเสพติดดีเด่น เนื่องในวันสถาปนากองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ครบรอบปีที่ 72

พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผกก.ตชด. 23 พร้อมด้วย พ.ต.ท.จิรวัฒน์ รางสาตร์ ผบ.ร้อย ตชด.236 และ พ.ต.ท.วัฒนพล ดาแก้ว ผบ.ร้อย ตชด.234 รับมอบโล่รางวัลจาก พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผบช.ตชด. จำนวน 4 รางวัล ได้แก่
🏆 กองกำกับการที่มีผลการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนดีเด่น (กก.ตชด.23)
🏆 กองกำกับการที่มีผลการปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดดีเด่น อันดับ 1 ประจำปี 2567 (กก.ตชด.23)


🏆 กองร้อยที่มีผลการปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดดีเด่น อันดับ 1 ประจำปี 2567 (ร้อย ตชด.236)
🏆 กองร้อยที่มีผลการปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดดีเด่น อันดับ 2 ประจำปี 2567 (ร้อย ตชด.234)การปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนตำรวจตระเวนชายแดนตชด23สกลนครตชด236นครพนมตชด234มุกดาหาร

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

ผบ.ตร. ประธานพิธีวันสถาปนากองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ครบรอบปีที่ 72


.
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร. ) เป็นประธานีพิธีสดุดีและวางพวงมาลัยสักการะอนุสาวรีย์ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ผู้ก่อตั้งกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เนื่องในวันสถาปนากองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ครบรอบปีที่ 72

โดยมี พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ( ผบช.ตชด. ) อดีต ผบ.ตร อดีต ผบช.ตชด. อดีตข้าราชการตำรวจ ตชด. แม่บ้าน ตชด. และข้าราชการตำรวจ ร่วมพิธีฯ วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.00 น. ณ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ Royalthaipolice เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตร.เชียงใหม่! รวบชายวัย 43 ปีทันควัน หลังวิ่งราวทรัพย์สาวโรงแรมกลางเมืองเชียงใหม่ อ้างตกงาน-พิการ

แชร์เนื้อหานี้

วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลา 16.30 น. พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เป็นประธานการแถลงข่าวจับกุมนายปกรณ์ (ปกปิดนามสกุล )อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาคดีวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ หลังจากก่อเหตุชิงกระเป๋าสตางค์จากหญิงสาวในพื้นที่ช้างคลาน โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง อ้างไม่มีอาชีพเพราะพิการ ต้องขอเงินพ่อใช้ชีวิต และนำเงินที่ได้จากการก่อเหตุไปซ่อมรถจักรยานยนต์

โดยมี พ.ต.อ.ดำเนิน กันอ่อง รอง ผบก.ฯ ช่วยราชการ ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่,พ.ต.ท.ทัตตวีย์ ด่านพิทักษ์ตระกูล รอง ผกก.ป.ฯ, และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ร่วมแถลงข่าว ณ สภ.เมืองเชียงใหม่ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่

โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม เวลา 07.00 น. บริเวณถนนระแกง ซอย 2 ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ น.ส.พัชรินทร์ อายุ 46 ปี พนักงานโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ แจ้งว่า ขณะกำลังเดินไปซื้อกับข้าว ถูกชายสวมเสื้อดำ กางเกงดำ ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน กระชากกระเป๋าแล้วหลบหนีไป

ภายหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนสามารถติดตามเส้นทางหลบหนี และตรวจสอบพบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายปกรณ์ ซึ่งเคยต้องโทษในคดียาเสพติดมาแล้ว 2 ครั้ง โดยใช้วิธีเปลี่ยนเสื้อผ้าและขับรถวนหลบซ่อนตัวในพื้นที่ อ.แม่ริม ก่อนจะถูกจับกุมได้ในวันที่ 2 พฤษภาคม เวลาประมาณ 13.30 น. บริเวณบ้านแม่สาใหม่ ต.โป่งแยง อ.แม่ริม

เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ” และนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

“ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่” ขอเน้นย้ำ เตือนถึงผู้ที่คิดจะกระทำความผิดให้หยุดพฤติกรรมเสียแต่ตอนนี้ เพราะทุกการกระทำผิดกฎหมายจะถูกติดตามและดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ไม่มีข้อยกเว้น พร้อมย้ำชัดว่า ‘เชียงใหม่เมืองปลอดภัย’ จะไม่ยอมให้ใครมาทำลายความสงบสุขของประชาชนเด็ดขาด

ตำรวจเชียงใหม่ #เชียงใหม่เมืองปลอดภัย …

///สมจิตรแสงบัลลังค์รายงาน//

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / จเรตำรวจ ฉก.88 ร่วมกับ 32 เดินหน้าปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ภายใน 3 เดือน เน้นใช้มาตรการ “ระเบิดสะพานโจร” อย่างเคร่งครัด

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (21 เมษายน 2568) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ผอ.ฉก.88) เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ฉก.88) ครั้งที่ 1/2568 โดยมีผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 , ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล , ผู้บัญชาการสำนักงบประมาณและการเงิน , ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

, ผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ , ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) พร้อมด้วย นายบุญช่วย หอมยามเย็น ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย/รอง ผอ.ฉก.88 , นายวิรุฬห์ สิทธิวงศ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง ฝ่ายความมั่นคง/รอง ผอ.ฉก.88 , พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท./รอง ผอ.ฉก.88 , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว/ผู้ช่วย ผอ.ฉก.88 , ผู้แทนฝ่ายตำรวจทุกหน่วย และผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 32 หน่วยงาน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์

ตามที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 83/2568 เรื่อง การจัดตั้งกลไกอำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยบูรณาการทุกภาคส่วนทั้งตำรวจ ทหาร ภาครัฐ เอกชน ฝ่ายปกครอง โดยตั้งคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (คณะกรรมการ ปชด.) มีศูนย์ปฏิบัติเฉพาะกิจ 4 ศูนย์ ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ฉก.88) มี พล.ต.อ.ธัชชัยฯ เป็นผู้อำนวยการฯ ทำหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการค้ามนุษย์ ตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะพื้นที่แนวชายแดนที่ติดกับประเทศเมียนมาและประเทศกัมพูชา

ในที่ประชุมได้มีการติดตามสถานการณ์ภาพรวมของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะสถานการณ์ตามพื้นที่แนวชายแดนที่ติดกับประเทศเมียนมา และแนวชายแดนที่ติดกับประเทศกัมพูชา และแนวทางการดำเนินการในการป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของไทยจะไม่ยอมให้กลุ่มคนไทยที่เดินทางไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมื่อถูกจับกุมแล้วอ้างว่าตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม

โดยล่าสุดจากปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะฝั่งกัมพูชามีการกวาดล้าง 2 ครั้ง จับกุมคนไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องส่งกลับประเทศรวมจำนวน 175 คน พบว่าทุกคนไม่ใช่เหยื่อการค้ามนุษย์ แต่เป็นคนที่มีส่วนร่วมกับอาชญากรรมข้ามชาติแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทุกคน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินคดีในไทยใน 4 ข้อหาใหญ่พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมร่วมทุกหน่วยงานครั้งแรก โดยเชิญผู้เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานเข้าร่วมประชุม เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเน้นการใช้มาตรการ “ระเบิดสะพานโจร” อย่างเคร่งครัด ได้แก่

  1. ป้องกันการลักลอบส่งเสา สาย ซิม โดยการตัดสายเคเบิ้ลผิดกฎหมาย ตัดเสาสัญญาณผิดกฎหมาย ปราบปรามซิมผี วิเคราะห์จุดที่ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์จาก IP address และที่ตั้งทางกายภาพ
  2. ตรวจสอบป้องกันการใช้บัญชีธนาคารและบัญชีคริปโตเคอร์เรนซี โดยตรวจสอบสาขาของธนาคารที่มีการเปิดบัญชีม้าจำนวนมาก การถอนเงินจากธนาคารและตู้กดเงินสดตามแนวชายแดน การลักลอบขนเงินสดข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติและด่านศุลกากร และการวิเคราะห์เส้นทางการเงินจากบัญชีธนาคารและบัญชีคริปโตเคอร์เรนซี
  3. ป้องกันการลักลอบเดินทางเข้าออกประเทศไทยของชาวไทยและชาวต่างชาติตามแนวชายแดน เพื่อปิดกันไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเพื่อเดินทางไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังประเทศเพื่อนบ้าน

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นภัยความมั่นคงของชาติรูปแบบใหม่ เรียกว่า Cyber War ที่ต้องรีบดำเนินการแก้ไขโดยบูรณาการการปฏิบัติร่วมกันทุกหน่วยงาน เชื่อว่าหากทุกหน่วยงานร่วมมือร่วมใจกันทำจริง และเด็ดขาดพอ จะทำให้การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์เห็นผลสัมฤทธิ์ภายใน 3 เดือน สมจิตร แสงบัลังก์ ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สภ.โชคชัย รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย เมาไม่ขับ ป้องกันเหตุอาชญากรรม ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2568 เวลา 18.00น. ณ ปั๊ม ปตท. ต.กอโจทย์ ถ.24 อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ภายใต้การอำนวยของพ.ต.อ.ชวาลย์ วงษ์รอด ผกก.สภ.โชคชัยได้มอบหมาย

ให้พ.ต.ต.คุณากร วรเมธานนท์ พร้อมชุดชุมชนสัมพันธ์ รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย ปฏิบัติตามกฎจราจร เมาไม่ขับ การป้องกันและระมัดระวังเหตุอาชญากรรมในช่วงเทศการสงกรานต์

และอำนวยความสะดวกจราจร และมีประชาชนร่วมมอบอาหารและเครื่องดื่มเป็นกำลังใจให้กับชุดชุมชนสัมพันธ์ ณ ปั๊มปตท. อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตร. ภ.3 เตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกการจราจรป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2568

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 3 กองบังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 3 พลตำรวจโท วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 /ประธานการประชุม พร้อมด้วย พลตำรวจตรี วิวัฒน์ สีลาเขตต์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมหน่วยงาน ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 3 และหน่วยงานภาคีเครือข่ายจำนวน 12 หน่วย ประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา, องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, แขวงทางหลวงนครราชสีมาที่ ๑, ๒ และ ๓, ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๕ นครราชสีมา, สำนักงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา, สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 3, สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา,ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา, สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา, สมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จว.นครราชสีมา และมูลนิธิกู้ภัยในพื้นที่ จว.นครราชสีมา

ได้เข้าร่วมประชุมบูรณาการเตรียมความพร้อมการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.256๘ โดยมีผู้แทนหน่วยงานภาคีเครือข่าย ด้านจราจรและความปลอดภัยทางถนนในพื้นที่ทั้ง 8 จังหวัด (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง) และตำรวจภูธรจังหวัดที่มีพื้นที่เส้นทางติดต่อกับตำรวจภูธรภาค 3 ประกอบด้วย ตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี, สระบุรี, ปราจีนบุรี, สระแก้ว และขอนแก่น เข้าร่วมประชุมเพื่อสรุปมาตรการปฏิบัติแบบบูรณาการในการอำนวยความสะดวกการเดินทางของพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.๒๕๖๘ โดยหน่วยงานภาคี ทุกหน่วยได้รายงานต่อที่ประชุมแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของเจ้าหน้าที่ ยานพาหนะ วัสดุอุปกรณ์ ที่เตรียมไว้ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพตำรวจภูธรภาค 3

ได้เตรียมการบริหารจัดการ โดยช่วงการควบคุมเข้มข้น ๗ วัน ระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 256๘ จะเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนให้ได้มากที่สุด และกำหนดเปิดศูนย์อำนวยความสะดวกการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.256๘ ของตำรวจภูธรภาค 3 ระหว่างวันที่ 10 – 18 เมษายน 256๘ เพื่อกำกับ ดูแล และติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยในสังกัด ในการอำนวยความสะดวกการจราจร ดูแลความปลอดภัย และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ให้กับประชาชนที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 256๘ นี้ ตามนโยบายรัฐบาล “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ”

ในทุกพื้นที่ โดยวางแผนตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจรและจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ จำนวน 278 จุด เตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว จำนวน 301 ชุด มีเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จำนวน 858 เครื่อง และเครื่องตรวจจับความเร็ว จำนวน 101 เครื่อง ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติ ทั้งสิ้น 4,614 นาย นอกจากนี้ได้ร่วมกับหน่วยงานฝ่ายปกครอง ในการปรับรูปแบบจากจุดบริการประชาชนมาเป็นการตั้งด่าน ชุมชนแทน โดยบูรณาการกำลังทุกภาคส่วน ได้แก่ เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และประชาชนในพื้นที่

กำหนดแผนการตั้งด่านชุมชนจำนวนทั้งสิ้น จำนวน 3,971 แห่ง เพื่อป้องปรามคนที่ดื่มสุราไม่ให้ขับขี่รถออกจากหมู่บ้าน ชุมชน ไปเกิดอุบัติเหตุหากเกิดอุบัติเหตุทางถนน เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่รถที่เกิดเหตุทุกรายและหากพบว่ามีการดื่มสุราแล้วขับรถ จะดำเนินคดีโดยไม่มีละเว้น ในมาตรการเชิงรุก ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ ออกตรวจและขอความร่วมมือร้านจำหน่ายสุราในชุมชน หมู่บ้าน ทุกแห่ง ให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เช่น ห้ามจำหน่ายสุราในเวลาห้าม, ห้ามไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี, ห้ามไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับบุคคลที่มีอาการมึนเมา จนครองสติไม่ได้ เป็นต้น
คาดการณ์จากกรมทางหลวง

จะเปิดให้บริการใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ M6 ช่วงหินกอง – ปากช่อง – นครราชสีมา ทั้งขาไปและขากลับ ตลอด 24 ชั่วโมง ระยะทาง 163 กิโลเมตร โดยกำหนดจุดเข้า – ออก มอเตอร์เวย์ M6 ดังนี้
จุดที่ 1 ด่านหินกอง ทล.33 กม.33+100
จุดที่ 2 ด่านสระบุรี ทล.1 กม.38+700
จุดที่ 3 ด่านแก่งคอย ทล.3222 กม.110+500
จุดที่ 4 ด่านปากช่อง ทล.2090 กม.110+500
จุดที่ 5 ด่านสีคิ้ว ทล.201 กม.154+960
จุดที่ 6 ด่านขามทะเลสอ ทล.290 กม.185+125
จุดที่ 7 ทล.204 กม196+000 (ทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมา)

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตำรวจภูธร ภ.3 แถลงข่าวปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาบ้า 2,000,000 เม็ด

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 เวลา 16.00 น. ณ บก.สส.ภ.3 ต. จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ตำรวจภูธรภาค ๓ โดย พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.3 แถลงข่าวปฎิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe ตามนโยบายรัฐบาลจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ 1 ราย 3 คน พร้อมยาบ้า 2,000,000 เม็ด พร้อมด้วย ผอ.ศอ.ปส.ภ.3 พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ รอง ผบช.ภ.๓ /รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.3 พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายมานพ แสงโสทร ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส.ภาค 3 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติด ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ กวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติ การทำลายเครือข่ายตัดวงจรยาเสพติดทุกระดับ โดยให้ร่วมกันบูรณาการด้านการข่าว การแลกเปลี่ยนข่าวสารรวมถึงการร่วมมือกันในการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดตามพื้นที่แนวชายแดน และพื้นที่ตอนใน

โดยการอำนวยการของ พล.ต.ต.สนธยา แต่แดงเพชร ผบก.สส.ภ.3 พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.ธรรมนูญ ฉิมวงษ์ รอง.ผบก.สส.ภ.3 พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง.ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.ทศพร เพียรปรุ รอง ผบก.สส.ภ.๓ พ.ต.อ.นิเวชร์ งามลาภ ผกก.ฯ
พ.ต.อ.พรเทพ ทุ้ยแป ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.ชวาลย์ วงษ์รอด ผกก.สภ.โชคชัย พ.ต.อ.อิทธิพัทน์ ศรีมั่น ผกก.สภ.พระทองคำ สั่งการให้
เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 นำโดย พ.ต.ท.คำพู พลอยผักแว่น รอง ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.3, พ.ต.ท.ยุทธพล บุษบา รอง ผกก.สืบสวน 2, พ.ต.ท.ณัฐพร เขียวเกษม สว.กก.สืบสวน 2,ว่าที่ พ.ต.ต.หญิง เพ็ญแข ชัยรัตน์กรกิจ, เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.สาทิต คอกขุนทด รอง ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา, พ.ต.ท.ภทรธร ชญานันท์ รอง ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โชคชัย นำโดย พ.ต.ท.สุชาติ ซ้อนพุดซา รอง ผกก.สส.สภ.โชคชัย และได้ร่วมบูรณาการสนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 นำโดย พ.อ.เยี่ยม ฤทธิ์น้ำคำ ร่วมสืบสวนจับกุมตัว

1.นายอัมพล หรือต้น ชิตรัตน์ อายุ 35 เลขประจำตัวประชาชน 1869900112718 ที่อยู่ 47/1 ม.7 ต.หาดทรายรี อ.เมืองชุมพร จว.ชุมพร
2.นายทนงศักดิ์ หรือต้า หรือเปี๊ยก มูลถวิล อายุ 34 ปี เลขประจำตัวประชาชน 3440900714451 ที่อยู่ 95 ม.12 ต.โพธิ์ชัย อ.วาปีปทุม จว.มหาสารคาม
3.พ.ต.ต.ชัยยะ มะลานาจ อายุ 49 ปี เลขประจำตัวประชาชน 3450800342926 ที่อยู่ 60/61 ม.4 ต.โป่ง อ.บางละมุง จว.ชลบุรี (ข้าราชการตำรวจ ตำแหน่ง สวป.(ชส.)สภ.ศรีบุญเรือง จว.หนองบัวลำภู พร้อมของกลาง 1.ยาเสพติด(ยาบ้า) จำนวน 2,000,000 เม็ด 2.โทรศัพท์ จำนวน 3 เครื่อง ตรวจยึดของกลาง -รถยนต์เก๋ง จำนวน 1 คัน (ราคาประเมิน 300,000 บาท) -รถยนต์กระบะ จำนวน 1 คัน (ราคาประเมิน 700,000 บาท) โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจับกุม สืบสวนทราบว่ามีเครือข่ายยาเสพติดชาว สปป.ลาว จะทำการลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน จว.มุกดาหาร ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เข้าสู่พื้นที่ภาคกลางตอนในของประเทศไทย ผ่านพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 3 และภาค 4 โดยเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าวใช้ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อFORD รุ่นRANGER สีดำ หมายเลขทะเบียน 2ฒร1575 กรุงเทพมหานคร

ในการขนลำเลียงยาเสพติด จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 , กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ร่วมกันสืบสวนขยายผลจับกุมเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว จนกระทั่ง พบว่ารถยนต์กระบะ ยี่ห้อFORD รุ่นRANGER สีดำ หมายเลขทะเบียน 2ฒร 1575 กรุงเทพมหานคร มีการเคลื่อนตัวออกมาจากพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือจาก จว.มุกดาหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว จะลำเลียงนำยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนเข้าไปยังพื้นที่ภาคกลางตอนในของประเทศไทย และเชื่อว่าเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าวจะใช้เส้นทางที่เคยวิ่งลำเลียงยาเสพติดมาก่อนหน้านี้ และพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อTOYOTA รุ่นCOROLLA AlTIS สีขาว หมายเลขทะเบียน 8กฒ5126 กรุงเทพมหานคร ซึ่งขับขี่ลักษณะวิ่งตามรถยนต์กระบะคันดังกล่าว จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันวางแผนในการจับกุม โดยวางกำลังตามเส้นทางที่คาดว่าเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าวจะใช้เป็นเส้นทางในการลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้ โดยวางกำลังเฝ้าดู พร้อมทั้งสะกดรอยติดตาม และเพื่อให้ทราบถึงขบวนการเครือข่ายในการลำเลียงยาเสพติด โดยรถยนต์ทั้งสองคันใช้เส้นทางในการลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้ จาก จว.มุกดาหาร ผ่าน จว.กาฬสินธ์ ผ่าน จว.มหาสารคาม ผ่าน สี่แยกทางผาด ต.ยะวึก อ.ชุมพลบุรี จว.สุรินทร์ และขับขี่มุ่งหน้าเข้า อ.สตึก จว.บุรีรัมย์ ผ่าน อ.เมืองบุรีรัมย์ จว.บุรีรัมย์ ผ่าน อ.นางรอง จว.บุรีรัมย์ ผ่าน อ.หนองกี่ จว.บุรีรัมย์ และมุ่งหน้าเข้า อ.หนองบุญมาก จว.นครราชสีมา จนกระทั่งมาถึง ต.บ้านใหม่ อ.หนองบุญมาก จว.นครราชสีมา จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสกัดกั้นและจับกุมรถยนต์ทั้งสองคันได้ ผลการตรวจค้นพบ นายอัมพล หรือต้น ชิตรัตน์ เป็นผู้ขับขี่ จึงทำการตรวจค้นตัว และรถยนต์ ผลการตรวจค้นพบ
-โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อIPHONE รุ่น12ProMax สีขาว จำนวน 1 เครื่อง สอบถาม นายอัมพลฯ ให้การรับว่า โทรศัพท์ดังกล่าว นายอัมพลฯ เป็นผู้ใช้งาน
-ถุงพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ จำนวน 2 ห่อใหญ่ ด้านในห่อด้วยกระสอบสีขาว วางอยู่บริเวณบริเวณที่นั่งผู้โดยสารด้านหลัง -ถุงพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ จำนวน 3 ห่อใหญ่

ด้านในห่อด้วยกระสอบสีขาว วางอยู่บริเวณกระโปรงท้ายรถที่ใช้บรรทุกของ
และตรวจค้นจับกุมรถยนต์กระบะ ยี่ห้อFORD รุ่นRANGER สีดำ หมายเลขทะเบียน 2ฒร1575 ที่บริเวณสี่แยกโชคชัย ถนนโชคชัย-เดชอุดม ต.โชคชัย อ.โชคชัย จว.นครราชสีมา ผลการตรวจค้นพบ นายทนงศักดิ์ หรือเปี๊ยก หรือต้า มูลถวิล และผู้โดยสารทราบชื่อว่า พ.ต.ต.ชัยยะ มะลานาจ จึงทำการตรวจค้นตัว และรถยนต์ ผลการตรวจค้นพบ -โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อSUMSUNG รุ่นGALAXY S8+ สีดำ จำนวน 1 เครื่อง สอบถาม นายทนงศักดิ์ฯ ให้การรับว่า โทรศัพท์ดังกล่าว นายทนงศักดิ์ฯ เป็นผู้ใช้งาน -โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อINFINIX X6711 สีดำ จำนวน 1 เครื่อง สอบถาม พ.ต.ต.ชัยยะฯ ให้การรับว่า โทรศัพท์ดังกล่าว พ.ต.ต.ชัยยะฯ เป็นผู้ใช้งาน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจับกุมจึงนำตัวผู้ต้อง พร้อมของกลาง มายัง กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.3 และได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน 3 เพื่อตรวจเก็บพยานหลักฐาน จากนั้นได้ทำการสืบสวนขยายผลเพื่อทราบถึงขบวนการและเครือข่ายยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขยายผลทราบว่า เครือข่ายลำเลียงยาเสพติดดังกล่าว คือ เครือข่าย “ท้าวหิน”( ผู้สั่งการชาวลาว) ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสืบสวนติดตามจับกุม
ผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว : ตำรวจภูธร ภ.3 กันตินันท์ เรืองประโคน/ รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผบก. ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้จัดให้การประชุม กต.ตร.ตำรวจภูธร จว.พระนครศรีอยุธยา ครั้งที่ 1/2568

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ 24 มี.ค. 68 เวลา 13.30 น. พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผบก. ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้จัดให้การประชุม กต.ตร.ตำรวจภูธร จว.พระนครศรีอยุธยา ครั้งที่ 1/2568 ณ ห้องประชุมกรุงศรีอยุธยา 1 โรงแรมกรุงศรี ริเวอร์ ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา โดยมี นาย นิวัฒน์ รุ่งสาค ผวจ.พระนครศรีอยุธยา เป็นประธาน การประชุม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์อีนดีระหว่าง กต.ตร.จังหวัดกับข้าราชการตำรวจ และประชาชนในพื้นที่ และให้คำแนะนำสนับสนุนการประชาสัมพันธ์งานตำรวจ จว.พระนครศรีอยุธยาการประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

กราบขอพรองค์เจ้าแม่กวนอิม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านสุขาวดี ” ปาร์ตี้โฟมเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ถึง 20 เมษายน ค่ะ นี้บ้านสุขาวดีได้ปรับปรุงเมนูอาหารบุฟเฟ่ต์ให้เป็นเมนูที่เป็นอินเตอร์เนชั่นแนลมากขึ้น มาลิ้มรสชาติ อาหารบ้านสุขาวดีในราคา คนไทย 200 บาท ทั้งเยี่ยมชมบ้าน ทานอาหาร รวมถึงการละเล่นทุกอย่างโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

บ้านสุขาวดีจัดเต็ม! เทศกาลมหาสงกรานต์ 2568 แต่งชุดไทยเล่นน้ำปาร์ตี้โฟมสุดมันส์

บ้านสุขาวดี เตรียมต้อนรับเทศกาลมหาสงกรานต์ 2568 อย่างยิ่งใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม – 30 เมษายน 2568 เชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสบรรยากาศไทยแท้ กับกิจกรรมสุดพิเศษมากมาย โดยไฮไลต์เด่นของงาน เปิดให้แต่งชุดไทยฟรี! เพียงวางค่ามัดจำ 250 บาท พร้อมเจ้าหน้าที่ช่วยแต่งตัวให้สวยงาม ก่อนเดินถ่ายภาพในบรรยากาศไทยโบราณที่ ลานวัฒนธรรมไทย กิจกรรมสรงน้ำพระแก้วมรกต ครบทั้ง 3 ฤดู เสริมสิริมงคลตลอดปี และเล่นน้ำสงกรานต์สุดชุ่มฉ่ำ กับม่านสายน้ำ สาดน้ำอบไทยหอมละมุน และกลีบดอกไม้ เพิ่มความสนุกโดยสาวสวยบ้านสุขาวดี นอกจากนี้ชวนสนุกไปกับปาร์ตี้โฟมสุดมันส์ พร้อมกิจกรรมพื้นบ้าน เช่น หนุ่มน้อยตกน้ำ ยิงปืน ปาลูกโป่ง ลุ้นรับของรางวัลมากมาย

บ้านสุขาวดีชวนมาร่วมเช็กอิน-แชร์ภาพ กด Like & Share เพจบ้านสุขาวดี รับของชำร่วยกลับบ้านฟรี ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ บ้านสุขาวดี เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาสนุกสนานกับสงกรานต์แบบไทยๆ ได้ที่นี่! #สงกรานต์2568 #บ้านสุขาวดี #แต่งชุดไทย #เล่นน้ำสงกรานต์

////////////////////////////////////

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:

อุมารินทร์ เกตนิกร  / 062-834-3737

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / มูลนิธิตำรวจต้อนรับคณะเจ้าหน้าที่ Auxiliary Police จากสิงคโปร์พร้อมพาศึกษาอบรมดูงานในประเทศไทย

แชร์เนื้อหานี้

มูลนิธิตำรวจ นำโดย  พล.ต.ท.ดร.มณฑล เงินวัฒนะ  ประธานมูลนิธิฯ และ คุณนิคม กนกภัยพิพัฒน์ ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ ให้การต้อนรับคณะเจ้าหน้าที่ Auxiliary Police จากสิงคโปร์ นำโดย Dr. Matthew Yap พร้อมนำคณะศึกษาอบรมดูงานในประทศไทย ระหว่างวันที่ 12 – 14 มีนาคม 2568โดยวันแรก มูลนิธิตำรวจได้พาคณะเจ้าหน้าที่ Auxiliary Police จากสิงคโปร์

ไปศึกษาดูงานที่สถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ. สมุทรปราการ ที่นี่คณะจะได้ศึกษาดูงานเกี่ยวกับด้านการบริหารงานและการให้บริการประชาชนในด้านต่างๆ ของสถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ จากนั้นนำคณะเดินทางไปยังกองบังคับการตำรวจน้ำ ต.บางด้วน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

เพื่อ คณะจะได้ศึกษาดูงานด้านการบริหารงานและศักยภาพการให้บริการของตำรวจน้ำไทยส่วนวันที่สอง มูลนิธิตำรวจได้พาคณะเจ้าหน้าที่ Auxiliary Police จากสิงคโปร์ ไปศึกษาดูงานที่กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ค่ายนเรศวร)  ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

ที่นี่คณะจะได้เข้ารับการอบรมหลายอย่าง ได้แก่ การใช้อาวุธปืน เริ่มตั้งแต่ความปลอดภัย ท่าในการยิง รวมไปถึงการเล็งเป้าหมาย ณ สนามยิงปืน โดยมีครูฝึกของสนามยิงปืนเป็นผู้สาธิต พร้อมให้คำแนะนำในด้านต่างๆ เกี่ยวกับการใช้อาวุธปืน ต่อด้วยการทดสอบท้าทายกำลังใจ นั่นก็คือ การกระโดดหอสูง 34 ฟุต

ในสถานีกระโดดหอสูง โดยมีครูฝึกมาให้คำแนะนำ ตั้งแต่ท่าทางต่างๆ ที่ถูกต้องในการกระโดด  สำหรับทุกท่านที่โดดหอในครั้งนี้ก็จะได้รับใบประกาศนียบัตร พร้อมปีกติดหน้าอก ปิดท้ายด้วย การนำคณะเข้าชมการสาธิต และทดลองเหินเวหาลอยในอุโมงค์ลม ซึ่งสร้างความฮือฮา สนุกสนาน เร้าใจ และประทับใจให้กับคณะทุกๆ ท่าน

วันที่สาม มูลนิธิตำรวจได้พาคณะเจ้าหน้าที่ Auxiliary Police จากสิงคโปร์ ไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ ไปชมความวิจิตรยิ่งใหญ่ตระการตาของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)

รวมถึงชมความงดงามของพระบรมมหาราชวัง และความสวยงามของวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ( วัดโพธิ์ ท่าเตียน) ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ ปิดท้ายด้วยการชมพิพิธภัณฑ์ตำรวจ ซึ่งทำให้ได้ความรู้ความเข้าใจประวัติศาสตร์ของตำรวจไทย

นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มูลนิธิตำรวจไทย-นานาชาติ จะเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตำรวจนานาชาติกับตำรวจไทย รวมถึงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในสายตาต่างชาติอีกด้วย