คลังเก็บหมวดหมู่: ทหารเรือ (ทร.)

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กรมศุลกากรบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลดการลักลอบเติมน้ำมันเขียว

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ 8 พฤษภาคม 2568 นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นายวิศิษฐ วชิรวิรุฬห์ ผู้อำนวยการสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 7 ผู้แทนจากกรมสรรพสามิต และ ว่าที่ พ.ต.ต.ธีรพงษ์ ดีนุช สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 6 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจน้ำ ผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมสังเกตการณ์วิธีปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการจำหน่ายน้ำมันดีเซลสำหรับชาวประมงในเขตต่อเนื่องของราชอาณาจักร (โครงการน้ำมันเขียว) และเข้าตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันในเขตต่อเนื่อง (Tanker) ณ สถานีบริการ วีนัส 10 ของ บริษัท ไทยแหลมทองค้าน้ำมันประมง จำกัด เพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรค รวมถึงข้อเสนอแนะและข้อเรียกร้องต่าง ๆ ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วม โครงการน้ำมันเขียว

นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากรได้ออกประกาศกรมศุลกากรที่ 210/2567 เรื่อง พิธีการศุลกากรว่าด้วยการนำน้ำมันดีเซลออกไปจำหน่ายในเขตต่อเนื่องของราชอาณาจักรไทย ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา โดยประกาศกรมศุลกากรฉบับดังกล่าว เป็นการปรับปรุงแก้ไขประกาศกรมศุลกากร ที่ 68/2561 ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ให้มีความทันสมัย และสอดคล้องกับประกาศกรมสรรพสามิตที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการจัดทำประกาศกรมศุลกากรฉบับล่าสุด เป็นผลจากการหารือร่วมกันของผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและสมาคมผู้ค้าน้ำมันในเขตต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ชาวประมง
และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในด้านการป้องกันการกระทำความผิดตามกฎหมายอีกด้วย

อธิบดีกรมศุลกากร ยังกล่าวอีกว่า สำหรับโครงการน้ำมันเขียวจะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในการลดต้นทุนด้านน้ำมันเชื้อเพลิง และเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการในกิจการประมง อันจะเป็นการเสริมสร้าง ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในระดับชุมชนอีกทางหนึ่ง ทั้งสามหน่วยงานจึงให้ความสำคัญกับการกำกับดูแล การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในส่วนงานที่เกี่ยวข้อง จึงเป็นที่มาของการตรวจเยี่ยมในวันนี้ หลังจากนี้ ทั้งสามหน่วยงานจะบูรณาการ การทำงานร่วมกัน เพื่อให้การปฏิบัติตามโครงการดังกล่าวเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ของโครงการฯ เกิดประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ประกอบการ ในส่วนของกรมศุลกากร จะมุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการตรวจสอบการขนถ่ายน้ำมันดีเซลที่จำหน่ายให้กับเรือประมงในเขตต่อเนื่อง เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปตามกฎหมาย มิให้มีการกระทำความผิดทางศุลกากรเกิดขึ้น
////////////////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสายท / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี/สื่อรัฐนิวส์ / ผบ.ทร.ตรวจเยี่ยมการฝึกปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2568 ที่ค่ายจุฬาภรณ์ นราธิวาส

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (24 เมษายน 2568) พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก การฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2568 ณ หาดบ้านทอน ตำบลโคกเคียนอำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ และผู้บังคับบัญชาในกองอำนวยการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2568 ให้การต้อนรับ ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบโอวาทให้กับกำลังพลที่เข้าร่วมการฝึก และชมการสาธิตการปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งมีการประกอบกำลังจากหน่วยกำลังรบ และหน่วยสนับสนุนต่าง ๆ ในกองทัพเรือมาเข้าร่วมการปฏิบัติการสาธิตฯ

การฝึกปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบกในวันนี้ เป็นการปฏิบัติการต่อต้านกำลังรบยกพลขึ้นบก กำลังปฏิบัติการพิเศษ และอาวุธจากเรือผิวน้ำและอากาศยาน โดยจะมีการสาธิตของหน่วยกำลังรบยกพลขึ้นบกนาวิกโยธิน ซึ่งประกอบกำลังจากกรมทหารราบที่ 2 กองพลนาวิกโยธิน เป็นส่วนควบคุมการฝึก กองพันทหารรราบที่ 5 กรมทหารราบที่ 2 เป็น กองพันยกพลขึ้นบก สนับสนุนด้วยส่วนต่าง ๆ คือ กองพันรถสะเทินน้ำสะเทินบก กองพันรถถัง กองพันทหารช่าง กองพันลาดตระเวน กองร้อยสนับสนุนการยกพลขึ้นบก กรมสนับสนุน กองพลนาวิกโยธิน ร่วมด้วยกำลังทางเรือจากกองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ กองเรือยุทธการ และอากาศยานจาก กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ

โดยลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญ ประกอบด้วย – การแทรกซึมทางน้ำ เข้าสู่พื้นที่ด้วยเรือยางของชุดปฏิบัติการพิเศษ โดยกำลังพลนักทำลายใต้จู่โจม หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ เข้าทำลายสิ่งกีดขวางหน้าหาด เพื่อสร้างช่องทางในการเคลื่อนที่จากเรือสู่ฝั่ง ให้กับกำลังรบยกพลขึ้นบก
– การขัดขวางทางอากาศในพื้นที่การรบ (BAI : Battlefield Ari
Interdiction) โจมตีต่อเป้าหมายที่สำคัญบนฝั่งด้วยกำลังทางอากาศ
– การระดมยิงฝั่งด้วยปืนเรือในกองเรือเฉพาะกิจสะเทินน้ำสะเทินบก จาก เรือหลวงทยานชล เพื่อทำลายสิ่งกีดขวาง ที่ตั้งและการวางกำลังข้าศึก
– การขัดขวางทางอากาศในพื้นที่การรบ (BAI : Battlefield Ari
Interdiction) โจมตีต่อเป้าหมายที่สำคัญบนฝั่งด้วยกำลังทางอากาศ
– การระดมยิงฝั่งด้วย ยานเกราะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก VN-16 เพื่อทำลายสิ่งกีดขวาง ที่ตั้ง และการวางกำลังของข้าศึก
– การเคลื่อนที่จากเรือสู่ฝั่ง ของกำลังรบยกพลขึ้นบก โดย คลื่นที่ 1 ประกอบด้วย ยานเกราะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก VN-16 จำนวน 1 ลำ
และรถสะเทินน้ำสะเทินบกแบบ AAV จำนวน 3 ลำ พร้อมกำลังรบยกพลขึ้นบก คลื่นที่ 2 ประกอบด้วย รถหุ้มเกราะล้อยาง 8×8 ชนิดลำเลียงพล AWAV จำนวน 4 คัน


พร้อมกำลังรบยกพลขึ้นบก คลื่นที่ 3 เป็นคลื่นโจมตีทางอากาศ ประกอบด้วย เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงพล จำนวน 2 ลำ
พร้อมกำลังรบของ กองพันลาดตระเวน กองพลนาวิกโยธิน ปฏิบัติการยุทธ์เคลื่อนที่ทางอากาศ
Fast Rope เข้ายึดที่หมาย
– การขอรับการสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิดสนับสนุนกำลังรบยกพลขึ้นบกเพื่อทำลายที่ตั้ง และการวางกำลังของข้าศึก
– การปฏิบัติของคลื่นตามคำขอ ของหน่วยสนับสนุนกำลังพลยกพลขึ้นบก
ด้วยเรือลำเลียง จากเรือหลวงมันใน (LCU) และ เรือลำเลียงพลขนาดกลาง (LCM) เพื่อลำเลียงอาวุธ
ยุทโธปกรณ์ต่างๆ ขึ้นฝั่ง ประกอบด้วย รถฮัมวี่ (HMWWVw) ติดตั้งอาวุธต่อสู้รถถังนำวิถีโทว์ (TOW)
จำนวน 1 คัน ยานเกราะล้อยาง (First win 4×4) จำนวน 1 คัน และรถตักหน้าขุดหลังเจซีบี (JCB) จำนวน 1 คัน
– การปฏิบัติสุดท้ายของวันนี้ เป็นการส่งกลับทางสายแพทย์ (Medivac)
ด้วยเฮลิคอปเตอร์

การฝึกปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกภาคสนาม/ทะเล ในการฝึกกองทัพเรือประจำปี 2568  ซึ่งเป็นการฝึกที่มีความสำคัญสูงสุดของกองทัพเรือ โดยใช้แนวความคิดในการฝึกว่า “รบอย่างไร ฝึกอย่างนั้น” 
นอกจากการฝึกที่เกิดขึ้นในในวันนี้แล้ว จะมีการฝึกที่สำคัญอื่น ๆ อาทิ การฝึกยิงอาวุธปล่อยนำวิถีป้องกันภัยทางอากาศแบบ Mistral ของเรือหลวงจักรีนฤเบศร การฝึกปฏิบัติการร่วมระหว่างกองทัพเรือและกองทัพอากาศ   การฝึกต่อต้านการก่อการร้ายบนแท่นผลิตก๊าซธรรมชาติ การฝึกให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ (HADR) การค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล (SAR) และการขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันและเคมีภัณฑ์ในทะเล (Oil and chemical spill) การฝึกเป็นหน่วยกรมผสมนาวิกโยธิน และการดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง (CALFEX) การฝึกของหน่วยวิชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งประจำพื้นที่และการฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธี โดยมีการเชิญกำลังพลจากกองทัพบกกองทัพอากาศรวมถึงศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเข้าร่วมการฝึกในครั้งนี้  ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการฝึกกองทัพเรือประจำปี 2568 นั้น นอกจากกำลังพลที่เข้าร่วมการฝึกจะได้รับความรู้ ความชำนาญเพิ่มขึ้นจากการฝึกแล้ว ยังทำให้กองทัพเรือได้รับทราบถึงขีดความสามารถและข้อจำกัดของกำลังทางเรือที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งการปฏิบัติการร่วมกันกับ ศรชล. และเหล่าทัพ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนพัฒนาขีดความสามารถสำหรับการปฏิบัติภารกิจ โดยเฉพาะในการป้องกันประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยขีดความสามารถของกำลังทางเรือที่เตรียมไว้สำหรับการทำสงคราม ยังสามารถนำมาใช้ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ ในยามปกติได้อีกด้วย
 ///////////////////

ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /นรข ยึดยาบ้า1.2 ล้านเม็ดรถเก๋ง 2 คันผู้ต้องหา 4 คนหลบหนี

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 10 ก.พ.ที่หน่วยรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงหรือ สถานีเรือ นรข.บึงกาฬ บ้านพันลำ ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ พล.ร.ต.ณรงณ์ เอมดี ผบ.นรข.น.อ.วิศิษฐ์พงศ์ เจริญวิชยเดช ผบ.นรข.เขตหนองคาย พ.อ.ปราโมทย์ เนียมสำเภา รอง ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี พ.ต.อ.จตุพร เนวะมาตย์ ผกก.ตม.จว.บึงกาฬ พ.ต.ท.เทอดศักดิ์ โคตรศรีวงษ์ ผบ.ร้อย ตชด.244 นายวรพันธ์ ชำนิยันต์ ปลัดจังหวัดบึงกาฬ นายธีระพล ขุนพานเพิง นอภ.เมืองบึงกาฬ พ.ต.ต.ประชานารถ แดงเนียม สว.ตำรวจน้ำบึงกาฬ นางสาวเบ็ญจ์ ชำกรม หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปราม ด่านศูลกากรบึงกาฬ และส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวตรวจยึดยาบ้า 3 กระสอบ จำนวน 1,200,000 เม็ดพร้อมรถเก๋ง 2 คัน ที่บริเวณสวนยางพารา บ้านนาเจริญ ต.คำนาดี อ.เมือง จ.บึงกาฬ

พล.ร.ต.ณรงณ์ เอมดี ผบ.นรข. กล่าวว่า ในนามของ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) ซึ่งเราได้บูรณาการในการปฏิบัติงาน การปราบปราม สกัดกั้น ยาเสพติดไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ชั้นในของประเทศ จากนโยบายของรัฐบาลในการ “Seal Stop Safe” เพื่อป้องกันยาเสพติดเข้าสู่ประเทศ หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จึงได้มีการบูรณาการเพื่อปฏิบัติการตามภารกิจนี้ โดยการตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) จำนวน 1,200,000 เม็ด พร้อมกับของกลางเป็นรถเก๋ง 2 คัน ซึ่งที่มาของการจับกุม เราได้ทราบข่าวจากสายข่าว และมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ จึงเป็นที่มาของการตรวจยึด ในครั้งนี้

ขณะที่ว่าที่ น.ท.โอรส พุทธโค หน.สน.เรือบึงกาฬ กล่าวถึงพฤติการณ์ในการจับกุมว่า ภายจากได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาว่าจะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำมาส่งให้กับกลุ่มผู้ค้าในพื้นที่บ้านหนองคังคา-บ้านหนองเดิ่นท่า ต.หนองเดิ่นท่า อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ จึงได้จัดกำลังออกเป็น 3 ชุ พร้อมกับสั่งการให้ชุดสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สน.เรือบึงกาฬ ทำการวางแผนในการสกัดกั้น/จับกุมในพื้นที่ที่ได้รับแจ้ง และพื้นที่บริเวณใกล้เคียงที่คาดว่าจะเป็นเส้นทางในการลำเสียงยาเสพติดดังกล่าว

ปฏิบัติการทำการเฝ้าตรวจพื้นที่เป้าหมาย จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. ชุดเฝ้าตรวจบริเวณสามแยก บ.โคกก่อง ต.โคกก่อง ได้ตรวจพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ CHEVROLET สีบรอนซ์เงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ต้องสงสัยลักษณะตรงกับที่สายลับรายงาน วิ่งมาบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 แล้วเลี้ยวซ้ายวิ่งไปตามทางหลวงชนบท บก.3007 มุ่งหน้าไปยัง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ เมื่อเห็นดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถเฝ้าติดตามไป พร้อมกับแจ้งให้ชุดเฝ้าตรวจทั้งหมดทราบ จากนั้น รถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าวได้วิ่งลัดเลาะตามถนนเส้นต่าง ๆ

oplus_2

จนมาถึง บ.นาเจริญ ต.คำนาดี อ.เมืองบึงกาฬ ได้วิ่งเข้าไปจอดในสวนยางพารา เมื่อ จนท.ชุดเฝ้าตรวจที่ 1 ติดตามไปถึงสวนยางพาราบริเวณจุดเกิดเหตุได้ตรวจพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ CHEVROLET และจักรยานยนต์ 1 คัน ต้องสงสัยจอดอยู่กับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ HONDA CIVIC และจักรยานยนต์ อีก 1 คัน พร้อมกับมีบุคคลต้องสงสัยยืนจับกลุ่มกันอยู่ 3 คน เมื่อเห็นดังนั้นจึงได้แสดงตัวเป็น จนท.ขอทำการตรวจสอบ แต่บุคคลต้องสงสัย 1 คน ได้ขึ้นไปบนรถยนต์ HONDA CIVIC สีขาว และอีก 2 คน ขึ้นรถจักรยานยนต์ซึ่งจอดติดเครื่องรออยู่ แล้วขับรถทั้ง 2 คัน ออกจากจุดเกิดเหตุไปอย่างรวดเร็ว

oplus_2

จนท.ชุดเฝ้าตรวจที่ 1 จึงได้แจ้งไปยังชุดเฝ้าตรวจที่ 2 ซึ่งขณะนั้นได้เดินทางมาถึง บ.นาเจริญ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 400 เมตร ให้ทำการติดตามรถทั้ง 2 คัน และในระหว่างนั้นชุดเฝ้าตรวจที่ 2 ได้ตรวจพบรถยนต์ HONDA CIVIC คันดังกล่าวกำลังวิ่งอยู่บนถนนภายใน บ.นาเจริญ มุ่งหน้าไปยัง บ.นาซาว ต.คำนาดี จึงได้แสดงตัวเป็น จนท.และส่งสัญญาณให้จอดรถเพื่อขอทำการตรวจสอบ แต่คนขับรถได้เร่งเครื่องยนต์ขับรถหนี จนท.จึงได้ขับรถยนต์ไล่ติดตาม เป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร คนขับรถยนต์คันดังกล่าวจึงได้จอดรถอาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไป ไม่สามารถไล่ติดตามได้ เนื่องจากเป็นเวลากลางคืนเกรงว่าจะเกิดอันตราย

จากการตรวจสอบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ CHEVROLETหมายเลขทะเบียน กต 5368 มหาสารคาม พบวัตถุต้องสงสัยห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 3 กระสอบวางอยู่บนเบาะภายในห้องโดยสารด้านหลังคนขับ เมื่อทำการเปิดออกตรวจสอบพบว่าเป็นยาบ้า จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมดมาตรวจสอบเพิ่มเติมที่ สน.เรือบึงกาฬ ซึ่งจากการตรวจสอบโดยละเอียดแล้วพบว่าทั้ง 3 กระสอบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ทั้งหมดจำนวน 207 แพค (แพคละ 3 มัด ๆ ละ 2,000 เม็ด จำนวน 186 แพค รวมเป็นยาบ้า จำนวนประมาณ 1,116,000 เม็ด และแพคละ 2 มัด ๆ ละ 2,000 เม็ด จำนวน 21 แพค รวมเป็นยาบ้า

จำนวนประมาณ 84,000 เม็ด) รวมเป็นยาบ้าจำนวนประมาณ 1,200,000 เม็ด และจากการตรวจสอบรถยนต์ทั้ง 2 คัน โดยละเอียดไม่พบเอกสารใด ๆ แต่จากการสืบค้นในระบบของกรมขนส่งทางบก พบว่า รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ CHEVROLET สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กต 5368 มหาสารคาม มีชื่อชาว อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม เป็นผู้ครอบครองรถ และรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ HONDA CIVIC สีขาว หมายเลขทะเบียน กม 175 กาญจนบุรี มีชื่อชาว อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี เป็นผู้ครอบครองรถ จึงได้ทำบันทึกตรวจยึด และนำส่ง สภ.เมืองบึงกาฬ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล/บึงกาฬ รายงาน