คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “ทำดี 100 วัน” ลุยใต้! วันที่ 6 จัดเลี้ยงข้าวหมกไก่-มอบถุงยังชีพ ตอกย้ำพลังหนุนจาก ‘ผบช.ภ.9-เลขาฯ ศอ.บต.’

แชร์เนื้อหานี้

ความคืบหน้าโครงการ “ทำดี 100 วัน” เพื่อถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง “แม่ของแผ่นดิน” โดยการนำของ นางสาวนาซือเราะ เจะฮะ นายกสมาคมสื่อมวลชนเพื่อพัฒนาชายแดนภาคใต้ (JSD-South) ที่เข้าสู่วันที่ 6 ของการดำเนินงานอย่างเข้มข้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา นางสาวนาซือเราะ เจะฮะ นายกสมาคมฯ เปิดเผยถึงการดำเนินกิจกรรมว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โครงการได้รับความร่วมมือและการตอบรับเป็นอย่างดีเยี่ยมจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ในพื้นที่ ได้แก่ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และ นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร เลขาธิการ ศอ.บต. ที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมหลักในแต่ละวันของโครงการ “ทำดี 100 วัน” เน้นการช่วยเหลือกลุ่มผู้เปราะบางในมิติต่าง ๆ อย่างครอบคลุม โดยวันนี้ ( 31 ต.ค. 68 ) ทางสมาคมสื่อมวลชนและภาคีเครือข่าย ได้ร่วมกันจัดเลี้ยง “ข้าวหมกไก่” และ มอบถุงยังชีพ ให้กับกลุ่มเปราะบางในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะขยายมิติการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง

นายกสมาคมสื่อมวลชนฯ กล่าวว่า การช่วยเหลือไม่ได้จำกัดอยู่แค่การมอบอาหารและถุงยังชีพเท่านั้น แต่ยังมีการดำเนินการในมิติอื่น ๆ ตลอด 6 วันนี้ ได้ดำเนินการ มอบอิฐ สำหรับสร้างและซ่อมแซมบ้านเรือนให้กับผู้ยากไร้ มอบสิ่งของและอุปกรณ์ที่จำเป็น ให้กับผู้ป่วยติดเตียง เลี้ยงอาหาร และ มอบข้าวสารอาหารแห้ง โดยกำหนดเป้าหมายไว้ที่ วันละ 100 ชุด จำนวน 100 วัน การร่วมกัน พัฒนาพื้นที่ เพื่อสร้างความสามัคคีภายในชุมชน นอกจากกิจกรรมภาคสนามแล้ว โครงการยังได้ขยายผลสู่ภาคการศึกษา โดยมีเป้าหมาย โรงเรียนกว่า 100 สถาบัน เข้าร่วมการประกวดกิจกรรม “ทำดี 100 วันเพื่อแม่ของแผ่นดิน”

นักเรียนจากทั้ง 100 สถาบันนี้ จะเข้าร่วมการประกวด เรียงความ เพื่อชิงรางวัลจากผู้ใหญ่ใจดี โดยสมาคมสื่อมวลชนฯ ได้กำหนดจัด พิธีมอบรางวัลดังกล่าวในวันนักข่าว ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมีนาคม 2568 นี้ นางสาวนาซือเราะ เจะฮะ นายกสมาคมสื่อมวลชนฯ จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมทำความดีในโครงการ “ทำดี 100 วัน” เพื่อ ‘แม่ของแผ่นดิน’ อย่างต่อเนื่อง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและสร้างสรรค์สังคมชายแดนภาคใต้ให้ดีขึ้น
ขณะเดียวกัน

นางสาวรอกาฮา กามา ครูจากโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันที่เข้าร่วมกิจกรรม ได้กล่าวแสดงความชื่นชมต่อโครงการดังกล่าว โดยเฉพาะมิติของการเปิดพื้นที่ให้นักเรียนได้แสดงออกผ่านการประกวดเรียงความ “การที่สมาคมสื่อมวลชนฯ เปิดโอกาสให้นักเรียนร่วม”ทำดี 100 วัน” เพื่อ ‘แม่ของแผ่นดิน’ ผ่านการเรียงความนั้น ถือเป็นกิจกรรมที่ดีมาก ขอชื่นชมสมาคมสื่อมวลชนฯ ที่เชิญชวนโรงเรียนในพื้นที่ โดยเฉพาะโรงเรียนชนบทที่อยู่ห่างไกลตัวเมือง อย่างโรงเรียนของตน ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีมาก ที่ได้ให้นักเรียนร่วม ‘ทำดี 100 วัน’ เพื่อ ‘แม่ของแผ่นดิน’ แล้วยังเปิดโอกาสให้นักเรียนได้รับโอกาสได้แสดงออกอีกด้วย”

นางสาวรอกาฮา ยังกล่าวขอบคุณไปยังภาคีเครือข่ายและผู้ใหญ่ที่ให้การสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และ นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร เลขาธิการ ศอ.บต. ที่เล็งเห็นความสำคัญและให้การสนับสนุนต่อกิจกรรมครั้งนี้อย่างยิ่ง สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจต่อการพัฒนาเยาวชนและการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีงามในพื้นที่ชายแดนใต้ โครงการ “ทำดี 100 วัน” ที่ดำเนินงานต่อเนื่องและขยายผลไปสู่ภาคการศึกษาเช่นนี้ ถือเป็นมิติใหม่ของการขับเคลื่อนกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ที่ไม่เพียงแต่ช่วยเหลือผู้เปราะบาง แต่ยังช่วยส่งเสริมศักยภาพและความสามัคคีในชุมชนไปพร้อมกัน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / วัดบางพลีใหญ่กลาง ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระพันปีหลวง

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 29 ตุลาคม 2568 ที่ พระอุโบสถ วัดบางพลีใหญ่กลาง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ คณะพระภิกษุสงฆ์ วัดบางพลีใหญ่กลาง ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม ถวายเป็นพระราชกุศลแด่

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระวชิรคณาทร (เจ้าคุณแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และมีนายขจิตเวช แก้วน้อย นายอำเภอบางพลี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส จุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัย

ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ จุดเทียนธูปหน้าตูพระธรรม และตัวแทนไวยาวัจกร วัดบางพลีใหญ่กลาง จุดเครื่องทองน้อย หน้าโต๊ะหมู่บูชาพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราช

ชนนีพันปีหลวง พระสงฆ์ วัดบางพลีใหญ่กลาง จำนวน 10 รูป สวดอภิธรรม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ อบต.บางพลี ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี และประชาชนชาวอำเภอบางพลี เข้าร่วมพิธี


สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้แจ้งแนวทางให้คณะสงฆ์ทั่วประเทศ และวัดไทยในต่างประเทศ ดำเนินการบำเพ็ญกุศลถวายพระราชกุศล โดยตั้งโต๊ะหมู่บูชา พร้อมพระฉายาลักษณ์ หรือพระสาทิสลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมเครื่องราชสักการะภายในพระอุโบสถ

หรือสถานที่ให้สมพระเกียรติ จัดพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมถวายพระราชกุศลทุกวัน เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป จัดพิธีบำเพ็ญกุศลครบกำหนดสัตตมวาร (7 วัน) ปัณรสมวาร (15 วัน) ปัญญาสมวาร (50 วัน) และสตมวาร (100 วัน) ตามกำหนด

พร้อมจัดกิจกรรมทำบุญตักบาตร สวดมนต์ ฟังธรรม และถวายสังฆทาน ให้สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดจัดกิจกรรมปฏิบัติธรรมถวายพระราชกุศลในวันสำคัญตามกำหนด และให้คณะสงฆ์ทั่วประเทศเจริญจิตตภาวนาหลังทำวัตรเย็นเป็นประจำทุกวัน ตลอดระยะเวลาไว้ทุกข์

ทั้งนี้ ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมสวดมนต์ ในพิธีดังกล่าว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในช่วงเวลาหลังทำวัตรเย็นเป็นประจำทุกวัน ตลอดระยะเวลาไว้ทุกข์


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /จับแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง 20 รายปลายทางจังหวัดสงขลาส่งต่อประเทศเพื่อนบ้าน

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 22 ตุลาคม 2568 ได้รับรายงานจาก พ.ต.กอบศักดิ์ นาคหาญ หน.ชรด.๔๐๓ (ชพ) กอ.รมน.จังหวัด.ชุมพร ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว มีแรงงานต่างด้าวมาแอบพักพิงอยู่บริเวณ เพิงพักชายเขา ในพื้นที่ บ.หาดหนองหอย ม.6 ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร

จึงได้ประสานหน่วยงานรับผิดชอบ สนธิกำลัง ฝ่ายปกครอง จนท.ทหารกอ.รมน.จว.ชุมพร จนท.ตร.กก.สส.ภ.จว.ชุมพร ตม.จว.ชุมพร ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบเพิงพักชั่วคราวจำนวนสามหลังคุมด้วยผ้าใบสีฟ้าขาวและพบแรงงานชาวต่างด้าวจำนวน 20 รายต่อจากนั้น เจ้าหน้าที่ ได้ร่วมจับกุมบุคคลต่างด้าว สัญชาติพม่า เป็นชาย จำนวน 18 คน หญิงจำนวน 2 คน และร่วมกันนำตัวมาที่ สภ.ท่าแซะ

เพื่อคัดกรองเบื้องต้น และขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดกรองฯ 1.MR.KYAW HTAY (นายจอ เท) อายุ 42 ปี สัญชาติ เมียนมา 2.MR.SOE MYINT AUNG (นาย โซ เมี๊ยะ อาว) อายุ 22 ปี สัญชาติ เมียนมา 3.MR.AUNG KO MYINT (นาย อาว โก มิ) อายุ 21 ปี สัญชาติ เมียนมา 4.MR.MYO HTET NING (นาย มิว เทด นาย) อายุ 35 ปี สัญชาติ เมียนมา 5.MR.THEIN THAN HTAY (นาย เต ทาน เท้)

อายุ 34 ปี สัญชาติ เมียนมา 6.MR.AUNG ZAYA (นาย อาว เซ ยะ) อายุ 25 ปี สัญชาติ เมียนมา 7.MR.MOE WIN (นายมู เวน) อายุ 41 ปี สัญชาติ เมียนมา 8.MR.THEIN ZAW LWIN (นายเต ซอ ลุย) อายุ 19 ปี สัญชาติ เมียนมา

9.MR.MAUNG NAING (นาย มาว นาย) อายุ 37 ปี สัญชาติ เมียนมา 10.MR.U MYO (นายอู มิ้ว) อายุ 34 ปี สัญชาติ เมียนมา 11.MR.THAN TONE AUNG (นายตาน เต อาว) อายุ 18 ปี

สัญชาติเมียนมา 12.MR.NAY MYO AUNG (นายเน มิว อาว) อายุ 18 ปี สัญชาติเมียนมา 13.MR.AUNG MYO THUYA (นายอาว มิว ตู ยะ) อายุ 21 ปี สัญชาติ เมียนมา 14.MR.MIN WAI AUNG (นายเม เว อาว) อายุ 23 ปี สัญชาติเมียนมา 15.MR.ZAW LIN AUNG

(นายซอ ลิน อาว) อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา 16.MR.MAUNG LWIN (นายเมา ลวย) อายุ 44 ปี สัญชาติ เมียนมา 17.MR.AUNG THAN

(นายเอา แตะ) อายุ 42 ปี สัญชาติเมียนมา 18.MR.NAING TUN (นายไน ทอน) อายุ 32 ปี สัญชาติ เมียนมา 19.MISS AYE AYE SOE (น.ส.เอ้ เอ้ ซู) อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา 20.MRS.YIN YIN HTAY (นาง เย เยน เท่) อายุ 25 ปี สัญชาติ เมียนมา
จากการตรวจสอบชาวเมียนมาจำนวนดังกล่าวไม่มีเอกสารหนังสือเดินทาง (พาสสปอร์ต )

จากการสอบถามชาวเมียนมา ให้การว่าตนเองเดินทางมาจากพื้นที่ต่างๆในพื้นที่ สมม. ขึ้นรถโดยสารมาลงที่ย่างกุ้ง สมม. จากนั้นนายหน้าพาเดินทางต่อโดยรถโดยสารไปยัง เมาะลำไย สมม. และโดยสารรถตู้มาลงที่ เจดีย์สามองค์ จว.ก.จ. เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 68 เวลา 0145 จากนั้นเดินทางต่อโดยรถเอสยูวี สีดำ (1 ในรถขน) โดยมีการสลับรถจำนวน 4 คัน

จนมาลงที่บริเวณสวนปาล์มน้ำมัน วันที่ 21 ต.ค.68 เวลา 1700 จากนั้นเดินเท้ามายังบริเวณ ป่าใกล้สวนปาล์มน้ำมัน และพักอยู่บริเวณดังกล่าวเป็นระยะเวลา 1 วัน เพื่อรอเดินทางต่อไปไปยัง พื้นที่ อ.หาดใหญ่ จว. ส.ข. และประเทศมาเลเซีย โดยเสียค่าเดินทางไป จว.ส.ข. เป็นเงินจำนวน 22,000 บาท

และประเทศมาเลเซียเป็นเงินจำนวน 45,000 บาท โดยจะจ่ายเมื่อเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางเรียบร้อยแล้ว
เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมแรงงาน ฯ ส่ง สภ.ท่าแซะ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ขับเคลื่อน ส่งเสริมพัฒนาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไผ่จ.น่านให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ สามารถแข่งขันในตลาดสากล

แชร์เนื้อหานี้

จังหวัดน่าน โดย สำนักงานอุตสาหกรรมน่าน ดำเนินโครงการเกษตรปลอดภัยและมูลค่าสูง กิจกรรมหลักการแปรรูปผลิตภัณฑ์ไม้ ไม้ไผ่ เพื่อเพิ่มมูลค่า กิจกรรมย่อยพัฒนาอุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน ประจำปีงบประมาณ 2568 จัดงานแสดงผลงานและทดสอบตลาดผลิตภัณฑ์ต้นแบบอุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน NAN BAMBOO Inno-Creative 2025 จากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไม้ไผ่ของจังหวัดน่าน จำนวน 30 ผลิตภัณฑ์ โดยมีนางวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธีเปิดงาน และนายอดิศักดิ์ มณีท่าโพธิ์ อุตสาหกรรม

จังหวัดน่าน เป็นผู้กล่าวรายงานการจัดงาน มุ่งเน้นการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ ทันสมัย ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ ตอบสนองความต้องการของตลาด และวิถีของคนยุคปัจจุบัน ผสมผสานกับภูมิปัญญา อันทรงคุณค่า ทั้งนี้เพื่อสร้างรายได้ให้กับกลุ่มวิสาหกิจและผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนต่อไป สามารถร่วมชื่นชมผลิตภัณฑ์ต้นแบบอุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน และเข้าร่วมกิจกรรมภายในงานได้ระหว่างวันที่ 17 – 19 ตุลาคม 2568 ณ ข่วงเมืองน่าน (ข่วงน้อย) จังหวัดน่าน

นางวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า จังหวัดน่านมีพื้นที่เกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ มีผลผลิตทางการเกษตรเป็นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเกษตรกรรมการปลูกไผ่ และผู้ประกอบการ-วิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกและแปรรูปไผ่ ดังนั้น การพัฒนาอุตสาหกรรมไผ่สู่อนาคตที่ยั่งยืน และการผลักดันให้ไผ่เป็นไม้เศรษฐกิจอุตสาหกรรมครบวงจรของประเทศไทย ตลอดจนเพื่อเพิ่มพื้นที่การปลูกไผ่เศรษฐกิจ จึงควรมีการส่งเสริมการปลูกไผ่ในจังหวัดน่าน เพิ่มพื้นที่การปลูกไผ่เศรษฐกิจ สร้างป่าแก้ปัญหาเขาหัวโล้น ช่วยสร้างความยั่งยืนทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีแก่เกษตรกร ให้มีความมั่นใจในการผลิตไผ่แบบครบวงจร เกิดการรวมกลุ่ม และพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไผ่ ตลอดจนได้แนวทางผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมไม้ไผ่

ที่สามารถดำเนินการได้ถูกต้องตามกฎหมาย และเข้ากับบริบทสภาพพื้นที่ของจังหวัดน่าน ซึ่งรัฐบาลได้มีนโยบายในการส่งเสริม และพัฒนาอุตสาหกรรมไผ่ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยเน้นการพัฒนาวัตถุดิบและกระบวนการผลิตให้มีมาตรฐานมีคุณภาพสูง ส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมใหม่ เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ไผ่ในพื้นที่จังหวัดน่าน เนื่องจากการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรในระดับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) พบว่ายังอยู่ในระดับการแปรรูปชั้นต้น ราคาถูก หากมีการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยใช้นวัตกรรมใหม่จะทำให้มีการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและจังหวัดในภาพรวมมากยิ่งขึ้น

ด้าน นายอดิศักดิ์ มณีท่าโพธิ์ อุตสาหกรรมจังหวัดน่าน ในนามของหน่วยงานดำเนินโครงการ กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้เป็นปีที่สองของอุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน มีวัตถุประสงค์สำคัญ ได้แก่ พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SME และวิสาหกิจชุมชน ให้สามารถแข่งขันในตลาดสากล พัฒนาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไผ่ให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ สร้างรายได้ ที่ยั่งยืนแก่ผู้ประกอบการ ส่งเสริมและเปิดช่องทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่านสำหรับกิจกรรมที่ได้ดำเนินการมาแล้วนั้น ประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก คือ กิจกรรมแรก พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการ โดยจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการจำนวน 2 ครั้ง ครั้งละ 30 ราย กิจกรรมที่สอง พัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ ผ่านการศึกษาดูงาน เพื่อยกระดับมาตรฐาน และการให้คำปรึกษาเชิงลึกด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ แก่ผู้ประกอบการ 15 ราย

ได้ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาแล้วรวม 30 ผลิตภัณฑ์ กิจกรรมที่สาม เชื่อมโยงและทดสอบตลาด ซึ่งเป็นกิจกรรมสุดท้ายของโครงการ คือการจัดงานแสดงผลงานในครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 17-19 ตุลาคม 2568 โดยนำผลิตภัณฑ์ต้นแบบทั้ง30 ผลิตภัณฑ์ มาจัดแสดงและทดสอบตลาดผ่านแบบสอบถามรายผลิตภัณฑ์ เพื่อวิเคราะห์ และสรุปผลเป็นข้อมูลให้ผู้ประกอบการนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดต่อไป อีกทั้งภายในงานยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การสาธิตการต่อเรือไผ่ การสาธิตการทำอาหารจากไผ่ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ กิจกรรมส่งเสริมการขายและการแสดงดนตรีเป็นประจำทุกวัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : สำนักงานอุตสาหกรรมจะงหวัดน่าน 054 716 018/เครดิตสนง.ปชส.น่าน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / งานประเพณีรับบัว 2568 ประชาชนสองฝั่งคลองสำโรงร่วมอธิษฐานโยนบัวคึกคักบริหน้าตักหลวงพ่อโต อ.บางพลี สมุทรปราการ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อช่วงเช้า วันที่ 6 ตุลาคม 2568 ที่ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ

เป็นประธานเปิดลานวัฒนธรรม ในงานประเพณีรับบัว ประจำปี 2568 และร่วมโยนบัวลงที่บริเวณหน้าตักหลวงพ่อโตจำลองที่ล่องอยู่ในคลองสำโรง

ซึ่งสองฝากฝั่งคลองสำโรงประชาชนจำนวนมากต่างถือดอกบัวอธิษฐานก่อนโยนไปที่หน้าตักหลวงพ่อโต

จำลองที่ล่องในคลองสำโรง เพราะเชื่อกันว่า หากโยนบัวได้ถึงหลวงพ่อโต

คำอธิษฐานก็จะเป็นจริง สมความปรารถนาภายในงานมี นายสมศักดิ์ แก้วเสนา ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ

นางอารีรัตน์ สุนทรเสนาะ วัฒนธรรมจังหวัดสมุทรปราการ ดร.พัฒนพงศ์ จงรักดี นายกเทศมนตรีตำบลบางพลี

นายวิชัย จันทร์จำรูญ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรปราการ อาจารย์ชูศรี สัตยานนท์ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอบางพลี

นางสาววัฒนจิต บูรณเทพ ผู้แทนจาก ททท. สำนักงานจังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรม

ขณะที่ นายสุนทร ปานแสงทอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมคณะผู้บริหาร และส.อบจ.ก็ได้ล่องเรือในคลองสำโรง เพื่อโยนข้าวต้มมัด น้ำดื่ม ไข่ต้ม ให้กับประชาชนริมสองฝั่งคลองสำโรง

ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่น โดยมีขบวนเรือแห่จากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมขบวนจำนวนมาก นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้ร่วมแจกข้าวต้มมัดแก่ผู้มาร่วมงาน

งานประเพณีรับบัว ประจำปี 2568 ถือประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ ของชาวอำเภอบางพลี

ที่แสดงถึงความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ต่อคนต่างถิ่นที่มาอาศัยอยู่ในอำเภอบางพลี แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิต

ความผูกพันกับสายน้ำ ที่มีมาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และได้รับการประกาศเป็นมรดกภูมิปัญญา

ทางวัฒนธรรมของชาติ โดย กระทรวงวัฒนธรรม ประเพณีรับบัว จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11

ซึ่งปีนี้ตรงกับจันทร์ที่ 6 ตุลาคม 2568จะมีการอัญเชิญหลวงพ่อโตจำลอง ลงเรือแห่ไปตามลำคลองสำโรง

เพื่อให้ประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณสองฝั่งคลอง และที่มาร่วมพิธีได้ร่วมสักการบูชา โดยการโยนดอกบัวลง

ไปในเรือที่องค์หลวงพ่อโต ประดิษฐานอยู่ เชื่อกันว่า หากสามารถโยนดอกบัวไปในเรือ แล้วอธิษฐานสิ่งใดไว้ จะประสบความสำเร็จสมหวังทุกประการ


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / โฆษกสำนักนายก ลงพื้นที่เยี่ยมและมอบถุงยังชีพผู้ประสบอุทกภัย ในเขตเทศบาลเมืองศรีสะเกษ พร้อมเผย รัฐบาลตั้ง ศูนย์ คอภ. และ ศชภ. เร่งเบิกจ่ายเงินเยี่ยวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทุกพื้นที่

แชร์เนื้อหานี้

***เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 68 ดร.สิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกสำนักนายก ลงพื้นที่เยี่ยมและมอบถุงยังชีพผู้ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองศรีสะเกษ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และติดตามปัญหาน้ำท่วมในชุมชนอย่างต่อเนื่อง โดยได้ลงพื้นที่จำนวน 40 ครัวเรือน ได้แก่ ชุมชนโนนงาม, ชุมชนหนองหมู, ชุมชนหนองบัว, ชุมชนศรีสำราญ และ ชุมชนสะพานขาว

***ดร.สิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกสำนักนายก เปิดเผยว่า ตอนนี้ในส่วนเหตุอุทกภัยทาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี วันนี้ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือ คอภ. ซึ่งศูนย์นี้จะช่วยอำนวยกาบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งจะมีการทำงานแบบบูรณาการร่วมกับหน่วยงานาต่างๆ โดยศูนย์นี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จะนั่งเป็นประธานศูนย์เอง

***นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ตั้ง ศูนย์ปฏิบัติหารช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือเรียกว่า ศชภ. ซึ่งจะมี นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธานศูนย์ โดยทั้งสองศูนย์จะทำหน้าที่บูรณาการร่วมกันกับส่วนราชการต่างๆ เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของ

พี่น้องประชาชา ร่วมถึงเรื่องเงินเยี่ยวยาผู้ประภัย ที่เมื่อก่อนจะพบว่ามีปัญหาความล่าช้ามาโดยตลอด มาครั้งนี้ทางรัฐบาลจึงเห็นความสำคัญในจุดนี้ จะเร่งรัดเบิกจ่ายเงินเยี่ยวยาให้กับพี่น้องประชาชน โดยไม่ต้องให้พี่น้องประชาชนไปรอเป็นครึ่งปี หรือ หนึ่งปี ถึงจะได้เงินเยี่ยวยา
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯสมุทรปราการ เป็นประธานเปิดงานประเพณีรับบัว หนึ่งเดียวในโลก

แชร์เนื้อหานี้

นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานเปิดงานประเพณีรับบัว ประจำปี 2568 สืบสานอัตลักษณ์ท้องถิ่น ประเพณีหนึ่งเดียวในโลก แห่งเดียวในประเทศไทย สืบสานประเพณีท้องถิ่นของอำเภอบางพลี

วันที่ 3 ตุลาคม 2568 นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานเปิดงานประเพณีรับบัว ประจำปี 2568 ณ วัดบางพลีใหญ่ใน พระอารามหลวง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อสืบสานประเพณีท้องถิ่นของอำเภอบางพลี ตลอดจนเพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวของจังหวัดสมุทรปราการ

ประเพณีรับบัว เป็นประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณของชาวอำเภอบางพลี ที่แสดงถึงความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนต่างถิ่นที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในอำเภอบางพลี และแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิต ความผูกพันกับสายน้ำของชาวอำเภอบางพลี ที่มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ประเพณีรับบัว อำเภอบางพลี

ได้รับการประกาศเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติโดยกระทรวงวัฒนธรรม ประเพณีรับบัว จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 6 ตุลาคม 2568 จะมีการอัญเชิญหลวงพ่อโตจำลอง ลงเรือแห่ไปตามลำคลองสำโรง เพื่อให้ประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณสองฝั่งคลอง และที่มาร่วมพิธีได้ร่วมสักการบูชา

โดยการโยนดอกบัวลงไปในเรือที่องค์หลวงพ่อโตประดิษฐานอยู่ มีความเชื่อกันว่า หากสามารถโยนดอกบัวลงไปในเรือที่องค์หลวงพ่อโตประดิษฐานอยู่ได้แล้ว อธิษฐานสิ่งใดไว้ก็จะประสบความสำเร็จดังหวังทุกอย่าง

สำหรับหลวงพ่อโตวัดบางพลีใหญ่ใน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย (ปางสะดุ้งมาร) ศิลปะสมัยสุโขทัย ลักษณะเบิกเนตร ขัดสมาธิ ขนาดหน้าตักกว้าง 3 ศอก 1 คืบ ตามตำนานกล่าวว่า ประมาณ 200 กว่าปี

หลวงพ่อโตลอยน้ำมาจากทางเหนือ พร้อมหลวงพ่อพุทธโสธร และหลวงพ่อบ้านแหลม โดยหลวงพ่อโตลอยเข้ามาตามคลองสำโรง ชาวบ้านได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐาน ณ วัดบางพลีใหญ่ใน พระอารามหลวง เป็นที่เคารพบูชาของชาวจังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดใกล้เคียง


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ปฏิบัติการทดสอบยิงพลุปรับสภาพอากาศขึ้นสู่ท้องฟ้าแก้ไขปัญหาภัยแล้วให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 ครั้งแรกในประเทศ เปิด ปฏิบัติการทดสอบ พลุปรับสภาพอากาศฝนหลวง โดยกรมฝนหลวง และการบินเกษตรจับมือกองทัพอากาศ ทำวิจัย ใช้พลุปรับสภาพอากาศแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้ประชาชน

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 3 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาวาอากาศโท สุรสิทธิ์ วารี หัวหน้าแผนก 2 กองโรงงานสรรพาวุธ 4 กรมสรรพาวุธทหารอากาศ นาวากาศตรี นรพงษ์ เอกหาญกมล รอง หน.ผวรบ.กสย.ศวอ.ทหารอากาศ นายปิ่นพงษ์ คงชนะ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้

นางสาวอรุณโรจน์ ศรีเจริญโชติ นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมฝนหลวง ฯ และ ทหารอากาศ ได้ร่วมปฏิบัติการทดสอบยิงพลุปรับสภาพอากาศขึ้นสู่ท้องฟ้า ที่ ด้านบนของ ยอดเขาป่าชุมชนหมู่ที่ 2 บ้านห้วยใหญ่ ตำบลสองพี่น้องอำเภอท่าแซะจังหวัดชุมพร

โดยการประสานงานจาก สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดชุมพร อำเภอท่าแซะ เขต 3 ได้รับความร่วมมือจาก นายปรีชา มีสุวรรณ นายก อบต.สองพี่น้อง นายนิยม คล้ายอักษร ส.อบต.ม.2 น.ส.ปุญญิศา บัวเกิด ผญบ.ม.2 ผช.ผญบ. และ คณะกรรมการหมู่บ้าน ผู้นำชุมชนเป็นอย่างดี

การดำเนินงานในวันนี้ชุดปฏิบัติการได้ยิงพลุ จำนวน 20 ลูกพร้อมกันในเวลา 10.20 น.ขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อให้เมฆรวมตัวกัน สามารถดำเนินการได้สำเร็จ โดยใช้เครื่องบินกรมฝนหลวง ฯ วัดสภาพอากาศก่อนการปฏิบัติงาน ในขณะปฏิบัติงาน และหลังปฏิบัติงาน เพื่อเก็บความชื้นในอากาศเทียบเคียงกับการใช้แท่นตรวจอากาศเคลื่อนที่วิเคราะห์อากาศพื้นล่าง ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน ห่างจากจุดยิงพลุประมาณ 3 กม.วิเคราะห์ร่วมกับการบินตรวจอากาศตามหลักวิชาการของกรมฝนหลวง

นาวาอากาศโท สุรสิทธิ์ วารี หัวหน้าแผนก 2 กองโรงงานสรรพาวุธ 4 กรมสรรพาวุธทหารอากาศ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ยิงพลุดัดแปลงสภาพอากาศ ทำหน้าที่ส่งสารแคลเซียมคลอไรด์ ขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมกันจำนวน 20 ลูก ที่ความสูงประมาณ 1,500 ฟุต จากฐานยิงบนยอดเขา เชื่อว่าผลการวิจัยในครั้งนี้จะสำเร็จได้ ซึ่งกองทัพอากาศเกิดความภูมิใจที่ได้ร่วมกับกรมฝนหลวง ซึ่งจะแก้ไขปัญหาภัยแล้วให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่างๆได้

ด้านนายนพรัตน์ สัมฤทธิ์ กรรมการป่าชุมชนบ้านห้วยใหญ่ เปิดเผยว่า จุดชมวิวป่าชุมชนบ้านห้วยใหญ่ มีความสูง 1,053 ฟุต มีการอนุรักษ์ต้นไม้ขนาดใหญ่ไว้จำนวนมาก ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญ โดยในช่วงเทศกาลต่างๆจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นมากางเต็นท์ ชมธรรมชาติทะเลหมอกในช่วงเช้า มีความชื้นสูง จึงเหมาะที่จะเป็น จุดที่จะ ทดสอบยิงพลุปรับสภาพอากาศ ซึ่งเชื่อว่าโครงการนี้ จะมีประโยชน์มาก ในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดชุมพรและไกล้เคียง

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / งานบุญสืบสานประเพณี “เทศน์มหาชาติ 73 พรรษา” และห่มผ้าพระธาตุ ประจำ12 นักกษัตริย์ และพระธาตุสำคัญ อีก 8 แห่ง

แชร์เนื้อหานี้

🔹สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพและร่วมงานบุญสืบสานประเพณี “เทศน์มหาชาติ 73 พรรษา” และห่มผ้าพระธาตุ ประจำ12 นักกษัตริย์ และพระธาตุสำคัญ อีก 8 แห่ง

🔹พบกับมหกรรมอาหารอร่อยจากครัวคุณต๋อย
🔹โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และหารายได้สมทบกองทุนร่วมใจสงเคราะห์ชุมชน สนับสนุนการดำเนินงานของสภาสังคมสงเคราะห์ฯ และช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนทั่วประเทศ

🔹โดยมี ร้อยตำรวจโท ดร. มนัส โนนุช ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ เป็นประธานในพิธี
🔹ดร.วรรณปรียา โลหะวัฒนะกุล เป็นประธานจัดงาน และร่วมกับคณะทำงานทุกท่าน
🔹ในวันพุธที่ 1 – วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม2568

ณ ห้องประชุมชั้น 3 ตึกนวมหาราช สภาสังคมสงเคราะห์ฯ
🔹ติดต่อสอบถามรายละเอียด ที่สำนักหารายได้
โทรศัพท์ 095 – 958 – 2849 สภาสังคมสงเคราะห์

คณะผู้บริหาร สภาสังคมสงเคราะห์ฯ ร่วมเป็นเจ้าภาพ เทศน์มหาชาติ กัณฑ์ที่ 7 กัณฑ์มหาพน12:39 Aoi ๕๖๕ ♾📡📸 1 ตุลาคม 2568 : 11.00-12.00 น. สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

โดย ร.ต.ท.ดร.มนัส โนนุช ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ มอบหมายให้ พ.ต.ศิริชัย ทรัพย์ศิริ กรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์ฯ/นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล,ร.อ.พนม เปียอยู่ ประธานที่ปรึกษาเครือข่ายทหารผ่านศึกเพื่อความมั่นคง อ.ท่าวุ้ง,นางถุงเงิน เพ็ชรเจริญสุข ประธาน อสม.ม.5 ต.บางลี่ และคณะ :

ลงพื้นที่มอบทุนการศึกษากรณีเรียนพิเศษสำหรับเด็กยากจน พร้อมมอบชุดเยี่ยมให้กับนักเรียนยากจน คนพิการ ผู้สูงอายุ [อายุ 100 ปี] และผู้ยากไร้ จำนวน 3 ราย ในพื้นที่ ต.บางลี่ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี*** ขอขอบคุณผู้ร่วมบริจาค มา ณ โอกาสนี้เป็นอย่างสูง ดังรายนามต่อไปนี้ ***- สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล : บริจาคชุดเยี่ยม จำนวน 3 ชุด

– น.ส.เจนจิรา เอี่ยมแจ่ม : บริจาคทุนการศึกษากรณีเรียนพิเศษสำหรับเด็กยากจน จำนวน 1 ทุน#สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ #สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล#ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่1 #ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่4#เครือข่ายทหารผ่านศึกเพื่อความมั่นคงอำเภอท่าวุ้น



สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / แถลงข่าวประเพณีแข่งเรือชิงถ้วยพระราชทานฯและพิธีสู่ขวัญเรือ ประจำปี พ.ศ. 2568 จังหวัดน่าน

แชร์เนื้อหานี้

วันอังคารที่ 30 กันยายน 2568 เวลา 17.00 น. ณ บริเวณข่วงเมืองน่าน จังหวัดน่าน โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดน่าน ได้จัดงานแถลงข่าวและพิธีสู่ขวัญเรือ เพื่อเตรียมการจัดงานประเพณีแข่งเรือชิงถ้วยพระราชทานฯ จังหวัดน่าน ประจำปี 2568

โดยมีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 18-19 ตุลาคม 2568 ณ ริมน้ำน่าน เชิงสะพานพัฒนาภาคเหนือ จังหวัดน่าน โดยมี พระราชนันทวัชรบัณฑิต รศ.ดร. รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน เจ้าอาวาสวัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง

พร้อมด้วย นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นางภัทรภร ชัยวัฒนกุล วัฒนธรรมจังหวัดน่าน นายสุรพล เธียรสูตรนายกเทศมนตรีเมืองน่าน และ นายราเชนทร์ กาบคำ นายกสมาคมเรือแข่งจังหวัดน่าน

ร่วมการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน พร้อมกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้ร่วมประกอบพิธีสู่ขวัญเรือควบคู่กับงานแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย ซึ่งเป็นพิธีกรรมดั้งเดิมที่มีความสำคัญสืบทอดกันมาแต่โบราณ เพื่อเป็นการบูชาแม่น้ำน่านและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจน

เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่เรือแข่ง ฝีพายและชุมชน โดยพิธีดังกล่าว ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่ฤดูกาลแข่งขันเรือประเพณีของจังหวัดน่านในปีนี้ สำหรับงานประเพณีแข่งเรือชิงถ้วยพระราชทานฯ จังหวัดน่าน

นับเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่และทรงคุณค่า สืบสานประเพณี แห่งสายน้ำ ความศรัทธาในพระพุทธศาสนา การสร้างความสามัคคีในชุมชน และความผูกพันของผู้คนกับสายน้ำน่าน โดยในปี 2568 นี้ ได้รับพระราชทานถ้วยรางวัลอันทรงเกียรติแก่ทีมเรือผู้ขนะการแข่งขัน ซึ่งนับเป็นเกียรติยศสูงสุดแก่ชาวน่าน

โดยมีกิจกรรมสำคัญที่จะดำเนินการในปีนี้ ประกอบด้วย งานประเพณีแข่งเรือ ตานก๋วยสลาก ณ วัดพระธาตุแซ่แห้ง พระอารามหลวง ระหว่างวันที่ 4-5 ตุลาคม 2568 การประกวดการแกะสลักเรือจำลอง

วันที่ 10 ตุลาคม 2568 ณ บริเวณข่วงเมืองน่าน (ข่วงน้อย) การประกวดเรือสวยงาม การแสดงศิลปะ ความประณีตและภูมิปัญญาชาวน่าน และการแข่งขันเรือใหญ่โอเพ่น ชิงถ้วยพระราชทานฯ ซึ่งเป็นไฮไลท์สำคัญของงานในปีนี้

นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ นับเป็นการผสานพลังของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและชุมชนท้องถิ่น เพื่อน้อมสืบสานประเพณีเก่าแก่คู่เมืองน่าน พร้อมทั้งมุ่งมั่นให้เป็นเวทีแห่งการสร้างความสามัคคี ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

สร้างสรรค์ในระดับจังหวัดและภูมิภาค อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่มั่นคงและยั่งยืนจังหวัดน่าน จึงขอเชิญชวนที่น้องประชาชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวทั้งขาวไทยและต่างประเทศ มาร่วมสัมผัสบรรยากาศการแข่งขันอันอื่น สนุกสนาน และร่วมสืบสานประเพณีแห่งสายน้ำ

ระหว่างวันที่ 18-19 ตุลาคม 2568 ณ ริมแม่น้ำน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดน่าน โทร: 054-711-650 Email: saraban-nan@m-culture.go.th/บุญยวค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน