คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าว

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ก.ธ.จ.น่าน ติดตามแผนงานปี 2567 พร้อมพิจารณาคัดเลือกแผนงาน/โครงการเพื่อสอดส่อง ประจำปี 2568

แชร์เนื้อหานี้


เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 น. ที่ ห้องประชุมเจ้ามหาพรหมสุรธาดา ชั้น 6 ศาลากลางจังหวัดน่าน นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 16 ในฐานะประธานคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดน่าน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดน่าน ครั้งที่ 3/2567 เพื่อติดตามการดำเนินงานและพิจารณาแนวทางสอดส่องแผนงาน/โครงการ รวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2567

ของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดน่าน (ก.ธ.จ.) พร้อมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางในการสอดส่องโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 พร้อมทั้งคัดเลือกแผนงาน/โครงการเพื่อสอดส่องประจำปี 2568 โดยในเบื้องต้นในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดน่าน ได้คัดเลือกโครงการ/กิจกรรมจำนวน 10 กิจกรรม/โครงการ จาก 9 หน่วยงานในการติดตามสอดส่องการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัด

สำหรับปีงบประมาณ 2568 จังหวัดน่านได้รับการจัดสรรงบประมาณ แบ่งเป็นงบประมาณจากแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 จำนวน 3 โครงการ วงเงิน 8,070,460 บาท และจากแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดน่าน จำนวน 7 โครงการ วงเงิน 230,521,900 บาท

นายอิทธิพลกล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการต่างๆ ในขณะนี้ยังอยู่ในระยะเตรียมการรอการอนุมัติดำเนินการ แต่เมื่อเริ่มขับเคลื่อนโครงการแล้ว คณะกรรมการควรเข้าไปสังเกตการณ์และสอดส่องอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการสร้างหลักธรรมาภิบาลและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความมั่นใจในแผนงานของภาครัฐ เพื่อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างโปร่งใสและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง

/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / อุบัติเหตุทางน้ำวันลอยกระทงเป็น”ศูนย์” สร้างภาพลักษณ์ “เมืองไทยปลอดภัย” ให้นักท่องเที่ยว

แชร์เนื้อหานี้

นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (ด้านความปลอดภัย) เปิดเผยถึงอุบัติเหตุทางน้ำวันลอยกระทงเป็นศูนย์ว่า จากศูนย์ปฏิบัติการควบคุมความปลอดภัยและการจราจรทางน้ำ กรมเจ้าท่า (ศปก.จท.) สรุปรายงานสถิติอุบัติเหตุทางน้ำ วันลอยกระทง วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ไม่พบมีอุบัติเหตุทางน้ำ เหตุการณ์โดยรวมปกติ

จากการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางทางน้ำ “เทศกาลวันลอยกระทง” โดยแบ่งเป็นส่วนกลาง แม่น้ำเจ้าพระยา เรือด่วนเจ้าพระยา ให้บริการ 46 เที่ยว ผู้โดยสาร 5,547 คน เรือทัวริสต์โบ๊ทให้บริการ 60 เที่ยว ผู้โดยสาร 3,126 คน เรือไฟฟ้าเจ้าพระยา ให้บริการ 82 เที่ยว ผู้โดยสาร 3,620 คน เรือโดยสารข้ามฟาก ให้บริการ 924 เที่ยว ผู้โดยสาร 24,351 คน เรือภัตตาคาร ให้บริการ 36 เที่ยว ผู้โดยสาร 7,100 คน คลองแสนแสบ เรือโดยสารคลองแสนแสบ ให้บริการ 87 เที่ยว ผู้โดยสาร 7,141 คน ส่วนภูมิภาค เรือโดยสาร ให้บริการ 3,503 เที่ยว ผู้โดยสาร 162,811 คน รวมเรือโดยสารทั้งประเทศ ให้บริการ 4,738 เที่ยว ผู้โดยสาร 213,696 คน

ทั้งนี้ จากมาตรการด้านความปลอดภัยทางน้ำ กรมเจ้าท่า ในช่วงวันลอยกระทง ได้จัดเรือตรวจการณ์พร้อมเจ้าหน้าที่ออกตรวจตราความปลอดภัย ทั้งในแม่น้ำเจ้าพระยา และคลองแสนแสบ พบว่ามีผู้ใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยา เรือไฟฟ้า MINE Smart Ferry เรือโดยสารข้ามฟาก มีปริมาณบางเบา เรือโดยสารให้บริการตามรอบการเดินเรือ สามารถระบายผู้โดยสารได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดเรือตรวจการณ์และเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนตามท่าเรือต่างๆ ตรวจสอบความพร้อมของเรือโดยสาร ท่าเรือโดยสาร และคนประจำเรือ รวมทั้งอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆ ก่อนออกเดินเรือ ตามมาตรการความปลอดภัยที่กรมเจ้าท่ากำหนด

ในส่วนภูมิภาคเขต 1–7 มีการจัดตั้งจุดอำนวยความสะดวก พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ในการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการตามท่าเรือต่างๆ ตรวจสอบความพร้อมของเรือโดยสาร ท่าเรือโดยสาร และคนประจำเรือ รวมทั้งอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆ ก่อนออกเดินเรือ ตามมาตรการความปลอดภัย รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ควบคุมเรือคอยติดตามรายงานสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด

ด้าน พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ประธานอนุกรรมาธิการความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและการกีฬา กล่าวถึงอุบัติเหตุทางน้ำช่วงวันลอยกระทงปีนี้เป็นศูนย์ เกิดจากหลักการที่ทุกองค์กรให้ความสำคัญ นำไปปฏิบัติใช้ เพื่อให้ทุกกิจกรรมความปลอดภัยไร้ซึ่งอุบัติเหตุ หรือทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุเลย เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วย่อมส่งผลกระทบตามมาหลายอย่าง ตั้งแต่บาดเจ็บไปจนถึงการสูญเสียชีวิต แล้วยังส่งผลกระทบต่อรายได้ของประเทศที่พึ่งพิงภาคการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ขอขอบคุณ ทุกภาคส่วน ทุกหน่วยงาน ที่มุ่งมั่นป้องกันภาพลักษณ์ของประเทศ ผ่านการวางแผนและบริหารจัดการความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นศูนย์ โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์์เพ็ชร ผบ.ตร. ที่ท่านสั่งการให้ตำรวจน้ำ ตำรวจท้องที่ รวมทั้งกรมเจ้าท่า ช่วยเฝ้าระวังป้องกันเหตุไม่ให้เกิดกับนักท่องเที่ยว

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / งาน “NAN Bamboo Design Showcase 2024 “ยกระดับผลิตภัณฑ์ไผ่น่าน/จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมสิริมงคล เปิด หอการค้าแห่งใหม่ จ.น่าน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18.00 น. ณ ช่วงเมืองน่าน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นางวจิราพรอมาตยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่านพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐเอกชนและประชาชน ผู้ประกอบกิจการผลิตภัณฑ์ไผ่ เข้าร่วมในพิธีเปิดสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดน่าน จัดงาน Bamboo Design Showcase 2024 ” กิจกรรมแสดงผลงานผลิตภัณฑ์ต้นแบบ และทดสอบตลาดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน กิจกรรมหลักการแปรรูปผลิตภัตภัณฑ์ไผ่ ไม้ไผ่ เพื่อเพิ่มมูลค่ากิจกรรมย่อยพัฒนาอุตสาหกรรมไผ่เพื่อเชื่อมโยงตลาด โครงการเพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการค้าการลงทุน และผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาชุมชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นางวจิราพร อมาตยกุล กล่าวว่า จังหวัดน่านที่มีพื้นที่เกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่มีผลผลิตทางการเกษตรเป็นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเกษตรกรผู้ปลูกไผ่ และผู้ประกอบการธุรกิจไผ่ ดังนั้นการพัฒนาอุตสาหกรรมไผ่สู่อนาคตที่ยั่งยืน การส่งเสริมการปลูกไผ่ในจังหวัดน่าน จะเป็นการผลักดันไผ่ให้เป็นไม้เศรษฐกิจอุตสาหกรรมครบวงจรของประเทศไทย ตลอดจนจะเป็นการเพิ่มพื้นที่การปลูกไผ่เศรษฐกิจ สร้างป่า แก้ปัญหาเขาหัวโล้นในจังหวัดน่านและพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป ทั้งนี้ยังก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีแก่เกษตรกร ให้มีความมั่นใจในการผลิตไผ่แบบครบวงจร เกิดการรวมกลุ่มสร้างคลัสเตอร์ ซึ่งจะสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไผ่ ตลอดจนได้แนวทางผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมไม้ไผ่ที่สามารถดำเนินการได้ถูกต้องตามกฎหมาย และเข้ากับบริบทสภาพพื้นที่ของจังหวัดน่าน รวมทั้งช่วยสร้างความยั่งยืน ทางด้านเศรษฐกิจสังคม สิ่งแวดล้อม

ซึ่งรัฐบาลได้มึนโยบายในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมไผ่ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำโดยเน้นการพัฒนาวัตถุดิบและกระบวนการผลิตให้มีมาตรฐาน มีคุณภาพสูง ส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมใหม่ เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ไผในพื้นที่จังหวัดน่าน เนื่องจากการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ในระดับวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม (SME) พบว่ายังอยู่ในระดับการแปรรูปชั้นต้น ราคาถูก หากมีการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยการออกแบบอย่างสร้างสรรค์และใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ จะทำให้มีการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและจังหวัดในภาพรวมมากยิ่งขึ้น

จังหวัดน่านจึงได้มอบหมายให้สำนักงานอุตสาหกรรม ดำเนินโครงการเพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการค้า การลงทุน และผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาชุมชน กิจกรรมหลักการแปรรูปผลิตภัณฑ์ไผ่ ไม้ไผ่เพื่อเพิ่มมูลค่ากิจกรรมย่อยพัฒนาอุตสารรมไผ่ เพื่อเชื่อมโยงตลาด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งเป็นการจัดงานเป็นปีแรกของอุตสาหกรรมไผ่น่าน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาตกลางและขนาดย่อม (SME) และวิสาหกิจชุมชนในกลุ่มอุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ สร้างรายได้ให้แก่ในกลุ่มอุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่านเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนส่งเสริมและพัฒนาด้านการตลาดของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน ให้เกิดช่องทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น

ด้านอุตสาหกรรมจังหวัดน่าน (นางสาวนิลเนตร โลหะพจน์พิลาศ) ได้กล่าวถึงกิจกรรมของโครงการที่ได้ดำเนินการไปประกอบไปด้วย การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคลัสเตอร์อุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน โดยการสัมมนาเชิงปฎิบัติการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน ให้แก่ของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไผ่ในจังหวัดน่าน และการจัดศึกษาดูงานนอกสถานที่เพื่อเสริมสร้างทักษะในการบริหารจัดการเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน ทั้งเพื่อเป็นการลงพื้นที่ให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกกับการออกแบบและพัฒนารูปแบบผลิต ภัณฑ์ เพื่อจัดทำผลิตภัณฑ์ต้นแบบ จำนวน 15 ราย โดยให้มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนารวมไม่น้อยกว่า 30 ผลิตภัณฑ์ และ การจัดแสดงผลงานผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่ได้รับการพัฒนา พร้อมทดสอบตลาดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน

สำหรับการจัดงาน “NAN Bamboo Design Showcase 2024” กิจกรรมจัดแสดงผลงานผลิตภัณฑ์ต้นแบบและทดสอบตลาดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรรมไผ่จังหวัดน่าน เป็นกิจกรรมสุดท้ายของโครงการ กำหนดจัดในระหว่างวันที่ 8 – 10 พฤศจิกายน 2567 ณ บริเวณลานช่วงเมืองน่าน จังหวัดน่านทั้งนี้เพื่อนำผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 30 ผลิตภัณฑ์ มาจัดแสดงเพื่อทำการทดสอบตลาด โดยการจัดทำแบบสอบถามผู้เข้าร่วมซมงานเป็นรายผลิตภัตภัณฑ์ และนำข้อมูลที่ได้มาประมวลวิเคราะห์ในเชิงสถิติ และสรูปผลนำเสนอแก่เจ้าของผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นข้อมูลในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาดต่อไป

นอกจากนี้ยังกิจกรรมในงาน ได้แก่ การจัดการเสวนาเรื่อง “ไผ่น่าน ทำอย่างไรให้ยั่งยืน” โดยวิทยากรผู้เชียวชาญด้านไผ่จากภาครัฐและเอกชน การมอบประกาศนีย บัตรแก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ การจำหน่ายผลิตลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ และการดนตรีเพื่อความบันเป็นประจำทุกวัน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน



หอการค้าจังหวัดน่านจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมสิริมงคล เปิดที่ทำการสำนักงานหอการค้าแห่งใหม่ จังหวัดน่าน ภาระกิจส่งเสริมเศรษฐกิจด้านการค้าชายแดน การท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัดน่าน


เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00น. ณ สำนักงานหอการค้าจังหวัดน่าน โครงการน้ำทองน่าน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นายบรรจง ขุนเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมสิริมงคล พร้อมทั้งแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมอย่างคับคั่ง ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในวาระสมัยคุณศรีรุ่ง รัตนศิลา ประธานหอการค้าจังหวัดน่าน และคุณกัลย์ชฎารัตน์ ปัญญาวงค์ ประธานกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC หอการค้าจังหวัดน่าน

หอการค้าจังหวัดน่าน ได้ดำเนินการจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมสิริมงคล เปิดที่ทำการสำนักงานหอการค้าจังหวัดน่าน โดยได้รับเกียรติจากคุณสมบัติ ชินสุขเสริม รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยล, คุณหัสนัย แก้วกุล ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 , คุณศรีรุ่ง รัตนศิลา ประธานหอการค้าจังหวัดน่าน ตัดริบบิ้นเปิดอาคารที่ทำการสำนักงานหอการค้าจังหวัดน่าน 990/16 หมู่ 4 ต.ไชยสถาน อ.เมือง จ.น่าน ทั้งนี้ได้รับเกียรติจากหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน สมาชิก และ YEC หอการค้าจังหวัดน่าน มาแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง


หอการค้าจังหวัดน่านได้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2527 (อายุ 40 ปี) เป็นหนึ่งในองค์ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดน่านมาอย่างยาวนาน โดยมีภาระกิจหลัง ส่งเสริมเศรษฐกิจด้านการค้าชายแดน การท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัดน่าน เพื่อมุ่งเน้นยกระดับศักยภาพการค้าในจังหวัดน่านให้ดียิ่งขึ้น/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/วิสุทธิ์ ศรีเมือง รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รมช.มท.2 เปิดจุดบริการน้ำดื่มสะอาด ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ชาวบ้าน

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 16 พ.ย.ที่สำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สาขาบึงกาฬ ถนนบึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2)เป็นประธานเปิดโครงการ “น้ำดื่มสะอาด Mini Staton” ซึ่ง การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ขับเคลื่อนภารกิจตอบสนองนโยบายกระทรวงมหาดไทย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตชาวบึงกาฬ ให้เข้าถึงน้ำประปาคุณภาพสะอาดปลอดภัยในราคาประหยัด

โดยมี นายสยาม เพ็งทอง ส.ส.บึงกาฬ เขต 1นายพรพจน์ เพ็ญพาส ประธานกรรมการ กปภ.และคณะกรรมการบริหาร กปภ. นายจักรพงศ์ คำจันทร์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค นายจุมพฏ วรรณฉัตรศสิริ ผวจ.บึงกาฬ นายนคร ศิริปริญญานันท์ รอง ผวจ.นายวินัย โตเจริญ รอง ผวจ. นายนายราชันย์ วะนาพรม นายกเทศมนตรีเมืองบึงกาฬ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารและพนักงาน เจ้าหน้าที่ กปภ.สาขาบึงกาฬ ประชาชน ให้การต้อนรับนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย เปิดเผยว่า กปภ.

เป็นหน่วยงานที่ให้บริการน้ำประปาโดยคำนึงถึงถึงประโยชน์และสุขอนามัยของประชาชนเป็นสำคัญ ซึ่งโครงการ “น้ำดื่มสะอาด Mini Station” นอกจากช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือนแล้ว ยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้มีสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2567 การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ได้เร่งดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งจุดบริการน้ำดื่มสะอาด Mini Station แล้วเสร็จจำนวน 10 แห่ง

ได้แก่ กปภ.สาขาข้าบ้านฉาง พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ทุ่งสง สตูล น้ำพอง บึงกาฬ บุรีรัมย์ นางรอง และอุทัยธานี โดยใช้เทคโนโลยีรีเวิร์สออสโมซิส (RO) ในกระบวนการผลิตน้ำดื่ม และฆ่าเชื้อด้วยรังสีอัลตร้าโวโอเลต (UV) ด้วยกำลังการผลิต 2,000 ลิตร/ชั่วโมง จึงมันใจได้ว่าสามารถอุปโภคบริโภคได้อย่างปลอดภัย สำหรับแผนการดำเนินงานในปัจจุบัน กปภ. ตั้งเป้าหมายก่อสร้างและติดตั้ง Mini Station ให้ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการยิ่งขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนคือให้ทุกคนเข้าถึงน้ำดื่มที่ปลอดภัยและมีราคาสาสามารถซื้อหาได้

นายจักรพงศ์ คำจันทร์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการน้ำดื่มสะอาด Mini Staton เป็นการนำความเชี่ยวชาญของ กปภ.มาสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนโดยตรง ด้วยการผลิตน้ำดื่มคุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงน้ำดื่มสะอาด และช่วยบรรเทาภาภาระค่าครองชีพประชาชน โดยประชาชนสามารถนำรถบรรทุกน้ำดื่มหรือภาชนะบรรจุน้ำดื่มมารับบริการได้ที่สำนักงาน กปภ.สาขาบึงกาฬ จ.บึงกาฬ

นอกจากนี้ กปภ. ได้ตอบสนองนโยบาย “น้ำดื่มสะอาด บริการประชาชน” ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยดำเนินโครงการน้ำประปาดื่มได้ร่วมกับกรมอนามัยประกาศรับรองพื้นที่น้ำประปาดื่มได้แล้ว 264 แห่ง และโครงการตู้กดน้ำดื่มสะอาดฟรี ซึ่งจะขยายผลให้ครบทั้ง 234 สาขาทั่วประเทศต่อไป

นายทรงศักดิ์ ทองศรี กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการ น้ำดื่มสะอาด Mini Staton นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้การประปาส่วนภูมิภาคดำเนินการจัดหาน้ำดื่มสะอาดให้กับประชาชน ลดค่าใช้จ่าย เรามีเป้าหมายกันทำทั้งประเทศ ทั้งหมด 234 สาขา แต่ว่าในเบื้องต้นปีนี้ จะมีการ Kick Off ไป 10 จังหวัด/สาขา แต่ในโอกาสต่อไปก็จะมีการทำให้ครอบคลุมไปทั้งหมดทั่วประเทศ ทั้งในส่วนความรับผิดชอบของการประปาส่วนภูมิภาคด้วย

แต่เป็นพื้นที่การประปาส่วนภูมิภาคไปให้บริการ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงน้ำประปาน้ำสะอาดดื่มได้ในราคาที่ประหยัด เบื้องต้นตอนนี้ยังไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ในอนาคตอาจจะมีบ้าง อยู่ระหว่างการประเมินว่าต้องคิดในอัตราเท่าไหร่ให้เกิดความเหมาะสม ประหยัด และลดต้นทุนให้กับประชาชนในการใช้จ่ายในครัวเรือนต่อไป โดยการใช้บริการน้ำดื่มสะอาด Mini Station ที่ด้านหน้า กปภ.สาขาบึงกาฬ ช่วงแรกนี้ เปิดให้พี่น้องประชาชนมาใช้บริการในวันและเวลาราชการ แต่ในอนาคตการพัฒนาจะทำให้ประชาชนสามารถดำเนินการรับบริการน้ำดื่มได้ด้วยตนเองเลย

โดย มท.2 กล่าวยืนยันว่า น้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาคโดยปกติดื่มได้อยู่แล้ว แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจขึ้นมา เราจึงมีระบบที่มีมาตรฐานขึ้นมาอีกระดับ ซึ่งมีมาตรฐานเกินองค์การอนามัยโลกไปแล้ว ด้วยระบบเทคโนโลยีรีเวิร์สออสโมซิส (RO) เพื่อให้ลดต้นทุนในการดำเนินการ เราใช้พลังงานสะอาด คือ พลังงานแสงอาทิตย์นำมาใช้ในการทำงานระบบเครื่องกรองน้ำโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้าปกติ
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / “นครพนมโมเดล” ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด/ อบรมสัมมนาศูนย์ประสานงานพรรคเสรีรวมไทย​ จ.อำนาจเจริญ /นทท.ร้อง ตม.มุกดาหาร เรียกเก็บค่าล่วงเวลาแต่ไม่ออกใบเสร็จให้

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 15.49 น. ที่ห้องประชุม ชั้น 5 พระธาตุพระธาตุพนม ศาลากลาง จังหวัดนครพนม พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2/ ผู้บัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ผบ.นบ.ยส.24) และพลตำรวจเอกไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ, พลตำรวจโทสยาม บุญสม จเรตำรวจ, พลตำรวจโทอุดร ยอมเจริญ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ,

พลตำรวจตรีณัฐนนท์ ประชุม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4, นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ร่วมประชุมบูรณาการติดตามการปฏิบัติงานตามนโยบายข้อสั่งการการป้องกันยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่จังหวัดนครพนม โดยรับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานของส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการป้องกันยาเสพติด การสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด การแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ การบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยจิตเวชจากการใช้ยาเสพติด การสร้างอาชีพให้กับผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟู การสนับสนุนและการแก้ไขปัญหายาเสพติดและการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อรับทราบข้อมูล สถานการณ์ในพื้นที่ ปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งได้มอบแนวทางการปฏิบัติ การแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเน้นการบูรณาการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นรูปธรรม เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาล

พลตำรวจเอก ไกรบุญ ทรวดทรง เจรตำรวจแห่งชาติ แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 นายกรัฐมนตรี ได้ปฏิบัติราชการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อติดตามงานตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมเป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังปัญหาด้านการป้องกัน ปราบปรามยาเสพติด และกระบวนการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด สั่งการและกำหนดรูปแบบในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดและจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งกำหนดขยายพื้นที่เป็นพื้นที่ต้นแบบ นำร่อง 10 จังหวัด (เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ ระยอง สกลนคร นราธิวาส ปทุมธานี อุทัยธานี นครพนม นครศรีธรรมราช และจังหวัดตรัง)


“เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามรูปแบบ “ธวัชบุรีโมเดล” จึงได้จัดประชุมคณะกรรมการ ศอ.ปส.จ.นครพนม เพื่อมอบแนวทางการดำเนินการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามรูปแบบ “ธวัชบุรีโมเดล” ที่เคยได้ดำเนินการในจังหวัดร้อยเอ็ด รวมทั้งเพื่อร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดนครพนม ซึ่งได้มีการชี้แจงให้ที่ประชุมทราบวัตถุประสงค์กรอบอำนาจหน้าที่คณะกรรมการร่วมแก้ไขปัญหาในพื้นที่ และแนวทางการดำเนินการในพื้นที่เพื่อให้ประชาชนมีความสุข โดยได้มีการพิจารณาการมอบหมายหน้าที่และแบ่งมอบพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายต่อไป”

ทั้งนี้ ในการประชุมฯ ได้มีการนำเสนอโดยการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานของส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการป้องกันยาเสพติด การสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด การแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ การบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยจิตเวชจากการใช้ยาเสพติด การสร้างอาชีพให้กับผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟู การสนับสนุนและการแก้ไขปัญหายาเสพติดและการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อรับทราบข้อมูล สถานการณ์ในพื้นที่ ปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งได้มอบแนวทางการปฏิบัติ การแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเน้นการบูรณาการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นรูปธรรม เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดความเดือดร้อนจากปัญหายาเสพติดให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ซึ่งจังหวัดนครพนมได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24)

เพื่อให้เกิดการดำเนินการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ อนึ่ง จังหวัดนครพนม จะยกระดับการแก้ไขปัญหายาเสพติด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ใช้รูปแบบ ‘ธวัชบุรีโมเดล’ มาเป็นแนวทางในการดำเนินการและกำหนดขั้นตอนดำเนินการไว้ 5 ขั้นตอน ประกอบด้วย ขั้นเตรียมการ ขั้นปฏิบัติการ ขั้นส่งต่อ ความยั่งยืน ขั้นทบทวนหลังการปฏิบัติ และขั้นขยายผลไปพื้นที่อื่น

รวมทั้งยังกำหนดความรับผิดชอบให้แต่ละส่วนราชการ จังหวัดนครพนม/ ศอ.ปส.จว.น.พ. เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก ทำหน้าที่ในการวางแผน อำนวยการ บูรณาการ ประสาน และควบคุมกำกับดูแล รวมทั้งขับเคลื่อนการสร้างหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็ง สร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม และตำรวจปราบปรามยาเสพติด รับผิดชอบหลักในมาตรการสกัดกั้น และมาตรการปราบปราม เน้นสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่เขตของจังหวัด การปิดล้อมตรวจค้น ติดตามจับกุม ขยายผล และยึดทรัพย์สินคดียาเสพติด

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม รับผิดชอบหลักในมาตรการบำบัด เน้นการคัดกรอง แบ่งแยกผู้ป่วยจิตเวชยาเสพติด ผู้เสพ และผู้ติดยาเสพติด ก่อนนำเข้าบำบัด ตามระดับความรุนแรง สำนักงานแรงงาน และพัฒนาชุมชน จังหวัดนครพนม รับผิดชอบหลักให้การช่วยเหลือ ภายหลังผ่านกระบวนการบำบัด โดยการ จัดหางานสนับสนุน การฝึกอาชีพ และการพัฒนาฝีมือแรงงาน มณฑลทหารบกที่ 210 เป็นหน่วยร่วมในการวางแผน อำนวยการ ประสานการปฏิบัติ และเป็นหน่วยสนับสนุนให้กับทุกส่วนราชการที่เป็นหน่วยปฏิบัติหลัก และเพื่อให้เกิดการบูรณาการร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ หน่วยจึงได้กำหนดตารางประสานสอดคล้องให้ครอบคลุม ทั้งภารกิจ หน่วยปฏิบัติหลัก และหน่วยสนับสนุน ณ ห้องประชุม ชั้น 5 พระธาตุพระธาตุพนม ศาลากลาง จังหวัดนครพนม

ภาพ​/ข่าว​ นายพรพิพัฒน์ เพ็ชรสังหาร
เด​วิท​ ​โชคชัย​ ​มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

นทท.ร้อง ตม.มุกดาหาร เรียกเก็บค่าล่วงเวลาแต่ไม่ออกใบเสร็จให้

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดมุกดาหารได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านด่านพรมแดนมุกดาหารข้ามไปยังแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ในช่วงวันหยุดราชการแต่ถูกเจ้าหน้าที่ ตม.มุกดาหาร เรียกเก็บเงินค่าล่วงเวลาคนละ 20 บาท ซึ่งเมื่อจ่ายเงินให้ไปแล้วแต่เจ้าหน้าที่กลับไม่ยอมออกใบเสร็จรับเงินให้ จึงอยากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายสร้างความโปร่งใส การมีส่วนร่วมของประชาชน การประชาสัมพันธ์เชิงรุก และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้องค์กร ของ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงขอให้ ตม.มุกดาหาร ชี้แจงและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบว่า เจ้าหน้าที่ ตม. สามารถเรียกเก็บเงินค่าล่วงเวลาจากนักท่องเที่ยวหรือผู้โดยสารได้เป็นจำนวนเท่าใด และต้องออกใบเสร็จรับเงินให้ด้วยหรือไม่ และการเรียกเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวคนละ 20 บาท

โดยไม่ออกใบเสร็จรับเงินเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายอย่างไรหรือไม่หากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบการกระทำความผิด ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและเสริมสร้างความประพฤติ และวินัยข้าราชการตำรวจ โดยเมื่อมีผู้ใต้บังคับบัญชากระทำผิดทางอาญาหรือวินัย หรือมีพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสมหรืออันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต้องรีบดำเนินการแก้ไข หากเป็นกรณีที่กระทำผิดกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง แบบแผนธรรมเนียม ต้องรีบดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยเฉียบขาดทันที และทันต่อเหตุการณ์อนึ่ง จากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นพบว่า มีกฎกระทรวง (พ.ศ. 2523) ออกตามความในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ได้กำหนดค่าธรรมเนียมการตรวจรถยนต์ รถไฟที่เดินทางผ่านเข้ามาใน หรือออกไปนอกราชอาณาจักร นอกเวลาราชการ ถ้าไม่มีคนโดยสารให้เสียครั้งละ 25 บาท ถ้ามีคนโดยสารให้คิดเพิ่มขึ้นตามรายตัวคนโดยสาร คนละ 5 บาท

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ #จเรตำรวจแห่งชาติ #สำนักงานจเรตำรวจ #สตม #ปปช #ปปท #ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหาร #ตรวจสอบทุจริต #เก็บค่าล่วงเวลาไม่ออกใบเสร็จรับเงิน

ภาพ​/ข่าว​ นายพรพิพัฒน์ เพ็ชรสังหาร
เด​วิท​ ​โชคชัย​ ​มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

อำนาจเจริญ -การจัดอบรมสัมมนาศูนย์ประสานงานพรรคเสรีรวมไทย​ จ.อำนาจเจริญ ให้ความรู้แก่สมาชิกพรรคและประชาชนเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และบทบาทหน้าที่ของสมาชิกพรรคการเมือง

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567​ เวลา 08.30 น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส มอบหมายให้​ นางสาวณัฐนิชา​ มั่นทน ตัวแทนพรรคศูนย์ประสานงานจังหวัดอำนาจเจริญ จัดอบรมสัมมนา เพื่อให้ความรู้สมาชิกพรรคและประชาชน เกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ณ ห้องประชุมโรงแรมเพาเวอร์แกรนด์ จังหวัดอำนาจเจริญ ครั้งที่ 1/2567 ในวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2567​ ตั้งแต่เวลา 08.30-15.00 นาฬิกา

มีผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนา จำนวน 2​51 คน โดยมี​ พ.ต.อ.​ภัทรพล เล่าเปี่ยม​ กรรมการบริหารพรรคฯ เป็นประธานในพิธี ร.ต.ต.สุเทียน​ ทองโสม​ หัวหน้าสาขาพรรคเสรีรวมไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือจังหวัดมุกดาหาร เขต1 และนายไพรัตน์ ฝ่ายบุตร พนักงานสืบสวนและไต่สวนชำนาญการ รักษาการหัวหน้ากลุ่มงานสืบสวนสอบสวนและพรรคการเมือง เจ้าหน้าที่กกต.จ.อำนาจเจริญ เข้าร่วมสังเกตการณ์ในการประชุมอบรมสัมมนาครั้งนี้ โดยมีท่านอิทธิกร สุวมาศ ให้การต้อนรับเป็นอย่างดียิ่ง มีวัตถุประสงค์ ดังนี้​

1.เพื่อให้กรรมการสาขาพรรค สมาชิกและประชาชน ทราบถึงสถานภาพสมาชิกพรรคและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดและเพื่อพัฒนาพรรคการเมืองให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วไป​ 2.เพื่อให้สมาชิกและประชาชนมีความรู้เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของสมาชิกพรรคการเมือง มีความรู้ความความเข้าใจเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข 3.เพื่อปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน​ 4.เพื่อเปิดเวทีให้สมาชิกแบ่งกลุ่มแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ปัญหาทางการเมืองที่ส่งผลกระทบกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบัน

โดยการจัดประชุมใหญ่สามัญศูนย์ประสานงานพรรคเสรีรวมไทยจังหวัดอำนาจเจริญ และคณะทำงานภาคอีสานตอนล่าง สัมมนาให้ความรู้สมาชิกสาขาพรรคและประชาชน ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567 ครั้งนี้ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

ภาพ/ข่าว เดวิท โชคชัย มุกดาหาร รายงาน 092-5259-777

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / นบ.ยส.24 บูรณาการร่วมกับกลุ่มงานสุขภาพจิตและยาเสพติด สสจ.นครพนม

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบล กุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พันเอก กัญญณัต ไชยโอชะ รองผู้อำนวยการกองบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (รอง ผอ. ส่วนอำนวยการ นบ.ยส.24)

พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชา ร่วมกับ นางสาวธิดารัตน์ เลี่ยวปรีชา นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานสุขภาพจิตและยาเสพติด สสจ.นครพนม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประชุมหารือตรวจพื้นที่อาคารหลังศูนย์ฟื้นฟู เพื่อเสนอเป็นศูนย์บำบัด ในพื้นที่ จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นการบูรณาการหน่วยงานส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดนครพนม ตามดำริของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24) ซึ่งได้ให้ความสำคัญกับผู้ที่หลงผิดผู้ที่เสพสารเสพติดเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและท้าทาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คนมากมาย

การหลุดพ้นจากการใช้สารเสพติดต้องอาศัยแนวทางที่ครอบคลุมและแรงสนับสนุนเป็นอย่างมาก วิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูสมรรถภาพจากการใช้ยาเสพติด คือการใช้บริการจากศูนย์บำบัดยาเสพติดซึ่งมีคุณประโยชน์หลายประการ ที่จะสามารถสนับสนุนให้บุคคลมีชีวิตที่มีสุภาพดีขึ้น โดยจะมีทีมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และมีคุณสมบัติเหมาะสม รวมถึงแพทย์ นักบำบัด ผู้ให้คำปรึกษา และเจ้าหน้าที่ผู้ให้ความช่วยเหลือ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะร่วมวางแผนการรักษาเฉพาะเป็นรายบุคคล

ซึ่งใช้ความเชี่ยวชาญทำให้มั่นใจได้ว่าผู้เข้ารับการบำบัดจะปลอดภัย ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และแผนการรักษาจะถูกปรับเสมอตลอดระยะเวลาการบำบัด เพื่อให้สอดคล้องกับพัฒนาการของแต่ละบุคคล ถานบำบัดจะต้องมีสภาพแวดล้อมแบบปิด ที่มีความสงบ ปลอดภัย และมีการควบคุม สภาพแวดล้อมที่เป็นระบบปิดจะช่วยให้บุคคลสามารถโฟกัสกับกระบวนการบำบัดที่เข้มข้น สามารถสร้างกิจวัตรและพัฒนานิสัยที่ดีต่อสุขภาพ และใส่ใจกับกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยไม่ถูกรบกวนจากโลกภายนอกต่อไป

ภาพ/ข่าว​ นบ.ยส. 24
เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ศึกรวมใจชาวหนองไผ่แก้ว+จิตรเมืองนนท์สัญจร

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 ศึกรวมใจชาวหนองไผ่แก้ว+จิตราเมืองนนท์สัญจร ประธานจัดงาน นาย วิบูลย์ สุนทรวัฒน์ นายกเทศมนตรี และทีมงาน นายเกริทฤทธิ์ รัตมงคล รองนายกเทศมนตรี นายจตุพล สุนทวัฒน์ รองนายกเทศมนตรี นายสุรชัย วงค์เวทย์เสถืยร เลขานุการนายกเทศมนตรี นายมณท์ธรรม์ บุญใจเพชร ที่ปรึกษา และ อบต.พีท คิว โชควิทยา

ประธานเปิดการแข่งขันถ่ายทอดสด นาย จิรวุฒิ สิงโตทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี เป็นประธานเเปิดงานศึกรวมใจชาวหนองไผ่แก้ว+จิตรเมืองนนท์สัญจร ณ.เวทีมวยชั่วคราวเทศบาลหนองไผ่แก้ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ถ่ายทอดสดช่อง JKN 18 ยูทูป jitmuangnongym live เวลา 17.00น.เป็นต้นไป
เอ.คนข่าวรายงาน

“รัฐมนตรีเฉลิมชัย”เดินหน้าป่าชุมชนยั่งยืนลดโลกร้อน

แชร์เนื้อหานี้

“รัฐมนตรีเฉลิมชัย”เดินหน้าป่าชุมชนยั่งยืนลดโลกร้อนมอบ“อลงกรณ์-ปรพล“ถอดรหัส”สระบุรี แซนด์บ็อกซ์ เมืองคาร์บอนต่ำสร้างโมเดลป่าชุมชน-ป่าคาร์บอนต้นแบบก่อนขยายผลทั่วประเทศ นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ. ประธานมูลนิธิเวิลด์วิว ไครเมทและรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติเเละสิ่งเเวดล้อม

กล่าวในงานสัมมนาเวิร์คช็อป “พลเมืองเคลื่อนรัฐครั้งที่ 3 หัวข้อ“ป่าชุมชนสระบุรีเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน“ ว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีนโยบายให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ การฟื้นฟู การใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืนเพื่อชุมชนและนโยบายลดโลกร้อนโดยเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อบรรลุเป้าหมายสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี2050และคาร์บอนเป็นศูนย์ในปี2565ถือเป็นนโยบายเรือธงเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน


การประชุมผนึกความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ภาครัฐ ภาควิชาการ ผู้นำท้องถิ่นและภาคประชาชนในจังหวัดสระบุรี ซึ่งมีเจตนารมย์ร่วมกันให้จังหวัดสระบุรีเป็นต้นแบบ”เมืองคาร์บอนต่ำ” หรือ “SARABURI LOW CARBON CITY” โดยเน้นใน 5 ภาคส่วน คือ ภาคอุตสาหกรรม ภาคพลังงาน ภาคการกำจัดขยะของเสีย ภาคเกษตรกรรม และภาคการเพิ่มพื้นที่สีเขียวถือเป็นตัวอย่างต้นแบบการบูรณาการทุกภาคส่วนที่น่าชื่นชมโดยเฉพาะการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาป่าชุมชนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน (Forests for the Sustainable Future)จำนวน 45 แห่งในจังหวัดสระบุรี

ภายใต้เครือข่ายคณะกรรมการจัดการป่าชุมชนแห่งละ 15 คน รวมทั้งสิ้นประมาณ 675 คนและขยายความร่วมมือกับอาสาสมัครของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเช่นเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) อีกราว 2,000 คน เครือข่ายที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติ และที่ปรึกษาเขตห้ามล่าสัตว์ป่า จำนวน 100 คนจะเป็นการขับเคลื่อนที่มีพลังสู่ความสำเร็จด้วยการบูรณาการของภาคีภาคส่วนต่างๆรวมทั้งหน่วยงานสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในจังหวัดสระบุรี ได้แก่ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระบุรี สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 สระบุรี สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 สระบุรี สำนักสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 7 สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 2 สระบุรี สำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาลเขต 3 สระบุรี ป่าชุมชนนอกจากมีอรรถประโยชน์ใช้สอยเพื่อชุมชนแล้วยังมีความหลากหลายทางชีวภาพ(Biodiversity)เพื่อเดินหน้าสู่ไบโอเครดิต(Bio Credit)ทั้งยังเป็นแหล่งอาหารของชุมชน(Community Food Bank)และสามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง รวมทั้งสามารถดำเนินการเรื่องคาร์บอนเครดิตเพื่อเศรษฐกิจสีเขียวอีกด้วย ”จากผลการประชุมในวันนี้จะถอดรหัส สระบุรี แซนด์ บ็อกซ์(Saraburi Sandbox) เมืองคาร์บอนต่ำเพื่อสร้างโมเดลป่าชุมชน-ป่าคาร์บอนต้นแบบโดยจะนำเสนอต่อดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทส. พิจารณาขยายผลไปยังจังหวัดต่างๆทั่วประเทศต่อไป”นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด

 ในการสัมมนาเวิร์คช็อปครั้งนี้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้วยมอบหมายนายอลงกรณ์ พลบุตร คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายปรพล อดิเรกสาร ที่ปรึกษาสมาคมการท่องเที่ยวสระบุรีเเละหน่วยงานสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในสระบุรีเข้าประชุมงานสัมมนาเวิร์คช็อป “พลเมืองเคลื่อนรัฐครั้งที่ 3 หัวข้อ“ป่าชุมชนสระบุรีเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน“จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(กพร.)และมูลนิธิคอนราด อเดนาวร์เมื่อวันที่11 พ.ย.ที่ผ่านมาที่ลีลาวดีรีสอร์ต อ.เมือง จ.สระบุรีร่วมกับนายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นางอารีย์พันธ์ เจริญสุข รองเลขาธิการ กพร. ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการ นายบุญมี สรรพคุณ หนึ่งในผู้ริเริ่มสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ นายเสกสรร กวยะปาณิก รักษาการผู้อำนวยการสำนักจัดการป่าชุมชน กรมป่าไม้และภาคีภาคส่วนต่างๆเช่นจังหวัดสระบุรี สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ. )องค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก กองทุนสิ่งแวดล้อม  สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ(สพภ.BEDOThailand) องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(อพท.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โรงงานและบริษัทต่างๆในพื้นที่เช่น เอสซีจี. เคมีแมน สยามฟูรูกาว่า ซีพีเมจิ ทีพีไอโพลีน เบทาโก เป็นต้นและเครือข่ายป่าชุมชนเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนสระบุรีให้เป็นเมืองคาร์บอนต่ำ ( SARABURI LOW CARBON CITY )ภายใต้แนวทางOpen Gov. for SRI สระบุรี เเซนด์บ็อกซ์ (Saraburi Sandbox)ด้วยโครงการ“ป่าชุมชนสระบุรีเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน”.

ข้อมูลประกอบ: ประเทศไทยมีการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่กรมป่าไม้ 12,231 แห่ง เนื้อที่ 6,308,712 ไร่ นอกจากนั้น ยังมีป่าชุมชนในพื้นที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ชุมชนที่ดูแลรักษาป่าชุมชนจะถูกโน้มน้าวให้เข้าร่วมโครงการ โดยมีเงินทุนสนับสนุน และมีการแบ่งปันผลประโยชน์จากการค้าคาร์บอนเครดิตจำนวนหนึ่ง ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2566 พบว่า ป่าชุมชน 211 แห่ง ในพื้นที่ 18 จังหวัด กำลังกลายเป็นป่าคาร์บอน โดยเป็นป่าชุมชน (ป่าบก) 129 แห่ง ป่าชุมชนชายเลน 82 แห่ง รวมปริมาณการดูดกลับก๊าซคาร์บอน ประมาณ 1,904,463 ตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ข้อมูลในปี 2564 ป่าธรรมชาติและป่าเศรษฐกิจในประเทศไทยมีการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกรวมกัน 100 ล้านตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ดังนั้น ยังเหลือตามเป้าหมายอีก 20 ล้านตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งต้องเพิ่มพื้นที่สีเขียวทุกประเภท ร้อยละ 55 ของพื้นที่ประเทศ รวมเนื้อที่ 177.94 ล้านไร่ ภายใน พ.ศ. 2580 เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บก๊าซคาร์บอน และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ในขณะที่ปัจจุบันมีพื้นที่สีเขียว ร้อยละ 39.60 รวมเนื้อที่ 128.12 ล้านไร่ ดังนั้น ต้องเพิ่มพื้นที่สีเขียว ประมาณ 49.82 ล้านไร่.

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สุดมันส์ “ศึกมวยรองครองแชมป์” รอบ 8 คนสุดท้าย เพื่อคว้าแชมป์พร้อมเงินรางวัล 1 แสนบาท/ผอ.ททท.เพชรบุรี ชวนนักท่องเที่ยวสัมผัสหนาว ‘เขาพะเนินทุ่ง’ ชมวิวทะเลหมอกและสัตว์ป่า

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 11 พ.ย.67 ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน เดอะเลเจ้นท์ อารีน่า ร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทย, บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), Thai Smile Bus และ Thybrid Training Centre ปลุกกระแสมวยกับเวที “Legend Fighting Championship ศึกมวยรองครองแชมป์” เข้าสู่รอบ 8 คนสุดท้าย ที่เวทีมวยชั่วคราว หัวหิน คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ชั้น 1 บลูพอร์ต หัวหิน จ.ประจวบฯ มี นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน, นางอุษา พวงวลัยสิน นายกกิ่งกาชาด อ.หัวหิน, นายอติชาติ ชัยศรี รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน, นางสาววรกานต์ ถาวร รอง ผอ.ททท.สำนักงานประจวบฯ,

นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ, นายธนัท ปภพธนานนท์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดประจวบฯ, นายจัตุชัย จำปาหอม อนุกรรมการแข่งขันกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย, ดร.พรระวี สีเหลืองสวัสดิ์ ประธานสมาพันธ์ SME ไทย จ.ประจวบฯ, นางสาววจี กลมเกลี้ยง กรรมการบริหาร บริษัท หัวหิน แอสเสท จำกัด, นายโชคชัย วงศ์จักรภัชร์ กรรมการผู้จัดการ บลูพอร์ต หัวหิน, วิว เยาวภา บุรพลชัย อดีตนักกีฬาเทควันโดหญิง เจ้าของเหรียญทองแดงกีฬาโอลิมปิก 2004 โปรโมเตอร์ผู้จัดการแข่งขัน, ทวี อัมพรมหา (ขาวผ่อง สิทธิชูชัย) นักกีฬาโอลิมปิก เหรียญเงินมวยสากลสมัครเล่น ปี 1984 และมนัส บุญจำนงค์ เหรียญทองโอลิมปิก มวยสากลสมัครเล่น ปี 2004 และเหรียญเงินโอลิมปิก ปี 2008 เข้าร่วมชมการแข่งขันท่ามกลางแฟนมวยจำนวนมากร่วมส่งเสียงเชียร์

นายพลกฤต พวงวลัยสิน กล่าวว่า “การแข่งขันในวันนี้ต้องขอขอบคุณทุกๆ ฝ่าย ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญของกีฬาเพื่อเป็นหนึ่งใน Soft power ที่จะผลักดันในเรื่องของการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ สร้างแรงผลักดันรวมไปถึงช่วยส่งเสริมการกีฬาให้กับเยาวชน พร้อมทั้งยังเป็นการมุ่งเน้นประชาสัมพันธ์ในเรื่องการท่องเที่ยวในประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในเมืองไทยไปพร้อมๆ กันอีกด้วย และที่สำคัญการจัดแข่งขัน รายการ “ Legend Fighting Championships 2024 ศึกมวยรองครองแชมป์ ” ที่หัวหินในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมกีฬา และเป็นการตอกย้ำให้เมืองหัวหินและ จ.ประจวบฯ ว่าเป็นเมืองที่มีศักยภาพในการรองรับการจัดการแข่งขันกีฬาอย่างต่อเนื่อง เป็นอีกหนึ่ง destination ที่สำคัญทางด้านการท่องเที่ยวและกีฬาของประเทศไทย”

สำหรับผลการชก เกมส์บอนด์ ส.สุวรรณรัณย์ ชนะคะแนน มงคลชัย เกียรติชายเล็ก / ฤทธิชัย ช.วชิระ ชนะน็อค ชัยวัฒน์ เหน่งซับใหญ่ / สิงห์พยัคฆ์ หนุ่มธรณ์เทพ ชนะน็อค ปราบอัศวิน ภูวนาแก้วขวัญการ์ด / สามล้าน ลูกพ่อพระยาเสือ ชนะน็อค Phoe Zaw (เมียนมา) ส่วนในรอบ Superfight ก็ดุเดือดเข้มข้นไม่แพ้กัน โดยมีผลการแข่งขันดังนี้ ลมฝน ส.ศิลารักษ์ ชนะ ฟ้าสดใส The Legend Arena / ซุปเปอร์บอล น้ำแพรลูกสาวกำนันกุ้ง ชนะ AMMAD MASOUMINIA (อิหร่าน) / สายน้ำเพชร Wildcard gym ชนะ เสาร์ห้า หนุ่มธรณ์เทพ และคู่สุดท้าย เพชรนรินทร์ หนุ่มธรณ์เทพ ชนะ HLA WIN (เมียนมา)

มาร่วมลุ้นร่วมเชียร์กันอย่างต่อเนื่องกับการแข่งขันรายการ Legend Fighting Championships 2024 ศึกมวยรองครองแชมป์ ในรอบ SEMI FINAL 4 คนสุดท้าย ว่าใครจะสู่ตำแหน่งแชมป์หนึ่งเดียวของรายการนี้พร้อมเงินรางวัล 100,000 บาท ในวันอาทิตย์ที่ 15 ธ.ค.67 โดยเปิดให้เข้าชมฟรีตลอดการแข่งขัน ณ เวทีมวยชั่วคราว หัวหิน คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ชั้น 1 บลูพอร์ต หัวหิน หรือ สามารถชมถ่ายทอดสดทั่วประเทศ ผ่านทางช่องอมรินทร์ทีวี HD 34 และนอกจากนี้ยังสามารถติดตามได้ที่ Youtube : Legend Fc และ Facebook : Legend FC ได้ตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป.
นายนิพล ทองเก่า นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

ผอ.ททท.เพชรบุรี ชวนนักท่องเที่ยวสัมผัสหนาว ‘เขาพะเนินทุ่ง’ ชมวิวทะเลหมอกและสัตว์ป่า

เมื่อวันที่ 11 พ.ย.67 นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี เปิดเผยว่า อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวบริเวณเขาพะเนินทุ่ง และบ้านโป่งลึกบางกลอย หลังปิดไปนาน 3 เดือน เพื่อให้ป่ามีการฟื้นฟูของระบบนิเวศ ระหว่างนั้นทางอุทยานฯได้เตรียมความพร้อมทั้งด้านสถานที่ ด้านการบริการ สิ่งอำนวยความสะดวก และมาตรการความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางไปสัมผัสธรรมชาติทะเลหมอกช่วงปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาวที่บริเวณเขาพะเนินทุ่งแหล่งชมทะเลหมอกใกล้กรุงเทพฯ ที่มีความสวยงามเป็นอย่างมากและยังมีสัตว์ป่านานาชนิดให้นักท่องเที่ยวได้ชมอีกด้วย ซึ่งหลังจากเปิดฤดูกาลการท่องเที่ยวที่เขาพะเนินทุ่งมาตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 67 ก็มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางไปเที่ยวชมกันจำนวนมาก


อย่างไรก็ตามบริเวณพะเนินทุ่งจะเปิดอนุญาตให้พักแรมเฉพาะกางเต็นท์เท่านั้น ซึ่งจะรองรับนักท่องเที่ยวได้ 150 คนต่อคืน และจะไม่มีการจองผ่านระบบออนไลน์ แต่ให้ไปติดต่อขออนุญาตพักค้างแรมที่จุดที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน สำหรับการเดินทางขึ้นเขาพะเนินทุ่ง เราสามารถขับรถยนต์ส่วนตัวไปได้ ทางอุทยานฯจะอนุญาตเฉพาะรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่สมรรถนะดี โดยจะอนุญาตให้นำรถขึ้นเขาพะเนินทุ่งไป 2 เวลาคือ 05.00 – 08.00 น. และ 13.00 – 15.00 น. และขาลงอีก 2 ช่วง

ได้แก่ ช่วงเวลา 09.00 – 11.30 น. และ 16.00 – 17.00 น. สำหรับผู้ที่ไม่มีรถสามารถติดต่อกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อใช้บริการรถรับจ้างหรือรถกระบะเช่าขึ้นไปได้ ทั้งนี้ จุดกางเต็นท์พะเนินทุ่งตั้งอยู่บนยอดเขาพะเนินทุ่งมีลักษณะเป็นลานกว้าง มีทิวทัศน์ที่สวยงามของป่าเขาและทะเลหมอก มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ร้านค้าสวัสดิการ เป็นต้น และมีคลื่นสัญญาณโทรศัพท์เฉพาะเครือข่ายเอไอเอส ขณะที่การเดินทางไปท่องเที่ยวที่บ้านโป่งลึกบางกลอย ก็สามารถติดต่อสอบถามได้บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพื่อขออนุญาตเดินทางเข้าไปพักแรมเช่นกัน


นางดวงใจ คุ้มสอาด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี กล่าวว่า ฤดูหนาวนี้ ทาง ททท.เพชรบุรี ก็ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาร่วมเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวรับลมหนาวกันที่เขาพะเนินทุ่งในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งที่ 3 ของประเทศไทย โดยยูเนสโก (UNESCO) ตอนนี้นักท่องเที่ยวไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงภาคเหนือแล้ว จ.เพชรบุรีเรามีทะเลหมอกใกล้ๆ กรุงเทพฯ ให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสลมหนาวกันเหมือนได้สัมผัสอากาศหนาวเย็นทางภาคเหนือ

ได้ที่เขาพะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เบอร์โทร 0 3277 2312, 091 050 4461 หรือที่ ททท.สำนักงานเพชรบุรี เบอร์โทร 032-471005-6 และ 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย.
นายนิพล ทองเก่า นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / นายกเมืองพัทยาเปิดยิ่งใหญ่! งานเทศกาลดีวาลี 2024 ริมทะเลพัทยา นทท.ภารตะทะลักงาน

แชร์เนื้อหานี้

ค่ำวันที่ 9 พ.ย.67 นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เป็นประธานเปิดงานทศกาลดีวาลี พัทยา ประจำปี 2567 DIWALI Festival Pattaya 2024 ที่กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 พ.ย.67 เทศกาลแห่งแสงสว่างที่พี่น้องชาวอินเดียทั่วโลกจัดเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ที่บริเวณการจัดงานริมชายหาดพัทยากลาง เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย และนักท่องเที่ยวเชื้อสายไทยซิกข์ เข้าร่วมงานกันอย่างคึกคัก

ในงานประธานในพิธีได้ร่วมสวดอาตีขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะขึ้นเวทีกล่าวเปิดงาน DIWALI Festival Pattaya 2024 อย่างเป็นทางการ โดยมี นายสกล ผลลูกอินทร์ นายนคร ผลลูกอินทร์ สมาชิก อบจ.ชลบุรี นายชัยวัฒน์ ตามไท ผู้อำนวยการ ททท.พัทยา นายสุขราช กาลรา นายกสมาคมนักธุรกิจไทย-อินเดีย (พัทยา) นายดิโอ้ ซิงห์ นายกสมาคมอินเดียชลบุรี และสมาคมอินเดียพัทยา ร่วมจุดเทียนชัยแห่งแสงสว่าง

นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ได้กล่าวแสดงความยินดีกับการจัดงาน DIWALI Festival Pattaya 2024 ที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 และเป็นนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ กิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือร่วมใจของ 3 สมาคม ได้แก่ สมาคมนักธุรกิจไทย-อินเดีย สมาคมอินเดียชลบุรี และสมาคมอินเดียพัทยา ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องการเห็นในความร่วมมือที่ดีนี้ให้เกิดในเมืองพัทยา สิ่งสำคัญคืองานดังกล่าวยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ภายใต้แนวนโยบายซอล์ฟเพาเวอร์ของรัฐบาลอีกด้วย

สวนนงนุชพัทยา ให้ความสำคัญด้านการศึกษา ภาคภูมิใจเปิดโรงเรียนนงนุชพัฒนาทักษะอาชีพและกีฬา อาณาจักรแห่งการเรียนรู้ อย่างเป็นทางการ

วันที่ 11 พ.ย.67 ที่สวนนงนุชพัทยา จ.ชลบุรี โดยนายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้จัดพิธีเปิดโรงเรียนนงนุชพัฒนาทักษะอาชีพและกีฬา อย่างเป็นทางการ โดยมีแขกผู้มีเกียรติ รวมทั้งบุคลากรด้านการศึกษาในพื้นที่เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ในพิธีได้จัดพิธีทางศาสนา พระเถรานุเถระจำนวน 9 รูป ร่วมเจริญภาวนาสงดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อผู้เข้าร่วทพิธีเปิดโรงเรียนนงนุชพัฒนาทักษะอาชีพและกีฬา ถือเป็นสถานศึกษาอห่งใหม่ในจังหวัดชลบุรีอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ โรงเรียนนงนุชพัฒนาทักษะอาชีพและกีฬา เปิดการเรียนการสอนรวม 6 หลักสูตร คือ หลักสูตรวิชาอาหารไทย หลักสูตรวิชามวยไทย หลักสูตรภาษาต่างประเทศ หลักสูตรวิชานาฏศิลป์ไทย หลักสูตรพัฒนาแม่บ้านมืออาชีพ และหลักสูตรจัดดอกไม้

“ไพรม์มัส พัทยา” เพิ่มศักยภาพบริการซ่อมสีและตัวถังรถ EV ผงาดสู่มาตรฐานระดับสูงสุด Mercedes-Benz


นายจิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บจก.ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ เปิดเผยว่า ด้วยนโยบายของ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” ที่มุ่งเน้นการให้บริการลูกค้าทั้งด้านการขายและบริการหลังการขายอย่างเต็มประสิทธิภาพและครอบคลุมในทุกมิติ จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรเป็นอันดับแรก ควบคู่กับการคัดสรรเครื่องมือพิเศษที่มีเทคโนโลยีอันสมัย เพื่อยกระดับการบริการและรองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด

ล่าสุด “ไพรม์มัส พัทยา” ได้ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านการซ่อมสีและตัวถังของ Mercedes-Benz ด้วยการเพิ่มศักยภาพ ให้แก่ทีมช่างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ โดยเข้ารับการอบรมทักษะงานซ่อมสีและตัวถังยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมาตรฐานระดับสูงสุดของ Mercedes-Benz ด้วยการฝึกทักษะความชำนาญการถอด ตัด เชื่อม ต่อ โครงสร้างตัวถังหลัก ทั้งแบบเหล็ก อลูมิเนียม และโลหะอื่น ทำให้บุคลากรมีความรู้ ความเข้าใจวัสดุ โครงสร้างตัวถัง ระบบการทำงาน และเทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน 

พร้อมกันนี้ ทาง “ไพรม์มัส พัทยา” ได้เลือกสรรอุปกรณ์เครื่องมือพิเศษมาตรฐานสูงสำหรับงานซ่อมสี-ตัวถัง โดยเฉพาะ อาทิ ชุดเครื่องมือ Car-O-Liner, ชุดตรวจวัดตัวถังระบบคอมพิวเตอร์, ชุดแท่นดึงตัวถัง CELETTE X-ONE, ห้องอบ-พ่นสี NOVA VERTA และระบบอบสีแขนกลอินฟราเรด TECOPOINT  พร้อมใช้ผลิตภัณฑ์สีน้ำที่มีคุณภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญ ทุกชิ้นงานจะผ่านการตรวจสอบมาตรฐาน ด้วยเครื่องมือตรวจวัดค่าสี ภายใต้อุโมงค์ไฟส่องสว่างสูงถึง 1,500 Lux ทำให้ทุกงานซ่อมมีคุณภาพและสมบูรณ์แบบมากสุด ทั้งรองรับงานซ่อมหนัก-เบาของรถยนต์ Mercedes-Benz ครอบคลุมได้ทุกรุ่น ทุกซัพแบรนด์อีกด้ว

ปัจจุบัน ศูนย์บริการรถยนต์ Mercedes-Benz ของ ไพรม์มัส พัทยา” ด้านงานซ่อมสีและตัวถัง ตั้งอยู่ที่พัทยา-นาจอมเทียน มีช่องซ่อมทั้งหมด 17 ช่องซ่อม รองรับรถยนต์เข้ารับบริการได้มากกว่า 200 คันต่อเดือน ด้วยบริการที่หลากหลายและครบวงจรสำหรับรองรับรถยนต์ทั้งแบบเครื่องยนต์ และแบบไฟฟ้า ทุกรุ่น ทุกซัพแบรนด์ และรับงานซ่อมจากบริษัทประกันภัยชั้นนำทุกแห่ง โดยมีทีมฉพาะสำหรับประสานงานและอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าบริษัทประกันภัย เมื่อนำรถยนต์เข้ารับบริการเคลมซ่อมสี-ตัวถัง ที่ ไพรม์มัส พัทยา” ทั้งมีบริการนัดหมายล่วงหน้า และติดตามสถานะการซ่อมในทุกขั้นตอนอีกด้วย

สัปดาห์หน้า! เมืองพัทยารับปากเตรียมปรับภูมิทัศน์พื้นที่สาธารณะ หลังชาวบ้านร้องสัตว์มีพิษชุกชุม

ตามที่มีประชาชนที่พักอาศัยภายในเจ๊ะมะดีแมนชั่น ซอยสุขุมวิท 28 (ตัดโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา) กับสื่อมวลชน อยากให้เมืองพัทยาส่งเจ้าหน้าที่มาทำการปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่สาธารณะหลังห้องเช่า ซึ่งรกร้าง และอาจเกิดอันตรายจากสัตว์มีพิษที่ชุกชุมในช่วงที่มีฝนตก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่อกรณีดังกล่าวว่า ด้วยพื้นที่สาธารณะดังกล่าวเป็นพื้นที่ของเอกชนที่มอบให้กับทางเมืองพัทยาเป็นที่สาธารณะมานานแล้ว แต่เนื่องด้วยเป็นซอยตัน เมืองพัทยาจึงพิจารณาว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะดำเนินการทำถนน แต่ในปัจจุบันความเจริญมากขึ้น จึงเห็นควรจะต้องมีการเสนองบประมาณเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน

ที่ผ่านมาเมืองพัทยาเคยเข้าไปจัดการพื้นที่ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ต่อมามีการปิดทางเข้าจึงไม่ได้เข้าไปดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันพบว่าได้เปิดพื้นที่ทางเข้าแล้ว และจะได้ส่งเจ้าหน้าที่กองช่างสุขาภิบาลเข้าไปดำเนินการเคลียร์พื้นที่ในเบื้องต้นก่อนในวันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน 2567 เพื่อแก้ไขปัญหาให้ขาวบ้านในการเบื้องต้น ส่วนของโครงการทำถนนเส้นดังกล่าว เมืองพัทยาจะเสนอตั้งงบประมาณในปี 2568 ต่อไป