คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวร้องเรียน ร้องทุกข์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / วัยรุ่น 17 ปี ปืนลั่นใส่เพื่อนดับคาวงเหล้า ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าคนโดยเจตนา / แม่ค้าตลาดชุมชนมุกดาหารเจอแบงก์ปลอม 100 บาท หยดน้ำสีหลุดติดมือ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ขณะที่ กลุ่มวัยรุ่นรวมตัวนั่งดื่มสุราภายในบ้านหลังหนึ่งใน ต.โชคชัย อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร ได้มีนายธร (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี หยิบปืนที่เพื่อนในกลุ่มนำมาวางไว้ตรงหน้าขึ้นมาเล่น และปืนได้ลั่นใส่นายวัด (นามสมมุติ) บริเวณหน้าอกซ้าย 1 นัด จนล้มฟุบไปเพื่อนในกลุ่มจึงได้ช่วยกันนำขึ้นรถส่งโรงพยาบาลนิคมคำสร้อย แต่ปรากฏว่าผู้ถูกยิงได้เสียชีวิตแล้ว

นายธร ให้การยอมรับว่าทำปืนลั่นจนมีผู้เสียชีวิตจริง โดยก่อนเกิดเหตุตนได้ถูกชักชวนไปบ้านเพื่อน ซึ่งภายในบ้านมีการนั่งดื่มเหล้ากัน 5 คน ต่อมาเพื่อนคนหนึ่งนำปืนแบบแมกกาซีนออกมาโชว์ ก่อนนำมาวางไว้ตรงหน้า ตนคิดว่าไม่มีลูกจึงหยิบขึ้นมาเล่น และปืนเกิดลั่นใส่นายวัด บริเวณหน้าอกซ้าย 1 นัด ท่ามกลางความตกใจของเพื่อนๆในวงเหล้า และได้ช่วยกันนำตัวนายวัด ส่งโรงพยาบาลนิคมคำสร้อย แต่ปรากฏว่าเสียชีวิตแล้ว

ขณะที่ นางสาวดาว (นามสมมุติ) มารดาของผู้เสียชีวิตให้สัมภาษณ์ว่าไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ เพราะจุดที่โดนยิงคือบริเวณสำคัญ อีกทั้งเพื่อนของลูกชายยังระบุว่า ผู้ก่อเหตุมากับเจ้าของปืน และได้หยิบปืนที่ขึ้นลำไว้แล้วขึ้นมายิงลูกชายตนทันที จนทำให้เสียชีวิตดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาต่อนายธร และนำศพของผู้เสียชีวิตส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง

ยิงกันตาย #วัยรุ่นมุกดาหาร #ข่าวมุกดาหาร #นิคมคำสร้อย #มุกดาหาร #ปืนลั่นหรือเจตนา #สลดวงเหล้า #ข่าวอาชญากรรม #เสียชีวิต #เด็กวัยรุ่น #ข่าววันนี้ #อุบัติเหตุหรือฆาตกรรม #ข่าวด่วนวันนี้​ ภาพ/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

มุกดาหาร​ -​เตือนภัย! แม่ค้าตลาดชุมชนมุกดาหารเจอแบงก์ปลอม 100 บาท หยดน้ำสีหลุดติดมือ

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางนงลักษณ์ แม่ค้าขายอาหารในตลาดชุมชนบ้านหนองแวงน้อย ต.โชคชัย อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร ว่าถูกมิจฉาชีพนำธนบัตรปลอมชนิดราคา 100 บาท มาซื้อของ โดยอาศัยช่วงเวลาเย็นที่มีลูกค้าจำนวนมาก

นางนงลักษณ์เผยว่า เหตุเกิดเมื่อเย็นวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีลูกค้ารายหนึ่งมาซื้อของราคาหลักสิบบาท แล้วจ่ายด้วยธนบัตร 100 บาท ซึ่งตนก็ทอนเงินตามปกติ กระทั่งช่วงหลังร้านเริ่มว่าง ขณะนับเงินที่เปียกน้ำ สีแดงจากธนบัตรหลุดติดมือ และเมื่อลองหยดน้ำซ้ำลงบนธนบัตร พบว่าสีจางและหลุดอีกครั้ง ทำให้มั่นใจว่าเป็น “แบงก์ปลอม”

หลังเกิดเหตุ ได้นำธนบัตรปลอมใส่ถุงพลาสติก พร้อมเขียนข้อความ “เงินปลอม” แปะไว้ให้ลูกค้ารายอื่นเห็น เพื่อให้รู้เท่าทัน และไม่ตกเป็นเหยื่อซ้ำอีก

เตือนภัยแบงก์ปลอม #แม่ค้าตลาดชุมชน #โชคชัย #นิคมคำสร้อย #มุกดาหาร #ข่าวท้องถิ่น #ระวังเงินปลอม #มิจฉาชีพ #ตลาดชุมชนบ้านหนองแวงน้อย #เงินปลอม100บาท #ข่าววันนี้​ ภาพ/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ชาวบ้าน จ.บุรีรัมย์ เยี่ยมชมโรงงานน้ำตาลพิมายและชื่นชมโรงงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 3-5 กรกฎาคม 2568 บริษัท อุตสาหกรรมโคราชจำกัด (โรงงานน้ำตาลพิมาย) โดยคุณประเสริฐ เสถียรถิระกุล ประธานกรรมการ และคุณมงคล เสถียรถิระกุล กรรมการผู้จัดการ มอบหมายให้ นายสมบูรณ์ จาตุรชาต ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาอ้อย

พร้อมด้วยผู้บริหารและพนักงานโรงงานน้ำตาลพิมาย ให้การต้อนรับคณะผู้เยี่ยมชมโรงงานน้ำตาลพิมาย ชาวหมู่บ้านหนองปล่อง ,หนองหัวลาว,หนองตาเสาร์,โคกขาม,สำโรง,ดอนหวาย,หนองใหญ่,ตาเหล็ง อีกหลายหมู่บ้าน จาก อ.ชำนิ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งได้เดินทางมาเยี่ยมชมการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม และด้านการพัฒนาสังคมของโรงงานน้ำตาลพิมาย

 ในการเยี่ยมชมครั้งนี้ คณะผู้เยี่ยมชมโรงงานน้ำตาลพิมาย ได้รับฟังการบรรยายเกี่ยวกับการบำบัดน้ำเสีย การควบคุมคุณภาพอากาศ การจัดการของเสีย และการนำทรัพยากรเหลือใช้กลับมาใช้ประโยชน์ (Zero Waste) โดยเฉพาะการใช้กากอ้อยและเศษวัสดุทางการเกษตรเป็นพลังงานทดแทน  นอกจากนี้ยังได้เยี่ยมชมพื้นที่จริง เช่น การจัดการมลพิษทางอากาศที่ระบายออกจากปล่องหม้อไอน้ำ  พื้นที่จัดเก็บกองกากอ้อย  การจัดการผันน้ำของโรงงาน  และชมการพัฒนาชุมชนรอบโรงงานน้ำตาลพิมาย  คณะผู้เยี่ยมชมโรงงานน้ำตาลพิมาย  ได้แสดงความชื่นชมต่อความมุ่งมั่นของโรงงานน้ำตาลพิมาย ในการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  อันจะส่งผลดีต่อชุมชนและระบบนิเวศโดยรอบในระยะยาว
หลังจากได้รับทราบข้อมูลและลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมในจุดต่าง ๆ  คณะผู้เยี่ยมชมโรงงานฯ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าโรงงานมีการดำเนินงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้  และให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ทั้งยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล การได้รับความไว้วางใจจากผู้เยี่ยมชมครั้งนี้ ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญให้โรงงานน้ำตาลพิมาย  มุ่งมั่นพัฒนาระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น สอดคล้องกับแนวทางของการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน และสร้างความเชื่อมั่นต่อชุมชนและสังคมโดยรอบอย่างมั่น

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สป้า 62 ร้องผู้ว่าโคราชเชือดกำนันแหนบทองคำ หลอกสวมชื่อที่ดิน สปก. สูญเงิน 2.2 แสน จ่อลงโทษทางวินัย

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางลมหวน คลื่นสูงเนิน อายุ 62 ปี ชาวบ้าน ต.บ้านใหม่ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา พร้อมครอบครัว หอบเอกสารยื่นขอความเป็นธรรมกับ นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุมภ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กรณีถูกกำนันรางวัลแหนบทองคำนายหนึ่ง ร่วมขบวนการกับผู้หญิงที่อ้างตัวว่าเป็นอาจารย์ระดับด๊อกเตอร์ และเจ๊ใหญ่ หลอกลวงเงินรวม 220000 บาท อ้างว่าสามารถทำเรื่องเปลี่ยนชื่อในเอกสารสิทธิ์ สปก. (ใบจริง) เพื่อเป็นเจ้าของที่ดิน สปก. โดยสมบูรณ์ จากนั้นจะสามารถนำใบจริง สปก. ที่เป็นชื่อของป้าลมหวน ไปดำเนินการทำเรื่องลงทะเบียนเปลี่ยนเป็นโฉนดที่ดินตามนโยบายรัฐบาลได้ แต่สุดท้ายไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ต้องสูญเสียเงินเปล่า จึงมีการแจ้งความดำเนินคดีกับกำนัน และผู้ร่วมขบวนการ รวม 3 คน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง

โดยมีปลัดอาวุโส ปฏิบัติหน้าที่หน้าห้อง รับเรื่องเพื่อเสนอให้ผู้ว่าฯทราบ
เหตุการณ์เริ่มต้นตั้งแต่ นางลมหวน ใช้เงินเก็บหอมรอมริบมาตลอดชีวิต ซื้อที่ดิน 13 ไร่ ต่อจากเจ้าของเดิม ในราคาไร่ละ 90000 บาท รวมเป็นเงิน 1170000 บาท แต่เป็นที่ดินเอกสารสิทธิ์ สปก. ต่อมามีกำนันแหนบทองคำรายหนึ่งมาติดต่ออ้างว่า สามารถทำเรื่องเปลี่ยนชื่อในเอกสารสิทธิ์ สปก. จากชื่อของเจ้าของเดิม เป็นชื่อของนางลมหวนได้ โดยมีผู้ร่วมขบวนการ ทั้งอาจารย์ด๊อกเตอร์และเจ๊ใหญ่ อ้างตัวว่า รู้จักสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ สปก.โคราช ช่วยทำเรื่องให้ แต่มีค่าดำเนินการทำเอกสารใหม่ทั้งหมดเป็นเงิน 120000 บาท จึงตกลงทำพร้อมกับจ่ายเงินก้อนแรก เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566

ต่อมาวันที่ 5 ตุลาคม 2566 มีผู้หญิงอ้างว่าเป็นอาจารย์ระดับด๊อกเตอร์ ถือเอกสารใบ สปก.ตัวจริง (ใบแข็ง) ที่ยังเป็นชื่อของเจ้าของเดิม (ยังเปลี่ยนชื่อไม่ได้) มาหานางลมหวน อ้างว่า มีคนนำใบ สปก.ฉบับนี้ เอาไปกู้เงิน 100000 บาท ถ้าอยากได้ใบ สปก.(ใบแข็ง)คืน ก็ให้จ่ายเงินมา 100000 บาท นางลมหวนกลัวว่าจะไม่ได้ใบ สปก.คืน จึงยอมจ่ายเงินให้ เพราะกลัวจะไม่ได้อะไรเลย เพราะลงทุนซื้อที่ดินในราคา 1170000 บาท และจ่ายเงินไปครบแล้ว

สุดท้ายมารู้ว่า กำนันแหนบทองคำ อาจารย์ด๊อกเตอร์ และเจ๊ใหญ่ ผู้ร่วมขบวนการรวม 3 คน มาหลอกเอาเงินรวมทั้งสิ้น 220000 บาท ซ้ำยังไม่สามารถทำเรื่องเปลี่ยนชื่อในใบ สปก.ได้ จึงนำหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีกับทั้ง 3 คน ที่ สภ.หนองบุญมาก เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566
ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี ตำรวจสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาและพยานแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง จนสรุปสำนวนคดีส่งอัยการพิจารณาสั่งฟ้องศาล ขณะที่ทางอำเภอหนองบุญมาก หน่วยงานปกครอง มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพื่อเอาผิดกำนันแหนบทองคำรายนี้ เพราะเป็นตัวการสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้าน และน่าเชื่อว่าทำกันเป็นขบวนการ มีชาวบ้านหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อมาแล้วหลายราย

ก่อนหน้านี้ นายพงษ์เทพ จันทร์นอก นายอำเภอหนองบุญมาก ชี้แจงว่า ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้พบว่า มีมูลความผิด กำนันรายนี้มีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายหลอกลวงชาวบ้านจริง อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล ก่อนเสนอเรื่องถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อพิจารณาบทลงโทษตามขั้นตอนแล้ว
ด้าน กำนันรางวัลแหนบทองคำ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว แต่ได้แจ้งทางโทรศัพท์ว่า ขอรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมจะคืนเงินทั้งหมดแก่ นางลมหวน ผู้เสียหาย แต่อยู่ระหว่างการหารวบรวมเงินก่อน.

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ทับสะแกยังไม่จบ ! ชาวบ้านฮือขับไล่และขัดขวางเจ้าอาวาสองค์ใหม่ “วัดโบสถ์เหรียญบาท” ที่จะเข้ามาดูแล ประจันหน้ามวลชนทั้ง 2 ฝ่าย แต่วืดหลังชาวบ้านไม่ให้เข้ากุฏิ ยันไม่ถอยพร้อมปักกรดหน้าอุโบสถ์สู้

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดบ้านทุ่งเคล็ด หรือ วัดโบสถ์เหรียญบาท หมู่ 3 ต.นาหูกวาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้มีความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านกับพระภิกษุอีกครั้งหลังจากที่ผ่านมามีการรวมตัวขับไล่เจ้าอาวาสองค์ใหม่ จากกรณีมี คำสั่งเจ้าอาวาสวัดบ้านทุ่งเคล็ด ที่ ๐๐๕/๒๕๖๘ อนุญาตให้พระประสิทธิ์ สัญจร เข้าอยู่วัดบ้านทุ่งเคล็ด

โดยมีบทบัญญัติแห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 19 (พ.ศ. 2536) ว่าด้วยการผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2535 ในมาตรา 38 ในกรณีที่ไม่มีเจ้าอาวาสหรือเจ้าอาวาสไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้แต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ให้ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส มีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับเจ้าอาวาส

ล่าสุดที่ผ่านมา เมื่อเย็นวานนี้ (16.00 น.) พระครูประชา พลากร รองเจ้าคณะอำเภอทับสะแก เจ้าอาวาสวัดนาล้อม พร้อมคณะสงฆ์ อำเภอทับสะแก และชาวบ้านผู้สนับสนุน ได้เดินทางไปส่ง พระประสิทธิ์ สัญจร เจ้าอาวาสวัดบ้านทุ่งเคล็ดองค์ใหม่ และนำป้ายไวนิลที่มีหนังสื่อแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสไปติดตั้ง แต่ไม่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้

เนื่องจากโดนชาวบ้านนับ 100 ขับไล่ และขัดขวางไม่ให้เข้า ขณะที่ทนายความของวัดพยายามแสดงเหตุผลโต้แย้งการแต่งตั้งโดยอ้างว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้มีชาวบ้านแสดงความคิดเห็นคัดค้านเจ้าอาวาสองค์ใหม่ ท่ามกลางการรักษาความสงบเรียบร้อยจากกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทับสะแก และ เจ้าหน้าที่ อส.รวมถึงฝ่ายปกครอง อำเภอทับสะแก เข้ารักษาความสงบ

และในช่วงเวลา 23.00 น.เศษ เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากเจ้าอาวาสองค์ใหม่พร้อมชาวบ้านได้ปักกลดอยู่บริเวณหน้าอุโบสถ์ แต่คณะกรรมการวัดชุดเจ้าอาวาสองค์เก่า ได้ให้ย้ายออกเนื่องจากเป็นเขตอภัยทานไม่สามารถมานอนพักค้างแรมได้จนได้มีการ กระทบกระทั่งกันอีกรอบ โดยทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนใหญ่ก็จะเป็น

ญาติพี่น้องกันและคนในหมู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน และเป็นผู้สนับสนุนพระทั้ง 2 ฝ่าย ได้ประทะคารมกันและได้กระทบกระทั่งกันเล็กน้อยจนเจ้าหน้าที่ได้เข้า แยกย้าย ต่อมาเวลาประมาณ 24.00 น. ว่าที่เจ้าอาวาสองค์ใหม่และชาวบ้านที่สนับสนุนต่างแยกย้ายกับออกจากวัดบ้านทุ่งเคล็ดไป

นายวัฒนา ฉั่วเจริญ อายุ 51 ปี ไวยาวัจกร วัดบ้านทุ่งเคล็ด กล่าวว่า ชาวบ้านบ้านทุ่งเคล็ด ต้องการพระมีคุณสมบัติที่ดีมีความพร้อม หรือต้องเข้ากับชาวบ้านให้ได้ ต้องมีมุทิตา อุเบกขา ซึ่งตนเองไม่ต้องการให้วัดเสียหายมากไปกว่านี้ จึงขอให้ทุกฝ่ายตรวจสอบคุณสมบัติของเจ้าอาวาสองค์ใหม่ว่าที่ผ่านมาเคยถูกดำเนินคดีทางอาญามาก่อนหรือไม่ จากนั้นจะต้องมีการเจรจากับญาติโยมที่บ้านทุ่งเคล็ด หากพบว่ามีปัญหาชาวบ้านก็ยอมรับไม่ได้

//////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ชาวบ้านรวมตัวปิดถนน เพชรเกษมทำให้รถติดยาว 15 กิโลเมตร

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.30 น ชาวบ้านรวมตัวร่วม 500 คนปิดถนน เพชรเกษม บริเวณสำนักงานป่า หน่วย

ป้องกันรักษาป่าที่ชุมพร 2 บ้านยายไท พื้นที่ในการปิดถนน ม3 ต หงษ์เจริญ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ทำให้รถที่เดินทางลงใต้จอดติดเป็นทางยาว ถึง 15 กิโลเมตร จากรณีที่

เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้เข้าควบคุมตัว ผู้กระทำความผิด จำนวน 12 ราย นายประคองจิตประสงค์ นางสาวอารีย์ พัฒนา นายพะเยาว์ ยุตติมิตร นางสาววารุณีเดชบุญภพ

นายประยูรนวลศรี นายอารมณ์ จันทร์คง นายสมชายโยมรัตน์ ร้อยตำรวจโทวันชัย รัก คลี่ นายชุมพล ทอดสวาสดิ์ นายธนวัฒน์ โพธิสาร นายวัชรศักดิ์นพรัตน์ นาย นายวิฑูรย์กลับดี

เจ้าหน้าที่ป่ไม้ได้แจ้งข้อล่าวหาว่าบุรุกพื้นที่ป่าสงวน รับร่อ สลุย แห่งชาติ จึงได้นำตัวมาบันทึการจับกุมที่สำนักงานป่า หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ชุมพร 2 บ้านยายไท

ต่อมาประชาชนได้มาเรียร้องให้ปล่อยตัวแกนนำทั้ง 12 รายโยระทารปิดถนนและขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรมาให้ความเป็นธรรมต่อประชาชนที่ไม่ผิด

นายเธียร ชูกิตติวิบูลย์ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดเดินทางไปทำบันทึกที่สภ สลุย อ ท่าแซะ จังหวัดชุมพร เพื่อ

ที่จะให้ผู้ต้องหาได้ต่อสู้ตามกระบวนการตามกฏหมายโดยทำการบันทึกและประกันตัวออกมาเพื่อดำเนินการต่อสู้กันทางกฎหมายต่อไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “ธรรมาภิบาลมุกดาหาร” ลงสอดส่องงานสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งห้วยแข้ พบอาจไม่ได้มาตรฐาน

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ปรึกษาและกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดมุกดาหาร (ก.ธ.จ.มุกดาหาร) ได้ลงพื้นที่สอดส่องโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งบริเวณห้วยแข้ ซอยทิพย์นาม เขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร พบข้อสังเกตหลายประการเกี่ยวกับคุณภาพงานที่อาจไม่เป็นไปตามแบบและข้อกำหนดในสัญญาจ้าง

โดยจุดที่พบความผิดปกติ คือ คอนกรีตแตกร้าวหลายแห่ง , ฐานคอนกรีตรองรับเสาราวกันตกซึ่งตามสัญญาระบุชัดเจนว่าต้องมีความสูง 10 เซนติเมตร ใช้น็อตสกรูยาว 18 เซนติเมตร แต่จากการตรวจสอบพบว่าในหลายจุดมีความสูงของคอนกรีตระหว่าง 12-18 เซนติเมตร และใช้น็อตสกรูยาวเกินกว่าที่กำหนด โดยพบว่ามีการใช้น็อตเชื่อมติดกับเหล็กข้ออ้อย ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการและไม่เป็นไปตามแบบแปลนที่กำหนด

โครงการก่อสร้างดังกล่าว หากไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการและไม่ได้มาตรฐานนักวิชาการ อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรืออันตรายในอนาคต เช่น ความไม่มั่นคงของราวกันตก ซึ่งส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน และปัญหาอื่นๆ ดังนั้น คณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้างก่อสร้างและผู้ควบคุมงานจึงควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งาน

กรณีดังกล่าวจึงอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการที่เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

ทั้งนี้ ที่ปรึกษาและกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดมุกดาหารจะได้ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐและประโยชน์สุขของประชาชนต่อไปมุกดาหาร #คณะกรรมการธรรมาภิบาล

จังหวัด #เขื่อนป้องกันตลิ่งริมห้วยแข้ #เขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร #โครงการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน #ราวกันตก #ตรวจสอบความปลอดภัย #สอดส่องภาครัฐ #ประโยชน์สุขของประชาชน #ความปลอดภัยสาธารณะ #ผู้ควบคุมงาน #คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ #สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดมุกดาหาร #มุกดาหาร #กรมโยธาธิการและผังเมือง #กระทรวงมหาดไทย #ปปท #ปปช #สตง #สำนักนายกรัฐมนตรี #ข่าววันนี้​ ภาพ/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อบจ.เชียงราย เร่งเข้าช่วยผู้ประสบภัยน้ำป่าไหลหลาก มอบน้ำอุปโภคบริโภค พร้อมลุยฟื้นฟูพื้นที่ ต.แม่เปา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 27 มิถุนายน 2568 จากเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากใน ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย ส่งผลให้บ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตรได้รับ

ความเสียหายอย่างหนัก นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ในฐานะรองผู้อำนวยการจังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ไม่ได้นิ่งนอนใจ

เร่งระดมกำลังและทรัพยากรเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นการเร่งด่วน โดยมีนายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ

ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นายอาทิตย์ รู้ทำนอง

สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอเทิง เขต 1 นายสุชัด เสนคำ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอเทิง เขต 2 นายสุใจ เชื้อเมืองพาน

สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอพญาเม็งราย เขต 1 บุคลากรกองป้องกันเเละบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และกองสาธารสุของค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่ในครั้งนี้

สถานการณ์น้ำป่าที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินและโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนัก ประชาชนจำนวน

มากประสบปัญหาขาดแคลนน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภค เนื่องจากระบบประปาได้รับความเสียหายและมีโคลนจำนวนมากทับถม

เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายได้จัดส่งรถน้ำขนาดใหญ่เข้าพื้นที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนสามารถนำน้ำไปใช้ในการอุปโภค

ล้างทำความสะอาดบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยโคลน และใช้ในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ยังได้จัดเตรียม ถุงยังชีพ ซึ่งประกอบด้วยสิ่งของที่จำเป็น และที่สำคัญ

คือ น้ำดื่มสะอาด จำนวนมาก เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความขาดแคลนด้านปัจจัยพื้นฐาน

นอกจากทรัพยากรที่ส่งเข้าสนับสนุนแล้ว บุคลากรขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ยังได้ลงพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์ ให้ความช่วยเหลือ และให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ในการสำรวจความเสียหาย

และวางแผนการฟื้นฟูในระยะต่อไป การช่วยเหลือในครั้งนี้มุ่งเน้นการบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้นอย่างครอบคลุม และรวดเร็วที่สุด

เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยทุกท่าน

และยืนยันว่าจะให้การสนับสนุนและช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังความสามารถ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็น

ปกติสุขอบจเชียงรายเชียงราศูนย์บริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จนโยบายศูนย์บริหารจัดการสาธารณภัยแบบเบ็ดเสร็จ(PDOSS)

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / แม่เฒ่าวัย 74 ปี ถูกรถชนขาหักช่วยตัวเองไม่ได้ยังต้องดูแลลูกชายป่วยติดเตียงที่อาศัยอยู่ในบ้านเช่า

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 24 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อรายงาน เหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร ลงพื้นที่ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ในพื้นที่ตำบลนาโพธิ์ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ตามที่ช่อง AMARIN ได้นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ จากกรณี แม่เฒ่าวัย 74 ทำขนมขายเลี้ยงลูกชายนอนป่วยติดเตียงหลังฉีดวัคซีนโควิด เมื่อสี่ปีที่แล้วมาเกิดอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซต์ชนขาหักสองท่อน

ไม่สามรถช่วยเหลือตัวเองได้ อีกคน ที่เกิดเหตุบริเวณหลังสถานีรถไฟ สวี วันที่ 6 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจาก ป้าแต๋ว กลิ่นอบเชย อายุ 74ปี บ้านเลขที่ 400/12 ซอย สมัครใจราษฎร์ 8 หมู่ที่ 5 ตำบลนาโพธิ์ อำเภอ สวี จังหวัดชุมพร ถูกรถจักรยานยนต์ชนจนขาหักไม่สมารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองและลูกที่ป่วยติดเตียวได้ นายภาณุพงศ์แก้วเพชรอายุ 44 ปี

ลูกชายป้าแต๋วป่วยจากการฉีดวัคซีนโควิดนอน ติดเตียงมาสี่ปีแล้ว ปกติรายจ่ายได้มาจากการทำขนมไปส่งขาย แต่มาเกิดอุบัติเหตุขึ้นไม่สามารถออกไปทำมาหากินได้และยังต้องมีรายจ่ายเพิ่มเติมขึ้นมาอีกเช่นตนต้องมาใช้ แพมเพิส เพราะตนไม่สามารถลุกขึ้นเข้าห้องน้ำได้ และยังมีของลูกชายอีกที่ป่วยมา 4 ปีกว่า
เหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร ลงพื้นที่ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ในพื้นที่ตำบลนาโพธิ์ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร

วันที่ 23 มิถุนายน 2568 เวลา 13.30 น. นางพณณกร ชูกิตติวิบูลย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร พร้อมด้วยคณะกรรมการและสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร และผู้แทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้สูงอายุ ซึ่งประสบอุบัติเหตุ อยู่ระหว่างพักรักษาตัว ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ และต้อง

เลี้ยงดูบุตรชายที่ประสบอุบัติเหตุ ป่วยติดเตียง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ในพื้นที่ตำบลนาโพธิ์ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ในโอกาสนี้ เหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร ได้มอบเงินช่วยเหลือ จำนวน 3,000 บาท ถุงยังชีพ จำนวน 1 ชุด และผ้าห่ม จำนวน 1 ผืน เพื่อช่วยเหลือครอบครัวของผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงในเบื้องต้ น

นางสาวพรทิพย์ โสวรรณะ ลูกสาวป้าแต๋ว เล่าว่า อาการของแม่ยังไม่ดีขึ้น หลังจากที่รับการรักษาที่โรงพยาบาล กลับมาที่บ้านก็มีอาการบวมที่แผลและบอกว่าออกร้อนบริเวณที่แผล และไม่สามารถนอนได้เพราะมีอาการเจ็บ ปวดที่ขาที่หักสาเหตุที่เกิดจากรถชน และยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบก็หมดได้เก็บตัวอย่างไป

ซื้อมารับประทานเพิ่มก็ยังไม่ดีขึ้น ทางบ้านก็ลำบากแม่มาขาหักและน้องก็ติดเตียงอีกหนึ่งคนก็ลำบากมากเลยวอนหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือหน่อย ช่วยเยียวยารักษาให้ดีขึ้น หมอก็นัดไปตัดไหมและในวันที่ 25 ก็จะเข้าไปเอกซเรย์ดูล

บาดแผลอีกครั้ง ที่ รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
วอนผู้ใจบุญบริจาคช่วยเหลือให้ยายแต๋ว กลิ่นอบเชย แม่สู้ชีวิตได้ที่ ธนาคาร ออมสิน ชื่อบัญชี นางแต๋ว กลิ่นอบเชย บัญชีเลขที่ 020264161413

ธนากร โกศลเมธี ภาพ/ข่าว รายงาน 0818923514

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / รณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคแอนแทรกซ์ในโค กระบือ แพะ พื้นที่เสี่ยง

แชร์เนื้อหานี้

ปศุสัตว์จังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคแอนแทรกซ์ให้แก่ โค กระบือ และแพะ ของเกษตรกรในหมู่บ้านชายแดนของ 4 อำเภอ แล้ว 2,152 ตัว

นายสัตวแพทย์ธีร์ พูดเพราะ ปศุสัตว์จังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าตามที่มีข่าวผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคแอนแทรกซ์ในจังหวัดมุกดาหาร กรมปศุสัตว์จึงสั่งการให้จังหวัดชายแดนได้เข้มงวดดำเนินการป้องกันโรคในสัตว์ เนื่องจากโรคแอนแทรกซ์เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย

ที่ทำให้สัตว์ป่วยและตายกระทันหัน ซากจะนิ่ม เน่าอืดเร็ว โดยจะเริ่มแสดงอาการหายใจลำบาก เดินโซเซ กล้ามเนื้อสั่น และอาจจะเห็นมีเลือดออกทางปาก จมูก และทวาร ซึ่งเลือดจะมีกลิ่นเหม็นและไม่แข็งตัว โดยโรคนี้จะสามารถติดต่อได้จาก การหายใจเอาสปอร์ของเชื้อโรค การกินหญ้าที่มีสปอร์ของเชื้อโรค หรือการสัมผัสเชื้อโรคทางบาดแผล หรือผิวหนังเยื่ออ่อน

ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดบึงกาฬ และเจ้าหน้าที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ พื้นที่ชายแดนทั้ง 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองบึงกาฬ อำเภอปากคาด อำเภอบุ่งคล้า และอำเภอบึงโขงหลง ร่วมกับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคแอนแทรกซ์ให้แก่ โค กระบือ และแพะ ของเกษตรกรในหมู่บ้านชายแดน

ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2568 เป็นต้นมา เพื่อป้องกันการเกิดโรคแอนแทรกซ์ในสัตว์ ซึ่งได้ฉีดวัคซีนให้แก่ โค กระบือ และแพะ ยอดสะสม ณ วันที่ 17 มิถุนายน 2568 จำนวน 2,152 ตัว คิดเป็นร้อยละ 71.73 ของเป้าหมาย 3,000 ตัว โดยเป็นโคเนื้อ จำนวน 1,309 ตัว กระบือ จำนวน 821 ตัว และ แพะ จำนวน 22 ตัว และจะเร่งดำเนินการให้ครบตามเป้าหมายที่กำหนดโดยเร็ว เพื่อให้เกิดภูมิกันฝูงที่สามารถป้องกันโรคในสัตว์ในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปศุสัตว์จังหวัดบึงกาฬ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคแอนแทรกซ์เป็นโรคสัตว์ติดคน แต่ไม่เคยมีรายงานการเกิดโรคในสัตว์ในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ และจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าระวังโรคอย่างเข้มข้นและอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันก็ไม่พบการเกิดโรคในสัตว์แต่อย่างใด เพื่อความปลอดภัย จึงขอให้พี่น้องเกษตรกรและประชาชนชาวจังหวัดบึงกาฬ

หากพบสัตว์ป่วยที่มีอาการดังกล่าวข้างต้นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อาสาปศุสัตว์ หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้านโดยด่วน และขอให้บริโภคเนื้อสัตว์ที่มีการฆ่าในโรงฆ่าสัตว์ที่มีใบอนุญาต ผ่านการตรวจจากพนักงานตรวจโรคสัตว์ประจำโรงฆ่าสัตว์แล้ว และสถานที่จำหน่ายสะอาดหรือได้รับการรับรองปศุสัตว์โอเค (ปศุสัตว์ OK) และบริโภคเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกเท่านั้น

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล จ.บึงกาฬ รายงาน

​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / น้ำป่าหลากตัดขาดถนนสายหลักมุกดาหารจาก อ.ดงหลวงไป อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568​ นายพิเชษฐ์ ศรีมารุต นายอำเภอดงหลวง สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดงหลวง และเจ้าหน้าที่ ปภ. อบต.พังแดง

ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางคมนาคมที่ได้รับความเสียหายจากฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลากอย่างต่อเนื่องในหลายวันที่ผ่านมาโดยพบว่า ทางหลวงหมายเลข 2287

ซึ่งเชื่อมระหว่าง อำเภอดงหลวง – อำเภอเขาวง ถูกน้ำซัดขาดหลายจุด โดยเฉพาะบริเวณจุดก่อสร้างสะพานข้ามห้วยมะนนท์ (ต.พังแดง)

และสะพานข้ามห้วยอีเลิศ (บ้านติ้ว-พังแดง) เส้นทางเบี่ยงถูกตัดขาด ไม่สามารถสัญจรได้

ขณะที่บริเวณ บ้านโพนไฮ – โพนสว่าง (ต.หนองแคน) แม้ยังสามารถสัญจรได้ แต่ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกน้ำกัดเซาะจนขาดเช่นกัน

นายอำเภอดงหลวง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ประสานหน่วยงานรับผิดชอบเร่งเข้าซ่อมแซม

และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว โดยให้ใช้เส้นทางรองผ่านหมู่บ้านใกล้เคียงแทนเพื่อความปลอดภัย

น้ำป่าหลาก #ถนนขาดมุกดาหาร #ดงหลวง #เขาวง #กาฬสินธุ์ #ฝนตกหนัก #ภัยพิบัติธรรมชาติ #ข่าววันนี้​ ภาพ/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​