คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวสังคม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กปฐมวัยจังหวัดน่าน ครั้งที่ ๑/๒๕๖๘

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๘ จังหวัดน่านจัดประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กปฐมวัยจังหวัดน่าน ครั้งที่ ๑/๒๕๖๘ ณ ห้องประชุมสิริศึกษา

สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดน่าน ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ประธานคณะอนุกรรมการฯ ได้มอบหมายให้นายบรรจง ขุนเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน

เป็นประธานการประชุมฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามผลการดำเนินงานการพัฒนาเด็กปฐมวัยระดับจังหวัดในปีงบประมาณ 2568 และแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเด็กปฐมวัยในระดับพื้นที่ 6 อำเภอในจังหวัดน่าน

ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยผู้แทนจาก กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา

วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ สถาบันรักลูก (เลิร์นนิ่ง กรุ๊ป) และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยมีศึกษาธิการจัหวัดน่านเป็นคณะอนุกรรมการและเลขาฯ มติที่ประชุมขอให้จังหวัดนำนโยบาย 3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม

และการส่งเสริมพัฒนาทักษะสมอง EF เด็กปฐมวัย เป็นวาระของจังหวัดน่าน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / SVL กรุ๊ป สานพลังรัฐ-ชุมชน ดูแลสิ่งแวดล้อม ปลูกต้นไม้กว่า 600 ต้น ปลูกป่าเพิ่มเย็น อ.บางสะพาน

แชร์เนื้อหานี้

เอสวีแอล กรุ๊ป (SVL Group) จัดโครงการ “ปลูกป่าเพิ่มเย็น” ปี 2568 ร่วมกับภาครัฐและชุมชน ปลูกต้นไม้ทั้งป่าบกและป่าชายเลนรวมกว่า 600 ต้น

สร้างสมดุลธรรมชาติและเพิ่มพื้นที่สีเขียวในพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้โครงการ “ปลูกป่าเพิ่มเย็น” ปี 2568 ณ พื้นที่สาธารณะ หมู่ 7 บ้านหนองมงคล ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและเพิ่มพื้นที่สีเขียว สร้างความสมดุลทางธรรมชาติ และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างองค์กรกับชุมชนในพื้นที่โดยได้รับเกียรติจาก นายจิรศักดิ์ ติณสุวรรณ

ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง (ปลัดอาวุโส) อำเภอบางสะพาน เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยผู้บริหารจาก เอสวีแอล กรุ๊ป นำโดย นายอุดม สดใส กรรมการผู้จัดการ บจก.ไลน์ ทรานสปอร์ต และ นายชัชวาลย์ อิ่มบัญชร ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมภายนอก

รวมถึงทีมพนักงาน หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ครู นักเรียน และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรมรวมกว่า 150 คน พร้อมร่วมกันปลูกต้นไม้หลากหลายชนิด ทั้งในพื้นที่ป่าบกและป่าชายเลน โดยได้รับการสนับสนุนพันธุ์ไม้จากศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และศูนย์เพาะชำกล้าไม้จังหวัดชุมพร

การปลูกป่าในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มอากาศบริสุทธิ์ แต่ยังช่วยป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งและเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำในอนาคต โครงการ “ปลูกป่าเพิ่มเย็น” ตอกย้ำพันธกิจของ เอสวีแอล กรุ๊ป ที่มุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืน

ให้กับชุมชนและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ โดยเชื่อว่าการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนคือพลังสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนสังคมให้เติบโตไปพร้อมกับธรรมชาติอย่างสมดุล
///////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เชฟบุญมีจากแบรนด์มาสเตอร์เค้กมอบตำราสูตรลับให้ผู้ต้องขังหญิง

แชร์เนื้อหานี้

เรือนจำกลางจังหวัดนครปฐม เชิญเชฟระดับประเทศคือเชฟ บุญมี จากแบรนด์ มาสเตอร์ เค้กสัญจรทั่วไทย มาเป็นวิทยากรให้ความรู้ แบบหมดเปลือกกับผู้ต้องขังหญิงกว่า40คน ได้นำสูตรลับของเชฟระดับประเทศไปถ่ายทอดสร้างอาชีพหลังพ้นโทษ

นายนพรัตน์ หมอกมืด ตำแหน่งเจ้าพนักงานอบรมและฝึกวิชาชีพอาวุโส เรือนจำกลางจังหหวัดนครปฐม กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ทางเรือนจำมีนโยบายที่จะฝึกอาชีพให้กับผู้ต้องขังทั้งชายและหญิง เพื่อเมื่อเวลาพ้นโทษออกเรือนจำไปแล้วจะได้มีวิชานำไปประกอบอาชีพเพื่อเลี้ยงชีพตนเองและครอบครัวได้ ทั้งนี้ต้องรับนโยบายมาจากผู้บัญชาการเรือนจำที่รับมาจากกรมราชทัณน์อีก

ที่หนึ่งที่ต้องการจะให้ผู้ต้องขังได้ฝึกอาชีพหลังพ้นโทษ และเน้นไปที่การฝึกอาชีพได้จริงนำไปประกอบอาชีพได้จริง และการฝึกอาชีพด้านการทำเบเกอร์รี่ ก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ทางตลาดมีความต้องการมาก วันนี้ตนจึงได้เรียนเชิญวิทยากรที่โด่งดังระดับประเทศอยู่ในขณะนี้ คือเชฟ บุญมี เจ้าของแบรนด์ มาสเตอร์ เค้กสัญจร ทั่วไทยมาเป็นวิทยากรฝึกทำอาชีพ เบเกอร์รี่ ในวันนี้ที่เรือนจำจังหวัดนครปฐม ในเรือนจำนักโทษหญิง

นายนพรัตน์เผยต่อไปอีกว่าที่เรือนจำจังหวัดนครปฐมแห่งนี้ เรามักจะฝึกอาชีพที่หลากหลาย อาทิ การฝึกแกะสลักช่างไม้ การฝึกอาชีพทอผ้า การฝึกอาชีพด้านการซักรีดที่รับจากบุคคลภายนอกเข้ามาซักและบริการ การฝึกการปรุงอาหารและเบเกอร์รี่ นอกจากนี้เรายังมีครัวเพื่อยกระดับมาตรฐาน และได้ระดับมาตรฐาน (SAN)

พร้อมจัดเบรค จัดงานเลี้ยงต่างๆ และฝีมือของผู้ต้องขังนับว่าไม่แพ้ภัตตาคารข้างนอกเลย นอกจากนี้ยังมีร้านกาแฟอยู่3ที่ จุดที่1 บริการญาตผู้มาเยี่ยม จุดที่2 เป็นร้านคอฟฟี่ที่อยู่เรือนจำชายและ จุดที่3 อยู่ที่แดน7ของผู้ต้องขังหญิง นอกจากนี้ทางเรือนจำยังมีศูนย์แคร์เพื่อคอยติดตามผู้ที่ฝึกอาชีพออกไปแล้วสามารถ ดูแลตนเองได้หรือไม่ คอยให้คำแนะนำอยู๋ตลอดเวลาเพื่อให้เขาสามารถเลี้ยงชีพตนเองและมีชีวิตที่ดีหลังพ้นโทษไปแล้ว นายนพรัตน์กล่าว

ทางด้านเชพบุญมี อาสาสร เจ้าของเค้กแบรนด์ดังมาสเตอร์เค้กสัญจร กล่าวว่าตนยินดีและตอบรับอย่างเร็วมากเนื่องจากอยากนำความรู้ที่ตนได้เรียนไปถ่ายทอดให้กับน้องๆผู้ต้องขัง ได้นำไปประกอบอาชีพหากพ้นโทษออกไปอยู่ภายนอกแล้วแล้วตนอยากถ่ายทอดวิชาความรู้ที่ตนเองสั่งสมมาเป็นบุญเป็นกุศลให้พวกเขาเหล่านี้ได้นำไปประกอบวิชาชีพในชีวิตต่อไป แล้ววันนี้

ตนก็ได้ นำสูตรลับความอร่อยของตนเองนำมามอบให้กับเรือนจำนครปฐม แห่งนี้แบบหมดเปลือกพร้อมสอนสูตรตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนจบกระบวนการทีเดียว แบบไม่มีกั๊กเอาไว้ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ได้ร่วมแข่งขันประสบการณ์ความรู้ที่เรามีให้กับน้องๆผู้ต้องขังในวันนี้

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / งานมุทิตาจิตเกษียนอายุราชการ นายทินพล เฉลิมพสุธา นายอ.คอนุสาร อำลาชีวิตราชการแล้ว

แชร์เนื้อหานี้

งานมุทิตาจิตเกษียนอายุราชการเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีตลอดจนมุ่งมั่นเสียสละอุทิศตน

เพื่อราชการ แด่นายทินพล เฉลิมพสุธา นายอำเภอคอนุสาร ก่อนอำลาชีวิตราชการ ประจำปี 2568

11:36 จ่ากบ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 เวลา 18.00 น. พิธีบายศรีสู่ขวัญ ผูกข้อต่อแขน นายทินพล เฉลิมวสุธา นายอำเภอ

คอนสาร ก่อนอำลาชีวิตราชการและย่องคุณงามความดี ประวัติรับราชการผลงานเด่นเป็นที่รักใคร่แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาและประชาชน

เป็นบุคคลที่อุทิศตนเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ สังคมมาโดยตลอดซึ่งกำลังจะเข้าสู่ชีวิตแบบอิสระ ต่อจากนั้นนายทินพลฯได้

กล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานตบท้ายด้วยการมอบของชำร่วยและดอกกุหลาบแดงสด

บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและสนุกสนาน โดยมีแขกผู้มีเกียรติร่วมงานล้วนระดับวีไอพี นายอำเภอ

ผู้กำกับการ คหบดี ผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารท้องถิ่น องค์การบริหาร เทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ กำนัน

ผู้ใหญ่บ้านและประชาชนร่วมงานมากมาย ณ.หอประชุมอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ 11:36 จ่ากบ แก้ตก/ และยกย่องคุณงามความดี

สื่อรัฐนิวส์*สื่อรัฐทีวี / ป้องกัน ลดยอดอัตราป่วยและเสียชีวิต Non-Communicable Diseases (NCDs)

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 สาธารณสุขระดมหมอ แกนนำ อสม.ทั้งจังหวัด ติวเข้มขับเคลื่อนดูแลสุขภาพประชาชนป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(NCDs)ลดยอดอัตราป่วยและเสียชีวิต Non-Communicable Diseases หรือ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เป็นกลุ่มโรคที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อโรค และไม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้

แต่เป็นโรคที่เกิดจากนิสัยและพฤติกรรมการดำเนินชีวิต เช่น การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม การขาดการออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ และความเครียด. กลุ่มโรคนี้มีลักษณะดำเนินโรคอย่างช้าๆ ค่อยๆ สะสมอาการ และมักเป็นเรื้อรัง. ตัวอย่างโรค NCDs ที่พบได้บ่อย ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด, เบาหวาน, โรคไตเรื้อรัง, โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง และมะเร็ง

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 23 ก.ย.68 ที่โรงแรมมรกตทวิน อ.เมือง จ.ชุมพร นางเดือนเพ็ญ เคี่ยนบุ้น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธาธารณสุขและเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชน เพื่อขับเคลื่อนงานส่งเสริมปีองกันโรค NCDs จังหวัดชุมพร โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมนายแพทย์สาธารณสุขอำเภอทุกอำเภอเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากโรงพยาบาลทุกแห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และสำนักงานสาธารณสุข จังหวัดศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาลคณะกรรมการชมรมอสม. หน่วยบริการสาธารณสุขทุกแห่ง และ อสม 320 คน

นางสาวสุดารัตน์ วงศ์นัฏจิรา หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาคุณภาพและรูปแบบบริการ สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดชุมพร กล่าวรายงานว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขและเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชน เพื่อขับเคลื่อนงานส่งเสริมป้องกันโรค NCDs จังหวัดชุมพร ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) เล็งเห็นว่ากลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ถือเป็น
ปัญหาใหญ่ที่กำลังทวีความรุนแรง

จากสถิติติผู้เสียชีวิตจากกลุ่มโรค NCDs ในปี พ.ศ.2562 พบว่าสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรโลกทั้งหมดมีถึง 63% ที่เกิดจากกลุ่มโรค NEDs สำหรับประเทศไทยสถิติล่าสุดพบว่า 14 ล้านคน พบในกลุ่มโรค NCDs เป็นสาเหตุหลักการเสียชีวิตของประชากรทั้งประเทศ โดยจากสถิติปี พ.ศ.2562 พบว่ามีประชากร
เสียชีวิตจากกลุ่มโรค NCDs มากกว่า 300,000 คน หรือคิดเป็น 73% ของการเสียชีวิตของประชากรไทยทั้งหมด มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจถึง 200,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งกลุ่มโรค NCDs ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคถุงลมโป้งพอง และโรคอ้วนลงพุง

กระทรวงสาธารณสุขจึงหนดเป็นนโยบายเร่งด่วนให้ อสม.มีส่วนร่วม เพื่อให้คนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(NCDs) ได้ด้วยกลไก อสม.สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชุมพร มีความตระหนักและเห็นความของปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs

จึงมีความจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพบุคลากรสารณสุขและภาคีเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้บุคลากรและเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชนมีความรู้ความสามารถในการขับเคลื่อมงานป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และเพื่อลดปัญหาโรค

NCDs เพื่อให้บุคลากรและเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชนร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานศูนย์คนไทยห่างไกล NCDs ในสถานบริการสาธารณสุขให้ครบทุกแห่ง การจัดตั้งสถานีสุขภาพในทุกหมู่บ้านของจังหวัดชุมพร Hulth station เพื่อให้บุคลากรและเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชนได้แลกเปลี่ยนและขับเคลื่อนการดำเนินงานสุขภาพภาคประชาชนร่วมกับชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขจังหวัดชุมพร

สำหรับวิทยากร ที่ให้ความรู้ประกอบด้วย นายแพทย์ภัคพล ปัญจจิตติ นายแพทย์ชำนาญการ โรงพยาบาลสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ นายชาตรี เบญญาพันธุ์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สสอ.เหนือคลอง และนางสาววรุญยุภา ยุติมิตร พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.สต.บ้านบางผึ้ง จังหวัดกระบี นายบุญสิงห์ แก้วสุข อสม.ดีเด่นระดับชาติ สาชา NCD ปี 2566 จังหวัดกระบี่

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / วัดกุดสมิง นำปลอกลูกกระสุนปืนใหญ่ไทย เพื่อเป็นมวลสาร หล่อพระกรุตสมิงชัยมงคล รุ่น ปิตุภูมิพิทักษ์ มอบทหารกล้า – ตชด.ตามแนวชายแดน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 23 กันยายน 2568 ที่ วัดป่ากุดสมิง ตำบลหนองหว้า อำเภอเบ็ญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ญาติ โยม ประชาชน รู้จักกันว่าเป็นวัดป่าที่มีป่าอุดมสมบูรณ์ มีต้นไม้ใหญ่ บนพื้นที่ 362 ไร่ เป็นป่าธรรมชาติ ด้านหลังวัด มีอ่างเก็บน้ำกุดสมิง โดยมีญาติโยมมาสร้างองค์พญานาค 5 ตระกูล และองค์พระพุทธรูป พระประธาน และปู่สมิง ที่สวมชุดทหารกล้า ไว้นานแล้ว

เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชน มากราบไหว้ขอพร ผู้ที่มีศรัทธา มาขอพรแล้วเป็นจริง จึงทำให้มีญาติโยม ประชาชนมาขอพรมิได้ขาด โดยเฉพาะ กับพระอาจารย์ สมนึก ปิยสิโล หรือ พระครูปิยวนารักษ์ ญาติโยมสายมู เคารพ เชื่อมั่น ศรัทธา ในวันที่เกิดการยิงปะทะของกองกำลังชายแดน ได้มีญาติโยม อพยพมาพักอาศัยที่วัด วันนี้ได้มีนายทหาร นำปลอกกระสุน ลูกปืนใหญ่ ที่ทหารไทยยิงสู้รบกับกองกำลังต่างชาติ

จนชนะ นำมาถวายให้กับทางพระอาจารย์ ที่มีแนวคิดที่จะเทหล่อ พระพุทธรูปกรุตสมิงชัยมงคล ขนาด 30 นิ้ว 5 องค์ เพื่อนำไปประดิษฐานที่ชายแดน จังหวัดบุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี พร้อมที่วัดอีก 1 องค์ และยังมีหัวสบู่เลือด สมุนไพรไทย จากภูเขาสูง หายาก อายุ 100 ปี จะได้มีหัวใหญ่ขนาดนี้ นำมาร่วมกับลูกกระสุนดังกล่าว มาทำเป็นมวลสาร หล่อพระผงกรุตสมิงชัยมงคล รูปสีธงชาติไทย และสีลายทหาร รุ่น ปิตุภูมิพิทักษ์2568 ใน 4 รูปแบบ ต่อ 1 ชุด เพื่อนำไปมอบให้ทหารที่ปฎิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา คุ้มครองให้ทหารแคล้วคลาด ปลอดภัย เพื่อปกป้องรักษาอธิปไตยของไทย ไว้ให้ลูกหลาน

พระครูปิยวนารักษ์ กล่าวเชิญชวนญาติโยม ว่า เจริญพรญาติโยมทุกคน ในวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่ วัดป่ากุดสมิง ตำบลหนองหว้า อำเภอเบ็ญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จะมีพิธีเททองหล่อ พระพุทธรูปกรุตสมิงชัยมงคล เพื่อเป็นสิริมงคล เพื่อนำไปประดิษฐาน ไว้ตามแนวชายแดน และอีกส่วนหนึ่ง ก็ได้รับการถวายลูกกระสุนปืนใหญ่ ปืนเล็ก เอ็ม16 มาประกอบพิธีพลีมวลสาร เป็นพระผงกรุตสมิงชัยมงคล

รุ่น ปิตุภูมิพิทักษ์ เพื่อนำไปมอบให้ เป็นขวัญกำลังใจกับทหารกล้าตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ทั้ง 4 จังหวัด พร้อมกับญาติโยม ทั้งหลายที่สนใจ ศรัทธา จึงขอเชิญชวนญาติ – โยม ทุกท่าน มาร่วมเททองหล่อพระ ด้วยกัน วันเสาร์ที่ 27 กันยายน เริ่มเวลา 09.09 น.กับพิธีบวงสรวง พิธีเททองหล่อพระ รำถวายองค์พญานาค ปล่อยปลาลงกุดสมิง แจกทานข้าวสาร และมอบโลงศพให้มูลนิธิกู้ภัยฯ ตำบลจานใหญ่ เพื่อมอบต่อให้กับศพไร้ญาติต่อไป


ขณะที่นายเมฆ ปะวาโร ลูกศิษย์วัดกุดสมิง เปิดเผยว่า วันนี้ผมมาขอเชิญชวนพี่ๆ เพื่อนๆ มาเข้าร่วมพิธี ในวันที่ 27 กันยายน 2568 นี้ จะมีพิธีบวงสรวง ท้าวเวสสุวรรณ จะมีพี่น้ำ ระพีพัฒน์ มาร่วมแจกทานข้าวสาร จำนวน 2 ตัน กับญาติโยมที่มาร่วมงาน ร่วมพิธีเททองหล่อพระกรุตสมิง หน้าตัก 30 นิ้ว สูง 30 นิ้ว ทั้งหมด 5 องค์ เพื่อนำไปประดิษฐานที่แนวชายแดน 4 จังหวัดๆ ละองค์ คือที่ชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี และไว้ที่วัดกุดสมิง อีก 1 องค์

โดย พระอาจารย์ สมนึก ปิยสิโล เจ้าอาวาสวัดป่ากุดสมิง มีเจตนาที่จะดูแล สร้างขวัญ กำลังใจ ให้กับพี่น้องทหาร และประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะ ตามแนวชายแดน ทั้งบ้านเรือน – ครอบครัวประชาชน, วัด, โรงเรียน และรพ.สต.ดังกล่าว
//////////////////////
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐนิวส์*สื่อรัฐทีวี / “บึงกาฬ พร้อมแล้ว! ไทย–ลาว ดันท่องเที่ยวข้ามพรมแดนสู่ระดับโลก”

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 22 กันยายน 2568 ณ โรงแรมเดอะวัน จังหวัดบึงกาฬ นายสมหวัง อารีย์เอื้อ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นผู้แทนจังหวัด กล่าวต้อนรับคณะทำงานจัดทำและขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ครั้งที่ 1 ซึ่งจัดขึ้นโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

การประชุมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวข้ามพรมแดน ภายใต้แนวคิด “Two Countries, One Destination” มุ่งยกระดับเส้นทางท่องเที่ยวและวัฒนธรรมร่วมกันของสองประเทศ

ให้เกิดความเข้มแข็งและยั่งยืนในระดับภูมิภาค โดยจังหวัดบึงกาฬในฐานะพื้นที่ชายแดนที่มีศักยภาพทั้งด้านธรรมชาติ วัฒนธรรม และประเพณี พร้อมสนับสนุนการดำเนินงานในทุกมิติ เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของลุ่มน้ำโขงตอนบน

นายณรงค์ศักดิ์ คุรุพันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้เป็น “Mission ด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญ” ซึ่งจะสร้างประโยชน์ต่อประชาชนบึงกาฬในระยะยาว โดยเฉพาะเยาวชนรุ่นใหม่ เนื่องจากที่ประชุมมีความเห็นพ้องร่วม

กันในการพัฒนาการท่องเที่ยวเชื่อมโยงผ่าน สะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 5 จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นประตูสู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แต่ยังเชื่อมต่อไปยังเวียดนาม จีน และออกสู่ทะเล ทำให้บึงกาฬกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญด้านการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุนในระดับนานาชาติ

สำหรับการประชุมครั้งที่ 1 ในปี 2568 นี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการความร่วมมือไทย–ลาวอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมช่วงปี 2569–2571 (2026–2028) โดยได้กำหนดให้การประชุมครั้งที่ 2 จะมีขึ้นในปีถัดไป ซึ่งฝ่ายลาวจะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ

บรรยากาศการประชุมเต็มไปด้วยมิตรไมตรีและความมุ่งมั่นจากทั้งสองฝ่าย ต่างมองไปสู่อนาคตที่สดใสของการท่องเที่ยวร่วมกัน เพื่อยกระดับพื้นที่ชายแดนไทย–ลาว สู่เวทีการท่องเที่ยวระดับโลก
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา จัดประชุมวิชาการนานาชาติ “International Cardiology Conference 2025”

แชร์เนื้อหานี้

ที่ห้องประชุม Seaboard Ballroom ชั้น 17 โรงแรม Hilton Pattaya จ.ชลบุรี โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ได้จัดประชุมวิชาการนานาชาติ “International Cardiology Conference 2025” พันธมิตรระดับโลก Mayo Clinic ร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และร่วมขับเคลื่อนความรู้หัวใจในทุกมิติ – ป้องกัน รักษา ฟื้นฟู แบบ 360°

     การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์ของศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ในการเป็นผู้นำด้านโรคหัวใจในภูมิภาค ด้วยแนวคิด “Heart Care 360°” ที่ให้ความสำคัญกับทุกมิติของการดูแลหัวใจ ทั้งการป้องกันโรค (Preventive), การรักษาด้วยหัตถการขั้นสูง (Interventional), การดูแลหลังการรักษา (Rehabilitation) รวมถึงการดูแลเชิงลึกด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

     โดยการประชุมแบ่งออกเป็น 2 หัวข้อหลัก ได้แก่ 1. Preventive Cardiology มุ่งเน้นการป้องกันโรคหัวใจตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เช่น แนวทางการลดความเสี่ยงด้วยการประเมินแบบ Personalized Risk Score การใช้อัลกอริทึมในการวางแผนการดูแลหัวใจ แนวโน้มอาหารเพื่อสุขภาพหัวใจ Cardiac

Rehabilitation เชิงดิจิทัล และ 2.Interventional Cardiology เจาะลึกเทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุดในการรักษา เช่น หัตถการเปิดหลอดเลือดในกรณี Chronic Total Occlusion (CTO) การรักษาโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบด้วย TAVI การดูแลภาวะ STEMI และ MINOCA การประยุกต์ใช้ Imaging และ AI ในการวินิจฉัยโรคหัวใจ

     หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงานคือการร่วมบรรยายและแลกเปลี่ยนประสบการณ์โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก Mayo Clinic, Rochester, Minnesota, USA สถาบันการแพทย์ระดับโลกที่มีชื่อเสียงด้านโรคหัวใจอันดับต้น ๆ ของโลก นำโดย Dr. Francisco Lopez-Jimenez, MD, FACC – ผู้เชี่ยวชาญด้าน Preventive Cardiology, Dr. Rajiv Gulati, MD, PhD, FACC – ผู้เชี่ยวชาญด้าน Interventional Cardiology

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ศรีสะเกษสุดคึกคัก เปิดงาน “รำลึกพระยาไกรภักดี แซนโฎนตา บูชาหลักเมือง ลือเลื่องกล้วยแสนหวี 2568”

แชร์เนื้อหานี้

ขบวนแห่ 24 ขบวนอลังการ ช้าง 7 เชือกนำขบวน แสงสีเสียงนักแสดงท้องถิ่นกว่า 500 ชีวิต ฮือฮา จุดธูปเลขขอโชคลาภได้ “738” เมื่อเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 19 กันยายน 2568 ที่ลานอนุสาวรีย์พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน (ตากะจะ) อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ประชาชนหลั่งไหลมาร่วมชมพิธีเปิดงาน “รำลึกพระยาไกรภักดี แซนโฎนตา บูชาหลักเมือง ลือเลื่องกล้วยแสนหวี ประจำปี 2568” กันอย่างเนืองแน่น

โดยมี นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ นักเรียน นักศึกษา และชาวบ้านจากทุกตำบลในอำเภอขุขันธ์เข้าร่วมอย่างคับคั่งสำหรับงานดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของ ประเพณีแซนโฎนตา ซึ่งเป็นพิธีรำลึกบรรพบุรุษตามความเชื่อของชาวเขมร และเพื่อปลูกฝังให้เยาวชนรู้จักกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ สืบสานวัฒนธรรมอันดีงามให้คงอยู่คู่ท้องถิ่น

ซึ่งในช่วงก่อนพิธีเปิด ได้มีขบวนแห่จาก 23 ตำบล รวม 24 ขบวน ที่ถูกจัดขึ้นอย่างสวยงามยิ่งใหญ่ แต่ละขบวนได้นำเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่น ทั้งขบวนพระ ขบวนจำลองสถานที่สำคัญ และการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านที่หาชมได้ยากโดยขบวนสุดท้าย เป็นขบวนช้าง 7 เชือก ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ประชาชน โดยมี นายพงษ์ธร จันทร์สวัสดิ์ นายอำเภอขุขันธ์ พร้อมภรรยา นั่งนำขบวน และหัวหน้าส่วนราชการหลายหน่วยงานร่วมขบวนมาด้วย

นอกจากความงดงามอลังการแล้ว ยังมีการจัด ขบวนล้อเลียนกระแสสังคม เช่น ขบวนล้อเลียนข่าวพระกับสีกา ซึ่งคณะผู้จัดงานยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาลบหลู่พระพุทธศาสนา แต่ต้องการสะท้อนปัญหาสังคมให้เห็นอย่างตรงไปตรงมา และสร้างจิตสำนึกให้พระสงฆ์และญาติโยม โดยขบวนดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งสีสันของงานที่เรียกเสียงฮือฮาจากประชาชนผู้ร่วมชมได้อย่างมาก

หลังพิธีเปิด มีการประกอบพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษตามประเพณี โดยแต่ละตำบลจัดเตรียม พานบายศรี เครื่องเซ่น เครื่องบูชา มาร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง ขณะที่ ตำบลปราสาท ได้ทำการจุดธูปเลขเพื่อขอโชคลาภกับบรรพบุรุษ โดยตัวเลขที่ได้คือ 738 สร้างความฮือฮาให้กับประชาชนที่มาร่วมงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า งานดังกล่าวเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน และจะมีไปจนถึงวันที่ 23 กันยายน 2568 รวมระยะเวลา 9 วันเต็ม ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย เช่น มหกรรมสินค้า OTOP “อะไรก็ดีที่ศรีสะเกษ” รวบรวมสินค้าพื้นบ้านให้เลือกซื้อ การประกวด กล้วยงามเมืองขุขันธ์, ผ้าไหม, เสื้อแส่ว และการแสดงสารคดีประวัติศาสตร์ แสง–สี–เสียงสุดตระการตา เรื่อง “ขุขันธ์ เป็นเมืองเป็นชาติ ด้วยรอยบาทพระราชา ฝากคมศาตรา ขับล้างอดิราชแผ่นดิน” ซึ่งใช้นักแสดงท้องถิ่นกว่า 500 คน

ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / โครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ปีงบประมาณ 2568 จำนวน 4 โครงการ

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 19 กันยายน 2568 เวลา 09.30 น. สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดน่าน จัดประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จังหวัดน่าน ครั้งที่ 9/2568

โดยมีนายบุญยงค์ สดสอาด เป็นประธาน และนางณัติกานต์ บุญเจริญ หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดน่าน ทำหน้าที่อนุกรรมการและเลขานุการ ณ ห้องประชุมเจ้าสุมนเทวราช (ชั้น 6) ศาลากลางจังหวัด อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน

โดยมีวาระพิจารณาในที่ประชุม ดังนี้
1.พิจารณากลั่นกรองแผนและโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ปีงบประมาณ 2568 จำนวน 4 โครงการ

2.พิจารณาการขึ้นทะเบียนหนี้เกษตรกร ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม 2568 – 19 กันยายน 2568 จำนวน 36 ราย จำนวน 106 บัญชี มูลหนี้ 15,857,742.33 บาท (สิบห้าล้านแปดแสนห้าหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยสี่สิบสองบาทสามสิบสามสตางค์)