คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวสังคม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ฝึกซ้อมแผนการจัดการอุบัติเหตุและการกู้ภัยทางทะเล เตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติทางทะเล

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันนี้(13 ส.ค. 68) นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย พล.ต.สมคิด ชูเผือก ผบ.มทบ.44, น.อ.ชำนาญ สอนแพง รอง ผอ.ศรชล.จว. ชพ.

ร่วมในพิธีเปิดการฝึกซ้อมแผนการจัดการอุบัติเหตุและการกู้ภัยทางทะเลจังหวัดชุมพร โดยศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดชุมพร จัดขึ้น ระหว่าง วันที่ 13 – 15 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรมมรกตทวิน อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยพิบัติหรืออุบัติเหตุทางทะเลในพื้นที่

เรือโท ณัฐพล สนธิโพธิ์ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน ศรชล. จังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า ศรชล.จังหวัดชุมพร จัดการฝึกซ้อมแผนการจัดการอุบัติเหตุและการกู้ภัยทางทะเลจังหวัดชุมพร มีวัตถุประสงค์เพื่อทำการฝึกซ้อมทบทวนแผนการปฏิบัติของแต่ละหน่วยงาน

ให้มีความสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งตรวจสอบ อุปกรณ์เครื่องมือและเครื่องใช้ต่าง ๆ ในการให้ความช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุในทะเล เพื่อนำข้อมูลมาใช้เป็นแนวทางในการจัดทำแผนเผชิญเหตุของจังหวัดชุมพร รวมทั้งจัดให้มีการฝึกการปฏิบัติการในทะเล

โดยแบ่งการฝึกออกเป็น 2 ช่วง ประกอบด้วย การอบรมให้ความรู้จากวิทยากรผู้มีความรู้ความสามารถของสำนักงาน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ ศรชล.ภาค 1 และช่วงที่ 2 เป็นการฝึกภาคสนาม ภาคทะเล เป็นการฝึกจำลองจากสถานการณ์จริง ที่เคยเกิดเหตุ

ในทะเลพื้นที่จังหวัดชุมพร เพื่อให้หน่วยงานและผู้เข้าร่วมการฝึก ได้ทบทวนแผนเผชิญเหตุการบัญชาการเหตุการณ์ รวมทั้งการประสานสอดคล้อง ระหว่าง หน่วยปฏิบัติภาคทะเลกับภาคพื้น ตลอดจนเสริมสร้างประสิทธิภาพ การทำงาน แบบบูรณาการ ณ บริเวณพื้นที่ทางทะเลหน้าหาดปากน้ำชุมพร ต.ปากน้ำชุมพรฯ

นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่า จังหวัดชุมพรมีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลความยาว กว่า 200 กิโลเมตร ที่ผ่านมามีภัยพิบัติหรืออุบัติเหตุทางทะเล เกิดขึ้นบ่อยครั้ง มีเหตุการณ์ที่สำคัญอาทิ พายุเกย์ หรือเรือขนส่งสินค้าอับปาง รวมทั้งเรือประมงของพี่น้องประชาชนในพื้นที่

ในการฝึกครั้งนี้ มีทั้งการอบรมให้ความรู้ การฝึกเชิงปฏิบัติการ และการฝึกภาคสนาม การทบทวนแผนปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งตรวจสอบเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ เพื่อนำมาเป็นข้อมูล จัดทำเป็นแผนเผชิญเหตุของจังหวัด เตรียมความพร้อมในการรับมือกับอุบัติภัยหรือภัยพิบัติทางทะเลของจังหวัดชุมพรต่อไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สภ.โคกสำโรง ร่วมมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง ตรวจค้นหาผู้เสพยาเสพติด

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 13 สิงหาคม 2568 เวลา 14.00 น. พ.ต.อ. จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก. สภ. โคกสำโรง พร้อมข้าราชการตำรวจ และคณะกรรมการ กต.ตร.สภ.โคกสำโรง ภจ.ว.ลพบุรี คณะกรรมการหมู่บ้าน คณะกรรมการคุ้ม ทุกคุ้ม ร่วมดำเนินโครงการดำเนินงานตำบลยั่งยืนเพื่อ “แก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์ชาติ ด้วยการบำบัด”

ด้วยสถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง ได้ดำเนินการโครงการดำเนินงานตำบลยั่งยืนเพื่อแก้ไข ปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปีงบประมาณ 2568 เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม ถึง 10 สิงหาคม 2568 ณ หมู่บ้านท่าม่วง หมู่ที่ 1 และบ้านใหม่พัฒนา

หมู่ที่ 2 ตำบลหนองแขม อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี และได้ทำการสำรวจกลุ่มเปราะบาง (ผู้ป่วป่วยติดเตียง) ปรากฏว่า มีจำนวน 4 ราย และจะมีการมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงดังกล่าวให้ผู้ป่วย จึงเดินทางพร้อมคณะฯ เพื่อมอบสิ่งของหลายรายการให้กับทางผู้ป่วยในพื้นที่ดังนี้

  1. พื้นที่ บ้านท่าม่วง หมู่ที่ 1 จำนวน 2 ราย
  2. พื้นที่บ้านใหม่พัฒนา หมู่ที่ 2 จำนวน 2 ราย. และหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์สุข แก่ผู้ป่วยบ้างไม่มากก็น้อย ผลการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดไม่พบสารเสพติดในจำนวน 21 คน และได้นำผู้บำบัดส่งต่อความยั่งยืนสู่ศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม อบต.หนองแขม โดยมี นางพิมพ์พรรณี มีสุดเพียร นายก อบต.หนองแขม พร้อมคณะผู้บริหาร รับมอบไว้ดูแล และนัดหมายการร่วมทำกิจกรรมต่างๆหลังจากนี้ไปอีกให้ครบ 1 เดือน

สนอง แท่นสูงเนิน
ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวฯ /คณะกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จังหวัดลพบุรี. ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / คืบหน้า “ส.ส.อรอุมา” จับมือไฟฟ้าเซกา แก้ปัญหาไฟฟ้าทางการเกษตร

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางอรอุมา บุญศิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขต 2 พร้อมการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) สาขาเซกา ลงพื้นที่บ้านโชคอำนวย หมู่ 16 ตำบลท่ากกแดง อำเภอเซกา เพื่อเร่งติดตั้งและขยายระบบไฟฟ้าบริเวณเส้นทางสัญจรในพื้นที่เกษตรกรรม ตามข้อร้องขอของประชาชน

โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยในการสัญจร และสนับสนุนการทำเกษตรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ชาวบ้านจากบ้านศรีอำนวยพร หมู่ 8 และบ้านโชคอำนวย หมู่ 18 ได้ร้องขอให้ ส.ส. ช่วยผลักดันการขยายเขตไฟฟ้าทางการเกษตร นำไปสู่การลงพื้นที่สำรวจร่วมกันระหว่าง ส.ส., กฟภ.สาขาเซกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายรามิล ปฐมบงกฎสกุล หัวหน้าแผนกบริการลูกค้า กฟภ.สาขาเซกา เปิดเผยว่า ถนนเส้นนี้ไม่เคยมีการยื่นเรื่องมาก่อน ขณะนี้ผู้นำชุมชนและ ส.ส. จะเร่งรวบรวมเอกสารจากผู้เดือดร้อนส่งให้ กฟภ. ภายในวันที่ 15 สิงหาคม หลังจากนั้นจะดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อขออนุมัติงบประมาณโดยเร็วที่สุด

ด้านนางอรอุมา บุญศิริ ส.ส.บึงกาฬ เขต 2 กล่าวว่า อันดับแรกต้องขอบคุณความร่วมมือทุกฝ่าย การไฟฟ้าเซกา ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่สะท้อนปัญหามา รู้สึกดีใจและการไฟฟ้าเซกาก็ตอบรับความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที จากการได้พูดคุยกับทางไฟฟ้าเซกาทำให้เราเข้าใจในระบบของการทำงานของการไฟฟ้ามากขึ้นจุดไหนคือจุดไหน

จะได้นำการทำงานในลักษณะนี้มาชี้แจงให้ผู้นำชุมชนพี่น้องประชาชนทราบ ถ้าต้องการแก้ปัญหาที่รวดเร็ว จะให้ความร่วมมืออย่างไรจัดเตรียมเอกสารอย่างไร หากทำตามที่การไฟฟ้าแนะนำจัดทำเอกสารให้ครบถ้วนตามขั้นตอน ปัญหาต่างๆจะได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล/บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / นายก.อบจ. ส่งแบคโฮ 3 คัน ผลักดันเรือมุกดาหารปริ้นท์เซสที่เกยตื้น กลับลงแม่น้ำโขง สำเร็จ / พี่ชายคลั่ง! ยิงดับน้องชายแท้ ๆ 5 นัด เหตุ “เมาแล้วชอบหาเรื่องขัดแย้ง”

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 สืบเนื่องจากเกิดเหตุเรือ “มุกดาหารปริ้นท์เซส” เกยตื้นบริเวณบันไดอาคารท่าเทียบเรือเทศบาลเมืองมุกดาหาร ต่อมา นายภูมินทร์ สิเนหะวัฒนะ นายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร จึงได้ประสานความร่วมมือกับนายว

รายุทธ สงวนพวก เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ขอสนับสนุนรถแบคโฮของ อบจ.มุกดาหาร จำนวน 3 คัน เข้าทำการผลักดันเรือที่ติดอยู่กับพื้นถนนคอนกรีตเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง หน้าตลาดอินโดจีนมุกดาหาร

การปฏิบัติงานดำเนินไปในช่วงกลางคืน ท่ามกลางการทำงานอย่างระมัดระวังของเจ้าหน้าที่ โดยมีนายอดุลย์ ศิริมันต์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองมุกดาหารร่วมปฏิบัติการด้วย

จนสามารถดันเรือหลุดออกจากฝั่งและลอยกลับลงสู่แม่น้ำโขงได้สำเร็จ ก่อนเคลื่อนย้ายไปจอดที่ท่าเทียบเรือถนนสำราญชายโขงเหนือ เขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร เพื่อความปลอดภัย

มุกดาหาร #เรือมุกดาหารปริ้นท์เซส #แม่น้ำโขง #กู้เรือ #ข่าวมุกดาหาร #องค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร #เทศบาลเมืองมุกดาหาร #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้////ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

พี่ชายคลั่ง! ยิงดับน้องชายแท้ ๆ 5 นัด เหตุ “เมาแล้วชอบหาเรื่องขัดแย้ง”

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 พ.ต.อ.ประยุทธ​ เรือน​ทองคำ​ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร ได้รับแจ้งว่า มีเหตุยิงกันตาย ที่บ้านเลขที่ 124 หมู่ 8 บ้านโคกสูงน้อย ตำบลคำอาฮวน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร จึงสั่งการให้

พ.ต.ท.กิตติวัฒน์ คนหาญ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองมุกดาหาร เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุ พบศพ นายอาทิตย์ อินธิแสน อายุ 42 ปี นอนตายใต้ถุนบ้าน บนโต๊ะแคร่ ถูกยิงด้วยปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด .32 จำนวน 5 นัด เข้าที่ลำตัว เสียชีวิตคาที่ ในลักษณะนอนหงาย

ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายวุธ อินธิแสน อายุ 48 ปี พี่ชายแท้ ๆ ของผู้ตาย นั่งรอมอบตัวพร้อมอาวุธปืนของกลาง เบื้องต้นรับสารภาพว่าเกิดจากความขัดแย้งส่วนตัว เนื่องจากผู้ตายมักดื่มสุราจนเมาและก่อเหตุทะเลาะวิวาทบ่อยครั้งแล้วเอาอาวุธ

ปืนออกมาโชว์ ตนจึงบอกให้เอาไปเก็บโต้เถียงกันไปมา แล้วแย่งปืนกัน จนบันดาลโทสะใช้อาวุธปืนยิงน้องชายจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ธ.ก.ส.มุกดาหาร ขับเคลื่อนมาตรการตัดอ้อยสด ลดฝุ่น PM 2.5 จ่ายเงินสนับสนุนเกษตรกรแล้วกว่า 37 ล้านบาท

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ที่ห้องประชุมธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จังหวัดมุกดาหาร นายอติพิชญ์ จันทร์เพ็ง ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดมุกดาหาร แถลงข่าวยกระดับมาตรการสนับสนุนการตัดอ้อยสดคุณภาพดี เพื่อช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของภาคเกษตรยุคใหม่ที่มุ่งสู่การผลิตอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ในการนี้มีนายชัยวัฒน์ โภคสวัสดิ์ ผู้บริหารโรงงานน้ำตาลสหเรืองมุกดาหาร และนายวิละ สุดวิเศษ นายกสมาคมชาวไร่อ้อยมุกดาหาร ร่วมแถลงข่าวด้วย

นายอติพิชญ์ เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรที่ตัดอ้อยสดในอัตรา 69 บาทต่อตัน ในฤดูการผลิตปี 2567/2568 ภายใต้กรอบ Green Box ตามพันธกรณี WTO ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมการผลิตอย่างยั่งยืน

โดยปัจจุบัน ธ.ก.ส. ได้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรแล้วจำนวน 4,326 ราย รวมปริมาณอ้อยสดทั้งสิ้น 541,582.190 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 37,369,171.11 บาท ซึ่งนับเป็นความสำเร็จเชิงรูปธรรมในการลดการเผาอ้อยที่เป็นต้นตอของฝุ่น PM 2.5

นอกจากนี้ ธ.ก.ส. จังหวัดมุกดาหาร ยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับบริษัท สหเรือง จำกัด ในการรับซื้ออ้อยปลายฝน และสนับสนุนการตัดอ้อยสดในเชิงพาณิชย์ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับนโยบาย BCG (Bio-Circular-Green Economy) ที่ธนาคารให้ความสำคัญในการพัฒนาเกษตรไทยอย่างยั่งยืน

ด้านนายชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงงานน้ำตาลสหเรืองมุกดาหารได้สนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรที่ตัดอ้อยสดในอัตรา 40 บาทต่อตัน สำหรับฤดูการผลิตที่จะถึงนี้ทางโรงงานจะจำกัดการรับซื้ออ้อยเผาไม่เกิน 15% ของปริมาณอ้อยเข้าหีบในแต่ละวัน เพื่อร่วมลดปัญหาฝุ่น PM 2.5

“อ้อยไฟไหม้นั้นจะต้องเข้าคิวรอนานถึง 48 ชั่วโมง เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรหันมาตัดอ้อยสดมากขึ้น” นายชัยวัฒน์ กล่าว

ธกส #มุกดาหาร #อ้อยสดลดฝุ่น #PM25 #เกษตรปลอดการเผา #BCGmodel #ตัดอ้อยสด #ลดฝุ่นพิษ #อ้อยมุกดาหาร #เกษตรยั่งยืน #ข่าวมุกดาหาร #สิ่งแวดล้อม #โรงงานน้ำตาลสหเรืองมุกดาหาร #สมาคมชาวไร่อ้อยมุกดาหาร #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้​ ภาพ/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ศาล จ.ชุมพร จัดพิธีทางศาสนาและถวายพวงมาลา เนื่องในวันรพี

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ 7 สิงหาคม 2568 เวลา 08.30 น. ที่ศาลจังหวัดชุมพร ตำบลนาชะอัง อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ศาลจังหวัดชุมพร ได้จัดกิจกรรม เนื่องในวันรพี “พระบิดาแห่งกฎหมายไทย” ซึ่งตรงกับวันที่ 7 สิงหาคมของทุกปี เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีและคุณูปการของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์

โดยมีนายมงคล ฌายีเนตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมคะเน โพธิ์ศรี ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.อ.สิทธิชัย โกศล รอง เสธ.มทบ.44 พร้อมด้วย พ.ต.อ.นิรันดร์ กันจู รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร และข้าราชการตำรวจในสังกัด นายจรินทร์ ก๋งม้า ประธานสภาทนายความจังหวัดชุมพร และ

หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ศาล อัยการ ทนาย หน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมเป็นเกียรติในพิธี สำหรับกิจกรรม “เนื่องในวันรพี” เริ่มจากพิธีทางศาสนา เสร็จแล้ว พิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะหน้าพระรูปพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์

นายมงคล ฌายีเนตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดชุมพร ได้กล่าวถวายสดุดี และยืนสงบนิ่งเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของพระองค์ท่าน พระผู้มีคุณูปการในการพัฒนาปฏิรูปประเทศไทยยุคเปลี่ยนผ่านในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการพัฒนา ปรับปรุงการเรียนการสอนวิชากฎหมาย ระบบกฎหมาย และระบบ

การศาลยุติธรรมของประเทศไทย ให้เจริญรุดหน้าทัดเทียมอานารยประเทศในยุคล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก เป็นรากฐานให้ระบบการศึกษากฎหมาย และระบบงานศาลไทยมีความเจริญ ก้าวหน้ามั่นคง เป็นที่ศรัทธาเชื่อมั่นของประชาชนในหลักนิติธรรมตราบจนถึงทุกวันนี้

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ประสูติเมื่อวันพุธ ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 11 ปีจอ จุลศักราช 1236 ตรงกับวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2417 มีพระนามเมื่อแรกประสูติว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 14 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นพระองค์ที่ 2 ในเจ้าจอมมารดาตลับ พระองค์ทรงพัฒนาระบบงานยุติธรรมทั้งระบบ และมีการจัดทำประมวลกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษร

เพื่อให้ศาลสามารถตัดสินคดีได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และมีฝ่ายธุรการคอยให้ความสะดวก และทรงได้วางนโยบายให้ศาลสามารถตัดสินคดีโดยปราศจากการแทรกแซงของฝ่ายปกครอง ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับอารยประเทศ ด้วย

คุณาณุปการอันล้นพ้น เนติบัณฑิตยสภาจึงได้ถวายการยกย่องพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เป็น “พระบิดาแห่งกฎหมายไทย” เมื่อปี 2497 ทั้งเริ่มต้นเรียกวันที่ 7 สิงหาคมของทุกปี เป็น “วันรพี” เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ท่าน
ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562

แชร์เนื้อหานี้

วันพุธที่ 6 สิงหาคม 2568 เวลา 9.00 น.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) โดยส่วนอุทยานแห่งชาติ ร่วมกับกลุ่มงานกฎหมาย จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ณ ห้องประชุมโรงแรมแพร่นครา อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่

และผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Zoom Meeting) ณ ห้องประชุมโรงแรมน่านตรึงใจ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน โดยมีนายกรัณย์พล แสงทอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 เป็นประธานการประชุม มีวัตถุประสงค์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ และนำความคิดเห็นมาใช้เป็น

แนวทางการในพัฒนาพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อลดความซ้ำซ้อนและขัดแย้งกันของกฎหมายลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคม เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ ประกอบด้วยผู้เข้าร่วมการประชุมจากหลายภาคส่วน เช่น

ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียผู้เข้าไปในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน และสวนรุกขชาติผู้ขออนุญาต หรือผู้ได้รับอนุญาตให้กระทำการในอุทยานแห่งชาติ

วนอุทยาน และสวนรุกขชาติผู้อยู่อาศัยหรือทำกิน ภายใต้โครงการอนุรักษ์ และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา ๖๔ แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖

ผู้ได้รับอนุญาตให้เก็บหาหรือใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ที่สามารถเกิดใหม่ ทดแทนได้ในเขตพื้นที่โครงการอนุรักษ์ และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนในอุทยานแห่งชาติตลอดจนประชาชนทั่วไป

หน่วยงานรัฐ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จำนวนรวมทั้งสิ้น 1๕0 คน แบ่งเป็น พื้นที่จังหวัดน่าน 78 คน และพื้นที่จังหวัดแพร่ 72 คน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / กอ.รมน.มุกดาหาร จัดประชุมเข้มวางแผนคุมเข้มความปลอดภัยพื้นที่สำคัญ พร้อมมาตรการห้ามบินโดรน ฝ่าฝืนเจอโทษหนัก

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 5 สิงหาคม 2568 ที่ห้องประชุมภูสระดอกบัว ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร นายรณรงค์ เทพรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานการประชุมวางแนวทางรักษาความปลอดภัยอาคาร สถานที่ และพื้นที่สำคัญ ของ

จังหวัดมุกดาหาร โดยมี พ.อ.อำนวย ยอดพันธ์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดมุกดาหาร (ทหาร) เข้าร่วมประชุมพร้อมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

การประชุมครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงภัยที่อาจถูกคุกคาม, วางแผนการปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ และจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว และเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงในพื้นที่เป้าหมายสำคัญ พร้อมเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่บูรณาการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ในที่ประชุมยังได้เน้นย้ำถึง มาตรการห้ามปล่อยหรือบังคับอากาศยานไร้นักบิน (โดรน) ทุกประเภททั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม 2568 หากฝ่าฝืนมีโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 78 (1) แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการใช้งานโดรนในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร หรือบริเวณต้องห้าม สามารถแจ้งข้อมูล วัน เวลา สถานที่ และภาพถ่ายหรือคลิปวิดีโอ (หากมี) ไปยังหน่วยงานรับผิดชอบ ได้แก่ สำนักงานการบินพลเรือนฯ โทร. 02-568-8851ศูนย์ต่อต้านอากาศยานไร้นักบินฯ โทร. 02-126-7846

สถานีตำรวจ หน่วยทหาร หรือหน่วยความมั่นคงใกล้พื้นที่เกิดเหตุกอรมนมุกดาหาร #ห้ามบินโดรน #ข่าวมุกดาหาร #ความมั่นคงแห่งรัฐ #ชุดเคลื่อนที่เร็ว #มุกดาหารปลอดภัย #งดบินโดรนทั่วประเทศ #ความมั่นคง #ศาลากลางมุกดาหาร #ประชุมความปลอดภัย #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้​ ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พิธี “รวมพลังทหารผ่านศึก เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย” และกล่าวสดุดีนักรบผู้กล้า

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม 2568 เวลา 07.00 น พล.ต.สมคิด ชูเผือก ผบ.มทบ.44 / หัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตชุมพร ให้เกียรติมาเป็นประธาน กิจกรรม พิธี “รวมพลังทหารผ่านศึก เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย” และกล่าวสดุดีนักรบผู้กล้า ณ พระอนุสาวรี พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์

โดยมี นายทหารผู้บังคับบัญชา พร้อมกำลังพล มทบ.44 ร่วมกับ ทหารผ่านศึก ในเขตพื้นที่ จังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าร่วมกิจกรรม โดยจัดให้มีการกระทำพิธีพร้อมกันทั่วประเทศไทย สดุดีและให้กำลังใจแก่ทหาร

หาญที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดนในขณะนี้ ด้วยการร้องเพลงชาติไทย
พ.ต.พินัย กยุคำ ทหารผ่านศึกอาวุโส กล่าว ในเหตุการณ์พิพาทชายแดนไทย – กัมพูชา ขอสดุดีวีรกรรมอันกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว/ ของทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน/ และอาสาสมัคร ทหารพรานทุกนาย/ แห่งกองทัพไทย

ผู้ซึ่งได้เสียสละเลือดเนื้อ แรงกาย และแม้กระทั่งชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย อธิปไตยแห่งชาติ และเกียรติภูมิของแผ่นดินในการรบ/ ณ ชายแดนไทย – กัมพูชา ที่เต็มไปด้วยสถานการณ์ความ ตึงเครียด อันตราย และภยันตรายจากกระสุนและระเบิด/ โดยเฉพาะทหารหาญผู้กล้า จำนวน 15 นาย ที่ยอมพลีชีพ พลีกาย เสียสละปกป้องแผ่นดินไทย/ พวกเขามิได้ย่อท้อ ต่อภารกิจ

และมิยอมถอยแม้เพียงก้าว/พวกเขาคือผู้ที่ยืนหยัด ต่อหน้าอันตราย/ อย่างองอาจภายใต้ธงไตรรงค์ ด้วยหัวใจเปี่ยมด้วยจงรักภักดี เพื่อรักษาดินแดนที่บรรพบุรุษได้สละเลือด เนื้อไว้ เพื่อปวงชนชาวไทยทั้งชาติ/ และเพื่อสันติสุขของ ประชาชน/ พวกเราอดีตนักรบ ขอยืนยันกับน้อง ๆ นักรบที่ปฏิบัติ หน้าที่แนวชายแดนทุกนายว่า/ พวกเราทุกคนจะช่วยเป็นหู เป็นตา

เป็นยามเฝ้าบ้าน เพื่อสอดส่องดูแลความเคลื่อนไหว ของข้าศึก ความกล้าหาญ ความเสียสละ ความจงรักภักดี และจิตใจที่ รักชาติของท่าน/ จะประทับอยู่ในหัวใจคนไทยตราบนิจนิรันดร์ และจะเป็นแบบอย่างแก่ลูกหลานไทยตราบนาน

เท่านาน ขอคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โปรดอภิบาล ดวงวิญญาณของเหล่าทหารกล้า ให้สงบสุขในสัมปรายภพ และขอจงปกปักรักษาทหารทุกนาย ที่ยังคงยืนหยัดอยู่แนวหน้า ให้ปลอดภัย และกลับคืนสู่อ้อมอกของครอบครัว ด้วยชัยชนะ ตลอดกาลและตลอดไป

พล.ต.สมคิด ชูเผือก ผบ.มทบ.44 / หัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตชุมพร ในเหตุการณ์พิพาทชายแดน ไทย – กัมพูชา/ ข้าพเจ้าและ เหล่าทหารหาญ/

พร้อมด้วยพนักงานและลูกจ้างขององค์การ สงเคราะห์ทหารผ่านศึก และ ทหารผ่านศึก ทั้ง ๗๗ จังหวัด ทั่วประเทศ ขอสดุดีวีรกรรมอันกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว ของทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน/ และ อาสาสมัครทหารพรานทุกนาย แห่งกองทัพไทย

ผู้ซึ่งได้เสียสละเลือดเนื้อ แรงกาย และ แม้กระทั่งชีวิต เพื่อปกป้องผืน แผ่นดินไทย อธิปไตยแห่งชาติ และเกียรติภูมิของแผ่นดินในการรบ ณ ชายแดนไทย – กัมพูชา ที่เต็มไปด้วยสถานการณ์ ความตึงเครียด อันตราย และภยันตราย จากกระสุนและระเบิด โดยเฉพาะทหารหาญผู้กล้า จำนวน 15 นาย ที่ยอมพลี ชีพ พลีกาย เสียสละปกป้องแผ่นดินไทย

พวกเขามิได้ย่อท้อต่อภารกิจ และมิยอมถอยแม้เพียงก้าว/ พวกเขาคือผู้ที่ยืนหยัด ต่อหน้าอันตราย อย่างองอาจภายใต้ ธงไตรรงค์ ด้วยหัวใจเปี่ยมด้วยจงรักภักดี เพื่อรักษาดินแดน ที่บรรพบุรุษได้สละเลือดเนื้อไว้/ เพื่อปวงชนชาวไทยทั้งชาติ และเพื่อสันติสุขของประชาชน ความกล้าหาญ ความเสียสละ ความจงรักภักดี และจิตใจที่ รักชาติของท่าน

จะประทับอยู่ในหัวใจคนไทยตราบนิจนิรันดร์ และจะเป็นแบบอย่างแก่ลูกหลานไทยตราบนานเท่านาน ขอคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โปรดอภิบาล ดวงวิญญาณของเหล่าทหารกล้า ให้สงบสุขในสัมปรายภพ และขอจงปกปักรักษาทหารทุกนาย ที่ยังคงยืนหยัดอยู่แนวหน้า ให้ปลอดภัย/และกลับคืนสู่อ้อมอกของครอบครัว ด้วยชัยชนะ ตลอดกาลและตลอดไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / หน่วยงานรัฐจับมือชุมชน ลงนามปฏิญญารวมพลัง “No Drugs No Dealers” พร้อมปล่อยแถวปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (1 ส.ค.2568) ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองนราธิวาส ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นายรุสดี ปูรียา นายอำเภอเมืองนราธิวาส ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศป.ปส.)

อำเภอเมืองนราธิวาส เป็นประธานในพิธีลงนามปฏิญญารวมพลังยับยั้งปัญหายาเสพติด และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล “No Drugs No Dealers” เพื่อป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่

โดยการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยมีพ.ต.อ.ปรัชญา ไบเตะ ผกก.สภ.เมืองนราธิวาส ว่าที่ พ.ต.อ.ธัญ ศิริขันธ์ ผบ.ฉก.ตร.นราธิวาส 93

พ.ต.อ. ภัควัฒน์วันสนุก.ผกก.สภ.ตันหยง พ.ต.อ.นพดล ดิเรกวัฒนสาร ผกก.สอบสวน รรท.ผกก.สภ.โคกเคียน ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้าน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมแสดงพลังและร่วมลงนาม บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน

สำหรับการลงนามปฏิญญาและบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ เป็นการผนึกกำลังทุกภาคส่วนเพื่อสร้างหมู่บ้านและชุมชนปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ที่มุ่งมั่นผลักดันมาตรการ “No Drugs No Dealers” ให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ชุมชนในพื้นที่ปลอดภัย และห่างไกลยาเสพติด

จากนั้นนายรุสดี ปูรียา นายอำเภอเมืองนราธิวาส ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศป.ปส.) อำเภอเมืองนราธิวาส เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวเปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด ภายใต้นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล “No Drugs No Dealers” มุ่งผนึกกำลังทุกภาคส่วนเพื่อสร้างหมู่บ้านและชุมชนปลอดยาเสพติด

ซึ่งจัดขึ้นตามแผนปฏิบัติการเร่งรัดการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามนโยบายของรัฐบาล กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ซึ่งเล็งเห็นความรุนแรงของสถานการณ์ยาเสพติดในปัจจุบัน ที่ยังคงส่งผลกระทบต่อหมู่บ้านและชุมชน โดยรัฐบาลมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจให้กับประชาชน

พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการกวาดล้างผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากสังคม ซึ่งการเปิดปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า ภาครัฐพร้อมเดินหน้ากวาดล้างยาเสพติดอย่างเด็ดขาด เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน ลดปัญหาความรุนแรง และนำพาชุมชนสู่ความยั่งยืน ปลอดภัย ห่างไกลยาเสพติดอย่างแท้จริง
///////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส