คลังเก็บหมวดหมู่: ทหารบก (ทบ.)

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /มณฑลทหารบกที่ 38 จัดพิธีวันสถาปนาครบรอบ 35 ปี

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 มณฑลทหารบกที่ 38 จัดพิธีวันคล้ายวันสถาปนาหน่วย ครบรอบปีที่ 35 ณ สโมสรนายทหาร ค่ายสุริยพงษ์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน โดยมี พลตรีบุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 เป็นประธานจัดงาน

ภายในพิธี คณะผู้บังคับบัญชาและกำลังพลได้ร่วมกันบำเพ็ญกุศลอุทิศส่วนกุศลให้แก่กำลังพลและอดีตผู้บังคับบัญชาที่ล่วงลับ พร้อมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่หน่วย

โอกาสนี้ พลเอกวิจักขฐ์ สิริบรรสพ ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี ร่วมด้วย นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน อดีตผู้บังคับบัญชา หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยทหารในพื้นที่ ข้าราชการบำนาญ กำลังพล และครอบครัว ร่วมแสดงความยินดี

ทั้งนี้ มณฑลทหารบกที่ 38 ยังได้จัดบูทแสดงผลิตภัณฑ์จากโครงการ “ทหารพันธุ์ดีน่าน” ให้ผู้ร่วมงานได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมทั้งโรงพยาบาลค่ายสุริยพงษ์นำชุดแพทย์เคลื่อนที่มาให้บริการตรวจวัดความดันและให้คำแนะนำด้านสุขภาพ

สร้างบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง ภายใต้เจตนารมณ์การปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติบ้านเมืองและการดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด/ภาพ/ ร.ต.อ.สถิตย์ ศรีประสม/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ ทีมข่าวสมาคม รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / บำรุงขวัญกำลังใจ น้องๆทหาร คุณนายแม่ ณัฐวรรณ ฉายะบุตร นำ อาหาร และสิ่งของ มอบให้ มทบ.44

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 คุณนายหน่อย มอบอาหารและสิ่งของบำรุงขวัญกำลังใจทหาร มทบ.44 พร้อมมอบทุนการศึกษาและเงินรางวัล
ชุมพร – เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2561 เวลา 11.00 น. คุณนายหน่อย ณัฐวรรณ ฉายะบุตร ประธานคณะกรรมการจริยธรรมประจำจังหวัดชุมพร ได้เดินทางไปยังค่ายมณฑลทหารบกที่ 44

เพื่อจัดเลี้ยงอาหารและมอบสิ่งของเครื่องใช้ให้แก่ทหารกองประจำการจำนวน 300 นาย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่
คุณนายหน่อยได้จัดเตรียมอาหารหลากหลายเมนู อาทิ พิซซ่า ก๋วยเตี๋ยวเรือทองผกา โค้กกระป๋อง และไอศกรีม

นอกจากนี้ยังได้มอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น ได้แก่ พัดลม เครื่องทำน้ำร้อน-น้ำเย็น กาแฟ และขนมให้กับกำลังพลอีกด้วย นอกจากกิจกรรมเลี้ยงอาหารแล้ว คุณนายหน่อยยังได้มอบเงินรางวัลพิเศษจำนวน 10 รางวัล รางวัลละ 1,000 บาท ให้กับพลฯทหารที่ได้รับคัดเลือก และรางวัลพิเศษ

สำหรับพลฯทหารที่มีความกล้าแสดงออก มาเล่าถึงความรู้สึกที่ได้เข้ามารับราชการทหาร และการฝึกต่างมีความเป็นวินัยเพิ่มมากขึ้น และมีความภูมิใจที่ได้มารับใช้ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็น ที่เคารพรักของพี่น้องประชาชนชาวไทย อีก 2 รางวัล ๆละ 1000 บาท ยัง

มีมอบทุนการศึกษาจำนวน 150,000 บาท ให้กับนางสาวกฤตา พงเพชร พนักงานธุรการของมณฑลทหารบกที่ 44 พร้อมทั้งสนับสนุนการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในห้องประชุมของ มทบ.44 และมอบเงินสนับสนุนการปรับปรุงขยายสนามฟุตบอลอีกด้วย

พลตรี สมคิด ชูเผือก ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44 ได้ให้เกียรติมารับมอบสิ่งของด้วยตนเอง โดยมี ดร.สุรินทร์ เหล่าพัทรเกษม ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวชุมพร ร่วมเป็นเกียรติในงาน

ดร.สุรินทร์ กล่าวว่า คุณนายหน่อย ณัฐวรรณ ฉายะบุตร เป็นผู้ที่มีความตั้งใจในการช่วยเหลือสังคม มาโดยตลอด กิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นการแสดงน้ำใจและให้กำลังใจแก่ทหารผู้ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้คุณนายหน่อยยังได้เคยบริจาคเงินจำนวน 1 ล้านบาท ให้กับ (กันจอมพลัง) โดยไม่ประสงค์ออกนามอีกด้วย

​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี จัดกิจกรรมการประสานเครือข่ายภาคประชาชน เพื่อพัฒนาความมั่นคงในพื้นที่ชุมชนชายแดนมุกดาหาร

แชร์เนื้อหานี้

พลตรี สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี มอบหมายให้ พันเอก จักรพงษ์ โพธิ์นาแค รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เป็นผู้แทนในการเป็นประธานในกิจกรรมการประสานเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อพัฒนาความ

มั่นคงในพื้นที่ชุมชนชายแดน จังหวัดมุกดาหาร ประจำปีงบประมาณ 2568 ภายใต้ชื่อกิจกรรม “รวมพลังประชาชน” ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจัดจาก เครือข่ายมวลชน ในพื้นที่ อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร รวม 500 คน

ตามแผนงานโครงการของฝ่ายกิจการพลเรือน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ประจำปี 2568 เป็นการดำเนินการประสานเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อพัฒนาความมั่นคงในพื้นที่ ด้านการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงไปสู่ประชาชนใน

พื้นที่ชายแดน โดยมี พันเอก ศิวดล ยาคล้าย ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 (ร.3) , นายชาคริต ชุมจันทร์ นายอำเภอดอนตาล , ผู้อำนวยการโรงเรียนโพธิ์ไทรวิทยา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการร่วมให้การต้อนรับ ณ โรงเรียนโพธิ์ไทรวิทยา ตำบลโพธิ์ไทร อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร

  โดย รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความรักความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันปลูกจิตสำนึกให้การช่วยเหลือกันเมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤต จากปัญหาภัยคุกคามรูปแบบต่างๆ ที่ต้องเผชิญ อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี และให้ประชาชน มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนพื้นที่ชายแดนเป็นเสริมสร้างจิตสำนึกด้านความมั่นคง ครอบคลุมถึงการป้องกันแก้ไขปัญหาความมั่นคงปลอดภัยและการเป็นพลเมืองที่ดี โดยประชาชน ชุมชน องค์กรเอกชน และองค์กรของรัฐเข้ามามีส่วนร่วมสร้างความตระหนักรู้ ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของสถาบันหลักของชาติ รวมถึงผลกระทบจากปัญหาภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่มีต่อประเทศชาติ และยึดมั่น ในสถาบันหลักของชาติ และตั้งปณิธานในการมีส่วนร่วม ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความมั่นคง ในพื้นที่ชายแดน อันจะสร้างเกราะคุ้มกันให้กับประเทศชาติ 

ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้รับชมการแสดง การรณรงค์ปลุกจิตสำนึกรู้คุณแผ่นดิน “สร้างคนดีด้วยประวัติศาสตร์ สร้างชาติด้วยอุดมการณ์” ซึ่งเป็นการแสดงของ ชุดปฏิบัติการพลเรือน กองพลทหารราบที่ 3 (ขุนศึก 21) ร่วมกับคณะครู นักเรียน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อเป็นการให้ความรู้กับนักเรียน และประชาชน โดยการ

บรรยายประกอบการแสดงแสง สี เสียง และสื่อผสมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย เพื่อให้เป็นการสร้างการรับรู้ถึงความเป็นมาของการก่อสร้างบ้านเมือง อันจะนำไปสู่ความภาคภูมิใจ และหวงแหนแผ่นดิน ที่บรรพบุรุษของเราได้เสียสละเลือด เนื้อเพื่อพิทักษ์ปกป้องรักษา อีกทั้งพระปรีชาสามารถ ของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ และพวกเราทุกคนจะต้องดูแลรักษาแผ่นดินผืนนี้สืบไป

จากนั้น รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ได้ร่วมกันมอบถุงยังชีพ สิ่งของอุปโภค-บริโภค และไม้เท้า ให้กับ ประชาชน และผู้สูงอายุ พร้อมทั้งได้มอบถุงยังชีพเพื่อการศึกษา , อุปกรณ์กีฬา , อุปกรณ์การเรียนการสอน ให้กับ โรงเรียนโพธิ์ไทรวิทยา ตำบลโพธิ์ไทร อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร เพื่อนำไปใช้ประกอบการเรียนการสอนตามหลักสูตรของโรงเรียน ปลูก

ฝังให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้ และใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ ห่างไกลจากยาเสพติด อีกทั้งยังเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ให้กับประชาชน และผู้ปกครองนักเรียน ได้อีกทางหนึ่ง กองทัพบกพร้อมอยู่เคียงข้างประชาชนในทุกโอกาส และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนชุมชน สังคมให้มีความเข้มแข็งต่อไป

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / มทบ.44 ร่วมถวายราชสักการะ-ถวายพระพรชัยมงคลแด่ พระบรมราชินีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิม 12 สิงหา

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันนี้ (8 สค. 68) เวลา 7.30 น. หน้าสโมสรนายทหารสัญญาบัตร มทบ. 44(ค่ายเขตอุดมศักดิ์จังหวัดชุมพร) ต.วังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร พลตรี สมคิด ชูเผือก ผู้บัญชาการมณฑล ทหารบก ที่ 44 นำ ผอ. กองกำลังฝ่ายต่างๆ

ตลอดจนเหล่าข้าราชการทหารในสังกัด มทบ. 44(ค่ายเขตรอุดมศักดิ์) ร่วมถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ จากนั้น ได้ร่วมพิธีถวายสักการะ หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมให้ ผอ.กองกำลังฝ่ายต่างๆ เข้าร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคลเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์

ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้า ปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า พลตรี สมคิด ชูเผือก ผู้บัญชาการมณฑล ทหารบก ที่ 44 พร้อมด้วย สมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มณฑล ทหารบก ที่ 44 และกำลังพลของค่ายเขตอุดมศักดิ์/ ที่มาชุมนุมพร้อม เพรียงกัน ณ สถานที่แห่งนี้/ ต่างมีความปลื้มปีติเป็นล้นพ้น ที่ได้แสดง ความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ/ เนื่องในโอกาส/ วัน เฉลิมพระชนมพรรษา/บรรจบอีกคำรบหนึ่ง/ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท/ ที่ได้เวียนมา
ปวงข้าพระพุทธเจ้า ล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ/ล้นเกล้า ล้นกระหม่อม อย่างหาที่สุดมิได้ ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท/ทรงปฏิบัติบำเพ็ญ พระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์สุข/ของอาณาประชาราษฎร์ และความอุดมสมบูรณ์/ ของประเทศชาติ ตลอดมาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของใต้ฝ่าละอองธุลี พระบาท ทั้งในด้านการสังคมสงเคราะห์ อันเปี่ยมด้วยพระเมตตา เพื่อช่วยเหลือราษฎรผู้ยากไร้ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมให้คน อยู่คู่กับป่าได้อย่างยั่งยืน ด้านการ ส่งเสริมศิลปาชีพ เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรม และงานศิลปะช่างฝีมือทุกแขนง ให้ดำรงคงอยู่คู่ประเทศไทย สืบทอดถึงอนุชนคนรุ่นหลัง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ ที่ทรงมีต่อปวงประชา ประดุจดัง “แม่ของแผ่นดิน” จารึกแนบแน่นอยู่ในใจ/ของปวง ข้าพระพุทธเจ้า สืบไป
ในศุภวาระอันเป็นมิ่งมหามงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิม พระชนมพรรษา 93 พรรษา 12 สิงหาคม พุทธศักราช 2568 ปี ปวงข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอพระราชทาน พระราชานุญาต น้อมเกล้า น้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล ด้วยความ จงรักภักดี และร่วมตั้งจิตอธิษฐาน ขออานุภาพแห่ง คุณพระศรี รัตนตรัย พระบารมีแห่งพระสยามเทวาธิราช ตลอดจน พระบรม เดชานุภาพ แห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ทุกพระองค์ ได้โปรดบันดาลอภิบาลประทานพร ให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จงทรง พระเจริญ ด้วยจตุรพิธพรชัย ทรงพระเกษมสำราญ พระราชหฤทัย ชื่นบาน/ มีพระราชประสงค์ จำนงหมายสิ่งใด ขอจงสัมฤทธิ์ ดั่งพระ ราชหฤทัยปรารถนา มีพระชนมพรรษายิ่งยืนนาน พระเกียรติคุณ แผ่ไพศาล เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย ตราบกาลนิรันดร์เทอญ พระพุทธเจ้าข้าขอรับ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

จากนั้น พลตรี สมคิด ชูเผือก ผู้บัญชาการมณฑล ทหารบก ที่ 44 เป็นประธานเจริญพระพุทธมนต์ พระสงฆ์ 10 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ที่จะมาบรรจบคำรบหนึ่งในวันที่ 12 สิงหาคม 2568 ที่จะถึงนี้.

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / แม่ทัพภาคที่ 4 ตรวจเยี่ยม ชป.จรยุทธ์ กำชับมาตรการควบคุมพื้นที่เชิงรุก-พิทักษ์กำลังพล ควบคู่ดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบาง

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 3 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ กองร้อยทหารพรานที่ 4511 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 ณ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส โดยได้ให้กำลังใจแก่กำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เผชิญความเสี่ยง และประชุมร่วมกับผู้บังคับหน่วย พร้อมฝ่ายอำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ที่ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์เหตุการณ์ความมั่นคงร่วมกัน

ในการประชุมครั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำจุดสำคัญในการขับเคลื่อนมาตรการ “ควบคุมพื้นที่เชิงรุก” ควบคู่กับ “แผนพิทักษ์กำลังพล” โดยมุ่งให้ทุกหน่วยปฏิบัติการไม่เพียงแค่เฝ้าระวังเชิงป้องกัน แต่ต้องเดินหน้าสร้างความปลอดภัยเชิงรุกในทุกมิติ ทั้งการข่าว การลาดตระเวน และการสร้างพื้นที่ปลอดภัยร่วมกับชุมชน สิ่งสำคัญที่แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวเน้นย้ำคือ

“ถ้าเจ้าหน้าที่เองไม่พร้อม หรือได้รับอันตรายเสียก่อน แล้วใครจะไปดูแลพี่น้องประชาชนได้?” ซึ่งสะท้อนจุดยืนที่ชัดเจนของผู้นำกองทัพภาคที่ 4 ว่า การดูแลประชาชนอย่างยั่งยืนเริ่มต้นที่ความพร้อมและความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เจ้าหน้าที่ต้องมีสติ รอบคอบ และไม่ประมาทในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้สามารถยืนหยัดทำภารกิจได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่อง

แม่ทัพภาคที่ 4 ยังแสดงความห่วงใยถึงกลุ่มเป้าหมายเปราะบาง โดยเฉพาะ เด็ก คนชรา พี่น้องไทยพุทธ และประชาชนในทุกหลังคาเรือน ที่ต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งถือเป็นหัวใจของการปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคงเชิงมนุษยธรรม พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยเข้าถึงและสื่อสารกับประชาชนในภาษาที่เขาเข้าใจ โดยเฉพาะ “ภาษาไทยถิ่น” ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและลดช่องว่างระหว่างรัฐกับประชาชน

การลงพื้นที่ครั้งนี้สะท้อนถึงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของผู้นำทหารในพื้นที่ว่า ภารกิจความมั่นคงต้องไม่ละเลยมิติของมนุษยธรรมที่ดีงาม ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม ต้องทำให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัยทั้งในทางกายภาพและจิตใจ และเชื่อมั่นว่าทหารคือผู้ที่อยู่เคียงข้างเขาอย่างแท้จริง
//////////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ทหารไทย อัดคืน ‘กัมพูชา’ ฟ้อง ‘คณะทูตฯ’ ไล่ไทม์ไลน์ ‘กัมพูชา’ จุดไฟชายแดน จัดกิจกรรมยั่วยุ-รุกอธิปไตย เปิดฉากยิงสู่การสู้รบ-โจมตีพลเรือน ใช้ ‘ประชาชนโล่มนุษย์’ บิดเบือนข้อมูลให้ร้ายไทย ใช้อาวุธเคมี ทิ้งบอมบ์ใส่บ้านเรือน

แชร์เนื้อหานี้

1 ส.ค. 68 ที่มณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ กองทัพบก ได้ชี้แจงสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อคณะนักการทูต คณะผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารประจำประเทศไทย และ สื่อมวลชน ระบุว่า การดำเนินงานของกองทัพ ในการรักษาอธิปไตย และยึดมั่นในหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และย้ำถึงความมุ่งมั่งของกองทัพที่จะแก้ปัญหา ด้วยทวิภาคีที่ไทย และกัมพูชามีอยู่ ด้วยความจริงใจและโดยสันติวิธีมาโดยตลอด

ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการยั่วยุ เพื่อสร้างความตึงเครียด ด้วยกิจกรรมทางทหาร และพลเรือน โดยมีลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญ ดังนี้ 13 ก.พ. 68 การพานักท่องเที่ยวขึ้นมาร้องเพลงปลุกใจในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม 28 ก.พ. 68 การเผาศาลาตรีมุข สัญลักษณ์ความร่วมมือ ไทย กัมพูชา และ สปป.ลาวมี.ค. ถึง เม.ย.68 ทหารกัมพูชา ดัดแปลงภูมิประเทศแนวชายแดน เพื่อทางการทหาร เสริมความแข็งแรงของที่มั่น ปรับปรุงเส้นทาง และการขยายแนวเขตคูเลตเข้ามาในเขตประเทศไทย

เม.ย. ถึง พ.ค. 68 ฝ่ายกัมพูชา ได้เคลื่อนย้ายกำลังพลเพิ่มเติม และอาวุธยุทโธปกรณ์ประชิดชายแดนไทย – กัมพูชาเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ตามที่มีหลักฐานการพิสูจน์ ทราบจากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมของนักวิจัยชาวออสเตรเลีย ต่อมาฝ่ายกัมพูชา ได้รุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของไทย โดยเข้ามาขุดคูเลตติดต่อ

28 พ.ค. กัมพูชาเริ่มเปิดฉากการยิง (Skirmish) ระหว่างหน่วยในพื้นที่ โดยฝ่ายไทยได้ตอบโต้ เพื่อเป็นการป้องกันตัว บริเวณช่องบก กองทัพและรัฐบาลไทยพยายามใช้แก้ไขปัญหาแบบทวิภาคี ซึ่งไม่เป็นผล

ห้วงเดือน ก.ค.68 ทหารกัมพูชา ได้รุกล้ำเข้ามาลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลหลายพื้นที่ในเขตแดนไทย จนทำให้ทหารไทยลาดตระเวน บาดเจ็บสูญเสียขาจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ถึง 2 ครั้ง ทำให้เกิดการสูญเสีย ขาขาด 2 นาย และมีบางส่วนบาดเจ็บ

ซึ่งเป็นการกระทำที่ฝ่ายกัมพูชาจงใจละเมิดหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง อีกทั้งเป็นการจงใจ ละเมิดอนุสัญญาออตตาวาที่ทั้งไทย และกัมพูชาให้สัตยาบัน นอกจากนั้นในพื้นที่ดังกล่าว ได้ดำเนินการเก็บกู้วัตถุระเบิด ภายใต้ความร่วมมือของนานาชาติ จนมีความปลอดภัยเป็นที่ประจักษ์แล้ว

ในขณะเดียวกันฝ่ายกัมพูชา พยายามแสดงการยั่วยุ โดยส่งทหารกัมพูชาทั้งในเครื่องแบบ และนอกเครื่องแบบแสดงเป็นพลเรือน ตลอดจนจัดตั้งมวลชนชาวกัมพูชา จากกรุงพนมเปญและใกล้เคียง เข้ามาในพื้นที่ปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือน และพื้นที่อื่นๆ ตามแนวชายแดน เพื่อจัดกิจกรรม ทำคอนเทนต์ แสดงออกในลักษณะยั่วยุนักท่องเที่ยวชาวไทย ประชาชนไทยและทหารไทย

ในพื้นที่จนเกิดการกระทบกระทั่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะกันระหว่างคนไทย และคน กัมพูชา ในพื้นที่ปราสาทต่าง ๆกองทัพบก ยังชี้แจง มาตรการควบคุมชายแดน และการเปิดฉากยิงของกัมพูชา เมื่อ24 ก.ค.68 ทหารกัมพูชา ปราสาทตาเมือนธมโดยใช้ ปืนเล็กยาว, ปืน และ เครื่องยิงลูกระเบิด mortar จนนำไปสู่การปะทะกัน

จากนั้น ฝ่าย กัมพูชา ได้ ยกระดับเป็นการใช้กำลังรบ และอาวุธยิงสนับสนุน ปืนใหญ่ และจรวดหลายลำกล้อง BM-21 โจมตีฝ่ายไทยตลอดแนวชายแดน จงใจยิงเป้าหมายพลเรือน ซึ่งหากจากชายแดน เกือบ 10 กม. ถึง 30 กม.โรงพยาบาลพนมดงรัก จ.สุรินทร์ ปั๊มน้ำมัน PTT บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ร้านค้าสะดวกซื้อ 7-11 บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ , โรงเรียนใน จ.สุรินทร์ และ จ.ศีรสะเกษ , บ้านเรือนราษฎร เช่น หมู่บ้านกรวด บ้านกุดเชียง ในพื้นที่ จ.สุรินทร์, บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ และ อุบลราชธานี

ทำให้พลเรือนบาดเจ็บ 36 ราย เสียชีวิต 15 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิต 1 ในนั้นเป็นเด็กอายุเพียง 8 ปี และมีราษฎรต้องอพยพจำนวนมากกว่า 150,000 คนกองทัพบก กล่าวต่อว่า ฝ่ายไทยตอบโต้ภายใต้หลักการแห่งการป้องกันตนเอง (Right of Self-Defense) ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ(Article 51 of the UN Charter)

ซึ่งระบุว่า “ไม่มีบทบัญญัติใดในกฎบัตรนี้จะกระทบสิทธิของรัฐในการป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย หากมีการโจมตีด้วยอาวุธเกิดขึ้นต่อรัฐนั้น”การตอบโต้ของฝ่ายไทยจึงเป็นการดำเนินการที่ชอบด้วยกฎหมาย และอยู่ภายใต้หลักความจำเป็นและความได้สัดส่วน (Necessity and Proportionality)

โดยมีเป้าหมายเพียงเพื่อ ยับยั้งภัยคุกคาม ลดการสูญเสียของพลเรือน และรักษาเสถียรภาพของอธิปไตยแห่งชาติทั้งนี้ฝ่ายไทยมิได้มีเจตนาที่จะรุกรานหรือกระทำการใด ๆ ที่เกินขอบเขตการป้องกันตนเองจากการคุกคามโดยฝ่ายกัมพูชา

ทั้งนี้ ฝ่ายไทยทำการโจมตีเป้าหมายทางทหารเท่านั้น ในขณะที่ฝ่ายกัมพูชาใช้การโจมตีแบบ indiscriminate target ทำให้เกิดการสูญเสียทางพลเรือนของฝ่ายไทย นอกจากนี้ที่ตั้งอาวุธยิงสนับสนุนในเขตชุมชนพลเรือน เสมือนเป็นใช้โล่ห์มนุษย์ ซึ่งฝ่ายไทยไม่ตอบโต้ไปเป้าหมายดังกล่าว ถือเป็นการเจตนาละเมิด

กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงจนไม่สามารถให้อภัยได้ และไม่มีประเทศอารยธรรมใดในโลกที่ยอมรับการกระทำ ซึ่งไร้มนุษยธรรมในลักษณะดังกล่าวกองทัพยังสรุปถึง สถานการณ์ปัจจุบัน กัมพูชายังคงดำเนินการทางทหาร หลังจากมีการเจรจาข้อตกลงหยุดยิง ที่มาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 แล้ว เวลาหลังเที่ยงคืน ฝ่ายกัมพูชาได้ละเมิดข้อตกลงการหยุดยิง ในพื้นที่ดังต่อไปนี้ (1) Chong Bok Area, Ubon Ratchathani Province(2) Sam Tae Area, Si Sa Ket Province(3) Pha Mor E Daeng, Si Sa Ket Province(4) Phu Ma Khua/Khanmar Area, Si Sa Ket Province(5) Phlan Yao Area, Si Sa Ket Province(6) Ta Kwai Temple, Surin Province

ทั้งนี้ฝ่ายกัมพูชายังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง จนถึงวันที่ 30 ก.ค.68 เวลา 05.10 น. และเมื่อวันที่ 31 ก.ค. 68 ตรวจพบทหารกัมพูชาเพิ่มเติมกำลังในพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทยและการใช้อากาศยานไร้คนขับของฝ่ายกัมพูชา บินตรวจการณ์ในพื้นที่ตอนในของฝ่ายไทย อย่างมีนัยสำคัญ

การตอบโต้การบิดเบือนข้อมูลกัมพูชากล่าวหาว่าไทยรุกรานกัมพูชา และละเมิดกติกาสหประชาชาติ อำนาจอธิปไตย และอาณาเขตรัฐ ซึ่งตามข้อเท็จจริงประเทศไทยเป็นรัฐสมาชิกสหประชาชาติที่เคารพในกฎบัตรสหประชาชาติอย่างเคร่งครัด รวมถึงหลักการไม่ใช้กำลังในการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างประเทศ (Article 2(4) UN Charter)

การปฏิบัติของฝ่ายไทยเป็น การป้องกันตนเองอย่างจำเป็นและได้สัดส่วน (necessity & proportionality) ตามสิทธิที่ระบุไว้ใน มาตรา 51 ของกฎบัตรฯ หลังจากฝ่ายกัมพูชา ใช้อาวุธโจมตีด่านทหาร ฝ่ายปกครอง และชุมชนไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนว่ากำลังฝ่ายกัมพูชาเคลื่อนกำลังเข้ามาในเขตแดนของไทยหลายครั้ง

พร้อมใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายของฝ่ายไทยโดยเฉพาะเป้าหมายพลเรือน เช่น โจมตี รพ.พนมดงรัก ซึ่งหากจากชายแดน เกือบ 10 กม. , ปั้มน้ำมันบ้านผือ ที่หากจากชายแดน 30 กม.สำหรับการใช้ระเบิดเคมี เป็นคำกล่าวหาที่ร้ายแรง และไร้มูลความจริงโดยสิ้นเชิง ประเทศไทยเป็นภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี(Chemical Weapons Convention – CWC) และปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด ไม่มีหน่วยใดในกองทัพไทยที่ใช้อาวุธเคมีทั้งในแง่ยุทธวิธีหรือยุทธศาสตร์การกล่าวหาเช่นนี้เข้าข่าย war propaganda และเป็นความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อใส่ร้าย

กรณีภาพ “ระเบิดเคมี” ที่ฝ่ายกัมพูชาเผยแพร่ โดยรัฐบาลกัมพูชา แท้จริงคือภาพภารกิจการดับไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ปี2022 ซึ่งสามารถดูภาพดังกล่าวได้ผ่านทางสื่อออนไลน์ส่วนที่ไทยใช้เครื่องบิน F-16 และอาวุธหนักจำนวนมากนั้น อาวุธทั้งหมดที่ใช้ในการตอบโต้และมีความเหมาะสมตามสัดส่วน เป็นเพื่อสกัดการรุกล้ำของฝ่ายกัมพูชา และกระทำต่อเป้าหมายทางทหาร บริเวณแนวชายแดน ไม่ใช่การโจมตีเชิงรุก แต่เป็นฝ่ายกัมพูชาต่างหากที่วางกำลังและยิงอาวุธจากพื้นที่พลเรือน ใช้ชุมชนเป็น “โล่มนุษย์” ซึ่งเป็นการละเมิด International Humanitarians Laws อย่างร้ายแรงกองทัพบกชี้แจงต่อว่า ต่อประเด็นไทยใช้ระเบิด MK-84 ตกใส่บ้านเรือนของประชาชนกัมพูชา ตามคำแถลงของ ‘เฮง รัตนา’ หัวหน้า CMAC ของกัมพูชา มีลักษณะชัดเจนของการ บิดเบือนข้อมูล โดยอ้างภาพเก่าและสร้างการเชื่อมโยงที่ไม่มีมูลความจริง

ฝ่ายไทยขอปฏิเสธข้อกล่าวหาของกัมพูชาอย่างสิ้นเชิง ซึ่งภาพวัตถุระเบิดที่กัมพูชาอ้างว่าเป็น MK-84 นั้น เป็นระเบิดเก่าจากยุคสงครามเวียดนาม และไม่เป็นไปตามหลักทางวิทยาศาสตร์ทั้งนี้ไทยขอประนาม และให้กัมพูชาหยุดการกล่าวหาอันเป็นเท็จ เพื่อปลุกปั่นกระแสความเกลียดชัง และขอให้หันมาร่วมมือกับประเทศไทยและประชาคมระหว่างประเทศในการคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนอย่างสันติผ่านการเจรจาและความร่วมมือที่ตรงไปตรงมา ล่าสุด เมื่อ 30 ก.ค.68 ฝ่ายกัมพูชาเชิญคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ประจำกัมพูชาไปตรวจพื้นที่การรบห่างจากชายแดน 30 กม. แต่ฝ่ายกัมพูชากลับเปลี่ยนแผน พาคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ประจำกัมพูชา ไปพื้นที่ช่องอานม้า ซึ่งเป็นพื้นที่การสู้รบ ยังมีความเสี่ยงต่ออันตราย

กองทัพบก กล่าวสรุปช่วงท้ายว่าขอเน้นย้ำว่า การปะทะระหว่างไทย กับกัมพูชานั้น ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มยิงก่อน โดยอาวุธระยะไกลยิงต่อ เป้าหมายพลเรือน และทำให้เกิดความเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินหายของพลเรือนที่ยอมรับไม่ได้ทั้งนี้ หลังจากที่มีการเจรจาตกลงหยุดยิงแล้วแต่ ฝ่ายกัมพูชายังละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารบิดเบือนข้อมูลอย่างเป็นระบบขอให้ประชาคมระหว่างประเทศ ร่วมติดตามสถานการณ์ด้วยความเข้าใจ และร่วมกันผลักดันให้มีการเจรจาทวิภาคี เพื่อแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี

ขอบคุณ ข้อมูลจากกองทัพไทย ข่าว/ภาพ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ​ พิธีบำเพ็ญกุศลศพในพระบรมราชานุเคราะห์ พลฯ สิรวิชญ์ ภิญโญสุข สังกัด ร.8 พัน.2 ค่ายมหาศักดิพลเสพ จ.ขอนแก่น

แชร์เนื้อหานี้

30 กรกฎาคม​ 2568​ เวลา​ 17.00​น.​ พลตรีกิตติพงษ์​ เนื่องชมภู ผบ.มณฑลทหารบกที่​23 จัดทหารกองเกียรติยศรับศพทหารกล้า​ พลทหารสิรวิชญ์​ ภิญโญ​สุข​ ผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่​  เมื่อวันที่​ 28 กรกฎาคม​ 2568​ ณ​ วัดสายทอง​ ต.หนองแดง​  อ.สีชมพู​ จ.ขอนแก่น​  

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ในการพระราชทานเพลิงศพ​พลทหารสิรวิชญ์​ ภิญโญสุข​ ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา

19.00​น​ นายไกรสร​  กองฉลาด​  ผู้ว่าราชการ​จังหวัดขอนแก่น​ เป็นประธานในพิธีพระราชทาน​น้ำหลวงอาบศพ​ วางพวงมาลาพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว​และพระบรมวงศานุวงศ์​ เป็นประธานในพิธีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม​ และมอบสิ่งของพระราชทาน

พร้อมทั้งปลอบขวัญเป็นกำลังใจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต​ โดยมีผู้แทนกระทรวงวัฒน​ธรรม​  ปลัดจังหวัด​ หัวหน้าสำนักงานจังหวัด​ วัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น​ ข้าราชการ​และประชาชนในพื้นที่อำเภอสีชมพูร่วมสดุดีทหารกล้า​ เป็นจำนวนมาก

พิธีบำเพ็ญกุศลศพในพระบรมราชานุเคราะห์ พลฯ สิรวิชญ์ ภิญโญสุข สังกัด ร.8 พัน.2 ค่ายมหาศักดิพลเสพ จ.ขอนแก่น

พ.อ.จักรพงษ์ โพธิ์นาแค รอง ผบ.พล.ร.3/รอง ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี เป็นผู้แทนหน่วยฯ พร้อมคณะ ผบช./ฝสธ.ฯ ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลศพในพระบรมราชานุเคราะห์

พลฯ สิรวิชญ์ ภิญโญสุข ตำแหน่ง พลปืนเล็ก สังกัด ร.8 พัน.2 ซึ่งเสียสละปกป้องอธิปไตยผืนแผ่นดินไทย และได้เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่/เหตุการณ์

ปะทะในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา โดยมี พ.อ.ยุทธนา มหาวัน รอง ผบ.มทบ.23 เป็นประธานในพิธี ณ ศาลาการเปรียญวัดสายทอง บ.โพธิ์ทอง ต.หนองแดง

อ.สีชมพู จ.ขอนแก่นสดุดีทหารกล้า #วีรบุรุษทหารกล้ากองพลทหารราบที่3กองทัพภาคที่2 กองทัพบกRoyalThaiArmy

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พิธีสวนสนามของสมาคมสันนิบาตเสรีชนแห่งประเทศไทย เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 73 พรรษา 28 กรกฎาคม 2568

แชร์เนื้อหานี้

📌 วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.00 น. ณ ลานหน้ากองบัญชาการกองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช พลตรีเฉลิมพร ขำเขียว รองแม่ทัพภาคที่ 4

เป็นประธานพิธีสวนสนามของสมาชิกสมาคมสันนิบาตเสรีชนแห่งประเทศไทย เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และถวายความเคารพเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 73 พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

โดยมี ฝ่ายเสนาธิการกองทัพภาคที่ 4, ผู้บังคับบัญชา, นายทหารชั้นสัญญาบัตร, นายทหารชั้นประทวน,อาจารย์วันอับดุลเลาะฮ์ หล๊ะติหมะ นายกสมาคมสันนิบาตเสรีชนแห่งประเทศไทย,

ประธานสมาคมสันนิบาตเสรีชนแห่งประเทศไทย และสมาชิกฯ ร่วมในพิธีบรรยากาศเต็มไปด้วยความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

📌 สมาคมสันนิบาตเสรีชนแห่งประเทศไทย เป็นสมาคมที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญในการเทิดทูนและธำรงไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

พร้อมทั้งยึดมั่นในหลักจิตอาสา ปฏิบัติงานโดยไม่หวังผลตอบแทนส่วนตน มุ่งเน้นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ บรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ที่ได้รับความไม่เป็นธรรม ตลอดจนส่งเสริมแนวทางการประกอบอาชีพอย่างสุจริต เพื่อสร้างสังคมที่เข้มแข็งและเปี่ยมด้วยคุณธรรม

ขอบคุณ

ภาพ : จ.ส.อ. ศักดิ์สิริ รัตนพันธุ์
ข่าว : ซัมซูนีฯ
อนุมัติข่าว : ร.ท. ยุทธชัย ชูถิ่น

สื่อรัฐทีวี/สื่อรัฐนิวส์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ป.5 พัน.25 ตรวจสภาพความพร้อมรบ และประเมินผลเป็นหน่วย กองร้อย.ปืนใหญ่สนาม ปี 2568 /สภ.เมืองชุมพร ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 เมื่อ 22 ก.ค. 68 เวลา 0900 พ.ท. พิทยาคม พงษ์สุพรรณ์ ผบ.ป.5 พัน.25 หน.กรรมการประเมินผล เป็นประธานใน

พิธีตรวจสภาพความพร้อมรบ และประเมินผลเป็นหน่วย กองร้อย.ปืนใหญ่สนาม ประจำปี 2568 พร้อมทั้งนำกำลังพล, ยานพาหนะ,

อาวุธและยุทโธปกรณ์ เข้ารับการตรวจสอบและประเมินผลเป็นหน่วย กองร้อย.ปืนใหญ่สนาม ประจำปี 2568 ดำเนินการตรวจสภาพความพร้อมรบ และการปฏิบัติเป็นส่วน

สร้างความชำนาญและเข้าใจในอุปกรณ์และยุทโธปกรณ์เป็นขวัญกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งประเทศในการตรวจสอบอุปกรณ์และพร้อมเข้ารบ

พร้อมทั้งจัดคณะกรรมการภายในหน่วย ดำเนินการตรวจสอบและประเมินผลการฝึกให้เป็นไปตามเกณฑ์และแนวทางที่ ศูนย์การทหารปืนใหญ่กำหนด เพื่อเพิ่ม

ขีดความสามารถของระดับกำลังพล/ระดับหน่วย และรองรับภารกิจของกองทัพบกเมื่อได้รับมอบหมายต่อไป ณ บริเวณหน้าลานศาลาค่ายเขตอุดมศักดิ์ ต.วังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร

สภ.เมืองชุมพร ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม

วันที่ 22 กรกฎาคม 2568 เวลา 17.00 น พ.ต.อ.ปัญญา ท้วมศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม ประจำเดือน กรกฎาคม 2568 ระหว่างวันที่ 21-25ก.ค.2568

พร้อมด้วย พ.ต.ท.อดิศร เจนประเสริฐศิลป์ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองชุมพร พ.ต.ท.สุริยา แป้นเกิด รอง ผกก.(สอบสวน)สภ.เมืองชุมพร พ.ต.ท.ปนินทร โชติ รอง ผกก.(สอบสวน)สภ.เมืองชุมพร พ.ต.ท.ปราโมทย์ กุ้งทอง สว.อก.สภ.เมืองชุมพร พ.ต.ท.ปฏินันท์ จันทร์หนองไทร สว.จร.สภ.เมืองชุมพร

พ.ต.ท.นฤพล นิลพันธ์ สวป.สภ.เมืองชุมพร พ.ต.ต.ปิยพล ฉัตรภูมิ สว.สส.เมืองชุมพร ข้าราชการตำรวจสภ.เมืองชุมพร ณ สภ.เมืองชุมพร โดยกําหนดเป้าหมายเน้นความผิด เกี่ยวกับอาวุธปืนวัตถุระเบิดเครื่องกระสุนปืน การจําหน่าย อาวุธปืน

วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย(OnGround)และจําหน่ายอาวุธปืนวัตถุระเบิดเครื่องกระสุนปืน ผ่านระบบออนไลน์และโซเซียลมีเดีย โดยผิดกฎหมาย(Online) ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด บุคคลตามหมายจับและสืบสวนจับกุมบุคคล กลุ่มบุคคลผู้มีอิทธิพล

และผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้นอกระบบ ปราบปรามคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ ,การแข่งรถในทาง ออกตรวจแหล่งมั่วสุมต่างๆเพิ่มวงรอบในการตรวจตรา/

กำชับสถานบริการ ฯลฯ กำชับการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องปฏิบัติ ตามหลักยุทธวิธีตำรวจในการ เข้าตรวจค้น จับกุม เหตุการณ์ทั่วไปปกติ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สพม.น่าน ลงพื้นที่ให้กำลังใจโรงเรียนสตรีศรีน่าน เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วม

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 17 กรกฎาคม 2568 นางนัฑวิภรณ์ จันต๊ะพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้บริหาร คณะครู และนักเรียนโรงเรียนสตรีศรีน่าน ซึ่งอยู่ในระหว่างการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วม

ในการนี้ คณะครูและนักเรียนได้ร่วมแรงร่วมใจกันเคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง พร้อมทั้งจัดเตรียมแนวกระสอบทรายเพื่อป้องกันน้ำหลากเข้าสู่พื้น

ที่อาคารเรียน โดยได้รับการสนับสนุนจากมณฑลทหารบกที่ 38 (มทบ.38) ในการจัดกำลังพลมาช่วยบรรจุทรายลงกระสอบและเสริมแนวป้องกัน

ทั้งนี้ โรงเรียนสตรีศรีน่านได้ประกาศ หยุดการเรียนการสอนในวันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม 2568 เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและบุคลากรในสถานศึกษา

สพฐ #สพม #น่าน #สพมน่าน #SESAONAN #ทีมน่านการศึกษา #NanOneTeam/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน