สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / อบต.อ่างทอง จัดกิจกรรมธนาคารขยะชุมชนตำบล เพื่อนำรายได้ช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง / กิจกรรมขยะแลกไข่ ครั้งที่ 6 ประจำปี 2567

วันที่ 12 พ.ย.67 ที่สนามหน้าโรงเรียนบ้านสีดางาม ตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายบังเอิญ พึ่งโพธิ์ทอง นายกอบต.อ่างทอง สั่งการให้ นายอุดมทรัพย์ เดชะกุลกำจร เลขานายกฯ นายธานินทร์ บุญนี ปลัดอบต.อ่างทอง น.ส.ภัณฑ์ธิมา รังสิกุล รองปลัดอบต.อ่างทอง น.ส.ทิพวรรณ ปัญญาหาร หัวหน้าสำนักปลัด พร้อม ข้าราชการ พนักงาน ร่วมจัดกิจกรรมธนาคารขยะชุมชนตำบล เพื่อนำรายได้ช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง กิจกรรมขยะแลกไข่ ครั้งที่ 6 ประจำปี 2567 โดยมี นางวันวิษา ลิ้มไล้ รก.ผอ.โรงเรียนบ้านสีดางาม คณะครู นักเรียน ร่วมกิจกรรม

น.ส.สุดารัตน์ สังข์ฤทธิ์ วิทยากรอิสระบรรยายขยะแนวไร้ถัง กล่าวว่า การจัดการขยะต้นทางก็คือแค่ทำทุกอย่าง ตัด ล้าง ตาก หรือทำอย่างไรก็ได้ให้สะอาด เก็บรวบรวมตากให้แห้ง และนำส่งให้ อบต.หรือหน่วยงาน สำหรับที่นี่โรงเรียน หลายๆโรงเรียน ก็ดำเนินการอยู่โดยเฉพาะที่นี่ อบต.อ่างทอง ได้ดำเนินการอยู่โครงการขับเคลื่อนของกองสาธารณสุข อบต.อ่างทอง ทำตรงนี้คือ ผู้ปกครอง และเด็กๆเริ่มมีการจัดการขยะได้ด้วยตัวเองที่บ้านแล้วนำมารวมโรงเรียน อบต. อ่างทอง ก็มารับซื้อส่วนที่ซื้อก็ซื้อส่วนที่ขายก็ขายส่วนที่บริจาคก็มีเยอะ

โดยบริจาคเข้ากองทุนชมรมผู้สูงอายุ อบต.อ่างทอง ก็อยากให้ อบต.ทุกแห่ง ทำโดยเฉพาะ อบต.อ่างทอง ขับเคลื่อนโครงการ พอช.ของอำเภอทับสะแก โดยอยากให้ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ประกาศเป็นจังหวัดใร้ถังขยะ เพราะฉะนั้นอย่าให้ทำทุกๆ แห่งทุกๆ พื้นที่ โดยเฉพาะสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินโครงการขับเคลื่อนโรงเรียนไร้ถังขยะ อยากให้โรงเรียนหลายๆ โรงเรียนมาร่วมมือร่วมใจกันทำตรงนี้เพื่อเป็นการปลูกฝังเด็กให้รู้จักวิธีการจัดการขยะด้วยตัวเองโดยไม่ทิ้งเป็นภาระให้ใคร จัดการให้จบด้วยตัวเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการจัดการขยะของ อบต.อ่างทอง นอกจากจะดำเนินโครงการธนาคารขยะชุมชน และรับบริจาคขยะเพื่อนำรายได้เข้าช่วยเหลือผู้ป่ายติดเตียงแล้ว ก็ยังมีกิจกรรม ถุงพลาสติกแลกไข่ โดยถุงพลาสติก 1 กิโลกรัม แลกไข่ได้ 3 ฟอง รับซื้อขยะด้วยเงินสด หรือจะนำเข้าฝาก ธนาคารขยะตำบล ครบ 1 ปี มีดอกเบี้ย

////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / เครือข่ายองค์กรภาคประชาชน แถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาล หยุดผลักดันร่างพระราชกฤษฎีกาป่าอนุรักษ์เข้า ครม.

วันนี้ (11 พ.ย.67) ที่ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้ นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้แทนรับหนังสือข้อเรียกร้อง จากตัวแทนองค์กรภาคประชาชน 47 เครือข่ายได้รวมตัวกัน ออกแถลงการณ์ร่วมขบวนการประชาชนหยุดพระราชกฤษฎีกา “ป่าอนุรักษ์” เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดผลักดันร่างพระราชกฤษฎีกาป่าอนุรักษ์เข้า ครม.โดยทันที ระบุว่า การประกาศพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามนโยบายของหลายรัฐบาลสืบเนื่องกันมา ทำให้สถานการณ์การเร่งรัดประกาศป่าอนุรักษ์ด้วยการออกกฎหมายและใช้กำลังป่าเถื่อนเกิดเป็นกรณีความขัดแย้งทั่วประเทศ อันปรากฏเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนหลายกรณีตอกย้ำความรุนแรงจากผู้ถือกฎหมายที่กระทำต่อผู้คนในเขตป่าอย่างเลือดเย็นไม่จบสิ้น

โดยตัวแทนองค์กรภาคประชาชน 47 เครือข่าย แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ในการคัดค้านและไม่เห็นด้วยกับร่างพระราชกฤษฎีกา โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพย์ยากรธรรมชาติ ภายในอุทยานแห่งชาติ 3 ประการ ประกอบด้วย 1.ไม่เห็นด้วยกับหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขต่างๆที่เกี่ยวกับการอนุญาติใช้ที่ดินในกรอบระยะเวลา 20 ปี ครอบครัวละไม่เกิน 20 ไร่ ซึ่งเห็นว่าเป็นการใช้กฎหมายเพื่อลดการใช้ที่ดินและนำไปสู่การไล่คนออกจากป่า 2.เป็นการละเมิดสิทธิ์ประชาชนที่รัฐละเลยตามหลักสิทธิมนุษยชนและสิทธิคนพื้นเมืองที่นานาประเทศได้ลงนามไว้ 3.กฎหมายดังกล่าวไม่สามารถแก้ปัญหาข้อพิพาทเรื่องที่ดินในเขตอนุรักษ์ ระหว่างรัฐกับประชาชนได้ แต่กลับจะทำให้ข้อพิพาททวีความรุนแรงมากขึ้น ดังนี้นจึงเสนอให้รัฐบาลทบทวนการออกร่าง พ.ร.ฏ. ดังกล่าว โดยพิจารณาถึง ความมั่นคงในการใช้ที่ดิน และศักยภาพของชุมชนในการใช้ที่ดินเพื่อประกอบอาชีพที่หลากหลายในชีวิตประจำวัน

ภายหลังการรับหนังสือข้อเรียกร้องจากตัวแทนองค์กรภาคประชาชน 47 เครือข่าย นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้แจ้งให้กับผู้ที่มาชุมนุมทราบว่า จังหวัดเชียงใหม่จะเร่งดำเนินการส่งหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรัฐบาลให้เร็วที่สุด ทั้งนี้จะนำเสนอข้อเท็จจริงและข้อเรียกร้องของประชาชนให้แก่ผู้ที่มีอำนาจให้ได้รับทราบ.อีกต่อไป.

นายสิทธิชัย วนานุเวชพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงที่2 (แพร่) พร้อมนายภูริทัต เรืองพิริยะ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 2 นายอลงกรณ์ กัวตระกูล ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1 และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ร่วมบรรยายข้อมูลและนำเสนอภาพรวมสถานการณ์อุทกภัยและดินโคลนถล่ม

เส้นทางการคมนาคมที่เสียหาย การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุกภัย และแผนการป้องกันอุทกภัย ณ ห้องประชุมพญาพิภักดิ์ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย รวมถึงลงพื้นที่ก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 118 สาย เชียงใหม่ – เชียงราย ตอน อำเภอแม่สรวย – บรรจบทางหลวงหมายเลข 1 เพื่อพังบรรยายสรุปการก่อสร้าง ณ ทางหลวงหมายเลข 118 ตอน แม่สรวย – ดงมะดะ กม.154+000 ก่อนออกเดินทางไปยัง จังหวัดเชียงใหม่ ต่อไป..

สมจิตรแสงบันลังค์รายงาน


สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ช้าง 10 เชือก แห่ผ้ากฐินสามัคคี วัดสุทธิวนาราม ปากคาด จ.บึงกาฬ / กิจกรรมรถโรงหนัง เฉลิมทัศน์ รอบปฐมทัศน์

ยิ่งใหญ่ขบวนช้าง 10 เชือก แห่ผ้ากฐินสมทบทุนสร้างศาลาพุทธบารมีธรรมจักร วัดสุทธิวนาราม สาธุชนร่วมงานบุญหลายพันคน
เมื่อวันที่ 10 พ.ย.67 เวลา 10.00 น. วัดสุทธิวนาราม บ้านห้วยก้านเหลือง หมู่ 11 ตำบลปากคาด อำเภอปากคาด จังหวัดบึงกาฬ จัดงานทอดกฐินสามัคคี สมทบทุนสร้างศาลาพุทธบารมีธรรมจักร

โดยมีพระราชภาวนาโสภณ วิ. เจ้าคณะจังหวัดบึงกาฬ เจ้าอาวาสวัดเซกาเจติยาราม พระอารามหลวง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย พระครูภาวนาธรรมวิสุทธิ์(หลวงตาสมพร ธมฺมธีโร) เจ้าคณะอำเภอปากคาด เจ้าอาวาสวัดสุทธิวนาราม พร้อมคณะสงฆ์ มีเจ้าคุณปู่เกศแก้ว เป็นประธานที่ปรึกษาองค์กฐิน และ บริษัท นาตรอนซ์ จำกัด แอปพลิเคชัน NZ Chat โดยคุณจิรภัทร-คุณพัตร์พิมล รัชดาธนาวดี เป็นประธานองค์กฐิน พร้อมคณะร่วมพิธี

ทั้งนี้ ศิษย์ยานุศิษย์ เจ้าคุณปู่เกศแก้ว เดินทางมาร่วมพิธีทอดกฐินทานในครั้งนี้จำนวนมาก และมีพิธีต่างๆ ตามประเพณีมากมาย ไฮไลท์สำคัญคือขบวนแห่ช้าง 10 เชือก สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก
ขบวนแห่เริ่มต้นจากจุดนัดพบ มุ่งหน้าสู่วัดสุทธิวนาราม เป็นระยาทาง 1 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวง212 นำโดยขบวนนางรำที่แต่งกายงดงาม วงดุริยางค์ รถแห่ สร้างสีสันและบรรยากาศอันรื่นเริง ประชาชนจำนวนมากพากันมาร่วมชมและถ่ายภาพขบวนช้างที่ร่วมในพิธีอันศักดิ์สิทธิ์

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีคณะศรัทธาตั้งโรงทานกว่า 40 โรงทาน โดยชาวบ้านในพื้นที่ร่วมกันออกโรงทานเพื่อแจกอาหารเครื่องดื่มให้แก่ประชาชนที่มาร่วมงาน แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาและน้ำใจของชุมชน
การจัดงานครั้งนี้ นอกจากจะได้รวบรวมทุนทรัพย์สมทบทุนสร้างศาลาพุทธบารมีธรรมจักรแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงพลังความสามัคคีของชาวบ้านในพื้นที่ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันทั้งการจัดขบวนแห่และการตั้งโรงทาน เพื่อให้บุญครั้งสำคัญนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

การทอดกฐินเป็นกาลทาน ปีหนึ่งทำได้ครั้งเดียว วันหนึ่งทำได้ครั้งเดียว ในปีหนึ่งๆต้องทำภายในกำหนดเวลา และผู้ทอดก็ต้องตระเตรียมจัดทำเป็นงานใหญ่ ต้องมีผู้ช่วยเหลือหลายคน จึงนิยมกันว่าเป็นพิธีบุญที่อานิสงส์แรง น่าคิดอีกทางหนึ่งว่า พิธีเช่นนี้ได้ทั้งโภคสมบัติเพราะเราเองบริจาค ได้ทั้งบริวารสมบัติเพราะได้บอกบุญแก่ญาติมิตรให้มาร่วมการกุศลกาลทานเช่นนี้ เรียกว่า ทานทางพระวินัย

กิจกรรมรถโรงหนัง “เฉลิมทัศน์ รอบปฐมทัศน์ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลถ้ำเจริญ อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ
หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ในกำกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดทำโครงการรถโรงหนัง ซึ่งเป็นรถฉายภาพยนตร์เคลื่อนที่ สำหรับเดินทางไปจัดฉายภาพยนตร์เพื่อการเรียนรู้แก่เด็กนักเรียนและประชาชนตามโรงเรียน และชุมชนที่ห่างใกลจากโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ในปีงบประมาณพ.ศ. 2568 นี้ โครงการรถโรงหนัง ได้จัดทำกำหนดการเดินทางไปตามกลุ่มจังหวัดทั้งสี่ภาค คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคได้ และภาคกลาง

โดยมีหลักการคือ ในช่วงที่ 1 เวลา 09.00-11.30 น. ช่วงที่ 2 เวลา 12.00-14.00 น. เป็นการจัดฉายสำหรับเด็กนักเรียน และช่วงที่ 3 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป เป็นการจัดฉายสำหรับประชาชนในชุมช โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีกำหนดฉายในพื้นที่จังหวัดนครพนมและจังหวัดบึงกาฬ
จังหวัดบึงกาฬ มีโปรแกรมจัดฉายภาพยนตร์ จำนวน 2 แห่ง ดังนี้
1) ในระหว่างวันจันทร์ที่ 11 ถึงวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ณ องค์การบริหาร
ส่วนตำบลถ้ำเจริญ อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ

ในระหว่างวันจันทร์ที่ 16 ถึงวันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2567 ลานอเนกประสงค์
วัดสุวรรณราชดาราม ชุมชนบ้านหอคำ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ
จังหวัดบึงกาฬ ได้มอบหมายให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับ อำเภอ องค์การบริหารการปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่ อำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงาน และสถานศึกษาในพื้นที่ ได้ให้ความสนใจและส่งนักเรียน พร้อมบุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วมรับชมภาพยนตร์ในรอบเด็กนักเรียน อาทิ โรงเรียนบ้านศรีนาวา โรงเรียนบ้านหนองแวง

ในวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เวลา 12.00 น. ณ องค์การบริหารส่วนตำบลถ้ำเจริญ อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ พ.จ.อ.โสภณ สิทธิจันทร์ นายอำเภอโซ่พิสัย,นายภิรมย์ ป้องขวาพล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลถ้ำเจริญ ให้เกียรติร่วมชมภาพยนตร์ในรอบปฐมทัศน์ เรื่อง “อินทรีย์ทอง” พร้อมด้วยผู้นำชุมชน 12 หมู่บ้าน บุคลากร กลุ่มอสม. และประชาชนในพื้นที่

ในรอบประชาชน เวลา 17.00 น. มีผู้เข้าร่วมรับชมภาพยนตร์ กว่า 70 คน ทั้งนี้ รถโรงหนังสามารถบรรจุได้ถึง 100 ที่นั่งสามารถสำรองที่นั่งออนไลน์ผ่าน QR code ใน infographic หรือติดต่อสอบถามได้ที่ – สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดบึงกาฬ (telephone) 042491716องค์การบริหารส่วนตำบลถ้ำเจริญ
(โทร) 042485012

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326 รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / นักศึกษา ราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา อสส.ชุมชนซอยวนาวรรณ ร่วมเดินรณรงค์ป้องกันและควบคุมไข้เลือดออก

นักศึกษามหาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา​ และอสส.ชุมชนซอยวนาวรรณ ร่วมรณรงค์ การป้องกันและควบคุมไข้เลือดออก ชุมชนซอยวนาวรรณ เขตคลองสาน “วนาวรรณ รวมพลังกำจัดยุงลาย ลดการป่วยตายไข้เลือดออก”เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ พิษภัยโรคไข้เลือดออกให้กับนักเรียนและประชาชน

ว่าที่ร้อยตรี ขวัญหทัย ชลสุข ประธานชุมชนซอยวนาวรรณ ประธานกองทุนแม่ของแผ่นดินชุมชนซอยวนาวรรณ พร้อมด้วย อาสาสมัครสาธารณสุขชุมชนซอยวนาวรรณ กรรมการกองทุนแม่ของแผ่นดินชุมชนซอยวนาวรรณ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เขตธนบุรี ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์ การป้องกันและควบคุมไข้เลือดออก ในชุมชนวนาวรรณ 2567 “วนาวรรณ รวมพลังกำจัดยุงลาย ลดการป่วยตายไข้เลือดออก” ณ ชุมชนซอยวนาวรรณ เขตคลองสาน

เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ พิษภัยโรคไข้เลือดออกให้กับนักเรียนและประชาชน เพื่อเป็นการกำจัดยุงลาย ป้องกันและควบคุมไข้เลือดออก “วนาวรรณ รวมพลังกำจัดยุงลาย ลดการป่วยตายไข้เลือดออก” พร้อมกับได้ นำทรายอเบท หยอดใส่ตามท่อระบายน้ำ แหล่งน้ำต่างๆ ป้องกันลูกน้ำยุงลายเพื่อประชาสัมพันธ์ ให้พ่อค้า แม่ค้า และประชาชนในชุมชน ได้ช่วยกันป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก

จากความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชุมชน และการสื่อสารกับประชาชน ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ที่ถูกวิธีและเหมาะสม เป็นกลไกการรับมือที่มีความสำคัญ นำไปสู่ความสำเร็จ ในการลดอัตราป่วย และอัตราตาย จากโรคไข้เลือดออก ดังนั้น ทางชุมชนซอยวนาวรรณ เขตคลองสาน จึงจัดกิจกรรมรณรงค์ฯ ขึ้น เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง เพื่อบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชน ทำให้เกิดพฤติกรรมในการทำลายแหล่งเพาะพันธ์ยุงลายอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ

ภาพ/ข่าว นาย วีระพล แซ่เล้า
เด​วิท​ โชคชัย​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตร.หว้านใหญ่ ยึดยาเสพติดล็อตใหญ่ ผงะพบเม็ดยา มีตัวอักษร LV พร้อมโลโก้ louis vuitton 495,000 เม็ด

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ชัชชัย วงศ์สุนะ ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร, พ.ต.อ.ธานินทร์ อินทพรต รอง ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร, พ.ต.อ.กิตเตชิษฐ์ บำรุง รอง ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร พ.ต.อ.เจด็จ ปรีพูล ผกก.สภ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร ได้รับแจ้งว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดลำเลียงเข้ามาในพื้นที่ ต.ป่งขาม อ.หว้านใหญ่ จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.สนิท ภักดิ์วรรณสิทธิ์ สว.สส.สภ.หว้านใหญ่ กำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบตามที่รับแจ้ง

ปรากฏว่าเมื่อไปถึงที่บริเวณริมแม่น้ำโขงด้านหลังรีสอร์ทสองใจ หมู่ 1 ต.ป่งขาม พบกล่องกระดาษขนาดใหญ่ที่ใช้บรรจุยาสูบผลิตในแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ยี่ห้อเพ้ด และ เจเอ็นกรีน จำนวน 2 กล่อง วางอยู่ในห้องพักของรีสอร์ทร้าง ลักษณะมีพิรุธ เมื่อเปิดออกดูพบว่าภายในบรรจุยาบ้าจำนวน 495,000 เม็ด นอกจากนี้ภายในกล่องกระดาษดังกล่าวยังพบวัตถุเกร็ดผงสีขาวบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส น้ำหนักประมาณ 1.015 กิโลกรัม จำนวน 1 ถุง วัตถุเม็ดสีเขียว พิมพ์ตัวอักษร LV และโลโก้ louis vuitton บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส จำนวน 1 ถุง จำนวนเม็ด 988 เม็ด

วัตถุเม็ดสีเขียวบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส จำนวน 1 ถุง จํานวนเม็ด 396 เม็ด วัตถุเม็ดสีฟ้าบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส จำนวน 1 ถุง จำนวนเม็ด 100 เม็ด วัตถุผงสีขาวบรรจุอยู่ในถุงพลาสติก ชนิดกดปิดดึงเปิด จำนวน 1 ถุง วัตถุผงสีขาวบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส ชนิดกดปิดดึงเปิด จำนวน 1 ถุง วัตถุผงสีขาวบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส และบรรจุอยู่ในซองสีน้ำเงินมีตัวอักษรจีน จำนวน 3 ซอง น้ำหนักรวมประมาณ 0.11 กิโลกรัม

วัตถุผงสีขาวบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส น้ำหนักประมาณ 0.665 กิโลกรัม จำนวน 1 ถุง รวมน้ำหนักของกลางชนิดผง มีน้ำหนักรวม 1.79 กิโลกรัม โดยทั้งหมดเป็นยาเสพติดประเภท 1 และ 2 ทั้งนี้วัตถุอื่นนอกจากยาบ้าที่ตรวจพบจะได้นำส่งตรวจพิสูจน์โดยละเอียดอีกครั้งว่ามีสารเสพติดประเภทใดผสมอยู่บ้าง และได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หว้านใหญ่ สอบสวนสืบสวนเพื่อขยายผลนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / แม่ทัพภาค 2 บินด่วนแถลงข่าวจับบ้า 4.53 ล้านเม็ด ผู้ต้องหา 4 คน จ.บึงกาฬ

ยาบ้ายังทะลักข้ามโขงเข้าบึงกาฬ 2 วันจับได้เกือบ 10 ล้านเม็ด ผู้ต้องหา 4 คน ยึดรถยนต์ 3 คัน หลากหลายแบรนด์ ทั้ง 999 ,Y1และแบรนด์ใหม่ TOYOTA ทั้งหมดผลิตมาจากสามเหลี่ยมทองคำก่อนลำเลียงผ่านแดนข้ามโขงเข้าทางภาคอีสาน แม่ทัพภาค 4 บินด่วนมาแถลงข่าวด้วยตนเอง
เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 8 พ.ย.ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 244 อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ

พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ ปลาทอง ผบก.ตชด.ภาค 2 พล.ต.สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี นายนคร ศิริปริญญานันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นายคณิศร ภาพีรนนท์. ผู้อำนวยการ.สำนักงาน ปปส.ภาค 4 นายธีระพล ขุนพานเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ พ.อ.เรวัฒ ธรรมจิรเดช รอง ผบ.บก.ควบคุมที่ 2 (ร.13) พ.ต.อ.ชัยยุทธ ธรรมสุนา รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ แก้วสำนึก รอง ผบก.พ.ต.อ.กรณ์ ไชยเสือ ผกก.ตชด.24 พ.ต.อ.จรูญศักดิ์ ลำพุทธา ผกก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.จตุพร เนวะมาตย์ ผกก.ตม.จว.บึงกาฬ พ.ต.ท.ทวี ภาน้อย รอง ผกก.ตชด.24 พ.ต.ท.เทอดศักดิ์ โคตรศรีวงษ์ ผบ.ร้อย ตชด.244

พ.ต.ต.ประชานาถ แดงเนียม สว.ส.รน.4 กก.11 บก.รน ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายธวัชชัย มั่นเพ็ชร อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 49/2 หมู่ที่ 12 ต.ท่าช้าง อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก นางสาวพจนา รัตนสาร อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 1-239 ถ.บ้านใหญ่ ต.นครนายก อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก นายอรรณพ วรญาณศรี อายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 78 หมู่ที่ 11 ต.คำโตนด อ.ประจันตะคาม จ.ปราจีนบุรี นายจตุรงค์ วรญาณศรี อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 78 หมู่ที่ 12 ต.คำโตนด อ.ประจันตะคาม จ.ปราจีนบุรี กล่าวหาว่า ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย ทั้ง 4 คนรับสารภาพ ของกลาง ยาบ้าจำนวน 4,530,000 เม็ด รถยนต์ 2 คัน โดยจับกุมได้ที่ บริเวณสวนยางพาราติดกับริมแม่น้ำโขง บ้านห้วยดอกไม้ หมู่ 4 ต.โคกก่อง อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ต่อเนื่อง บริเวณถนน หมายเลข 212 บ้านท่าโพธิ์ ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ


ทั้งนี้เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา พ.ต.อ.กรณ์ ไชยเสือ ผกก.ตชด.24 สืบทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากข้ามลำน้ำโขงมาจากประเทศเพื่อนบ้าน จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.เทอดศักดิ์ โคตรศรีวงษ์ ผบ.ร้อยตชด 244 พร้อมด้วย ร.ต.อ.สมพงษ์ พบวันดี รองผบ.ร.ต.อ.สุริยา วรรณพฤกษ์ หัวหน้าชุด ชปข.สนธิกำลังกลับร.ต.อ.จิรศักดิ์ คำวะเนตร หัวหน้าชุด ชปส.กก.ตชด 24 เจ้าที่ทหาร ชปข.ที่ 4 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พ.ต.ท.ณัฐพล โอฆะพนม สว.กก.ส.ภ.จว.บึงกาฬ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบึงกาฬ ตำรวจน้ำ ทหารพราน ร้อย2018 หน่วย นรข.บึงกาฬและปลัดฝ่ายป้องกัน ลงพื้นที่หาข่าวดักซุ่มและติดตามแก๊งขนยาเสพติดที่จะมาลำเลียงยาบ้าไปส่งยังพื้นที่ชั้นในของประเทศ

กระทั่งกลางดึกคืนที่ผ่านมาได้ตรวจพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บธ 7460 ชัยนาท มีคอกท้ายกระบะ ขับมายังบริเวณสวนยางพาราติดกับริมแม่น้ำโขง บ้านห้วยดอกไม้ ต.โคกก่อง อ.เมืองบึงกาฬ จากนั้นรถยนต์คันดังกล่าวได้ถอยหลังลงไปยังริมแม่น้ำโขง มีชาย 2 คนแบกกระสอบต้องสงสัยขึ้นบนกระบะท้ายรถ จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบมีกระสอบต้องสงสัย สีดำ จำนวน 4 กระสอบ วางอยู่กระบะหลังรถ และอีก 6 กระสอบ วางอยู่พื้นใกล้ตัวรถ รวมทั้งหมด 10 กระสอบ ทราบชื่อคนขับ นายธวัชชัย มั่นเพชร (ผู้ต้องหาที่ 1 ทราบชื่อภายหลังการจับกุม) และนางสาวพจนา รัตนสาร นั่งข้างคนขับ(ผู้ต้องหาที่ 2 ทราบชื่อภายหลังการจับกุม)

จึงควบคุมตัวไว้ เปิดดูในกระสอบพบเป็นยาบ้าจำนวนมาก ทั้ง 2 คนยังยอมรับว่าในการมาขนลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้ยังมีชายอีกสองคน ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีน้ำตาล ทะเบียน กบ 8743 ปราจีนบุรี ทำหน้าที่ดูต้นทาง จึงแจ้งให้ จนท.อีกชุดออกติดตามค้นหาพบรถคันดังกล่าววิ่งอยู่บนถนน หมายเลข 212 พื้นที่บ้านท่าโพธิ์ ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองบึงกาฬ จึงสกัดจับตัวได้ ทราบชื่อ นายอรรณพ วรญาณศรี เป็นคนขับ (ผู้ต้องหาที่ 3) และนายจตุรงค์ วรญาณศรี นั่งข้างคนขับ(ผู้ต้องหาที่ 4) ทั้ง 2 คนยอมรับว่า ได้รับการว่าจ้างจากคนชื่อ “ท้าวน้อย” ชาวลาว เป็นเงิน 50,000 บาท โอนมาให้ก่อน 10,000 บาท ให้นำยาบ้าล็อตนี้ไปส่งยัง จ.อยุธยา เมื่อไปถึงปลายทางจะแจ้งพิกัดให้ทราบอีกที แต่มาถูกจับได้เสียก่อน .
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ชป.กร.ฉก.ตร.นธ.93 – ทสปช.เมืองนราฯ เยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชนบ้านลำภูชันโรง การเลี้ยงผึ้ง ผลิตภัณฑ์จากชันโรง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ทศม ม่วงเกษม ผบ.ฉก.ตร.นราธิวาส 93 และพ.ต.ต.หญิง จิลลาวัณย์ เบ็ญมุสตาส หัวหน้า ฝอ.5 มอบหมายให้ ชุดชป.กร.ฉก.ตร.นธ 93 และไทยอาสาป้องกันชาติเมืองนราธิวาส เข้าเยี่ยมวิสาหกิจชุมชนบ้านลำภูชันโรง ณ เลขที่ 64 บ้านทุ่งขนุน ม.3 ต.ลำภู อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส ซึ่งมีนายอุสมาน เจ๊ะเด็ง

เป็นผู้ริเริ่มการจัดกลุ่มวิสาหกิจชุมชน มีสมาชิกจำนวน 12 คน โดยวิสาหกิจชุมชนได้ดำเนินการมาแล้ว 7 ปี ก่อตั้งโดยเยาวชนในหมู่บ้านโดยไม่มีภาครัฐเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ในปัจจุบันวิสาหกิจชุมชนได้ถ่ายทอดวิชาให้กับกลุ่มอื่นๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา และเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการที่มาเรียนรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงการเลี้ยงน้ำผึ้งชันโรง

โดยในปัจจุบันวิสาหกิจชุมชน ได้ผลิตน้ำผึ้งเพื่อบรรจุขวดเพื่อจำหน่ายและได้ผลิตสบู่เพื่อสุขภาพ สามารถสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนปีละ 50,000 บาท อีกทั้งได้ส่งเสริมกลุ่มสตรีเพื่อทำเฉาก๊วยภาย

ในชุมชนได้ฝึกอาชีพให้กับคนที่อยู่ในหมู่บ้านในเรื่องของการทำเฉาก๊วยเพื่อจำหน่ายในตลาดสดและสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้สูงอายุกลุ่มสตรีไม่ต่ำกว่าเดือนละ 3,000 บาทต่อราย
/////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / “มิสแกรนด์อินเดีย” สร้างสีสันประเดิมวันแรก เทศกาลดีวาลีพัทยา 2024

ตามที่เมืองพัทยาร่วมกับสมาคมนักธุรกิจไทย-อินเดีย สมาคมอินเดียพัทยา และนายกสมาคมอินเดียชลบุรี กำหนดจัดกิจกรรมพหุวัฒนธรรม งานเทศกาลดีวาลี พัทยา DIWALI Festival Pattaya 2024 ระหว่างวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2567 ที่บริเวณชายหาดพัทยากลาง เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งแสงสว่างของชาวอินเดียนั้น

ล่าสุด วันที่ 8 พ.ย.67 นายกฤษณะ บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา นายสุขราช กาลรา นายสมาคมนักธุรกิจไทย-อินเดีย (พัทยา) นายลักษมัน ซิงห์ นายกสมาคมอินเดียพัทยา นายดิโอ้ ซิงห์ นายกสมาคมอินเดียชลบุรี พร้อมคณะจัดงานได้ให้การต้อนรับ ราเชล คุปตา MISS GRAND INTERNATIONAL 2024 INDIA พร้อมคณะนางงาม MISS GRAND INTERNATIONAL 2024 INDIA ที่ได้เดินทางมาร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์กิจกรรมวัฒนธรรมของชาวอินเดียในครั้งนี้ที่เมืองพัทยา

สำหรับวันแรกของกิจกรรมการจัดงานเทศกาลดีวาลี พัทยา DIWALI Festival Pattaya 2024 ทางคณะผู้จัดงานได้ร่วมพิธีสวดบูชาอาตีขอพรให้มีความสุข โดยในงานมีการออกร้านค้าจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์และสินค้านานาชนิดสำหรับชาวภารตะริมชายหาดพัทยาเป็นระยะทางยาวกว่า 700 เมตร

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/ ประจวบฯ ปปช.จ่อสอบนายก อบต.ห้วยทราย /คัดค้านการแบ่งเขต เลือกตั้งสมาชิก อบจ.ประจวบฯ / ตะลึง! พบเสือดาว-เสือดำสัตว์ผู้ล่าขนาดใหญ่ผืนป่ากุยบุรี

8พ.ย.67 สืบจากข่าวการนำเสนอข่าวออนไลน์ในหลายสำนักข่าวเมื่อเดือน ต.ค.67 ที่ผ่านมา กรณีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งแอบลักหลับทำการเปิดบ่อขยะโดยไม่มีการทำประชาพิจารณ์ผ่านความเห็นชอบชาวบ้านทั้ง 13 หมู่ ในพื้นที่ ต.ห้วยทราย อ.เมื่องประจวบฯ เนื่องจากยังไม่ชัดเจนในเรื่องเอกสารรับรองจากหลายหน่วยงาน เช่น สำนักงานสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรม และสาธารณสุข หวั่นผลกระทบชุมชนและสิ่งแวดล้อมก่อนจะนำเรื่องราวทั้งหมดเข้าร้องสื่อ  ต่อมามีการนำหลักฐานการประชุมประจำเดือนหมู่บ้าน ยื่นต่อปลัดอำเภอ ให้ตั้งกรรมการสอบทางวินัยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.ห้วยทราย อาจเข้าข่ายหลอกลูกบ้านให้หลงเชื่อ เห็นชอบโครงการก่อสร้างบ่อขยะดังกล่าว จนเป็นเหตุให้อำเภอฯมีคำสั่งหนังสือเร่งด่วนถึง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยทราย ให้ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีการให้อนุญาตดำเนินกิจการบ่อขยะในพื้นที่หมู่ 10 ต.ห้วยทราย ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปเมื่อวันที่ 7 ต.ค.67 ของเดือนที่ผ่านมา พร้อมนำเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวกับพฤติกรรมที่อาจส่อไปในทางทุจริตประพฤติมิชอบกรณีสินบน ของนายก อบต.ห้วยทราย ยื่นร้องต่อ ปปช.จังหวัดฯให้สอบขอเท็จจริง ก่อน ปปช.จังหวัดฯจะมีหนังสือที่ ปข.๐๐๔๐(ปข)/๐๘๔๙ ลงวันที่ 28 ต.ค.67 เชิญผู้ร้องเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่ สนง.ปปช. หลังมีคลิปวีดีโอระหว่าง นายก อบต.กับสมาชิก(ส.อบต.)รายหนึ่ง ขณะกำลังนั่งสนทนาเจรจาปัญหาเรื่องบ่อขยะระหว่างกัน ก่อนจะมีการยื่นบางสิ่งในมือส่งให้สมาชิก(ส.อบต.)แต่ได้รับการปฏิเสธกลับ(ตามคลิป)

6 พ.ย.67 ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้าน ส.อบต.หมู่ 12 ต.ห้วยทราย เป็นบ้านของเจ้าของคลิปดังกล่าว พบนางสาว ศีรดา  โพธิ์ทอง สมาชิก(ส.อบต.)ต.ห้วยทราย เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อลงมติเห็นชอบการดำเนินการเปิดกิจการบ่อขยะดังกล่าว ขณะที่สมาชิก(ส.อบต.)รวมทั้งหมด 13 หมู่ โดยในส่วนของตนเห็นว่าหากมีการยื่นขอดำเนินกิจการไม่ถูกต้องตามระเบียบก็ไม่สมควร พร้อมเล่าต่อและว่า ขณะที่ตนเดินทางกลับจากธุระ นายกฯมาหาที่บ้าน จากนั้นก็มีการพูดคุยระหว่างกันเกี่ยวกับปัญหาเรื่องบริษัทเอกชนยื่นขอทำกิจการบ่อขยะในพื้นที่หมู่ 10 ขณะพูดคุยระหวางนั้น เขาก็เอี้ยวตัวชักมือลงไปหยิบบางอย่างในกระเป๋ากางเกง พร้อมกับนำขึ้นมายื่นให้ตนรับไปและบอกว่า”เขาฝากมาให้”(ตามคลิป)แต่ตนปฏิเสธไม่รับ หากรับก็จะเป็นการรับสินบนเพื่อให้ตนยกมือเห็นชอบ  ซึ่งตนก็ไม่เห็นด้วยหากไม่มีการรับฟังความคิดเห็นชาวบ้านทั้ง 13 หมู่เสียก่อน และเนื่องจากอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่ชัดเจนเรื่องเอกสารในทางกฎหมายและมาตราการป้องกัน หากมีผลกระทบชุมชน ขณะที่ชาวบ้านเป็นกังวลบริษัทผู้ขออาจลักหลับนำขยะสารพิษจากนอกพื้นที่เข้ามาทำการฝังกลบแทน เนื่องจากในเอกสารของบริษัทยื่นต่อ อบต.นั้นเป็นเพียงการขอดำเนินการขุดดินเพื่อการเกษตรเท่านั้น แต่พอดำเนินการจริงกลับกลายเป็นบ่อขยะ นางสาวศีรดา ส.อบต.กล่าว

ทั้งนี้มีรายงานเพิ่มเติมในเรื่องนี้ จากเสียงวิจารณ์ของชาวบ้านในพื้นที่ ต.ห้วยทราย เห็นว่าตั้งแต่โครงการบ่อขยะของบริษัทเอกชนรายนี้เริ่มเข้ามาในชุมชน ทำให้ชุมชนเกิดความไม่สงบ ชาวบ้านไม่สามัคคีกันเหมือนแต่ก่อน รวมถึงผู้นำชุมชนบางรายครองตนไม่สมกับการเป็นที่ผึ้งของประชาชน ทำตัวเป็นนายหน้าขายสัจจะตนเอง นำคนแบ่งพรรคแบ่งพวกเกิดการแตกแยกในชุมชน อีกทั้งหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องก็ไม่เคยลงมาอธิบายสร้างความรับรู้ให้ชาวบ้าน ทั้งที่มีการลงตรวจแบบโครงสร้างในพื้นที่แต่กลับนิ่งเฉย อ้างว่าไม่ได้อยู่ใน พรบ.ควบคุมดูแลของหน่วยงานตนเองบ้าง  หากยังมีการแถ เพื่อต้องการดันให้โครงการบ่อขยะที่ดำเนินการไม้ถูกต้องตั้งแต่ต้นทาง ให้เปิดดำเนินการได้ ชาวบ้านทั้ง13 หมู่ อาจมีมาตรการในขั้นต่อไป เสียวิจารณ์ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ห้วยทราย

คัดค้านการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

เมื่อ เวลา 10.30น.ประชาชน บ.โป่งโก ม.2 ต.ทองมงคล อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 80 คน นำโดยนางจำเนียร บัวผัน กำนัน ต.ทองมงคล นายไพศาล สิวสุเมธ ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 นายสุเชต สงค์เสน ผู้ใหญ่บ้าน.ม.8 นางนาตยา ทองนิล สมาชิก อบต.ทองมงคล เดินทางมายื่นหนังสือขอคัดค้านการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึง ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ผ่านนายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รอง ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมา เวลา 11.30น. ประชาชนได้รวมตัวที่หน้าศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งนายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รอง ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เชิญประชาชน บ.โป่งโก เข้าร่วมประชุมที่ห้องประชุมชั้น 4 พร้อมทั้งเชิญนายศักดิ์ชัย เลิศกิตติวัฒนกุล ผอ.กกต.จ.ประจวบคีรีขันธ์ เข้าร่วมประชุมหารือ โดยประชาชนในพื้นที่ บ.โป่งโก ม.2 ต.ทองมงคล อ.บางสะพาน ได้รับความผลกระทบในการแบ่งเขตการเลือกตั้งใหม่ จากเดิมมีสิทธิเลือกตั้งในพื้นที่ เขต 3 แล้วเปลี่ยนมาเลือกตั้ง เขต 4 ทำให้เกิดความสับสน และความไม่สะดวกต่อประชาชนในพื้นที่ จึงต้องการให้แบ่งเขตการเลือกตั้งตามเดิม ซึ่งทางนายคมกริช รอง ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้แจ้งว่าในเรื่องนี้ทางจังหวัดไม่มีอำนาจในการแก้ไข เป็นเรื่องของ กกต.ส่วนกลาง พร้อมทั้งได้กำชับนายศักดิ์ชัย ผอ.กกต.จ.ประจวบคีรีขันธ์ ให้เร่งดำเนินการก่อนจะประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยให้ส่งเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ และโทรประสานงานกับทางส่วนกลางเพื่อเร่งดำเนินการต่อไป

ประจวบฯนายกฯอบต.ห้วยทราย”โต้”หลังคลิปหลุดสินบนสั่งบ่อขยะระงับการก่อสร้างชั่วคราว

 8 พ.ย. 67 ต่อข่าว/ผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าพบกับ นายไชยพงศ์ บัวไสว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยทราย อ.เมืองประจวบฯ หลังทราบว่าเป็นผู้อยู่ในคลิปกล้องวงจรปิดที่ติดไว้บริเวณด้านในบ้านของสมาชิก ส.อบต.รายหนึ่ง หลังมีผู้ร้องไปยัง สนง.ปปช. กล่าวหาว่ามีการทุจริตประพฤติมิชอบและให้สินบน ส.อบต.รายดังกล่าว จนเป็นกระแสข่าวร้อนแรงอยู่ในขณะนี้

ด้านนายไชยพงศ์ นายกฯอบต.ห้วยทราย เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า บุคคลในคลิปคือตนเอง ซึ่งจากเหตุการณ์ในขณะนั้นตนได้เข้าไปเยี่ยมญาติๆที่บ้านดังกล่าว พร้อมพูดคุยเรื่องปัญหาการจัดการขยะกับ สมาชิก ส.อบต.รายนี้ ซึ่งก็เป็นคนในบ้าน เนื่องจากเป็นเครือญาติกัน จึงไม่แปลกที่ตนจะเข้าไปสอบถามสารทุกข์สุขดิบต่อกัน ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อและว่า หากดูจากคลิปเสียมีการสนทนาเรื่องการจัดการขยะ ระหว่างนั้นมีการยื่นบางอย่างให้สมาชิก ส.อบต.รับไป แต่ได้รับการปฏิเสธกลับ สิ่งนั้นคืออะไร

ทางด้านนายกฯอบต.ตอบกลับและว่า ไม่ทราบว่าในคลิประหว่างนั้นตนพูดว่าอะไร แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องตัวเงินอย่างแน่นอน และสิ่งที่ตนยื่นให้นั้นเป็นเพียงเอกสารที่อยู่ในซอง  แต่จำไม่ได้แล้วว่าเป็นเอกสารเกี่ยวกับอะไรเนื่องจากมันนานมาก และหากตนจะนำเงินจำนวนหนึ่งไปฝากไว้ให้แม่ของเขาไว้ใช้เพราะป่วยอยู่       ก็ไม่แปลก เนื่องจากเราเป็นเครือญาติกัน และตนก็เป็นนายกฯอบต.ในสมัย จะเข้าเยี่ยมลูกบ้านทุกคนก็ไม่ผิดอะไร  ซึ่งในเรื่องนี้หากมองว่าเป็นการส่งสารที่คาดเคลื่อนทำให้เข้าใจผิดคิดไปเองก็เป็นได้ แต่ตนก็เป็นผู้เสียหายไปแล้ว เนื่องจากมีการเสนอข่าวออกไปว่าตนให้สินบน ส.อบต.ดังกล่าว ส่วนที่มีการร้อง ปปช.จังหวัดฯเกี่ยวกับพฤติกรรมของตนนั้น ก็ต้องรอให้ ปปช.จังหวัดฯ เรียกเสียก่อน ซึ่งตนก็พร้อมจะให้ข้อมูลทั้งหมดอยู่แล้ว นายกฯอบต.พูดต่ออีกและว่า ในส่วนเรื่องที่ชาวบ้านเป็นกังวลบริษัทอาจนำขยะสารพิษเข้ามาทิ้งในชุมชน

ในเรื่องนี้หลังจากมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมปรึกษาขอปฏิบัติ ไปเมื่อวันที่ 29 ต.ค.67 ของเดือนที่ผ่านมา โดยมีการสรุปร่วมกันและแจ้งให้บริษัทผู้ยื่นขออนุญาตดังกล่าว สั่งระงับการก่อสร้างไปแล้ว และให้ดำเนินการยื่นขออนุญาตทำกิจการบ่อขยะใหม่ ให้ถูกต้องเป็นไปตามระเบียบราชการ เนื่องจากแบบเดิมเป็นการยื่นขอขุดบ่อดินเพื่อการเกษตร ซึ่งมีการปรับปรุงสิ่งปรูกสร้างที่ยังไม่เป็นไปตามขั้นตอนปฏิบัติของทางราชการกำหนด  จากนั้นให้บริษัทผู้ขอลงมารับฟังความคิดเห็นกับชาวบ้านทั้ง 13 หมู่ ในพื้นที่ ต.ห้วยทราย เพื่อนำขอกังวลของชาวบ้าน นำกลับไปพิจารณาหากปฏิบัติได้  พร้อมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวของเช่น อุตสาหกรรม  สิ่งแวดล้อม  สาธารณสุข เข้าร่วมชี้แจงให้ชาวบ้านทั้ง13 หมู่รับทราบ พร้องให้นำมาตรการป้องกันในทางกฎหมาย หากบริษัทดำเนินกิจการผิดระเบียบไม่ถูกต้องไม่เป็นไปตามระเบียบทางราชการกำหนด นายกฯอบต.ห้วยทราย กล่าว

ตะลึง! พบเสือดาว-เสือดำสัตว์ผู้ล่าขนาดใหญ่ผืนป่ากุยบุรี สะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ

เมื่อวันที่ 8 พ.ย.67 อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประสบความสำเร็จในการอนุรักษ์สัตว์ป่า หลังกล้องดักถ่ายภาพสัตว์ป่า (Camera trap) บันทึกภาพเสือดาวและเสือดำในพื้นที่เดียวกัน โดย นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เปิดเผยว่า การพบเสือทั้งสองชนิดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศในผืนป่า และเป็นผลมาจากการทุ่มเทในการคุ้มครองพื้นที่อุทยานฯ อย่างเข้มแข็ง ทั้งการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ การป้องกันการบุกรุกทำลายป่า และการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นว่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรียังคงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่สำคัญของสัตว์ป่าหายาก โดยเฉพาะสัตว์ผู้ล่าขนาดใหญ่อย่างเสือดาวและเสือดำ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความสมบูรณ์ของระบบนิเวศป่าไม้ ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินงานอนุรักษ์และการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป
อุทยานแห่งชาติกุยบุรีครอบคลุมพื้นที่กว่า 969 ตารางกิโลเมตร เป็นหนึ่งในกลุ่มป่าแก่งกระจานมรดกโลกทางธรรมชาติ ที่ครอบคลุมพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัด ได้แก่ ประจวบฯ เพชรบุรี และราชบุรี ซึ่งมีความโดดเด่นด้านความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะการเป็นแหล่งอาศัยของช้างป่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยังพบสัตว์ป่าสงวนหายากหลายชนิด เช่น วัวแดง กระทิง เลียงผา และเสือโคร่ง นอกจากนี้ อุทยานแห่งชาติกุยบุรียังมีความสำคัญในด้านการเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของแม่น้ำหลายสาย รวมถึงเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่สำคัญของภูมิภาค มีระบบนิเวศที่หลากหลายทั้งป่าดิบชื้น ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และทุ่งหญ้า ซึ่งเอื้อต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ป่านานาชนิด.

นายนิพล ทองเก่า นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กองทัพอากาศจัดพิธีถวายผ้ากฐินสามัคคีประจำปี 2567 ณ วัดลาดสนุ่น อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2567 พลอากาศเอก ชัยนาท ผลกิจ รองผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมด้วย นาวาอากาศเอกหญิง เมตตา ผลกิจ อุปนายกสมาคมแม่บ้านทหารอากาศ

เป็นประธานในพิธีถวายผ้ากฐินสามัคคีกองทัพอากาศ ประจำปี 2567 ณ วัดลาดสนุ่น อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ คณะกรรมการบริหารสมาคมแม่บ้านทหารอากาศ กำลังพลของกองทัพอากาศ ตลอดจนประชาชนผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมในพิธี

ในโอกาสนี้ รองผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้ถวายยอดปัจจัยบำรุงอารามแด่ประธานสงฆ์เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,370,000 บาท

สำหรับวัดลาดสนุ่น เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ราวพุทธศักราช 2440 มีเสนาสนะภายในวัด ได้แก่ อุโบสถ กุฏิสงฆ์ หอสวดมนต์ ศาลาการเปรียญหลังเก่า ศาลาการเปรียญหลังใหม่และวิหาร มีปูชนียวัตถุที่สำคัญ คือ พระประธานในอุโบสถแบบสุโขทัย ปางมารวิชัย

ปัจจุบันมี พระมหาบัญชา สารคนฺโธ เป็นเจ้าอาวาส โดยกองทัพอากาศได้ถวายผ้ากฐินสามัคคีที่วัดลาดสนุ่น เป็นประจำทุกปี เพื่อร่วมสืบสานประเพณีอันดีงามของไทย และสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง