สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กองทัพภาคที่ 2 จัดพิธี รับ–ส่งหน้าที่ แม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน/“นาทีชีวิตระทึก!! ทหาร ร.8 พัน.1 ช่วยเหลือประชาชนประสบอุบัติเหตุ

วันนี้ 28 กันยายน 2567 เวลา 10.30 น. ณ กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2 และพลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (ท่านใหม่) ร่วมกระทำพิธีรับ – ส่งหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2 โดยได้กระทำพิธีสักการะพระศรีสัมพุทธโมลี พระพุทธวิชัยเสนีย์นาถ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อนุสาวรีย์วีรไทย พระบรมรูป ร.5 พระบรมราชานุสาวรีย์ หลังจากนั้นจึงลงนามเอกสารรับ – ส่งหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2 ณ ห้องประชุมกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2

ก่อนจะเดินทางมายังบริเวณพิธีรับ – ส่งหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2 ณ ลานหน้าสโมสรร่วมเริงไชย โดยขึ้นแท่นรับการเคารพ พันเอก กิติพงศ์ พ่วงอยู่ ผู้อำนวยการกองกำลังพล ได้อ่านประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวมอบหน้าที่และการบังคับบัญชา และได้ส่งมอบธงประจำกองทัพภาคที่ 2 พร้อมทั้งเอกสารรับ – ส่งหน้าที่ แก่แม่ทัพภาคที่ 2 (ท่านใหม่) จากนั้น จึงกล่าวรับมอบหน้าที่และการบังคับบัญชา เสร็จแล้วทั้ง 2 ท่าน จึงขึ้นแท่นรับการเคารพจากกองผสมหมู่ธงสวนสนาม ซึ่งจัดจาก หมู่ธงประจำหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2 จำนวน 83 หมู่ธง

สำหรับ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 26 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 37 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรหลักประจำ ชุดที่ 77 เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 ค่ายพระยอดเมืองขวาง จ.นครพนม ,ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22, เสนาธิการกองพลทหารราบที่ 3, ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 ค่ายกฤษณ์สีวะรา จ.สกลนคร, ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3, รองแม่ทัพภาคที่ 2, แม่ทัพน้อยที่ 2 ก่อนที่จะดำรงตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ลำดับที่ 44

สำหรับท่านแม่ทัพบุญสิน หรือแม่ทัพกุ้ง ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้ดำรงตำแหน่งโดยเฉพาะตำแหน่งคุมกำลังรบสำคัญๆตลอดการรับราชการ รวมทั้งได้รับความร่วมมือจากผู้ใต้บังคับบัญชาทุกระดับ โดยการนำความรู้​ ทักษะ และประสบการณ์ในการบูรณาการขับเคลื่อนนโยบายทั้งในส่วนของกองทัพบกและในส่วนของรัฐบาล รวมถึงส่วนราชการ และภาคเอกชน ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน การปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มขีดความสามารถ ส่งผลให้มีผลการปฏิบัติงานสำเร็จมากมาย จนเป็นที่ประจักษ์

โดยที่สำคัญท่านได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาหน่วย พัฒนากำลังพล ดูแล ใส่ใจ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา กำลังพลในทุกระดับจนถึงพลทหารน้องเล็กคนสุดท้องกองทัพบก เสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานให้กำลังพล ส่งผลให้บรรลุทุกๆภารกิจอย่างมีประสิทธิภาพ จนเป็นที่ยอมรับของผู้บังคับบัญชาระดับสูงในทุกระดับ และเป็นที่เชื่อมั่นศรัทธาของพี่น้องประชาชน คนรากหญ้าชาวอีสาน ซึ่งท่านใช้ภาษาอีสานสื่อสารกับพี่น้องประชาชนในการลงพื้นที่ทุกครั้ง จึงสามารถเข้าใจบริบทของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคอีสานได้อย่างดี ตลอดการทำงานที่ผ่านมาจนมาถึงปัจจุบัน

“นาทีชีวิต!!! ทหาร ร.8 พัน.1 ช่วยเหลือประชาชนประสบอุบัติเหตุรถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ อาการสาหัส อำนวยการประสานการปฏิบัติในทุกๆส่วนนำส่งโรงพยาบาล”

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 เวลา 15.00 น. ที่ค่ายศรีสองรัก อ.เมือง จ.เลย หน่วย ร.8 พัน.1 โดย จ.ส.อ.ชัยยง นามเภา ตำแหน่ง ผบ.ลว ร้อย.สสก.ชรก.ฝยก.ร.8 พัน.1 ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ผบ.กองรักษาการณ์ ได้เกิดอุบัติเหตุรถกระบะโตโยต้าหมายเลขทะเบียน บจ 7570 เลย ชนกับรถจักยานยนต์ หมายเลขทะเบียน กนจ 52 เลย บริเวนถนนเลย-เชียงคาน ด้านหน้าประตูทางเข้า ร.8 พัน.1 ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 ราย เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ แม่กับลูก ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนนาอ้อวิทยา นั่งซ้อนท้ายแม่กำลังจะกลับบ้าน ในระหว่างเดินทางเกิดประสบอุบัติเหตุเสียก่อน

โดยรถกระบะคู่กรณี ทราบชื่อคนขับคือนายสมาน ทำสี ชาวบ้าน ต.เขาแก้ว อ.เชียงคาน จ.เลย ให้การว่าขับรถมาจากตัวเมือง จ.เลย มุ่งหน้ากำลังจะกลับบ้าน พอมาถึงที่เกิดเหตุมองไม่เห็นรถมอเตอร์ไซร์ จึงเกิดอุบัติเหตุขึ้น เมื่อ จ.ส.อ.ชัยยง นามเภาฯ พร้อมกำลังพลที่เข้าเวรรักษาการณ์ เห็นเหตุการณ์จึงร่วมกับกำลังพลรีบเข้าช่วยเหลือ อย่างรวดเร็ว ซึ่งเจ้าของรถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บ สาหัสเกิดบาดแผลบริเวณศรีษะ และบาดแผลตามร่างกาย เข้าปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนแล้ว จึงรีบโทรประสาน 1669 เพื่อขอหน่วยกู้ชีพฉุกเฉินนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเลย

ทั้งนี้ได้มี จ.ส.อ.วุฒิชัย อ้วนศิลา นายทหารเวรฯ พร้อมกับกำลังพลของหน่วยเข้ามาช่วยเหลือในการอำนวยการจราจรอีกทางหนึ่ง เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำซ้อน ตลอดจนประสาน จนท.สารวัตรทหาร มทบ.28 อำนวยสะดวกด้านการจราจร และจนท.ตำรวจในการเก็บหลักฐานและเคลื่อนย้ายรถจักรยานยนต์และวัตถุพยาน เพื่อใช้ประกอบรูปคดีต่อไป โดยในการช่วยเหลือประชาชนในครั้งนี้หวังเพียงให้ผู้ประสบอุบัติเหตุปลอดภัย จึงรีบเข้าช่วยเหลือเหลืออำนวยการประสานการปฏิบัติในทุกๆส่วน เพราะทหารเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร​ ภาพ/ข่าว : นายพรพิพัฒน์ เพ็ชรสังหาร
เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน ​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / เปิดศูนย์สีจระเข้ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก/ ชาวบ้านพัทยา ทยอยรับเงินดิจิตอล นายกฯอำนวยความสะดวกชาวบ้านกลุ่มเปราะบาง/เตรียมจัดงาน “เทศกาลกินเจเมืองพัทยา ปี 67” ยิ่งใหญ่!

วันที่ 27 ก.ย.67 มีรายงานว่า ได้มีการเปิดอย่างเป็นทางการสำหรับศูนย์สีจระเข้ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก ที่ร้านบ้านอำเภอเทรดดิ้ง จ.ชลบุรี โดยมีสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ในพิธี ได้รับเกียรติจาก นายวิกิจ กันฉาย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานขายในประเทศ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จํากัด พร้อมด้วย นางอังคณา โขนแจ่ม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บ้านอำเภอเทรดดิ้ง จำกัด, นายธำรงศักดิ์ เทพสุนทร ผู้อำนวยการฝ่ายขายผู้แทนจำหน่วย, นายสุภกิตติ์ เตชดนัย ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจสีจระเข้ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จํากัด, และน.ส.ตรีสุคนธ์ โขนแจ่ม กรรมการผู้จัดการบริษัท บ้านอำเภอเทรดดิ้ง จำกัด ร่วมเปิดงาน

นายสุภกิตติ์ เปิดเผยต่ออีกว่า โดย SEE JORAKAY SHOP แห่งแรกในภาคตะวันออกใน “ร้านบ้านอำเภอเทรดดิ้ง ชลบุรี” เป็นศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง ที่ครบครัน ทันสมัย ซึ่งเป็นสีจระเข้ช็อปอย่างเป็นทางการจังหวัดชลบุรี โชว์สัมผัสประสบการณ์แห่งสีสัน และลวดลายกับสีจระเข้ ด้วยเทคโนโลยีจากสีธรรมชาติ พร้อมสัมผัสประสบการณ์แห่งแรงบันดาลใจ ด้วยเทคนิคความรู้ดี ๆ จากผู้เชี่ยวชาญจากสีจระเข้ นำโดย คุณวรชาติ โชครัศมีดาว ผู้จัดการฝ่ายบริหารการตลาดผลิตภัณฑ์ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด มาร่วมอัปเดตผลิตภัณฑ์ ภายใต้หัวข้อ “Paint The New Norm” เพ้นท์มาตรฐานใหม่ให้ชีวิต สีปลอดภัย สีธรรมชาติ สีจระเข้ อีกด้วย

ด้าน น.ส.ตรีสุคนธ์ โขนแจ่ม กรรมการผู้จัดการบริษัท บ้านอำเภอเทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยถึงความร่วมมือในครั้งนี้ ว่า ด้วยบ้านอำเภอเทรดดิ้ง มีความตระหนักในเรื่องของสิ่งแวดล้อมและอยากให้ลูกค้าของบ้านอำเภอเทรดดิ้งได้สินค้าที่มีคุณภาพปลอดภัยต่อสุขภาพของลูกค้า เมื่อทางสีจระเข้ ได้มีการพัฒนาสินค้ากลุ่มทาสีบ้านขึ้นมาที่ตอบโจทย์ในเรื่องสิ่งแวดล้อมจึงได้สนับสนุนให้ทำ SEE JORAKAY SHOP ขึ้นเพื่อให้ลูกค้าได้คุณภาพสีของจริงที่บ้านอำเภอเทรดดิ้ง สำหรัยช่องทางในการติดต่อร้านสามารถติดต่อทางออนไลน์ เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม และTikTok บ้านอำเภอเทรดดิ้ง และสามารถมาเยี่ยมชมสินค้าได้ที่ร้านที่มีพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร มีสินค้าที่หลากหลายให้บริการ

สำหรับ สีจระเข้ เป็นสีที่ผลิตจากวัตถุดิบที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงปลอดภัยไร้กลิ่นฉุนและสารระเหยที่เป็นอันตราย โดยทางเราให้ความสำคัญกับสุขภาพของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบ้าน เจ้าของโครงการ หรือแม้แต่กลุ่มสถาปนิก และช่างผู้ใช้งานทั่วไป นอกจากนี้ สีจระเข้ เป็นรายแรกที่เลือกใช้วัตถุดิบในการผลิตที่มาจากไลม์สโตน หรือหินปูนธรรมชาติคุณภาพสูงจากประเทศสเปน มีความปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่มีกลิ่นฉุน ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานและผู้อยู่อาศัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผสานกับเทคโนโลยีกราฟีนที่ช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะพร้อมช่วยกระจายความร้อนทำให้อุณหภูมิภายในบ้านเย็น และมีระบบดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในระหว่างการแห้งตัวของสีตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานที่ห่วงใยสุขภาพ  คนรุ่นใหม่ ที่ต้องการความสะดวกสบายได้ดี เพราะสีมีความปลอดภัยในทุกขั้นตอน โดยคุณสามารถเปลี่ยนสีห้องได้โดยไม่ต้องย้ายออก สามารถเข้าอยู่ได้ทันทีหลังจากทาสีเสร็จ ทั้งนี้ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ SEE JORAKAY มี 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.Natural Color เป็นสีที่มุ่งเน้นแนวคิด Ecological ปลอดภัยต่อผู้ใช้ 2. Art Color สีจระเข้ Art Color เป็นสีที่ใช้สำหรับสร้างลวดลายสไตล์ลอฟท์และลายหินอ่อน 3.Texture Color สีจระเข้ Texture Color เป็นสีที่ผลิตจากไฮบริดพิเศษ และมีเทคโนโลยี 3D Texture และ4. Heritage Color สีจระเข้ Heritage Color เป็นสีที่ใช้สำหรับบูรณะ หรือซ่อมแซมโบราณสถานโดยเฉพาะ ละในช่วงเปิด SEE JORAKAY SHOPได้มีการจัดโปรโมชั่นให้กับลูกค้าตั้งวันนี้-30 กันยายน 2567 จะมีการลดราคา 25 % สำหรับสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์สี ซึ่งมี SHOP ให้บริการทั้งหมด 12 สาขาทั่วประเทศ และ SHOPที่บ้านอำเภอเทรดดิ้งถือเป็น SHOPแรกในภาคตะวันออก

ชาวบ้านพัทยา ทยอยรับเงินดิจิตอล นายกฯอำนวยความสะดวกชาวบ้านกลุ่มเปราะบาง

ตามที่รัฐบาลได้จัดโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ พิจารณาอนุมัติ “เงินดิจิตอล” โดยเริ่มให้ประชาชนกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมประมาณ 12.4 ล้านคน และกลุ่มผู้ถือบัตรประจำตัวคนพิการ อีกประมาณ 2 ล้านคน รวมทั้งหมดกว่า 14 ล้านบาท โดยเริ่มจ่ายเงินในวันที่ 25,26,27 และ 30 ก.ย. 67 นั้น

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศการเข้ารับบริการจากธนาคารกรุงไทย หลายสาขาในเขตเมืองพัทยา อาทิ สาขาบางละมุง (ตลาดนาเกลือ) สาขาพัทยากลาง และสาขาพัทยาใต้ พบว่ามี ประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มดังกล่าวทยอยเข้าติดต่อรับเงินดิจิตอลอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เช้า

นอกจากนี้ มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ได้มีความเป็นห่วงเป็นใยพี่น้องประชาชนกลุ่มเปราะบาง คนพิการ และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ออกมารับเงินกันอย่างต่อเนื่อง จึงได้ประสานงานเจ้าหน้าที่เทศกิจเมืองพัทยาร่วมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนตามธนาคารกรุงไทย สาขาต่างๆ ด้วย

เตรียมจัดงาน “เทศกาลกินเจเมืองพัทยา ปี 67” ยิ่งใหญ่!

มีรายงานว่า เมืองพัทยา ร่วมกับมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐและเอกชน กำหนดจัดงานมหากุศล อิ่มบุญ อิ่มใจ “เทศกาลกินเจเมืองพัทยา ประจำปี 2567” ระหว่างวันที่ 2-12 ตุลาคม 2567 ที่มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา จ.ชลบุรี

โดยในวันพุธที่ 2 ตุลาคม 2567 จะมีพิธีอัญเชิญเทพยดาฟ้าดิน (เซ็งทีตี๋) ในเวลา 09.19 น. ที่มูลนิธิฯ จากนั้นในเวลา 15.19 น. เป็นต้นไป จะเป็นการเคลื่อนขบวนแห่ออกจากมูลนิธิฯ เลี้ยวซ้ายผ่านสี่แยกโพธิ์งาม ตรงไปผ่านร้านวุฒิกรค้าวัสดุ ถึงสุขุมวิทเลี้ยวขวา (ย้อนศร) และเลี้ยวขวาลงถนนสว่างฟ้า ผ่านตลาดใหม่นาเกลือ ถึงสามแยกนำชัย เลี้ยวขวาไปเส้นทางตลาดเก่า ถึงสวนสาธารณะลานโพธิ์ เลี้ยวซ้ายเข้าชายหาดเพื่อทำพิธีอัญเชิญ “กิ้วอ้วงฮุกโจ้ว” และ “พระโพธิสัตว์” ไปสถิตยังมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยาต่อไป

ทั้งนี้ นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ยังได้ขอเชิญชวนสาธุชนเข้าร่วมพิธีอัญเชิญเทพยดาฟ้าดิน พร้อมพิธีอัญเชิญกิ้วอ้วงฮุกโจ้ว และพระโพธิสัตว์ไปสถิตย์ ณ โรงเจนาเกลือ ในวันและเวลาดังกล่าว พร้อมร่วมถือศีลกินเจในงาน “เทศกาลกินเจเมืองพัทยา ประจำปี 2567” ต่อไปด้วย

สื่อรัฐทีวี – สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯ จ.อุตรดิตถ์ แถลงข่าวการจัดงานแข่งขัน อุตรดิตถ์โตโยไทร์ เอ็กซ์พลอร่าร์ เรซซิ่งคาร์ไทยแลนด์ เฟสติวัล ครั้งที่ 1

วันที่ 27 กันยายน 2567 เวลา 13.00 น. นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานเปิดการแถลงข่าวการจัดการแข่งขันรถยนต์ “UTTARADIT RACING CAR THAILAND FESTIVAL” เก็บสะสมคะแนนชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ครั้งที่ 1 ณ ศาลาประชมคมจังหวัดอุตรดิตถ์
การแข่งขัน “อุตรดิตถ์โตโยไทร์ เอ็กซ์พลอร่าร์ เรซซิ่งคาร์ไทยแลนด์ เฟสติวัล ครั้งที่ 1” ที่จะจัดขึ้นขึ้นในวันที่ 1-4 พฤษภาคม 2568 ร่วมกับชมรมกีฬามอเตอร์สปอร์ตและทีมบริหารฝ่ายต่าง ๆ ของจังหวัดอุตรดิตถ์ทั้งภาครัฐและเอกชนจับมือกับ บริษัทฟาอีสยูในเต็ดมอเตอร์สปอร์ต จำกัด โดยใช้เส้นทางแข่งขันถนนโดยรอบสนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหักและสวนสาธารณะเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ให้เป็น CITY STREET CIRCUIT ครั้งแรกของจังหวัดอุตรดิตถ์

สถานที่จัดการแข่งขัน
บริเวณโดยรอบสนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก – สวนสาธารณะเทศบาลจังหวัดอุตรดิตถ์ซึงมีวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ดังนี้
1. เพื่อเป็นการยกระดับด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดอุตรดิตถ์
2. เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดอุตรดิตถ์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
3. เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนในพื้นที่
4. เพื่อเปิดโลกทรรศน์การเรียนรู้ โดยการอบรมการขับขี่ให้กับคนในพื้นที่
5. จัดหารายได้มอบให้กับมูลนิธิศาลหลักเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์
6. เพื่อสร้างความสามัคคีร่วมมือร่วมใจในทุกภาคส่วน

การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบเก็บคะแนนสะสม ชิงถ้วยพระราชทาน และถ้วยประทานแชมป์ประจำปีประกอบด้วยกิจกรรมที่จัดขึ้นในงานได้แก่ COFFEE CRAFTมีการออกร้านขายอาหาร สินค้า และผลไม้ตามฤดูกาลมีการจัดกิจกรรมฟรีคอนเสิร์ต วง TIME MACHINE & วงไม้เลื้อยมีกิจกรรมโชว์รถยนต์แนวตกแต่งมีกิจกกรรมประกวดกองเชียร์ของโรงเรียนในพื้นที่มีการออกบูธสินค้าต่าง ๆ ของผู้สนับสนุน นอกจากนี้ประชาชนในจังหวัดสามารถมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมครั้งนี้ได้แก่

  1. ฝึกอบรมเข้าร่วมเป็นกรรมการตามจุดต่างๆ
  2. จัดการแข่งขันให้กับนักแข่งในจังหวัดและภาคเหนือเป็นรุ่น รุ่นพิเศษ
  3. จัดขบวนพาเหรดรถยนต์ให้กับคนในจังหวัดได้สัมผัสการแข่งขัน
  4. เปิดโอกาสให้นักแข่งในจังหวัดได้มีโอกาสลงทำการแข่งขันกับรายการ
  5. เปิดโอกาสให้นักศึกษาในจังหวัดได้ฝึกประสบการณ์วิชาชีพ กิจกรรมนี้มีรถที่เข้าร่วมทำการแข่งขันมากกว่า 300 คัน มีรุ่นการแข่งขันมากกว่า 20 รุ่น นอกจากนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าขมงานกว่า 30,000 คน จากนั้นประธานได้เน้นย้ำถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจภายในจังหวัดอุตรดิตถ์อย่างรอบด้าน
  1. โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาลและจังหวัดอุตรดิตถ์มีศักยภาพและพร้อมในการเป็นสถานที่จัดแข่งขันสอดคล้องกับช่วงการจัดแข่งขันตรงกับฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรที่ขึ้นชื่อของจังหวัด อาทิ ทุเรียน ซึ่งจะถือเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าของจังหวัดอีกทางหนึ่ง

นาคา คะเลิศรัมย์/รายงาน

สื่อรัฐทีวี – สื่อรัฐนิวส์ / มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทาน มอบให้ผู้ประสบอัคคีภัย ต. วังเพลิง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี

วันที่ 27 กันยายน 2567 เวลา 14.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำสิ่งของพระราชทานไปมอบให้กับ ผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี โดยมี นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นผู้เชิญสิ่งของพระราชทาน มอบให้แก่ นางมานิตย์ ลำภูพวง อายุ 50 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 1/1 หมู่ที่ 2 ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี


โดยเหตุการณ์เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน 2567  เวลาประมาณ  17.30 น.ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน บ้านเลขที่ 1/1 หมู่ที่ 2 ตำบลวังเพลิง  อำเภอโคกสำโรง  จังหวัดลพบุรี ลักษณะบ้าน 2 ชั้นเดียว ครึ่งปูนครึ่งไม้ ได้รับความเสียหายทั้งหลัง มีผู้ได้รับความเดือดร้อน จำนวน 3 คน ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต สาเหตุคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
ซึ่งการได้รับสิ่งของพระราชทาน ยังความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์พระบรมราชูปถัมภก แห่งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นล้นพ้นโอกาสนี้ หน่วยงานต่าง ๆ 
ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี อาทิ เหล่ากาชาดจังหวัดลพบุรี  หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดลพบุรีและเครือข่าย  คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดลพบุรีสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลพบุรี สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลพบุรี  สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดลพบุรี  ที่ทำการปกครองอำเภอโคกสำโรง ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น  ได้ร่วมมอบเงินและสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค  เพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยอีกด้วย

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี รายงาน

สื่อรัฐทีวี/สื่อรัฐนิวส์ – ​พ่อเมืองมุกดาหาร เปิดงานฉลอง 42 ปี สานอดีต ปัจจุบัน อนาคต

เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567​ นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานในพิธี บวงสรวงสักการะศาลหลักเมืองมุกดาหาร และถวายราชสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ที่หน้าศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร เนื่องในโอกาสครบรอบ 42 ปี การตั้งจังหวัดมุกดาหาร พร้อมกับเปิดงาน 42 ปี “มุกดาหาร สานอดีต ปัจจุบัน อนาคต” โดยมีนางรำจากทั้ง 7 อำเภอในจังหวัดมุกดาหาร และเทศบาลเมืองมุกดาหาร แสดงรำเฉลิมฉลอง 42 ปี ด้วย

จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดกิจกรรมร้อยเรียงอดีต ปัจจุบัน อนาคต จังหวัดมุกดาหาร การเสวนาในประเด็นจังหวัดมุกดาหารอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เปิดรับฟังความคิดเห็นและมุมมองจากทุกภาคส่วนถึงทิศทางการพัฒนาจังหวัดมุกดาหาร การจัดแสดงนิทรรศการงาน 42 ปี ที่หอประชุม 250 ปีจังหวัดมุกดาหาร

ทั้งนี้ มุกดาหารเป็นจังหวัดชายแดนติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้รับการจัดตั้งเป็นจังหวัดมุกดาหารเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2525 เป็นจังหวัดที่ 73 ของประเทศไทย ประกอบด้วย 7 อำเภอ คือ อำเภอเมืองมุกดาหาร อำเภอคำชะอี อำเภอนิคมคำสร้อย อำเภอดอนตาล อำเภอดงหลวง อำเภอหว้านใหญ่ และอำเภอหนองสูง มีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 เชื่อมกับแขวงสะหวันนะเขต ซึ่งเป็นแขวงใหญ่อันดับสองรองจากนครหลวงเวียงจันทน์ ทั้งยังเป็นจังหวัดที่อยู่ในแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East West Economic Corridor : EWEC) ด้วย

ศูนย์ข่าว​มุกดาหาร

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี / พช.น่าน เปิด “ตลาดพัฒนาสร้างสุข” ลดภาระค่าครองชีพ กระตุ้นเม็ดเงิน หมุนเวียนเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการรายเล็ก


เมื่อวันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2567 เวลา 11.00 น. ที่บริเวณ ลานเอนกประสงค์ ศูนย์การค้าโลตัสน่าน ตำบลดู่ใต้ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นายเทวา ปัญญาบุญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานเปิดกิจกรรม “ตลาดพัฒนาสร้างสุข” โดยมี ว่าที่ร้อยตรีไพฑูรย์ ศรีราจันทร์ พัฒนาการจังหวัดน่าน เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้ประกอบการร้านค้าภายในจังหวัดน่านและจังหวัดใกล้เคียง กว่า 50 ราย เข้าร่วมกิจกรรม

กรมการพัฒนาชุมชน มอบหมายให้จังหวัดน่านโดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดดำเนินโครงการตลาดพัฒนาสร้างสุข ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพื้นฟูเศรษฐกิจในระยะสั้น กระตุ้นให้เกิดความต้องการจับจ่ายชื่อสินค้าภายในชุมชน ทำให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจฐานราก เพื่อสนับสนุนช่องทางการตลาดให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการชุมชน OTOP ผู้ผลิตสินค้าชุมชน ชุมชนท่องเที่ยวนวัตวิถี กลุ่มสัมมาชีพ กลุ่มอาชีพสตรีและอื่นๆ

ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น อีกทั้ง เพื่อให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าชุมชนในราคาที่เป็นธรรม สามารถลดค่าครองชีพของประชาชน รวมถึงได้รับบริการจากภาครัฐเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยมีเป้าหมายหลัก 4 เป้าหมายคือ การลดรายจ่ายผู้ประกอบการรายเล็ก การเพิ่มช่องทางค้าขาย การลดภาระค่าครองชีพ และกระตุ้นเม็ดเงินให้หมุนเวียนในเศรษฐกิจ


สำหรับกิจกรรมในวันนี้ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดน่าน ได้ประกาศเชิญชวนและ รับสมัครผู้ประกอบการ ที่มีความสนใจเข้าร่วมโครงการ “ตลาดพัฒนาสร้างสุข” โดยมีผู้สนใจลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมโครงการ จำนวน 50 ราย ประกอบด้วยผู้จำหน่ายภายในจังหวัดน่าน จำนวน 40 ราย และจากต่างจังหวัด ได้แก่ จังหวัดแพร่ เชียงราย และพะเยา จำนวน 10 ราย

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสาธิตอาชีพเพื่อให้ประชาชนสามารถนำไปต่อยอดและพัฒนาคุณภาพชีวิต และกิจกรรมให้บริการประชาชน ONE STOP SERVICE อำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้รับบริการงานในความรับผิดชอบของกรมการพัฒนาชุมชน ประกอบด้วย การลงทะเบียนผู้ผลิตผู้ประกอบการ OTOP รับสมัครสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี การให้บริการ Click ชุมชน อีกด้วย

/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/วิสุทธิ์ ศรีเมือง รายงาน

สื่อรัฐทีวี / ผวจ.ลพบุรี ร่วมเคารพธงชาติ นำกล่าวอุดมการณ์รักชาติ ปฏิญาณตนเป็นข้าราชการที่ดี ในวันพระราชทานธงชาติไทย ประจำปี 2567

วันที่ 27 กันยายน 2567 เวลา 08.00 น. นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี นำหัวหน้าส่วนราชการเคารพธงชาติและร้องเพลงชาติไทย พร้อมนำกล่าวอุดมการณ์รักชาติ ปฏิญาณตนเป็นข้าราชการที่ดี เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย ประจำปี 2567 พร้อมกันทั่วประเทศ

โดยมี นายปรัชญา เปปะตัง ว่าที่ร้อยตรี ทรงพล แป้นแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พันเอก เฉลิมเกียรติ ลาดมะโรง รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดลพบุรี(ฝ่ายทหาร) พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดลพบุรี ร่วมเคารพธงชาติและร้องเพลงชาติไทย พร้อมกับอำเภอต่าง ๆ ในพื้นที่โดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ

โดยในวันที่ 28 กันยายน ของทุกปี เป็นวันสำคัญของชาติ เป็นวันพระราชทานธงชาติไทย ธงชาติถือเป็นสัญลักษณ์อันสูงสุดของชาติ ธงชาติไทยแต่เดิมมีหลายรูปแบบ จนรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม

ให้ตราพระราชบัญญัติธงขึ้นใหม่ในพุทธศักราช 2460 และพระองค์ทรงกำหนดความหมายของสีธงชาติไว้ว่า สีแดง หมายถึง ชาติ คือ ประชาชน สีขาว หมายถึง ศาสนา และสีน้ำเงิน หมายถึง พระมหากษัตริย์ ซึ่งธงไตรรงค์ หรือธงชาติไทย ถือเป็นสัญลักษณ์อันสูงสุดของชาติ เป็นสิ่งเตือนใจให้อนุชนได้รำลึกถึงการเสียสละเลือดเนื้อของบรรพบุรุษ

เพื่อรักษาไว้ซึ่งแผ่นดิน และร้อยดวงใจคนทั้งชาติให้เป็นหนึ่ง หล่อหลอมความรักสามัคคี สร้างเสริมความภูมิใจในความเป็นชาติ ก่อเกิดเป็นพลังยิ่งใหญ่ในการพัฒนาชาติไทย คณะรัฐมนตรี จึงมีมติเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 เห็นชอบกำหนดให้วันที่ 28 กันยายน ของทุกปี เป็นวันพระราชทานธงชาติไทย (Thai National Flag Day)

เริ่มในวันที่ 28 กันยายน 2560 เป็นวันแรก โดยไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ รวมทั้งกำหนดให้มีการชักและประดับธงชาติไทยในวันดังกล่าว เพื่อเป็นการสร้างความภาคภูมิใจของคนในชาติ และเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทย ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 28 กันยายน 2567

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี รายงาน

สื่อรัฐทีวี / สหฟาร์มร่วมใจ เป็นกำลังใจ เพื่อผู้ประสบภัยน้ำท่วมทางภาคเหนือ

ภายใต้โครงการ “สหฟาร์มร่วมใจ เป็นกำลังใจ เพื่อผู้ประสบภัยน้ำท่วมทางภาคเหนือ” เพื่อส่งมอบให้กับพี่น้องประชาชน ผู้ประสบภัยน้ำท่วม
บริษัท สหฟาร์ม จำกัด เป็นส่วนหนึ่งในการส่งความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ด้วยการส่งของอุปโภค-บริโภค (ผลิตภัณฑ์บริษัทฯ) ภายใต้โครงการ “สหฟาร์มร่วมใจ เป็นกำลังใจ เพื่อผู้ประสบภัยน้ำท่วมทางภาคเหนือ” เพื่อส่งมอบให้กับพี่น้องประชาชน ผู้ประสบภัยน้ำท่วม และบรรเทาความเดือนร้อนในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ โดยท่าน ดร.ปัญญา โชติเทวัญ ประธานกรรมการบริหาร (กลุ่มบริษัทสหฟาร์ม)

มีมอบเงิน ช่วยเหลือ ผู้ประสบภัย ดินโคลนถล่ม ในจังหวัดลำปาง และ มอบผลิตภัณฑ์ ผ่าน เพจอีจัน พร้อมสนับสนุน รถขนส่ง นำผลิตภัณฑ์ไก่สด ผักสด นำส่งยังสถานที่ เพื่อผลิตอาหาร บริการ เจ้าหน้าที่ และ ผู้ประสบภัย
โดยได้ส่งเครื่องอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ของสหฟาร์มทุกรูปแบบ เช่นเนื้อไก่ ไส้กรอก หมูยอ ไข่ไก่ ฯลฯ ผ่านไปให้กับพันตำรวจเอก ภัคพงศ์ สายอุบล รองผู้บังคับการ

จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตัวแทนตำรวจทำดีเพื่อประชาชนและคุณสิทธิวุฒิ บัวบุญ นักธุรกิจเสื้อผ้าในตลาดโบ๊เบ๊เกี่ยวกับเสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆนำไปบริจาคร่วมกับเจ้าของศูนย์การค้าโบ๊เบ๊ทาวเวอร์เพื่อนำไปให้ถึงมือยังผู้ประสบภัยอย่างแท้จริงต่อไืป

สื่อรัฐทีวี / กกล.สุรศักดิ์มนตรี ร้อย.ฉก.ทพ.2102 รวบสองสาวคาด่านตรวจ พร้อมยาบ้า 120,920​เม็ด​ อ้างญาติทางฝั่งลาวฝากมา

เมื่อ​วันที่​ 26 กันยายน​ 2567​ เวลา​ 16.00น พันเอก อินทราวุธ ทองคำ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว ว่ามีกลุ่มวัยรุ่นจะมารับยาเสพติด ในพื้นที่บ้านหนองปกติ หมู่ที่ 5 ตำบลอาฮี อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย จึงสั่งการให้ ร.ท.อาคม คำจุลฬา ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2102 (หน่วยงานหลัก) บูรณาการร่วมกับ​ตร.สภ.โพนทอง ,มว.ตชด.2463 ตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด บริเวณหน้าปั้มPT พื้นที่ บ.อาฮี ต.อาฮี อ.ท่าลี่ฯ

ครั้นเมื่อเวลา 17.35น​ มีรถยนต์ กระบะยี่ห้อ เชฟโรเลต แคป สีขาว ทะเบียน บย 1281 เลย วิ่งเข้ามาที่จุดตรวจ จนท.จุดตรวจ จึงส่งสัญญาณให้หยุดรถ และได้สอบถามหญิงดังกล่าว ทราบว่าจะเดินทางไปที่ตัวอำเภอท่าลี่ จนท.จึงสอบถามชื่อ ทราบชื่อว่า น.ส.วริศา กันนะเรศ เป็นคนขับ และน.ส.วรดา พรมดี เป็นผู้โดยสาร ขณะสอบถาม มีท่าทางพิรุธน่าสงสัย จนท.จึงขอตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ ยาบ้าจำนวน 20 แพ็ค ซุกซ่อนอยู่ในถุงพลาสติดสีดำ อยู่ในกระสอบสีขาวแถบสีฟ้า อยู่หลังเบาะผู้โดยสาร จึงได้ควบคุมตัว และแจ้งให้ น.ส.วริศาฯ และน.ส.วรดาฯ ทราบว่าจะต้องถูกจับกุม เนื่องจากร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) และแจ้งสิทธิ์ให้ทราบ

จากนั้นได้นำตัวผู้กระทำผิด พร้อมของกลางมาที่ สภ.โพนทอง เพื่อตรวจนับอย่างละเอียด ทั้งนี้หน่วยฯ ร่วมบันทึกภาพถ่ายพร้อมบันทึกวิดีโอ ผู้ถูกควบคุมตัวตามมาตรา 23 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ผู้ต้องหา​ 2ราย น.ส.วริศา กันนะเรศ (อัน) อายุ 28 ปี บ้านเลขที่ 69/1 ม.1 ต.อาฮี อ.ท่าลี่ จ.เลย​ และ น.ส.วรดา พรมดี (จ๋า) อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 196 ม.1 ต.ปากตม อ.เชียงคาน จ.เลย

พร้อมของกลางยาบ้าเม็ดสีแดง จำนวน 119,680 เม็ด​ ยาบ้าเม็ดสีเขียว จำนวน 1,240 เม็ด​ รวมยาบ้าทั้งหมด จำนวน 120,920 เม็ด​ และรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ เชฟโรเลต แคป สีขาว ทะเบียน บย 1281 เลย จำนวน 1 คัน​ โทรศัพท์ ยี่ห้อ ไอโฟน จำนวน 2 เครื่อง​ เจ้าหน้าที่ได้ร่วมบันทึกภาพถ่ายและบันทึกวีดีโอไว้เป็นหลักฐาน พร้อมนำผู้ต้องหาและของกลางส่ง พงส.สภ.โพนทอง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร #กองทัพบกroyalthaiarmy #กองทัพภาคที่2 #กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี นำเสนอ / มุกดาการ -​ตชด.235 จับ 2 พ่อค้ายาบ้า 276,000 เม็ด ขณะเตรียมส่ง

ตามนโยบายของรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญสั่งการแก้ไขปัญหายาเสพติดเร่งด่วน พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผบช.ตชด. ได้เปิดยุทธการ”พิทักษ์ริมน้ำโขง” โดย พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผกก.ตชต.23,พ.ต.ท.ธนพล ท้าวหนู รอง ผกก.ตชด.23 ร.ต.อ.สมควร เบญจมาตร รรท.ผบ.ร้อย ตชด.235 ขอรายงานผลการจับกุมการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564
สืบเนื่องเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 67 เวลาประมาณ 07.00 น. ที่บริเวณริมถนนภายในหมู่บ้านหว้านใหญ่ หมู่ที่ 4 ต.หว้านใหญ่ อ.ธาตุพนม จ.มุกดาหาร​ ผู้ทำการจับกุม/ตรวจยึด

โดย​ร.ต.อ.เสถียร พัฒนะโชติหน.ชปข.ร้อย ตชด. 235 พร้อม จนท.ชปข.ร้อย ตชด. 235 รวม 11 นาย พร้อม ตำรวจน้ำธาตุพนม​ จับกุมผู้ต้องหา นายธวัชชัย เมืองโคตร หรือ ทีน อายุ 24 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ที่ 4 ต.หว้านใหญ่ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร (ผู้ต้องหาที่ 1) และนายสุธีภรณ์ คำปาน หรือ หนิง อายุ 42 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 80 หมู่ที่ 4 ต.หว้านใหญ่ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร (ผู้ต้องหาที่ 2) พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 276,000 เม็ด และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้ออีซูซุ รุ่น ดีแม็ค สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียนหน้า-หลัง บน 3211 นครพนม จำนวน 1 คัน​ ผโดยกล่าวหาว่าร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย​

โดยเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2567 เวลาประมาณ 05.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชปข.ร้อย ตชด.235 ได้รับแจ้งจากสายลับว่า ในห้วงเวลาประมาณ 06.00 – 08.00 น. ในวันเดียวกันนี้ จะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดนัดหมายส่งมอบยาเสพติด (ยาบ้า) กันที่ภายในหมู่บ้านหว้านใหญ่ หมู่ที่ 4 ต.หว้านใหญ่ อ.ธาตุพนม จ.มุกดาหาร โดยยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดจะเป็นผู้นำยาเสพติดมาส่ง เมื่อทราบดังนั้นจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและประชุมวางแผนทำการจับกุม กระทั้งเวลาประมาณ 06.50 เจ้าหน้าที่ชุดที่พบชายต้องสงสัยจำนวน 2 คน กำลังยืนอยู่ที่ริมถนนสาธารณะเลียบแม่น้ำโขง

โดยลักษณะพื้นที่เป็นโพรงหญ้ารกปกคลุมบริเวณริมถนนดังกล่าว ภายในหมู่บ้านหว้านใหญ่ หมู่ที่ 4 ต.หว้านใหญ่ อ.หว้านใหญ่ จ.นครพนม และพบรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้ออีซูซุ รุ่น ดีแม็ค สีขาว จอดอยู่ข้างชายต้องสงสัยทั้ง 2 คน ลักษณะท่าทางมีพิรุธ เชื่อว่าอาจมีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ เจ้าหน้าที่พร้อมกับจอดรถลงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอตรวจค้น พบ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) บรรจุอยู่ในห่อกระดาษเทียนไขสีเหลือง (ตรวจนับละเอียดภายหลัง) จำนวน 138 มัด รวมยาบ้าทั้งหมดจำนวนประมาณ 276,000 เม็ด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงทำการควบคุมตัวทั้ง 2 คน และตรวจยึดของกลางทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน

พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้นให้ทราบว่ามีความผิดต้องถูกจับกุมในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และแจ้งสิทธิ์ให้ทราบ จากนั้นได้ควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมนำของกลางทั้งหมดมาที่ทำการ ร้อย ตชด.๒๓๕ เพื่อตรวจนับของกลาง จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.หว้านใหญ่ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร​กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี​

ภาพ/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง