สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สทนช. เปิดศูนย์ส่วนหน้าฯ “ลุ่มน้ำยม-น่าน”จับมือทุกหน่วย คุมจราจรน้ำจากเหนือสู่เจ้าพระยา เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน


สทนช. เปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน ระดมทุกหน่วยจัดการจราจรน้ำที่ไหลจากภาคเหนือก่อนลงสู่อ่าวไทย โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ให้เขื่อนสิริกิติ์ปรับลดการระบายช่วงฝนชุกปลายเดือน ก.ค. เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำจากลำน้ำยมไปยังลำน้ำน่าน พร้อมเตรียมพื้นที่ “ทุ่งบางระกำ” ช่วยหน่วงน้ำหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว
วันนี้ (26 กรกฎาคม 2568) ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธาน การประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน ครั้งที่ 1/2568

โดยมี นายสมลักษ์ ยกน้อยวงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ให้การต้อนรับ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย นางพัชรวีร์ สุวรรณิก รองเลขาธิการ สทนข. ผู้แทนจังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดน่าน จังหวัดพิจิตร จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดแพร่ จังหวัดอุตรดิตถ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าฯ จังหวัดสุโขทัย ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ จากนั้นลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยและติดตามการเตรียมความพร้อมในแต่ละจุด ได้แก่ จุดเสริมคันกั้นน้ำ หมู่ที่ 7 ตำบลปากแคว อำเภอเมืองสุโขทัย เขื่อนป้องกันตลิ่งชั่วคราวริมแม่น้ำยม บริเวณสะพานสิริปัญญารัตน์ ตำบลวังใหญ่ อำเภอศรีสำโรง ประตูระบายน้ำคลองหกบาท และประตูระบายน้ำปากคลองตะคร้อ ตำบลป่ากุมเกาะ อำเภอสวรรคโลก และจุดคันกั้นน้ำคลองยม โดยที่จุดนี้ได้มอบหมายให้กรมชลประทานเร่งดำเนินการเสริมคันดินชั่วคราวป้องกันน้ำให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้

เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า การประชุมคณะทำงานอำนวยการน้ำฯ พื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน ในวันนี้เป็นการประชุมครั้งแรก เนื่องจากการที่ สทนช. ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน “วิภา” ในช่วงนี้ และได้รายงานสถานการณ์เป็นรายวัน ให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ได้รับทราบ ได้มีความห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำที่จะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน จึงสั่งการให้ สทนช. จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน เพื่อบูรณาการกับทุกหน่วยงานทั้งส่วนกลางและในพื้นที่ร่วมบริหารจัดการน้ำที่จะไหล

จากพื้นที่ตอนบนของประเทศลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาโดยลดผลกระทบในแต่ละพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ปริมาณฝนโดยกรมอุตุนิยมวิทยาร่วมกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พบว่า อิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ส่งผลให้มีปริมาณฝนตกหนักบริเวณจังหวัดเชียงราย น่าน และพะเยา โดยมีปริมาณฝนสูงสุดประมาณร้อยละ 70 ของพื้นที่ ระหว่างวันที่ 26 – 28 กรกฎาคม 2568 จากนั้นปริมาณฝนจะลดลงในช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม ซึ่งขณะนี้สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ยังไม่น่าเป็นห่วงและมีพื้นที่รองรับปริมาณน้ำฝนที่จะตกลงมาเพิ่มได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ซึ่งขณะนี้มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 70% มีพื้นที่รองรับปริมาณน้ำได้อีก 2,761 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ปัจจุบันมีการระบายน้ำอยู่ที่ 15 ล้าน ลบ.ม./วัน ซึ่งจะต้องวางแผนการระบายให้สอดคล้องกับปริมาณฝนที่จะตกมาเพิ่มเพื่อไม่ให้น้ำในเขื่อนเกินระดับเก็บกักน้ำสูงสุด ในขณะเดียวกันยังคงต้องให้เขื่อนสิริกิติ์เป็นกลไกสำคัญในการช่วยบริหารจัดการมวลน้ำที่ไหลผ่านลำน้ำยมและลำน้ำน่านด้วย จากสถานการณ์ดังกล่าว ที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาแผนการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์ มีมติเห็นชอบให้

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ปรับลดการระบายน้ำลงอยู่ที่ 10 ล้าน ลบ.ม./วัน ในช่วงวันที่ 26 – 30 กรกฎาคม 2568 เพื่อช่วยเร่งการระบายน้ำที่ไหลผ่านจากลำน้ำยมไปสู่ลำน้ำน่าน โดยขอให้ทุกหน่วยงานช่วยสนับสนุนการเร่งการระบายน้ำโดยเร็วที่สุด เช่น การติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และเครื่องผลักดันน้ำเพิ่ม เพื่อระบายน้ำไปให้ได้มากที่สุดในช่วง 5 วันนี้ หลังจากนั้นในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งคาดการณ์ว่าปริมาณฝนลดลง ให้ กฟผ. ปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์ เพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับปริมาณฝนที่จะกลับมาอีกในช่วงเดือนกันยายน ซึ่งการปรับแผนการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์ในครั้งนี้ ได้ขอให้มีการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนที่อาศัยอยู่ท้ายเขื่อนสิริกิติ์ด้วย สำหรับการเตรียมพื้นที่ลุ่มต่ำรองรับน้ำหลาก “โครงการบางระกำโมเดล” พบว่าพื้นที่ปลูกข้าวรวม 327,000 ไร่ ขณะนี้เก็บเกี่ยวไปแล้ว 91,519 ไร่ ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวอีก 235,481 ไร่ ซึ่งมีแผนจะเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ก็จะสามารถใช้เป็นพื้นที่หน่วงน้ำที่ไหลมาจากแม่น้ำยมได้ในปริมาณ
400 ล้าน ลบ.ม.

“จากการลงพื้นที่ติดตามปริมาณน้ำในแต่ละจุด พบว่า ได้เตรียมการบริหารจัดการมวลน้ำที่คาดว่าจะมาสูงสุดในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ โดยระบายน้ำส่วนหนึ่งผ่านคลองยม – น่าน และแม่น้ำยมสายเก่า และอีกส่วนระบายผ่านประตูระบายน้ำหาดสะพานจันทร์ แม่น้ำยมสายหลัก เพื่อควบคุมปริมาณน้ำที่จะผ่านตัวเมืองสุโขทัยให้อยู่ในระดับไม่เกิน 500 ลบ.ม./วินาที ซึ่งเป็นอัตราที่ไม่ก่อเกิดให้เกิดผลกระทบน้ำท่วมในพื้นที่เศรษฐกิจเมืองสุโขทัย อย่างไรก็ตาม การประชุมในวันนี้พบว่าหน่วยงานในพื้นที่ทุกจังหวัดมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่และเข้มแข็ง ครอบคลุมตั้งแต่การเตรียมการรองรับก่อนเกิดสถานการณ์
การบริหารจัดการในระหว่างเกิดสถานการณ์ ไปจนถึงการช่วยเหลือและฟื้นฟูเยียวยาหลังสถานการณ์ ทั้งนี้ ได้ขอให้แต่ละจังหวัดสะท้อนจุดอ่อนจากการทำงานให้กับที่ประชุม เพื่อเตรียมการขับเคลื่อนและพัฒนาประสิทธิภาพการรับมือสถานการณ์อุทกภัยในอนาคตต่อไป” เลขาธิการ สทนช. กล่าวในตอนท้าย
พร้อมวันนี้ที่27กค.2567เวลา13.30ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)ได้ลงพื้นที่คลองหกบาท อำเภอสวรรคโลกเพื่อตรวจลงดูแนวตลิ่งคันคลองของแม่น้ำยมพร้อมกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยนายอำเภอสวรรคโลกและผู้นำชุมชน นายกเทศบาลอีกหลายที่ด้วย.
กิตติ พรดวงจันทร์สุโขทัย

​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานตะกร้าสิ่งของแก่ครอบครัว “จ่าสิบเอก ธวัชชัย” ทหารกล้าผู้เสียชีวิตจากชายแดน

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 ณ บ้านเลขที่ 37 หมู่ที่ 3 บ้านโนนสังข์ศรี ตำบลบ้านซ่ง อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้

นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เชิญ ตะกร้าสิ่งของพระราชทาน ไปมอบแก่ครอบครัวของ จ่าสิบเอก ธวัชชัย บุสภา ทหารกล้าสังกัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ขณะปฏิบัติหน้าที่เพื่อความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศ

โดยมี นายเฉลิมชัย บุสภา บิดาของผู้เสียชีวิต เป็นผู้รับพระราชทานสิ่งของ พร้อมด้วย นางวิไล บุสภา มารดา และ นางสาวรจรินทร์ สิงห์ศร ภรรยา ร่วมเข้ารับสิ่งของพระราชทานด้วยความปลาบปลื้มและซาบซึ้งในพระเมตตา

ในโอกาสเดียวกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้เชิญ พระราชกระแสทรงห่วงใย จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปกล่าวแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งสร้างความตื้นตันใจ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อ.โคกสำโรง เปิดรับบริจาคสิ่งของเพื่อนำไปมอบให้กับพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยจากเหตุการประทะกันตามแนวชายแดนไทย -กัมพูชา

วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม 2568 ณ อาคารหอประชุมที่ว่าการอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ตามที่นายอำพล อังภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ได้มอบหมายให้แต่ละอำเภอ ประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดลพบุรี

บริจาคสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น ในการดำรงชีพ เพื่อนำไปมอบให้กับพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยจากเหตุการประทะกันตามแนวชายแดนไทย -กัมพูชา ที่อพยพไปอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ในเขตพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์

ทางอำเภอโคกสำโรงโดยการนำของ นายเจตน์พงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล นายอำเภอโคกสำโรง มอบหมายให้ผู้นำท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่ได้ประกาศเสียงตามสาย ประชาสัมพันธ์เชิญชวน พี่น้องประชาชนในพื้นที่ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยการสู้รบดังกล่าว

ซึ้งในวันนี้อำเภอโคกสำโรงได้รับสิ่งของบริจาค จากพี่น้องชาวอำเภอโคกสำโรงที่พร้อมใจกันนำมาช่วยเหลือจำนวนมาก และจะได้นำส่งให้ทางจังหวัดลพบุรีดำเนินการส่งต่อความช่วยเหลือต่อไปในแต่ละวัน

ฉนั้นทางอำเภอโคกสำโรง ยังคงขอความรวมมือรวมมอบสิ่งของส่งกำลังใจ ได้ที่ศาลาหอประชุมได้ทุกวัน จะมีนายอำเภอโคกสำโรง พร้อมเจ้าหน้าที่คอยรอรับบริจาคสิ่งของต่างส่งต่อไปยัง ผู้ประสบภัย ตามจังหวัดต่างๆในทุกๆวัน ศูนย์รับ

บริจาค สิ่งของอุปโภคบริโภค บริเวณที่ว่าการอำเภอโคกสำโรง เพื่อช่วยเหลือผู้อพยพ ในจังหวัดสุรินทร์ / อุบลราชธานี / ศรีสะเกษ ตั้งแต่ 26 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป
โดยสิ่งของที่ต้องการด่วน ดังนี้

  1. Pampers (แพมเพริส)
  2. ผ้าอนามัย
  3. มุ้ง(แบบกางสำเร็จรูป)
  4. ผ้าห่ม(แบบบาง)
  5. ยากันยุง
    (ทั้งนี้งดรับเงินสด / น้ำดื่ม)

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี
และอนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบมุ้งรักโลก ให้กับศูนย์พักพิง พร้อมเผยหลังเหตุการณ์สงบ จัดหาอาชีพ ให้กับผู้ประสบภัย

***ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์พักพิงผู้อพยพ อําเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อม ผศ.ดร พนธ์พันธ์ เลิศจันทรางกูร ที่ปรึกษาอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และคณะเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังผู้อพยพเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ที่ศูนย์ดังกล่าว และมอบสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ทั้ง ยาสีฟัง แปรงสีฟัน แป้ง แพนเพิร์ธทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ นม ยากันยุง น้ำดื่ม มุ้งรักโลก โดยมี นายธนเดช พระอารักษ์ นายอําเภอเบญจลักษ์ และหัวหน้าส่วรนราชการให้การต้อนรับ

***นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนเป็นตัวแทนรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ที่อพยพมาจากตะเข็บชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ หลังจากที่ตนได้ทราบข่าวการยิงปะทะกันกลับประเทศกัมพูชา ทำให้ประเทศไทยเกิดการสูญเสียและมีเด็กและประชาชนเสียชีวิตหลายราย ทางกระทรวง พม. มีความห่วงใยมากจึงให้ตนลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมและสอบถามความเดือดร้อนของผู้สูญเสีย และผู้อพยพที่เป็นกลุ่มเปราะบางรวมถึงพี่น้องประชาชนที่ได้รับเดือดร้อนหลายๆส่วน อาทิเช่น ผู้ป่วยติดเตียง คนชรา และเด็ก ที่ได้รับผลกระทบการจากการยิงปะทะกันในครั้งนี้

***ทางกระทรวงได้เห็นความสำคัญของกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้รัฐมนตรี พม. ประนามการกระทำของกัมพูชาที่กระทำต่อประชาชนเด็กที่ไม่รู้เรื่องด้วยและมีทางสู้ ตนลงมาในครั้งนี้ได้รับทราบความเดือดร้อนและความต้องการสิ่งต่างๆที่ขาดแคลนในศูนย์อพยพ อาทิเช่น มุ้งกาง โลชั่นกันยุง พัดลม แปรงสีฟันยาสีฟันสบู่แป้ง ที่ยังเป็นที่ต้องการอยู่เป็นจำนวนมากในตอนนี้ และหลังจากที่เหตุการสงบ พม. ก็จะลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบความเสียหายของบ้านเรือนและจัดหาอาชีพและสงเสริมอาชีพให้กับพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยต่อไป

***หลังจากมอบสิ่งของเสร็จแล้ว อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมคณะ ก็ได้เข้าไปเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ป่วยติดเตียง โดยได้สอบถามพูดคุยกับคุณยายสะแอม วันทรัพย์ อายุ 94 ปี เป็นผู้ป่วยติดเตียง ที่อพยพมาจากพื้นที่เสี่ยงภัยที่เป็นสีแดงในอำเภอกันทรลักษ์ คุณยายมาอยู่ศูนย์อพยพแห่งนี้ได้ 2 คืนแล้ว คุณยายไม่อยากมาและบ่นกับลูกๆอยู่ตลอดว่าอยากกลับบ้าน ให้พากลับไปบ้านหน่อย เพราะคนแก่คิดถึงบ้าน

***ลูกสาวคุณยายยังเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ในวันที่เกิดเหตุตนยังขายของตามปกติอยู่ที่บ้าน โดยไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงขนาดนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเกิดรวดเร็วมาก เพียงไม่กี่นาที วันที่เกิดเหตุระเบิดที่ปั๊ทน้ำมัน ตนเองยังได้ไปช่วยเหลือคนที่โดนระเบิดในวันนั้นด้วย ตนรู้สึกหดหัวใจและยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ไม่ลืม

***ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้นี้ยังมกลุ่มวัยรุ่นจิตอาสามีน้ำใจ นำเสื้อผ้ามือสองที่ไม่ได้ใช้ เอามาแจกจ่าย ปันน้ำใจให้กับผู้อพยพในศูนย์แห่งนี้อีกด้วย ซึ่งถือเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สร้างรอยยิ้ม และกำลังใจให้กับผู้อพยพที่หนีมาพักพิงช่วงยามอยากในครั้งนี้

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / มูลนิธิพุทธภูมิธรรม ร่วมช่วยพี่น้องไทยในภาคตะวันตก กาญจนบุรี มอบถุงยังชีพให้กับ ผู้ยากไร้, ผู้ด้อยโอกาส และมอบอุปกรณ์กีฬาให้รร.บ้านไร่เจริญ จ.กาญจนบุรี

24 ก.ค.68 , มูลนิธิพุทธภูมิธรรม ร่วมพลังบุญ กองทัพน้อยที่ 1 และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 28 ก.ค.68

ช่วยพี่น้องไทยในภาคตะวันตก กาญจนบุรี มอบถุงยังชีพให้กับ ผู้ยากไร้, ผู้ด้อยโอกาส และมอบอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนบ้านไร่เจริญ จ.กาญจนบุรี
และร่วมกิจกรรมจิตอาสา

ขอส่งผลบุญและความปรารถนาดีจากกัลยาณมิตรทั้งปวง ให้ถึงแด่ทุกท่าน มีความสุขความเจริญ ปรารถนามงคลใด ให้สำเร็จผลทุกประการ เทอญ…สามารถติดตามข่าวสารธรรมทานงานบุญ มูลนิธิพุทธภูมิธรรม ได้ที่Line Official Account กด : https://lin.ee/AlxR8XfLine ID : @bbdf

Page #Facebook : มูลนิธิพุทธภูมิธรรม
https://web.facebook.com/bbdf.orgสาธุๆๆอนุโมทามิฯมูลนิธิพุทธภูมิธรรมพุทธภูมิธรรมนำสุขทำบุญ #สุขใจที่ได้ทำบุ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติ ๗๓ พรรษา “สืบสาน รักษา ต่อยอด” ปลูกต้นยางนา ตามรอยพ่อ/รถสิบล้อพุงชนรถจอดริมถนนหน้าตลาดสด ต.โนนหันอ.ชุมแพ

โครงการปลูกต้นไม้เพื่อเฉลิมพระเกียรติในวันสำคัญ ประจำปี พ.ศ.๒๕๖๘
เทศบาลตำบลโนนหัน อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ณ บริเวณพื้นที่สาธารณประโยชน์(ตรงข้ามโรงเรียนอนุบาลรวมฤทัย) บ้านมิตรภาพ หมู่๙ ตำบลโนนสะอาด อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น


วันศุกร์ที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘ เวลา ๐๘.๐๐ คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล ข้าราชการ พนักงานเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน ผู้เข้าร่วมโครงการ ลงทะเบียน พร้อมกัน ณ บริเวณพื้นที่สาธารณะ(ตรงข้ามโรงเรียนอนุบาลรวมฤทัย) ๐๙.๐๐ น.ประธานในพิธี โดย นายบุญส่ง ทองมูล นายกเทศมนตรีตำบลโนนหัน เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพถวายราชสักการะ พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

นายสัญญพงศ์ จงแจ้ง ปลัดเทศบาลตำบลโนนหัน(นักบริหารงานท้องถิ่น ระดับกลาง) กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน นายบุญส่ง ทองมูล นายกเทศมนตรีตำบลโนนหัน ประธานในพิธี กล่าวเปิดงาน ประธานในพิธี และผู้เข้า

ร่วมโครงการ ร่วมบันทึกภาพ ประธานในพิธี หัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล ข้าราชการ พนักงานเทศบาล ผู้นำชุมชน ผู้เข้าร่วมโครงการ ร่วมปลูกต้นไม้ มีหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ทั้งท้องถิ่น และท้องที่ร่วมกิจกรรมครั้งนี้ อธิ นายสำราญ ศรีภา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น เขต3 อำเภอชุมแพ


นางสาวดลดา กาญจนกิจบำรุง รองนายกเทศมนตรีตำบลโนนหัน นายอัมรินทร์ อารัมภ์วิโรจน์ รองนายกเทศมนตรีตำบลโนนหันนางสาวจารุณี จันเวียง ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีตำบลโนนหัน นายสงวน สีน้ำอ้อม เลขานุการนายกเทศมนตรี

ตำบลโนนหัน นายศิริชัย บุตรจันทร์ ประธานสภาเทศบาลตำบลโนนหัน นางแววตา ตู้จำรัส รองประธานสภาเทศบาลตำบลโนนหัน ร.อ.ธนกฤต แสงราชา ผู้แทนผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 8 หัวหน้าหน่วยจัดการต้นน้ำลำเชิญ หัวหน้าสถานีเพาะชำกล้าไม้ชุมแพ หัวหน้าสถานีตำรวจชุมชนย่อยโนนหัน ปลัดอำเภอชุมแพ

นายบุญส่ง ทองมูล นายกเทศมนตรีตำบลโนนหัน กล่าวถึงการปลูกต้นไม้ เป็นกิจกรรมหนึ่งในการสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และช่วยเพิ่มพูน

ความหลากหลายของระบบนิเวศน์ที่สังคมมนุษย์จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยในการดำเนินชีวิตทั้งทางตรงและทางอ้อม ปัจจุบันการปลูกต้นไม้ มีความสำคัญต่อการแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนที่ทำให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขี้น

และกล่าวขอบคุณทุกภาคส่วน โดยเฉพาะหน่วยจัดการต้นน้ำลำเชิญสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 ขอนแก่น และสถานีเพาะชำกล้าไม้ชุมแพ ที่ให้การสนับสนุนพันธ์ไม้ใช้ปลูกสำหรับโครงการวันนี้

วินสื่อรัฐทีวี/สื่อรัฐนิวส์

รถสิบล้อเสียหลักพุงชนรถจอดริมถนนหน้าตลาดสดเทศบาลตำบลโนนหัน อำเภอชุมแพ

วันเสาร์ ที่ 26 กรกฎาคม พ ศ 2568 เวลาประมาณ 16.00 น.รถสิบล้อ 71 1897 พระนครศรีอยุธยา ทราบชื่อภายหลังนายสายชล เหมันต์ธันวา ผู้ขับรถคันดัง

กล่าวบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตนได้ขับรถไปส่งของที่จังหวัดเลย ขากลับรถยนต์เสียหลักชนรถที่จอดริมถนนตลาดสดเทศบาลตำบลโนนหัน

ทำให้มีผู้บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลชุมแพ 1 ราย ทะเบียนรถ กฉ 6236 เลย (ยังไม่ทราบชื่อผู้บาดเจ็บ)รถยนต์เสียหาย จำนวน 7 คัน และทรัพย์สินทางราชการเสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ ชุมแพ ได้นำตัวคนขับรถสิบล้อไปสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ทางด้านนายบุญส่ง คำมูล นายกเทศมนตรีตำบลโนนหันได้สังการให้หน่วยกู้ภัยเทศบาลตำบลโนนหัน มาอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุการครั้งนี้ พร้อมประสานหัวหน้าหมวดทางหลวงโนนหัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ ย่อยชุมชนโนนหัน ได้ออกมาอำนวยความสะดวกในเส้นทางดังกล่าว

วินสื่อรัฐทีวี/สื่อรัฐนิวส์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เจ้าของแบรนด์มาสเตอร์เค้กร่วมทำบุญและบริจาคเค้กกว่า 3000ชิ้น ให้ทหารแนวหน้า จ.สุรินทร์และสระแก้ว

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 เวลา 9.00น. นายบุญมี อาสาสร เจ้าของแบรนด์มาสเตอร์เค้กสัญจรทั่วไทยได้เดินทางไปร่วมทำบุญและบริจาคขนมเค้กแสนอร่อยจำนวนกว่า3000ชิ้นให้กับทหารในแนวหน้าที่จังหวัดสระแก้วและจังหวัดสุรินทร

นอกจากนี้ทางนายบุญมีฯยังได้เดินทางต่อไปยังศูนย์ผู้อพยพทั้งสองจังหวัดอีกด้วย เพื่อนำขนมเค้กที่ทำสดใหม่ที่แสนนุ่มอร่อยไปแจกยังศูนย์ดังกล่าวเพื่อเป็นขวัญ และ กำลังใจให้กับพี่น้องทหารหาญที่ต่อสู้เพื่อเอกราชและอธิปไตยของชาติไทยในยามศึกสงคราม

ขณะนี้คนไทยต้องช่วยเหลือกันหันหน้ามาช่วยกันคนละเล็กคนละน้อย บ้านเมืองเราคนไทยต้องสู้ไปด้วยกันและตนจะออกมาช่วยเหลือเท่าที่ตนจะมีกำลังพอช่วยได้และอยากฝากถึงคนไทยใครพอที่จะมีเหลือก็ขอให้ออกมาช่วยคนไทยด้วยกันครับ นายบุญมีกล่าว

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /มูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955 มอบอาคาร- ทุนการศึกษา มอบสิ่งของจำเป็น เงินช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง ให้กับกลุ่มผู้พิการ ผู้ยากไร้ สระแก้ว

วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 นายสุเทพ ชัยวัฒน์ ปลัดจังหวัดสระแก้ว นายฐานิตย์ เทียนทอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว พร้อม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะผู้ติดตาม เดินทางมาเป็นประธานเปิดอาคารสำนักงาน ณ บ้านเขาสามสิบ หมู่4 ต.เขาสามสิบ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว และรับทุนการศึกษาและสิ่งของจำเป็น จากประธานมูลนิธิปิยะศักดิ์1955 ก่อนส่งมอบเด็กนักเรียน และกลุ่มผู้พิการ ผู้ยากไร้ จังหวัดสระแก้ว

โดย นางศรานันท์ คูโคเวค ประธานมูลนิธิปิยะศักดิ์1955 นายประทวน สุวรรณ์ รองประธานมูลนิธิปิยะศักดิ์1955 พร้อมด้วยประธานภาค คณะทำงานภาคและผู้ตรวจการพิเศษ สมาชิก จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดนครราชสีมา เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ทางด้าน นางบุญเรือน คะมะโน ประธานคณะทำงานมูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955 จังหวัดสระแก้ว และประธานคณะทำงานจิตอาสาจังหวัดสระแก้ว ได้กล่าว จุดเริ่มต้นการทำงานของคณะทำงานจังหวัดสระแก้ว ได้ติดตามการทำงานของมูลนิธิมาเป็นเวลา 2 ปี

จึงได้พาคณะทำงานทั้ง 66 ท่าน เดินทางไปเข้าพบ ท่านศรานันท์ คูโคเวค และ ท่านประทวน สุวรรณ์ เพื่อสมัครเข้ามาทำงานกับมูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955 นี้ ซึ่งจำคำที่ ท่านศรานันท์ ถามว่าคิดอย่างไรถึงอยากมาทำงานกับมูลนิธินี้ ดิฉันตอบท่านว่าทุกวันนี้เวลามีงานช่วยเหลือสังคมเราก็ทำกันอยู่แล้ว แต่ถ้าได้รับงบประมาณจากมูลนิธิปิยะศักดิ์1955 อย่างน้อยเราได้ช่วยเหลือประชาชนทั่วไปและ ผู้ด้อยโอกาสมากขึ้น แรงบันดาลใจที่ทำแล้ว เหนื่อยแค่ไหนก็ยังมีแรงใจ ทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้ ดิฉันถาม ท่านประทวน สุวรรณ์ ว่าท่านทำเพื่ออะไร ท่านตอบว่าก่อนตายเราได้ตอบแทนคุณแผ่นดิน…ดิฉันทำงานกับมูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955 นี้มา 1 ปีกับอีก 4 เดือน มูลนิธินี้ไม่มีการเรี่ยไรใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่ช่วยเหลือสังคม

สำหรับ วัตถุประสงค์ของมูลนิธิปิยะศักดิ์1955 มีอยู่ 4 ข้อ
1.ช่วยเหลือและสร้างอาชีพให้แต่ละอำเภอแต่ละจังหวัดได้มีอาชีพเพื่อหาเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัวสนับสนุนเกษตรกรปลูกพืชผักผสมผสานส่งเสริมรายได้สู่ชุมชน 2.เพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้ยากไร้เจ็บป่วยเขียวยาผู้พิการและมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์
3.เพื่อบำรุงพุทธศาสนา
4.เพื่อให้ทุนการศึกษาแก่เยาวชนที่เรียนดีมีความประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์และหรือเยาวชน ที่มีผลการเรียนดี ที่ผ่านมาโครงการหลักและโครงการรองที่เราได้ทำไปแล้ว

โครงการที่ 1 มอบหอกระจายข่าวให้กับสำนักสงฆ์เขาต่ำหมู่ 11 ตำบลบ้านแก้ง อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว และได้พาคณะทำงานร่วมจัดกิจกรรมสรงน้ำพระ และรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุมอบเงินและสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นโครงการที่ 2 เทถนนคอนกรีตให้กับโรงเรียนบ้านเหล่ากกโก หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านแก้ง อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งมีความยาว 235 เมตรกว้าง 4 เมตร ลงดินและดินลูกรัง ต่อจากที่เทถนนคอนกรีต ยาว 200 เมตรและได้นำคณะทำงานมูลนิธิปิยะศักดิ์ 1555 หลายจังหวัดมาทอดผ้าป่ามอบทุนให้กับโรงเรียน

โครงการที่ 3 สร้างอาคารสำนักงานเพื่อมอบให้เป็นสถานะประโยชน์ให้กับ บ้านเขาสามสิบ หมู่ 4 ตำบลเขาสามสิบ อำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว เพื่อให้มูลนิธิร่วมกตัญญได้มาใช้สถานที่เพื่อเป็นศูนย์การช่วยเหลือผู้ป่วยและประชาชนทั่วไปในตำบลเขาสามสิบ และตำบลใกล้เคียงได้ทันท่วงทีในเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน

ซึ่งทาง คุณศรานันท์ กูโคเวค ประธานมูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955 และคุณประทวน สุวรรณ์ รองประธาน มูลนิธิปิยศักดิ์ 1955 ได้เล็งเห็นประโยชน์ ในการสร้างสำนักงานแห่งนี้ขึ้นมาคือได้ช่วยเหลือประชาชนจริงๆจึงได้อนุมัติงบประมาณให้จังหวัดสระแก้ว พวกเราสมาชิกจังหวัดสระแก้วเป็นคนทำ โดยที่ไม่ได้จ้างผู้รับเหมา ส่วนการดำเนินการทำงานทางมูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955

มอบให้คณะทำงานจิตอาสาจังหวัดสระแก้ว โครงการทุกโครงการที่เอ่ยมาเราได้รับงบประมาณจากมูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955 โครงการของที่มูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955 จังหวัดสระแก้วมอบให้ทั้ง 9 อำเภอไปแล้วมีดังนี้ 1.มอบเงินและสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้กับผู้ป่วยติดเตียง ผู้ยากไร้และผู้พิการ 2.มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ร่วมกิจกรรมต่างๆเช่นตัดหญ้าทำความสะอาดวัด ที่สาธารณะประโยชน์ ทาสีและซ่อมแซมอาคารเรียน คณะทำงานของเราแต่ละอำเภอก็ลงพื้นที่ตามโรงเรียนและวัดต่างๆ ในจังหวัดสระแก้ว 4.จัดทำโรงทานของมูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955 เมื่อมีกฐินผ้าป่า งานวันเด็กหรือกิจกรรมที่เป็นสาธารณะ ประโยชน์ต่างๆในจังหวัดและนอกเหนือจากโครงการและกิจกรรมต่างๆที่กล่าวมาแล้วคณะทำงานจังหวัดสระแก้วยังได้จัดทำแปลงนาสาธิต 15 ไร่แบบผสมผสานเกษตรทฤษฎีใหม่ทั้ง 9 อำเภอเพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ให้กับนักเรียนและประชาชนทั่วไปได้เข้ามาศึกษาดูงานวัตถุประสงค์ในการทำแปลงนาสาธิต 15 ไร่แบบผสมผสานเกษตรทฤษฎีใหม่นี้ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับครัวเรือนและสามารถนำความรู้ที่ได้ปฏิบัติงานจริงในแปลงนาสาธิตไปต่อยอดเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวและสามารถพึ่งพาตัวเองได้ในยามที่เกิดวิกฤตต่างๆ เช่น โรคระบาดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทำให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน

    1. ที่ผ่านมาก็มีนักเรียนโรงเรียนต่างๆในจังหวัดสระแก้วได้มาศึกษาดูงาน จัดกิจกรรมต่างๆ ในแปลงนาและมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยี่ยมชมศึกษาดูงานที่แปลงนาของเราค่ะทางคณะทำงานมูลนิธิปิยะศักดิ์ 1955 จังหวัดสระแก้วและทุกๆจังหวัดมีความยินดี่เป็นอย่าง ยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการทำความดีเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินช่วยแบ่งเบาภาระต่างๆให้กับประชาชนทั่วไปแบ่งปันความรู้ต่างๆให้กับน้องๆนักเรียนและทุกท่านที่มาเยี่ยมชมศึกษาดูงาน

    1. รายละเอียดการทำงาน อาคารสำนักงานและจัดงาน 350,000 บาท สร้างหอกระจ่ายข่าวพร้อมจัดงานสงกรานต์สรงน้ำพระรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุมอบเงินและของชำร่วย งบประมาณ 80,000 บาท เทถนนคอนกรีตโรงเรียนบ้านเหล่ากกโกหมู่8 ตำบลบ้านแก้ง อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว งบประมาณ 415,440 บาท ทำนาแปลงนาสาธิต 15 ไร่แบบผสมผสานเกษตรทฤษฎีใหม่ ตั้งแต่เริ่มต้นทำนาจัด กิจกรรม นักเรียนมาศึกษาดูงานดำนาเกี่ยวข้าว ขุดลอกคลองไส้ไก่ ขุดสระใช้งบประมาณ
    2. 950,000 บาท กิจกรรมจัดงานวันเด็กโรงทานต่างๆในจังหวัด และช่วยเหลือคณะทำงานที่เสียชีวิตใช้งบประมาณทั้งหมด 50,000 บาท ยังมีโครงการที่จังหวัดสระแก้วได้รับงบประมาณต่างๆจากท่านประธานและท่านรองประธาน มูลนิธิปิยะศักดิ์ 1555 อีกหลายโครงการ ที่กำลังจะทำเช่น
    1. สร้างเมรุให้กับสำนักสงฆ์เขาต่ำบ้านคลองหมากนัดหมู่ 11 ตำบลบ้านแก้งอำเภอเมืองจังหวัดสระแก้ว
      2.สร้างหอกระจายข่าวให้กลับโรงเรียนและวัดต่างๆ ในจังหวัดสระแก้ว
    2. มอบเงินช่วยเหลือซื้ออุปกรณ์ให้กับมูลนิธิสว่างกู้ภัยตำบลบ้านแก้ง อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้วและยังมีอีกหลายโครงการที่ท่านอนุมัติงบประมาณให้กับจังหวัดสระแก้วของเรา ในนามของคณะทำงานมูลิธิปิยะศักดิ์ 1955จังหวัดสระแก้ว และคณะทำงานจิตอาสา จังหวัดสระแก้ว ขอกราบขอบพระคุณ คุณศรานันท์ คูโคเวค และคุณประทวน สุวรรณ์ ที่ให้โอกาสคณะทำงานจังหวัดสระแก้ว ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน นางบุญเรือนกล่าว

    ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล ผู้สื่อข่าวภูมิภาค รายงาน

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พิธีไหว้ครู ของนักศึกษา วิชาทหาร ศูนย์ฝึกค่ายเขตอุดมศักดิ์ ประจำปีการศึกษา 2568

    ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น ณ อาคารอเนกประสงค์ นฝ.นศท.มทบ.44 พล.ต.สมคิด ชูเผือก ผบ.มทบ.44 ให้เกียรติมาเป็นประธาน กิจกรรม พิธีไหว้ครู ของนักศึกษา วิชาทหาร ศูนย์ฝึกค่ายเขตอุดมศักดิ์ ประจำปีการศึกษา 2568 ร่วมกับ ผู้บริหารสถานศึกษา รองผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บังคับหน่วยฝึก นักศึกษาวิชาทหาร ผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหาร ครูฝึก น้องๆ นักศึกษา วิชาทหาร จำนวน 450 นาย

    ร.อ. ยอดชาย  เมฆอากาศ  นายทหารเตรียมการ นฝ.นศท.มทบ.44 รายงาน ในนามตัวแทนของหน่วยฝึกนักศึกษา วิชาทหาร  ขอขอบพระคุณท่านผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44 เป็นอย่างสูง   ตามนโยบายของหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน/ ให้หน่วยฝึกที่รับผิดชอบการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร  กระทำพิธีไว้ครูเป็นประจำทุกปี  และเปิด การฝึกศึกษา ประจำปีการศึกษา 2568 หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร  ศูนย์ฝึกค่ายเขต อุดมศักดิ์แห่งนี้  มีสถานศึกษาวิชาทหารเข้าร่วมพิธีไหว้ครู  จำนวน 21สถานศึกษา โดยจัดตัวแทนนักศึกษาวิชาทหาร  มาร่วมพิธีไหว้ครูครบทุกสถานศึกษา  เนื่องจาก พิธีไหว้ครูดังกล่าว  เป็นประเพณีที่สำคัญ/ สำหรับ นักเรียนนักศึกษา  เพื่อที่จะให้ลูกศิษย์ได้มีโอกาสแสดงออกถึง  ความกตัญญูกตเวที  ต่อครู  อาจารย์   ซึ่งได้ประสิทธิ์ประสาทวิชา ความรู้ตามกรอบการ ฝึกของนักศึกษา วิชาทหาร/ และเพื่อเป็นการส่งเสริมศีลธรรม  จริยธรรม  ประเพณีที่ดีงามสืบไป  ในโอกาสอันเป็นสิริมงคลนี้  กระผมขอเรียนเชิญท่านประธาน  ได้กรุณาเจิมตำราเพื่อเป็นสิริมงคล  และขออนุญาตให้ผู้แทน นักศึกษาวิชาทหาร  เป็นผู้กล่าวนำในการไหว้พระสวดมนต์  กล่าวคำบูชาครู  และกล่าวคำปฏิญาณ  พร้อมทั้งนำพานดอกไม้ธูปเทียนไหว้บูชาครู  ตามลำดับต่อไป
    พล.ต.สมคิด ชูเผือก เปิดเผยว่า ผมรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง/ ที่ได้มาเป็นประธานในพิธี ไหว้ครูของนักศึกษาวิชาทหารในวันนี้ พิธีไหว้ครูหรือบูชาครูนั้น ถือเป็นพิธีที่สำคัญ ตามประเพณีไทย ที่มีมาตั้งแต่โบราณ และมีอยู่ในทุกสาขาอาชีพของคนไทย พิธีไหว้ครูจึงเป็นการสร้างความ ผูกพัน ระหว่างครูกับศิษย์ ที่จะก่อให้เกิดความมั่นคงยืนยาวตลอดไป ครูถือ ว่าเป็นบุคคลที่สังคมไทยให้การยอมรับ และให้การยกย่องเสมือนพ่อแม่ คนที่สองของศิษย์ เพราะครูจะต้องทุ่มเททั้งแรงกาย และแรงใจอย่างหนัก ในการอบรมสั่งสอนให้ศิษย์เติบโต เป็นผู้ที่มีวิชาความรู้และเป็นคนดีของสังคม ขอให้นักศึกษาวิชาทหารทุกนาย ตั้งใจรับการฝึกศึกษานำเอาวิชาความรู้จากครู หมั่นฝึกหัดตนเองให้เป็นผู้ที่มีระเบียบวินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต เสียสละและอดทน เพื่อเป็นกำลังพลสำรองที่มีคุณภาพของกองทัพบก และเป็นพลเมืองที่ดีของชาติสืบต่อไปในอนาคต

    มทบ.44 ร่วมกันแสดงความจงรักภักดี และถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็น ข้าราชการที่ดี และพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาส วันเฉลิม พระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2568

    ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.00 น. พลตรี สมคิด ชูเผือก ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44 พร้อมด้วยสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขามณฑลทหารบกที่ 44 และกำลังพลค่ายเขตอุดมศักดิ์ จัดกิจกรรม เนื่องในโอกาส วันเฉลิม พระชนมพรรษา ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท วันที่ 28กรกฎาคม พุทธศักราช 2568 นี้ ณ สโมสรนายทหารสัญญาบัตร ค่ายเขตอุดมศักดิ์

    จัดให้มีกิจกรรม พิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน ๑๐ รูป ถวายเป็นพระราชกุศล พิธีถวายเครื่องราชสักการะ ถวายราชสดุดี ถวายพระพรชัยมงคลและ พิธีเจริญพระพุทธมนต์ และการถวายสัตย์ ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดินและการลงนามถวายพระพร

    พลตรี สมคิด ชูเผือก ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44 นำกล่าว กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 73 พรรษา 28 กรกฎาคม 2568 และพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน

    ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า พลตรี สมคิด ชูเผือก ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44 พร้อม กำลังพลค่ายเขตอุดมศักดิ์ ต่างมีความปลาบปลื้ม ปิติเป็นล้นพ้น ที่ได้มาร่วมกันแสดงความจงรักภักดี และถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็น ข้าราชการที่ดี และพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาส วันเฉลิม พระชนมพรรษา ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท วันที่ 28กรกฎาคม พุทธศักราช 2568 นี้

    ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ต่างล้วนสำนึกในพระเมตตา และ พระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยพระราชวิริยะอุตสาหะ ทรงดำรงพระองค์เป็นแบบอย่างแก่ข้าราชการทั้งปวง

    ในการปฏิบัติ หน้าที่เพื่อประโยชน์สุขแห่งปวงประชา และความวัฒนาสถาพร ของประเทศ พระบรมราโชวาท ที่พระราชทานแก่ข้าราชการ ในโอกาสต่างๆ ล้วนสร้างความสำนึกในหน้าที่ และความรับผิดชอบ ในการปฏิบัติงานเพื่อแผ่นดิน ด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งปวงข้าพระพุทธเจ้า จักได้น้อมนำมาประพฤติปฏิบัติตาม ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เพื่อสนองพระราชปณิธาน ของใต้ฝ่าละออง ธุลีพระบาท ด้วยความจงรักภักดีสืบไป

    ในโอกาสอันเป็นมงคลยิ่งนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอตั้ง จิตอธิษฐานด้วยความจงรักภักดี ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล

    อีกทั้ง พลานุภาพแห่งองค์พระสยาม เทวาธิราช โปรดอภิบาลและดลบันดาลประทานชัยมงคล ให้ใต้ฝ่า ละอองธุลีพระบาท ทรงพระเจริญ พร้อมด้วยสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล ทรงพระเกษมสำราญ พระบารมีเกริกไกรแผ่ไพศาล สถิตเป็นมิ่งขวัญ ปกเกล้า ปวงข้าพระพุทธเจ้า และเหล่าพสกนิกรตราบกาลนาน

    ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต นำกำลังพลของค่ายเขตอุดมศักดิ์ กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อสนอง พระมหากรุณาธิคุณ ดังต่อไปนี้
    “ข้าพระพุทธเจ้า .. (พลตรี สมคิด ชูเผือก ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะประพฤติปฏิบัติตน เป็นข้าราชการที่ดี และเป็นพลังของ

    แผ่นดิน มีความซื่อสัตย์สุจริต เจริญรอยตาม เบื้องพระยุคลบาท มุ่งมั่นแน่วแน่แก้ไขปัญหา ของประเทศชาติ และประชาชน สร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่แผ่นดิน และดำเนินชีวิต โดยยึดมั่น ในหลักธรรมคำสอนแห่งศาสนา ตามแนวทางในพระบรม ราโชวาทตลอดไป”
    พระพุทธเจ้าข้าขอรับ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

    ชุมพร – กก.ตชด.ชุมพรร่วมบริจาคโลหิตส่งให้ รพ.ชายแดน

    ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 พ.ต.อ.จาริพัฒน์ ทองแดง ผกก.ตชด.41 ชุมพร พ.ต.ท.กุลนริศร์ นวมมณีรัตน์ รอง ผกก.ตชด.41 พ.ต.ท.หญิง วัชรี หยงสตาร์ สว.กก.ตชด.41 (จอส.,กร.) ว่าที่

    พ.ต.ท.นฤชาติ เวชโช ผบ.ร้อย ตชด.414 นำข้าราชตำรวจ ตชด.จิตอาสา กก.ตชด.41 แม่บ้านตำรวจ จำนวน 180 นาย ร่วมบริจาคโลหิตเพื่อสำรองเลือดส่งให้โรงพยาบาลในจังหวัดเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังเกิดสถานการณ์สู้รบกันบริเวณแนวชายแดนไทย – กัมพูชา โดยมีผู้บริจาคโลหิตจำนวน 115 นาย ได้โลหิตรวม 40,250 ซีซี

    แถลงข่าวจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนชุมพร 7-15 ส.ค.2568

    ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ที่ศูนย์การเรียนรู้อาคารแปดเหลี่ยม โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร นายนพพร อุสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชุมพร เป็นประธานการแถลงข่าวการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนจังหวัดชุมพร ประจำปี 2568

    โดยมี นายนุกูล แก้วสวี นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด ดร.ศักดิ์สิทธิ์ แร่ทอง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 1 นายเอกวุฒิ ไกรมาก ผู้อำนวยการโรงเรียนศรียาภัย และ นายกรวิทย์ ช่วยดู ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด (ทกจ.) ชุมพร ร่วมการแถลงข่าว มีบรรดาผู้แทนคณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ เข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าวประมาณ 200 คน

    การแถลงข่าวสรุปได้ว่า อบจ.ชุมพร จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดังกล่าว เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนด้านกีฬา และเปิดโอกาสให้เยาวชนได้แสดงความสามารถอย่างสร้างสรรค์ การแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นเวทีสำคัญในการพัฒนาเยาวชนจังหวัดชุมพรทั้งทางร่างกาย จิตใจ สังคม และวินัย ผ่านการฝึกฝน

    ความมีน้ำใจนักกีฬา และการทำงานเป็นทีม โดยกำหนดจัดการแข่งขันกีฬาทั้งหมด 16 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย 1.กรีฑา 2. ว่ายน้ำ 3.ฟุตซอล 4.ปันจักสีลัต 5.วอลเลย์บอล 6. มวยสากลสมัครเล่น 7.มวยไทยสมัครเล่น 8.วูซู 9.ยูยิตสู 10. เทเบิลเทนนิส 11. บาสเก็ตบอล 12. เทควันโด 13.เปตอง 14.เรือพาย 15.วู้ดบอล และ16. ฟุตบอล แบ่งเป็น 4 รุ่นอายุ

    การแข่งขันกีฬาเยาวชนจังหวัดชุมพรจะจัดระหว่างวันที่ 7-15 สิงหาคม 2568 ส่วนพิธีเปิดการแข่งขันคือวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ณ สนามมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชุมพร ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป โดย นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร จะเป็นประธานในพิธี และมีคณะผู้บริหาร หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ภาคการศึกษา และภาคประชาชน เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ภายในพิธีเปิดจะมีการเดินขบวนพาเหรดของนักกีฬา การแสดงจากเยาวชนจังหวัดชุมพร และการจุดคบเพลิงเป็นสัญลักษณ์แห่งการแข่งขัน

    ตำรวจทางหลวงชุมพร รวมพลังจิตอาสา ร่วมบริจาคโลหิตส่งให้ รพ.ชายแดน

    ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514วันนี้ (25 ก.ค. 68) เวลา 09.00 น. ณ ห้างสรรพสินค้าโลตัสชุมพร อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร พ.ต.ท.กล้า สมบัติพิบูลย์

    สว.ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดชุมพรสภากาชาดไทย บริจาคโลหิตสำรองคงคลัง เพื่อส่งไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ชายแดน(รองรับภัยจากการสู้รบ)

    กิจกรรมในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อสำรองโลหิตสำหรับส่งต่อไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ชายแดน ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบในบางพื้นที่ อีกหนึ่งความห่วงใยจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่บนเส้นทางความปลอดภัย

    “ห่วงใยทุกชีวิต เป็นมิตรทุกเส้นทาง” “ทำทุกอย่างด้วยสำนึก เพราะเราคือ“ตำรวจทางหลวง” (ชุมพร – ระนอง)

    น้องอมนำศาสตร์พระราชา เปิดศูนย์การเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา


    วันนี้ (26 ก.ค. 2568) นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลล์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์การเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568

    โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น กลุ่มจิตอาสา กลุ่มพลังมวลชน ผู้แทนภาคส่วนต่าง ๆ สื่อมวลชนและประชาชนชาวจังหวัดชุมพรเข้าร่วม ณ ศูนย์การเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริตำบลบางลึก อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เพื่อเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่ศาสตร์พระราชาในการพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

    นายนพพร อุสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า จังหวัดชุมพรโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร ได้ดำเนินการตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายในการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมและสิ่งปลูกสร้างในโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ จังหวัดชุมพร ให้มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และเป็นไปตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

    เพื่อให้สามารถพัฒนาในมิติต่าง ๆ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนโดยรวม โดยได้มีการดำเนินการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาให้มีความพร้อมอย่างครบถ้วน เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และแนวทางปฏิบัติให้แก่ประชาชนและผู้สนใจที่เข้ามาศึกษาดูงาน ทั้งนี้เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ ที่มีต่อพสกนิกรชาวจังหวัดชุมพร โดยการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทฤษฎีใหม่ประยุกต์ และอารยเกษตร มาส่งเสริมและต่อยอดเป็นฐานการเรียนรู้ รวมทั้งสิ้น 9 ฐานการเรียนรู้ ในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ฯ

    เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 จังหวัดชุมพรกำหนดจัดพิธีเปิด “ศูนย์การเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเผยแพร่พระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกา

    ธิเบศรฯ อีกทั้งแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความสมานฉันท์ และความสามัคคีของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในจังหวัดชุมพร พร้อมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนได้ฝึกฝนเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทฤษฎีใหม่ประยุกต์ และอารยเกษตร ผ่านฐานการเรียนรู้ทั้ง 9 ฐาน รวมถึงสนับสนุนการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาพื้นที่ให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อชุมชน

    การจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา ณ โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ จังหวัดชุมพร ไม่เพียงเป็นการเฉลิมพระเกียรติเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่ยั่งยืน สร้างแรงบันดาลใจให้ประชาชนได้น้อมนำหลักปรัชญาของในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จ

    พระเจ้าอยู่หัว มาปรับใช้ในชีวิตจริงอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางแห่งปัญญา พลังของชุมชน และแบบอย่างของการพัฒนาที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ภายใต้ร่มพระบารมีแห่งพระมหากษัตริย์ไทย ผู้ทรงเป็นดวงประทีปส่องนำทางสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของแผ่นดินไทยตลอดไป
    ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514

    ​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พระราชทานพวงมาลาหลวง แด่จ่าสิบเอก ธวัชชัย บุสภา ทหารกล้าผู้เสียสละ

    เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จังหวัดมุกดาหาร

    ประกอบพิธีอัญเชิญพวงมาลาหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพวงมาลาจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ วางหน้าหีบศพ จ่าสิบเอก ธวัชชัย บุสภา ซึ่งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน ณ ฐานปฏิบัติการฟ้าลั่น เขาสัตโสม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ

    พิธีดังกล่าวจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ ณ บ้านเกิดของผู้เสียชีวิตเลขที่ 37 หมู่ 3 บ้านโนนสังข์ศรี อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร โดยมี นายวรญาณ บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานในพิธี

    พร้อมด้วย พลตรี ฉัฐชัย มีชั้นช่วง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210, นาย นราวิชญ์ มณีฤทธิ์ นายอำเภอคำชะอี, ครอบครัวผู้เสียชีวิต ได้แก่ นางวิไล บุสภา มารดา, นายเฉลิมชัย บุสภา บิดา และ นางสาวรจรินทร์ สิงห์ศร ภรรยา หัวหน้าส่วนราชการ, ทหาร ตำรวจ และประชาชนเข้าร่วมในพิธีแสดงความอาลัยอย่างล้นหลาม

    จ่าสิบเอก ธวัชชัย บุสภา เกิดเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2534 อายุ 34 ปี บรรจุเป็นกองหนุนเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2556 สมรสกับนางสาวรจรินทร์ สิงห์ศร มีบุตรชาย 1 คน คือ เด็กชายธนดล ยุบสภา อายุ 1 ปี 1 เดือน

    ทั้งนี้ กำหนดพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ในวันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม 2568 เวลา 18.00 น. โดยวันจันทร์ ที่ 28 กรกฎาคม 2568 งดสวดพระอภิธรรม และกำหนดพระราชทานเพลิงศพวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ณ วัดเจริญธรรมาราม ตำบลบ้านซ่ง อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร

    “ขอแสดงความอาลัยแด่ จ่าสิบเอก ธวัชชัย บุสภา… วีรชนผู้กล้า แห่งฐานฟ้าลั่น ชายแดนศรีสะเกษ ผู้สละชีพเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย” ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

    สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง