เลย -​เปิดกิจกรรมกีฬาวิ่งครอสคันทรี “อุทยานเทิดพระเกียรติฯ บ้านหมากแข้ง เคล้า สายหมอก หยอกสายฝน เที่ยวถิ่นไทเลย”


วันที่ 22 กันยายน 2567 ที่อุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ร่วมกิจกรรมวิ่งเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา “อุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง เคล้าสายหมอก หยอกสายฝน เที่ยวถิ่นไทเลย” พร้อมด้วย พันเอก ประเสริฐ สิงขรเขียว เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 28 นายกิตติคุณ บุตรคุณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย นายธนายุทธ ใยแก้ว นายอำเภอด่านซ้าย นายปฐม ศันสนะพิทยาการ ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดเลย หัวหน้าส่วนราชการ และนักวิ่ง เข้าร่วมกิจกรรม โดยมี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพน้อยที่ 2 เป็นประธานเปิดกิจกรรม

พลโท บญุสิน พาดกลาง แม่ทัพน้อยที่ 2 กล่าวว่า ในปัจจุบันนี้กิจกรรมกีฬาและการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพถือเป็นส่วนสำคัญของวิถีชีวิต เพราะมีส่วนช่วยให้ประชาชนมีสุขภาพจิตที่ดี มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมกีฬาที่สามารถบูรณาการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ได้ เนื่องจากเป็นกิจกรรมกีฬาที่สามารถช่วยเพิ่มรายได้ หมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวในพื้นที่จัด กิจกรรมจากการใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยวในรูปแบบนักกีฬาที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี กิจกรรมวิ่งครอสคัน ทรี ณ อุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเนื่องในโอกาสพระราช พิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 6 รอบ ตามที่รัฐบาลได้มีแนวทางให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและพี่น้องประชาชน ทั่วประเทศจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในวาระนี้อย่างพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศอีกด้วp


นายปฐม ศันสนะพิทยาการ ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดเลย กล่าวว่า การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้เล็งเห็นว่าเพื่อให้เป็นการสนับสนุนแนวทางการจัดกิจกรรม พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 6 รอบ ของรัฐบาลดังกล่าว และเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเทิดทูนสถาบัน พระมหากษัตริย์ ตลอดจนเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรม อันเป็น การสร้างความสามัคคี ให้แก่ประชาชน อย่างเป็นรูปธรรม สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดเลย จึงได้พิจารณาดำเนินการ “จัดกิจกรรม กีฬาวิ่งเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสปีมหามงคล พระชนมพรรษาครบ 6รอบ 72 พรรษา” ขึ้นในเส้นทางโดยรอบ “อุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย” ซึ่งสถานที่ดังกล่าวได้ชื่อว่าเป็น “สมรภูมิพระราชา” และปัจจุบันสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวและกีฬากองทัพบก ได้ดำเนินการปรับปรุงพัฒนา บริเวณพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว “อุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง” โดยได้ ทำการปรับปรุงภูมิทัศน์ และเส้นทางคมนาคมโดยรอบให้มีความสะดวกปลอดภัย เพื่อให้ ประชาชนทั่วไปสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวชมสถานที่ได้โดยสะดวก

การดำเนินการได้บูรณาการร่วมกับอำเภอด่านซ้าย, จังหวัดเลย, สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว และกีฬากองทัพบก และชาวบ้านหมากแข้ง ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จัดกิจกรรมวิ่งเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ด้วยกิจกรรมกีฬา ตลอดจน ก่อให้เกิดความจงรักภักดี และร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในหมู่พสกนิกรชาวไทย การกีฬาแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่า กิจกรรมวิ่งเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาส มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา ภายใต้แนวคิด “อุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง เคล้าสายหมอก หยอกสายฝน เที่ยวถิ่นไทเลย” นี้ จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ด้วย กิจกรรมกีฬา ส่งเสริมให้ประชาชนหันมาเล่นกีฬา และออกกำลังกายเพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง ตลอดจนสร้างความจงรักภักดี และร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า สร้างโอกาสในการพัฒนาความสามารถทางการกีฬาของเยาวชนในพื้นที่

ภาพ : ปชส.จ.เลย
ข่าว : พรพิพัฒน์ เพ็ชรสังหาร
้เดวิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี นำเสนอ / ​สาธารณสุขชายแดนไทย-ลาว ร่วม MOU พัฒนางานภาวะฉุกเฉินด้านโรคติดต่อ และภัยสุขภาพชายแดน

เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567​ นายไกร เอี่ยมจุฬา รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานเปิดประชุมเชิงปฏิบัติการ พัฒนางานสาธารณสุขชายแดน ในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านโรคติดต่อ และภัยสุขภาพชายแดนระหว่างประเทศ ประเทศไทย – สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ปีงบประมาณ 2567 และการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เรื่องความร่วมมือด้านสาธารณสุขระดับท้องถิ่นระหว่างประเทศ 4 แขวง 4 จังหวัด ที่ โรงแรมมุกดาหาร แกรนด์ โดยมี นายปัฐม์ ปัทมจิตร กงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต นายณรงค์ จันทร์แก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร และ ดร.เวียงสี สุพักดี หัวหน้าแผนกสาธารณสุขแขวงสะหวันนะเขต ร่วมด้วย

นายแพทย์ณรงค์ กล่าวว่า จังหวัดมุกดาหาร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ และนครพนม เป็นจังหวัดชายแดนที่มีอาณาเขต ติดต่อกับแขวงสะหวันนะเขต จำปาสัก สาละวัน และคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเป็นจังหวัดชายแดนที่มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนที่มีความสำคัญ โดยประชาชนทั้งสองฝ่ายมีวิถีชีวิตที่สัมพันธ์กันมายาวนาน มีการเดินทางไปมาระหว่างประเทศเพื่อติดต่อด้านการค้า การท่องเที่ยว การประกอบอาชีพ รวมทั้งการเยี่ยมญาติพี่น้อง และมีการพัฒนางานด้านสาธารณสุขร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง การเตรียมความพร้อมการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านโรคติดต่อและ ภัยสุขภาพชายแดนระหว่างประเทศ รวมถึงการมีระบบและมีเครือข่ายที่เข้มแข็งร่วมกันเป็นสิ่งที่สำคัญและมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

ดังนั้น เพื่อพัฒนาศักยภาพเครือข่ายสาธารณสุขชายแดน ในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านโรคติดต่อและภัยสุขภาพชายแดนระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เรื่องความร่วมมือด้านสาธารณสุขระดับท้องถิ่นระหว่างประเทศ 4 จังหวัด 4 แขวง ขึ้น เพื่อที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ร่วมกันพัฒนาระบบการสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายในการเฝ้าระวังโรคติดต่อและภัยสุขภาพ ตลอดจนการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างประเทศ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ร่วมกัน ศูนย์ข่าวมุกดาหาร ภาพ/ข่าว พวงเพชร จันทร์ดี
เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

เวทีประกวด Miss Chinese International Thailand 2024 เฟ้นหาสาวไทยเชื้อสายจีนร่วมชิงมง “มิสไชนีส อินเตอร์เนชั่นแนล” ที่จีน

บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอ็มวี ทีวี (ไทยแลนด์) จำกัด แถลงข่าวการจัดประกวด Miss Chinese International Thailand 2024 เพื่อเฟ้นหาสาวไทยเชื้อสายจีน เป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดบนเวที Miss Chinese International Pageant 2025 ที่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในปี 2568
การประกวด MISS CHINESE INTERNATIONAL THAILAND 2024 จัดขึ้นในคอนเซ็ปต์ “Power of charming beauty and strong เสน่ห์แห่งความงามที่ทรงพลังและแข็งแกร่ง “เพื่อเฟ้นหาสาวไทยเชื้อสายจีน ไปประกวด บนเวที MISS CHINESE INTERNATIONAL PAGEANT 2025 ซึ่งเป็นการประกวดเพื่อเฟ้นหาสาวงามที่มีเชื้อสายจีนทั่วโลก เป็นตัวแทนประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและทูตวัฒนธรรมทั้งประเทศของตนเอง และเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ภายในงาน

ได้รับเกียรติจาก คุณพินิจ จารุสมบัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ พร้อมด้วย คุณชัยยุทธ ทวีปวรเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็มวี ทีวี ไทยแลนด์ ผู้ถือลิขสิทธิ์ Miss Chinese International Thailand, คุณผาติยุทธ ใจสว่าง รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และประธานกองประกวด MISS CHINESE INTERNATIONAL THAILAND “เกรซ” วิชญาดา บุญนำ Miss Chinese International Thailand 2023 และ ต้นหลิว สุรีย์พร หาญรักษ์ รองอันดับ 3 , เฟิร์น ณภัทร วชิรธนากร รองอันดับ 4 ร่วมงาน
สำหรับรูปแบบการประกวด MISS CHINESE INTERNATIONAL THAILAND แบ่งการประกวดเป็นแต่ละภูมิภาค เพื่อสรรหาตัวแทนระดับภาคเป็นผู้แทนมาประกวดบนเวที MISS CHINESE INTERNATIONAL THAILAND โดยสาวงามที่สนใจสมัครเข้าร่วมประกวดเวที MISS CHINESE INTERNATIONAL THAILAND 2024 ผู้ชนะเลิศจะได้รับรางวัล มงกุฎเกียรติยศ สายสะพายตำแหน่ง

เงินรางวัลมูลค่ากว่า 300,000 บาท เพื่อเป็นตัวแทนของประเทศไทย ไปชิงมงกุฎ MISS CHINESE INTERNATIONAL PAGEANT 2025
MISS CHINESE INTERNATIONAL THAILAND 2024 ภาคเหนือ , ภาคอิสาน , ภาคกลาง , ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ เปิดรับสมัคร ตั้งแต่ วันที่ 1 ต.ค.- 30 พ.ย.67 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ เพจ MISS CHINESE INTERNATIONAL THAILAND, และเพจ – MISS CHINESE INTERNATIONAL THAILAND ภาคเหนือ โทร 084-2901084 ,

MISS CHINESE INTERNATIONAL THAILAND ภาคอีสาน โทร 094-3575428 , MISS CHINESE INTERNATIONAL THAILAND ภาคกลาง โทร. 063-5979663 , MISS CHINESE INTERNATIONAL THAILAND ภาคตะวันออก โทร .061-0166244 และ MISS CHINESE INTERNATIONAL THAILAND ภาคใต้ โทร. 065-5968688 ภายในงานแถลงข่าว ได้เปิดตัว ผู้อำนวยการกองประกวดภาคต่างๆ ได้แก่ คุณกีรดิต ผลาผล ผู้อำนวยการกองประกวด Miss Chinese International Thailand ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ดร.จีระนันท์ พ้องเสียง ผู้อำนวยการกองประกวด Miss Chinese International Thailand ภาคตะวันออก, คุณธัญวลัย เผ่าจินดา ผู้อำนวยการกองประกวด Miss Chinese International Thailand ภาคใต้

ด้านแขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมงาน อาทิ ดร.วรวุฒิ ทวีปวรเดช, คุณวรนุช ทวีปวรเดช พลเอกสุนทร โสภณศิริ, นายแพทย์วิชัย ทวีปวรเดช และ คุณธนนันทน์ แก้วพวง ผู้อำนวยการกองประกวดฯ/ ป้อน นวลละออง ดอนเสือ คุณ อัมราภรณ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา /พี่หนุ่ม นันท์นภัทร เจิมจุติธรรม / คุณ จูดี้ หรือ เดี่ยว จารุกิตติ์ ศรีสวัสดิ์ / ดร.เกศริน เอกธวัชกุล / ดร.วโรดม ศิริสุข / คุณ อรุณศักดิ์ อ่องลออ ผู้กับกำภาพยนตร์ / คุณ นิกร ฉิมคง / ดร.รัชดาภรณ์ เกตุเทศ / คุณ เบญญาดา โซใต้หยิน / ดร.ณรามิล วิชณุซัน คุ้มรักษ์ / คุณ ณพชร โอภาสพชรกิตกร / คุณ ภัทรวดี ภัทรวดีวัฒนกุล / คุณ สมยศ ศรีสมบูรณ์ และ ศิลปินดารานักแสดงคนในวงการบันเทิงร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ เล้ง ณัฐพล นิลดอนหวาย / แสตม พรวศิน เรืองนุกูล นักแสดงซี่รีย์ ลอยแก้ว / ดร.ประกาย ณ สงขลา ประธานสมาคมเน็ตไอดอล พร้อมด้วยน้องๆจากสมาคมเน็ตไอดอล / แพตตี้ ธัญญาภรณ์ คชรินทร์ MUT RAYONG 2024 และ พลอยชมพู พานวัลย์ นางสาวไทยระยอง และผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

แถลงข่าว จัดประชุม ORIENT & SOUTHEAST ASIAN LIONS FORUM PATTAYA 2024 ครั้งที่ 61

สโมสรไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย ร่วมกับเมืองพัทยา แถลงข่าวเตรียมความพร้อมการจัดประชุม ORIENT & SOUTHEAST ASIAN LIONS FORUM PATTAYA 2024 ครั้งที่ 61 คาดมีผู้เข้าร่วมประชุมทั่วโลกเดินทางเข้าเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรีกว่า 8,000 คน

( 20 ก.ย.67 ) ณ ห้อง The Prosperity บ้านสุขาวดี พัทยา ไลออน รศ.ดร. วีระ ลาดหนองขุ่น ประธานจัดการประชุม OSEAL Forum Pattaya, นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา, นายชาญยุทธ เฮงตระกูล อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายรัตนชัย สุทธิเดชานัย ผู้แทนสำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการภาคตะวันออก , นางสาวอุไร มุกประดับทอง ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานพัทยา ร่วมกันแถลงข่าวเตรียมจัดการประชุม” ORIENT & SOUTHEAST ASIAN LIONS FORUM PATTAYA 2024 ครั้งที่ 61 หรือ OSEAL Forum Pattaya (โอซีล ฟอรัม พัทยา) โดยมีคณะมวลหมู่สมาชิกสโมสรไลออนส์ ตัวแทนภาครัฐ ภาคเอกชน เข้าร่วมงาน

สโมสรไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย ร่วมกับเมืองพัทยา ได้ดำเนินประจำปี ไลออนส์ภาคพื้นบูรพา และเอเชียอาดเนย์ ครั้งที่ 61 (The 61″ ORIENT & SOUTHEAST ASIAN LIONS FORUM PATTAYA 2024 ) หรือ”OSEAL” เพื่อให้มวลสมาชิกสโมสรไลออนส์ได้พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน สร้างความสัมพันธไมตรี มิตรภาพ เรียนรู้ แลกเปลี่ยนขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประชุม และผู้ติดตาม การประชุมโอซีล ฟอรั่ม พัทยา มากกว่า 8,000 คน จากสมาชิก 16 ประเทศ ที่จะเกิดขึ้นช่วง 15-17 พฤศจิกายน และได้จัดงานลอยกระทงในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ณ บ้านสุขาวดี ลาน 93 ปี ดร.ปัญญา โชติเววัญ ที่จะแขกร่วมงานกว่า 4,500 คน อีกด้วย

“พล.ต.ท.ประจวบฯ” ลงพื้นที่พะเยา ตรวจเยี่ยมมอบสิ่งของบำรุงขวัญตำรวจประสบอุทกภัย

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2567 เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.รอง ผบ.ตร. เดินทางไปตรวจเยี่ยม และมอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับข้าราชการตำรวจในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จว.พะเยา ณ ภ.จว.พะเยา โดยมี พล.ต.ต.พิทักษ์ นาสมวาส ผบก.ภ.จว.พะเยา, พ.ต.อ.พรเทพ น้องการ รอง ผบก.ภ.จว.พะเยา, ผกก.ในสังกัด ภ.จว.พะเยา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รอรับการตรวจเยี่ยม และรับมอบสิ่งของบำรุงขวัญและหมวกนิรภัย


พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า จังหวัดพะเยาได้เกิดเหตุอุทกภัยน้ำท่วมฉับพลัน มีข้าราชการตำรวจในสังกัดได้รับผลกระทบ บ้านเรือนและทรัพย์สินเสียหาย จำนวน 49 นาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใย จึงเดินทางมาตรวจเยี่ยมมอบสิ่งของบำรุงขวัญเพื่อเป็นกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจที่ได้รับผลกระทบให้พ้นวิกฤต และเป็นกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจที่ได้ร่วมแรงร่วมใจ ปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย



รรท.รอง ผบ.ตร. ยังกำชับให้เพิ่มความเข้มในการตรวจตราป้องกันเหตุอันเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อำนวยความสะดวกและจัดระบบการจราจรในพื้นที่ที่ประสบภัยและพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ อุปกรณ์ และยานพาหนะ เพื่อป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

สมจิตร แสงบัลลังก์ แมวคาบข่าว รายงาน

ร้อย.ฉก.ทพ.2103 กกล.สุรศักดิ์มนตรี จับกุมสองหนุ่มสาวค้ายาบ้าที่ป่าสวนยางพารา พื้นที่ ม.7 ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม

เมื่อ​วันที่​ 20 กันยายน 2567 เวลา 10.30น ร.อ.ธนากร นาเหล็ก ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2103 ได้สั่งการให้ ร.ท.นิรุต แสงโสดา รอง ผบ.ร้อย./เจ้าพนักงาน ป.ป.ส.หมายเลข 6702253 จัดชุดปฏิบัติการร่วมกับ ชป.สกัดกั้นฯ บก.ควบคุมที่ 1 กกล.สุรศักดิ์มนตรี หลังได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการนำยาเสพติดหรือยาบ้ามาส่งมอบกันที่บริเวณป่าสวนยางพาราเขตพื้นที่ หมู่ 7 ตำบลไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม

จึงจัดกำลังเข้าทำการซุ่มเฝ้าตรวจตามสถานที่ดังกล่าวต่อมามีชายหญิงขับรถจักรยานยนต์เข้ามาบริเวณดังกล่าวเจ้าที่จึงแสดงตัวเรียกทำการตรวจสอบจากนั้นทำการขอตรวจค้นตัวและรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวผลการตรวจค้นพบยาบ้าบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีชมพู ตรวจนับภายหลัง 179 เม็ด ตรวจยึดโทรศัพท์ที่ใช้ในการติดต่อซื้อขายและรถจักรยานยนต์ที่ใช้ขับมาส่งยาเสพติดไว้เป็นของกลาง ทั้งสองให้การยอมรับว่ากำลังจะนำยาบ้ามาส่งให้กับ บุคคลในพื้นที่ที่สั่งซื้อจริง ส่วนทั้งสองเป็นสามีภรรยากันยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา​ นายอนุชา คำลือ อายุ 40 ปี
และ​ นางพัชฎาภรณ์ พรมจร อายุ 36 ปี

ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย​ ของกลาง ยาบ้า จำนวน 179 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และรถจักรยาน 1 คัน หน่วยได้ทำการบันทึกภาพและวิดีโอผู้ถูกควบคุมตัว ตามมาตรา 23 แห่งพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2556 ไว้เป็นหลักฐาน พร้อมจัดทำบันทึกการจับ เรียบร้อยแล้ว จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร #กองทัพบกroyalthaiarmy #กองทัพภาคที่2 #กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

มทร.อีสาน ร่วม กองทัพภาคที่ 2 ส่งมอบสิ่งของจากประชาชนช่วยน้ำท่วมพี่น้องอีสาน

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2567 พลโทอดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2 ปล่อยขบวนรถช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยร่วมกับ รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน อาจารย์สรวิศ ต.ศิริวัฒนา รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา บุคลากร และนักศึกษา ณ ลานมรกต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน โดยสิ่งของประกอบด้วยน้ำดื่ม ยารักษาโรค อาหารแห้ง เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ที่ มทร.อีสาน นครราชสีมา เปิดรับบริจาคจากประชาชนในจังหวัดนครราชสีมา ไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน

อ.สรวิศ ต.ศิริวัฒนา รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มทร.อีสาน นครราชสีมา ได้รับการบริจาคสิ่งของจากประชาชนในจังหวัดนครราชสีมาเป็นจำนวนมาก ต้องขอบพระคุณพลโทอดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2 ที่ได้จัดส่งรถบรรทุกพร้อมกำลังพล นำของบริจาคทั้งหมด ประกอบด้วยน้ำดื่มกว่า 40,000 ขวด ข้าวสาร อาหารแห้ง สิ่งของเครื่องใช้ จำนวนมาก ต้องใช้รถบรรทุกขนส่งน้ำใจจากพี่น้อง จ.นครราชสีมา ถึง 12 คัน ในการนำส่ง และขอบพระคุณพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครราชสีมาที่ร่วมบริจาคสิ่งของทั้งหลายเพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ รวมทั้งเงินบริจาคตั้งแต่วันที่ 13 – 19 กันยายน 2567 รวมกว่า 250,000 บาท ซึ่งจะได้ส่งมอบเงินบริจาคในขั้นตอนต่อไป

กันตินันท์ เรืองประโคน ผู้สื่อข่าวภูมิภาค นครราชสีมา

กองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจวบฯ ยกระดับศักยภาพ แกนนำเด็กและเยาวชนป้องกันภัยคุกคามยาเสพติด ยุคดิจิทัล

วันที่ 20 ก.ย.67 ที่ศาลาเอนกประสงค์ บ้านทางสาย หมู่ที่ 9 ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสุทิน ประเสริฐศักดิ์ นายอำเภอบางสะพาน เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการยกระดับศักยภาพแกนนำเด็กและเยาวชนป้องกันภัยคุกคามยาเสพติดในยุคดิจิทัลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมี น.ส.มาเรีย เผ่าประทาน สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะว่าที่คณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา พร้อม นายวัชรินทร์ จันทร์เดช ประธานเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายทวีศักดิ์ จุลเนียม ประธานเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินอำเภอทับสะแก นางกิตติมา เย็นกาย รอง ผอ.สพป.ปข.1 และคณะกรรมการเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดิน คณะศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมืองสถาบันพระปกเก้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู นักเรียนในพื้นที่ เข้าร่วมโครงการ

นายวัชรินทร์ จันทร์เดช ประธานเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า เนื่องด้วยสถานการณ์ยาเสพติดทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งในยุคดิจิทัลปัจจุบันเริ่มพบการแพร่ระบาดของยาเสพติดแบบผสมหลายชนิดและการแพร่ระบาดอย่างหนักของบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีกระตุ้นให้เกิดการค้ายาเสพติดผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งการติดต่อสื่อสารและการขนส่งมีหลายช่องทาง ผู้เสพสามารถเข้าถึงยาเสพติดได้สะดวกมากยิ่งขึ้นและเด็กถูกล่อลวงได้ง่ายขึ้นเช่นกัน ในการนี้เครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินอำเภอบางสะพานจึงจัดโครงการ ยกระดับศักยภาพแกนนำเด็กและเยาวชนป้องกันภัยคุกคามจากยาเสพติดในยุคดิจิทัลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ขึ้น เพื่อพัฒนาศักยภาพแกนนำเด็กและเยาวชนที่เข้าร่วมอบรมครั้งนี้ให้สามารถยืนหยัดในสังคมปัจจุบันได้อย่างปลอดภัยและมีส่วนช่วยป้องกันปัญหายาเสพติดในพื้นที่

น.ส.มาเรีย เผ่าประทาน สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะว่าที่คณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา กล่าวว่า กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ดี เป็นประโยชน์ต่อเด็ก และเยาวชนมาก ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ตรงจุดกับสถานการณ์ปัญหาของเด็กและเยาวชนในปัจจุบันนี้ และตอนนี้ยาเสพติดได้เข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว ผ่านการใช้มือถือผ่านหลายๆแอพพลิเคชั่น ที่คนใกล้ตัว ซึ่งบางทีคนในบ้านยังไม่ทันได้รู้เลยว่าลูกหลาน เข้าไปยุ่งเกี่ยวตอนไหน และในฐานะที่ในอนาคต จะได้เข้าไปทำงานในคณะกรรมาธิการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส และผู้หลากหลายทางสังคม ซึ่งเป็นคณะกรรมาธิการที่จะเข้ามาทำงานในด้านนี้โดยตรงด้วย เด็กและเยาวชนคือเป็นหลักที่อยากจะเข้าไปดูแลด้วย ที่ผ่านมาสมาชิกวุฒิสภาก็มีหลายท่านได้อภิปรายและพูดถึงในเรื่องตรงนี้บ้างแล้ว เดี๋ยวรอให้เป็นคณะกรรมาธิการอย่างเป็นทางการ ก็จะนำเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าเข้าไปสู่ชั้นกรรมาธิการเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาเยาวชนกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าซึ่งปัจจุบัน หาซื้อใช้กันได้ง่ายมาก น.ส.มาเรีย เผ่าประทาน สมาชิกวุฒิสภากล่าว
/////////////////////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

นายวิชัย ศิริโพธาวานิชกุล ผู้จัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาชุมแพ เป็นประธานเปิดงานมุทิตาจิตผู้เกษียณอายุ

สายใยแห่งความรัก มิตรภาพอันอบอุ่นจากวันที่พากเพียรสู่วันเกษียนที่ภาคภูมิ นายวิชัย ศิริโพธาวานิชกุล ผู้จัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาชุมแพ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานมุทิตาจิตผู้เกษียณอายุการไฟส่วนภูมิภาคประจำปี 2567 ณ.โรงแรมเมเจอร์แกรนด์ ถนนชุมแพ-ภูเขียว อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2567 เวลา 19.00 น.นายวิชัย ศิริโพธาวานิชกุล ผู้จัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาชุมแพ ให้เกียรติเป็นประธานงานเชิดชูเกียรติผู้เกษียณอายุราชการ สำนักงานไฟฟ้าส่วนภูมิภาคชุมแพ ซึ่งปี 2567มีผู้เกษียณจำวน 6 ท่าน ประธานได้กล่าวชื่นชม ขอบคุณผู้เกษียณทุกท่านที่ได้ทุ่มเทแรงกาย ความรู้ความสามรถรับผิดชอบเสียสละต่อหน้าที่และทำประโยชน์มากมาย

ขอให้ทุกท่านดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข พักผ่อนดูแลสุขภาพเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานตามอัตภาพ ต่อจากนั้นประธานได้มอบสิ่งของที่ระรึก ของชำร่วยแก่ผู้เกษียณทั้ง 6 ท่าน แขกเหรื่อร่วมอวยพรร้องเพลงสนุกสนานกันพอหอมปากหอมคอ ได้เวลาพอสมควรประธานจึงได้กล่าวปิดงาน

ค้าน ! ขึ้นค่าแรง 400 บาท พร้อมกันทั่วประเทศ 17 สภาองค์การนายจ้าง ร่วมกันคัดค้าน การขึ้นค่าแรง 400 บาท


เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2567 ดร.เนาวรัตน์ ทรงสวัสดิ์ชัย ประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (สภา2) ร่วมกับสภาองค์การนายจ้างอีก 16 สภา ประชุมหารือประเด็นปัญหาต่างๆ แสดงจุดยืนร่วมกัน คัดค้านการขึ้นค่าแรง 400 บาททั่วประเทศ ที่จะให้มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ต.ค. 2567 เตรียมยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและปลัดกระทรวงแรงาน ข้อเสนอแนะที่รัฐต้องคำนึงถึง รัฐควรคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจและความพร้อมที่แตกต่างกัน การพิจารณานโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี ตามหลักกฎหมาย ซึ่งบัญญัติไว้ใน ม. 87 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 คณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับอยู่ ประกอบกับข้อเท็จจริงอื่นด้วย ต้องคำนึงถึงดัชนีค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ ต้นทุนการผลิต ราคาของสินค้าและบริการ ผลิตภาพแรงงาน ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ และสภาพทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความสามารถของประเภทธุรกิจ โดยผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบัน หากการปรับอัตราค่าจ้างที่สูงเกินกว่าความเป็นจริง จะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศไทย ทำให้เกิดความไม่มั่นใจถึงต้นทุนของการทำธุรกิจและนโยบายภาครัฐ ถึงแม้ว่าการปรับค่าจ้าง จะใช้บังคับ เฉพาะโรงงานที่สถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 200 คนขึ้นไป ก็ยังไม่เห็นด้วยเช่นเดียวกันเพราะยังขาดหลักการพิจารณาที่เหมาะสม สภาองค์นายจ้าง จึงได้ร่วมกันลงนามคัดค้านและเสนอแนะ เพื่อให้กระทรวงแรงงานได้รับ ทราบและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่สภาองค์การนายจ้างเห็นร่วมกัน เพื่อนำเสนอต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
และท่านปลัดกระทรวงแรงงาน โดยมีรายนามประกอบด้วย

  1. สภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย (สภา 1)
  2. สภาองค์การนายจ้างสภาอุตสาหกรรมเอ็สเอ็มอี แห่งประเทศไทย (สภา3)
  3. สภาองค์การนายจ้างผู้ค้าและบริการเครื่องอุปโภคบริโภค (สภา4)
  4. สภาองค์การนายจ้างแห่งชาติ (สภา 5)
  5. สภาองค์การนายจ้างธุรกิจไทย (สภา 6)
  6. สภาองค์การนายจ้างไทยสากล (สภา 7)
  7. สภาองค์การนายจ้างการเกษตร ธุรกิจ อุตสาหกรรมไทย (สภา 8)
  8. สภาองค์การนายจ้างธุรกิจ การค้าและบริการไทย (สภา 9)
  9. สภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าไทย (สภา 10)
  10. สภาองค์การนายจ้างไทย (สภา 11)
  11. สภาองค์การนายจ้าง ธุรกิจ และอุตสาหกรรมแห่งชาติ (สภา12)
  12. สภาองค์การนายจ้างธุรกิจอุตสาหการไทย (สภา13)
  13. สภาองค์การนายจ้าง เอส.เอ็ม.อี แห่งประเทศไทย (สภา 14)
  14. สภาองค์การนายจ้างบริการไทย (สภา 15)
  15. สภาองค์การนายจ้างธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว-ภาค 8 (สภา 16)
  16. สภาองค์การนายจ้างเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม (สภา 17)

สภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย #สภาองค์การนายจ้าง #กระทรวงแรงงาน #นายจ้าง #ขึ้นค่าแรง400บาท

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง