สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / งานเทศกาลดิวาลี พัทยา 2024 ริมหาดพัทยา/แถลงข่าว “Chonburi Coffee on The Beach 2024″/สสส.ออสตาร์ไทยแลนด์ ชิงถ้วยวีไอพี ซีเนียร์ไทยแลนด์ 2024


วันที่ 4 พ.ย.67 นายกฤษณะ บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา  เป็นประธานการประชุมหารือเตรียมจัดงานเทศกาลดิวาลี พัทยา 2024 หรือเทศกาลแห่งแสงสว่าง ประจำปี 2567 ของชาวอินเดีย กิจกรรมพหุวัฒนธรรมที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ที่ห้องประชุมศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยมี นายสุขราช กาลรา นายกสมาคมนักธุรกิจไทย-อินเดีย นายประเสริฐ ศักดิ์จิระพงศ์ เลขาสมาคมนักธุรกิจไทย-อินเดีย ดร.ดีโอ กูมาร์ ซิงค์ นายกสมาคมอินเดียชลบุรี นายราม ซิงห์ รองนายกสมาคมอินเดียพัทยา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

สำหรับการจัดงานเทศกาลดิวาลี พัทยา 2024 (DIWALI Festival Pattaya 2023) เมืองพัทยาได้ร่วมกับสมาคมนักธุรกิจไทย-อินเดีย สมาคมอินเดียพัทยา และนายกสมาคมอินเดียชลบุรี กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2567 ที่บริเวณชายหาดพัทยากลา
โดยภายในงานจะตกแต่งเป็นบรรยากาศเทศกาลดิวาลี มีกิจกรรมมากมายสร้างสีสัน ทั้งศิลปะเฮนนาแบบดั้งเดิม การแข่งขันรันโกลี การออกบูธอาหาร โซนศาสนา เวทีการแสดง การออกบูธเครื่องแต่งกายและอื่นๆ

เพื่อเป็นพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้สัมผัสถึงวัฒนธรรมที่หลากหลายของชาวอินเดียในพื้นที่เมืองพัทยา อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงการจัดงานเทศกาลดิวาลี ซึ่งเป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองแสงสว่างสำหรับวัฒนธรรมฮินดู ซิกข์ และชุมชนคนอินเดียทั่วโลก

แถลงข่าว “Chonburi Coffee on The Beach 2024” เทศกาลกาแฟริมชายหาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 22-24 พ.ย.นี้ ที่ชายหาดพัทยา

  มีรายงานว่า นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงาน “ชลบุรี คอฟฟี่ ออน เดอะ บีช ประจำปี 2567 (Chonburi Coffee on the Beach 2024) โดยมี นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา นายชัยวัฒน์ ตามไท ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา นายบุญอนันต์ พัฒนสิน นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา นายธนกร วนะภูติ ประธานชมรมคาเฟ่ แอนด์บิสโทร คลับ พัทยา และคุณธัญรัตน์ ภูศรีวัฒนกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโครงการแนวสูง บ.แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงข่าว

ด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ได้ร่วมกับเมืองพัทยา ททท.พัทยา สมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา และชมรมคาเฟ่ แอนด์ บิสโทร คลับ พัทยา กำหนดจัดงาน “ชลบุรี คอฟฟี่ ออน เดอะ บีช 2567” (Chonburi Coffee on the Beach 2024) ระหว่างวันที่ 22 - 24 พฤศจิกายน 2567 ณ ชายหาดพัทยากลาง (ตรงข้าม Hard Rock Hotel Pattaya) ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดชลบุรีในภาพลักษณ์มุมมองใหม่ สร้างกิจกรรมที่ตอบรับไลฟ์สไตล์นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ในจังหวัดชลบุรี ให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ

และสร้างกิจกรรมประจำปีที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชลบุรีให้มีความหลากหลายและแปลกใหม่ ให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งเป็นการแสดงถึงศักยภาพของผู้ประกอบการในวงการกาแฟในเมืองพัทยา-ชลบุรีให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจให้กับเมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรีในภาพรวม

    ภายในงานจะมีร้านอาหาร คาเฟ่ โรงคั่ว และร้านค้าแฮนด์คราฟต์ริมหาด การแข่งขันค้นหาแชมป์กาแฟ ชิมกาแฟเคล้าบรรยากาศริมหาด สนุกไปกับกิจกรรม Art & Craft อีกทั้งกิจกรรมร่วมพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญกาแฟ และอินฟลูเอนเซอร์ในวงการกาแฟ พร้อมกิจกรรมเวิร์คช็อป ฟรี! ทั้ง 3 วัน 

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงาน “Chonburi Coffee on The Beach 2024” ริมชายหาดพัทยากลาง (ตรงข้าม Hard Rock Hotel Pattaya) 22 – 24 พฤศจิกายนนี้ ตั้งแต่เวลา 07.00 – 21.00 น.

สสส.ออสตาร์ไทยแลนด์ ชิงถ้วยวีไอพี ซีเนียร์ไทยแลนด์ 2024

       มีรายงานว่า นายกังวาล เจริญการ หรือ โค้ชอ๊อฟ พัทยานำทีม สสส.ออสตาร์ไทยแลนด์ สู้ศึกการกุศลชิงถ้วย พลโทรัฐพล ประธูปสงค์ เจ้ากรมสารบรรณทหาร รายการ “วีไอพี ซีเนียร์ไทยแลนด์ 2024” ครั้งที่11 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก กรุงเทพมหานครฯ 

โดยมี พ.ต.อ.ทศพร ปทุมยา รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดน, นายบุญเลิศ ผลอุดม ประธานจัดแข่งขัน, นายเชาวลิต ย่อมดอน, นายเสน่ห์ ฤทธิ์นอก ให้การต้อนรับ ส่วนการแข่งขันจัดขึ้นเพื่อหาทุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์, สื่อการเรียน อุปกรณ์กีฬา

โดยผลการแข่งขันทีมชนะเลิศ ได้แก่ ทีมพนัสซีตี้ รองชนะเลิศ ได้แก่ ทีมK.สตาร์ ที่3 ได้แก่ ทีมสสส.ออลสตาร์ และที่4 ได้แก่ ทีมซีเนียร์ ไทยแลนด์ นอกจากนั้น นายกังวาล เจริญการ หรือโค้ชอ๊อฟ สานฝันความจริงให้กับเยาวชนพัทยาอะคาเดมี่ โดยนำเยาวชนกว่า 30 คน พร้อมผู้ปกครองได้ร่วมลงเตะในสนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งสร้างความตื่นเต้น และมีความสุขกับบครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้ลงเล่นในสนามระดับชาติที่ใช้แข่งในรายการต่างๆระดับประเทศมาหลายครั้ง

สื่อรัฐทีวี สื่อรัฐนิวส์ / คัดเลือกครู ได้รับพระราชทาน ครั้งที่ 6 ปี 2568 โรงเรียนบ้านปรางค์อ.ปัวจ.น่าน

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. คณะอนุกรรมการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 ปี พ.ศ. 2568 จังหวัดน่าน ณ โรงเรียนบ้านปรางค์ อำเภอปัว โดยมีดร.สุวรินทร์ เพ็ญธัญญการ รองศึกษาธิการจังหวัดน่าน เป็นประธานประเมิน และเก็บข้อมูลเชิงลึก

ในครั้งนี้มีบุคคล และหน่วยงานเสนอรายชื่อครู ผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 ปี 2568 โดยเป็นครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตลูกศิษย์ ครูผู้มีคุณูปการต่อการศึกษา จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย นายศุภนิตย์ สิทธิชัย โรงเรียนวรนคร (ลูกศิษย์เสนอชื่อ) นางวิมลรัตน์ ทักษิณ โรงเรียนไตรเขตประชาวิทยา (หน่วยงานเสนอชื่อ)

นางวาสนา นันทเสน โรงเรียนสมาคมพยาบาลไทย (หน่วยงานเสนอ) และนางสาวมัญชรี ศรีเวียงฟ้า โรงเรียนตาลชุมพิทยาคม (หน่วยงานเสนอชื่อ) เพื่อเข้ารับการคัดเลือกผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ระดับจังหวัดต่อไป โดยคณะอนุกรรมการฯ มีกำหนดการออกประเมินสภาพการปฏิบัติงานและการออกเก็บข้อมูลเชิงลึกของครูผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อเข้ารับการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 ปี พ.ศ. 2568 จังหวัดน่าน ระหว่างวันที่ 4-8 พฤศจิกายน 2567

วันนี้เป็นการลงพื้นที่ประเมินสภาพการปฏิบัติงานและการออกเก็บข้อมูลเชิงลึกของครูผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อเข้ารับการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 ของนายศุภนิตย์ สิทธิชัย (ลูกศิษย์เสนอชื่อ) โรงเรียนบ้านปรางค์ (โดยได้รับการเสนอชื่อขณะปฏิบัติหน้าที่ ณ โรงเรียนวรนคร อ.ปัว) ซึ่งมีลูกศิษย์ คณะครู ผู้ปกครองเข้าร่วมให้ข้อมูลเชิงลึกแก่คณะอนุกรรมการเป็นจำนวนมาก

สำหรับ นายศุภนิตย์ สิทธิชัย ครูวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านปรางค์ ปฏิบัติการสอนมาเป็นเวลา 17 ปี ในรายวิชาศิลปะ เป็นครูผู้ได้รับการยกย่องจากทั้งลูกศิษย์ คณะครู และผู้ปกครอง ทั้งด้านเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตลูกศิษย์ และด้านผู้มีคุณูปการต่อการศึกษา มีความมานะพยายามในการดูแลลูกศิษย์ทั้งในชั้นเรียน และนอกชั้นเรียน สามารถนำพาลูกศิษย์เข้าร่วมการแข่งขันด้านศิลปะ จนสามารถคว้ารางวัลทั้งระดับภาคและระดับประเทศหลายรายการ นอกจากนี้ครูศุภนิตย์ ยัง

ได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย อาทิ เป็นผู้เข้าร่วมเผยแพร่การจัดการเรียนรู้ Active Learning กิจกรรม 129 สุดยอด Best Practice
การจัดการเรียนรู้ Active Learning ของสพฐ. ปีการศึกษา 2564 จากการทำโครงการวาดน่านบ้านฉัน ได้รับรางวัลระดับเหรียญทองรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ระดับภาคเหนือ รางวัลทรงคุณค่า สพฐ. (OBEC AWARDS) ครั้งที่ 12
ปีการศึกษา 2565 – 2566เป็นตัวแทนเข้าร่วมประกวดระดับชาติ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาโรงเรียนวรนคร

ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ภาคเหนือ การแข่งขันสร้างสรรค์จินตนาการผ่านศิลปะ “กล้าใหม่…ใฝ่รู้” ธนาคารไทยพาณิชย์ ปีการศึกษา 2566 ได้รับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติหนึ่งแสนครูดี เป็นผู้จัดกิจกรรมศิลปะเพื่อสังคม ถนนศิลปะปัว เป็นต้น/ข่าว/ กัมปนาท พอจิต/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ -วางกฎเหล็กจัดระเบียบใหม่ชายหาดพัทยา สร้างความปลอดภัยรีบไฮซีซั่น/นักวิ่งครึ่งหมื่นกระหึ่ม Bikini Run 24 ท้าลมหนาวอ่าวพัทยา/นายกเมืองพัทยาทอดกฐินสามัคคี วัดบุญสัมพันธ์ ยอดกฐินแตะ 3 ล้านบาท

วันที่ 2 พ.ย.67 นายมีชัย อินทร์พิทักษ์ ประธานคณะทำงานนายกเมืองพัทยา นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา และนายภูมิพิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกเมืองพัทยา ลงพื้นที่ตรวจสอบแนวชายหาดพัทยาเพื่อเตรียมพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว หลังจากมีการบูรณาการวางแนวทางจัดระเบียบผู้ประกอบการชายหาดเมืองพัทยาใหม่ทั้งหมด

โดย นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ได้ให้ข้อมูลว่า ด้วยเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หรือไฮซีซั่น ประจำปี 2567 และบรรยากาศการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาได้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนทำกิจกรรมและใช้ประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวทั้งทางบกและทางน้ำ โดยที่ผ่านมาเมืองพัทยาได้วางแนวทางจัดระเบียบทางบกไปจนมีผลเป็นรูปธรรมที่ดีขึ้นแล้ว จึงได้ดำเนินการจัดระเบียบทางน้ำต่อ

ทั้งนี้ ชายหาดพัทยาไม่มีท่าเทียบเรือ ทำให้ผู้ประกอบการเรือเร็วหรือเรือสปีดโบ้ทที่มีกว่า 200 ลำ ขึ้นฝั่งได้ตลอดชายหาดพัทยา แล้วช่วงฤดูการท่องเที่ยวที่จำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้นจึงจำเป็นต้องวางกฎระเบียบให้ผู้ประกอบการเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่มาทำกิจกรรมทางน้ำมากขึ้น

เมืองพัทยา กรมเจ้าท่า และป้องกัยภัยพิบัติทางทะเล จัดร่วมกันจัดระเบียบชายหาดเมืองพัทยาครั้งใหม่ เพื่อเปิดพื้นที่มำกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวที่มาชายหาดพัทยามากขึ้น ด้วยการขอความร่วมมือผู้ประกอบการเรือเร็วห้ามขับเรือเข้าชายฝั่ง ให้จอดลอยลำตามแนวทุ่นที่เมืองพัทยาจัดระเบียบการจอดเรือ โดยสามารถรับส่งผู้โดยสารขึ้นลงเรือได้ 2 จุดเท่านั้น คือ

ต้นหาดพัทยาเหนือและสุดหาดพัทยาใต้ ไม่ให้มารับผู้โดยสารระหว่างหาดพัทยากลางโดยเด็ดขาด โดยได้เริ่มดำเนินการในวันที่ 1 พ.ย.67 เป็นวันแรก ซึ่งพบว่าผู้ประกอบการต่างให้ความร่วมมือดีเพื่อประโยชน์สูงสุดของนักท่องเที่ยว และจะไม่กระทบโครงการถมทรายชายหาดเมืองพัทยา แต่หากเรือยังเข้าหน้าหาดอยู่ จะส่งผลต่อสภาพธรรมชาติทางทะเลแน่นอน

นักวิ่งครึ่งหมื่นกระหึ่ม Bikini Run 24 ท้าลมหนาวอ่าวพัทยา

วันที่ 2 พ.ย.67 ที่บริเวณชายหาดพัทยา จ.ชลบุรี นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เป็นประธานกล่าวเปิดงานส่งเสริมการท่องเที่ยวในกิจกรรมการจัดงาน Pattaya International Bikini Beach Race 2024

ด้วยเมืองพัทยา ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา และศูนย์การค้าเซ็นทรัล พัทยา จัดงาน Pattaya International Bikini Beach Race 2024 กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ชาวไทยและชาวต่างชาติได้เข้าร่วม ผ่านกิจกรรมวิ่งชายหาดระยะทาง 5 กิโลเมตร

ซึ่งเป็นกิจกรรมงานวิ่งที่มีผู้เข้าร่วมมากติดอันดับโลก ถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของเมืองพัทยาในด้านการเป็น Sports City และ Sports Tourism โดยในปีนี้พบว่ามีนักวิ่งตอบรับเข้าร่วมงานกว่า 5,000 คน สร้างความคึกคักให้กับเมืองพัทยาเป็นอย่างมาก

ประธานคณะทำงานนายกเมืองพัทยาเป็นเจ้าภาพจัดทอดกฐินสามัคคีวัดบุญสัมพันธ์ สมทบทุนสร้างวิหารหลวงปู่อาด “เทพยดาแห่งท้องทะเลพัทยา” เกจิดังภาคตะวันออก ยอดกฐินแตะ 3 ล้านบาท

วันที่ 3 พ.ย.67 ที่วัดบุญสัมพันธ์ จ.ชลบุรี นายมีชัย อินทร์พิทักษ์ ประธานคณะทำงานนายกเมืองพัทยา และครอบครัว เป็นเจ้าภาพฝ่ายฆราวาส ในงานทอดกฐินสามัคคีวัดบุญสัมพันธ์ ประจำปี 2567 โดยภายในงานบุญดังกล่าวมีประชาชนและพุทธศาสนิกชนนับหมื่นเข้าร่วม

และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมกันเป็นจำนวนมาก อาทิ นายชาญยุทธ เฮงตระกูล อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายรัฐกิจ เฮงตระกูล อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวินัย อินทร์พิทักษ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหนองปรือ และนายศักดิ์สิทธิ์ ธีระพรสถานนท์ นักธุรกิจชื่อดังเมืองพัทยา

ทั้งนี้ การจัดงานทอดกฐินสามัคคีวัดบุญสัมพันธ์ ประจำปี 2567 นี้ มียอดทำบุญกฐินรวมล่าสุดจำนวน 2,924,440 บาท ซึ่งคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้น โดยจะได้สมทบทุนในการสร้างวิหารหลวงปู่อาด ปิยธัมโม อดีตเจ้าอาวาสวัดบุญสัมพันธ์ เกจิดังภาคตะวันออก เพื่อให้ประชาชนและสาธุชนได้กราบสักการะต่อไป

อนึ่ง หลวงปู่อาด ปิยธัมโม หรือ “พระครูวิสุทธิ์ปิยากร” อดีตเจ้าอาวาสวัดบุญสัมพันธ์ ถือเป็นพระเกจิที่ชาวบ้านต่างห้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก ถือเป็นพระอีกรูปหนึ่งที่มีวัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเสมอต้นเสมอปลาย และมีเมตตาธรรมอย่างสูง

นอกจากนี้ ยังเป็นพระเกจิผู้สืบทอดพุทธาคมสายกรุงเก่าพระนครศรีอยุธยา เป็นศิษย์สายตรงหลวงพ่อยิ้ม วัดเจ้าเจ็ด ผู้เป็นเพื่อนกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก สามเสือกรุงเก่า (ยิ้ม-ปาน-จง) และกับเกจิอีกหลายท่าน ตลอดวิทยาคมสายภาคตะวันออกจนชาวบ้านเรียกขานว่า “เทพยดาแห่งท้องทะเลพัทยา”

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ช้างป่ากุยบุรีขณะผสมพันธุ์ท่ามกลางธรรมชาติ/ผู้ว่าประจวบฯ นำทีมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เมืองหัวหิน

เมื่อวันที่ 3 พ.ย.67 นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการบันทึกภาพช้างป่าวัยเจริญพันธุ์ขณะกำลังเกี้ยวพาราสีและผสมพันธุ์กันภายในผืนป่ากุยบุรี จ.ประจวบฯ ซึ่งถือเป็นภาพที่หาชมได้ยากและสะท้อนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศในพื้นที่ จากการศึกษาพบว่า การผสมพันธุ์ของช้างป่าจะเกิดขึ้นเฉพาะในช่วงฤดูหนาว

โดยช้างเพศเมียจะเริ่มพร้อมผสมพันธุ์เมื่ออายุประมาณ 18-20 ปี และจะสิ้นสุดวัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุราว 40-50 ปี ทั้งนี้ ช้างเพศเมียจะตั้งท้องนานประมาณ 19-21 เดือน และมักให้กำเนิดลูกครั้งละ 1 ตัว โดยจะมีระยะห่างระหว่างการตั้งท้องแต่ละครั้งประมาณ 3 ปี ตลอดช่วงชีวิตของช้างเพศเมีย 1 ตัว จะสามารถให้กำเนิดลูกได้เฉลี่ย 3-4 ตัว

ซึ่งภาพความประทับใจครั้งนี้นับเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงการขยายประชากรตามธรรมชาติของช้างป่าในผืนป่ากุยบุรี และสะท้อนถึงความสำเร็จในการอนุรักษ์พื้นที่ป่าที่เป็นที่อยู่อาศัยของช้างป่าและสัตว์ป่านานาชนิด
ผืนป่ากุยบุรีถือเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญของการอนุรักษ์ช้างป่าในประเทศไทย

ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์และเป็นที่อยู่อาศัยของช้างป่าจำนวนมาก การพบเห็นพฤติกรรมการผสมพันธุ์ตามธรรมชาติเช่นนี้ จึงเป็นความหวังของการดำรงอยู่และการสืบทอดเผ่าพันธุ์ของช้างป่าไทยต่อไปในอนาคต.

อช.กุยบุรี เร่งช่วยชีวิตช้างป่าตกบ่อโคลนจนปลอดภัย
เมื่อวันที่ 2 พ.ย.67 นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้รับแจ้งจากชาวไร่ว่าพบเห็นช้างป่าตกอยู่ในบ่อน้ำภายในไร่ของชาวบ้าน หมู่ 3 บ้านหนองเป่าปี่ ต.ไร่เก่า อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบฯ ไม่สามารถขึ้นจากบ่อได้ จึงพร้อมด้วย นายนพพร อัคคมณี ผช.หน.อช.กุยบุรี และนายสนธยา หอมทั่ว หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ กร.4 บ้านหุบมะซาง นำกำลังเจ้าหน้าที่รีบไปช่วยเหลือจุดที่ช้างป่าตกบ่ออยู่นอกเขตอุทยานฯ บริเวณพิกัด E0577131 N1356072 เป็นช้างป่าตัวผู้กำลังรุ่นมีงา อายุประมาณ 5-10 ปี ยืนนิ่งจมอยู่ในบ่อน้ำลักษณะโคลนสูงประมาณ 1 เมตร จนเกือบมิดตัวต้องใช้งวงชูหายใจ คาดว่าเหนื่อยจากดิ้นทุรนทุรายพยายามขึ้นจากบ่อ

ตรวจโดยรอบพบร่องรอยการลื่นไถลของช้างป่าบริเวณขอบบ่อที่มีความชันเกือบ 90 องศา จากนั้น คณะเจ้าหน้าที่ฯ ได้ประสานรถไถพร้อมเจ้าหน้าที่ช่วยกันขุดขอบบ่อเพื่อเปิดทางน้ำออกและปรับความชันของขอบบ่อให้มีความชันน้อยลง ใช้เวลานานเกือบ 3 ชม. จนในที่สุดช้างป่าตัวดังกล่าวสามารถขึ้นจากบ่อได้อย่างปลอดภัย สร้างความดีใจให้กับเจ้าหน้าที่ก่อนผลักดันช้างกลับเข้าสู่ป่าเป็นที่เรียบร้อยต่อไป.

ผู้ว่าประจวบฯ นำทีมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เตรียมพร้อมรับมืออุทกภัยในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน


เมื่อวันที่ 4 พ.ย.67 นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ พร้อมด้วย นายอภิวัฒน์ เลาหวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 4 ประจวบฯ นายธนวัฒน์ เรืองเดช หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประจวบฯ นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรเมืองหัวหิน พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่บริเวณคลองตะเกียบ (คลองพระราชดำริ) ข้างวัดเขาไกรลาศ อ.หัวหิน เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่

นายสมคิด จันทมฤก กล่าวว่า จากประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก ในพื้นที่ จ.ประจวบฯ และ จ.เพชรบุรี ในช่วงวันที่ 4-6 พ.ย.นี้ โดยเฉพาะที่ อ.หัวหิน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มเคยประสบปัญหาอุทกภัยน้ำท่วมขังเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ถ้าสถานการณ์เป็นไปตามที่พยากรณ์ไว้ปริมาณน้ำอาจจะมีมากขึ้น โอกาสที่น้ำจะท่วมขังในบริเวณพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองหัวหินนานขึ้น จึงได้ประสานกับท่านนายกเมืองหัวหิน นายอำเภอหัวหิน รวมทั้งบรูณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ ปภ.จังหวัด ปภ.เขต 4 และชลประทาน วางแผนเตรียมความพร้อมโดยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำพร้อมเจ้าหน้าที่

เพิ่มเติมนอกเหนือจากที่เทศบาลเทศบาลหัวหินได้ติดตั้งไว้แล้ว
“โดยคลองตะเกียบที่เป็นจุดรับน้ำ มีโอกาสที่น้ำจะเอ่อท่วมในบริเวณชุมชนก็เลยมาติดตั้ง 2 เครื่องมือ เครื่องมือแรกก็คือเครื่องมือผลักดันน้ำ โดยประสานทางชลประทานมาติดตั้งเครื่อง จุดนี้เป็นจุดที่จะมาเสริมเครื่องมือของ ปภ.4 เป็นเครื่องสูบน้ำที่มีกำลังแรงสูงสุด 28,000 ลิตรต่อนาที เชื่อว่าการบูรณาการร่วมกันจะช่วยไม่ให้เกิดน้ำท่วมขังหรือถ้ามีกรณีท่วมขังก็จะท่วมขังน้อยที่สุด

ใช้เวลาน้อยสุดในการระบายน้ำลงทะเล และอีกจุดที่บริเวณสวนหลวงราชินี 19 ไร่ ก็จะไปดูตรงจุดนั้นด้วย นอกจากนี้ ที่ อ.บางสะพาน และ อ.ทับสะแก ก็มีโอกาสน้ำท่วมขังในชุมชนเพราะว่าดูตามแนวทางที่อุตุฯ พยากรณ์ไว้ว่าจะมีฝนตกหนัก น่าจะเป็นในเรื่องของพวกน้ำที่ลงมาจากภูเขา อาจจะมีในเรื่องของดินสไลด์หรือว่าเกิดความเสียหายได้เช่นเดียวกัน ก็มีการเตรียมพร้อมรับมือแล้ว” นายสมคิด กล่าว.

Night Market On The Beach ตลาดนัดกลางคืนริมทะลคลองวาฬนักท่องเที่ยวคึกคัก กินอาหารบรรยากาศสุดชิล บนหาดทรายมองทะเลชมจันทร์ ไม่ตกกระแสขนมอาลัวหมูเด้งก็มา

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 ที่ริมทะเลคลองวาฬ ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ น.ส.ภัทรทิรา สุวรรณศิริ ผู้ประกอบการร้านรศนาคาเฟ่ ร่วมกับ น.ส.ลภา บัวประดิษฐ์ ผู้ประกอบการโคโค้มาร์เก็ต จ.เพชรบุรี จัดกิจกรรม Night Market On The Beach ตลาดนัดยามค่ำคืน ในพื้นที่เอกชน โคโค้มาร์เก็ตและรศนาคาเฟ่ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองประจวบคีรีขันธ์ เป็นการรวมกลุ่มร้านอาหารพื้นถิ่นของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และเพชรบุรีกว่า 60 ร้านค้า จัดในธีมบรรยากาศสีขาวและแนวอนุรักษ์ธรรมชาติ ด้วยการให้ร้านค้าตกแต่งร้านเป็นสีขาวใช้ผ้าฝ้ายดิบ ใช้วัสดุภาชนะใส่อาหารเป็นกระดาษชานอ้อย มีกองฟางไว้ให้นั่ง

โดยร้านค้าจะต้องจำหน่ายสินค้าไม่ซ้ำชนิดกัน มีอาหารคาวเช่น เนื้อโคขุนย่าง ขนมจีนน้ำเงี้ยว ทอดมัน หอยจ้อ หอยเชลล์ย่างเนย สปาเก็ตตี้ พิซซา ไส้กรอกเยอรมัน แซลมอนย่าง อาหารหวานเช่น น้ำมะนาวตาลโตนดเพชรบุรี ไอติมกะทิสดกะลา โรตี เครื่องดื่มชาไทยและกาแฟสด และเพื่อไม่ให้ตกกระแสนิยม ขนมอาลัวเมืองเพชรบุรีในรูปสีสันต่างๆ พร้อมกับอาลัวรูปร่างหมูเด้ง อย่างน่ารักน่าชัง และอื่นๆ อีกมากมาย

สำหรับลูกค้ากว่าครึ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างถิ่น ที่ตั้งใจเดินทางมาพักผ่อนในตำบลคลองวาฬเมืองทะเลที่เงียบสงบ จับจ่ายใช้สอยซื้ออาหารรับประทานในยามค่ำคืน ด้วยบรรยากาศนั่งริมหาด ฟังคลื่น มองทะเล ชมจันทร์ ซึ่งผู้จัดใช้ข้อได้เปรียบทางธรรมชาติที่มี ประกอบด้วย Sun Sand Sea Smile หรือ พระอาทิตย์ ทราย ทะเล และรอยยิ้ม เป็นที่ประทับใจของนักท่องเที่ยวทุกราย

นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / มท.1 ติดตาม ก่อสร้างโครงการหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน /พิธีวางศิลาฤกษ์อุโบสถและพิธีถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดเทพโลกอุดร

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า วันนี้ (3 พ.ย. 67) เวลา 10.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย พร้อมด้วยนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายพงษ์นรา เย็นยิ่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินโครงการหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่านและแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก บริเวณที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ นน 405 (บางส่วน) ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน จ.น่าน โดยมีนายบัณฑูร ล่ำซำ รองประธานกรรมการมูลนิธิรักษ์ป่าน่าน ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นำชม

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า โครงการหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่านและแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก มีเนื้อที่ 9 ไร่ 1 งาน 11 ตารางวา แต่เดิมเป็นที่ตั้งของอาคารศาลากลางจังหวัดน่าน (หลังเก่า) ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 48 เห็นชอบประกาศเป็นพื้นที่อนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่าน และเห็นชอบแผนแม่บทและผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่าน ส่วนหนึ่งของแผนแม่บท กำหนดให้ปรับปรุงการใช้พื้นที่อาคารส่วนราชการเดิใเพื่ออนุรักษ์คุณค่าทางประวัติศาสตร์ของเมืองน่าน พัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้

ทั้งนี้ วันที่ 14 ก.ย. 66 กระทรวงมหาดไทยได้ลงนามสัญญาอนุญาตให้มูลนิธิรักษ์ป่าน่านฯ ดำเนินโครงการหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่านฯ ซึ่งประกอบด้วย 1. หอศิลปวัฒนธรรม 2. อาคารหอประชุมอเนกประสงค์ 3. อาคารบริการ 4. สวนพฤกษศาสตร์ และ 5. ลานกิจกรรม

เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ ภายในอาคารจะมีการจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียนต้นทุนทางวัฒนธรรมต่อยอดปัญญาของบรรพชน และพื้นที่ศูนย์สร้างสรรค์ทางปัญญา NAN’S CREATIVE CENTER ได้แก่ พื้นที่เรียนรู้โดยสื่อดิจิทัล ลานเรียนรู้สำหรับเด็กเล็ก ลานกิจกรรมสัมมนา ห้องประชุมสำหรับทั้งแบบส่วนบุคคลและแบบกลุ่ม และห้องสมุดดิจิทัล

“ที่นี่จะเป็นแหล่งให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์เมืองน่านให้กับเด็ก เยาวชน ประชาชนทั่วไป ตามแนวพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการ สืบสาน รักษา และต่อยอดรากเหง้า ความเป็นชนชาติไทย ที่ได้รับการแบ่งเบาพระราชภาระโดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระองค์ทรงมีพระกรุณาธิคุณต่อประชาชนชาวจังหวัดน่าน” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

การตรวจติดตามในครั้งนี้มีนายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นางวจิราพร อมาตยกุล นายบรรจง ขุนเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พลตรี วรเทพ บุญญะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมลงพื้นที่

จากนั้นรองนายกรัฐมนตรี และคณะเยี่ยมชม สักการะองค์พระมหาธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง ณ วัดพระธาตุแช่แห้งพระอารามหลวง อ.ภูเพียง จ.น่าน องค์พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดน่าน เป็นพระธาตุประจำปีเถาะ ปีนักษัตรพระราชสมภพในหลวง รัชกาลที่ 9 ปัจจุบันมีอายุกว่า 671 ปี/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

น่าน พิธีวางศิลาฤกษ์อุโบสถและพิธีถวายผ้าพระกฐินประทานสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ณ วัดเทพโลกอุดร

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 ณ วัดเทพโลกอุดร บ้านมงคลนิมิต ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน พลเรือเอกพิเชฐ ตานะเศรษฐเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์อุโบสถ และพิธีถวายผ้าพระกฐินประทานสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก

โดยมีพระราชศานาภิบาลเจ้าคณะจังหวัดน่าน เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยพระสุนทรมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน พระครูสิรินันทวิทย์ เจ้าคณะอำเภอเมืองน่าน พระครูนิเทศนันทกิจ เจ้าคณะตำบลผาสิงห์ –บ่อ พระอาจารย์นิรัช จัตตสัลโล เจ้าอาวาสวัดเทพโลกอุดร พระอาจารย์สุรวงศ์ ปัญญาวโร คณะสงฆ์วัดเทพโลกอุดร ทุกรูป ผู้บริหารกลุ่มบริษัทพัทยา พล.ต.รุศมนตรี จิณเสน คุณแม่มาลัย จันทะเสน นายนพรัตน์ ถาวงศ์ นายก อบจ.น่าน นายศรีรุ่ง รัตนศิลา ประธานหอการค้าจังหวัดน่าน

พล.ท.สามารถ โพธิสระ อ.พูลศรี เกียรติกำจาย พ.ต.อ.หญิง ศิริพรรณ พูลสุข พ.อ.ดร.พงศ์ศิริ พงศ์อาริยะมงคล ทหารจาก มทบ.ที่ 38 กองพันทหารม้าที่ 10 กองพันทหารม้าที่ 15 กรมทหารม้าที่ 2 ตำรวจภูธรน่าน ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดน่านและ ทุกสารทิศ ร่วมพิธีและร่วมปวารณาถวายจตุปัจจัยเพื่อสมทบทุนสร้างอุโบสถหลังแรก ด้วยวัดเทพโลกอุดร ได้รับการแต่งตั้งเป็นวัดตามมติของมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจึงประกาศเรื่องการตั้งในพระพุทธศาสนา

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีอุโบสถในการทำสังฆกรรมต่างๆของคณะสงฆ์ ดังนั้นคณะสงฆ์ คณะกรรมการและศิษยานุศิษย์วัดเทพโลกอุดร จึงได้กำหนดจัดพิธีวางศิลาฤกษ์อุโบสถและพิธีถวายผ้าพระกฐินประทานโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสมทบทุนสร้างอุโบสถหลังแรกขนาด 22X39 เมตร ซึ่งเป็นอุโบสถแบบศิลปะล้านนา เพื่อเป็นสถานที่สำหลับทำสังฆกรรมของคณะสงฆ์และสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้คงสืบไป และท้ายนี้ต้องขอขอบคุณเจ้าภาพโรงทาน ทุกท่านที่นำอาหารหวานคาวและน้ำดื่มมาร่วมโรงทานในครั้งนี้ ขอบคุณเจ้าของรถราง พนักงานขับรถรางทุกท่าน

ที่คอยรับส่งผู้มาร่วมงานทำบุญในครั้งนี้ ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งอานิสงส์บุญบารมีที่ท่านได้ร่วมพิธีทำวางศิลาฤกษ์อุโบสถหลังแรกและพิธีถวายผ้าพระกฐินประทานในครั้งนี้ โปรดอำนวยอวยพรให้ท่านและครอบครัวประสพแต่ความสุข ความเจริญ ด้วยจตุพิธพรชัย คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิฎาณ ธนสารสมบัติ มีความสุข ความเจริญรุ่งเรืองและสัมฤทธิ์ผลในสิ่งอันพึงปรารถนา ทุกประการเทอญ/

บุญยงค์ สดสะอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน DJ ม้าศึก/DJ ป๋วย รายงาน

ดร.ฉวีวรรณ คำพา นำผ้าพระกฐินพระราชทาน ร.10 ทอดถวาย ณ วัดใหญ่อินทาราม อ.เมือง จ.ชลบุรี

นำผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายพระสงฆ์ จำพรรษาถ้วนไตรมาส ณ วัดใหญ่อินทาราม เป็นอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดมหานิกาย โดยมีพระราชวัชรสิทธิสุนทร เจ้าอาวาส เป็นประธานสงฆ์รับผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้ด้วย

โดยมีนางสาวฐิติลักษณ์ คำพา รอง ผวจ.ชลบุรี ร่วมเชิญผ้าไตรพระราชทานในครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้ โดยเสด็จเป็นพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้ มีผู้จิตศรัทธาและพุทธศาสนิกชนชาวพุทธ ร่วมทำบุญสมทบ เป็นจำนวนเงิน 5 ล้าน กว่าบาท

ซึ่งการนำผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ซึ่งผู้ที่จะขอพระอนุญาตไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นหน่วยงานราชการ ขอให้เป็นผู้ที่ตั้งมั่นในบวรพระพุทธศาสนาและเป็นสุจริตชน ไม่ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติพระองค์ท่านก็จะพระราชทานให้นำผ้ากฐินพระราชทาน

ไปทอดถวายพระสงฆ์ตามวัดต่างๆ ได้ ซึ่งได้มีข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้าง ของ สมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่ในพระบรมราชูปถัมป์ และ พนักงาน บริษัท ฉวีวรรณกรุ๊ป ตลอดจนประชาชนทั่วไปจำนวนมาก ได้มาร่วมกันทอดผ้ากฐินพระราชทานเพื่อเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา

การทอดกฐิน คือ การถวายผ้ากฐินแก่พระสงฆ์ผู้จำพรรษาอยู่วัดใดวัดหนึ่งหรือสถานที่ใดที่หนึ่งครบ 3 เดือน เพื่อให้พระได้มีผ้าเปลี่ยนใหม่ โดยใน 1 ปี แต่ละวัดจะมีการรับกฐินเพียง 1 ครั้ง และจะต้องทำภายในเวลา 1 เดือน นับตั้งแต่วันออกพรรษา

ผู้ทอดกฐินมีความเชื่อว่า การทอดกฐินเป็นพิธีบุญที่อานิสงส์แรง ได้บุญมาก เชื่อ่วาจะทำให้เกิดความมั่งคั่ง มั่นคงในโภคทรัพย์สมบัติและหน้าที่การงาน เป็นคนรูปงาม ผิวพรรณงาม เป็นที่ยอมรับของบุคคลทั่วไป และเป็นผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ผ่องใส

สำหรับ กฐินพระราชทาน เป็นผ้าพระกฐินพระราชทานที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน และเครื่องกฐินแก่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร ส่วนราชการ หน่วยงาน สมาคม หรือเอกชน ให้ไปทอดยังพระอารามหลวงต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักร ซึ่งในปัจจุบันกรมการศาสนารับผิดชอบจัดผ้าพระกฐินและเครื่องกฐินถวาย

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รองนายกฯ พิชัย ประชุมบอร์ดกองทุนฯ อนุมัติ งบปี 68 กว่า 1,579 ลบ. ช่วยเหลือเกษตรกร ฟื้นฟู อาชีพหนี้เร่งด่วน

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 เวลา 16.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 20 ตึก 150 ปี กระทรวงการคลัง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ครั้งที่ 3/2567 พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ศ. ดร. นฤมล ภิญโญสินวัตน์ รองประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เข้าร่วมประชุม โดยนายสไกร พิมพ์บึง เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ได้นำเสนอวาระที่สำคัญต่อที่ประชุม ดังนี้

วาระเพื่อพิจารณา ที่ประชุมเห็นชอบและอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณตามกรอบและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568 วงเงินรวม 1,579,968,000 บาท เพื่อใช้จ่ายในการบริหารสำนักงาน การฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร การจัดการหนี้ของเกษตรกร การซื้อทรัพย์ NPA คืนตามมติคณะรัฐมนตรี การใช้จ่ายเพื่อภารกิจฉุกเฉินของ กฟก. หรือตามคำพิพากษาถึงที่สุด รายจ่ายที่มีภาระผูกพันและเงินคงเหลือเพื่อดำเนินการอื่น ๆ

เห็นชอบปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานตามโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ลูกหนี้ธนาคารของรัฐ 4 แห่ง และมอบหมายให้สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร รายงานผลการดำเนินงานและขอปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานตามโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ลูกหนี้ธนาคารของรัฐ 4 แห่ง ต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและมีมติต่อไปโดยเร็ว

เห็นชอบให้คณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้ตามอำนาจหน้าที่ให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนหนี้ ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 30 กันยายน 2567 จำนวน 6,014 ราย 16,586 บัญชี มูลหนี้ 4,660,819,477.14 บาทเห็นชอบรายชื่อเกษตรกรที่เป็นหนี้ NPA (เพิ่มเติม) และอนุมัติซื้อทรัพย์ NPA คืนให้เกษตรกรจำนวน 24 ราย จำนวนทรัพย์สิน 33 แปลง ยอดเงินรวม 37,025,000 บาท

เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้โครงการส่งเสริมของรัฐ โดยให้เกษตรกรสมาชิกที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ประเภทหนี้โครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร (คปร.) และโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร (ผกก.) เข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาหนี้ตามแนวทางที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอดำเนินการ และให้สำนักงานแจ้งเกษตรกรกลุ่มดังกล่าวได้รับทราบและเตรียมเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาหนี้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไป/บุญยงค์ สดสอาด รายงาน

กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 โดยสำนักงานอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัด จัดแสดงผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ จากนักออกแบบรุ่นใหม่ พร้อมทดสอบตลาด ภายใต้ชื่องาน Meet The Designer : Eastern Lanna Fashion Show 2024 หวังสร้างและพัฒนานักออกแบบป้อนวงการแฟชั่นล้านนาตะวันออก เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุคปัจจุบัน


เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เวลา 19.00 น. ณ บริเวณลานข่วงน้อย ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน จ.น่าน นางจิราพร อมาตยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานเปิดงานจัดแสดงผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ จากนักออกแบบรุ่นใหม่ พร้อมทดสอบตลาด ภายใต้ชื่องาน Meet The Designer : Eastern Lanna Fashion Show 2024 จัดโดยกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2

ซึ่งประกอบไปด้วย จังหวัดน่าน แพร่ พะเยา และเชียงราย หรือเรียกว่ากลุ่มจังหวัดล้านนาตะวันออก มีกลุ่มผู้ผลิตและผู้ประกอบการ ซึ่งมีศักยภาพในการผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์สิ่งทอจากผ้าท้องถิ่นอันเป็นอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัด ซึ่งจำเป็นจะต้องพัฒนายกระดับการผลิตดังกล่าวในกลุ่มล้านนาตะวันออกให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิต นักออกแบบ นักการตลาด สถาบันการศึกษา ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกันไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่นล้านนาตะวันออก โดยการสร้างขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ที่มีความหลากหลาย ให้เกิดความเข้มแข็ง มีศักยภาพในการผลิตและส่งออกสู่ตลาดสากล ทั้งในรูปแบบ Online และ Offline

การที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 โดยสำนักงานอุตสาหกรรมทั้ง 4 จังหวัด ได้แก่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดน่าน แพร่ พะเยา และเชียงราย ได้ร่วมกันทำโครงการยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่นล้านนาตะวันออกสู่ตลาดสากล กิจกรรมการสร้างนักออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแฟชั่นล้านนาตะวันออก จึงเป็นการเสริมสร้างความเข็มแข็งและขีดความสามารถให้กับอุตสาหกรรมแฟชั่นล้านนาตะวันออก ทั้งทางด้านผลิตภัณฑ์เครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์สิ่งทอจากผ้าท้องถิ่น ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาภาคเหนือ พ.ศ. 2566-2570
ด้านนางสาวนิลเนตร โลหะพจน์พิลาศ อุตสาหกรรมจังหวัดน่าน กล่าวว่า กิจกรรมการสร้างนักออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแฟชั่นล้านนาตะวันออก มี

วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนานักออกแบบสำหรับผู้ประกอบการวิสาหกิจ ให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ มาตรฐานสู่ตลาดสากล ปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น ตลอดจนเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ตามความต้องการของตลาด ซึ่งมีกิจกรรมของโครงการ ได้แก่ 1) การสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่องการพัฒนาองค์ความรู้และออกแบบผลิตภัณฑ์แฟชั่นล้านนาตะวันออก และกิจกรรมเข้าค่ายพัฒนาสร้างนักออกแบบ 2) กิจกรรมออกแบบ และพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแฟชั่นล้านนาตะวันออก โดยการลงพื้นที่ให้คำปรึกษาด้านการออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญ และจัดทำผลิตภัณฑ์ต้นแบบ 3) จัดแสดงผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์ และจัดประกวดผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์ต้นแบบ พร้อมทดสอบตลาด ซึ่งได้แก่การจัดงานในครั้งนี้


สำหรับการจัดกิจกรรมแสดงผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์ พร้อมทดสอบตลาดในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมสุดท้ายของโครงการ กำหนดจัดในระหว่างวันที่ 1 – 3 พฤศจิกายน 2567 ณ บริเวณลานข่วงเมืองน่าน ทั้งนี้เพื่อนำผลิตภัณฑ์ต้นแบบแฟชั่นล้านนาตะวันออก ทั้งเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ จากนักออกแบบจังหวัดน่าน แพร่ พะเยา และเชียงราย ที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 41 ราย/ผลงาน มาจัดแสดงเพื่อทำการทดสอบตลาด ภายใต้ชื่องาน Meet The Designer : Eastern Lanna Fashion Show 2024 โดยการจัดทำแบบสอบถามผู้เข้าร่วมชมงานเป็นรายผลิตภัณฑ์ และนำข้อมูลที่ได้มาประมวลวิเคราะห์ในเชิงสถิติ และสรุปผลนำเสนอแก่เจ้าของผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นข้อมูลในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาดต่อไป

นอกจากนี้ยังกิจกรรมในงาน ได้แก่ การจัดประกวดผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์จากผู้เข้าร่วมโครงการ/ การจัดแสดงแฟชั่นโชว์ผลงานที่ได้รับการพัฒนา โดยนายแบบนางแบบมืออาชีพ / กิจกรรม Business Matching ซึ่งจะเป็นการพบปะเจรจาระหว่างนักออกแบบของโครงการ กับผู้ประกอบการที่ต้องการหานักออกแบบสินค้าแฟชั่น เพื่อร่วมมือสร้างสรรค์งานแฟชั่นล้านนาในอนาคต ซึ่งได้แก่กิจกรรม Meet the Designer /การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของนักออกแบบ และผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 20 บูธ / และการแสดง ดนตรีเพื่อความบันเทิงเป็นประจำทุกวันนางจิราพร อมาตยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้จึงเป็นกิจกรรมที่สำคัญเพราะจะเป็นการพบปะระหว่างนักออกแบบรุ่นใหม่ กับกลุ่มผู้ประกอบการ Meet The Designer นักออกแบบจะได้มีโอกาสนำเสนอผลงาน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นสอบถามถึงผลงานที่ตัวเองได้สร้างสรรค์ จากองค์ความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ ซึ่งเมื่อนำผลงานมาทำการทดสอบตลาดจาก ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคที่มาร่วมชมงาน

จะทำให้ทราบว่าาผลิตภัณฑ์ที่พัฒนามา ตรงกับความต้องการหรือไม่ และ/หรือจะมีข้อเสนอแนะในการพัฒนาอย่างไรหรือไม่ ซึ่งข้อมูลจากการทดสอบตลาดที่ได้ สามารถนำไปประกอบการพัฒนาการออกแบบและพัฒนาแฟชั่นของตนเองต่อไป นอกจากนี้การจัดแสดงผลงานและทดสอบตลาดในครั้งนี้ ยังจะเป็นการประชาสัมพันธ์แฟชั่นล้านนาให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และขยายช่องทางการตลาดให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายต่อไปอีกด้วย/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน ร.ต.อ.สถิตย์ ศรีประสม รายงาน

สื่อรัฐทีวี สื่อรัฐนิวส์ / สสจ.จัดงานมหกรรมสุขภาพ ครั้งที่ 2 “Buengkan Health Fair II : Herbs for Health & Well-being 2024” ตรวจสุขภาพให้ประชาชนฟรี

วันที่ 1 พ.ย. เวลา 10.30 น. ที่บริเวณถนนข้าวเม่าริมโขง บึงกาฬ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ จัดงานมหกรรมสุขภาพ ครั้งที่ 2 “วันภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยแห่งชาติ” ปี 2567 “Buengkan Health Fair II : Herbs for Health & Well-being 2024 พร้อมเปิดเวทีเสวนาวิชาการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้การแพทย์แผนไทยการแพทย์พื้นบ้าน โดยมี ดร.นพ.ภมร ดรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานเปิดงาน และประธานกล่าวราชสดุดี เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า รัชกาลที่ ๓ “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย”

มีนางไกรษร จุลโยธา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นายแพทย์สุรพงษ์ ลักษวุธ นายแพทย์เชี่ยวชาญ(ด้านเวชกรรมป้องกัน) รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ นายประเสริฐ บินตะคุ นักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญ (ด้านส่งเสริมพัฒนา) รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ นายแพทย์กฤษณพงษ์ ชุมพล นายแพทย์เชี่ยวชาญ ปฏิบัติหน้าที่รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ ดร. คำไฝ พลสงคราม นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงสาธารสุข เจ้าหน้าที่ และประชาชน ร่วมพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะพระบรมรูป พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย และพิธีเปิด

ดร.นพ.ภมร ดรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2558 เห็นชอบการถวายพระราชสมัญญา“พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย” แด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า และกําหนดให้วันที่ 29 ตุลาคม ของทุกปี เป็น “วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ” นอกจากนี้ พระองค์ได้ปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร มีการจารึกตำราการแพทย์แผนไทยติดประดับไว้ตามศาลกราย และจัดสร้างรูปฤษีดีดัดตน ตั้งไว้ศาลาละ 4-5 รูป รวม 36 หลัง และยัง

จารึกตำรายาต่างๆ ติดประดับไว้ในศาลา ทั้ง 16 หลัง ซึ่งองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศรับรองให้ ศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลก เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2555 นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ทำให้การแพทย์แพทย์แผนไทยมีความเจริญ รุ่งเรือง เกิดคุณปการแก่ประชาชน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายงานด้านการแพทย์แผนไทยแพทย์พื้นบ้าน จัดงานมหกรรมสุขภาพ ครั้งที่ 2 “Buengkan Health Fair II : Herbs for Health & Well-being 2024”

ระหว่างวันที่ 1 – 2 พฤศจิกายน 2567 เพื่อให้ประชาชนชาวจังหวัดบึงกาฬและคนไทยได้ร่วมรำลึกถึงพระเกียรติคุณของพระมหากษัตริย์ไทย ที่มีต่อการคุ้มครองรักษาภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย รวมถึงการสร้างความเข้าใจ ความเชื่อมั่น ยกระดับ และนำไปใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และสมุนไพรไทย

นอกจากกิจกรรมที่น่าสนใจภายในงาน ปีนี้ยังมีเวทีเสวนาวิชาการ อาทิ เสวนาวิชาการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้การแพทย์แผนไทยการแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือกการดูแลสุขภาพแบบพื้นบ้านด้วยตนเอง ภูมิปัญญาไทยสู่ผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพ การยกระดับมาตรฐานการนวดไทย การแพทย์แผนไทยกับสถานการณ์ประเทศไทยในปัจจุบัน การผลิตยาสมุนไพรให้ได้มาตรฐาน GMP การนำภูมิปัญญาสู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ พร้อมชิม ชอป ใช้ สมุนไพรและภูมิปัญญาล้ำค่ามากมาย

ปีนี้งานจัดขึ้นภายใต้รูปแบบภายใต้แนวคิดการจัดงาน “ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย นวดไทย มรดกภูมิปัญญา ทางวัฒนธรรม” มีกิจกรรมที่น่าสนใจ ตลอดทั้ง 2 วัน ได้แก่ ให้บริการตรวจสุขภาพฟรี ชมบูธนิทรรศการแพทย์แผนไทย นำเสนองานวิจัย จาก 8 อำเภอ การสาธิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร กิจกรรม Work Shop จากโรงพยาบาลบึงกาฬ และเครือข่ายวิชาชีพการแพทย์แผนไทยแพทย์พื้นบ้าน จึงขอเชิญชวนชาวบึงกาฬทุกท่าน อย่ารอช้า! มาร่วมสร้างสุขภาพดีไปด้วยกัน เพื่อหลีกหนีจากความเสี่ยงของโรคและการเจ็บป่วย พร้อมรับความรู้และบริการทางการแพทย์ครบวงจร
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ผอ.สคร.9 นครราชสีมาแนะวิธีการป้องกันอุบัติเหตุเมื่อเดินทางไปทอดกฐิน

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ณ สคร.9 นครราชสีมา โดย นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา จัด
การประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพภาคีเครือข่ายสื่อมวลชนในเขตสุขภาพที่ 9 ด้านการสื่อสารความเสี่ยงเรื่องโรคและภัยสุขภาพ ปี 2568 กล่าวในที่ประชุมว่า

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางไปทอดกฐิน และเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง สถานการณ์อุบัติเหตุในเขตสุขภาพที่ 9 ในช่วงเทศกาลออกพรรษานี้ ประชาชนมักเดินทางไปทำบุญทอดกฐินตามวัดต่างๆ ที่ตนเองมีความเลื่อมใสศรัทธา ในต่างจังหวัด ซึ่งรูปแบบการเดินทางที่นิยมคือ ใช้รถบัสโดยสาร ซึ่งเหมาะกับการเดินทางเป็นหมู่คณะ ที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุจากการเดินทางไปทอดกฐินเกิดขึ้นหลายครั้ง ทำให้เกิดการบาดเจ็บและสูญเสียชีวิต

ในส่วนของเขตสุขภาพที่ 9 ในปี 2566 ที่ผ่านมาพบว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน สูงสุดอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา มากถึง 769 ราย รองลงมาคือจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ และชัยภูมิ ตามลำดับ ส่วนใหญ่พบมากที่สุดคือในเพศชาย ช่วงกลุ่มอายุ 15-19 ปี และพบการเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ โดยมีพฤติกรรมเสี่ยงมากที่สุดคือ การไม่สวมหมวกนิรภัย

วิธีการในการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นเมื่อเดินทางไปทำบุญทอดกฐินสคร.9 มีข้อแนะนำประชาชนในการเดินทางไกลเป็นหมู่คณะ
โดยวางแผนและศึกษาเส้นทางก่อนออกเดินทาง และวิธีเช่าเหมารถโดยสารไม่ประจำทาง เพื่อการเดินทางไปทำบุญทอดกฐินที่ปลอดภัย ดังนี้
การคัดเลือกผู้ประกอบการขนส่งและพนักงานขับรถ
1.เลือกบริษัทที่เป็นนิติบุคคล ทำประกันภัยภาคบังคับและภาคสมัครใจ ผ่านการตรวจสอบสภาพรถและต่อภาษี
2.เลือกใช้รถแบบชั้นเดียว ไม่ควรใช้รถแบบ 2 ชั้น โดยเฉพาะทางภูเขาลาดชัน

3.ควรมีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งและใช้การได้
4.เบาะที่นั่งยึดติดตั้งแข็งแรง ไม่ควรเลือกรถที่มีการดัดแปลง
ที่นั่ง เพื่อให้ได้พื้นที่นั่งมากขึ้น
5.มีอุปกรณ์นิรภัยติดตั้งบนรถ เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง เป็นต้น
6.ต้องไม่บรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนที่นั่ง
7.พนักงานขับรถควรมีใบอนุญาตขับขี่ประเภท 2 สามารถขับรถส่วนบุคคลหรือรถสาธารณะได้

สคร.9 นครราชสีมา มีความห่วงใยประชาชนในช่วงทำบุญทอดกฐินนี้ และขอให้คณะเดินทาง สังเกตความปลอดภัยในรถ เช่น มองหาทางเข้าออก ประตูฉุกเฉิน และสังเกตุอากัปกิริยาของพนักงานขับรถว่ามีการดื่มสุรา พักผ่อนไม่เพียงพอ หรืออยู่ในสภาพที่พร้อมขับขี่หรือไม่ ที่สำคัญผู้โดยสารตั้งคาดเข็มขัดนิรภัยขนะเดินทางตลอดเวลา เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และอิ่มใจได้บุญ

กันตินันท์ เรืองประโคน นครราชสีมา รายงาน/ 061-768-8210

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ประจวบฯจัดกิจกรรม เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติฯ

วันนี้ (2 พ.ย. 67) เวลา 6.00 น. ที่บริเวณสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 (ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์) นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานจัดกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีนายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายแพทย์ธนกร ศรัณยภิญโญ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยว เข้าร่วมกิจกรรมการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาตฯ ในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ เป็นการรวมพลังของประชาชน ทุกหมู่เหล่า ร่วมกันแสดงความจงรักภักดีและเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ทรงส่งเสริมสนับสนุนให้คนไทยทุกเพศทุกวัย ได้ออกกำลังกาย เสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง และสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน ในการดูแลป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง

ตลอดจนให้ประชาชนหันมาออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัว ให้มากขึ้น ตลอดจนมีการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมอง และการจัดกิจกรรมประสบความสำเร็จด้วยดีจากการได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่ง จากภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชน โดยในครั้งนี้จัดขึ้นที่สนามอำเภอเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 1,500 คน โดยผู้ร่วมกิจกรรมได้ออกเดิน วิ่ง จากจุดปล่อยตัวสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 (ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์) ไปตามเส้นทาง ถนนสละชีพ , ถนนสู้ศึก , ถนนเลียบชายทะเลอ่าวประจวบฯ กลับมาเข้าเส้นชัยที่สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 (ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์) รวมเป็นระยะทางทั้งสิ้น 5.2 กิโลเมตร

ปัจจุบันโรคหลอดเลือดสมอง เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ และถือเป็นภัยร้ายใกล้ตัวเรา อีกทั้งนับวันจะมีผู้ป่วยด้วยโรคนี้เพิ่มขึ้นทุกปี นอกจากจะส่งผลต่อชีวิตของผู้ป่วยแล้ว ยังมีผู้ที่รอดชีวิตอีกเป็นจำนวนมาก ที่ต้องกลายเป็นผู้พิการ ต้องพึ่งพิงผู้อื่น รวมถึงมีภาระค่ารักษาพยาบาล ยังส่งผลกระทบต่อคนในครอบครัว ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วย และผู้ดูแลได้รับผลกระทบตามไปด้วย จากข้อมูลรายงานการศึกษาโรคและการบาดเจ็บของประชากรไทย ปี พ.ศ.2567 โดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข พบว่า มีผู้ป่วยเสียชีวิตจาก

โรคหลอดเลือดสมองประมาณ 5.5 ล้านคนต่อปี ในประเทศไทย พบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 1,880 คน ต่อแสนประชากร หรือร้อยละ 2 ซึ่งถือเป็นสาเหตุ การเสียชีวิตอันดับหนึ่งในเพศหญิง และอันดับสามในเพศชาย รองจากอุบัติเหตุและโรคมะเร็ง นอกจากนั้นโรคนี้ยังมีอัตราความพิการสูง อีกทั้งพบว่าในผู้ป่วย 100 คน ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จะเสียชีวิตร้อยละ 5 และพิการร้อยละ 70 นอกจากความพิการทางกาย อาการของโรคยังมีผลทำให้ความจำเสื่อมภายหลังอีกด้วย
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง