สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ศึกรวมใจชาวหนองปรือ และ ศึกวัน อบต.พีท + จิตรเมืองนนท์

วันที่ 22 ตุลาคม 2567 ศึกรวมใจชาวหนองปรือ ประธานจัดการแข่งขัน นายสุเมธ วิทยะประสาท(ผู้ใหญ่โขง) และผู้สนับสนุน นายกมล ธันยาวาท และนายพิสิษฐ์ ธนบุญเกียรติ และขาดไม่ได้ถ้าไม่มี 2โปรโมเตอร์ อบต.พีท คิวโชควิทยา จัดมวยมันๆ15คู่ให้ชมฟรี ศึกรวมใจชาวหนองปรือ และทีมงานผู้ใหญ่บ้านได้นำกับข้าวขนมจีนมาให้รับประทานเฟรีอีกด้วย ณ ตลาดหนองปรือ ต.หนองไผ่แก้ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี

วันที่ 25 ตุลาคม 2567
ศึกวัน อบต.พีท + จิตรเมืองนนท์
นายจิรวัฒน์ ลออรุ่งเรืองกิจ (กำนันตำบลหนองไผ่แก้ว)
ประธานจัดการแข่งขัน และผู้สนับสนุน นายทนงศักดิ์ ผลเจริญสมบูรณ์ นายก อบต.หนองไผ่แก้วและ สมจิตร แว่นแก้ว เจ้าของค่ายมวยจิตเมืองนนท์ และซ้อเอ๋ จิตเมืองนนท์ ได้นำมวยดีๆมาชกในรายการนี้ให้แฟนมวยรับชม และศึกครั้งนี้ขาดไม่ได้ถ้าไม่มี 2 โปรโมเตอร์นี้ คิว โชควิทยา และอบต พีท จัดรายการมวยดีๆให้(ชมฟรี 15 คู่)ให้แฟนมวยได้รับชมกันอย่างจุใจและแฟนมวยมาชมศึกนี้กันอย่างมากมายในการจัดงานในครั้งนี้ ณ.เวทีมวยชั่วคราวป่ายุบนอก ต.หนองไผ่แก้ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี
เอ คนข่าวรายงาน

สื่อรัฐทีวี สื่อรัฐนิวส์ / ประชุมใหญ่สามัญคณะกรรมการสาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือพรรคเสรีรวมไทย

เมื่อวันที่ 27​ ตุลาคม 2567​ เวลา 08.30 น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย มอบหมายให้​ ร.ต.ต.สุเทียน ทองโสม หัวหน้าสาขาพรรคเสรีรวมไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดมุกดาหารเขต 1 และคณะกรรมการบริหารสาขาพรรค จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ณ ห้องประชุมสวนปาล์มรีสอร์ท บ้านสามขา ตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร

จัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญคณะกรรมการสาขาพรรคและสัมมนาให้ความรู้สมาชิกพรรคและประชาชนเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่สมาชิกพรรคการเมือง ครั้งที่ 1/2567 ในวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม​ 2567​ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 นาฬิกา มีผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนา จำนวน 300 คน โดยมี​ พ.ต.ท.​ ดร.คเชนท์ พันนุมา​ วิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร​ เป็นวิทยากรอบรมสัมมนา และนางสาวมยุรี วงศ์ศรีธนกุล เจ้าหน้าที่กกต.จ.มุกดาหาร เข้าร่วมสังเกตการณ์ในการประชุมอบรมสัมมนาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้

1.เพื่อให้กรรมการสาขาพรรค สมาชิกและประชาชน ทราบถึงสถานภาพสมาชิกพรรคและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดและเพื่อพัฒนาพรรคการเมืองให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วไป

2.เพื่อให้สมาชิกและประชาชนมีความรู้เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของสมาชิกพรรคการเมือง มีความรู้ความความเข้าใจเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข3.เพื่อปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน4.เพื่อเปิดเวทีให้สมาชิกแบ่งกลุ่มแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ปัญหาทางการเมืองที่ส่งผลกระทบกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยการจัดประชุมใหญ่สามัญคณะกรรมการสาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสัมมนาให้ความรู้สมาชิกสาขาพรรคและประชาชน ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567 ครั้งนี้ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

ภาพ/ข่าว เดวิท โชคชัย มุกดาหาร รายงาน 092-5259-777

“สุเทียน”!! จ่อร้อง ป.ป.ช. สอบ จนท. ปล่อยให้ทรัพย์สินศาลากลาง จ. ถูกทำลายเสียหาย

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567​ ร้อยตำรวจตรี สุเทียน ทองโสม ประธานชมรมรักษ์มุกดาหาร เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากชมรมรักษ์มุกดาหาร ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่เข้าไปในบริเวณที่มีการจัดงานขายสินค้าหน้าศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร และพบเห็นว่าผู้รับเหมาจัดงานได้มีการตอกหมุดและใช้น็อตขนาดใหญ่เจาะลงบนพื้นถนนคอนกรีตและทางเดินเท้าของศาลากลางจังหวัดมุกดาหารเพื่อขึงเชือกดึงอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งยังทำแผ่นป้ายโฆษณาที่ไม่เป็นความจริงจนทำให้ประชาชนหลงเชื่อเข้าใจผิด ข้าฯ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบยังบริเวณพื้นที่จัดงานหน้าศาลากลางจังหวัดมุกดาหารและพบว่าข้อร้องเรียนของประชาชนดังกล่าวเป็นความจริง โดยมีรายละเอียด คือ

ได้มีการตอกหมุดและน็อตลงบนทางเดินเท้าและพื้นถนนคอนกรีตเพื่อใช้ผูกขึงเชือกยึดกับโครงเหล็กนั่งร้านติดตั้งไฟประดับงานจำนวนหลายแห่งรอบบริเวณที่จัดงานในศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร จนทำให้ทรัพย์สินของราชการได้รับความเสียหายและเสื่อมค่ามีการติดป้ายโฆษณาที่หน้าประตูทางเข้าศาลากลางจังหวังโดยในแผ่นป้ายมีภาพตราสัญลักษณ์จังหวัดมุกดาหารและข้อความว่า จังหวัดมุกดาหารเชิญเที่ยวงานประเพณีออกพรรษาประจำปี 2567 , 21-30 ตุลาคม 2567 ณ หน้าศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร พบและชมนิทรรศการการออกร้านของหน่วยงานราชการอำเภอต่างๆ การแสดงพื้นเมือง เลือกซื้อสินค้า “หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์”

ประกวดผลิตผลทางการเกษตร สวนสนุกชุดใหญ่ เลือกซื้อสินค้าราคาถูกจากโรงงานโดยตรง แต่เมื่อเข้าไปเดินสำรวจดูทั่วบริเวณพื้นที่จัดงานในศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร กลับไม่พบเห็นว่ามีนิทรรศการการออกร้านของหน่วยงานราชการอำเภอต่างๆ การประกวดผลิตผลทางการเกษตร และอื่นๆ ตามที่โฆษณาไว้แต่อย่างใด โดยลักษณะเป็นแค่เพียงคาราวานจำหน่ายสินค้าทั่วไป

  1. ร้อยตำรวจตรี สุเทียน กล่าวว่า พฤติการณ์ดังกล่าวจึงน่าเชื่อได้ว่าอาจมีการกระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือเป็นการดำเนินการอย่างใดในหน่วยงานราชการอันอาจนำไปสู่การทุจริตหรือส่อว่าอาจมีการทุจริต และทำให้เกิดความเสียหายและเสื่อมค่าต่อทรัพย์สินของทางราชการ

“ดังนั้น ตนจะนำเรื่องดังกล่าวไปยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบว่า ได้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดอนุญาตหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการอนุญาตให้ใช้พื้นที่และทรัพย์สินของราชการ ซึ่งจะต้องใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการเท่านั้น ไปใช้เพื่อประโยชน์ของตนเองหรือพวกพ้อง หรือมีการใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องหรือผู้อื่น หรือไม่ โดยขอให้ ป.ป.ช. ไต่สวนและดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป” ร้อยตำรวจตรี สุเทียนกล่าว

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกำลังพลป้องกันชายแดนไทย-ลาว

​แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกำลังป้องกันชายแดน เน้นย้ำคุมเข้ม “ยกระดับการป้องกันซีลพื้นที่ชายแดน” ป้องกันสิ่งผิดกฎหมาย ตามแนวชายแดนไทย-ลาว จังหวัดเลย

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2567 ที่อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกำลังป้องกันชายแดน เน้นย้ำคุมเข้ม “ยกระดับการป้องกันซีลพื้นที่ชายแดน”ป้องกันสิ่งผิดกฎหมาย ตามแนวชายแดนไทย-ลาว จังหวัดเลยในพื้นรับผิดชอบของ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดยมี พันเอก ปราโมทย์ เนียมสำเภา เสนาธิการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เป็นผู้แทน พลตรี สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พร้อมด้วย รองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 3 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี, ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 และหัวหน้าส่วนราชการหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับ ณ ฐานปฏิบัติการกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2102 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย

จากนั้น แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้รับฟังบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานในห้วงที่ผ่านมา เพื่อรับทราบข้อมูลการปฏิบัติงาน ปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ของหน่วย พร้อมทั้งกล่าวพบปะให้กำลังใจ มอบนโยบายของ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก เจตนารมณ์นโยบายที่สำคัญ ประจำปี 2568 ต้องยึดถือใน 5 ด้าน ประกอบด้วย 1. การพิทักษ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ 2. การนำกองทัพสู่ความทันสมัย 3. การฝึกให้พร้อมต่อทุกภัยคุกคาม 4. พร้อมทุกยามเมื่อเกิดพิบัติภัย และ 5. การเสริมสร้างขวัญกำลังใจแก่กำลังพล

โดยให้ยึดถือการทำงานตามนโยบายรัฐบาล และกระทรวงกลาโหม เรื่องการเตรียมกำลังและการใช้กำลัง ให้กองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบกเข้มงวดสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบตามแนวชายแดน อย่างเต็มที่ ในฐานะที่กองทัพบกเป็นกลไกหลักของรัฐบาล ในภารกิจปกป้องอธิปไตยและป้องกันชายแดน ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญเร่งด่วน ที่ทุกส่วนรวมถึงประชาชนให้ความสำคัญ พร้อมทั้งได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับกำลังป้องกันชายแดนที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน

เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ และกล่าวขอบคุณกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจสำคัญในการดูแลแนวชายแดนไทย- ลาว ซึ่งมีความทุ่มเท เสียสละ ปกป้องประเทศชาติจากภัยคุกคาม โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งแสดงถึงการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ภารกิจดูแลแนวชายแดนเป็นความภาคภูมิใจในเกียรติประวัติ ครั้งหนึ่งได้ทำเพื่อประเทศชาติ ของกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี รวมทั้งการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อน ตามแนวชายแดนไทย-ลาว

ในพื้นรับผิดชอบในทุกสถานการณ์ จากนั้น แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 และคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ และ“ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน” ในการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด บริเวณด่านภูซาง ตำบลหนองผือ อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย เน้นย้ำคุมเข้ม “ยกระดับการป้องกันซีลพื้นที่ชายแดน ตามช่องทางธรรมชาติ เพื่อป้องกันการลักลอบขนสิ่งของผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดน เคร่งครัด

พร้อมทั้ง มอบนโยบายปัญหายาเสพติด ไม่มีคำว่า “รอนับหนึ่งแล้วค่อยเริ่ม” การป้องกัน ป้องปราม ปัญหายาเสพติด ถือเป็นนโยบายสำคัญนโยบายหนึ่งของกองทัพภาคที่ 2 จึงขอความร่วมมือ“ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน” และกำลังพลป้องกันชายแดน ถือเป็นพันธกิจสำคัญ ร่วมมือ ร่วมใจ ป้องกันยาเสพติด เพื่อให้พื้นที่รับผิดชอบปลอดจากการลักลอบนำเข้ายาเสพติด ไม่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด ประชาชนเกิดความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน และมอบสิ่งของบำรุงขวัญ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

ศูนย์ข่าว​มุกดาหาร​

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

ฉก.ทหารพราน​มุกดาหาร ยึดบุหรี่หนีภาษี 2.53 พันซอ

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม​ 2567​ พันเอก อินทราวุธ ทองคำ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่ามีการลักลอบขนสินค้าที่ไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากรนำมาเก็บซุกซ่อนไว้ที่บริเวณชุมชนบางทรายใหญ่ ม.1 ต.บางทรายใหญ่ อ.เมือง จ.มุกดาหาร จึงสั่งการให้ ร้อยโท วัชรสรณ์ เชื้อไพบูลย์ ผบ.ร้อย.ทพ.2105​ ฉก.ทพ.21

ได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่มุกดาหาร และชุดสุนัขทหาร ร่วมทำการลาดตระเวนในพื้นที่ตามที่ได้รับแจ้ง โดยได้เข้าตรวจค้นบ้าน 2 หลัง คือ บ้านเลขที่ 217 ม.1 ต.บางทรายใหญ่ มี นางมัธฌญา พาลึก เป็นเจ้าบ้าน และ บ้านบ้านเลขที่ 122 ม.1 ต.บางทรายใหญ่ มีนางจิรภัทร ขันอาสา เป็นเจ้าบ้าน ผลการตรวจค้นภายในตัวบ้านทั้ง สองหลัง

ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ชุดปฎิบัติการร่วมจึงได้ทำการตรวจค้นพื้นที่โดยรอบบริเวณ พบโรงเก็บของลักษณะคล้ายเป็นโกดังขนาดเล็ก ตั้งอยู่ระหว่างบ้านทั้งสองหลังดังกล่าว จึงทำการตรวจค้นพบบุหรี่ต่างประเทศบรรจุอยู่ในลังกระดาษจำนวน 253 แท่ง หรือ 2,530 ซอง ไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร

สื่อรัฐนิวส์ – สื่อรัฐทีวี / พบศพหญิงเร่ร่อน ถูกฆ่าตายในห้องน้ำร้าง ข้างหลังศูนย์เด็กเล็กเทศบาลทับสะแก ประจวบฯ

เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 29 ต.ค.67 ร.ต.ท.วิษณุ สังมัน รอง สารวัตรสอบสวน สภ.ทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตที่บริเวณห้องน้ำร้างข้างตลาดนัด หน้าสถานีรถไฟติดกับศูนย์เด็กเล็กเทศบาลตำบลทับสะแกจึงรายงานให้ พ.ต.อ.พีรวัส ชูแก้ว ผกก.สภ.ทับสะแก พ.ต.ท.พยุงศักดิ์ จงดี รอง ผกก.สส.สภ.ทับสะแก พ.ต.ท.สุทิน ทัดรัตน์ สว.สส.สภ.ทับสะแก พร้อมชุดสืบสวน ฝ่ายป้องกันและปราบปราบ สพฐ.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ อาสามูลนิธิฯสว่างรุ่งเรืองทับสะแก แพทย์เวร รพ.ทับสะแก รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

บริเวณที่เกิดเหตุติดลานที่จอดรถตลาดนัดหน้าสถานีรถไฟ ด้านหลังศูนย์เด็กเล็กเทศบาลทับสะแกพบศพหญิงสาวทราบชื่อภายหลัง น.ส.สร้อยประดับ ทองสุข อายุประมาณ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 หมู่ 6 ต.ช่องไม้แก้ว อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร สภาพนอนหงานอยู่บนหมอน ซึ่งไว้รองศีรษะ ข้างห้องน้ำเก่าที่ยังไม่ได้รื้อโคนต้นมะขามขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ตรวจสภาพร่างกายเบื้องต้นมีบาดแผลบริเวณใบหน้าและลำตัว แพทย์คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ตำ กว่า 3 ชม.

จากการสอบถาม นายสมหวัง ใสสะอาด อายุ 62 เป็นชาวตำบลทับสะแก ที่ยังให้การวกวน จากการดื่มสุราตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เล่าว่าตนเองอยู่กินกับผู้ตายมาประมาณ 20 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คนเป็นผู้ชาย และอ้างว่าเมื่อคืนที่ผ่านมามีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน เข้ามาทำร้ายภรรยาตนเอง พอตนเองจะเข้าไปช่วยคนร้ายก็วิ่งหายไป แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเนื่องจากยังอยู่ในสภาพเมา ให้การวกวนอยู่ และทราบว่าทั้งคู่ชอบดื่มเหล้าเมาแล้วทะเลาะกันเป็นประจำ ต่างคนต่างไม่ค่อยยอมกันเวลาพูด

โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บรายละเอียด และรายนิ้วมือแฝง ตรวจ DNA ส่งตรวจพิสูจน์ จากนั้นได้ให้มูลนิธิสว่างรุ่งเรือง นำร่างผู้ตายส่งตรวจพิสูจน์ ที่สถาบันนิติเวชฯ ต่อไป
////////////////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ทับสะแก จัดโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติฯ

ประจวบคีรีขันธ์ _ อำเภอทับสะแก จัดโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติฯ สนาม 2 โซนใต้ รณรงค์สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับอันตรายของโรคหลอดเลือดสมอง

วันที่ 26 ต.ค. 67 ที่ลานกิจกรรมอ่างเก็บน้ำคลองช่องลม นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฏาคม 2567 ที่อ่างเก็บน้ำคลองช่องลม สนามที่ 2 โซนใต้

โดยมี นายประมวล พงศ์ถาวราเดช สส.เขต 3 ประจวบคีรีขันธ์ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายปรีดา สุขใจ ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายแพทย์ธนกร ศรัณยภิญโญ นพ.สาธารณสุขจังหวัดประจวบฯ นายสุทิน ประเสริฐศักดิ์ นายอำเภอบางสะพาน นายราม สิงหโศภิษฐ์ นายอำเภอทับสะแก น.ส.ณุกานดา จันทรภรณ์ สาธารณสุขอำเภอทับสะแก นายสะอาด อนุกูลประชา นายกอบต.เขาล้าน นายผดุงศักดิ์ อิ่มทั่ว กำนันตำบลเขาล้าน พร้อม หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานต่างๆ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ชาวทับสะแก ร่วมออกกำลังกายเดิน วิ่ง

สำหรับกิจกรรมดังกล่าว ได้มีการจัดกิจกรรมสนามแรก โซนเหนือไปแล้วบนเส้นทางเลียบชายหาดสามร้อยยอด อ.สามร้อยยอด เพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และรณรงค์สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับอันตรายของโรคหลอดเลือดสมอง

โดยกิจกรรมในวันนี้มีการเดิน วิ่ง ระยะทาง 5 กม. เส้นทางบริเวณอ่างเก็บน้ำคลองช่องลม เพื่อสร้างเสริมสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ห่างไกลโรค โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดสมองที่พบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ขณะที่ในวันที่ 2 พ.ย.67 จ.ประจวบฯ จะมีการจัดกิจกรรมโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต เฉลิมพระเกียรติฯ สนามจังหวัด พร้อมกับทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยใช้เส้นทางเลียบอ่าวประจวบฯ และในเขตเทศบาลเมืองประจวบฯ ซึ่งประชาชนสามารถร่วมกิจกรรมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยขอให้สวมใส่เสื้อสีเหลืองมาร่วมกิจกรรม

/////////////////////////ขอบคุณ Cr.ภาพ พันธศักดิ์ ตั้งสุขสันต์
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / นรข.มุกดาหาร ยึดยาบ้าข้ามโขง 3.6 ล้าน เม็ดพร้อมรถยนต์

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม​ 2567​ นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง(นรข.) และ พล.ต.ต.ชัชชัย วงค์สุนะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร ร่วมแถลงข่าว จับกุมยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) จำนวน 3,600,000 เม็ด ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม น.ท.เตชธร ฉิมพาลี หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ลักลอบลำเลียงยาเสพติดข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาในพื้นที่ อ.เมือง จ.มุกดาหาร จึงได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการสถานีเรือมุกดาหาร พร้อมทั้งประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อบูรณาการปฏิบัติร่วมกัน

วางแผนในการสกัดกั้นและจับกุมโดยการเฝ้าสังเกตการณ์ และจัดวางกำลังตามเส้นทางคมนาคมที่คาดว่าผู้กระทำผิดจะใช้เป็นเส้นทางในการหลบหนี จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.30 น. ชุดเฝ้าตรวจบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงได้ยินเสียงเรือแล่นเข้ามาบริเวณฝั่งระยะห่างจากจุดซุ่ม ประมาณ 300 เมตร พร้อมกับได้ยินเสียงรถยนต์วิ่งมาบริเวณดังกล่าว ชุดซุ่มเฝ้าตรวจจึงได้นำกำลังเข้าไปบริเวณดังกล่าว และสังเกตเห็นว่ามีการลำเลียงกระสอบขึ้นรถยนต์ยี่ห้อ ISUZU รุ่น MU X สีขาวทะเบียน ขก 7917 อุดรธานี

จากนั้นรถยนต์คันดังกล่าวได้เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่เรือลำเลียงก็ได้วิ่งกลับฝั่ง สปป.ลาว จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ไล่ติดตามรถยนต์เพื่อจะขอตรวจค้น แต่รถยนต์คันดังกล่าวเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้เร่งเครื่องขับหลบหนี กระทั่งต่อมาได้ติดตามพบรถต้องสงสัยคันดังกล่าวจอดทิ้งไว้บริเวณริมถนนติดกับสวนยางพารา ริมทางสาธารณะบ้านหนองโจด ม.13 ต.บ้านโคก อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร

จึงได้เข้าเข้าตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าว พบกระสอบสีขาว จำนวน 9 กระสอบ อยู่ที่ด้านหลังตัวรถ เมื่อเปิดกระสอบบอกดูพบยาบ้าจำนวน 3,600,000 เม็ด จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ผึ่งแดด เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผลและติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

​สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กฐินน้ำบูชาพญานาค สืบสานประเพณีลุ่มน้ำโขง/เทนนิสเชื่อมความสัมพันธ์ 2 ฝั่งโขง ไทย-ลาว มุกดาหาร​-สะหวันนะเขต ครั้งที่ 37

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 เวลา 12.00 น. นายไกร เอี่ยมจุฬา รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร รับมอบหมายจาก ผวจ.มุกดาหาร ให้เป็นประธานในพิธีทำบุญกฐินน้ำบูชาพญานาค ครั้งที่ 17 โดยความร่วมมือของ ภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดมุกดาหาร

ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดมุกดาหาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร เทศบาลเมืองมุกดาหาร ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมุกดาหาร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม โดยมีบริษัทห้างร้านเอกชน ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาในองค์พญานาค

และนักท่องเที่ยวเข้าร่วมพิธี บริเวณใต้สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร – สะหวันนะเขต
หลังจากพิธีบวงสรวงเสร็จสิ้น ได้มีการนำเครื่องบวงสรวงถวายใส่กระทงขนาดใหญ่เพื่อลอยลงแม่น้ำโขงเพื่อเป็นการบูชาองค์ปู่พญาอนันตนาคราช เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นอันเสร็จพิธี

สำหรับประเพณีกฐินน้ำบูชาพญานาค จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเทศกาลออกพรรษา เป็นการแสดงความกตัญญูต่อแม่น้ำคงคา และบูชาองค์พญานาค นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

เผยแพร่ประเพณีอันดีงามนำพาผู้คนมาสัมผัสความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมริมฝั่งโขง ขณะเดียวกันมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยว บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 และไหว้พญานาค บริเวณที่จัดงานและทำให้เห็นถึงพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวจังหวัดมุกดาหารด้วย

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

มุกดาหาร​ -​ เทนนิสเชื่อมความสัมพันธ์ 2 ฝั่งโขง ไทย-ลาว มุกดาหาร​-สะหวันนะเขต ครั้งที่ 37

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2567นายรังสิฐ ลือพาณิชย์กุลประธานชมรมกีฬาเทนนิสจังหวัดมุกดาหาร นำนักกีฬา เทนนิสจังหวัดมุกดาหาร รุ่นทั่วไป​ และรุ่นอาวุโส จำนวน 40 คน​ ข้ามไปเล่นกีฬาเทนนิสมิตรภาพเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-ลาว​ ที่เมืองไกสอนพรมวิหาร แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว โดยได้รับการอนุเคราะห์และอำนวยความสะดวกในการเดินทางจากทางท่านวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร และหน่วยงานต่างๆ อาทิ ตรวจคนเข้าเมืองมุกดาหาร ศุลกากรมุกดาหาร แขวงการทางมุกดาหาร ในการนี้

ท่านกิลือไช จันโท ประธานสหพันธ์กีฬาเทนนิส แขวงสะหวันนะเขต นำคณะกรรมการและนักกีฬาให้การต้อนรับ พร้อมกล่าวชื่นชมยินดีในมิตรภาพของนักกีฬาทั้งสองประเทศที่มีมาช้านาน ซึ่งการจัดการแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 37 แล้ว จัดแข่งขันกีฬากันปีละ 2 ครั้ง สลับกันเป็นเจ้าภาพ หลังจากการแข่งขันเสร็จแล้ว นักกีฬาทั้งสองประเทศร่วมรับประทานอาหาร​ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ในกีฬาเทนนิส
ก่อนจะเดินทางกลับ

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร

ภาพ/ข่าว​ กำพล​ ศรีมณีพันธ์
เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ส่งมอบเรือกู้ภัย Wi-Fi จำนวน 8 ลำ ให้มูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้


วันที่ 18 ต.ค.67 รองศาสตราจารย์ ดร.วสันต์ พลาศัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย และนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เปิดเผยว่า นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย นายศุภชัย ใจสมุทร ผู้ช่วย รมว.กระทรวง อว. และคณะผู้บริหาร แถลงข่าวส่งมอบเรือกู้ภัย Wi-Fi เพื่อแก้ปัญหาภัยพิบัติให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก ให้มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โดยมี นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ กรรมการบริหารมูลนิธิฯ เป็นผู้แทนรับมอบ ณ บริเวณด้านหน้าห้องแถลงข่าว สำนักงานปลัดกระทรวง อว.

เมื่อวันที่ 17 ต.ค.67 ที่ผ่านมา “ ซึ่งเรือกู้ภัย Wi-Fi เป็นผลงานที่เกิดจากการบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อของหน่วยงานในสังกัด อว. คือ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นพื้นที่ (บพท.) มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ (มนร.) โดยการสนับสนุนของกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ววน.) ซึ่งเป็นความสำเร็จของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีจากภูมิปัญญานักวิชาการไทย

ในการจัดการภัยพิบัติ เป็นเรือที่ต้นทุนไม่สูง การใช้งานไม่ซับซ้อน ดูแลรักษาง่าย และมีคุณลักษณะพิเศษของเรือท้องแบนที่สามารถใช้งานได้ในพื้นที่น้ำตื้น 20-30 เซ็นติเมตร สามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกได้ 40 กิโลกรัม การติดตั้งอุปกรณ์เชื่อมโยงสัญญาณ Wi-Fi ในรัศมีไม่เกิน 30 เมตร มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ต่อเนื่องกัน 4 -6 ชั่วโมง มีอุปกรณ์เก็บประจุไฟฟ้าจากระบบโซลาร์เซลล์ ที่สามารถจ่ายไฟสำหรับชาร์จโทรศัพท์มือถือได้ 12 เครื่อง พร้อมกับชุดสวิตซ์เซฟตี้

เพื่อความปลอดภัย ตอบโจทย์การใช้ไฟฟ้าช่วงน้ำท่วม ซึ่งมีภาวะติดขัดเรื่องการจำหน่ายไฟฟ้า ให้สามารถสื่อสารกับผ่านนอกได้ เรือกู้ภัย Wi-Fi ที่จะส่งมอบแก่มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก มีจำนวน 8 ลำ สำหรับจัดสรรกระจายยังเครือข่ายเตือนภัยพิบัติชุมชนเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) 8 ชุมชน ใน 7 จังหวัด เพื่อนำไปใช้บรรเทาความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือที่ สุโขทัยและพิษณุโลก จำนวน 2 ลำ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ชัยภูมิและสกลนคร จำนวน 2 ลำ และทางภาคใต้ ที่พัทลุง นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี จำนวน 4 ลำ “ รองศาสตราจารย์ ดร.วสันต์ “ กล่าว

นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.วสันต์ ยักล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ที่มาของเรือกู้ภัย Wi-Fi เป็นส่วนหนึ่งของโครงการแก้จนเร่งด่วนจากผลกระทบภัยพิบัติในพื้นที่ภาคใต้ โดยบูรณาการร่วมกันของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เพื่อดำเนินการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เรื่องภัยพิบัติแก้ไขปัญหาอุทกภัย และฟื้นฟูชีวิตครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ

จากภัยพิบัติในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง และเมื่อเร็ว ๆ นี้ยังถูกนำไปใช้ช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยอีกด้วย ทั้งนี้ การบูรณาการระบบเทคโนโลยีเข้ากับเรือกู้ภัย Wi-Fi เป็นการยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาและปรับใช้นวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาในระดับประเทศอีกด้วย
///////////////////////////ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สส.อุตรดิตถ์เป็นประธานเปิดงานสืบสานประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะสัญจร


.วันที่ 18 ตค.67 นายรวี เล็กอุทัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.อุตรดิตถ์ เป็นประธานเปิดงานสืบสานประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะสัญจร ประจำปี 2567 หรือ “งานแห่เปรต” ที่วัดดอยสวรรค์ (วัดเขาไก่เขี่ย) อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ โดยเริ่มขบวนแห่ ณ ตลาดกลางผลไม้สินค้าโอทอปเทศบาลหัวดง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ มีพระครูประจักษ์กิตติคุณ เจ้าอาวาสวัดดอยสวรรค์ (เขาไก่เขี่ย) ต.วังแดง อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์

เป็นประธานฝ่ายสงฆ์นำพระภิกษุสงฆ์ สามเณร ออกรับบิณฑบาตไปตามถนนสายวังกะพี้ – ตรอน ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร และมีขบวนแห่พระพุทธรูปจำลอง เทวดา นางฟ้า เปรต กระหัง อสูรกาย และขบวนมหรสพ เช่น ลิเก มวยการกุศล ซึ่งตลอด 2 ข้างทางมีประชาชนมารอใส่บาตรข้าวสาร อาหารแห้ง และปัจจัยเป็นจำนวนมาก เมื่อขบวนแห่เปรต ไปมาถึงยังวัดดอยสวรรค์ เป็นที่เรียบร้อยได้มีการนำจตุปัจจัยถวายแด่พระสงฆ์ เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว

พระครูประจักษ์กิตติคุณ เจ้าอาวาสวัดดอยสวรรค์ กล่าวว่า การจัดงานสืบสานประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะสัญจร เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีการทำบุญเนื่องในวันเทโวโรหณะให้คงอยู่ต่อไป และเพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสสร้างบุญกุศลในการนำข้าวสาร อาหารแห้ง มาทำบุญตักบาตรแด่พระภิกษุสงฆ์เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว อีกทั้งเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในการจัดงานประเพณีทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ ประจำปี 2567พระครูประจักษ์กิตติคุณ กล่าวอีกว่า วัดดอยสวรรค์ (วัดเขาไก่เขี่ย)

จัดงานประเพณีสารทเดือนสิบ หรืองานแห่เปรต เป็นประจำทุกปีต่อเนื่องมากว่า 20 ปี เพื่อรักษาประเพณีสืบทอดพระพุทธศาสนา มีการจำลองนรก สวรรค์ และเมืองมนุษย์เพื่อสอนให้คนเกรงกลัวต่อบาป หันมาทำความดีตามหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาและให้ชาวพุทธได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ ซึ่งจากการจัดงานมาอย่างต่อเนื่องได้รับความสนใจจากประชาชนเข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็จะได้อนุรักษ์สืบสานประเพณีนึ้ไว้ต่อไป


.
นาคา คะเลิศรัมย์ /รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / จัดแถลงข่าว การขับเคลื่อนการพัฒนา จ.น่าน งานตามนโยบายและแผนพัฒนา ด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว เยี่ยวยาผู้ประสบอุทกภัย


วันที่ 17 ตุลาคม 2567 ที่ ห้องประชุมเจ้าฟ้าอัตรวรปัญโญ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดน่าน จังหวัดน่าน นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน มอบหมายให้ นายพิพัฒน์ สัสดีแพง ประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน เป็นประธานในการแถลงข่าวประจำเดือนตุลาคม 2567 ต่อสื่อมวลชนทุกแขนงเพื่อสื่อสารและประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานตามนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดน่านในแต่ละเดือน พร้อมนำเสนอผลการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว และการให้ความช่วยเหลือเยี่ยวยาผู้ประสบอุทกภัยด้านนางภัทรภร ชัยวัฒนกุล วัฒนธรรมจังหวัดน่าน ได้นำเสนอการจัดการประกวดเรือสวยงาม การประกวดเรือแข่งจำลอง ในงานประเพณีแข่งเรือจังหวัดน่าน 26 – 27 ตุลาคม 2567 หลักเกณฑ์การตัดสินเรือสวยงาม ประจำปี 2567คุณสมบัติเรือที่จะส่งเข้าร่วมประกวดเรือประเภทสวยงาม

ต้องเป็นเรือแข่งเมืองน่าน ที่มีองค์ประกอบตามประกาศของสภาวัฒนธรรมจังหวัดน่าน การตัดสินเรือแข่งจำลองเมืองน่าน ประจำปี 2567 คุณสมบัติเรือแข่งจำลองเมืองน่านที่จะส่งเข้าร่วมประกวด เรือแข่งจำลองเมืองน่านที่ส่งเข้าประกวดต้องส่งเป็นลำ มีขนาดความยาวไม่เกิน 1.50 เมตร โดยมีองค์ประกอบ เช่น ทำจากไม้ (วัสดุธรรมชาติ) ห้ามใช้ไม้สังเคราะห์ เรือแข่งจำลองเมืองน่าน ต้องแสดงออกถึงเอกลักษณ์ของเรือแข่งเมืองน่าน มีหัวเรือ หางเรือ แกะสลักลวดลายให้มีความประณีตงดงาม มีองค์ประกอบครบตามแบบเรือน่าน เป็นต้น และกิจกรรมตักบาตรเติมบุญ หน้าคุ้มหลวงนครน่าน ทุกเช้าวันศุกร์ โดยจะเริ่มกิจกรรม ครั้งที่ 1 ในวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม

และวันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2567 เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดน่าน นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้ร่วมทำบุญตักบาตร เพื่อการสืบทอดพระพุทธศาสนา การอนุรักษ์สืบสานวิถีชีวิต ชาวน่านในอดีต ที่จะทำบุญตักบาตรหน้าบริเวณคุ้มหลวงนครน่านแห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานที่ใจกลางเมืองเก่าน่าน พื้นที่ประวัติศาสตร์หน้าคุ้มเจ้าหลวงเมืองน่านเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดเด่นเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัดน่าน กิจกรรม ทำบุญตักบาตร เติมบุญ หน้าคุ้มหลวงนครน่าน ในครั้งนี้เป็นกิจกรรมที่ทางจังหวัดได้กำหนดจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองเก่าน่าน ที่จะขับเคลื่อนเมืองเเก่าน่าน สู่เมืองมรดกโลก ควบคู่กับ สปป.ลาว จัดโดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดน่าน


ด้านนางศุภรดา กานดิศยยากุล ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองเก่าน่าน กล่าวถึง จังหวัดน่าน "เมืองเก่าที่มีชีวิต" คว้าเหรียญทองแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนโลก Green Destinations Award 2024 เหรียญทองแรกของอาเซียน และเป็นประเทศที่ 3 ของเอเชีย. พร้อมทั้งเร็วๆนี้ทาง อพท.จัดกิจกรรมเชิญชวนชาวน่าน มาชิม มาช๊อป เชื่อมโยงกับเหล่า CREATORS อาหาร ผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมหลากหลายไอเดียของเมืองน่าน NAN CONNECT : ป๊ะกั๋น ปั้นเมือง ในวันเสาร์ - อาทิตย์ 26 - 27 ตุลาคม 2567 เวลา 13.00 - 18.00 น ณ ลานต่อสุข (ข้างเฮือนฮังต่อ) 
นายแพทย์ภุชงค์ ชื่นชม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดน่าน กล่าวถึง สถานการณ์โรคสเตรปโตคอกคัส ซูอิส จ.น่าน หรือสถานการณ์โรคไข้หูดับในพื้นที่จังหวัดน่าน สถานการณโรคสเตรปโตคอกคัส ซูอิส จ.น่าน ปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 16 ตุลาคม 2567 สสจ.น่าน ได้รับรายงานผู้ป่วยโรคนี้ จํานวน ทั้งสิ้น 8 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 1.67 ต่อประชากรแสนคน มีรายงานผู้เสียชีวิต 1 ราย (อ.ภูเพียง) ทั้งนี้สาเหตุการเกิดโรค การรับประทานลาบหมูดิบ ลาบเนื้อดิบ(ควาย) และรับประทานเนื้อหมูสุกๆดิบๆ ผลการสอบสวนโรคผู้ป่วยสเตรปโตคอกคัส ซูอิส จ.น่าน ปี 2567 (ผู้ป่วยเสียชีวิต) ผู้ป่วยเพศชาย อายุ 65 ปี มีโรคประจําตัวคือโรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง อาชีพรับจ้าง (ช่างทาสี) บ้านหัวเวียงเหนือ ตําบลฝายแก้ว อําเภอภูเพียง จังหวัดน่าน

คําแนะนำสําหรับประชาชนทั่วไปหลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อหมูดิบ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ หมูที่ป่วยหรือตายจากโรค การปรุงอาหาร ควรนําเนื้อสุกรมาปรุงสุกเท่านั้นไม่ควรบริโภคเนื้อสุกร เลือด และอวัยวะภายในที่ดิบๆ หรือปรุงสุกๆ ดิบๆ เช่น ลาบ หลู้ เป็นต้น เลือกบริโภคเนื้อหมูที่มาจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน หมูที่ผ่านการตรวจสอบจากกรมปศุสัตว์ปลอดจากเชื้อโรคไม่ใช้เขียงหมูดิบในการหั่นอาหารอื่นที่จะรับประทานโดยไม่ปรุงสุกเพิ่ม เช่น ผักสด ผลไม้สด หรืออาหารอื่นที่สุกแล้ว เพราะจะทําให้มีการปนเปื้อนเชื้อโรค การเลือกซื้อเนื้อสุกรเพื่อบริโภคควรเป็นเนื้อสุกรที่สด ไม่มีสีแดงคลํ้าหรือมีเลือดคั่งมากๆหรือเนื้อแดงมีเลือดปนผิดปกติ โดยล้างมือก่อนและหลังสัมผัสเนื้อหรืออวัยวะของสุกรที่จําหน่าย โดยเฉพาะหากมีบาดแผลบริเวณที่สัมผัส
นอกจากนี้ทางนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดน่านกล่าวเชิญชวนชาวน่าน ร่วมกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่นป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันที่2 พฤศจิกายน 2567ณ หนองน้ำครก ตำบลลม่วงตึ๊ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่านรีบสมัครก่อน วันที่ 25 ตุลาคม 2567 โดยสมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

   ด้านนายวรวิทย์ อินต๊ะใจ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน กล่าวถึง เรื่องเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย 9,000 บาท ทั้งนี้ได้มีการสรุปข้อมูลผู้ประสบภัยจังหวัดน่านยื่นขอรับความช่วยเหลือตามมติ ครม. ข้อมูล ณ 16 ต.ค.67 มีผู้ประสบภัยยื่นคำขอ ทั้งหมด 17,708 หลัง ตรวจเอกสารครบถ้วน 11,517 หลัง อยู่ระหว่างตรวจ 5,715 หลัง รอดำเนินการ 156 หลัง ในรอบที่ 1 อำเภอที่ไม่มีผู้อื่นคำขอรับการช่วยเหลือ ได้แก่ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอนาหมื่น อำเภอบ่อเกลือ อำเภอแม่จริม และอ๋าเภอสันติสุข
ด้านผู้แทนพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดน่าน กล่าวถึงประเด็นความคืบหน้าการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางจากอุทกภัยที่ผ่านมา พร้อมแจ้งช่องทางรับ (เอกสารหลักฐานประกอบ)  เบื้องต้นช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์แล้ว จำนวน 188 ราย
ด้านนายสายัณห์ ไชยยศ ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาน่าน กล่าวถึงคาดการณ์สภาพภูมิอากาศการเข้าสู่ฤดูหนาว คาดหมายลักษณะอากาศประเทศไทยตอนบนและจังหวัดน่าน แต่ละช่วงในฤดูหนาว ช่วงปลายสัปดาห์ที่3ของเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน จะมีอากาศเย็นเกือบทั่วไป กับมีอากาศหนาว บางแห่งในบางวันทางตอนบนของภาค และมีหมอกในตอนเข้า โดยจะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 20 ของ พื้นที่ และอาจมีลมกระโชกแรงบางแห่งในบางวัน สำหรับช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม อากาศจะหนาวเย็นมากขึ้น โดยมีอากาศหนาวเย็น เกือบทั่วไป และมีอาศหนาวจัดโดยเฉพาะบริเวณตอนของภาค
  ด้านนายโยธิน ทับทิมทอง ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานน่าน รายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวน่าน หลังช่วงฟื้นฟู และการเตรียมพร้อมช่วงไฮซีชัน ประมาณการสถานการณ์ช่วงวันหยุดยาววันที่ 12 - 14 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา อัตราการพักเฉลี่ย 80% ผู้เยี่ยมเยือนประมาณ 23,000 คน รายได้ประมาณ 40.57 ล้านบาท  ประมาณการจำนวนผู้เยี่ยมเยือนในปี 2567 แนวโน้มการเติบโตคงที่ประมาณการ : 1,589,295 (คน-ครั้ง) ประมาณการรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2567 แนวโน้มการเติบโตคงที่ ประมาณการ : 4,621.58 ล้านบาท
โอกาสด้านการท่องเที่ยวจังหวัดน่านอยู่ในกระแสหลักของการท่องเที่ยวเป็นจังหวัดที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วง High Season นี้น่านมีความพร้อมในการฟื้นตัวของสถานที่ท่องเที่ยว ที่พักและเส้นทางเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในช่วง High Season นี้ในช่วง High Season มีการเพิ่มเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกเป็นจำนวน 10 เที่ยวบิน/วัน
มาตรการ 'แอ่วเหนือคนละครึ่ง'เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวหลังภาคเหนือเผชิญน้ำท่วมหนัก ขณะนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อยู่ระหว่างรวบรวมสินค้าและแพ็กเกจท่องเที่ยวต่างๆ ลงบนแอปพลิเคชันเบส (Application Base) ของ ททท. เพื่อให้โรงแรม
ที่พัก และร้านค้าต่างๆ สามารถเข้าร่วมโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่งได้โดยประชาชนที่สนใจสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดผ่านแอปพลิเคชันเบสเพื่อรับสิทธิได้เลย ซึ่งจะเริ่มเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการในวันที่ 1 พ.ย. 2567 ซึ่งถือว่าเป็นโครงการกระตุ้นท่องเที่ยวภาคเหนือหลังน้ำลด โดยรัฐบาลจะช่วยสนับสนุนด้วยการจ่ายค่าสินค้าท่องเที่ยว 400 บาท/คน/ทริป ส่วนประชาชนที่เข้าร่วมโครงการจ่ายอีก 400 บาท/คน/ทริป หากใช้จ่ายมากกว่านั้น ประชาชนจะต้องเป็นผู้จ่ายเอง/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/

ทีมข่าวสมาคม รายงาน

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง