สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ส.น.สมเด็จเจ้าพระยา ลงพื้นที่ขับเคลื่อนโครงการ “ชุมชนสีขาวปลอดยาเสพติด ” ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล NO Drugs NO Dealers

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2568 เวลา 13.30 น. พ.ต.อ.ณัฐพัฒนส์ ธรรมชุตินันท์​ผกก.สน.สมเด็จเจ้าพระยา พ.ต.ท.ภัทรพงษ์ เสยกระโทกรองผกก.ป.สน.สมเด็จเจ้าพระยา พ.ต.ท.ศรายุทธ์​ พวงทอง​รอง​ผกก.สส.สน.สมเด็จเจ้าพระยา พ.ต.ต.วิคิด โอษคลังสวป (ชส.)สน.สมเด็จเจ้าพระยา

พร้อมด้วย กำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน,เจ้าหน้าที่ชุมชนสัมพันธ์, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเขตคลองสาน,อาสาสมัครตำรวจบ้านชุมชน,ฝ่ายพัฒนาชุมชนเขตคลองสาน สำนักงานเขตคลองสาน ผู้นำชุมชน,คณะกรรมการชุมชนซอยวนาวรรณ ศูนย์บริการสาธารณสุข 28 (กรุงธนบุรี) อาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) ชุมชนวนาวรรณ

ร่วมบูรณาการ กำลัง ลงพื้นที่ ขับเคลื่อนโครงการ “ชุมชนสีขาวปลอดยาเสพติด ” ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล NO Drugs NO Dealers
โดยได้ลงพื้นที่ X-ray ชุมชนเป้าหมาย เพื่อค้นหาผู้ป่วย , ผู้เสพ, ผู้ค้ายาเสพติด ในพื้นที่ชุมชน ตามนโยบายของรัฐบาล 

และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เล็งเห็นความสำคัญของการแก้ไขปัญหายาเสพติด และเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด ในชุมชนแบบยั่งยืน แบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในชุมชน เพื่อลดจำนวนและทำให้ผู้ใช้ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดหมด

ไปจากชุมชน หมู่บ้านอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน ซึ่งทาง สถานีตำรวจนครบาลสมเด็จเจ้าพระยา กองบังคับการตำรวจนครบาล 8 ได้ดำเนินการตามแนวทาง โดยในวันนี้ได้มาตรวจเยี่ยม การดำเนินการโครงการดังกล่าว ที่ชุมชนซอยวนาวรรณ เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

ซึ่งเป็นหนึ่งในชุมชนในพื้นที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา ที่เข้าร่วมโครงการและผ่านการดำเนินการ ทั้งนี้ พร้อมกับมอบป้ายบ้านสีขาวปลอดยาเสพติดให้กับชาวบ้านในชุมชนนี้ด้วย

ภาพ/ข่าว โดย นาย วีระพล แซ่เล้า ผู้สื่อข่าว
เด​วิท​ โชคชัย​ ​มุกดาหาร​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ชาวมุกดาหารแห่บริจาคเลือดช่วยผู้บาดเจ็บเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา

ประชาชนชนจังหวัด​มุกดาหารแห่บริจาคโลหิตแน่นช่วยผู้บาดเจ็บเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากสภากาชาดไทยออกประกาศขอรับบริจาคโลหิตเร่งด่วน

เมื่อวันที่​ 25 กรกฎาคม 2568​ เวลา 08.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ หอประชุม 250 ปี จังหวัดมุกดาหาร เต็มไปด้วยประชาชนที่พร้อมใจกันเดินทางมาร่วมบริจาคโลหิตอย่างคึกคัก

หลังจากสภากาชาดไทยออกประกาศขอรับบริจาคโลหิตเร่งด่วน เพื่อสำรองไว้ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ประชาชนทั้งในพื้นที่จังหวัดมุดาหาร และจากต่างอำเภอต่างหลั่งไหลกันมาตั้งแต่ช่วงเช้า ทำให้บริเวณหน้าห้องรับบริจาคแน่นขนัดไปด้วยผู้คน

พระครูจิมมี่ เปิดเผยว่า เดินทางมาบริจาคเลือกเพราะคิดว่าต้องได้ใช้ในยามนี้ เราช่วยไม่ได้ทางอื่นก็ช่วยทางนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการให้กำลังทุกคนที่อยู่บริเวณชายแดน ซึ่งเลือดของทุกๆคนต้องได้ใช้ในเวลาที่จำเป็นต่อชีวติของผู้คน

โดยการบริจาคครั้งนี้ เป็นโครงกการ “รวมพลังชาวมุกดาหาร ร่วมบริจาคโลหิต ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จากการสู้รบตามแนวชายแดน”ซึ่งมีผู้มารอบริจาคจำนวนมาก เต็มไปด้วยน้ำใจของผู้คนที่ต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ที่ได้

รับบาดเจ็บ ภายในพื้นที่รับบริจาค เจ้าหน้าที่และพยาบาลช่วยกันเร่ง ทั้งการตรวจสุขภาพเบื้องต้น ชั่งน้ำหนัก วัดความดัน และจัดระบบคิวอย่างมีระเบียบ หลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แม้จะต้องรอนาน แต่ก็เต็มใจและดีใจที่ได้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในยามวิกฤต

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ ​รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ครอบครัวจ่าโต๋สุดเศร้ารับทราบข่าวการเสียชีวิตจากแนวชายแดน ศรีสะเกษ – ญาติร่วมจัดเตรียมบ้านเกิดรอรับร่างวีรบุรุษ

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ที่ บ้านเลขที่ 37 หมู่ 3 บ้านโนนสังข์ศรี ตำบลบ้านซ่ง อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ครอบครัวและญาติของ จ่าสิบเอก ธวัชชัย บุสภา หรือ “จ่าโต๋” นายสิบลาดตระเวนปืนใหญ่ 106 พัน.6 (กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 106 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 6)

ทำหน้าที่ ผู้ตรวจการแนวหน้าฐานฟ้าลั่นได้รวมตัวกันด้วยความเศร้าโศก หลังทราบข่าวว่าเขา เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่แนวหน้าบริเวณฐานปฏิบัติการฟ้าลั่น (เขาสัตโสม) อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จากเหตุปะทะและการยิงถล่มของกัมพูชาจากบริเวณเนิน 333

โดยบรรยากาศภายในบ้านเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีญาติพี่น้องและชาวบ้านในหมู่บ้านต่างเดินทางมาช่วยกันทำความสะอาดบ้าน และจัดเตรียมพื้นที่สำหรับรับศพกลับจากชายแดนเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาและบำเพ็ญกุศลตามประเพณี

💔 นางวิไล บุสภา อายุ 58 ปี มารดาของจ่าโต๋กล่าวทั้งน้ำตาว่า “เมื่อคืนลูกชายโทรมาคุย บอกว่าเพิ่งยิงตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามเสร็จ กำลังจะอาบน้ำนอนไม่คิดเลยว่าจะเป็นการคุยกันครั้งสุดท้าย…” และกล่าวต่อด้วยความภาคภูมิใจว่า ลูกชายอยากเป็นทหารตั้งแต่เด็ก หลังจากเป็นทหารเกณฑ์ก็สอบเป็นนายสิบอยู่แนว

ชายแดนมากว่า 10 ปี วันนี้แม้เขาจะไม่อยู่แล้ว แต่แม่ภูมิใจที่ลูกสละชีพอย่างสมศักดิ์ศรี เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและบ้านเมือง นางสาวรจรินทร์ สิงห์ศร ภรรยาของจ่าโต๋ เปิดเผยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เมื่อเวลา 04 .00 น. ของวันที่ 25 กรกฎาคม จ่าโต๋ส่งข้อความมาขอรูปลูกชาย แต่ตนเพิ่งมาเปิดดูตอนตี 05.00 น. ยังไม่ทันได้ส่งให้

หลังจากนั้นตอนเวลาประมาณ 9.00 น. ญาติโทรมาถามว่าติดต่อจ่าโต๋ได้ไหม ก็เลยโทรไปหาแต่ก็ไม่ติด ก่อนจะรู้ความจริงจากญาติในเวลาต่อมาว่าจ่าโต๋เสียชีวิตแล้ว “ตอนนี้ฉันยังไม่รู้จะอธิบายให้ลูกชายเข้าใจอย่างไร เขายังเล็กมาก เพิ่งขวบเศษเอง… แต่ก็จะเล่าให้เขาฟังว่า

พ่อของเขาเป็นวีรบุรุษ…ที่พลีชีพเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย” นางสาวรจรินทร์ กล่าวRIPจ่าโต๋ #ทหารกล้าแห่งฟ้าลั่น #ธวัชชัยบุสภา #ฮีโร่มุกดาหารลูกผู้ชายหัวใจแผ่นดิน #สละชีพเพื่อชาติ #สดุดีทหารกล้า #แนวชายแดนศรีสะเกษ#ทหารกล้าแห่งมุกดาหาร

#พลีชีพเพื่อชาติ #RIPวีรบุรุษ #ทหารไทย #เลือดนักรบเพื่อแผ่นดิน #บ้านโนนสังข์ศรี #คำชะอี #มุกดาหาร #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้////////ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

ผู้ว่าฯมุกดาหาร ร่วมแสดงความเสียใจครอบครัว “จ่าโต๋” วีรบุรุษชายแดน

วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 นายวรญาณ บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วย นายนราวิชญ์ มณีฤทธิ์ นายอำเภอคำชะอี และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดมุกดาหาร

ได้เดินทางไปยัง บ้านโนนสังข์ศรี ตำบลบ้านซ่ง อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร เพื่อร่วมแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของ จ่าสิบเอก ธวัชชัย บุสภา หรือ “จ่าโต๋” ทหารกล้าผู้สละชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ณ ฐานฟ้าลั่น เขาสัตโสม จ.ศรีสะเกษ

ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารได้ กล่าวแสดงความเสียใจต่อมารดา ภรรยา และบุตรชาย ของนายทหารผู้เสียชีวิต พร้อมให้กำลังใจครอบครัวในการก้าวผ่านความสูญเสีย และ

ได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่นางวิไล บุสภา มารดาของจ่าโต๋ รวมถึง นางสาวรจรินทร์ สิงห์ศร ภรรยา และบุตรชายวัยขวบเศษในฐานะครอบครัวของ “ทหารผู้เสียสละเพื่อชาติ”

บรรยากาศภายในบ้านเป็นไปอย่างโศกเศร้า ญาติพี่น้องและชาวบ้านในพื้นที่ต่างร่วมกันจัดเตรียมสถานที่สำหรับรับร่างวีรบุรุษกลับบ้านเกิดเพื่อประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลอย่างสมเกียรติ

RIPจ่าโต๋ ///เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ศรีสะเกษ คืบหน้าปะทะชายแดน เจ้าหน้าที่นำร่าง ผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะ ออกจากพื้นที่แล้ว

วันที่ 25 กรกฏาคม 2568 เหตุการณ์ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา พื้นที่ชายแดน เขตเขาพระวิหาร อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเกิดการปะทะกันต่อเนื่องโดยเริ่มยิงตั้งแต่ เวลา 09.00 น.

โดยกระสุนของฝั่งกัมพูชาได้ยิงมาโดนร้านสะดวกซื้อภายในปั้มน้ำมัน ปตท .บ้านผือ ต.เมือง อ.กันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 8 ราย และบาดเจ็บ 13 ราย และที่บ้านเรือนประชาชน 1 หลัง

ความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากปะทะกันตั้งแต่เวลา 03.00 น. จนกระทั่งถึงเวลาประมาณ 08.00 น.

โดยกระสุนปืนของฝั่งกัมพูชาตกมาที่ฝั่งไทย (ตกที่ค่าย ตชด 224) ประมาณ 3 ลูก ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต แต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ EOD ที่ปฏิบัติหน้าที่เก็บกู้ระเบิดตั้งแต่ช่วงเช้าต้องออกจากที่เกิดเหตุด่วน ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ โดยยังทำการเก็บกู้ระเบิดที่หลงเหลือ

ยังไม่แล้วเสร็จแต่อย่างใด เพราะกระสุนของทางกัมพูชายิงมาใกล้กับจุดเกิดเหตุ จึงทำการอพยพชั่วคราว ก่อนที่จะดำเนินการเก็บกู้ระเบิดอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า ขณะที่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากมูลนิธิร่วมกตัญญูได้เข้าทำการเก็บร่างของผู้เสียชีวิต ภายในร้านสะดวกซื้อ ( 7-11) ซึ่งจากการดำเนินการ

พบร่างผู้เสียชีวิตจำนวนทั้ง สิ้น 5 ราย โดย 1 ในนั้น เป็นพนักงานเซเว่น ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ ตรวจพิสูจน์ทราบต่อไป/////

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “มุกดาหารเดินหน้าสกัดยาเสพติด! ดึงผู้ประกอบการโลจิสติกส์ไทย–ลาว ผนึกกำลังหยุดภัยร้ายผ่านพัสดุ

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ที่ห้องประชุมแสงสิงแก้ว สถานีตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร นายรณรงค์ เทพรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงแนวทา

การป้องกันและสกัดกั้นยาเสพติดให้กับผู้ประกอบการขนส่งโลจิสติกส์ไทย–ลาว โดยมี พล.ต.ต.ไพโรจน์ ไทยพุทรา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร และนางสาวนุชนีย์ จันทนุช ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 4 เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

การประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้าใจและแนวทางการปฏิบัติตามประกาศของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พร้อมส่งเสริมการ

ขนส่งพัสดุอย่างปลอดภัย โดยนางสาวนุชนีย์ได้ชี้แจงข้อมูลสำคัญและแนวทางปฏิบัติแก่ผู้ประกอบการจากหลายพื้นที่ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เล็ดลอดผ่านระบบขนส่ง

โครงการนี้จัดขึ้นภายใต้นโยบายของรัฐบาล “No Drugs No Dealers” และนโยบาย “Seal Stop Safe” ของจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเน้นการบูรณาการกำลังจากทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง

ต่อมาในเวลา 15.00 น. คณะเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพัสดุ ณ ที่ทำการไปรษณีย์จังหวัดมุกดาหาร ถนนพิทักษ์พนมเขต อำเภอเมืองมุกดาหาร โดยมีการ

สาธิตการตรวจสอบพัสดุต้องสงสัยด้วยเครื่องเอกซเรย์ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้อย่างละเอียดโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพัสดุของประชาชน แสดงให้เห็น

ถึงความพร้อมของหน่วยงานในการรับมือกับปัญหายาเสพติดบริเวณพื้นที่ชายแดนอย่างมีประสิทธิภาพมุกดาหาร #ปปส #ยาเสพติด #ไปรษณีย์ปลอดภัย

#โลจิสติกส์ปลอดภัย #SealStopSafe #NoDrugsNoDealers #ข่าวภาคอีสาน #ชายแดนไทยลาว #ตรวจพัสดุ #สกัดยาเสพติด #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้///////ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ศุลกากรฝ่ายปราบปราม จับล็อตใหญ่! อโวคาโดเถื่อน 6.5 ตัน มูลค่ากว่า 1 ล้าน คาดลอบนำเข้าข้ามแม่น้ำโขงมุกดาหาร เตรียมกระจายขายทั่วไทย

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่​ 2568 นายสมชาย โชคเฉลิมวงศ์ นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ ประจำฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 2 กองสืบสวนและปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรฝ่ายปราบปราม สำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 ได้สนธิกำลังเข้าตรวจค้นรถบรรทุก 10 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน 70-1808 มุกดาหาร ที่จอดอยู่ภายในสถานีบริการน้ำมัน PT ตำบลหนองผือ อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์


โดยมีนายอภิชาติ ดาลัย แสดงตัวเป็นผู้ควบคุมรถและอำนวยความสะดวกในการตรวจค้นดังกล่าว ผลการตรวจพบผลไม้อโวคาโดน้ำหนักรวมประมาณ 6,500 กิโลกรัม บรรทุกเต็มคันรถ คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท แต่ไม่สามารถแสดง

เอกสารการผ่านพิธีการศุลกากรที่ถูกต้องได้ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดสินค้าไว้เป็นของกลาง พร้อมยานพาหนะ และนำส่งด่านศุลกากรมุกดาหารเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

ทั้งนี้ อโวคาโดที่ตรวจยึดได้มีลักษณะคล้ายคลึงกับอโวคาโดสายพันธุ์เวียดนามที่มักพบจำหน่ายใน สปป.ลาว ซึ่งคาดว่าถูกลักลอบนำเข้าทางแม่น้ำโขงเข้าสู่จังหวัดมุกดาหาร ก่อนจะส่งกระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในประเทศไทย

กองสืบสวนและปราบปราม #ศุลกากรภาคที่2 #จับอโวคาโดเถื่อน #ลักลอบนำเข้า #กรมศุลกากร #จับของเถื่อน #อโวคาโดเวียดนาม #มุกดาหาร #กาฬสินธุ์ #ข่าวภาคอีสาน #ข่าวศุลกากร #แม่น้ำโขง #ลักลอบนำเข้าสินค้าข้ามแม่น้ำโขง #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้นี้

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อ.โคกสำโรง พิธีเปิดกิจกรรม “Kick off ปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด NO Drugs Dealers ผนึกกำลัง ชุมชนปลอดยาเสพติด”

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2568 เวลา 16.00 น. ณ ลานเสาธงหน้าที่ว่าการอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี นายปรัชญา เปปะตัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ประธานพิธีปล่อยแถว นายเจตน์พงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล นายอำเภอโคกสำโรง นางสาวนงลักษณ์ อยู่พุ่ม ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองอำเภอโคกสำโรง ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรอำเภอโคกสำโรง นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง หัวหน้าส่วนราชการ และผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ ทุกท่าน 450 คน

ด้วยปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างองค์กรรวม ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม อย่างมีนัยสำคัญ จึงทำให้การแก้ไขปัญหายาเสพติด ไม่สามารถดำเนินการแก้ไข ได้ด้วยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง และเป็นที่ทราบกันว่า ปัญหายาเสพติด ยังคงมีการแพร่ระบาด สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน สังคม อยู่เป็นจำนวนมาก รัฐบาลให้ความสำคัญ และมอบให้เป็น

นโยบายที่หน่วยงาน ภาคีเครือข่ายทุกหน่วยงาน ต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยยึดหลักการ “เปลี่ยนผู้เสพ เป็นผู้ป่วย” ส่วนผู้ผลิตและผู้ค้า คือ ผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมายอย่างจริงจัง รวมถึงการยึดทรัพย์เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด
ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอโคกสำโรง (ศป.ปส.อ.โคกสำโรง)

จึงได้กำหนดเปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด NO Drugs Dealers ผนึกกำลัง ชุมชนปลอดยาเสพติด” โดยกำหนดปฏิบัติ Quick Win ในห้วง 3 เดือน ประกอบด้วย ขั้นที่ 1 ขั้นเตรียมการ/ปฏิบัติการ สลายโครงสร้างปัญหาปราบปรามผู้ค้าค้นหาผู้เสพเข้าบำบัด ขั้นที่ 2 ขั้นปฏิบัติการต่อเนื่อง ปัญหาผู้ค้า ผู้เสพ ลดลง เสริมสร้าง หมู่บ้าน/ชุมชนเข้มแข็ง ขยายพื้นที่ความสำเร็จ

ขั้นที่ 3 ขั้นพัฒนาสู่ความยั่งยืน ปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชน ลดลงจนหมดไป ประชาชนมีความปลอดภัย ปัญหาเก่าหมดไปมีระบบเฝ้าระวังปัญหาต่อเนื่อง
ขั้นที่ 4 ประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชน มีความปลอดภัย ปัญหาใหม่ไม่เกิด หมู่บ้าน/ชุมชนมีศักยภาพของตนเอง

สำหรับกิจกรรม Kick Off เปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด NO Drugs Dealers ผนึกกำลัง ชุมชนปลอดยาเสพติด” ของอำเภอโคกสำโรง ในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการส่วนราชการต่างๆ ประกอบด้วย สถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง สถานีตำรวจภูธรเพนียด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ทั้ง 13 ตำบล 137 หมู่บ้าน มูลนิธิโคกสำโรงสงเคราะห์ ชุดปฏิบัติการพิเศษอำเภอโคกสำโรง ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.)

ด้วยปัจจุบันปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญและมอบให้เป็นนโยบายที่หน่วยงานภาคีเครือข่ายทุกหน่วยงานของรัฐต้องร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วน มอบหมายให้มีการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและนำไปสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ

การเปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด NO Drugs Dealers ผนึกกำลัง ชุมชนปลอดยาเสพติด” ของอำเภอโคกสำโรง เป็นมาตรการดำเนินงานหนึ่งที่สำคัญยิ่งของนโยบายรัฐบาล เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด นำมาตรการมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ หรือสภาพปัญหาของแต่ละพื้นที่การดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้

จะก่อให้เกิดความตระหนักของประชาชนชาวลพบุรี ต่อปัญหายาเสพติด ก่อให้เกิดความร่วมมือการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้มีการนำมาตรการทางกฎหมายไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และมีคุณค่า ก่อให้เกิดประโยชน์ของสังคมจังหวัดลพบุรี อย่างจริงจัง และยั่งยืน ขณะเดียวกันฝ่ายป้องกันฯ ของอำเภอโคกสำโรง ได้จับกุมผู้กระทำความผิดได้อย่างต่อเนื่อง

สนอง แท่นสูงเนิน ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี และอนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี. ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น“เปิดปฏิบัติการ “ยุทธการ“ขัวเรียง” ทั้ง 12 หมู่บ้าน ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล เรื่อง การแก้ไขปัญหายาเสพติด “

วันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 05:30 น. เป็นต้นไป ภายใต้การอำนวยการของ นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผบก.ภ.จว.ขก. นายยุทธพร  พิรุณสาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และนายคารม คำพิทูรย์ ปลัดจังหวัดขอนแก่น  นางสาวอ้อยใจ คำบุญเรือง นายอำเภอชุมแพ เป็นประธานในการ ปล่อยแถวกำลังพล ปฏิบัติภารกิจปิดล้อมตรวจค้นตาม "ยุทธการพิทักษ์ ขัวเรียง" ในพื้นที่ตำบลขัวเรียง ทั้ง 12 หมู่บ้าน อำเภอชุมแพ  จังหวัดขอนแก่น โดยมี พ.ต.ท.ลักษณ์ ด้วงลำพันธ์ รอง ผกก.สส.สภ.ชุมแพ นายนคร สุพรรณ์ ปลัดอําเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง นายสมคิด ชำนิกุล ปลัดอำเภอนายสมหมาย ชาน้อย สาธารณสุขอำเภอชุมแพ ร่วมปล่อยแถวกำลังพล กำลังพล ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สมาชิก อส. เจ้าหน้าที่ สภ.ชุมแพ และ ชุดปฏิบัติการตำบล ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) รวมกำลังพล 200 นาย บูรณาการกำลังร่วมปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายยาเสพติดและสิ่งของผิดกฎหมายในพื้นที่รับผิดชอบ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ภายใต้ “ยุทธการพิทักษ์ขอนแก่น” และ “ปฏิบัติการไล่ล่า (เด็ดปีก) นักค้าอีสานเหนือ 252” ผลการปฏิบัติ ดำเนินการควบคุมตัวผู้กระทำความผิด จำนวน 1 ราย มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ,เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ของกลางยาบ้า 6 เม็ด จึงได้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชุมแพ เพื่อดำเนินคดีต่อไป  และสามารถค้นหาผู้เสพและสมัครใจเข้ารับการบำบัด ขณะนี้นำตัวมาแล้วจำนวน 45 ราย รวมทั้งสิ้น 46 ราย ซึ่งหลังจากประเมินอาการ กลุ่มสีแดงนำเข้าโรงพยาบาล สีเหลือง/ส้ม เข้าศูนย์ CI และสีเขียวดำเนินการคุมประพฤติต่อไป  ทั้งนี้ อำเภอชุมแพ ได้ดำเนินการปิดล้อมตรวจค้น กลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเป้าหมาย อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตำบลหนองเสาเล้า ซึ่งจะได้ประกาศเป็นตำบลสีขาวต่อไป

อำเภอบำบัดทุกข์บำรุงสุขChange for Goodสื่อรัฐทีวี / สื่อรัฐนิวส์ เมืองชุมแพ

ประชุมการบูรณาการการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล เรื่อง การแก้ไขปัญหายาเสพติด “

 อังคาร 22 กรกฎาคม 2568  เวลา 09.00 น. นางสาวอ้อยใจ คำบุญเรือง นายอำเภอชุมแพ เป็นประธานการประชุมการบูรณาการการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล เรื่อง การแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมี พ.ต.อ.รักชาติ  เรืองเจริญ ผกก.สภ.ชุมแพ นายสมหมาย ชาน้อย สาธารณสุขอำเภอชุมแพ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม องค์การบริหารส่วนตำบลขัวเรียง อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น  ในการนี้ที่ประชุมได้รับทราบ Roadmap Quick win 3 เดือน ปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด NO Drugs No Dealers ผนึกกำลัง ชุมชนปลอดยาเสพติด ตามข้อสั่งการของ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงมหาดไทย และข้อมูลผลการดำเนินการ Re X-Ray ประชาคมค้นหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ผู้ค้ายาเสพติด และผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตจากการใช้ยาเสพติด และร่วมพิจารณาข้อมูลผลการดำเนินการ Re X-Ray ประชาคมค้นหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ผู้ค้ายาเสพติด และผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตจากการใช้ยาเสพติด จาก ทั้ง 12 ตำบลของอำเภอชุมแพ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สถานฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด1เดียวใน 3 จ.ใต้ที่นราฯ ที่ ศอ.บต.สนองนโยบายรัฐมนตรีทวี ปราบกระท่อม 120 วันสิ้นซากในชายแดนใต้

การแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยเฉพาะพืชกระท่อมทุกหน่วยให้ความสำคัญ ทาง ศอ.บต.เองรับนโยบายเพื่อสู่การปฏิบัติ ส่วนสถานฟื้นฟูสภาพทางสังคม จ.นราธิวาส เป็นหนึ่งในสถานฟื้นฟู 1 เดียวใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเราเห็นว่าสถานฟื้นฟูแห่งนี้สามารถเป็นต้นแบบให้จังหวัดอื่นๆ นี่คือเสียงจากปาก นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผอ.กองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต.

ที่ได้ถือโอกาสเดินทางมาเยี่ยมชม สถานฟื้นฟูสมรรถภาพพลเมือง กรมการปกครอง กองร้อย อส.จ.นราธิวาส ที่ 1 (บ้านนราภราดร ) ซึ่งตั้งอยู่ศูนย์ราชการ ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส ที่มีนายชัยเจริญ มูสิกิ้ม หน.ศูนย์ยาเสพติด จ.นราธิวาส เป็นผู้ดูแลผู้ติดยาเสพติดจากสารเสพติดต่างๆ ทั้งยาบ้า ยาไอซ์ ใบกระท่อม และอื่นๆ จำนวน 40 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 15 ปี ถึง 59 ปี แถมยังมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งฝ่ายปกครอง ให้การดูแลอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเอง

ซึ่งการเดินทางของนายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผอ.กองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. ในครั้งนี้ ได้มีการเดินพบปะพูดคุยอย่างเป็นกันเองแบบตัวต่อตัวพร้อมทั้งให้กำลังใจ ซึ่งทั้งหมดมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเลิกเสพยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ที่ส่วนใหญ่ทราบว่าที่ติดยาเสพติดเพราะเพื่อนๆชวนให้ลอง และไม่กล้าปฏิเสธเกรงเพื่อนๆในกลุ่มจะไม่มีคนคบ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ตกเป็นทาสของยาเสพติด ที่ทำให้สมาชิกครอบครัวรวมทั้งผู้บังเกิดเกล้าต้องเสียน้ำตา

นอกจากนี้นายชัยเจริญ มูสิกิ้ม หน.ศูนย์ยาเสพติด จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นผู้ดูแลผู้ติดยาเสพติด ได้นำนายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผอ.กองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต.และคณะ ไปเยี่ยมชมแปลงเศรษฐกิจพอเพียง ที่ใช้เป็นสถานที่ให้ผู้ติดยาเสพติดได้มีทักษะในการเลี้ยงหอยขม ไก่ไข่ เป็ด ปลา

รวมทั้งปลูกพืชผักชนิดต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดความฟุ้งซ่านที่ต้องการเสพยาเสพติดเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งจะเรียกกันง่ายๆคือ การฆ่าเวลาให้ผู้เสพยาเสพติดที่สถานฟื้นฟูแห่งนี้ เลิกหรือต้องการยาเสพติดให้ลดน้อยลงและเลิกไปโดยปริยาย
ด้านชัยเจริญ มูสิกิ้ม หน.ศูนย์ยาเสพติด จ.นราธิวาส

ซึ่งเป็นผู้ดูแลผู้ติดยาเสพติด กล่าวว่า นราโมเดลในการดูแลผู้ป่วยทางการใช้ยาเสพติดระยะยาว 120 วัน เราเน้นในเรื่องของศาสนบำบัดทุกๆวันต้องปฏิบัติศาสนกิจครบ กลางคืนจะมีการอ่านอัลกุรอานเพื่อกลบเกลาจิตใจ นราโมเดลหมายความว่าดูแลพี่น้องดุจญาติมิตร เราจะให้ความอบอุ่นใช้หลักของความมีเหตุมีผล ในการเข้ามาดูแลผู้ป่วยหลักการคิดหลักวิชาการ ด้านสาธารณสุขหลักวิชาการทางสังคม เพื่อใหผู้ป่วยทั้งหมดนี้ที่อยู่ที่นี่เมื่ออกไปแล้วสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขในสังคม

ซึ่งผลการเยี่ยมชมสถานฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดที่นราธิวาสที่ถือว่าเป็น 1 เดียวในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แห่งนี้ คาดหวังว่าผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปเป็นต้นแบบหรือรูปแบบในการฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติดในพื้นที่ จ.ยะลาและปัตตานี ได้มากน้อยเพียงใดก็ถือว่าเป็นอีกแนวทางหนึ่ง

ที่ภาครัฐจะนำไปขับเคลื่อนให้ได้ผู้ติดยาเสพติดให้ลดน้อยลง ซึ่งถือว่าเป็นปลายเหตุในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด แต่การแก้ปัญหาต้นเหตุคือผู้ค้าหรือเอเย่นต์ค้ายาเสพติด ผู้ปกครองหรือพ่อแม่ของผู้ติดยาเสพติด ต้องการเห็นเจ้าหน้าที่ทางการปราบปรามอย่างจริงจังให้หมดไปเสียที
//////////////////////////////ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตร.ภูธร จ.นครราชสีมา แถลงการจับกุมผู้ต้องหา 13 คน พร้อมของกลางน้ำกระท่อม เกือบ 1000 ลิตร

เมื่อ วันที่ 23 ก.ค.2568 ณ สภ.โชคชัย อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา โดย พ.ต.อ.คเชนทร์ เสตะปุตะ รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา แถลงการจับกุมผู้ต้องหา 13 คน พร้อมของกลาง น้ำกระท่อม 840 ลิตร

สภ.โชคชัย บูรณาการร่วม อำเภอโชคชัย โดย นายพิชาญ ตราผักแว่น นายอำเภอโชคชัย พ.ต.อ.คเชนทร์ เสตะปุตะ รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.ชวาลย์ วงษ์รอด ผกก.สภ.โชคชัยได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 13 คน พร้อมของกลาง

1.น้ำกระท่อมบรรจุขวดพลาสติกขนาด 1 ลิตรจำนวน 840 ขวด
2.ยาแก้ไอ จำนวน 17 ลัง (50ขวด)
3.น้ำอัดลม 48 ขวด
4.น้ำตาลสด 30 ขวด
5.ใบกระท่อมสด 7 กก.
6.หม้อต้มสแตนเลส 8 ใบ
7.เตาแก๊ส 4 ใบ
8.ถังแก๊ส 2 ใบ
9.กะละมังพลาสติก 4 ใบ
10.ตะแกรง 6 อัน
11.ขวดพลาสติกเปล่า 200 ขวด

เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2568 สภ.โชคชัยได้บูรณาการร่วมกับ อำเภอโชคชัย และ สาธารณสุขโชคชัย เข้าปิดล้อม ตรวจค้นบ้านเลขที่ 267 บ้านหนองสำโรง หมู่ 11 ต.โชคชัย อ.โชคชัย จ.นคนราชสีมา ได้มีนายตระการ ชื่นกระโทก อายุ 39 ปี ผู้เช่าแสดงตนเป็นเจ้าของ และผู้ดูแล

จากการตรวจค้นพบว่ากำลังผลิตน้ำกระท่อมกันอยู่ สอบถามนายตระการ ฯ แจ้งว่าตนเป็นผู้ว่าจ้างลูกจ้างทั้งหมด 10 คน โดยจ่ายค่าจ้างคนละ 400 บ. ต่อวัน ต่อคน จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ พร้อมของกลางทั้งหมด ส่ง พงส.สภ.โชคชัย ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เหตุเกิด บ้านเลขที่ 267 บ้านหนองสำโรง หมู่ 11 ต.โชคชัย อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา

ภาพ/ข่าว : กันตินันท์ เรืองประโคน ผู้สื่อข่าว จ.นครราชสีมา

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง