สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / โรงไฟฟ้าพลังงานขยะส่อชงัก!!ชาวบ้านเตรียมรวมตัวชุมนุมคัดค้านใหญ่ ไล่พ้น อ.พาน จ.เชียงใหม่

โรงไฟฟ้าพลังงานขยะส่อชงัก!!โครงการฯชาวบ้านเตรียมรวมตัวชุมนุมคัดค้านใหญ่ ไล่พ้นอำเภอพาน ยื่นหนังสือต่อหน่วยงานภาครัฐต่อต้านโรงไฟฟ้าขยะ ต่อคณะขับเคลื่อนวุฒิสภา รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาชนชาวตำบลแม่เย็นและตำบล

ทานตะวัน ต่อต้านโรงไฟฟ้าไฟฟ้าขยะในพื้นที่ตำบลแม่เย็น อำเภอพาน จังหวัดเชียงรายเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 คณะผู้ต่อต้านได้ไปยื่นหนังสือต่อสำนักงานทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงรายและสำนักงานกิจการ

พลังงานจังหวัดเชียงรายและเดินทางไปยื่นหนังสือให้อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงรายหลังจากนั้นยังได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนวุฒิสภาที่ประชุมอยู่ที่อำเภอ อำเภอแม่จัน

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าได้รับการเปิดเผยจากแกนนำต่อต้านการสร้างโรงงานไฟฟ้าขยะในตำบลแม่เย็นและตำบลทานตะวัน อำเภอพาน มีการนัดชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 19 สิงหาคม 2568เวลาตั้งแต่ เวลา09.00 น.เป็นต้นไป ณ เวทีโรงเรียน

บ้านหนองหล่ม ต.ทานตะวัน อ.พาน เพื่อแสดงความคิดเห็นไม่เอาโรงงานไฟฟ้าขยะโดยมีการยื่นหนังสือขออนุญาตการใช้สถานที่การชุมนุมและใช้เสียง ต่อนายอำเภอพาน และผกก.สภ.พานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะมีการตั้งเวทีแสดงความคิดเห็น สาเหตุไม่เอาโรงงานไฟฟ้าฯโดยจะมีสื่อทีวีและผู้สื่อข่าวเข้าร่วมสังเกตุการณ

สำหรับข้อมูลใหม่เกี่ยวกับพื้นที่การสร้างโรงงานไฟฟ้าบ้านสุขสันติ หมู่ที่9 ต.แม่เย็น ดังกล่าวมีความเคลื่อนไหวจากแหล่งข่าวชาวบ้านในพื้นที่ปัจจุบันมีการกว้านที่นาจำนวนนับ100ไร่บางรายมีการมัดจำ เพื่อเตรียมขายให้กับโรงงานไฟฟ้า

ขยะ แต่เมื่อมีการตรวจสอบระเบียบของการก่อสร้างโรงงานประเภทอุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพจะต้องสร้างในพื้นที่ประเภทสีม่วง เท่านั้นส่วนที่นาเป็นพื้นที่เกษตรกรรม อาจจะไม่สามารถทำได้ยิ่งใกล้ชุมชนที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นไปตามกฎเกณฑ์ ผังเมืองรวมจังหวัดเชียงราย.
#สมจิตรแสงบัลลังก์

ทีมข่าวบกรายงาน

0654617905

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / บิ๊กวีเตรียม”คุ้มครอง” จนท.ถูกกลั่นแกล้งหลังจับยาเสพติดของผู้มีอิทธิพล และ กฎห้ามขายกระท่อมริมถนน หรือในชุมชน / จัดเสวนา “การวางแผนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด”

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 16 ส.ค.68 พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะ ได้เดินทางมายังเรือนจำ จ.นราธิวาส เพื่อติดตามโครงการโปรแกรมการฟื้นฟูผู้ต้องขังคดีความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้ “มิติด้านครอบครัว) โดยมีนายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ประธานคณะกรรมาธิการกรรมการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นราธิวาส เขต 5, นายสุรินทร์ จันทร์เทพ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนราธิวาส และ พ.ต.อ.พูลศักดิ์ แก้วสีขาว ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนราธิวาส คอยให้การต้อนรับ

ซึ่งภายในงานได้มีการอนุญาตให้พ่อแม่พี่น้องและเครือญาติ เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังคดีความมั่นคง จำนวน 44 คน อย่างใกล้ชิด ซึ่ง พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม ได้กล่าวพบปะญาติและผู้ต้องขังในเรื่องของกำลังใจ ที่ส่วนใหญ่หลงผิดไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พร้อมทั้งได้อนุญาตให้ผู้ต้องขังสอบถามข้อสงสัยต่างๆด้านกฎหมาย ที่ทางกระทรวงยุติธรรมได้มีการช่วยเหลือผู้ต้องขัง หากได้รับโทษไปแล้วเหลือประมาณ 30 ปี จะพ้นโทษก็จะนำผู้ต้องขังมาควบคุมตัวที่เรือนจำ จ.นราธิวาส เพื่อให้ทางเครือญาติได้เข้าเยี่ยมได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น แทนที่จะต้องเดินทางไปเยี่ยมที่เรือนจำต่างพื้นที่ และต้องเสียเนเสียทอไปโดยเปล่าประโยชน์

ด้าน พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ผมได้กำหนดนโยบายชัดเจนว่า จะต้องทำให้ตากใบและสุไหงโกลกเป็นพื้นที่สีขาวปลอดจากการค้ายาเสพติด ประเทศไทยต้องไม่ถูกมองว่าเป็นแหล่งส่งออกยาเสพติด เพราะจะสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ ซึ่งตัวชี้วัดใหม่ของเราจะไม่ใช่เพียงจำนวนการจับกุม แต่ต้องมุ่งไปถึงผู้บงการและผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ที่ไปจับกุมขบวนการค้ายามักถูกใส่ร้ายหรือถูกร้องเรียน จนบางครั้งถูกย้ายตำแหน่ง ในขณะที่คนที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดกลับอยู่ได้นาน เรื่องนี้เราจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก เราจะมีมาตรการปกป้องเจ้าหน้าที่ที่ทำงานตรงไปตรงมา

“สำหรับเรื่องกระท่อม แม้จะถูกปลดออกจากบัญชียาเสพติดแล้ว แต่กลับกลายเป็นปัญหาใหม่ เพราะถูกนำไปใช้ผิดกฎหมาย ทำให้มีผู้เสพติดจำนวนมาก และต้องเสียเงินบำบัด รัฐบาลจึงเตรียมออกกฎกระทรวงห้ามขายกระท่อมในตลาดสด ริมถนน หรือพื้นที่สาธารณะ อนุญาตเฉพาะให้ใช้ภายในครัวเรือน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และสิ่งที่เราประกาศไว้ใน 120 วัน วันนี้เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงและการตื่นตัวแล้ว แต่ก็ยังมีอุปสรรคที่ต้องแก้ไข ผมหวังว่าเมื่อครบกำหนด 120 วัน หรือเข้าสู่ปีใหม่ เราจะสามารถเฉลิมฉลองร่วมกับประชาชนได้ว่า

ปัญหากระท่อมและยาเสพติดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และที่สำคัญตัวชี้วัดใหม่ของเราคือการดึงผู้ที่ก้าวพลาดไปใช้ยาเสพติดให้กลับคืนสู่สังคมได้ รัฐบาลควรเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการบำบัด ไม่ปล่อยให้ประชาชนต้องรับภาระเอง นอกจากนี้เรายังต้องยกระดับความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ หากมีการปล่อยปละละเลยจนทำให้ยาเสพติดแพร่ระบาดในชุมชน และนี่คือสิ่งที่เราจะเดินหน้าแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อให้สังคมปลอดจากยาเสพติด” พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว
/////////////////////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ จัดเสวนา “การวางแผนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด” น้อมนำแนวพระราชดำริสู่การสร้างรายได้ที่มั่นคง

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 สิงหาคม 2568 ที่ห้องประชุม 1 ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ด้วยศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ จัดเวทีเสวนา “การวางแผนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด” โดยได้รับเกียรติจากผู้แทนหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ ประกอบด้วย

นายอภิศักดิ์ สรวิสูตร ผู้อำนวยการกองประสานงานโครงการพื้นที่ 4 (ภาคใต้) พร้อมด้วย นางสายหยุด เพ็ชรสุข ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ นายสุชาติ ใจดี หัวหน้าแผนกระดับ 8 โครงการส่วนพระองค์ 902 ผู้ประสานงานฟาร์มตัวอย่างฯภาคใต้ และนายซูไฮดี บาซอ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัตนาการผลิต โดยมีเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์ศึกษาพัฒนาพิกุลทองฯที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร เกษตรกร คณะครู อาจารย์ นักศึกษา ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังการเสวนาในครั้งนี้

ด้วยศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จัดเวทีเสวนา “การวางแผนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด” ทั้งนี้เพื่อเผยแพร่ผลสำเร็จจากการดำเนินงานของศูนย์ฯ และสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เกษตรกร รวมถึงประชาชนทั่วไป ให้สามารถน้อมนำแนวพระราชดำริไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพด้านการเกษตร อันจะนำไปสู่ความมั่นคงและยั่งยืนของรายได้

สำหรับเวทีเสวนาแบ่งการพูดคุยออกเป็น 2 รอบหลัก ได้แก่ รอบที่ 1 ผู้แทนแต่ละหน่วยงานได้สะท้อนบทบาทและแนวคิดในการขับเคลื่อนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งสำนักงาน กปร. เน้นสนับสนุนการวางแผนและงบประมาณเพื่อให้ศูนย์ฯ ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เกษตรกร ขณะที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ มุ่งส่งเสริมการวิจัย ทดลอง และถ่ายทอดวิธีการปลูกที่เหมาะสมกับพื้นที่ ฟาร์มตัวอย่างฯ ภาคใต้ถูกยกให้เป็นต้นแบบและแหล่งเรียนรู้ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนสำนักงานเกษตรจังหวัดชี้ให้เห็นศักยภาพของเกษตรกรในพื้นที่ควบคู่กับข้อจำกัดด้านข้อมูลตลาด และเสนอให้เพิ่มการสนับสนุนเชิงระบบ

รอบที่ 2 ผู้แทนหน่วยงานได้แลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติจริงและข้อเสนอแนะ โดยสำนักงาน กปร. ระบุข้อท้าทายสำคัญในการเชื่อมโยงผลผลิตกับตลาด เช่น ข้อมูลที่ยังไม่ทั่วถึงและการผลิตที่ไม่สม่ำเสมอ พร้อมเสนอให้พัฒนาระบบข้อมูลตลาดที่เข้าถึงง่าย ขณะที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ยกตัวอย่างเกษตรกรต้นแบบที่ประสบความสำเร็จจากการวางแผนการผลิตพืชผักปลอดสารเพื่อตลาดท้องถิ่น โดยมีองค์ประกอบสำคัญคือการเลือกชนิดพืช การบริหารจัดการแปลง และการเข้าถึงข้อมูลตลาด ฟาร์มตัวอย่างฯ ภาคใต้มีบทบาทเชื่อมโยงเกษตรกรกับข้อมูลและองค์ความรู้ใหม่ ๆ ส่วนสำนักงานเกษตรจังหวัดและผู้ดำเนินรายการเสนอการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น แอปพลิเคชันด้านการตลาด และการสร้างเครือข่ายเกษตรกรเพื่อเสริมอำนาจการต่อรองด้านราคาและการจำหน่าย

สำหรับการเสวนาครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ในการเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และเผยแพร่องค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ ซึ่งการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับตลาดต้องอาศัยการทำงานบูรณาการระหว่างนโยบายส่วนกลาง องค์ความรู้จากศูนย์ศึกษาและฟาร์มต้นแบบ รวมทั้งกลไกสนับสนุนจากหน่วยงานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรและประชาชนในพื้นที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพอย่างมั่นคงและยั่งยืน อันจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในจังหวัดนราธิวาสและภาคใต้อย่างยั่งยืน
//////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / องคมนตรี เปิดงาน “ชมศูนย์ศึกษา พัฒนาความรู้ ดูนิทรรศการ” ครั้งที่ 26 ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ จ.นราธิวาส

วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานกรรมการบริหารโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นประธาน

ในพิธีเปิดงาน “ชมศูนย์ศึกษา พัฒนาความรู้ ดูนิทรรศการ” ครั้งที่ 26 ประจำปี 2568 โดยมีนางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) กล่าวรายงานการจัดงาน และ ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวต้อนรับ นางสายหยุด เพ็ชรสุข ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ หัวหน้าส่วนราชการ แขกผู้มีเกียรติตลอดจนประชาชนเข้าร่วมงานในครั้งนี้

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) และจังหวัดนราธิวาส จัดงาน “ชมศูนย์ศึกษา พัฒนาความรู้ ดูนิทรรศการ” ครั้งที่ 26 ระหว่างวันที่ 16 – 18 สิงหาคม 2568 เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมแสดงความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดิน

โดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” และด้วยพระราชปณิธานอันแน่วแน่ ที่จะทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชนนีพันปีหลวง เพื่อสร้างประโยชน์สุขแก่ราษฎร รวมทั้งเผยแพร่ผลสำเร็จของศูนย์ศึกษาพิกุลทองฯ ให้ประชาชนสามารถน้อมนำแนวพระราชดำริไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน

โอกาสนี้ องคมนตรี ได้มอบประกาศนียบัตรและรางวัล ให้แก่เกษตรกรที่ชนะการประกวดผลผลิตทางการเกษตร จำนวน 3 ประเภท ได้แก่ ถั่วฝักยาว ข้าวโพดหวาน มะพร้าวอ่อนน้ำหอม ต่อจากนั้นเยี่ยมชมนิทรรศการ “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ซึ่งนำองค์ความรู้การพัฒนาของแต่ละภูมิภาคมาจัดแสดง นิทรรศการ “ต่อยอดองค์ความรู้ สู่การพัฒนาอาชีพ” จากหน่วยงานต่าง ๆ ในจังหวัดนราธิวาส และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น พร้อมทั้งเยี่ยมชมการดำเนินงานตลาดนัดสินค้าเกษตร

สำหรับงาน “ชมศูนย์ศึกษา พัฒนาความรู้ ดูนิทรรศการ” ครั้งที่ 26 นอกจากการจัดแสดงนิทรรศการ ภายในงานยังมีกิจกรรมการฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้นจำนวน 6 หลักสูตร ทั้งเชิงปฏิบัติการและผ่านระบบออนไลน์ อาทิ หลักสูตร การทำแหนมเห็ด สบู่นมแพะ ปลาแดดเดียวสมุนไพร เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม

การจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร การเสวนาในหัวข้อ การวางแผนการผลิตพืชให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมกิจกรรมต่าง ๆ ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส และยังเผยแพร่ผ่านทางเพจ/เฟสบุ๊ค ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อีกด้วย
////////////ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ศุภาลัยรุกตลาดลพบุรี เปิดโครงการแรก “ศุภาลัย ปาล์มสปริงส์ ลพบุรี” บ้านเดี่ยวหรู เริ่ม 2.99 ล้าน พร้อมโปรพิเศษวันเปิดตัว

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 สิงหาคม 2568 บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดตัวโครงการใหม่ “ศุภาลัย ปาล์มสปริงส์ ลพบุรี” ถนนสายลพบุรี-บ้านโคกตูม ตำบลนิคมสร้างตนเอง อำเภอเมืองลพบุรี ซึ่งเป็นทำเลทอง ใกล้โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เพียง 8 นาที นับเป็นก้าวแรกของศุภาลัยในจังหวัดลพบุรี ตอบรับวิสัยทัศน์ในการส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพสู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

นายบุญชัย ชัยอนันต์บวร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานโครงการภูมิภาค 2 บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ลพบุรีเป็นจังหวัดที่มีแนวโน้มเติบโตทั้งเศรษฐกิจ การคมนาคม และคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะเขตเมือง

ที่กำลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จึงเหมาะกับการอยู่อาศัยและลงทุนระยะยาว ศุภาลัยนำแบรนด์ “ปาล์มสปริงส์” ลงตลาดลพบุรีครั้งแรกในครึ่งปีหลัง เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ด้วยจุดแข็งด้านความน่าเชื่อถือ การออกแบบฟังก์ชัน และมาตรฐานการก่อสร้างที่เหนือกว่า

ศุภาลัย ปาล์มสปริงส์ ลพบุรี เป็นโครงการบ้านเดี่ยวหรู มูลค่า 1,950 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 93 ไร่ จำนวน 390 ยูนิต ภายใต้แนวคิด Tropical Modern โดดเด่นด้วยดีไซน์โปร่งโล่ง ผ่อนคลาย ใกล้ชิดธรรมชาติ พร้อมชมวิวภูเขา มีบ้านให้เลือก 9 แบบ พื้นที่ใช้สอย 122–330 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.99–13 ล้านบาท*

โครงการมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น คลับเฮาส์ ฟิตเนส สระว่ายน้ำ สวนส่วนกลางขนาดใหญ่ และนวัตกรรม Smart Home Automation ในทุกยูนิต รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง พร้อมกล้อง CCTV รอบโครงการ

โปรโมชั่นพิเศษ ในงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ Pre-sale วันที่ 16–17 สิงหาคมนี้ ซื้อบ้านแถมรถ* (*ตามเงื่อนไขบริษัท) ณ โครงการ “ศุภาลัย ปาล์มสปริงส์ ลพบุรี” สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1720 หรือ Facebook: Supalai

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวประจำจังหวัดลพบุรี / อนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / มุกดาหารระอุ! 3 วัน กวาดล้างยาเสพติดคำป่าหลาย ต.เดียว รวบ 44 ชีวิต – พระร่วมวงเสพ-ค้า ยึดยาบ้า – ปืน กลางหมู่บ้าน สะเทือนทั้งเมือง

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2568 นายชายสิทธิ์ สุวรรณโชติ นายอำเภอเมืองมุกดาหาร แถลงผลการปฏิบัติการตามนโยบาย “No Drug, No Dealer” ของรัฐบาล ที่ดำเนินต่อเนื่อง 3 วันรวด ระหว่างวันที่ 13–15 สิงหาคม 2568

โดยศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอเมืองมุกดาหาร พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ สภ.คำปลาหลาย สาธารณสุขอำเภอเมืองมุกดาหาร โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลคำปลาหลาย และเจ้าหน้าที่ อส. ระดมลงพื้นที่เป้าหมายสามารถจับกุมผู้กระทำผิดรวม 44 ราย

โดยเป็นผู้เสพ 43 ราย อายุ 17–53 ปี ถูกส่งเข้าสู่กระบวนการคัดกรองและบำบัดรักษา ผู้ค้า 1 ราย อยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมาย ตรวจยึดยาบ้าจำนวนมากพร้อมพร้อมอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ไว้เป็นของกลาง

นอกจากนี้ยังได้จับกุมพระสงฆ์ในพื้นที่อีก 1 รูป หลังพบเกี่ยวข้องกับการเสพและค้ายา เจ้าหน้าที่นำตัวลาสิกขาบทก่อนควบคุมตัวดำเนินคดี

นายชายสิทธิ์ กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากประชาชน ผู้สื่อข่าว และพระภิกษุสงฆ์ในพื้นที่ แสดงให้เห็นถึงพลังของชุมชนที่ต้องการสร้างความสงบและปลอดภัยให้สังคม พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่จะเดินหน้ากวาดล้างอย่างต่อเนื่องเพื่อตัดวงจรยาเสพติดในพื้นที่อำเภอเมืองมุกดาหาร

ชายสิทธิ์สุวรรณโชติ #นายอำเภอเมืองมุกดาหาร #NoDrugNoDealer #มุกดาหารเดือด #กวาดล้างยาเสพติด #พระค้ายา #มุกดาหาร #ข่าวด่วน #CrimeNews #ข่าวมุกดาหาร #พระค้ายา #CrimeNews #ข่าวไวรัล #ข่าววันนี้/////ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ ผู้​สื่อข่าว​ประจำ​จังหวัด​มุกดาหาร​ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ปลัดอบต.ภูคาร่วมกับสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน มอบเงินให้กับผู้ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากพายุวิภาน้ำป่าพัดบ้านเสียหายทั้งหมด

เมื่อวันที่16 สิงหาคม 2568 ณ บ้านหาดปลาแห้ง ต.บ่อ อ.เมืองน่าน จ.น่าน นายวิโรจน์ อุดนันท์ ปลัด อบต.ภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน ร่วมกับ นายบุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน ร.ต.อ.สถิตย์ ศรีประสม คณะกรรมการสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน มอบเงินให้กับครอบเด็กชายอนุชิต ไทยใหม่ นางสาวเสาวิมล บัวเหล็ก ผู้เป็นแม่จำนวนเงิน 20,200 บาท

ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากพายุวิภาน้ำป่าพัดบ้านเสียหายทั้งหมด รายที่ 2 มอบให้ครอบครัวนายชูชาติ สายแปง นางฟองจันทร์ แซ่ด่าน จำนวนเงิน 10,000 บาท ซึ่งหลังคาบ้านเสียหายเกือบทั้งหมดตัวบ้านมีรอยแตกร้าวซึ่งนายชูชาติไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากป่วยเป็นโรคไตต้องฟอกไตอย่างต่อเนื่อง ส่วนภรรยาขายของที่ตลาดบ้านหาดปลาแห้งและลูกชายเป็นลูกจ้างซ่อมรถมีรายได้เพียงวันละ 300 บาท รายที่ 3 มอบให้ครอบครัวนายถาวร

นางไสว ธนารัตน์ จำนวนเงิน 3.000 บาท รวมเป็นเงินที่มอบจำนวน 33,200 บาท(สามหมื่นสามพันสองร้อยบาทถ้วน)ด้านนายวิโรจน์ อุดนันท์ ปลัดอบต.ภูคา กล่าวว่าตนได้ทราบข่าวจากเพจ เฟสบุ๊คของนายบุญยงค์ สดสอาด นายกสมาสื่อมวลชนจังหวัดน่านจึงได้บอกบุญไปยังพวกเพื่อนๆ พี่ๆที่รู้จักกันทั้งในจังหวัดน่านและต่างจังหวัดจึงได้รวบรวมกันนำมามอบเงินที่ได้มาบางส่วนก็เจียดไปซื้อของอุปโภคบริโภคมอบให้ผู้ประสบอุทุกภัยที่อำเภอท่าวังผา

ตนต้องขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่ร่วมกันมอบเงินมาช่วยผู้ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ และขอให้มีความสุขความเจริญในหน้าที่การงานคิดสิ่งใดขอให้สมความมุ่งมาตปราถนาทุกประการครับ นายวิโรจน์ อุดนันท์กล่าว ส่วนเด็กชายอนุชิตไทยใหม่ ได้ขอบคุณมายังผู้ใจบุญที่เมตามามอบเงินและ

ได้โอนเงินมาเพื่อสมทบทุนสร้างบ้านหลังใหม่เป็นอย่างสูงครับ ดช.อนุชิตกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการมอบเงินในวันนี้มีเจ้าอาวาสอารามสงฆ์วัดหาดปลาแห้ง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านร่วมเป็นสักขีพยานในการมอบเงิน ในโอกาสเดียวกันนี้ทางผู้บริหารคณะครูโรงเรียนได้ฝากปชส.

📣 ขอความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำป่า นักเรียนโรงเรียนสารธรรมวิทยาคารโรงเรียนสารธรรมวิทยาคาร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน
ขอประชาสัมพันธ์เพื่อขอรับการสนับสนุนและความช่วยเหลือให้แก่
เด็กชายอนุชิต ไทยใหม่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งอาศัยอยู่ที่บ้านหาดปลาแห้ง ตำบลบ่อ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน โดยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากพายุ “วิภา” ทำให้ บ้านพักอาศัยถูกน้ำป่าพัดพาเสียหายทั้งหมด

🙏 ทางโรงเรียนจึงขอเชิญชวนผู้มีจิตเมตตาร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้านหลังใหม่ ให้เด็กชายอนุชิตมีที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ📌 ชื่อบัญชี: เด็กชายอนุชิต ไทยใหม่📌 ธนาคาร: ออมสิน 📌 เลขที่บัญชี: 020-387-835323

ขอขอบพระคุณในน้ำใจของทุกท่านที่ร่วมเป็นพลังเล็กๆ เพื่อฟื้นฟูอนาคตของนักเรียนคนหนึ่ง ให้สามารถกลับมายืนหยัดและเดินหน้าสู่ความฝันได้อีกครั้ง 💖/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ร. ต.อ.สถิตย์ ศรีประสม รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / รอง ผบ.ตร.เปิดโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากร กองทุนเพื่อการสืบสวน สอบสวน การป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทางอาญา

วันนี้ (14 สิงหาคม 2568) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นประธานพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากร กองทุนเพื่อการสืบสวน สอบสวน การป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทางอาญา ประจำปี พ.ศ.2568 ณ ห้องแจ้งยอดสุข อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โครงการฝึกอบรมฯ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 – 15 สิงหาคม 2568 ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ที่บัญญัติให้จัดตั้งกองทุนขึ้นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียกว่า “กองทุนเพื่อการสืบสวน สอบสวน การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้จ่ายในงานสืบสวน สอบสวน การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรของกองทุน จึงได้อนุมัติให้สำนักงานงบประมาณและการเงิน

โดยกองการเงิน ดำเนินการจัดโครงการฝึกอบรม เพื่อพัฒนาบุคลากรของกองทุน ให้มีความรู้ความเข้าใจในระเบียบ หลักเกณฑ์ และวิธีการในการรับ เก็บรักษา การจ่ายเงินกองทุน รวมถึงแนวทางปฏิบัติในการเบิกจ่ายเงินกองทุนได้อย่างถูกต้อง และลดข้อผิดพลาดในการปฏิบัติงาน โดยในระหว่างเดือนมีนาคม 2568 ถึงปัจจุบัน กองทุนได้ดำเนินการจัดฝึกอบรมให้กับบุคลากรของกองทุนในสังกัดตำรวจภูธรภาค 1 – 9 ไปแล้วรวมทั้งสิ้น 7,458 คน

โดยในวันนี้เป็นการจัดอบรมให้กับหน่วยงานในส่วนกลาง จำนวน 383 คน จากหน่วยงานกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด, สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน, กองบัญชาการตำรวจสันติบาล, กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว, กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และผู้สังเกตการณ์จากสำนักงานตรวจสอบภายใน

พล.ต.อ.กรไชยฯ กล่าวว่า กองทุนเพื่อการสืบสวน สอบสวน การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา ถือว่าเป็นทุนหมุนเวียนในกำกับดูแลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นกองทุนหลักที่ช่วยสนับสนุนงานด้านการสืบสวน สอบสวน การป้องกันและปราบปรามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างแท้จริง

ขอให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมทุกท่านซึ่งเป็นกำลังหลักขับเคลื่อนการเบิกจ่ายเงินกองทุน นำความรู้ที่ได้รับจากการฝึกอบรมไปปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพ บรรลุตามวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการฝึกอบรม และให้ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดของหน่วยบริหารกองทุน ให้ความสำคัญในการตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินให้เป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

เพื่อลดข้อผิดพลาดจากการเบิกจ่ายเงิน ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะช่วยเสริมการปฏิบัติหน้าที่งานสืบสวน สอบสวน ปราบปราม ของเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลความปลอดภัยพี่น้องประชาชนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ทับสะแกกวาดล้าง กลุ่มผู้ค้า/ ผู้เสพยาเสพติด ภายใต้ยุทธการเมืองสามอ่าวล้างบางยาเสพติด” จ.ประจวบฯ รวบผู้ต้องหา 5 ราย ยาบ้า 79 เม็ด

วันที่ 13 สิงหาคม 2568 ภายใต้การอำนวยการของ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะผอ.ศูนย์อำนวยการ ปส.จ.ประจวบคีรีขันธ์สั่งการให้ นายสิทธิพร คงหอม นายอำเภอทับสะแก ในฐานะผอ.ศป.ปส.อ.ทับสะแก มอบหมายให้ นายทนงศักดิ์ รุ่งรัศมี ปลัดอาวุโส เจ้าพนักงาน ป.ป.ส อำเภอทับสะแก นายพงศ์นรินทร์ สุขประเสริฐ ปลัดอำเภอ

พร้อมด้วย สมาชิก อส.อ.ทับสะแกที่ 6 นายธนพล ยอดแก้วผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 8 ตำบลเขาล้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 8 ตำบลเขาล้าน ตรวจสอบการลักลอบการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในพื้นที่ตำบลเขาล้าน จากการตรวจสอบได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจำนวน 5 ราย ซึ่งพนักงานฝ่ายปกครองได้แจ้งข้อกล่าวหา ดังนี้

  1. นายสราวุธ สงวนนามสกุล มียาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) จำนวน 44 เม็ด โดยกล่าวหาว่า จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
  2. นายสุนทร สงวนนามสกุล มียาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) จำนวน 35 เม็ด โดยกล่าวหาว่า จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย
  1. นายอนุ สงวนนามสกุล โดยกล่าวหาว่า เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย
  2. นายพิพัฒน์ชัย สงวนนามสกุล สมัครใจเข้ารับการบำบัด
  3. นายนครินทร์ สงวนนามสกุล สมัครใจเข้ารับการบำบัด
    พร้อมของกลางทั้งหมด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) จำนวน 79 เม็ด โดยได้บันทึกการจับกุมส่งพนักงานสอบสวนสภ.ทับสะแก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ตามนโยบายรัฐบาล”เปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด No Drugs Noท Dealers ผนึกกำลัง ชุมชนปลอดภัยยาเสพติดและการขับเคลื่อนงานระยะเร่งด่วน(Quick Win ) “ 5 ไร้ทุกข์ 3 สร้างสุข” ตามนโยบายกระทรวงมหาดไทยโดยดำเนินการการขับเคลื่อนงาน “ไร้ทุกข์ที่ 1” (การป้องกันปราบปรามยาเสพติด เพื่อช่วยเหลือเยียวยาคืนคนดีสู่สังคม) ได้ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น จับกุมผู้ค้า/ผู้เสพและผู้ติดยาเสพติด (สัปดาห์สีแดง) และยุทธการเมืองสามอ่าวล้างบางยาเสพติด”อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

/////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /มณฑลทหารบกที่ 38 จัดพิธีวันสถาปนาครบรอบ 35 ปี

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 มณฑลทหารบกที่ 38 จัดพิธีวันคล้ายวันสถาปนาหน่วย ครบรอบปีที่ 35 ณ สโมสรนายทหาร ค่ายสุริยพงษ์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน โดยมี พลตรีบุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 เป็นประธานจัดงาน

ภายในพิธี คณะผู้บังคับบัญชาและกำลังพลได้ร่วมกันบำเพ็ญกุศลอุทิศส่วนกุศลให้แก่กำลังพลและอดีตผู้บังคับบัญชาที่ล่วงลับ พร้อมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่หน่วย

โอกาสนี้ พลเอกวิจักขฐ์ สิริบรรสพ ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี ร่วมด้วย นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน อดีตผู้บังคับบัญชา หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยทหารในพื้นที่ ข้าราชการบำนาญ กำลังพล และครอบครัว ร่วมแสดงความยินดี

ทั้งนี้ มณฑลทหารบกที่ 38 ยังได้จัดบูทแสดงผลิตภัณฑ์จากโครงการ “ทหารพันธุ์ดีน่าน” ให้ผู้ร่วมงานได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมทั้งโรงพยาบาลค่ายสุริยพงษ์นำชุดแพทย์เคลื่อนที่มาให้บริการตรวจวัดความดันและให้คำแนะนำด้านสุขภาพ

สร้างบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง ภายใต้เจตนารมณ์การปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติบ้านเมืองและการดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด/ภาพ/ ร.ต.อ.สถิตย์ ศรีประสม/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ ทีมข่าวสมาคม รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สภ.ละแม จับกุมผู้ค้าและเสพจำนวน 3 ราย

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 ปฏิบัติการกวาดล้าง ยาเสพติด “No Drugs No Dealers” ในห้วงระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระยะแต่วันที่ 18 ก.ค.68-30 ก.ย.68 วันที่ 15 สิงหาคม 2568 ได้รับแจ้งจาก พ.ต.อ.อนันท์ อนุตรเวสารัช ผกก.สภ.ละแม วันที่ 14 ส.ค.68 เวลาประมาณ 13.30 น.

ร่วมกับ นายอเนกชำนาญนานายอำเภอละแม สั่งการให้ นายวิบูลย์ เกลี้ยงสงค์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกัน พ.ต.ท.สุชาติ สิงหา รอง ผกก.สส.สภ.ละแม และ พ.ต.ท.พชร อ่วมทองดี รอง ผกก.ป.สภ.ละแม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ละแม นำโดย พ.ต.ต.โตษณ พันธุ์ทอง สว.สส.สภ.ละแม พร้อมด้วย ร.ต.อ.ธนธัช ประเทียบอินทร์ รอง สว.สส.สภ.ละแม,ร.ต.ต.ธานินทร์ ทองแดง รอง สว.(สส.)สภ.ละแม, ด.ต.ทินกร ทองอ่อน ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ละแม และ ส.ต.ท.สุวพันธ์ ดำวรรณ ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ละแม ในห้วงระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระยะแต่วันที่ 18 ก.ค.68-30 ก.ย.68

พ.ต.ต.โตษณ พันธุ์ทอง สว.สส.สภ.ละแม ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า พื้นที่ ม.4 ต.สวนแตง มีวัยรุ่นมั่วสุมเสพยาเสพติด จำหน่ายยาเสพติด ให้กับวัยรุ่นในพื้นที่ จึงได้รายงาน พ.ต.อ.อนันท์ อนุตรเวสารัช ผกก.สภ.ละแม ผู้บังคับบัญชาทราบ จึงเดินทางไปตรวจสอบ

จากการตรวจสอบบ้านเลขที่ 14/2 ม.4 ต.สวนแตง อ.ละแม จังหวัดชุมพร นาย ปราโมทย์หรือโช้ง มีการมั่วสุมยาเสพติดจริง จึงได้จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย พร้อมด้วยยาเสพติด ยาบ้าจำนวน 9 เม็ด และยาไอซ์ 0.03 กรัมภายในบ้าน ที่บ้านมีลักษณะมั่วสุมเสพยาเสพติดกัน นายธีรภัท หรือธี ชาวต.สวนแตง อ.ละแม จ.ชุมพร นางสาว เสาวลักษณ์ หรือกิ๊ฟ ชาว ต.ปังหวาน อ.พพโต๊ะ จ.ชุมพร ได้นำตัว ทั่ง 3 คนตรวจปัสสาวะจากโรงพยาบาลละแม พบสารเมทแอมเฟตามิน ทั้งสามราย ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้ข้อกล่าวหา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามิน) โดยไม่ได้รัยอนุญาต จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ละแม เพื่อดำเนินตามกฎหมายต่อไป

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง