สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / “เจ้าท่า” เปิดอบรมเครือข่ายอาสาวารี รุ่น 47 เน้น !! สร้างเครือข่ายความปลอดภัยทางน้ำยั่งยืน ในพื้นที่ ‘ทะเลอีสาน’”

วันที่ 16 มีนาคม 2568 ที่บึงงามรีสอร์ท ตำบลบึงโขงหลง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม โดยสำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ ได้จัดโครงการอบรมเครือข่ายอาสาวารี รุ่นที่ 47 โดยมี นายประภูศักดิ์ จินตะเวช ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายอารยัน รัตนพันธุ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านส่งเสริมการขนส่งทางน้ำ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของโครงการ พร้อมทั้งย้ำถึงความสำคัญของการรณรงค์ด้านความปลอดภัยทางน้ำในปี พ.ศ. 2568 ซึ่งเป็นปีแห่งความสุขและความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนตามนโยบาย “คมนาคม

เพื่อโอกาสประเทศไทย” และ “ราชรถยิ้ม” ของกระทรวงคมนาคม จากนั้น นายพนมวัสส์ วุฒาพาณิชย์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดบึงกาฬ กล่าวต้อนรับ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณเเละเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างเครือข่ายอาสาสมัครในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญ

ในการเสริมสร้างความปลอดภัยและการเฝ้าระวังเหตุทางน้ำในจังหวัดบึงกาฬและพื้นที่ใกล้เคียง มีนายทวี ชิณรงค์ นายอำเภอบึงโขงหลง นายนิพนธ์ คนขยัน สส.บึงกาฬ เขต 3 นายวิทยา ภารจรัส นายกเทศมนตรีตำบลบึงโขงหลง พ.ต.อ.มานะ ธัญญะวานิช ผกก.สภ.บึงโขงหลง หัวหน้าส่วนราชการ อาสาสมัครผู้เข้ารับการอบรมกว่า 150 คน ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

นายประภูศักดิ์ จินตะเวช ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การจัดโครงการอบรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบาย “คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” และ “ราชยิ้ม”

โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคประชาชนในการรณรงค์ความปลอดภัยทางน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวทางน้ำที่มีชื่อเสียง เช่น ถ้ำนาคา ศาลปู่อือลือ และหาดคำสมบูรณ์ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดบึงกาฬ และได้รับขนานนามว่า “ทะเลอีสาน” เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางน้ำ

นายอารยัน รัตนพันธุ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า เครือข่ายอาสาวารี รุ่นที่47 ที่จังหวัดบึงกาฬ เป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำที่สำคัญ และมีศักยภาพในการพัฒนาให้เป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจของประเทศ ทุกคนต่างรู้ดีว่า การรักษาความปลอดภัยทางน้ำเป็นสิ่งที่มีความสำคัญยิ่ง และในปี 2568 นี้ กรมเจ้าท่าจะยังคงดำเนินการตามนโยบาย

“คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” และ”ราชรถยิ้ม” เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวมีความมั่นใจในการเดินทางทางน้ำ ซึ่งการอบรมในวันนี้จะช่วยเสริมสร้างความรู้และทักษะในการดูแลความปลอดภัยทั้งในด้านการป้องกันอุบัติเหตุ การช่วยเหลือผู้ประสบภัย และการดูแลสิ่งแวดล้อมทางน้ำ ที่เรามุ่งหวังให้เกิดการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและประชาชนอย่างยั่งยืน”

การอบรมเครือข่ายอาสาวารีรุ่นที่ 47 จะร่วมเสริมสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยทางน้ำให้กับผู้เข้าร่วมอบรมกว่า 150 คน จากเครือข่ายภาคประชาชนและหน่วยงานท้องถิ่น โดยเน้นการปฏิบัติงานร่วมกันในด้านต่าง ๆ เช่น การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ

การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การสอดส่องดูแลสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ รวมถึงการปลูกฝังความรู้สึกถึงความสำคัญของความปลอดภัยทางน้ำให้กับประชาชนในพื้นที่ พร้อมเพิ่มความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุทางน้ำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบทั้งในด้านชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศ
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / โครงการวิทยาลัยป้องกันกิเลส (วปก.) รุ่นที่ 29 วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร

โครงการวิทยาลัยป้องกันกิเลส (วปก.) รุ่นที่ 29 จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2554 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสืบสานพระพุทธศาสนา ส่งเสริมคุณธรรมในชีวิตประจำวัน และพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ที่เข้าร่วมการอุปสมบท ทั้งนี้ยังเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ โครงการนี้ได้ดำเนินการมาแล้วกว่า 29 รุ่น ซึ่งในรุ่นนี้ มีผู้เข้าร่วมอุปสมบท 59 รูป แบ่งเป็นคนไทย 58 รูป และชาวต่างชาติ 1 รูป จากประเทศเมียนมา โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่รุ่นที่ 1 ถึงรุ่นที่ 29 มีผู้เข้าร่วมอุปสมบทมากกว่า 5,000 รูป

โครงการ วปก. ก่อตั้งขึ้นโดย สมเด็จพระธีรญาณมุนี (วรชาโย) เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ในการถวายเป็นพุทธบูชาและพระราชกุศล เพื่อสร้างบุคลากรที่เปี่ยมด้วยคุณธรรม จริยธรรม และจิตสำนึกต่อสังคม โดยการบวชถือเป็นการบำเพ็ญบุญที่ทรงคุณค่า อันจะนำไปสู่ความสงบสุขและความเจริญของประเทศชาติ

ในปีนี้ได้รับความเมตตาจาก พระธรรมวชิรปาโมกข์ (ธนู วรธนุ ป.ธ.๔) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์ และ พระศรีวิศาลคุณ (จีรพันธ์ วรญาโณ ป.ธ.๗) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เป็นพระกรรมวาจาจารย์และผู้ดูแลโครงการเดินทางไปประเทศอินเดีย โดยโครงการได้รับการสนับสนุนจากศิษยานุศิษย์ คณะสหธรรมิก และผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมาก ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้โครงการเติบโตและได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องทุกปี

กำหนดการเดินทางปฏิบัติธรรม และเยี่ยมชม 4 พุทธสังเวชนียสถาน วันที่ 5: กรุงเทพฯ – เจดีย์พุทธคยา (ประเทศอินเดีย)
วันที่ 6: ร่วมทำบุญมหาทานผ้าป่า และเยี่ยมชมพุทธรูปหินโบราณ ณ พุทธคยา
วันที่ 7: เยี่ยมชมสถูปบ้านบิดานางสุชาดา สถานที่ถวายข้าวมธุปายาส
วันที่ 8: เดินทางไปยังเขาคิชฌกูฏ และวัดเวฬุวัน ณ เมืองราชคฤห์
วันที่ 9: เยี่ยมชมกูฎาคารศาลา ปาวาลเจดีย์ เมืองไวสาลี
วันที่ 10: เดินทางไปยังสาลวโนทยาน กุสินารา สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า
วันที่ 11: เดินทางสู่ลุมพินี ประเทศเนปาล สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า
วันที่ 12: เยี่ยมชมวัดพระเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี
วันที่ 13: เยี่ยมชมสารนาถ เมืองพาราณสี สถานที่แสดงปฐมเทศนา
วันที่ 14: พักปฏิบัติธรรม ณ เมืองพาราณสี
วันที่ 15: เดินทางกลับมายังเจดีย์พุทธคยา
วันที่ 16: ออกเดินทางกลับประเทศไทย
วันที่ 17:

  • ช่วงเช้า: พิธีตักบาตรพระใหม่ นำโดย สมเด็จพระธีรญาณมุนี ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร
  • ช่วงเที่ยง: พิธีฉลองพระใหม่ และลาสิกขาบท
  • การเดินทางครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้เข้าร่วมในการศึกษาและซึมซับหลักธรรมคำสอนจากสังเวชนียสถานทั้ง 4 อันเป็นสถานที่สำคัญในพระพุทธศาสนา รวมถึงเป็นการเสริมสร้างความศรัทธาและปัญญาในการดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร “ร่วมกันสืบทอดพระพุทธศาสนา สร้างคุณค่าทางจิตใจให้สังคมไทย”

โดย: พระคุณวํโว ธนพงศ์ งานรุ่งเรือง วปก29

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กระทรวงวัฒนธรรม จับมือ สจล. ขับเคลื่อน “1 ครอบครัว 1 พลังสร้างสรรค์” ปลุก Soft Power ไทยสู่เวทีโลก!/กองทัพภาคที่ 2 ส่งเสริมทหารกองประจำการที่จะปลด ให้มีงานทำ มีรายได้ ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน

กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ “1 ครอบครัว 1 พลังสร้างสรรค์” (One Family One Soft Power – OFOS) หวังยกระดับแรงงานไทยสู่ทักษะสูง พร้อมปั้น Soft Power ไทย ให้แข็งแกร่ง ผ่าน 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568 นางแสงเพชร ลําไธสง วัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ “1 ครอบครัว 1 พลังสร้างสรรค์” ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 มีนาคม 2568 ณ โรงแรม ดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โคราช

อบรมเข้ม! 4 อุตสาหกรรม Soft Power ดันไทยสู่ตลาดโลก กิจกรรมอบรมครั้งนี้เน้นการ Upskill และ Reskill ให้แก่ ผู้ประกอบการรายย่อยและชุมชน โดยมี ผู้เชี่ยวชาญ ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคนิคเชิงปฏิบัติใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ การท่องเที่ยว – ออกแบบประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
ศิลปะ – ต่อยอดศิลปะพื้นบ้านสู่ระดับสากล ดนตรี – ผลักดันดนตรีไทยร่วมสมัยให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ อาหาร – พัฒนาเมนูอาหารไทยให้โดดเด่นในตลาดโลก

เป้าหมาย 2,400 คนทั่วประเทศ ปั้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยให้เติบโตโครงการมีแผน คัดเลือกผู้เข้าร่วมจาก 20 จังหวัดทั่วประเทศ ตั้งเป้าอบรม 2,400 คน หวังปูทางให้ไทยก้าวขึ้นเป็น ผู้นำ Soft Power ระดับโลก Soft Power ไทย พร้อมสู่เวทีโลก! Soft Power กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและวัฒนธรรม เช่นเดียวกับปรากฏการณ์ “ญี่ปุ่นฟีเวอร์” ในยุค Gen X และ “เกาหลีฟีเวอร์” ในยุค Gen Z โครงการนี้มุ่ง สร้างอัตลักษณ์ Soft Power ไทย ให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล

โครงการ “1 ครอบครัว 1 พลังสร้างสรรค์” ถือเป็น ก้าวสำคัญ ในการเสริมสร้างศักยภาพคนไทยผ่าน อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ พร้อมผลักดัน Soft Power ไทยสู่ระดับโลก โดยใช้ วัฒนธรรม ศิลปะ และนวัตกรรม เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่าง ยั่งยืน

กันตินันท์ เรืองประโคน/ รายงาน

กองทัพภาคที่ 2 ส่งเสริมทหารกองประจำการที่จะปลด ให้มีงานทำ มีรายได้ ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน

พลตรี นรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมส่งเสริมการมีงานทำให้ทหารกองประจำการที่จะปลดเป็นทหารกองหนุน ประจำปี 2568 ที่ห้องศรีพัชรินทร สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา โดยมี นางนิธิอร บุญญานุสิทธิ์ จัดหางานจังหวัดนครราชสีมา ผู้บังคับหน่วย ทหารกองประจำการ ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 300 คน

โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วย การบรรยายในหัวข้อ “การเตรียมความพร้อมเช้าสู่ตลาดแรงานและแนะนำภารกิจกรมการจัดหางาน” การรับสมัครสอบคัดเลือกผู้ฝึกปฏิบัติงานเทคนิคคนไทยไปฝึกงานประเทศญี่ปุ่น โดยผ่านองค์กร IM JAPAN การให้ความรู้จากหน่วยงานต่าง ๆ 6 แห่ง การสาธิตอาชีพอิสระ จำนวน 4 อาชีพ ได้แก่ การทำขั่วหมี่โคราชกรอบซอสมัลเบอรี่, การทำหมี่คลุกไก่ฉีก, การทำกิมจิ ผักดองสูตรเกาหลี, การทำพุดดิ้งเต้าฮวยนมสด การรับสมัครงานจากสถานประกอบการ 4 แห่ง 1) บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน)

  • สาขาโคราช 2 (แม็คโครหัวทะเล)
  • สาขานครราชสีมา (แม็คโครเซฟวัน)
    2) บริษัท นครชัย 21 จำกัด และบริษัท นครชัยทัวร์ จำกัด
    3) บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
    4) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)
    การแนะแนวการศึกษาต่อระบบทวิภาคี
  • วิทยาลัยเทคโนโลยีชนะพลขันธ์ นครราชสีมา (C-TECH)
    การให้คำแนะนำด้านสุขอนามัย การป้องกันโรคติดต่อ ความรู้เกี่ยวกับ HIV และตรวจคัดกรองสุขภาพ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เบื้องต้น
    *มูลนิธิเอ็มพลัส สาขานครราชสีมา
    ชมนิทรรศการโลกอาชีพ
    กิจกรรมนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหม โดยกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี และกระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดนครราชสีมา ได้คำนึงถึงความสำคัญ และอนาคตของทหารกองประจำการที่จะปลดเป็นทหารกองหนุน ได้มีงานทำ มีรายได้ สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเจริญก้าวหน้า และช่วยลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานในสถานประกอบการ

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าประจวบฯ เปิดโครงการจังหวัดเคลื่อน เพื่อช่วยเหลือบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน พื้นที่ ต.อ่างทอง

วันนี้ 12 มี.ค. 2568 ที่ศาลาประชุมหมู่บ้านสีดางาม ม.3 ตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย แพทย์หญิงบุษกร สวัสดิ์แสน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน” หรือ โครงการจังหวัดเคลื่อนที่ ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมี นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล นายสินาทร โอ่เอี่ยม นายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ นายสุธี เล้าสุบินประเสริฐ ปลัดจังหวัด นางสาวจีรประภา สาระประจวบ หัวหน้าสำนักงานจังหวัด

นายสิทธิพร คงหอม นายอำเภอทับสะแก นายบังเอิญ พึ่งโพธิ์ทอง นายกอบต.อ่างทอง นายผดุงศักดิ์ อิ่มทั่ว ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอทับสะแก นายชลิต เพชรดี กำนันตำบลอ่างทอง หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่อำเภอทับสะแก ข้าราชการ ผู้นำชุมชน และประชาชนจำนวนมากร่วมพิธี ในการนี้ ได้รับเมตตาจาก พระครูผาสุกวิหารการ เจ้าคณะอำเภอทับสะแก วัดอ่างสุวรรณ ได้กล่าวสัมโมทนียกถา ให้ศีลให้พรแก่ประชาชน จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ กล่าวเปิดโครงการ และชี้แจงแนวทางการแก้ไขปัญหาความต้องการของประชาชนในพื้นที่ตำบลอ่างทอง ช่วงถนนอ่างทอง-หนองมะค่า ม.1,ม.5 และ

ถนนสายหนองหอย-มรสวบ ม.5,ม.8 เชื่อมตำบลชัยเกษม พร้อมทั้งระบุว่า จากที่ได้รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของพื้นที่ ต.อ่างทอง ได้ประสานหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน เร่งดำเนินการแก้ปัญหาการบริหารจัดการขยะ ขุดลอกคูคลอง นอกจากนี้ นายกเหล่ากาชาดจังหวัด ได้ประชาสัมพันธ์ในเรื่องการขอรับบริจาคเลือดแก่กาชาด เพื่อนำไปช่วยผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือ ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้ประกาศวาระ “Next Move Prachuap ประจวบต้องไปต่อ” 10 หัวข้อ รวมถึงกลยุทธการสร้าง Wellness Economy 8 หัวข้อที่จะเป็นการเร่งขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ต่อไป

โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ร่วมกับคณะผู้บริหารจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการ ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้มงคลภายในบริเวณศาลาหมู่บ้าน และได้เดินเยี่ยมชมบูธจากหน่วยงานต่างๆที่อยู่ในบริเวณที่จัดงาน ซึ่งมีหน่วยงานภาครัฐมาร่วมออกให้บริการประชาชนเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปติดต่อราชการ ณ สถานที่ตั้ง รวมทั้งได้มอบพันธุ์ปลาน้ำจืดให้กับผู้นำท้องที่ และมอบเเตนเบียนบราคอนให้แก่ผู้แทนเกษตรและผู้นำชุมชนเพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้าน และร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการมอบสิ่งของอุปโภคบริโภค โดยมาจากพระราชรัตนวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เจ้าอาวาสวัดกุยบุรี 100 ชุด จากสถานีกาชาดหัวหินเฉลิมพระเกียรติ 100 ชุด และจากสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดฯ 100 ชุด รวมจำนวน 300 ชุด มอบให้แก่ประชาชน

ซึ่งก่อนหน้านี้ช่วงเวลา 08.00 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและพบปะผู้บริหาร คณะครู บุคลากร และนักเรียนโรงเรียนบ้านสีดางาม เพื่อมอบอุปกรณ์กีฬาให้แก่โรงเรียน พร้อมกับได้แนะนำแนวทางด้านการศึกษาแก่เด็กนักเรียน โดยชี้ให้เห็นความสำคัญด้านวิชาการ เช่น คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ เทคโนโลยี และความรู้ด้าน AI ซึ่งเป็นเรื่องที่มีบทบาทมากในปัจจุบัน เด็กๆก็ได้แสดงความเห็นในเรื่องอาชีพที่ใฝ่ฝันในอนาคต เช่น อยากเป็นผู้พิพากษา และจากนั้น ได้ลงพื้นที่เยี่ยมครัวเรือนผู้พิการ และได้มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคให้แก่ประชาชนที่บ้านใน ต.อ่างทอง อ.ทับสะแก จำนวน 2 หลังอีกด้วย

สภาพและข้อมูลพื้นฐาน ตำบลอ่างทอง ทิศเหนือจรดตำบลนาหูกวาง ทิศใต้จรดตำบลชัยเกษมและตำบลธงชัย ทิศตะวันออกจรดอ่าวไทย ทิศตะวันตกจรดสหภาพพม่า มีพื้นที่ทั้งหมด 104 ตารางกิโลเมตร หรือ 65,000 ไร่ เป็นพื้นที่ลาดเอียงจากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก มีภูเขาสูงทางทิศตะวันตก และมีที่ราบส่วนใหญ่สลับภูเขาเล็กน้อย อาชีพหลักชาวบ้านได้แก่ ทำสวน ทำไร่ ประมง สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญได้แก่ วัดอ่างทอง วัดวังยาง วัดอ่างสุวรรณ ชายหาดลับทับสะแก เกาะรำร่า เป็นต้น และมีปัญหาหลักที่สำคัญในพื้นที่ ได้แก่ ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาศัตรูมะพร้าวและปัญหาชายฝั่งกัดเซาะ
/////////////////////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

SSIร่วมสร้างสรรค์สังคมเพื่อวันพรุ่งนี้ที่ยั่งยืน รับรางวัลองค์กรต้นแบบสุขภาวะดีเด่นระดับก้าวหน้า

นางสาวสุริยา ดวงมณี (ที่ 3 จากขวา) หัวหน้าสายทรัพยากรบุคคลและธุรการ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือเอสเอสไอ เป็นผู้แทนบริษัทฯ รับรางวัล “องค์กรสุขภาวะดีเด่นระดับก้าวหน้า ในโครงการส่งเสริมงานสุขภาวะในองค์กรเพื่อคุณภาพชีวิตในการทำงานที่ดี” จากนายแพทย์พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ (กลาง) ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์คอนเวนชั่น เมื่อเร็วๆ นี้

โดยโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือของสสส.และสมาคมนักสร้างสุขภาวะองค์กร เพื่อส่งเสริมการมีวิถีชีวิตสุขภาวะทั้ง 4 มิติ (กาย ใจ สังคม และจิตปัญญา) และดูแลคุณภาพชีวิตบุคลากรในองค์กร ทั้งนี้ เอสเอสไอได้นำแนวคิดการสร้างองค์กรสุขภาวะ (Happy workplace) และความสุข 8 ประการ (Happy 8) มาสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานของพนักงานซึ่งสอดคล้องกับค่านิยมของเอสเอสไอ iFacts+ (คนเก่ง ดี มีใจ) ส่งเสริมให้บุคลากรมีความพร้อม และร่วมสร้างสรรค์การดำเนินงานและสังคมที่ดีเพื่อวันพรุ่งนี้ที่ยั่งยืน

เอสวีแอล กรุ๊ป เสริมสร้างความรู้เยาวชน สร้างแกนนำคัดแยกขยะ เพื่อดูแลธรรมชาติอย่างยั่งยืน

เอสวีแอล กรุ๊ป โดยทีมชุมชนสัมพันธ์และพัฒนาชุมชน ร่วมกับเครือข่ายชุมชนต้นแบบ บ้านทางสาย บ้านระหาร และอาสาชวนน้องรักษ์โลก จัดกิจกรรมเรียนรู้การคัดแยกขยะที่ถูกต้อง ภายใต้แนวคิด “อ่านป้ายก่อนทิ้งลงถัง” โดยมีเยาวชนจาก 8 โรงเรียน ได้แก่ รร.บ้านห้วยทรายขาว, รร.บ้านดอนทอง, รร.บ้านดอนสง่า, รร.วัดนาผักขวง, รร.วัดดอนยาง, รร.บ้านหนองมงคล, รร.บ้านถ้ำเขาน้อย และ รร.อนุบาลบางสะพาน รวมกว่า 300 คน เข้าร่วมในโครงการ “กิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือและเนตรนารี” ประจำปี 2568 เอสวีแอล กรุ๊ป(SVL Group) มุ่งเน้นการปลูกฝังความรู้ด้านการจัดการขยะและสร้างแกนนำเยาวชน เพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยจัดขึ้นที่ศาลาเอนกประสงค์บ้านห้วยทรายขาว ต.กำเนิดนพคุณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ _ หลายหน่วยงานร่วมกิจกรรม โครงการดำเนินงานตำบลยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปี งบประมาณ 2568

วันที่ 12 มี.ค.68 พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.ภาคภูมิ โห้ใย รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ (สส./ปส.) มอบหมายสั่งการให้ พ.ต.อ.วีระพัฒน์ เกตุษา ผกก.สภ.ห้วยยาง พ.ต.ท.สหธัญ กำบิลดีลิราช รอง ผกก.ป.สภ.ห้วยยาง ว่าที่ พ.ต.ท.กฤษดา เหนี่ยวพึ่ง สวป.สภ.ห้วยยาง ชป.ตำบลยั่งยืน สภ.ห้วยยางพร้อมด้วยภาคีเครือข่ายและผู้นำชุมชน ประกอบด้วย พระมหาสัญญา สิทฺธิญาโณ เจ้าคณะตำบลห้วยยาง

นายฉัตรชัย ค้างาม ปลัดอำเภอทับสะแกฝ่ายความมั่นคง นางณุกานดา จันทรภรณ์ สาธารณสุขอำเภอทับสะแก นายภัทรดนัย สมศรี กำนันตำบลแสงอรุณ นายสุรศิลป์ ยนปลัดยศ นายก อบต.แสงอรุณ นางวิภาภรณ์ ภัทรภิญโญ ผอ.สกร.อำเภอทับสะแก นางรัตนากร ศรวัฒนา พัฒนาการอำเภอทับสะแก นายชาตรี วณิชวรสกุล ประธาน กต.ตร.สภ.ห้วยยาง ผอ.รพ.สต.บ้านหินเทิน ผญ.บ้านไร่ใน ม.1 และ ผญ.บ้านแสงทอง ม.2 ต.แสงอรุณ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน,อสม.,ชรบ.,อส., ทหารชุดเฉพาะกิจ ฉก.จงอางศึก พร้อมด้วย ประชาชนบ้านไร่ในและบ้านแสงทอง

ร่วม kick off เปิดโครงการดำเนินงานตำบลยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ณ ศาลาประชาคมบ้านไร่ใน ม.1 ต.แสงอรุณ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมนี้ได้ร่วมกันลงนามข้อตกลงการดำเนินโครงการฯ (MOU) เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมี นายสิทธิพร คงหอม นายอำเภอทับสะแก เป็นประธานในพิธี
////////////////////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

กลุ่มตัวแทนผู้ที่สอบผ่านจำนวนกว่า 50 คน รวมตัวหน้ากระทรวงมหาดไทยเพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม หลังสอบผ่าน

วันพุธที่ 12 มีนาคม 2568 กลุ่มตัวแทนผู้ที่สอบผ่านจำนวนกว่า 50 คน รวมตัวบริเวณหน้ากระทรวงมหาดไทยเพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม
โดยมีคุณ นิชานันท์ ทรัพย์สมบูรณ์ หัวหน้ากลุ่มงานร้องทุกข์สำนักรัฐมนตรี
ร่วมกับ ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย โดยกระทรวงมหาดไทย ขอประสานให้กลุ่มตัวแทนจำนวน10 คน เข้าพบ นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขามท.1 และ อ.มนัส สุวรรณรินทร์ ผู้ตรวจการกระทรวงมหาดไทย (โฆษกกระทรวงมหาดไทย)

โดยกลุ่มตัวแทนได้นำเสนอข้อมูลปัญหาสถานะปัจจุบันปัญหาของการสรรหาสายบริหารท้องถิ่นจังหวัดสมุทรปราการ
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการทุจริตปัญหาข้อสอบที่ผิดพลาดหรือการตรวจสอบรายงานปัญหาจากมหาวิทยาลัยธัญบุรี ตลอดจนข้อมูลสรุปผลการประชุมการออกเสียง 4:3 เสียง ของคณะอนุสรรหา

พร้อมชี้แจงเหตุผลที่จังหวัดสมุทรปราการแจ้งว่าข้อสอบไม่ได้มาตรฐานนั่นกลุ่มผู้ยื่นเรื่องได้ให้ข้อสังเกตุว่ามหาลัยผู้ออกข้อสอบก็ชี้แจงเรื่องนี้แล้ว ประกอบกับอีก 8 จังหวัดที่ใช้ข้อสอบและกระบวนการเดียวกัน ไม่ได้มีปัญหาดังกล่าว
ทั้งนี้ นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขามท.1 โทรศัพท์สายตรงกับผวจ.สมุทรปราการ ได้ข้อสรุปว่า วันที่ 13 มีนาคม 2568 จะมีข้อสรุปในที่ประชุม ก.จังหวัดที่ชัดเจนสรุปโดยจะไม่โยนเรื่องส่งต่อไปมาให้หน่วยงานอื่นใดพิจารณาอีก ไม่ว่าจะเป็นการประกาศผลการขึ้นบัญชีหรือประกาศยกเลิกผลการสอบก็ตาม

ล่าสุด การประชุม กทจ.และก.อบต จังหวัดสมุทรปราการ ในช่วงเช้าวันที่ 13 มีนาคม 2568 นี้ มีผลสรุปมติในที่ประชุมตรงกันคื ในการประชุมคณะอนุสรรหาสายงานผู้บริหารของจังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมานั้น มติการโหวตให้ประกาศผลการขึ้นบัญชีสายงานผู้บริหาร มีความถูกต้อง ชอบด้วยกฎหมายแล้ว เห็นควรประกาศผลลำดับบัญชีได้เลย สามารถเสนอเอกสารผลลำดับบัญชี ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลงนามเพื่อประกาศได้เลย โดยไม่ต้องมีการประชุมคณะอนุสรรหาเพิ่มเติมแต่อย่างใด

/////////////////////

ทีมข่าวเฉพาะกิจ รายงาน

สื่อรัฐทีวี-ตีฆ้องร้องทุกข์ ตู้ตุ๊กตาหยอดเหรียญ ระบาดหนัก เชียงราย-เชียงใหม่ เปิดโจ่งครึ่ม บนห้างใหญ่ -ห้างเล็ก-ร้านสะดวกซื้อ วางล่อใจเด็ก

ตีฆ้องร้องทุกข์วันนี้ เรามาพูดกันถึงเรื่อง.ตู้ตุ๊กตาระบาดหนัก ทั่วภาคเหนือ.
เชียงราย-เชียงใหม่เปิดโจ่งครึ่ม บนห้างใหญ่ -ห้างเล็ก- หน้าร้านสะดวกซื้อ วางล่อใจเด็ก ขอเงินพ่อแม่หยอดเหรียญเพื่อเอาตุ๊กตา ต้องสิ้นหวังไม่ได้แม้ตัวเดียว เสียเงินฟรี ใบอนุญาต ไม่มีสำแดง ตำรวจ ปกครอง มีคำตอบให้ประชาชนอย่างไร ทำไมจึงเกลื่อนเมือง!!
ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองเด็กเป็นจำนวนมากที่สูญเสียเงินหยอดเหรียญ เข้าไปในตู้ตุ๊กตาที่วางตามหน้าร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า สาขาย่อย -ซุปเปอร์มาเก็ต ขนาดใหญ่ และตามสถานที่ต่างๆ ในตัวเมืองและต่างอำเภอ ในแถบภาคเหนือ เชียงใหม่ -เชียงราย ตั้งกันแบบโจ่งครึ่มท่ามกลางความสงสัยของผู้คน ว่าตั้งได้อย่างไร ? มีการขออนุญาตหรือไม่ และขออนุญาตจากหน่วยงานไหน ที่มีหน้าที่อนุญาตอย่างถูกต้องหรือไม่?

เพื่อคลายความสงสัยผู้สื่อข่าวได้เข้าดูตู้ตุ๊กตาที่วางบน ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย .และจังหวัดเชียงใหม่ตามแหล่งชุมชนนั้นไม่ได้มีใบอนุญาตติดสำแดงอยู่ มีเพียงตู้แลกเหรียญที่มีใบอนุญาต รับรองจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัด เท่านั้น ส่วนที่ตั้งทั่วไปไม่เห็น ผู้สื่อข่าวเข้าตรวจพบในพื้นที่อำเภอแม่สรวย จ.เชียงราย ตั้งอยู่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า สาขาย่อย ห้างหนึ่ง และร้านจำหน่ายอาหารแช่แข็ง และพบว่าบริเวณตู้หน้าห้างสรรพสินค้าสาขาย่อย ด้วยพบปรากฏมีเด็กไปกับผู้ปกครองที่เข้าไปจับจ่ายที่ห้างสรรพสินค้าหนึ่ง สาขาที่เกิดเหตุ รบเร้าผู้ปกครองอยากได้ตุ๊กตา

ขอเงินเพื่อหยอดตู้เพื่อคีบเอาตุ๊กตา ครั้งละ10 บาท ผลปรากฏไม่ได้ตุ๊กตาแม้แต่ตัวเดียว เนื่องจากได้สังเกตุเห็นว่า เมื่อเครื่องทำงาน แขนที่เป็นคีมคีบตู้ ทำงานเมื่อคีบตุ๊กตา มักจะหลุดทุกครั้งไปจากนั้นเครื่องก็จะยกเลิก การทำงานโดยอัตโนมัติกลืนเหรียญ10บาท ลงไปฟรีๆทั้งที่พ่อแม่เสียเงินไปเป็นร้อย เหตุเกิดเมื่อวันเสาร์วันที่้ 8 มีนาคม ช่วง 18-19.00น.เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบกล้องวงจรปิดเหตุการณ์ สามพ่อแม่ลูก หยอดเหรียญ ตู้ตุ๊กตา หน้าห้างสรรพสินค้าสาขาย่อยห้างหนึ่ง ใกล้กับที่ว่าการอำเภอแม่สรวย จ.เชียงราย

ได้จะเป็นหลักฐานว่าเรื่องดังกล่าวมีอยู่จริง โดยมีผู้สื่อข่าวเป็นพยานเหตุการณ์
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมีประชาชนเป็นจำนวนมากเห็นร้านตุ๊กตาตั้งหลายจุดเปิดทั้งวันทั้งคืน ไม่ทราบว่าจะมีผู้เล่นหรือไม่ มีการเช่าตึกเดือนละเป็นหมื่น ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ มีให้เห็นเกลื่อนกลาดทั่วเมืองเชียงราย อาจจะมีเรื่องแอบแฝง เบื้องหลังหรือไม่? จากข้อมูล ตู้คีบสินค้า หรือตุ๊กตาเข้าข่ายตู้การพนันหรือไม่? เพราะ พรบ.ว่าด้วยการพนันพ.ศ 2478 ประเภทบัญชี(ข) ลำดับที่28 ระบุว่าเครื่องเล่นที่ใช้เครื่องกลพลังไฟฟ้า พลังแสงสว่างหรือพบังงานอื่นๆใดทที่ใช้เล่นโดยวิธีการสัมผัส เลื่อน กด โยก หมุนหรือวิธีอื่นใด ซึ่งสามารถทำให้แพ้ชนะกัน แต้มหรือเครื่องหมายใดๆก็ตาม.แม้แต่การยิงเป้าปาโป่งตามงานวัดก็เป็นการพนันที่ผิดกฎหมายเช่นกันกับอยู่ในการพนันประเภท(ข)

ดังนั้นตู้คีบตุ๊กตาจัดได้ว่าเป็นตู้ที่เข้าข่ายการพนันตามกฎหมายหรือไม่?เพราะเรื่องดังกล่าวถ้าหาก ห้ามไม่ให้มีจะเป็นการสกัดกั้นเยาวชนไม่ให้เข้าถึงการพนันอย่างดียิ่ง ในหลักฐานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในอำเภอแม่สรวย ข้างต้นถือว่าเด็กและเยาวชนได้เข้าไปเล่นแล้ว โดยเรื่องดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าที่ฝ่ายปกครองที่ถือกฎหมาย พื้นที่เกิดเหตุ จะดำเนินการอย่างไร?และมีคำตอบให้ประชาชนอย่างไร?ขอความกระจ่างโดยด่วน.

ขุนเขาใรน้ำใจ ทีมงานข่าวภาคเหนือ รายงาน
สอบถามโทร 0967694671 – 0856525854.. สมจิตร แสงบัลลังค์ ผอ.ข่าวภาคเหนือ
ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ยะลาจัดใหญ่! รอมฎอนสัมพันธ์ ฮาลาล ฟู้ด คอนเทสต์ 2025 หาสุดยอดข้าวหมกไก่-ซุปเนื้อเมืองยะลา

ยะลา – ศูนย์สันติวิธี ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาสังคม จัดกิจกรรมฮาลาล ฟู้ด คอนเทสต์ และ รอมฎอนสัมพันธ์ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน รวมถึง การทำงานร่วมกับองค์กรภาคประชาสังคม ตลอดจนส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม ในห้วงเดือนรอมฎอน

การประกวดครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเฟ้นหา เมนูเด็ดจาก จ.ยะลา ไปเข้าร่วมการประกวด กับ จ.นราธิวาส และ จ.ปัตตานี ระหว่างวันที่ 10-20 มีนาคม 2568 แบ่งเป็น 2 เมนูหลัก คือ ข้าวหมกไก่ และซุปเนื้อ โดยมี 5 ทีมจากเครือข่ายภาคประชาสังคมเข้าร่วม

พลตรีเฉลิมชัย สุทธินวล ผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธี เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความสุขในช่วงรอมฎอน เสริมสายสัมพันธ์ในสังคม และส่งเสริมอัตลักษณ์อาหารท้องถิ่น โดยเฉพาะข้าวหมกไก่และซุปเนื้อ ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านที่มีรสชาติซับซ้อนและเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่

ผลการประกวด ทีมจากกองสันติวิธี และ กองภาคประชาสังคม ได้เป็นตัวแทนยะลาไปแข่งในรอบต่อไป โดยจะแข่งขันกับทีมจาก จ.นราธิวาส และ จ.ปัตตานี ในการประกวดครั้งต่อไป
////////////////
ข่าว/อาอีซะห์/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พร้อมใจทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อการศึกษาโรงเรียนโคกสำโรง จ.ลพบุรี /โครงการชุมชนตำบลยั่งยืนแก้ปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ สภ.โคกสำโรง ภจว.ลพบุรี

วันศุกร์ ที่14 มีนาคม 2568 เวลา 10.30 น. ที่ห้องประชุมอาคารเอนกประสงค์โรงเรียนโคกสำโรง ตำบลโคกสำโรง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพพบุรี
นายเจตน์พงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล นายอำเภอโคกสำโรง ประธานพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อการศึกษาเดินทางถึงบริเวณจัดงาน มอบบริจาคสิ่งของต่างๆช่วยการศึกษาโรงเรียนโคกสำโรง พร้อมด้วย นายนรินทร์ คลังผา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดลพบุรี เขตุ 4 พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต
ผกก.สภ.โคกสำโรง

พ.ต.ท.องอาจ เนียมศรีเพชร สวป.ฯ พ.ต.ต.ชยพล ตรีโอษฐ์ สวป.
นายแพทย์นุสิทธิ์ ชัยประเสริฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโคกสำโรง นางกาญจนา สุขกำเนิด สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลพบุรี นางกิติพร แต่งชุ่ม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสำโรง นายสำรวย งามขำ กำนันตำบลโคกสำโรง คณะกรรมการศึกษาโรงเรียนโคกสำโรง และประธานอุปถัมภ์ พ่อค้า ประชาชน คณะครู ผู้ปกครอง นักเรียน ร่วมงานทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อการศึกษาโรงเรียนโคกสำโรง

ทั้งนี้ได้กราบนิมนต์พระสงฆ์จำนวน 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์ ทอดผ้าป่า และฉันภัตตาหารเพล วัตถุประสงค์เพื่อให้โรงเรียนมีทุนใช้จ่ายเพียงพอและเพิ่มวิชาความรู้ให้กับเด็กนักเรียน เพื่อเด็กนักเรียนจะได้มีความรู้ มีประสิทธิ์ภาพเมื่อนักเรียนจบออกไป นำความรู้จากการเรียนไปใช้ในโอกาสภายภาคหน้า

ทางด้านนางสาวรัตติญา นวลจันทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนโคกสำโรง จึงได้ประชุมคณะครู กรรมการโรงเรียนโคกสำโรง ผู้ปกครอง มีความเห็นตรงกันจึงต้องจัดหาทรัพย์เพื่อจ้างครูวิชาเอกนาฏศิลป์ มาสอนเสริมให้ความรู้แก่บุตรหลาน วิชานาฏศิลป์ จะต้องอยู่คู่กับคนไทย และนักเรียนโรงเรียนที่เรียนจบจากโรงเรียนโคกสำโรง จึงได้จัด โครงการระทมทุน เพื่อรวบร่วมทรัพย์เพื่อการศึกษาในครั้งนี้
และทางคณะครูนักเรียนยังได้รับการอุปถัมภ์จากนายปรีชา กิจรัตนกาญจน์ (ห้างกิจนิยม) นำเครื่องดนตรีไทยที่มีอยู่ แต่เกิดการชำรุดเสียหายลงบ้าง จึงได้นำเครื่องดนตรีไทยเหล่านั้นไปซ่อมแซมที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้กลับมาใช้งานได้ดี และเป็นประโยชน์แก่เด็กนักเรียนต่อไป

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวประจำจังหวัดลพบุรี อนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี ภาพ/ข่าว

โครงการชุมชนตำบลยั่งยืนแก้ปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ สภ.โคกสำโรง ภจว.ลพบุรี

12 มีนาคม 2568 เวลา 16.00 น. ที่วัดท่าม่วง บ้านใหม่สามัคคี หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองแขม อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี นายเจตน์พงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล นายอำเภอโคกสำโรง ประธานในพิธี พร้อมด้วย พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต
ผกก.สภ.โคกสำโรง
พ.ต.ท.มนตรี เล่ห์อิ่ม
รอง ผกก.ป.ฯ
พ.ต.ท.องอาจ เนียมศรีเพชร
สวป.ฯ
พร้อมชุดปฏิบัติงานชุมชนสัมพันธ์
พ.ต.ต.ชยพล ตรีโอษฐ์
สวป.(ชส.)ฯ
ร.ต.อ.โกวิทย์ พลั่วพันธ์
รอง สวป.(ชส.)ฯ
ร.ต.ท.พรชัย ธรรมวริทธิ์
รอง สว.(ป.)ฯ
ด.ต.พฤกษ เหมาะสมัย
ผบ.หมู่(ป.)ฯ
ส.ต.ท.สุรชัย พลเทพ
ผบ.หมู่(ป.)ฯ
ส.ต.ต.ศรัณญ์ บุญภาพ

ผบ.หมู่(ผช.พงส.)ฯ คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจภูธรโคกสำโรง (กต.ตร.สภ.โคกสำโรง) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล ประชาชน อสม. ร่วมพิธีเปิดโครงการโครงการดำเนินการตําบลยั่งยืนกว่า 200 คน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ตามที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จังหวัดลพบุรี และสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 1

ได้จัดทำดำเนินการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามแบบยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อนำความสุขสู่ชุมชน หมู่บ้านท่าม่วง หมู่ที่ 1 และบ้านใหม่พัฒนา หมู่ที่ 2 ตำบลหนองแขม อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี และประเทศชาตินั้นทุกภาคส่วน จะประสานความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพและบรรลุผลสำเร็จ ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ผู้นำชุมชน หัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวประจำจังหวัดลพบุรี และอนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ศป.ปส.อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น “ภารกิจพิทักษ์ขอนแก่น 2568”

วันที่ 13 มีนาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไปภายใต้การอำนวยการของนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผบก.ภ.จว.ขก. นายยุทธพร พิรุณสาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และ นายคารม คำพิทูรย์ ปลัดจังหวัดขอนแก่น

นางสาวอ้อยใจ คำบุญเรือง นายอำเภอชุมแพ/ผอ.ศป.ปส.อ.ชุมแพ พ.ต.อ.รักชาติ เรืองเจริญ ผกก.สภ.ชุมแพ สั่งการให้ นายสมคิด ชำนิกุล ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง หมายเลขบัตร ปปส. 6700098 นำชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมแพ พร้อมด้วยชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เจ้าหน้าที่ อสม. และชุดปฏิบัติการตำบลหนองเขียด นำโดยนายปรีชา อุ่นสวัสดิ์ กำนันตำบลหนองเขียด เจ้าหน้าที่รวมจำนวน 45 คน

เปิดยุทธการ “ฟ้าสางที่หนองเขียด” ภายใต้ภารกิจพิทักษ์ขอนแก่น 2568 ตั้งจุดตรวจจุดสกัด พร้อมเปิดปฏิบัติการค้นหาผู้เสพยาเสพติด ในพื้นที่บ้านหนองกุงหมู่ที่ 5 และ บ้านโนนรังหมู่ ที่ 10 ตำบลหนองเขียด ผลการปฏิบัติจับกุมผู้กระทำความผิดจำนวน 1 ราย

นายพงศกร อรชรอายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 222/141 หมู่ 6 ตำบลโนนสะอาด อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น พร้อมของกลาง
1) ยาบ้า จำนวน 604 เม็ด
2) ยาไอซ์น้ำหนัก 0.6 กรัม
3) รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ KTM รุ่น DUKE 200 สีส้ม-ขาว ป้ายทะเบียน 1 กฎ 2369 ลพบุรีจำนวน 1 คัน
4) ปวดปัสสาวะจำนวน 1 ขวด

โดยกล่าวหา

  1. มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน
  2. ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยผิดกฎหมาย

พฤติการณ์โดยย่อ
ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีการนำส่งยาเสพติดให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ ม.5 ม.10 ตำบลหนองเขียด นายปรีชา อุ่นสวัสดิ์ กำนันตำบลหนองเขียด และนายธีระพัฒน์ โยมา ผญบ.บ้านโนนรัง ได้ร่วมบูรณาการกำลังจัดตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อ

ป้องกันการกระทำความผิดกฎหมาย และการแพร่ระบาดของยาเสพติด และได้เปิดยุทธการค้นหาผู้เสพเพื่อนำตัวเข้าสู่กระบวนการบำบัด ซึ่งได้เดินเคาะประตูสุ่มตรวจปัสสาวะกลุ่มเสี่ยงในหมู่บ้าน พบผู้เสพที่สมัครใจเข้ารับการบำบัด จำนวน 37 คน และได้หยุดตรวจรถยนต์รถ จักรยานยนต์ รวมจำนวน 50 คัน

07.00 น. นายพงศกรฯ ได้ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาที่จุดตรวจฯ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตนและขอหยุดตรวจสอบ พบว่ามีท่าที่ต้องสงสัย มีอาการลุกลี้ลุกลน เลยได้สอบถามว่าเคยใช้สารเสพติดหรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าเคยเสพยา จึงได้เชิญตัวลงจากรถเพื่อตรวจสอบ ภายหลังการตรวจสอบพบยาบ้า จำนวน 3 ถุง ซุกซ่อนในกระเป๋ากางเกงด้านขวา ภายในถุงซิปล็อคสีน้ำเงินเข้ม

ซึ่งมียาบ้า รวมจำนวน 604 เม็ด และยาไอซ์ 1 ซอง น้ำหนักรวม 0.6 กรัม เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดของกลางและควบคุมตัวนายพงศกรฯ มาสอบสวนข้อมูล ทำบันทึกจับกุม และนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีฝตำรวจภูธรชุมแพ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

วินนิวส์ /ภาพข่าว ศูนย์ข่าวสื่อรัฐทีวีขอนแก่น

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / “อุดม เที่ยงโยธา” กลุ่มมุกดาหารพลังใหม่ (Mukdahan​ Next Move) เปิดตัวผู้สมัครนายก – สท. พื้นที่ จ.มุกดาหาร

เมื่อวันที่ 13​ มีนาคม 2568​ เวลา 12.09 น ถือฤกษ์เบิกชัย เปิดที่ทำการกลุ่ม​ ” มุกดาหารพลังใหม่ ” เปลี่ยนวันนี้ เพื่อพรุ่งนี้ที่”ดีกว่า” ณ บ้านเลขที่ 20/2 ซ.พัฒนา ถ.ชยางกูร ข อ.เมือง จ.มุกดาหาร นายอุดม​ เที่ยงโยธา อดีตรองนายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร/รองนายกองค์การบิหารส่วนจังกวัดมุกดาหาร แกนนำกลุ่มมุกดาหารพลังใหม่

ได้เปิดตัวว่าที่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และว่าที่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล18คนในพื้นที่ อ.เมืองมุกดาหาร 3 เขต 34 ชุมชน ในนามของ “มุกดาหารพลังใหม่“ โดยมีนายประภาส​ เที่ยงโยธา ร่วมพิธีเปิดป้ายและสวมเสื้อกลุ่ม เพื่อเป็นสิริมงคลให้ว่าที่ผู้สมัครนายกเทศมนตรี

นายอุดมกล่าว ขอบคุณญาติพี่น้อง คณะว่าที่ผู้สมัครส.ท และผู้มาร่วมงาน ในการเปิดตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ ตนเองมีความมั่นใจมาก ที่จะนำกลุ่มไปให้ถึงฝั่ง ถึงเป้าหมาย เพราะเคยเป็นรองนายกมาก่อนแล้ว มีหลายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคยทำงานร่วมกันมาตลอด ซึ่งปกติเป็นธรรมเนียมจากการทำงานด้วยความรักความสามัคคี ถึงแม้จะอยู่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ต่างกัน ก็สามารถทำงานร่วมกันได้

จะมีการพูดคุยและเป็นกำลังใจ พร้อมทั้งแนะนำการทำงานในทางการเมือง เพราะมีหลายคนเป็นคนใหม่ ส่วนคนเก่าคงไม่มีปัญหาอะไรเพราะทำงานร่วมกันมาตลอด นอกจากนี้ยังมีการแบ่งปันประสบการณ์ในการทำงานทางการเมือง ที่จะทำให้ประชาชนไว้วางในใจ เลือกเข้ามาบริหาร โดยเป้าทำงานเพื่อบ้านเมืองและประชาชน

“ส่วนการแข่งขันทางด้านการเมืองถือว่าเป็นเรื่องปกติ สุดท้ายก็อยู่ที่ประชาชนจะให้ความไว้วางใจมากน้อยเพียงใด ในการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น การแข่งขันทางการเมืองมองว่าเป็นเรื่องปกติมากกว่า ส่วนจะเลือกใครเข้ามาบริหาร หรือเป็นสมาชิกสภาเทศบาลหรือไม่นั้น ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ”

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​รายงาน​ 092-5259777

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “รมว.นฤมล” ก.เกษตรฯ นำคณะพบชาวสวนยางบึงกาฬ เร่งแก้โรคใบร่วงชนิดใหม่ ประกาศ Kick off “โครงการโฉนดต้นยาง” 1 เม.ย.นี้ ตั้งเป้าแจก 11.17 ล้านไร่ภายใน 1 ปี

วันที่ 15 มี.ค. เวลา 13.00 น. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายอิทธิ ศิริลัธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษา พรรคกล้าธรรม เดินทางลงพื้นที่อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ เปิดการอบรม หลักสูตร “การใช้น้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำ เพื่อฟื้นฟูสวนยางพารา ที่เป็นโรคใบจุดกลมจากเชื้อ Colletotrichum siamense

หรือโรคใบร่วงชนิดใหม่ ประจำปี 2568” พร้อมรับฟังปัญหาและข้อคิดเห็นต่อการพัฒนาด้านการเกษตร จากผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นผู้แทนของเกษตรกรในจังหวัดบึงกาฬ โดยมีนายจุมพฏ วรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งเกษตรกรจากพื้นที่ต่าง ๆ เข้าร่วมอบรม และให้การต้อนรับ ณ โรงเรียนเซกา ตำบลเซกา อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ

นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รองผู้ว่าการด้านปฏิบัติการ รักษาการแทนผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า การอบรม หลักสูตร “การใช้น้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำ เพื่อฟื้นฟูสวนยางพาราที่เป็นโรคใบจุดกลมจากเชื้อ Colletotrichum siamense หรือโรคใบร่วงชนิดใหม่ ประจำปี 2568” โรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา แพร่ระบาดครั้งแรกในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 สร้างความเสียหายให้กับสวนยางพาราในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย ต่อมาได้แพร่กระจายในพื้นที่รับผิดชอบของการยางแห่งประเทศไทย

เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน โดยพบการเกิดโรค ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย อุดรธานี บึงกาฬ เลย และนครพนม รวมพื้นที่ 3,685.5 ไร่ 259 ราย สำหรับจังหวัดบึงกาฬ พบการแพร่ระบาด จำนวน 52 ราย กินพื้นที่ 581 ไร่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตระหนักถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น จึงมอบหมายให้ การยางแห่งประเทศไทย จัดโครงการอบรมหลักสูตร “การใช้น้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำ เพื่อฟื้นฟูสวนยางพาราที่เป็นโรคใบจุดกลมจากเชื้อ Colletotrichum siamense หรือโรคใบร่วงชนิดใหม่ ประจำปี 2568”

ในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ ในวันที่ 15 มีนาคม 2568 ณ โรงเรียนเซกา ตำบลเซกา อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ โดยการถ่ายทอดองค์ความรู้ การบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับโรคใบจุดกลมจากเชื้อ Colletotrichum siamense หรือโรคใบร่วงชนิดใหม่ ในยางพารา นอกจากนี้ยังมีการมอบปัจจัยการผลิต และการจัดนิทรรศการ จากหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกอบด้วย การยางแห่งประเทศไทย สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมปศุสัตว์ กรมประมง กรมพัฒนาที่ดิน กรมการข้าว กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กรมชลประทาน และสภาเกษตรกร

นายจุมพฏ วรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า บึงกาฬ มี 8 อำเภอ 63 ตำบล 617 หมู่บ้าน มีประชากรทั้งสิ้น 418,733 คน เป็นแรงงานภาคเกษตร 126,587 คน มีพื้นที่ ทั้งจังหวัด 4,305 ตารางกิโลเมตร หรือ 2,691,091 ไร่ เป็นพื้นที่เกษตรกรรม 1,407,105 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 52.29 ของพื้นที่ทั้งหมด โดยพื้นที่เกษตรกรรมที่สำคัญคือ ยางพารา จำนวน 875,915 ไร่ มีผลผลิต 211,348 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่า 6,564.46 ล้านบาท และข้าวนาปี 475,558 ไร่

มีผลผลิต 146,378 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่า 1,756.53 ล้านบาท ขนาดเศรษฐกิจของจังหวัด GPP ปี 2565 มีมูลค่า 31,755 ล้านบาท โดยเป็นภาคเกษตร 10,758 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 33.88 ของมูลค่าทั้งหมด จังหวัดบึงกาฬ ถือเป็นจังหวัดที่มีการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดที่โดดเด่น โดยการสนับสนุนของรัฐบาล มีเมกะโปรเจคที่สำคัญในปัจจุบัน คือ โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 บึงกาฬ – บอลิคำไซ ซึ่งจะเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าด้านการเกษตร ตลอดจนสินค้าอุปโภคบริโภค ส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว เชื่อมโยงระหว่างประเทศ

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ได้รับการรายงานการแพร่ระบาดของโรคใบจุดกลมจากเชื้อ Collet0trichum siamense หรือโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา และมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การยางแห่งประเทศไทย ร่วมกันดูแลแก้ไข และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคใบจุดกลมจากเชื้อ Colletotrichum siamense หรือโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราอย่างต่อเนื่อง นับจากได้รับรายงานการเกิดโรคนี้ ในพื้นที่ภาคใต้ของไทย แต่จากปัญหาการขนส่งเคลื่อนย้าย และการเคลื่อนไหวของทิศทางลมตามธรรมชาติ ทำให้ไม่สามารถยับยั้ง

การแพร่กระจาย การระบาดจากเชื้อ Colletotrichum siamense หรือโรคใบร่วงชนิดใหม่ มาสู่พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบการเกิดโรคในพื้นที่สวนยางพารา 5 จังหวัด การจัดโครงการอบรมหลักสูตร “การใช้น้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำ เพื่อฟื้นฟูสวนยางพาราที่เป็นโรคใบจุดกลมจากเชื้อ Colletotrichum siamense

หรือโรคใบร่วงชนิดใหม่ ประจำปี 2568” และการจัดนิทรรศการเพื่อให้ความรู้ด้านการเกษตรแก่เกษตรกร ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในวันนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคการเกษตร ทั้งยังหาทางป้องกันและต่อยอดนวัตกรรมได้เป็นอย่างดี หวังเป็นอย่างยิ่งว่า กิจกรรมที่เกิดขึ้นวันนี้ จะสามารถสร้างการรับรู้และความเข้าใจในการพัฒนาการทำการเกษตร จะก่อให้เกิดความมั่นคงยั่งยืนในอาชีพการทำสวนยาง และการเกษตรชนิดอื่นของไทยต่อไปในอนาคต

ศ.ดร.นฤมล รมว.เกษตรฯ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของยางพารา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย การยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ได้เดินหน้าขับเคลื่อนปฎิบัติตามกฎระเบียบ EUDR ของสหภาพยุโรป (EU) เพื่อให้เขารู้ว่า เราไม่ได้ไปบุกรุกป่า ซึ่งตอนนี้มีเกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิ จำนวน 11.17 ล้านไร่ เหลืออีก 4 ล้านไร่ ที่ยังไปเป็นที่ดินทับซ้อน โดยเราได้มีการพูดคุยกัน และจะมีการจัดการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้กับชาวสวนยางพารา เพื่อให้เขามีเอกสารสิทธิที่ถูกต้อง สามารถครอบครองพื้นที่ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนเกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิ จำนวน 11.17 ล้านไร่อยู่แล้ว เราจะออกโฉนดต้นยางสร้างมูลค่าให้กับต้นยางพาราที่ปลูกอยู่บนที่ดินของตนเอง ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อจาก ธ.ก.ส.และนำไปลงทุนต่อยอดทางธุรกิจได้ โดยจะ Kick off เปิดโครงการในวันที่ 1 เม.ย.นี้

ทั้งนี้ ศ.ดร.นฤมล รมว.เกษตรฯ และนายอิทธิ รมช.เกษตรฯ ได้ร่วมกันมอบโฉนดที่ดิน(ส.ป.ก.) เพื่อการเกษตร จำนวน 500 ราย พร้อมปัจจัยการผลิต อาทิ น้ำหมักปลาหมอคางดำ 1,000 ลิตร จำนวน 33 ราย ,ท่อนพันธุ์มันสำปะหลังต้านทานโรคใบด่าง, หน่อพันธุ์กล้วยหอมทอง, กล้วยน้ำว้า และพันธุ์มะละกอ รวมถึงพันธุ์ปลาจำนวน 200 ถุง และสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียวจำนวน 130 ตัน แก่ตัวแทนเกษตรกรผู้มาร่วมงานด้วย
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง