สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / งานเข้าเจ้าของหมา นายอำเภอ อบต.ชงเรื่อง ตม.จ่อพิจารณาเพิกถอนวีซ่าเข้าประเทศ / พบ “เลียงผา” อวดโฉมสายตานักท่องเที่ยวบนเขาสามร้อยยอด

วันที่8มีนาคม2568 นายสุทินประเสริฐศักดิ์นายอำเภอบางสะพานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มอบหมายให้นายณัฐพงษ์ไกรนราปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอบางสะพานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้เสียหาย ประชาชนที่เดือดร้อนเข้ามาประชุมที่ห้องประชุมขององค์การบริหารส่วนตำบลพงศ์ประศาสน์ โดยมี พตท.วรพงษ์ ชาวแพะ หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.อำเภอบางสะพาน นางสาวจินตาคงแป้น เจ้าพนักงานสาธารณสุขประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพงศ์ประศาสน์  คุณธนพล อาภรณ์รัตน์   ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลพงศ์ประศาสน์พร้อมกับผู้เสียหายประชาชน นักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้เข้าร่วมประชุมเพื่อหาทางแก้ไขและหาทางออกในเรื่องนี้
  กรณี นายโรฟ วีเบอร์ นักท่องเที่ยวชาวสวิดเซอร์แลนด์พร้อมเพื่อนๆทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.บางสะพาน ถูกหมาของนายมาเทียสเพื่อนร่วมชาติกัดขณะเดินเล่นตามชายหาดเป็นครั้งที่สองนั้น

สาสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมชาวบ้านในพื้นที่ร่วมชี้แจงเพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน เนื่องจากเป็นความเดือดร้อนของชาวบ้านกับนักท่องเที่ยวในพื้นที่ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดซ้ำซากอยู่บ่อยครั้ง และอยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วไป เนื่องจากที่ผ่านมา อบต.มีการประชุมร่วม มีมติสั่งห้ามนำหมาเดินเล่นโดยไม่มีเชือกปลอกคอ และให้นำหมาที่เคยกัดนักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่จนกว่าคดีจะสิ้นสุด แต่มีการฝืนคำสั่งประกาศอยู่บ่อยครั้งและเรื่องยังอยู่ในขบวนการของศาลของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์โดยที่จะนัดในวันที่ 11 มีนาคม2568ที่จะถึงนี้แต่กลับมาก่อเหตุซ้ำสองอีก ส่วนกระบวนการทางกฎหมายให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนเรียกนายมาเทียสเจ้าของหมาเข้าให้ปากคำเพิ่มอีกครั้ง เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากเป็นคดีลหุโทษ ก่อนจะส่งสำนวนคำสั่งฟ้องทางปกครองต่อ

ส่วนผลการเจรจาระหว่างหน่วยงานกับกลุ่มชาวบ้านและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในพื้นที่ทราบว่า เสนอให้มีการประชุมหมู่บ้านเพื่อทำประชาพิจารณ์ประชาคมผู้มีส่วนได้เสียต่อเหตุการณ์ดังกล่าวในวันที่ 9 มีนาคม 2568ที่ศาลาหมู่1 ส่งถึงภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณา ด้านนายณัฐพล ปลัดอำเภอบางสะพานกล่าวว่าได้รับคำสั่งของท่านนายสุทินประเสริฐศักดิ์นายอำเภอบางสะพานให้มาดูเรื่องนี้ จากผู้เลี้ยงสุนัขในพื้นที่หมู่ที่ 1 ตำบลพงศ์ประศาสน์กับนักท่องเที่ยวและชาวบ้านหลายครั้งซึ่งครั้งนี้ก็ได้ไปแจ้งข้อกล่าวหาไว้แล้วที่โรงที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอบางสะพานและก็

ได้ส่งตัวผู้บาดเจ็บที่โดนสุนัขกัดไปตรวจที่โรงพยาบาลบางสะพานทางร้อยเวรก็รอผลตรวจอยู่เพื่อจะได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อไปซึ่งในการพูดคุยกันวันนี้ชาวบ้านในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบได้รับความเดือดร้อนก็ยืนยันว่าจะไม่ยอมพูดคุยเจรจาแล้วเพราะเคยพูดคุยไกล่เกลี่ยมาหลายครั้งแล้วไม่เคยปฏิบัติตามเลยแม้แต่ครั้งเดียวพวกเราจะขอดำเนินคดีทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ในส่วนทางอำเภอบางสะพานจะรวบรวมรูปถ่ายวีดีโอที่ชาวบ้านและผู้ที่เสียหายได้ผลกระทบในการกระทำผิดต่างๆที่ผ่านมาและในครั้งนี้ เพื่อส่งให้ท่านนายอำเภอ ทางองค์การบริหารส่วนตำบลพงศ์ประศาสน์รวบรวมส่งผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ตม)พิจารณาวีซ่าเข้าประเทศของนายมาเทียสต่อไป ณัฐพงษ์ไกรนาราปลัดอำเภอกล่าว


พบ “เลียงผา” อวดโฉมสายตานักท่องเที่ยวบนเขาสามร้อยยอด สะท้อนความสมบูรณ์พื้นที่ชุ่มน้ำแรมซาร์แห่งแรกของไทย

เมื่อวันที่ 8 มี.ค.68 นายพิศิษฐ์ เจริญสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จ.ประจวบฯ เปิดเผยว่า ระหว่างการลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ พบ “เลียงผา” สัตว์ป่าสงวนที่ใกล้สูญพันธุ์ปรากฏตัวอยู่บนยอดเขาหินปูนสูงชัน บริเวณเขาลูกน้อย (สะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติ) หลังที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแม้จากระยะไกล นับเป็นภาพที่หาชมได้ยากและสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแห่งนี้ เลียงผา (Serow) หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเยียงผาหรือโครำ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ Bovidae ที่มีวิวัฒนาการทางร่างกายเหมาะสมกับการอาศัยอยู่บนหน้าผาและภูเขาสูงชัน ปัจจุบันถูกจัดอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ตามบัญชีแดงขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN Red List) และได้รับการคุ้มครองเป็นสัตว์ป่าสงวนตามกฎหมายไทย


“อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ครอบคลุมพื้นที่กว่า 98,000 ไร่ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติแห่งแรกของประเทศไทย (Ramsar Site) ประกอบด้วยระบบนิเวศที่หลากหลายทั้งภูเขาหินปูน ป่าชายเลน ทุ่งหญ้า และพื้นที่ชุ่มน้ำ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด โดยเฉพาะนกน้ำและนกอพยพกว่า 300 ชนิด การพบเลียงผาออกหากินในครั้งนี้เป็นสัญญาณที่ดี แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการอนุรักษ์และการทำงานอย่างทุ่มเทของเจ้าหน้าที่ในการดูแลผืนป่าและสัตว์ป่า พร้อมเน้นย้ำขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวและประชาชนร่วมกันอนุรักษ์ธรรมชาติ และแจ้งเบาะแสหากพบการกระทำผิดเกี่ยวกับสัตว์ป่าได้ที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ” นายพิศิษฐ์ กล่าว.
นอกจากความสำคัญด้านระบบนิเวศแล้ว เขาสามร้อยยอดยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดประจวบฯ ด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม ถ้ำที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนตลอดทั้งปี.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สกัดรถแก๊งขนยาไอซ์กว่า 1 พันกิโล ดอยแม่สลอง ดัดแปลงรถคล้ายรถทหารลำเลียง ยิงปะทะเจ็บ 2 รวบอีกเพียบ

เมื่อวันที่ 8 มี.ค.68 กำลังเจ้าหน้าที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 บช.ปส. กองกำลังผาเมือง ป.ป.ส.ภาค 5 กองกํากับการสืบสวน ตํารวจภูธรจังหวัดเชียงราย สภ.แม่ฟ้าหลวง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.กิดากร จันทรา ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง นำโดย พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ,พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5, พ.อ.มีชัย นิลศาสตร์ รองผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง พ.อ.อนุวัช ปัญญานันท์ ผบ.หน่วยเฉพากิจทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง พ.ต.อ.พัสกร ธวัชเชียงกุลผกก.สส.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.ท.พีรพจน์ ธุรกิจ รอง ผกก.สส.ภ.จว.เชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันตรวจสอบยาไอซ์ประมาณ ประมาณ 1,500 กิโลกรัม ซุกซ่อนในถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร จำนวน 15 ถัง บรรทุกอยู่ในรถยนต์ 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ ติดป้ายทะเบียนหน้ารถ ทะเบียนจักร 05875 คล้ายรถบรรทุกของทหาร

โดยการตรวจยึดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.ที่ผ่านมา บริเวณอนุสรณ์สถานวีรชน หมู่ 1 บ้านสันติคีรี ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง
จ.เชียงราย เจ้าหน้างกองกำกับการสิบสวนภูธรจังหวัดเชียงราย ได้ติดตามขบวนการค้ายาเสพติดทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากมาจากพื้นที่ชายแดน ด้าน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย จึงได้ทำการวางกำลังสกัดกั้นตามเส้นทางที่คาดว่ากลุ่มขบวนการจะใช้ในการลำเลียงยาเสพติดดังกล่าว

จนกระทั่งพบรถรถยนต์ 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ ติดป้ายทะเบียนหน้ารถ ทะเบียนจักร 05875 จากการตรวจค้นภายในรถ พบถังน้ำมันขนาด 200ลิตร
จำนวน 15 ถัง บรรทุกอยู่ เมื่อเปิดดูภายในพบเป็นยาไอซ์น้ำหนักประมาณ 1,500 กิโลกรัม จึงได้ทำการตรวจยึดเอาไว้ จากนั้นได้มีรถยนต์ ยี่ห้อฟอร์ด เอฟเวอร์เรส ติดป้ายทะเบียนป้ายแดง ร 1507 กทม. มีชาย จำนวน 2 คน หญิง 1 คน อยู่ในรถ ขณะที่เจ้าหน้าที่จะได้เข้าทำการตรวจสอบคนในรถได้ใช้อาวุธยิงใส่เจ้าหน้าที่จนได้ปะทะกันขึ้น ทำให้ชาย จำนวน 2 คน ถูกอาวุธปืนยิงได้รับบาด ทราบชื่อคือ นายสำราญ วิพอ และนายอำนาจ ศุภโสรต ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำส่งโรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึดอาวุธปืนพักสั้นขนาด 9 มม. จำนวน 2 กระบอก

ต่อมาในเวลาต่อเนื่องกันที่บริเวณด่านตรวจแยกอีก้อ ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ได้ตรวจรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ จำนวน 1 คัน ควบคุมตัวชาย จำนวน 4 คน อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลการจับกุมเครือข่ายผู้เกี่ยวข้อง พ.อ.มีชัย นิลศาสตร์ รองผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง เปิดเผยว่า การสกัดกั้นการจับกุมในครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย เพื่อสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้ทะลักเข้าไปยังพื้นที่ตอนในของประเทศ จนสามารถสกัดยาเสพติดในครั้งนี้ได้

ในส่วนของรถบนนทุกที่ใช้ในการลำเลียงยาเสพติดครั้งนี้ไม่ได้เป็นรถของทางราชการ แต่มีการดัดแปลงทำสีให้คล้ายกันและใส่แผ่นป้ายทะเบียนปลอมขึ้นมาเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ แม้กระทั่งอุปกรณ์ภายในรถ
โดยในเบื้องต้นทราบว่า ผู้ที่ถูกจับกุมทั้ง 2 คนเป็นอดีตทหาร รบพิเศษ ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี แต่ถูกปลอดออกจากราชการแล้ว นอกจากนี้ยังพบชุดฝึก อาวุธปืน AK เครื่องกระสุน และระเบิดลูกขว้างอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานเจ้าหน้าที่ EOD เข้าทำการตรวจสอบและเก็บกู้..ต่อไป.

สมจิตร แสงบัลลังก์ ธนวัฒน์โมมา.ทีมข่าวอาชญากรรมรายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ศึกวันรำลึกวัฒนธรรมเทศบาลสัตหีบ ณ.สนามมวยชั่วคราวศาลกรมหลวงชุมพรหนองตะเคียน สัตหีบ จ.ชลบุรี

ศึกวันรำลึกวัฒนธรรมเทศบาลสัตหีบ จัดโดย นายณรงค์ บุญบรรเจิดศรี นายกเทศมนตรีเมืองสัตหีบ

วันที่ 7 มีนาคม 2568สักวันรำลึกวัฒนธรรมเทศบาลสัตหีบ นายไชยเทพ บุญเลิศ
รองนายกเทศมนตรี ได้ให้เกียรติขึ้นคล้องพวงมาลัยให้กับนักมวยและได้ให้เกียรติคาดเข็มขัดกับนักมวยที่ชกชนะได้แชมป์

รายชื่อผู้ให้เกียรติขึ้นคล้องพวงมาลัยจ่าสิบเอก สมชาย โสมนัสนานนท์ รองปลัดเทศบาลเมืองสัตหีบ นาย ยศพัทธ์ เวชมุข หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย ส.ท อลงกรณ์ ศรีโพธิ์ นายมนตรี ผะเผิน ประธานชุมชน

อบต.แดง ท่าสะอ้าน ให้เกียรติขึ้นคล้องพวงมาลัยให้กับนักมวยและมอบทุนการศึกษาให้กับนักมวยทั้งคู่ จัดโดย เทศบาลเมืองสัตหีบ ประกบคู่มวยโดย จ่าโอ๋ สัตหีบ พญามด เสร็จผู้พันตู่+น้อง นิคม +หนึ่งพิชิต เสร็จผู้พันตู่ (ชมฟรี )

ณ.สนามมวยชั่วคราว ศาลกรมหลวงชุมพรหนองตะเคียน สัตหีบ
จ.ชลบุรี เอ.คนข่าวรายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / เปิดงานเทศกาลดนตรีเมืองพัทยา PATTAYA MUSIC FESTIVAL 2025 กลางสายฝนโปรย

วันที่ 7 มี.ค.68 ที่บริเวณเวทีหลักชายหาดพัทยากลาง เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานเทศกาลดนตรีเมืองพัทยา PATTAYA MUSIC FESTIVAL 2025 โดยมี นายสนธยา คุณปลื้ม ประธานกลุ่มยุทธศาสตร์เมืองท่องเที่ยวน่าอยู่  นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี 

นางอำไพ ศักดานุกูลจิต สไลวินสกี้ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชลบุรี นางอัจฉรา บัณฑิตยานุรักษ์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ผู้บริหารและสมาชิกเมืองพัทยา ส่วนราชการ ภาคเอกชน และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้าร่วมพิธีเปิด ท่ากลางสายฝนโปรย

เมืองพัทยาร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี จัดงาน PATTAYA MUSIC FESTIVAL 2025 ทุกวันศุกร์และวันเสาร์ตลอดเดือนมีนาคม 2568 จำนวน 3 สัปดาห์ รวมศิลปินระดับประเทศ และร้านค้ากว่า 500 ร้านค้า เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ กระตุ้นเศรษฐกิจ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการและร้านค้าสร้างรายได้ โรงแรมที่พักมียอดจองเพิ่มขึ้น 

ทั้งนี้ เทศกาลดนตรี PATTAYA MUSIC FESTIVAL 2025 จัดเป็นงานฟรีคอนเสิร์ตที่จัดต่อเนื่องยาวนานและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มจัดงานตั้งแต่ ปี 2545 จนถึงปัจจุบัน มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่น Sound on the Sand หรือเสียงเพลงบนผืนทราย ผสมผสานความโมเดิร์นของเทศกาลดนตรีริมชายหาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย กับอัตลักษณ์ของพัทยา ที่ชัดเจนในความเป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยติดอันดับโลก

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กองทัพบก จัดโครงการ ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ภัยแล้ง จ.ชุมพร

วันนี้(6 มี.ค. 68)  นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย  พันเอก โชติ ยิกุสังข์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดชุมพร (ฝ่ายทหาร)

ร่วมในการตรวจสภาพความพร้อมด้านการบรรเทาสาธารณภัย เพื่อเตรียมรองรับสถานการณ์ภัยแล้งอาจเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชุมพร ภายใต้โครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจช่วยภัยแล้ง”  ประจำปี 2568 บริเวณลานหน้าศาลาเขตอุดมศักดิ์ ตำบลวังใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร

จากประกาศกรมอุตนิยมวิทยาแจ้งว่า ประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูร้อน ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 และคาดว่าจะสิ้นสุดฤดูร้อน ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2568 โดยกองทัพบก

ได้อนุมัติโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง” ประจำปี 2568 เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง เนื่องจากในหลาย พื้นที่เริ่มขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดารประกอบกับการเข้าสู่ฤดูร้อนทำให้มีปริมาณน้ำ ไม่เพียงพอ

เป็นเหตุให้สถานการณ์ภัยแล้งขยายวงกว้างมากขึ้น ดังนั้นมณฑลทหารบกที่ 44 ร่วมกับหน่วยงาน ภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดชุมพร ประกอบด้วย มณฑลทหารบกที่ 44, หน่วยงานทหารภายในค่ายเขตอุดมศักดิ์,สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชุมพร,

สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชุมพร, การประปาส่วนภูมิภาคสาขาชุมพร, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดชุมพร,กลุ่มบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พื้นที่จังหวัดชุมพร จึงกำหนดตรวจสภาพความพร้อมด้านการบรรเทาสาธารณภัย เพื่อเตรียมรองรับสถานการณ์ภัยแล้งอาจเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชุมพร

 นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่า ภารกิจการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยแล้งถือเป็นภารกิจเร่งด่วนสำคัญยิ่ง ที่พวกเราจะต้องเข้าไปดำเนินการ ช่วยเหลือประชาชน ในพื้นที่ทุรกันดารที่ประสบภัยแล้งด้วยการระดมศักยภาพ

และทรัพยากรของแต่ละหน่วยงานในการแจกจ่ายน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค การสนับสนุนถังบรรจุน้ำ ให้ประชาชนใช้จัดเก็บน้ำ การซ่อมและปรับปรุงบ่อบาดาลให้เป็นจุดจ่ายน้ำถาวร การสนับสนุนกระแสไฟฟ้า ในการ ดำเนินการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย รวมถึงการสนับสนุนน้ำประปาเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชน ครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัด

ในห้วงนี้ทุกภูมิภาคของประเทศกำลังเข้าสู่ฤดูแล้ง และอาจมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้น ฉะนั้นพวกเรา จะต้องมีความพร้อมในการเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และในวันนี้กองทัพบก โดย มณฑลทหารบกที่ 44 ได้บูรณาการกำลังพลและยุทโธปกรณ์ กับเหล่าทัพและทุกภาคส่วนในจังหวัดชุมพร

จัดโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง” ประจำปี 2568 ขึ้น พร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นว่าทุกภาคส่วนพร้อมเคียงข้าง ประชาชนเสมอ และเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส

///เอกชนะ นวนละมัย ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ชุมพร098-9515199

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ”อลงกรณ์“ชี้คาร์บอนเครดิตและไบโอเครดิตคือภารกิจที่ท้าทายอนาคตของประเทศไทย

นายอลงกรณ์ พลบุตรประธานที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “คาร์บอนเครดิตและไบโอเครดิต :ภารกิจที่ท้าทายอนาคตของประเทศไทยภายใต้กรมป่าไม้และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม“เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมาซึ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจจึงเห็นควรนำมาถ่ายทอดผ่านสื่อเพื่อประโยชน์ในการรับรู้ของสาธารณชน
โดยอดีตรัฐมนตรีอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ปัจจุบันเป็นประธานที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า “…ปัญหาโลกร้อนจากก๊าซเรือนกระจกและปัญหาการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพเป็นปัญหาความยั่งยืนของโลกแต่ขณะเดียวกันก็เป็นปัญหาทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ…“ ประเทศไทยประกาศเป้าหมายจะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ร้อยละ 30-40 ภายในปี 2030 และเป็นกลางทางคาร์บอน(Carbon Neutrality) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065
ภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC)

โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่เข้าร่วมให้ข้อเสนอการมีส่วนร่วมในการลด ก๊าซเรือนกระจก และการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผ่านข้อเสนอการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (NDC) ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มอบแนวคิดว่า “เราชนะธรรมชาติได้บางอย่าง แต่เราไม่สามารถกำหนดธรรมชาติได้ทุกอย่าง เป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับความเป็นจริง ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คือการเปลี่ยนแปลงและต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการกระทำของมนุษย์ด้วย” “เราต้องเปลี่ยนมุมมองของโลก หลายคนมองว่าการบริหารต้องมีมือดีทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน แต่ตนมองว่าสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ประชาชนอาศัยอยู่ เพราะอย่างไรเราก็ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม” จากวิสัยทัศน์ดังกล่าวจึงนำมาสู่กรอบภารกิจ 6 ด้าน
1.ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้และสัตว์ป่า ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
2.ด้านทรัพยากรน้ำทั้งระบบ
3.ด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ขยะ และมลพิษ 

  1. ด้านยุทธศาสตร์ แผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
    5.ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ
    6.ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    โดยเฉพาะภารกิจสำคัญและเร่งด่วนคือการเพิ่มพื้นที่สีเขียวจะช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนซึ่งยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี กำหนดให้มีพื้นที่สีเขียวทุกประเภท 55% ของพื้นที่ประเทศ ในจำนวนนี้เป็น
    พื้นที่ป่า 40% ของพื้นที่ประเทศซึ่งเป็นแหล่งดูดกลับก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ
    แบ่งเป็น
    1.พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 25%
    2.พื้นที่ป่าเศรษฐกิจ 15% ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไม้ราว 102,353,484 ไร่ หรือ 31.64% ของพื้นที่ประเทศจะต้องเพิ่มพื้นที่ป่าอีก 8.36 %หรือ 26.75 ล้านไร่
    ป่าชุมชนเป็นอีกเป้าหมายหนึ่งในการเพิ่มแหล่งกักเก็บคาร์บอนโดยมีป่าชุมชนที่ได้รับอนุมัติจัดตั้งเป็นป่าชุมชนตามพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 จำนวนรวม 11,327 โครงการ 13,028 หมู่บ้าน มีเนื้อที่รวม 6,295,718 ไร่
    ซึ่งแต่เดิมมีการใช้ประโยชน์พื้นที่ทรัพยากรของป่าชุมชน5 ประการคือ
  2. ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชน/พักผ่อนหย่อนใจ
  3. เก็บหาของป่า
  4. ใช้ประโยชน์จากไม้ เพื่อการยังชีพและสาธารณะประโยชน์
  5. ใช้บริการทางนิเวศ เช่น น้ำ
  6. ส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
  7. ส่วนแนวทางการพัฒนาใหม่ในการพัฒนาป่าชุมชน (Community Forest) สู่ป่าคาร์บอน (Carbon Forest)เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวลดโลกร้อนอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนกว่า1.1หมื่นแห่งทุกภาคทั่วประเทศให้เป็น
  8. 1.แหล่งอาหารชุมชน (Community Food Bank)
  9. 2.แหล่งความหลากหลายทางชีวภาพ(Biodiversity Bank)
  10. 3.แหล่งคาร์บอน(Carbon Bank)
  11. 4.แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ(Ecological Tourism)
  12. 5.แหล่งผลิตอาหารแบบสมาร์ทฟาร์ม(3F’s: Food Farm Forest)
  13. โดยใช้รูปแบบการบริหารจัดการใหม่เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคีในพื้นที่ด้วยโมเดล3หุ้นส่วน( 3‘P : Public-Private-People Partnership model)ซึ่งถอดบทเรียนจากโครงการสระบุรี แซนด์บ็อกซ์และโค้งตาบางโมเดลจะเห็นได้ว่าการพัฒนาป่าชุมชนแนวใหม่นอกจากจะช่วยตอบโจทย์การลดโลกร้อนยังได้ให้ความสำคัญทางด้านความหลากหลายทางชีวภาพและไบโอ เครดิต

ประเทศไทยได้เริ่มจัดทำนโยบายและมาตรการระดับชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อเป็นกรอบและทิศทางการดำเนินงานเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพในภาพรวมของประเทศ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 เพื่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ สอดคล้องกับมาตรา 6 ของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ที่กำหนดให้ภาคีจัดทำนโยบายและกลยุทธ์ระดับชาติ เพื่ออนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ได้ประเมินว่า GDP ของโลก กว่าครึ่งหนึ่งต้องพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ
ขณะที่รายงานความยั่งยืน(Sustainability Trends 2024 )ระบุว่า Bio-Credits เป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ การเพิ่มจำนวนความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Net Gain) เพื่อก่อให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพที่ยั่งยืน โดยไบโอเครดิตเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สามารถตรวจสอบปริมาณ คุณภาพ ชนิดพันธุ์ ระบบนิเวศ และที่อยู่อาศัยผ่านการซื้อขายหน่วยความหลากหลายทางชีวภาพได้ ทำให้ทราบถึงการเพิ่มจำนวนของความหลากหลายทางชีวภาพในปัจจุบัน ทั้งนี้ หลายหน่วยงานได้เริ่มมีความสนใจใน Bio-Credits เช่น สภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum: WEF) เมื่อปี 2565 ได้ริเริ่มโครงการสำรวจศักยภาพของสินเชื่อความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Finance) เพื่อปลดล็อกการจัดหาเงินทุนใหม่สำหรับผลลัพธ์เชิงบวกที่วัดได้สำหรับธรรมชาติและผู้ดูแลธรรมชาติ และสนับสนุนการพัฒนาตลาดสินเชื่อความหลากหลายทางชีวภาพโดยสมัครใจ แต่ก็ยังไม่สามารถทำ Biodiversity Finance ได้เต็มที่ เนื่องจากยังขาดมาตรฐานการออกไบโอเครดิต ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันในระดับโลก
ด้วยเหตุนี้ จึงได้มีการก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรเพื่อไบโอเครดิต (Biodiversity Credit Alliance) ขึ้นในปี 2565 โดยมีสมาชิกเป็นองค์กรจากภาคเอกชน องค์กรไม่แสวงหากำไร หน่วยงาน ภาครัฐ องค์กรระหว่างประเทศ และภาคส่วนอื่นๆ และได้รับการสนับสนุนจากโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) และสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสวีเดน (Sida)
ในส่วนประเทศไทย สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) อธิบายถึง Bio-Credits (Biodiversity Credits) หรือ เครดิตความหลากหลายทางชีวภาพ ว่า เป็นหนึ่งนวัตกรรมที่มีการนำกลไกตลาดมาใช้ในการระดมทุนเพื่อดูแลธรรมชาติและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพให้คงอยู่โดยมีลักษณะการทำงานที่คล้ายกับคาร์บอนเครดิตในตลาดภาคสมัครใจ (Voluntary Carbon Credits) ซึ่งเป็นการซื้อ – ขาย ระหว่างผู้ซื้อที่มีความยินดีในการจ่ายเพื่อปกป้องและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ และผู้ขายที่เป็นผู้ลงทุนดำเนินโครงการที่สามารถปกป้องและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพได้
 ซึ่งหลังจากนวัตกรรมของตลาดไบโอเครดิตเกิดขึ้น จะส่งผลให้เกิดการปกป้องหรือฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ โดยสามารถนำผลลัพธ์ที่เป็นข้อมูลเชิงปริมาณมาแสดงเพื่อขอใบรับรอง ว่ามีการดำเนินงานที่เกิดขึ้นได้จริง และผู้ผลิตสามารถนำไบโอเครดิตที่อยู่ในใบรับรองไปขายให้ผู้ซื้อที่ยินดีจ่ายเงินได้

สถานการณ์ภัยคุกคามความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย แบ่งได้ดังนี้
1) พรรณไม้ จำนวนทั้งสิ้น 12,050 ชนิด มีชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามจำนวน 999 ชนิด
2) สัตว์มีกระดูกสันหลัง จำนวนทั้งสิ้น 5,005 ชนิด มีชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคาม ประกอบด้วย ชนิดพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง ใกล้สูญพันธุ์ และมีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ จำนวน 676 ชนิด
  3) จุลินทรีย์ก็อยู่ในภาวะถูกคุกคามเช่นกัน
ความหลากหลายทางชีวภาพกำลังถูกคุกคามและไบโอ เครดิตจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในพื้นที่ทรัพยากรป่าและป่าชุมชนเช่นกรณีตัวอย่าง“ทีมปรับป่าโดย
มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ได้ริเริ่ม โครงการศึกษาความหลากหลาย ขึ้นเพื่อติดตามความสมบูรณ์ของป่าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2547 – ปัจจุบัน โดยการเก็บข้อมูลและสำรวจพื้นที่ป่าดอยตุงอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะ อยู่ระหว่างดำเนินการโดยมีทีมทำงานเก็บข้อมูลที่เรียกว่า “ทีมปรับป่า” ที่ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ และชุมชนร่วมกันทำงานได้ช่วยต่อยอดภูมิปัญญาของคนบนดอยตุงในการอยู่ร่วมกับผืนป่าอย่างยั่งยืนซึ่งเป็นหนึ่งในโมเดลตัวอย่าง
ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงของโลก แต่ก็ยังมีภัยคุกคามต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ที่เกิดจากมนุษย์และภัยธรรมชาติในหลายพื้นที่ ไบโอเครดิตจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพื่อประโยชน์ในการปกป้องและฟื้นฟูทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทยให้คงอยู่เป็นมรดกของลูกหลาน
กล่าวโดยสรุป คือ ปัญหาโลกร้อนจากก๊าซเรือนกระจกและปัญหาการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพเป็นปัญหาความยั่งยืนของโลกแต่ขณะเดียวกันก็เป็นปัญหาทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศโดยมีการกำหนดภาษีคาร์บอนเช่นภาษีระบบCBAMของสหภาพยุโรปที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศไทยและอีกไม่นานก็จะมีมาตรการทางด้านความหลากหลายทางชีวภาพเช่นเดียวกับภาษีคาร์บอน
ดังนั้นคาร์บอน เครดิตและไบโอเครดิต จึงเป็นภารกิจที่ท้าทายต่ออนาคตความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจของประเทศไทยภายใต้บทบาทและความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งขอชื่นชมกรมป่าไม้ที่ได้พัฒนาบุคคลากรให้เกิดความรู้และทักษะในเรื่องคาร์บอน เครดิตและไบโอ เครดิต
เป็นประโยชน์ต่อการลดคาร์บอนและเพิ่มความสมบูรณ์ของความหลากหลายทางชีวภาพมาอย่างต่อเนื่อง.

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กฟผ. จัดโครงการแว่นแก้วเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 70 พรรษา 2 เมษายน 2568

วันที่ 6 มีนาคม 2568 ที่ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ.ทับสะแก อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายนพดล สรวงประดิษฐ์ พลังงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เป็นประธานเปิดงานโครงการแว่นแก้วเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 70 พรรษา 2 เมษายน 2568 โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ( กฟผ.)

โดยมี นายทนงศักดิ์ รุ่งรัศมี ปลัดอาวุโสอำเภออำเภอทับสะแก นายชัยยศ หาญอมร ผู้อำนวยการฝ่ายชุมชนสัมพันธ์โครงการ นายสมชาย จันทร์เย็น ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ นางลาวัลย์ คงแสงบุตร หัวหน้ากองบริหารงานชุมชนสัมพันธ์ นายฉัตรชัย มหาโพธิ์ผช.สาธารณสุขอำเภอ นายเชาว์
เอี่ยมสุขขา นายกอบต.นาหูกวาง

นายผดุงศักดิ์ อิ่มทั่ว ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอทับสะแก นางกาญจนา ศุภานุสนธิ์กำนันตำบลทับสะแก นายอรุษ ห้วยหงษ์ทอง กำนันตำบลนาหูกวาง พร้อม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อำเภอทับสะแก เจ้าหน้าที่พนักงาน กฟผ.ร่วมกิจกรรม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.

ได้ดำเนินภารกิจหลักในการผลิตและส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าที่มีคุณภาพ ควบคู่กับการสนับสนุนกิจกรรมด้านความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อความสุขของคนไทย มาโดยตลอด ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาความบกพร่องทาง สายตาในกลุ่มผู้ด้อยโอกาส และผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ “โครงการแว่นแก้วเฉลิมพระกียรติ”

เป็นโครงการที่ กฟผ. ร่วมกับ พันธมิตร ดำเนินการออกหน่วยบริการวัดสายตาประกอบแว่นโดยไม่คิดมูลค่าให้กับผู้มีปัญหาทางด้านสายตา เพื่อส่งเสริมสุขภาวะและคุณภาพชีวิตของประชาชนตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า

กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เรื่อยมาจนถึงปัจจบัน นับเป็นปีที่ 22 โดยให้บริการออกหน่วยทั่วทั้งประเทศมาแล้ว กว่า 573 ครั้ง ครอบคลุม 70 จังหวัด และได้ให้ความช่วยเหลือแก่ ผู้ที่มีปัญหาทางสายตาไปกว่า 346,000 แว่นตา

สำหรับในปี 2568 กฟผ. ได้จัดทำโครงการแว่นแก้วเฉลิมพระเกียรติ
เป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสฉลอง พระชนมายุ 70 พรรษา 2 เมษายน 2568 มีเป้าหมายในการดำเนินงาน ปี 2568 จำนวน 35,000 แว่นตา

กิจกรรมในครั้งนี้ กฟผ. ร่วมกับพันธมิตรดำเนินการออกหน่วยตรวจวัดสายตาประกอบแว่นแก่ประชาชนในพื้นที่อำเภอทับสะแกจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 6-7 มีนาคม 2568 ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาคีเครือข่าย และหน่วยงานพันธมิตรต่าง ๆ มี เป้าหมายสนับสนุนแว่นตา จำนวน 1,000 แว่นตา

/////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649645443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / มุกดาหารจัดงาน “วันนักข่าว ”กระชับความสัมพันธ์สื่อมวลชน ไทย -ลาว-เวียดนาม

เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568 เวลา 18.00 น. ที่ผ่านมา​ นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานในพิธี เปิดงานวันนักข่าวซึ่งตรงกับวันที่ 5 มีนาคมโดยมี นายปัฐม์ ปัทมจิตร กงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่ฯ พล.ต.ต.ไพโรจน์​ ไทยพุทรา​ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร

พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมแสดงความยินดี กับนักข่าวและสื่อมวลชน จากจังหวัดมุกดาหาร สปป.ลาว และเวียดนาม
โดยได้รับเกียรติจากท่านคำพัน พมเวียงไซ รองหัวหน้าแผนกแถลงข่าว วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว แขวงสะหวันนะเขต ท่าน พอนไซ สีลาเพด รองหัวหน้าแขนงแถลงข่าว

​ ท่าน นาง ลีพอน เพดซะราด หัวหน้ากองวิชาการสื่อมวลชน ท่านสีลำพัน สุลิยะวงสา และ ท่าน เกดตาวัน ไซปันยา รองกองวิชาการสื่อมวลชน และคณะเจ้าหน้าที่วิชาการสื่อมวลชน​ ตัวแทนจาก สปป.ลาวพร้อมคณะ​ นางวันวิภา แพงแก้ว ประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร นายอรรครัตน์​ รัตนจันทร์ นายกสมาคมสื่อสารมวลชนไทยอินโดจีน ให้การต้อนรับคณะจากสปป.ลาว ที่บริเวณหน้าด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2

และนายสัจจา วงศ์กิตติธร เลขาสมาคมคนไทยเชื้อสายเวียดนามมุกดาหาร ซึ่งเป็นตัวแทนจากเวียดนาม รวมงานบรรยากาศของงานเป็นไปอย่างอบอุ่น เป็นกันเอง เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนจากทั้งสามประเทศได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการประชาสัมพันธ์ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวของภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

งานวันนักข่าว จังหวัดมุกดาหาร สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหารจัดขึ้นภายใต้โครงการ สานสัมพันธ์สื่อมวลชนไทยลาวเวียดนาม ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างเครือข่ายสื่อมวลชนไทย-ลาว-เวียดนาม จังหวัดมุกดาหารแขวงสะหวันนะเขตจังหวัดกวางตรี ให้มีความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้านให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ภาพ​/ข่าว กำพล​ ศรีมณี​พันธ์
เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / แสดงความยินดี รอง ผบก.สส.ภ.2 คนใหม่ / “อาจารย์เมย์” ซินแสฮวงจุ้ยดังจัดทริปบุญไหว้พระเสริมดวงแบบ Exclusive / เปิดตัวโปรเจ็กต์ ‘รพ.กระดูกและข้อแห่งแรกในพัทยา’/ป.ป.ช. ชลบุรี จัดโครงการเสริมสร้างวินัยและพัฒนาจริยธรรมให้บุคลากรแพทย์โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ

วันที่ 6 มี.ค.68 ที่กองกำกับการปฎิบัติการพิเศษ ภาค 2 ชลบุรี  ได้จัดให้มีพิธีส่งมอบหน้าที่ ให้ พ.ต.อ.นิทัศน์ แหวนประดับ ผกก.ปพ.สส.ภ.2 ขึ้นดำรงตำแหน่ง รอง ผบก.สส.ภ.2 โดยมีกลุ่มมวลชน และข้าราชการตำรวจในสังกัดกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ ได้ร่วมมอบดอกไม้ให้เป็นกำลังใจ 

ทั้งนี้ พ.ต.อ.นิทัศน์ รอง ผบก.สส.ภ.2 ได้กราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศูนย์ฝึกอบรมด้านการป้องกันอาชญากรรม กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธร ภาค 2 และได้สักการะศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและเจ้าที่เจ้าทางของสนามยิงปืนบูรพา 491 และพิธีส่งมอบหน้าที่ตามลำดับ

พ.ต.อ.นิทัศน์ แหวนประดับ รอง ผบก.สส.ภ.2 กล่าวว่า ในโอกาสที่ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองผู้การสืบภาค 2 ตนจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ยกระดับหน่วยงานในสังกัด ให้มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ และพร้อมให้บริการประชาชน ควบคู่กับการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่กำลังพลทุกนาย สร้างความยอมรับเชื่อถือ รวมทั้งดำเนินการบริหารงานอย่างเป็นธรรม

“อาจารย์เมย์” ซินแสฮวงจุ้ยดังจัดทริปบุญไหว้พระเสริมดวงแบบ Exclusive

มีรายงานว่า อาจารย์เมย์ ดร.จินต์วยา เบญญจินดาพิศุทธ์ ซินแสฮวงจุ้ยแก้ดวงชื่อดัง ได้จัดทริปไหว้พระเสริมดวงแบบ Exclusive โดยพาลูกศิษย์และกัลยาณมิตรเดินทางไปไหว้พระ 5 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งตลอดการเดินทางควบคู่ด้วยการให้ความรู้เรื่องศาสตร์ด้านฮวงจุ้ย แบบใกล้ชิด

โดยช่วงเช้าทางคณะได้เริ่มจากศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานครฯ เพื่อขอโชคลาภเทพพระคลังมหาสมบัติ ปักเสาชีวิต จากนั้นได้ไปที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้วมรกต เพื่อปฏิบัติสมาธิ เสริมศีลและปัญญา ก่อนเดินทางไปยัง วัดอรุณราชวราราม เพื่อปฏิบัติพิธีลอดพระแท่นปัดเป่าเคราะ์กรรม ล้างพลังลบ คุณไสยมนต์ดำ

จากนั้นในช่วงบ่าย ได้ไปที่วัดมังกรกมลาวาส หรือวัดเล่งเน่ยยี่ เพื่อกระทำพิธีปัดตัวแก้ชง ฝากดวงกับเทพเจ้า ต่อด้วยวัดทิพย์วารี เพื่อปฏิบัติพิธีแก้เคล็ดเสริมดวง และกราบสักการะพระแม่ธรณี ชมพระปรางวัดอรุณฯ และบรรยากาศอาทิตย์อัสดงริมแม่น้ำเจ้าพระยา และปิดท้ายด้วยการร่วมทำบุญโลงศพ ที่วัดหัวลำโลง พระอารามหลวง ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยผู้คนที่หลั่งไหลมาทำบุญ
ที่สำนักงานมูลนิธิร่วมกตัญญูที่อยู่ภายในวัดกันเป็นจำนวนมาก

อาจารย์เมย์ ดร.จินต์วยา เบญญจินดาพิศุทธ์ ได้นำกล่าวคำอธิษฐานตามสถานที่ต่างๆ พร้อมทั้งแนะนำเทคนิคการทำบุญให้ได้บุญสูงสุด โดยได้อธิบาย เคล็ดลับการทำบุญอย่างถูกต้อง เพื่อให้บุญส่งผลโดยตรง นอกจากช่วยเหลือผู้ล่วงลับ การทำบุญโลงศพยังช่วย ต่อชะตาชีวิต เสริมบารมี ให้ผู้ที่ทำบุญต่อไปด้วย

เปิดตัวโปรเจ็กต์ ‘โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกและข้อแห่งแรกในพัทยา’ ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวภาคตะวันออก รับสังคมผู้สูงอายุขยายตัว

พัทยา จังหวัดชลบุรี เมืองท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย เตรียมก้าวสู่การเป็นเมืองสุขภาพดี (Healthy City) อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการเปิดตัวโครงการ ‘Ease Orthopedic Hospital’ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกและข้อแห่งใหม่ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างสองนักธุรกิจในพื้นที่ ได้แก่ นายเฉลิมพล โขนแจ่ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านอำเภอโฮลดิ้ง จำกัด และบริษัท คราฟเวิร์ค จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับ ultra luxury และนางสาวพรพนา รัตนเชษฐ์ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารธุรกิจโรงแรมในเครือแอล เค กรุ๊ปพัทยา ร่วมกับทีมแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมกระดูกและข้อ โดยมีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในภาคตะวันออกและรองรับความต้องการด้านสุขภาพของประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โครงการ Ease Orthopedic Hospital พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในภาคตะวันออกและนักท่องเที่ยว ด้วยบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพและเข้าถึงได้ง่าย ครอบคลุมตั้งแต่การป้องกัน การรักษา ไปจนถึงการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย รวมทั้งการตรวจสุขภาพ (Health Check-up) ผ่านศูนย์ “Check Station” โดยมุ่งเน้นการดูแลเฉพาะบุคคล (Personalized Care) สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีภาวะข้อเสื่อม ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีอัตราการเติบโตสูงในพื้นที่ภาคตะวันออก ตลอดจนผู้ที่ต้องการป้องกันปัญหาโรคทางกระดูกและข้อ นักกีฬาที่ต้องการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ กลุ่มวัยทำงานที่เผชิญกับปัญหาออฟฟิศซินโดรม โดยใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยภายใต้แนวคิด “Integrated Care & Value-based Care” ที่ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ของการรักษาและประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน

นายเฉลิมพล โขนแจ่ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านอำเภอโฮลดิ้ง จำกัด และบริษัท คราฟเวิร์ค จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับ ultra luxury กล่าวว่า “พัทยาเป็นเมืองที่มีศักยภาพสูง ทั้งในด้านการท่องเที่ยวและสุขภาพ ด้วยทำเลที่เชื่อมต่อกับภาคตะวันออก สนามบินอู่ตะเภา และโครงการ EEC อีกทั้งยังได้รับการยอมรับให้เป็นเมืองกีฬา (Sport City) ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผมเป็นคนพัทยา เติบโตและอาศัยอยู่ที่นี่ จึงเข้าใจและเห็นการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาของเมืองทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงโอกาสในการพัฒนาเมืองพัทยาผ่านการดูแลสุขภาพของคนในพื้นที่

การสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทางกระดูกและข้อแห่งนี้ จะช่วยให้ประชาชนได้รับบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ สามารถป้องกัน รักษา และฟื้นฟูสุขภาพได้อย่างครบวงจร โครงการ Ease Orthopedic Hospital ไม่เพียงช่วยยกระดับระบบสาธารณสุขในพื้นที่ แต่ยังส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น ผู้สูงอายุที่พำนักระยะยาวในพัทยา รวมถึงชาวต่างชาติที่มาพักอาศัยและทำงานในจังหวัดชลบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่มาเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญของโลก”

นางสาวพรพนา รัตนเชษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทในเครือแอล เค กรุ๊ปพัทยา กล่าวถึงความสำคัญของพัทยาในฐานะศูนย์กลางการบริการด้านสุขภาพในภาคตะวันออกว่า “เราเห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งจากคนในพื้นที่ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักอาศัย และกลุ่มผู้สูงอายุจากต่างประเทศมาเกษียณในไทยที่มาพำนักอยู่ในเมืองพัทยา จึงอยากนำความเชี่ยวชาญที่เรามีในด้านการให้บริการในธุรกิจโรงแรม มาต่อยอดสู่การให้บริการทางการแพทย์ที่ทันสมัย พร้อมสร้างมาตรฐานการบริการที่มีคุณภาพให้แก่ผู้รับบริการทุกคน โดยเน้นการให้บริการเชิงป้องกัน เช่น โปรแกรมตรวจสุขภาพและส่งเสริมสุขภาพที่ออกแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวได้รับบริการที่ตอบโจทย์และสร้างสุขภาพที่ดีในระยะยาว”
Ease Orthopedic Hospital โดดเด่นด้วยบริการทางสุขภาพที่ผสมผสานความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ระดับมาตรฐานสากลกับความใส่ใจในการบริการสไตล์โรงแรม (Hospitality Service) โดยทีมแพทย์เฉพาะทางร่วมกับสหสาขาวิชาชีพ พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยสำหรับการวินิจฉัย การรักษา และการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย เพื่อมอบประสบการณ์การดูแลสุขภาพที่มีประสิทธิภาพและไว้วางใจได้ โดยจะก่อสร้างบนพื้นที่ 3 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณถนนเพนียดช้าง ย่านพัทยากลาง จังหวัดชลบุรี ด้วยงบลงทุนกว่า 800 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 2 ของปี 2569

ป.ป.ช. ชลบุรี จัดโครงการเสริมสร้างวินัยและพัฒนาจริยธรรมให้บุคลากรแพทย์โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ

ที่โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ จ.ชลบุรี นายกิจติพงค์ ขลิบแย้ม ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดชลบุรี มอบหมายให้กลุ่มงานป้องกันการทุจริตเข้าร่วมโครงการเสริมสร้างวินัยและพัฒนาจริยธรรม การรักษาวินัย รวมทั้งการป้องกันมิให้กระทำผิดวินัย โดยมีบุคลากรและผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม

ในโอกาสนี้ กลุ่มงานป้องกันการทุจริตได้บรรยายให้ความรู้ในหัวข้อ “มาตฐานทางจริยธรรม 7 ประการ” ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ข้าราชการ บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล รวมจำนวนทั้งสิ้น 75 คน

กิจกรรมโครงการดังกล่าวจัดขึ้นโดยให้ความสำคัญกับการดำรงตนภายใต้กรอบมาตรฐานทางจริยธรรม เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สมาคมสื่อมวลชนน่าน ทำบุญอุทิศ ส่วนกุศลแก่สื่อมวลชนที่ล่วงลับพร้อมกับปล่อยพันธุ์ปลานิล 99,999 ตัว เนื่องในงาน “วันนักข่าว 5 มีนาคม 2568”

วันที่ 5 มีนาคม 2568 ณ วัดมิ่งเมือง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นายเสรี พิมพ์มาศ เป็นประธานฝ่ายฆารวาส โดยมีพระสุนทรมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน วัดมิ่งเมือง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ โดยสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน นำโดยนายบุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน นำคณะร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคีของสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่านเนื่องในวันนักข่าวหรือวันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ เพื่อหาเงินไว้เป็นทุนสนับสนุนกิจกรรมของสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่านและกิจกรรมเพื่อสังคมสาธารณะประโยชน์โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ทหาร ตำรวจ และประชาชนร่วมพิธีจำนวนมากในโอกาสเดียวกันนี้

กลุ่มสตรีเทศบาลเมืองน่าน ได้มาฟ้อนสมโภชองค์ผ้าป่าในครั้งนี้ด้วย หลังจากเสร็จพิธีทางสงฆ์ที่วัดมิ่งเมืองสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่านได้มีพิธีปล่อยพันธุ์ปลาจำนวน 99,999 ตัวเพื่อขยายพันธ์ุปลาในแม่น้ำน่าน โดยได้รับความอนุเคราะห์พันธุ์ปลาจากประมงจังหวัดน่าน

เนื่องด้วยวันที่ 5 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ หรือ วันนักข่าว และเป็นวันครบรอบของการก่อตั้งสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน ซึ่งได้ก่อตั้งมา47 ปี จึงได้ถือเป็นความสำคัญอย่างยิ่ง และได้มีกิจกรรมทำมาอย่าต่อเนื่องโดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้เพื่อได้ทำบุญทางศาสนา

เพื่อความเป็นศิริมงคลแก่สมาชิกและทำบุญ อุทิศกุศลถึงผู้ทำหน้าที่ด้านการสื่อสารในจังหวัดน่านที่ล่วงลับและบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เพื่อนำเสนอผลงานในรอบปีที่ผ่านมาสู่องค์กรหน่วยงาน เครือข่าย ต่างๆได้รับทราบ ด้านนายบุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่านกล่าวว่า

ผมต้องขอกราบนมัสการขอบพระคุณท่านพระราชศาสนาภิบาลเจ้าคณะจังหวัดน่าน วัดพญาภู พระสุนทรมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน วัดมิ่งเมือง พระราชนันทวัชรบัณฑิต รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน วัดพระธาตุแช่แห้ง พระวชิราภินันท์ เจ้าคณะอำเภอบ้านหลวง วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร พระครูสิรินันทวิทย์ เจ้าคณะอำเภอเมืองน่าน วัดดอนมูล

ทีมีเมตตาสนับสนุนผ้าป่าของสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่านเป็นอย่างสูงครับ ขอบคุณหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ทหารตำรวจ กัลยาณมิตร ทุกท่านและพี่น้องประชาชนทุกๆท่านที่ร่วมทำบุญในครั้งนี้เป็นย่างยิ่งครับ/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ทีมข่าวสมาคม รายงาน

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง