สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /「พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หารือ UNODC ส่งเสริมความร่วมมือต้านยาเสพติดในภูมิภาค」

(15 กรกฎาคม 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงยุติธรรม แจ้งวัฒนะ ว่า พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้การต้อนรับ นายเบเนดิกต์ ฮอฟมันน์ (Mr. Benedikt Hofmann) รักษาการผู้แทนสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแปซิฟิก (United Nations Office on Drugs and Crime Regional Representative ad interim for Southeast Asia and the Pacific) พร้อมคณะ

เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและหารือแนวทางความร่วมมือในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดในภูมิภาค โดยมี นางยศวันต์ บริบูรณ์ธนา รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วรวีร์ ไวยวุฒิ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และนายรวิศ สอดส่อง หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จาก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วม ณ ห้องรับรองกระทรวงยุติธรรม ชั้น 11

ในการประชุมฯ ดังกล่าว ที่ประชุมได้หารือกันในประเด็นสำคัญ อาทิ การควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในไทยและในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ การพัฒนาความสอดคล้องของการบังคับใช้กฎหมายด้านยาเสพติด และมาตรการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในภูมิภาค การควบคุมกัญชาและกระท่อม ซึ่งยังไม่ได้อยู่ในบัญชีควบคุมตามอนุสัญญาระหว่างประเทศของ UNODC ตลอดจนสถานการณ์ผู้ต้องขังในคดียาเสพติดในประเทศไทยที่มีจำนวนมากกว่า 200,000 ราย

นอกจากนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เชิญ UNODC ร่วมให้ความเห็นและมีบทบาทในการประชุมวิชาการสารเสพติดนานาชาติ ว่าด้วยยาบ้า เมทแอมเฟตามีน และยาเสพติดสังเคราะห์ (2025 International Conference on Drug Policy: Yaba, Methamphetamine, and Synthetic Drugs) ซึ่ง สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 6 – 8 สิงหาคม 2568 ณ กรุงเทพมหานคร โดย UNODC ยินดีสนับสนุนองค์ความรู้ในการประชุมดังกล่าว โดยเฉพาะข้อท้าทายในการพัฒนาความสอดคล้องของการบังคับใช้กฎหมายด้านยาเสพติด และมาตรการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในภูมิภาค

ในการนี้ UNODC ได้กล่าวชื่นชมบทบาทของไทยในการควบคุมยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้า ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในระดับภูมิภาค รวมถึงการจัดการปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดขนาดใหญ่ในภูมิภาค ทั้งนี้ UNODC ได้เน้นย้ำว่าคณะอนุกรรมการควบคุมสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติด ซึ่งได้รับการแต่งตั้ง เมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายในการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ อันจะส่งผลให้การแก้ปัญหายาเสพติดเกิดประสิทธิผลอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ UNODC มีกำหนดจัดการประชุมทางเทคนิคระหว่างประเทศว่าด้วยการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ (Regional Technical Meeting on Chemical Control) ณ กรุงเทพมหานคร โดยจะเรียนเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานเปิดการประชุมฯ และร่วมเดินทางไปศึกษาดูงานการจัดการสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง เพืือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต้นแบบที่ดีของไทยให้กับประเทศต่างๆ ต่อไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐทีวี/ ศึกษาธิการจ.น่าน จัดประชุมติดตามความก้าวหน้าการนำแผนพัฒนาการศึกษาจ.น่าน

สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดน่าน จัดประชุมติดตามความก้าวหน้าการนำแผนพัฒนาการศึกษาจังหวัดน่าน (พ.ศ.2566-2570) และแผนปฏิบัติการด้านการศึกษาจังหวัดน่าน (พ.ศ.2566-2570) สู่การปฏิบัติของหน่วยงานทางการศึกษา
ในพื้นที่จังหวัดน่าน

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 เวลา 8.30 น. ณ ห้องประชุมศุภโชค ชั้น 3 อาคารอำนวยการวิทยาลัยการอาชีพเวียงสา อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน โดยมี นายศิริโชค พิพัฒน์เสฐียรกุล ศึกษาธิการจังหวัดน่าน เป็นประธาน
การประชุม พร้อมบรรยายเป้าหมายการติดตามความก้าวหน้าการนำแผนพัฒนาการศึกษาจังหวัดน่าน ฉบับทบทวน

พ.ศ.2568 แผนปฏิบัติการด้านการศึกษาจังหวัดน่าน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 25 68 และคณะกรรมการติดตามความก้าวหน้าฯ ประกอบด้วย ว่าที่ร้อยตรีสมเดช อภิชยกุล ผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคประชาชน นายบุญยงค์ สดสอาดนายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน นางปิยะนุช ไชยสมทิพย์ ผอ.กลุ่มนิเทศติดตามและประเมินผล

นางสกนธรัตน์ วงศ์สิริโชตน์ ผอ.กลุ่มนโยบายและแผน นางพสชณันท์ พรหมจรรย์ และผู้รายงานผลการดำเนินงาน ประกอบด้วย นายสุทธิพงษ์ โชติพิสุทธิ์เมธี ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคน่าน นางสาวศศิรินทร์ มหาวงษนันท์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพเวียงสา นางสาววริทธิ์นันท์ จันทรมนตรี ผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างน่าน และข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของอาชีวศึกษาจังหวัดน่าน 4 แห่ง

ได้นำเสนอผลการดำเนินงาน สภาพปัญหา ความต้องการ และข้อเสนอแนวทางการดำเนินงาน ต่อจากนั้นคณะกรรมการร่วมกับที่ประชุมได้ระดมความคิดเห็นเพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายรายงานให้กระทรวงศึกษาธิการและที่เกี่ยวของให้ได้รับทราบต่อไป และในช่วงบ่ายคณะกรรมการได้เดินทางไปที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์ วิทยาลัยน่าน ตำบลทุ่งศรีทอง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน

เพื่อประชุมติดตามความก้าวหน้าการนำแผนพัฒนาการศึกษาจังหวัดน่าน และแผนปฏิบัติการด้านการศึกษาจังหวัดน่านดังกล่าว โดยมี นายภูดิท เรืองรอง คณบดี อาจารย์นิลุบล ศรีเทพ อาจารย์อิทธิโชตน์ โชติกุณพันธ์ และคณะ ให้การต้อนรับและรายงานผลการดำเนินงาน

สภาพปัญหาความต้องการและข้อเสนอแนวทางการดำเนินงาน ระดมความคิดเห็นเพื่อจัดทำข้อเสนอ เชิงนโยบายรายงานให้กระทรวงศึกษาธิการและที่เกี่ยวของให้ได้รับทราบต่อไป/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตชด.237 กัดไม่ปล่อย! ไล่ล่ากลางสายฝน จับผู้ต้องหา 3 คน พร้อมยาบ้า 280,000 เม็ด

ตามนโยบายการป้องกัน สกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน Seal Stop Safe ของรัฐบาล และนโยบายเน้นหนักด้านปราบปรามยาเสพติดของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. , พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผบช.ตชด., พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2, พล.ต.ท.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ ปลาทอง ผบก.ตชด.ภาค 2 ได้เปิดยุทธการพิทักษ์ริมน้ำโขง ซึ่งมีกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 – 24 เป็นหน่วยปฏิบัติ เพื่อปราบปราม สกัดกั้นยาเสพติดที่จะเข้ามาทางชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขง

สืบเนื่องจาก วันที่ 29 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการข่าว กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 ได้จับกุมนายชนะพล กุระกัน พร้อมพวกรวม 3 คน พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) จำนวน 44 มัด ประมาณ 88,000 เม็ด ที่ อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี และจากการสืบสวนขยายผล ทำให้ทราบว่ายังมีกลุ่มผู้ร่วมขบวนการของนายชนะพลฯ ทำหน้าที่ขนลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนเข้าไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ตอนใน โดยใช้รถยนต์ ยี่ห้อ Chevrolet Optra สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน สฬ 5020 กรุงเทพมหานครฯ เป็นยานพาหนะ

ต่อมา วันที่ 15 กรกฎาคม 2568 ชุดจับกุม ได้สืบทราบว่า จะมีการลักลอบขนลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากในพื้นที่ ต.พะทาย ไปถึง ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม จึงวางแผนเพื่อสกัดกั้น ตามจุดที่คาดว่าจะใช้เป็นเส้นทางในการขนลำเลียงยาเสพติด จนกระทั่งเวลาประมาณ 23.00 น. ได้มีรถยนต์เป้าหมายคันดังกล่าว ขับขี่มาด้วยความรวดเร็ว โดยมุ่งหน้ามาจาก อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เจ้าหน้าที่เชื่อว่าภายในรถยนต์คันดังกล่าวน่าจะมีสิ่งผิดกฎหมายอยู่จึงได้ขับรถติดตามไป แต่เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวเห็นรถของเจ้าหน้าที่ ได้เร่งเครื่องยนต์และขับหลบหนี เจ้าหน้าที่ได้ไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด

จนถึงบริเวณหน้าโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านนากะเสริม รถยนต์คันดังกล่าวได้สูญเสียการควบคุมและเสียหลักพุ่งเข้าชนกำแพงของราษฎร เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าควบคุมตัวบุคคลที่อยู่ภายในรถคันดังกล่าวเอาไว้ได้จำนวน 3 คน ได้แก่ นายประทีป สุวรรณวงศ์ อายุ 22 ปี (ผู้ขับขี่), นายศราวุธ บุดดี อายุ 25 ปี และนายภาณุวัฒน์ ศรีสุนา อายุ 24 ปี จากการตรวจสอบเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจพบกระสอบปุ๋ยสีเขียวจำนวน 1 กระสอบวางอยู่ที่บริเวณที่พักเท้าผู้โดยสารด้านหลัง จึงได้ทำการเปิดตรวจสอบพบยาบ้าบรรจุอยู่เป็นจำนวนมาก

เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน(ยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” พร้อมนำของกลางทั้งหมดเดินทางกลับมายังที่ทำการกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 เพื่อสืบสวนขยายผลและตรวจนับยาเสพติด ผลการตรวจนับพบยาบ้าของกลาง จำนวน 140 มัด รวมทั้งหมดจำนวนทั้งสิ้น 280,000 เม็ด จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “นากรักมาก” เพลงประกอบภาพยนตร์ “นากรักมาก ม๊ากมาก”จาก “ญดา นริลญา”

“นากรักมาก” เพลงประกอบภาพยนตร์ “นากรักมาก ม๊ากมาก” จาก “ญดา นริลญา” ที่อยากบอกว่ารักม๊ากมาก แต่กลัวจะเสียเธอไปนี่คือเพลงที่เป็นตัวแทนของความรักม๊ากมาก แต่ไม่อาจพูดออกมาให้เธอได้ยิน “นากรักมาก” เพลงประกอบภาพยนตร์ “นากรักมาก ม๊ากมาก” ที่ได้นางเอกสาวมากฝีมืออย่าง ญดา-นริลญา กุลมงคลเพชร

นอกจากจะมาเป็นแม่นากเวอร์ชันใหม่และยังมารับหน้าที่เป็นคนขับร้องด้วยตนเอง ถ่ายทอดความรู้สึกของนากที่มีต่ออ้ายมาก ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความรักนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนไป ซึ่งญดาได้ให้สัมภาษณ์ถึงเพลงนี้ไว้ว่า “จริง ๆ เรื่องราวและเนื้อหาเพลงนี้ค่อนข้างเศร้า แต่ญดาอยากตีความให้น้ำเสียงร้องเพลงนี้ออกมาไม่เศร้ามาก อยากให้ยังฟังและรับรู้ได้ถึงความรักที่สวยงามและมีความผูกพันอยู่”

“นากรักมาก ม๊ากมาก” ภาพยนตร์รวมตัวในรอบ 15 ปี ของแก๊งตลกตัวพ่อ “หม่ำ, เท่ง, โหน่ง” ฝีมือการกำกับครั้งแรกของ โหน่ง ชะชะช่า เมื่อผู้กำกับหน้าเก่าไฟแร๊ง (โหน่ง ชะชะช่า) ร่วมมือกับผู้ช่วยผู้กำกับคู่มือคู่เท้า (เท่ง เถิดเทิง) ลุยสร้างหนังรีเมคจากตำนานรักอมตะ นางนาก

หวังเขย่าวงการให้สะเทือน! แต่เรื่องกลับหลุดบทไปไกล เมื่อ นางนากตัวจริง (ญดา-นริลญา กุลมงคลเพชร) โผล่มาเล่นเอง! พร้อมภารกิจตามหารักแท้ ที่กลับชาติมาเกิดเป็นซุปตาร์ขวัญใจมหาชน! (คริส พีรวัส แสงโพธิรัตน์) มื่อกองถ่ายมีผีจริงร่วมจอ โปรเจกต์นี้จะปังจนเป็นตำนาน หรือพังจนเป็นตำนานกันแน่!?

แฟน ๆ เตรียมตัวไปพิสูจน์ความโรแมนติกม๊ากมากและคอมเมดี้ม๊ากมาก ใน “นากรักมาก ม๊ากมาก” เข้าฉายวันที่ 24 กรกฏาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ นากรักมาก เพลงประกอบภาพยนตร์ นากรักมาก ม๊ากมาก

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / มูลนิธิพุทธภูมิธรรม ร่วมพลังบุญ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ส่งมอบความช่วยเหลือให้เด็กนักเรียน ที่แคลนทุนทรัพย์ โรงเรียนวัดเขาหนีบ จังหวัดลพบุรี

ส่งพลังใจจากพี่น้องไทยร่วมส่งเสริมอนาคตของชาติ … มูลนิธิพุทธภูมิธรรม ร่วมพลังบุญกองทัพบก โดย กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ส่งมอบความช่วยเหลือให้เด็กนักเรียน ที่แคลนทุนทรัพย์ โรงเรียนวัดเขาหนีบ จังหวัดลพบุรี

14 ก.ค. 68 ณ โรงเรียนวัดเขาหนีบ ตำบลท่าศาลา อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี , อาจารย์ วิจักษณ์ สองจันทร์ ประธานมูลนิธิพุทธภูมิธรรม เป็นตัวแทนกัลยาณมิตร ลงพื้นที่ สนับสนุนโครงการถุงยังชีพเพื่อการศึกษา,

มอบอุปกรณ์กีฬา และทุนการศึกษา ให้กับนักเรียนและโรงเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์การศึกษา เพื่อเป็นการช่วยเหลือ ส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ให้กับเด็กนักเรียนให้เป็นบุคลากรที่ดีในอนาคตของชาติ

โดยโครงการฯ ดังกล่าว กองทัพบก โดย กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ , กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ได้ริเริ่มและเล็งเห็นความสำคัญ ของเด็กเยาวชนและโรงเรียน

ที่มีความเดือดร้อนจำเป็นขาดแคลนทุนทรัพย์ จึงส่งมอบความช่วยเหลือ พร้อมกำลังใจ ให้เด็กและเยาวชน เพื่อให้มีขวัญกำลังใจที่ดี เติบโต เป็นอนาคตที่ดีของชาติ สืบไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เปิดตัว Brand Ambassador Mr. & Miss Model Universe Thailand 2025 อย่างยิ่งใหญ่สู่เวทีสากลด้วยพลัง Soft Power ผ้าไทย

วันที่ 14 กรกฎาคม 2568 มีพิธีแต่งตั้งและเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ Brand Ambassador Mr. & Miss Model Universe Thailand 2025 ณ โรงแรมอินเตอร์

คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ โดยมีพิธีมอบมงกุฏและสายสะพายให้แก่ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่เปี่ยมด้วยความสามารถ และบุคลิกภาพเหมาะสมในการเป็นตัวแทนประเทศไทยบนเวทีระดับโลก

รายชื่อ Brand Ambassador ประจำปี 2025 ได้แก่นายณัฐพล นิลดอนหวาย (เล้ง)นายพรวศิน เรืองนุกูล (แสตมป์)นางสาวปุณณดา บวรธนสกุล (คิตตี้)นางสาว

ณัฏฐณิชา ศรีระษา (เฟอร์รี่)ทั้ง 4 ท่านปรากฏตัวในชุดผ้าไทยร่วมสมัยจาก สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริม Soft Power ไทยสู่สายตาโลก

ภายในพิธีได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.สุดาวรรณ สมใจ เป็นผู้มอบมงกุฏและสายสะพาย ดร.อัครมณี สมใจ ร่วมแสดงความยินดีในโอกาสพิเศษ ผู้เชิญมงกุฏและ

สายสะพาย ได้แก่ คุณสุธาริณี ภัทรสุปรีดิ์ (เบล) Miss Chinese ภาคกลาง และคุณสิรสิทธิ์ ชุ่มจิตร (สนุ๊ก) นักแสดงจากซีรีส์วาย “ลอยแก้ว”

การจัดงานในครั้งนี้นำโดย ดร.วโรดม ศิริสุข เจ้าของลิขสิทธิ์, คุณพงษกร อภิภัสร์เดชากุล และ คุณอรอนงค์ พิไลวรเพชร ผู้จัดการกองประกวด, ดร.กัญฐณา สน

เจริญ ผู้บริหารด้านสื่อประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติจากหลายวงการ อาทิ คุณรัฐ ริมธีรกุล ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการการส่งเสริมการเรียนรู้ การศึกษาเอกชน

การศึกษาพิเศษและความเท่าเทียมทางการศึกษา วุฒิสภา, นาวาเอกพิเศษ ธณภณ กุหลาบซ้อน, ฝ้ายไทย ไหทองคำ, คุณบรรจง จันทร์เทพ ผู้บริหาร The

Little Bees Club & Musical, คุณขนิษฐา รุจิยาปนนท์ ผู้บริหาร N&N Pharmaceutical, คุณธัญวลัย เผ่าจินดา จากสมาพันธ์ความงามเกาหลีใต้, คุณธัญญา วรรณทองกุล,

คุณสุธาศินี ปานสอน จากบริษัท ไวท์ช็อคยูนิท จำกัด และศิลปินจากค่ายอ่องหล่องมิวสิค ได้แก่ มายด์ กัญญาณัฐ เวียงภักดิ์, โอ๊ต สิทธิพงษ์ หลานเศรษฐา

บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความปลื้มปีติจากผู้เข้าร่วมและผู้สนับสนุนทุกท่าน สะท้อนให้เห็นว่าเวทีนี้ไม่เพียงเป็นเวทีความงาม

แต่ยังเป็นเวทีที่ “ปั้นคนคุณภาพ” และส่งเสริม Soft Power ไทย สู่ระดับโลก
จุดเด่นของเวทีปีนี้คือการยกระดับ ผ้าไทยและวัฒนธรรมร่วมสมัย ให้กลายเป็น

แฟชั่นระดับโลก พร้อมเปิดรับสมัครหนุ่มสาวจาก ทั้ง 5 ภาค ของประเทศไทย ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคใต้ และภาคตะวันออก เพื่อเฟ้นหาตัวแทนสู่เวทีนานาชาติในปีถัดไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านสบปืน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ร่วมงานชุมนุมยุวเกษตรกร ระดับประเทศ ประจำปี 2568

วันที่ 14 กรกฎาคม 2568 นางสาวกัลยา เจนจิจะ ครูที่ปรึกษาและสมาชิกกลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านสบปืน เข้าร่วมรับเสด็จสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน

ทรงเป็นองค์ประธานเปิดงานชุมนุมยุวเกษตรกร ระดับประเทศ ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด ❝ ยุวเกษตรกรนวัตกรรม : สร้างสรรค์เกษตรยุคใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สู่ความยั่งยืน ❞ (Innovative Farm Youth : Mindful Creativity for Sustainability)

โดยมีนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร พร้อมคณะผู้บริหาร สมาชิกกลุ่มยุวเกษตรกร ที่ปรึกษากลุ่มยุวเกษตรกร

เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานยุวเกษตรกร วิทยากรและคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กว่า 500 คน เฝ้า ฯ รับเสด็จ ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

โดยในพิธีเปิดมีการจัดนิทรรศการของกลุ่มยุวเกษตรกรต้นแบบที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ จำนวน 12 นิทรรศการ ซึ่งจะเป็นตัวอย่างให้กับการดำเนินงานพัฒนายุวเกษตรกรทั่วประเทศต่อไป ปัจจุบันกรมส่งเสริมการเกษตร ได้พัฒนายุวเกษตรกรไปแล้วมากกว่า 5,100 กลุ่ม

มีสมาชิกกลุ่มยุวเกษตรกรในสถาบันการศึกษา กลุ่มยุวเกษตรกรนอกสถาบันการศึกษา และกลุ่มยุวเกษตรกรแบบผสม มากกว่า 67,000 คน ยุวเกษตรกรที่ผ่านการพัฒนาล้วนเกิดภาคภูมิใจ

และมีแรงจูงใจที่จะพัฒนาตนเอง นำไปสู่การเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ภาคการเกษตรในอนาคต/บุญยงค์ สดสอาด น่ยกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

จัดทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ฯ ตามโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ลูกหนี้ธนาคารของรัฐ 4 แห่ง ตามมติคณะรัฐมนตรี

วันที่ 15 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.30 น. นางณัติกานต์ บุญเจริญ หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดน่าน ลงพื้นที่เพื่อร่วมสนับสนุนการจัดทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ฯ ตามโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ลูกหนี้ธนาคารของรัฐ 4 แห่ง ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 วันที่ 14 มีนาคม 2566 วันที่ 11 ธันวาคม 2567 และวันที่ 8 เมษายน 2568 สถาบันเจ้าหนี้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จำนวน 2 ราย ณ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาน่าน ตำบลดู่ใต้ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน

โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และผ่อนชำระเงินต้นคงค้างครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 50) ตามระยะเวลาที่ตกลงกันแต่ไม่เกิน 15 ปี โดยไม่เสียดอกเบี้ย สำหรับการชดเชยเงินต้นร้อยละ 50 และดอกเบี้ยในส่วนที่เกษตรกรไม่ต้องรับภาระ และค่าใช้จ่ายต่างๆ รัฐบาลจะรับภาระจัดสรรชดเชยให้กับธนาคารฯ เมื่อเกษตรกรได้ชำระหนี้งวดสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้ว

ทั้งนี้การดำเนินการจัดทำสัญญาตามโครงการฯ เป็นการดำเนินการ ตามมติคณะรัฐมนตรี เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

ข่าวประชาสัมพันธ์จากเกษตรอำเภอเชียงกลาง :
เข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวลำไยเมืองเชียงกลาง! ที่ 1 ไม่แพ้ใคร ลำไยยืน 1 ต้องเชียงกลาง ชวนลิ้มลองความหวาน กรอบ อร่อยไม่เหมือนใคร !!

นายเรวัต พรมสาส์น เกษตรอำเภอเชียงกลาง “ประกาศ !!! เริ่มต้นฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตลำไยอำเภอเชียงกลาง” โดยอำเภอเชียงกลาง มีพื้นที่ปลูกลำไยมากกว่า 8,000 ไร่ มีผลผลิตลำไยออกสู่ตลาดมากกว่า 6,000 ตัน พร้อมให้ทุกท่านได้สัมผัสกับความอร่อยอันเป็นเอกลักษณ์ของลำไยเชียงกลางจากแหล่งผลิตคุณภาพของเรา!

…ลำไยเชียงกลาง… ความอร่อยที่เหนือกว่า หลายท่านอาจคุ้นเคยกับลำไย แต่ผมอยากจะบอกว่า ลำไยจากอำเภอเชียงกลางของเรามีความพิเศษไม่เหมือนใคร ด้วยสภาพภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์ ดินที่เหมาะสม และอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้ลำไยที่นี่มีรสชาติโดดเด่น คือ เนื้อหนา ไม่ฉ่ำน้ำ เม็ดเล็ก กลิ่นหอม รสชาติหวานกำลังดี และที่สำคัญคือ “ความกรอบ” อันเป็นเอกลักษณ์ เมื่อได้ลิ้มลองแล้วจะติดใจจนวางไม่ลง

เกษตรกรอำเภอเชียงกลางปลูกลำไยด้วยความใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลบำรุงรักษาต้นลำไยอย่างพิถีพิถัน การให้น้ำให้ปุ๋ยอย่างเหมาะสม ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวในระยะที่เหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าลำไยทุกลูกที่ออกจากสวนของเราเป็นลำไยที่มีคุณภาพ พร้อมส่งตรงถึงมือผู้บริโภค

….สำนักงานเกษตรอำเภอเชียงกลาง ขอเชิญชวนทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นชาวเชียงกลางเอง หรือผู้ที่สัญจรผ่านไปมา เข้ามาลิ้มลองความอร่อยของลำไยสดๆ จากสวนของเกษตรกรได้แล้ววันนี้! การสนับสนุนของท่านไม่เพียงแต่จะทำให้ได้สัมผัสกับลำไยคุณภาพดีเยี่ยมในราคาที่เป็นธรรม แต่ยังเป็นการช่วยสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับพี่น้องเกษตรกรของเราอีกด้วย

สามารถสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกลำไยได้ที่แปลงใหญ่ลำไยตำบลพญาแก้ว แปลงใหญ่ลำไยบ้านตึ๊ดใหม่ แปลงใหญ่ลำไยตำบลเชียงกลาง และแปลงใหญ่ลำไยตำบลพระพุทธบาท หรือขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเกษตรอำเภอเชียงกลาง 054-797103/เครดิต/ชาตรี ทำงาม สมาชิกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/บุญ ยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ศุลกากรสนธิ​กำลัง​นรข.สกัดจับรถกระบะขนอะโวคาโดเถื่อน 140 ลัง​ น้ำหนัก​ 3,500 กิโลกรัม​ กลางปั๊มดังมุกดาหาร

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 เจ้าหน้าที่ศุลกากรฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 2 ส่วนสืบสวนและปราบปราม 1 กองสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร ภายใต้การอำนวยการของนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร และการสั่งการของนายภาคภูมิ เลิศวัฒนารักษ์ ผู้อำนวยการกองสืบสวนฯ และนางสาวกัญญูณัฐ พิพัฒน์กิจไพศาล ผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนฯ ได้รับแจ้งเบาะแสว่าจะมีการลักลอบนำเข้าสินค้าที่ไม่ผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในพื้นที่ตำบลผึ่งแดด อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร

ต่อมานายกรณ์ชัย ปัญญาวัฒนพงศ์ นายด่านศุลกากรมุกดาหาร จึงได้มอบหมายให้นายสมชาย โชคเฉลิมวงศ์ นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ ส่วนสืบสวนและปราบปราม ๑ กองสืบสวนและปราบปราม สนธิกำลังกับ นาวาโท รุ่งเรือง มาสุทธิ หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ออกตรวจสอบตามข้อมูลที่ได้รับ

เมื่อไปถึงบริเวณสถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาผึ่งแดด เจ้าหน้าที่พบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน บน 6275 นครพนม ซึ่งมีคอกเหล็กบรรทุกสิ่งของต้องสงสัยอยู่ด้านท้ายรถ โดยมีนายเจษฎา พุทธรักษา ชาวอำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เป็นผู้ขับขี่

เจ้าหน้าที่จึงขอเข้าตรวจค้น พบผลไม้ชนิดอะโวคาโดจำนวน​ 1​40​ ลัง น้ำหนักประมาณ 3,500 กิโลกรัม ไม่มีเอกสารผ่านพิธีการศุลกากรที่ถูกต้อง และมีถิ่นกำเนิดจากต่างประเทศ เมื่อตรวจสอบเบื้องต้น นายเจษฎาให้การว่าได้รับว่าจ้างให้ขนสินค้าจากตัวเมืองมุกดาหาร ไปส่งยังตลาดในเขตอำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โดยไม่ทราบว่าของดังกล่าวมีแหล่งที่มาอย่างไร

เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการตรวจยึดของกลางทั้งหมด พร้อมรถกระบะที่ใช้ในการกระทำความผิด ส่งมอบให้ด่านศุลกากรมุกดาหารดำเนินคดีตามกฎหมายศุลกากรต่อไป

ศุลกากร​มุกดาหาร​ #นรข. #สถานีเรือมุกดาหาร #จับของเถื่อน #อะโวคาโดเถื่อน #ของกลาง #นำเข้าไม่ได้เสียภาษี #ข่าวมุกดาหาร #จับกลางปั๊ม #ขนของผิดกฎหมาย #ข่าวภาคอีสาน #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เจ้าของวิทยุชุมชนมึน ระเบียบ กสทช ออกอากาศมาตลอด ถูกหมายค้น ยึดเครื่องส่ง ตัดสาย นำตัวส่งโรงพักดำเนินคดี

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 15 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.30 น. นางสาวรัชฎาพร ทรัพย์มี ตำแหน่ง ผู้อำนวยการส่วน บังคับใช้กฎหมายและนิติการ (ผู้จัดการตามหมายค้น) นายวสันต์ เริงสมุทร ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช. เขต ๔๕ ร่วมกับ พนักงานเจ้าหน้าที่ กสทช. ที่ทำการตรวจค้นตามหมายค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ละแม

โดยมี ร.ต.อ.ศักดิ์ชัย เหยียบสูญ รอง สวป. ร.ต.อ.ปัญญา คำพิทุม รอง สว.(ป) ร.ต.ท.สัมพันธ์ ทิพย์ทอง รอง สว.(ป) ได้ร่วมกันตรวจค้นสถานที่ ตั้งสถานี วิทยุสมัชชาความมั่นคง ภายในราชอาณาจักร ทุ่งสวรรค์เรดิโอ Fm 94 mhz กระจายเสียง อ.ละแม จ.ชุมพร

ตามหมายค้นของศาลจังหวัดหลัง สวน ที่ ค.19/2568 ลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 เนื่องจากมีพยานหลักฐานตามสมควรว่าวัตถุนั้นใช้ในการ กระทำความผิด หรือมีไว้เป็นความผิด หรือจะนำไปใช้กระทำความผิด โดยมี นายคณาวุฒิ ดวงสวัสดิ์ อายุ 39ภ ปี ผู้บริหาร กระจายเสียง เจ้าหน้าที่ผู้จัดการตามหมายค้น ได้แสดงหมายค้นและอ่านหมายค้นให้นายคณาวุฒิฯได้ทราบและยินยอมเป็นผู้นำตรวจค้น โดยจุดตรวจค้น เป็นห้องเก็บเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงมี ลักษณะเป็นการกั้นด้วยสังกะสี มีปะตูด้านหน้า ล็อกด้วยกุญแจ ไม่สามารถเปิดเข้าไปตรวจค้นภายในห้องดังกล่าว

ได้ ตั้งอยู่ในพื้นที่ลักษณะเป็นสวนปาล์มภายในวัดทุ่งสวรรค์ บ้านเลขที่ 75/1 หมู่ที่ 12 ถนนตลาดใหม่-เขาชะมด ตำบลละแม อำเภอละแม จังหวัดชุมพร และมีการตั้งเสาทาวเวอร์ซึ่งติดตั้งสายอากาศและสายนำสัญญาณ ความสูงประมาณ 45 เมตร ติดตั้งใกล้กับห้องเก็บเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงดังกล่าว ซึ่งนายคณาวุฒิ ฯ ผู้นำตรวจค้น แจ้งว่าตนไม่มีกุญแจในการเปิดห้องดังกล่าว แต่ได้ยินยอมให้ตัดกุญแจออกได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ให้ ช่างทำการตัดกุญแจออกและสามารถเข้าตรวจค้นภายในห้องดังกล่าวได้ ผลการตรวจค้นปรากฏว่า

พบห้องมีลักษณะทรงสี่เหลี่ยมกั้นด้วยสังกะสี ภายในมีการออกอากาศวิทยุกระจายเสียง โดยการใช้เครื่องส่ง กระจายเสียงเชื่อมต่อกับสายอากาศและสายนำสัญญาณ ออกอากาศที่คลื่นความถี่ 94.00 MHz โดยใช้ เครื่องปรับอากาศระบายความร้อนให้แก่เครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงและอุปกรณ์ดังกล่าว และจากการตรวจค้น ดังกล่าว พบของกลางจำนวนทั้งสิ้น 16 รายการ ส่วนของกลางลำดับที่ 16 ที่เป็นสายอากาศ ชนิด Circular 4 Stacks ช่างที่ทำการรื้อถอนแจ้งว่าไม่สามารถปืนเพื่อทำการรื้อถอนออกมาได้

เนื่องจาก เสาทาวเวอร์ มีลักษณะชำรุด ไม่แข็งแรง อาจเสี่ยงอันตรายได้รับบาดเจ็บในการรื้อถอนใต้ เจ้าหน้าที่จึงได้อายัดสายอากาศ ดังกล่าวไว้ที่เกิดเหตุ รายละเอียดตามบัญชีวัตถุที่แนบท้ายบันทึกการตรวจค้นนี้ นายคณาวุฒิฯ ผมยอมรับผมผิดพลาดการลงทะเบียนในระบบแอพพลิเคชั่น ของ กสทช. ผมไม่กล้าทำเพราะในช่วงนั้นมีคนมาแอบอ้างเป็น กสทช.ทำทีโทรมาโทรศัพท์มาเรียกเก็บก็ให้ไปทำเอกสารก็ไม่เคยเห็นตัวตนก็เลยมีความกังวลว่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ผมจึงได้เขียนจดหมายและ

ได้นำส่ง เอกสารยื่นไปยัง กสทช.แล้วโดยเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรลายมือของตัวเองส่งไปขณะนี้ได้รับแจ้งว่าเอกสารฉบับดังกล่าวได้อยู่ที่หน้าห้อง ของสำนักงาน กสทช.ส่วนการดำเนินการของ สถานี่ได้ดำเนินการมาร่วม 20 ปี และตนได้มารับช่วงการบริหารเป็นรุ่นสุดท้ายแล้ว จึงอยากขอโอกาสได้ดำเนินการเพื่อสังคมด้วยจิตสาธารณะต่อไปครับ

ผมยอมรับผิดที่ไม่ได้ส่งเอกสารในรูปแบบ ระบบแอพ ของ กสทช. ผมกลัวเรื่องของมิจฉาชีพเพราะในช่วงปลายปี 2567มิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดมากให้โอนเงินในรูปแบบต่างๆ แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนอะไรจนวันนี้ได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจยึดเครื่องส่งสายอากาศสัญญาณแต่ผมก็ได้รับแจ้งให้หยุดการออกอากาศแต่ผมก็ดำเนินการทางด้านข่าวสารให้กับประชาชนได้รับรู้รับทราบและวิงวอนขอความเห็นใจทางสถานีวิทยุก็ไม่มีรายได้อะไรมากมายจึงต้องดำเนิน

การโดยที่รู้ว่ายังผิด แต่ก็ขอให้เจ้าหน้าที่เมตตาตรวจสอบเจตนารมณ์ ของทางสถานีและอยากให้ตรวจสอบหรือตักเตือนโดยวาจาเสียก่อนก่อนที่จะทำการตรวจยึดทรัพย์สินต่างๆครับเพราะตัวผมก็เป็นบุคคลอยู่ในองค์กรอิสระของสื่อก็ได้นำสื่อและข่าวสารเพื่อจะประชาสัมพันธ์ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นข้อมูลเบื้องต้นและช่องทางที่สามารถให้ประชาชนรับรู้รับทราบได้โดยไม่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายมากเพราะสถานีวิทยุจะมีประชาชนรับรู้รับและเฝ้าฟังข่าวสารอยู่ตลอดเวลาครับ

นางสาวรัชฎาพร ทรัพย์มี กล่าวว่า สำนักงานกสทช. ภาคสี่แล้วก็สำนักงาน กสทช. เขต 45 มาดำเนินการตรวจค้นแล้วก็ยึดของกลางสำหรับผู้ที่ยังออกอากาศและก็ยังมีการประกอบโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก กสทช. ในวันนี้ได้เดินทางมาตรวจสอบที่ อำเภอละแม และฝากเตือนถึงสถานีวิทยุที่เคยทดลองออกอากาศแต่ว่าที่ยังไม่ได้ดำเนินการยื่นขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ตั้งแต่วันที่การออกอากาศได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2567

ฝากเตือนว่าทุกสถานีให้หยุดออกอากาศไปก่อนแล้วก็ห้ามใช้เครื่องวิทยุคมนาคม พวกเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงจนกว่า กสทช. จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงและในขณะนี้การออกทะเบียนให้กับสถานีวิทยุเรายังต้องนโยบาย กสทช.ครั้งเพราะว่าตอนนี้กลุ่มที่ดำเนินการขอรับใบอนุญาต

ในกลุ่มที่ยื่นเข้ามาประมูลการใช้ความถี่เราจะอนุญาตและพิจารณากลุ่มที่ขอเข้ามาก่อนและกลุ่มที่ไม่ได้เข้ามาขอการดำเนินการอนุญาตเข้าประมูลคลื่นความถี่ขอให้หยุดออกอากาศไปก่อนจนกว่าจะมีนโยบายของกสทช.ออกฎหมายฉบับใหม่ขึ้นมา

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ยายอายุ 71 ปี เข้าร้องขอความเป็นธรรม!! สมาคม อสมช.ภาคประชาชน หลานยื้มรถคนอื่นไปซื้อยา โดนผู้ใหญ่บ้าน ดักซ้อมกลางทาง

วันนี้ (14 ก.ค.68) เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางทองมา แกว่นไกร อายุ 71 เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรม นายสมชาย แก้วสุทธิ นายกสมาคมองค์การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (ภาคประชาชน) เนื่องจาก นายเจริญชัย อาทิตย์วงศ์ อายุ 33 ปี เป็นผู้บาดเจ็บ จากการโดน ผู้ช่วยและผู้ใหญ่บ้าน ได้รุมซ้อมตีในพื้นที่ บ้านหนองไผ่ หมู่ 5 ต.สระขวัญ อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว

สืบเนื่องมาจากวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 เวลาประมาณ 12.00 น. นายเจริญชัย อาทิตย์วงศ์ (นายเข้ม) ได้ยืมรถ..นายจวน ได้ขับรถไปซื้อยาเสพติด จำนวน 14 เม็ด โดยไม่บอกว่าจะยืมรถไปใช้อะไร ทางเจ้าของรถได้แจ้งไปยังผู้ใหญ่บ้าน ว่านายเจริญชัย หรือ เข้ม ได้ขับรถออกไปซื้อยา เสร็จแล้วได้เอารถไปคืนยังบ้าน ออกมาจากบ้านนายจวน ถึงสามแยก ทางผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วย จึงดักจับรุมซ้อมตี จนบาดเจ็บที่หลังช้ำตามร่างกาย นายจวน ได้เอาไม้ตีพลาดไปโดน แขนข้างซ้ายของผู้ช่วย ทางผู้เป็นย่าบอกว่า ถ้าผู้ช่วยไม่เอาแขนรับไว้อาจจะบาดเจ็บสาหัสมากกว่านี้.ยายเล่าว่า หลานได้ยอมรับสารภาพผิดจริง ว่าได้ยืมรถเขาไปไม่ได้บอก เพื่อขับไปซื้อยาจำนวน 14 เม็ด แล้วตอนนี้ หลานตนก็ได้ถูกฝากขังเพื่อรอสืบสวนสอบสวนที่เรือนจำสระแก้วแล้ว จึงอยากมาร้องขอความเป็นธรรมกับสมาคมฯ เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมดังกล่าว

ทางนายกสมาคมฯ ได้เปิดเผยว่า ทางเราได้จะทำเอกสารส่งถึงสำนักนายกรัฐมนตรี และถึงผู้ว่าฯจังหวัดสระแก้ว เพื่อได้สืบหาข้อเท็จจริงต่อไป เพราะเหตุการณ์ดังกล่าว ข้าราชการทางการเมือง ไม่มีสิทธิ์ที่จะซ้อมตีหรือลงมือทำร้ายร่างกายกับประชาชน จึงส่งผลเกิดการเจ็บตัวและช้ำตามร่างกาย ทางสมาคมฯเราจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย อย่างแน่นอนสมาคมองค์การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (ภาคประชาชน) “ศูนย์ช่วยเหลือ เป็นสื่อกลาง ให้คำปรึกษา ปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน” โทร.087-054-9954

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง