สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เครือข่ายผู้ปกครอง ร่วมลงนามในบักทึกข้อตกลง MOU เรื่อง โรงเรียนปลอดบุหรี่ บุรี่ไฟฟ้า และ ยาเสพติด

วันที่ 12 กันยายน 2568 เวลา 08.00 น. ภายใต้การอำนวยการของนางสาวอโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม โดยนายนรวีร์ ขันธหิรัญ นายอำเภอกำแพงแสน บูรณาการ่วมกับ โรงเรียนกำแพงแสนวิทยา สถานีตำรวจภูธรกำแพงแสน โรงพยาบาลกำแพงแสน สาธารณสุขอำเภอกำแพงแสน

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุ่งกระพังโหม เครือข่ายผู้ปกครอง ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง MOU เรื่อง โรงเรียนปลอดบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการโรงเรียนปลอดบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติด โดยเฉพาะการกำหนดมาตรการด้านการป้องกันการเข้าถึงและใช้บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติด อีกทั้งเพื่อเป็นการแสดงออกถึงเจตนารมณ์

ร่วมกันในการควบคุมและป้องกันการใช้บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติด ให้ปรากฏผลเป็นรูปธรรม โดยมีข้อตกลงร่วมกัน ในการสนับสนุนให้มีการเผยแพร่ความรู้และรณรงค์เรื่องโทษของบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติด สร้างความตระหนักรู้ถึงข้อกฎหมาย และบทลงโทษต่อการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติด การสนับสนุน ส่งเสริมค่านิยมไม่สูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า สนับสนุนการส่งต่อเด็กนักเรียน

ที่ต้องการเลิกบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติดให้เข้าถึงบริการ การเลิกบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติด สนับสนุนการป้องปรามไม่ให้มีการจำหน่ายบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติดให้กับนักเรียนภายในชุมชน ร่วมเป็นเครือข่ายประสานความร่วมมือเฝ้าระวังการ

บังคับใช้กฎหมายแก่ผู้จำหน่ายบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติดให้กับนักเรียน โดยมีนายนรวีร์ ขันธหิรัญ นายอำเภอกำแพงแสน นายธีระ วรรณเกตุศิริ ผู้อำนวยการโรงเรียนกำแพงแสนวิทยา พ.ต.ท.ยศพงษ์ พันธุ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สภ.กำพงแสน นายอำนาจ ภูศรี สาธารณสุขอำเภอกำแพงแสน นางสาวถิรดา ปทุมสูติ

นักจิตวิทยาโรงพยาบาลกำแพงแสน นางสาวปาณิสรา หนู่นุ่น ผอ.รพ.สต.ทุ่งกระพังโหม นางอัจฉรา นามวงศ์ ผู้แทนเครือข่ายผู้ปกครอง นางสาวณัฐนิช สุรสิงห์ไกรสร รองผู้อำนวยการโรงเรียนกำแพงแสนวิทยา ร่วมลงนาม MOU ในครั้งนี้

ณ โรงเรียนกำแพงแสนวิทยา ตำบลทุ่งกระพังโหม อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐมในการนี้ นางดรุณี โพธิ์ศรี รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม นายสราวุธ พานิชวงศ์ ปลัดอำเภอกำแพงแสน นายอดิศร ล้อถิรธร ปลัดอำเภอกำแพงแสน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอกำแพงแสน เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พิธีลงนามสัญญาเงินกู้โครงการวางท่อส่งน้ำดิบใหม่ จากลำตะคองมายังบ้านมะขามเฒ่าวงเงิน700ล้านบาท

้เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 68 เวลา 10.00 น. ณ โรงเรียนเทศบาล 4 อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ร่วมลงนามสัญญาการกู้เงินกับ นายชวลิต ประวะภูโต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจขนาดกลางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และนางสาววมิรา สิงสนั่น เจ้าหน้าที่ส่วนวิเคราะห์สินเชื่อธุรกิจ SME ระหว่างเทศบาลนครนครราชสีมากับธนาคารกรุงไทย สาขาจังหวัดนครราชสีมา โดยมีคณะผู้บริหาร ปลัดเทศบาล สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เจ้าหน้าที่เทศบาล และสื่อมวลชล ร่วมในพิธีลงนามสัญญาเงินกู้โครงการวางท่อส่งน้ำดิบใหม่จากแหล่งน้ำลำตะคองมายังโรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่าวงเงิน 700 ล้านบาท ตาม ที่เทศบาลนครนครราชสีมา ได้เสนอขอรับเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ เพื่อมาดำเนิน โครงการ จัดหา น้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาที่โรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า จากแหล่งน้ำลำตะคองมายังโรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติ งบประมาณให้ดำเนินโครงการ ในวงเงินงบประมาณ 1,995,430,000 บาทประกอบด้วย

  1. เงินอุดหนุนเฉพาะกิจ สนับสนุนร้อยละ 50 (วงเงิน 997,715,000 บาท)
  2. เทศบาลนครนครราชสีมาสมทบ ร้อยละ 50 (วงเงิน 997,715,000 บาท)
  3. โดยมี รายละเอียดของโครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาที่โรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่าดังนี้
  4. ค่าก่อสร้าง วงเงินงบประมาณที่รับอนุมัติ 1,928,410,000 บาท ราคากลาง 1,915,500,000บาท ประกอบด้วย
    งานก่อสร้างสถานีสูบน้ำดิบ 2 แห่ง คือ สถานีสูบน้ำดิบเขื่อนมะเกลือใหม่ และสถานีสูบน้ำดิบที่
    โรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า และงานวางท่อเหล็กหล่อเหนียว และท่อ HDPE ขนาด 1,200 มม. วางตามคลองธรรมชาติ ความยาว ประมาณ 35 กิโลเมตร
  5. ค่าจ้างที่ปรึกษาเป็นค่าควบคุมงาน วงเงินงบประมาณ 67,020,000 บาท
    ราคากลาง 52,560,000 บาท

การดำเนินการตามโครงการดังกล่าว เป็นงบผูกพัน 5 ปี (งบประมาณปี 2568-2572) เทศบาล
ต้องสมทบ 997,715,000 บาท เนื่องจากเทศบาลไม่มีงบประมาณเพียงพอ จึงจำเป็นต้องกู้ เงิน จากแหล่งเงินกู้ และได้แสวงหาแหล่งเงินกู้จาก ธนาคารและ สถาบัน เงินกู้ ต่างๆ พบว่า ธนาคารกรุงไทย ให้ดอกเบี้ยต่ำ ที่สุด คือร้อยละ 1.95 บาทต่อปี เทศบาลจึงได้ดำเนินการ ตามระเบียบข้อกฎหมาย เพื่อขอกู้เงิน เมื่อได้รับอนุมัติ จากรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย จึงได้ดำเนินการ กู้เงิน จากธนาคารกรุงไทย โดยมีวัตถุประสงค์ของการกู้เงิน เพื่อการลงทุน โครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาที่โรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า เป็นอำนาจหน้าที่ของเทศบาล ในการแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคและบริโภคของประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสาธารณูปโภค สนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

การค้าและการลงทุนของ จังหวัดนครราชสีมา ลดการสูญเสียน้ำดิบระหว่างการขนส่งผ่านท่อ เพิ่มปริมาณส่งน้ำผ่านท่อได้ประมาณ 16.42 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี (อัตราค่าน้ำประปาตั้งแต่ 5-25 ลูกบาศก์เมตร มีค่าเฉลี่ย 12.14 บาทต่อ ลูกบาศก์เมตรลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมท่อน้ำดิบ ประมาณ 10.80 ล้านบาทต่อปี ลดค่าใช้ไฟฟ้าในการสูบน้ำ ประมาณ 10.61 ล้านต่อปี สามารถขยายการบริการประปาไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นข้างเคียงได้อย่างเพียงพอและทั่วถึง จากเดิม 76.70 ตารางกิโลเมตร เป็น 223.85 ตารางกิโลเมตร เทศบาลนครนครราชสีมา ไม่มีหนี้ค้างชำระ สามารถกู้เงินจากธนาคารกรุงไทยได้ในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 1.95 ต่อปี ซึ่งถูกกว่าการกู้เงินจากเงินทุนส่งเสริมกิจการเทศบาล ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.00 ต่อปี การกู้เงินในครั้งนี้ได้ผ่านการประชุมประชาคมระดับนคร ผ่านการอนุมัติจากสภาเทศบาลนครนครราชสีมา

ในการประชุมสมัยสามัญ สมัยที่ 4 ประจำปี 2567 เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 การกู้เงินได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองการกู้เงินขององค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล จำนวน 2 ครั้ง ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 และครั้งที่ 2/2568เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 คณะกรรมการฯ เห็นว่า การขอกู้เงินของเทศบาลนครนครราชสีมาจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขานครราชสีมา จำนวน 700,000,000 บาท เพื่อดำเนินโครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาที่โรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า มีความเหมาะสมและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเป็นไปตาม พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2596 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เปิดงาน “เทศกาลคนปลูกกาแฟน่าน Nan Coffee Farmer’s Fest 2025” ยกระดับกาแฟน่านสู่เวทีระดับประเทศ

วันนี้ (12 กันยายน 2568) เวลา 18.00 น. ที่บริเวณข่วงน้อยเมืองน่าน นายประจักร์ ไชยกิจ ปลัดจังหวัดน่าน เป็นประธานเปิดงาน “เทศกาลคนปลูกกาแฟน่าน Nan Coffee Farmer’s Fest 2025” โดยมีนายศักดิ์สิทธ์ ศรีวิชัย เกษตรจังหวัดน่าน ในนามหน่วยงานผู้จัดงาน กล่าวรายงานและขอบคุณท่านประธานในพิธี

การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์แหล่งผลิตและผลิตภัณฑ์กาแฟน่านให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในระดับประเทศ พร้อมทั้งกระตุ้นให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟพัฒนาคุณภาพและยกระดับมาตรฐานการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดเป้าหมาย อันจะช่วยขับเคลื่อนห่วงโซ่การผลิตกาแฟน่านตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12–14 กันยายน 2568 ภายใต้แนวคิด “ความหลากหลายที่เป็นเอกลักษณ์ของกาแฟน่าน (Unity through Diversity)” สะท้อนถึงความหลากหลายของสายพันธุ์กาแฟ ทั้งอาราบิก้าและโรบัสต้า

ที่สามารถปลูกได้ในพื้นที่จังหวัดน่าน อันเป็นผลจากภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เหมาะสม ทำให้กาแฟน่านมีคุณภาพและเอกลักษณ์โดดเด่น การันตีด้วยรางวัลจากการประกวดระดับประเทศอย่างต่อเนื่อง

ภายในงานมีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ
• การประกวดสุดยอดเมล็ดกาแฟประจำปี 2568 ซึ่งมีตัวอย่างเมล็ดกาแฟเข้าร่วมกว่า 100 ตัวอย่างจากทั่วประเทศ
• การจัดแสดงนิทรรศการและออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์กาแฟจากเกษตรกร

กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการกว่า 50 บูธ
• การเสวนาทิศทางกาแฟโลกกับการพัฒนากาแฟน่าน
• คลินิกกาแฟและเวิร์กช็อปการคัดเมล็ดกาแฟ
• กิจกรรม Cupping กาแฟ
• การประกวดธิดากาแฟ
• การแข่งขันด้านทักษะกาแฟ เช่น คัดเมล็ด ดริปกาแฟ และชิมกาแฟ

โอกาสนี้ ปลัดจังหวัดน่านได้กล่าวเปิดงาน พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการกาแฟ และการออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการ เพื่อสร้างการรับรู้และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของกาแฟน่าน สู่สินค้าเกษตรปลอดภัยและมูลค่าสูงอย่างยั่งยืน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “แอนดริว เกร้กสัน” แท็กทีม “โดนัท มนัสนันท์” และทัพนักแสดงสร้างความหลอนในรอบกาล่าพรีเมียร์ “เวียนว่ายตายเกิด” 11 ก.ย. นี้! ทุกโรงภาพยนตร์!!!

ห่างหายจากวงการแสดงหนังไปนานกว่า 20 ปี นักแสดงหนุ่ม “แอนดริว เกร้กสัน” หวนกลับคืนมาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มอีกครั้งกับภาพยนตร์แนวสยองขวัญสุดลี้ลับ “เวียนว่ายตายเกิด” (The Cycle) เสริมทัพความเข้มข้นเหล่านักแสดงแถวหน้าของเมืองไทยมาร่วมสร้างความระทึก ผลงานการกำกับของ “จิ๊บ – ทิวา เมยไธสง” ผู้กำกับที่มากประสบการณ์ โดยเฉพาะงานหนังสยองขวัญ และหนังแนวฆาตกรรมที่เรียกว่าทำสุดทำถึง!!!

ในงานแถลงกาล่ารอบพรีเมียร์ภาพยนตร์ลี้ลับ “เวียนว่ายตายเกิด” ขนทีมนักแสดงนำโดย แอนดริว เกร้กสัน, โดนัท มนัสนันท์, นวลปรางค์ ตรีชิต, ฌัชฌา รุจินานนท์, สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ และผู้กับกับ “จิ๊บ ทิวา เมยไธสง” ที่พร้อมพาเราไปสัมผัสประสบการณ์สยองขวัญที่จะทำให้คุณต้องลุ้นทุกวินาที! ณ เอสเอฟเวิลด์ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้การันตีเลยว่าไม่ธรรมดา

เพราะยืนยันด้วยสมญานามของ แอนดริว ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความพิถีพิถันในการเลือกรับงานแสดงในแต่ละครั้ง ซึ่งทุก ๆ ผลงานที่ออกมาก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง กับบทบาทสุดท้าทายในเรื่องนี้ ที่ไม่เพียงแค่จะทดสอบความสามารถในการแสดงเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยปริศนาและความน่ากลัวที่ตามหลอนไปทุกย่างก้าว

และการจับคู่กันของ แอนดริว เกร้กสัน และ โดนัท มนัสนันท์ ที่เรื่องนี้ทั้งคู่ โคจรมาร่วมงานกันเป็นครั้งแรก ซึ่ง โดนัท มารับบทเป็น “ผิง” สถาปนิกสาวที่มีปมอดีตฝั่งใจ ที่ดูเหมือนจะมีชีวิตที่อบอุ่น แต่ความลึกลับที่ซ่อนอยู่ในตัวเธอ

จะทำให้ทั้งคู่ต้องร่วมมือกันเพื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้ ซึ่งการร่วมงานของทั้งสองคนในครั้งนี้ เป็นการนำเสนอความตึงเครียดระหว่างตัวละครที่ทั้งคู่ต้องเผชิญกับปริศนาและอันตรายที่ตามมา ทั้งในด้านอารมณ์และความกลัวที่ทวีคูณ

เมื่อทั้งคู่ต้องตัดสินใจร่วมกันในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงและความสยองขวัญ “เวียนว่ายตายเกิด” (The Cycle) เริ่มต้นจากครอบครัวอันแสนอบอุ่นของ “สารวัตรพุฒิ” ตำรวจหนุ่มที่ไม่เชื่อในสิ่งเร้นลับ, “ผิง” สถาปนิกสาวที่มีปมอดีตฝั่งใจ และ “น้องภู” ลูกชายที่ไม่ค่อยมีสุขภาพดีเท่าไร แต่แล้วพวกเขากลับได้รับโทรศัพท์ลึกลับจาก “น้องสาว” ที่ตายไปแล้วซึ่งกลับชาติมาเกิดใหม่

สถานการณ์เริ่มเลวร้ายเมื่อครอบครัวถูกคุกคามโดยญาติที่ไม่ยอมรับ และลัทธิประหลาดในป่าอันห่างไกล ความน่ากลัวของ “เวรกรรม” หรือ “ปีศาจ” จะเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตของพวกเขา
“เวียนว่ายตายเกิด” จะพาคุณไปเผชิญหน้ากับความลึกลับที่ซับซ้อน ในวันที่ 11 กันยายนนี้ทุกโรงภาพยนตร์ อย่าพลาด! มาร่วมค้นหาคำตอบว่าจะเป็น เวรกรรม หรือ ปีศาจ ที่ตามล่าชีวิตของพวกเขา!

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /สภ.ตาเซะ กำชับตร.ในสังกัดเคร่งครัด กวดขัน สิ่งผิดปกติ และรถต้องสงสัย หลังหน่วยงานความมั่นคง พบว่า การข่าวมีความพยายามก่อเหตุการณ์ในลักษณะใหม่

ผู้สื่อข่าวได้มีการรายงานว่า เมื่อ วันที่ 10 กันยายน 2568 เวลา 07.00 – 17.00 น. พ.ต.ท.ณัตฐเขตต์ ชนะพล สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรตาเซะ ได้กำชับกำลังพล พร้อมสั่งการนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรประจำเวรเช้า ออกปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัย

ชีวิตและทรัพย์สินประชาชนในช่วงเช้า อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกแบบแผนบูรณาการ ทุกมิติ เพื่อสร้างความมั่นใจ ด้านความปลอดภัยแก่คุณครู นักเรียน รวมไปถึงผู้ปกครอง อีกทั้งเป็นการหาข่าวไปด้วย เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ ทำลายกล้องวงจรปิด เป็นต้น

ทั้งนี้ งานการจราจร ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเรื่องแรกในช่วงเวลาเร่งรีบเวลา 07.00 – 09.00 น. โดยเน้นคุ้มครองประชาชนผู้บริสุทธิ์ และ บริเวณสถานศึกษา ก็สำคัญเช่นกัน สำหรับพื้นที่ ในเขต ต.ตาเซะ นั้น พ.ต.ท.ณัตฐเขตต์ ชนะพล (สารวัตรใหญ่) ต้องทำงานหลากหลาย ในทุกมิติ ปัจจุบัน ทำให้พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่สีขาวมาโดยตลอด

จากนั้นในช่วงบ่ายก็ได้จัดกำลังพลตำรวจ สับเปลี่ยนเวรยาม พร้อมบูรณาการกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณตลาดสดตาเซะ เพื่อจัดระเบียบ ให้ประชาชนสะดวกสบาย และดูแลความสงบเรียบร้อย อำนวยความสะดวก แก่ประชาชนผู้มาจับจ่ายซื้อสินค้ากลับบ้าน ทั้งนี้ คือภารกิจประจำวันที่ตำรวจตัวเล็กๆคนนึงสามารถระงับการ

เกิดเหตุในพื้นที่ตนเองรับผิดชอบได้เป็นอย่างดี เป็นการประงับ ป้องกันเหตุอาชญากรรมที่เราประชาชนไม่รู้ว่าคนร้ายจะลงมือก่อเหตุป่วน หรือ จงใจทำลายทรัพยากรของบ้านเมืองที่กำลังุพัฒนาไปตลอดจนทำให้ได้สร้างขวัญ กำลังใจ ชาวบ้านยิ้มแย้ม สร้างความอุ่นใจให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ โดยเฉพาะ สารวัตรหนุ่มคนนี้กลายเป็นขวัญใจแม่ยกชาวตำบลตาเซะไปซะแล้ว ”ขอให้สิ่งที่ทำดีจงทำต่อไป แล้ววสิ่งที่ดีกว่าจะมาหาเราเอง“

นอกจากนี้ ในช่วงเย็นหลังคนเลิกงาน ที่บริเวนด่านจุดตรวจคลองทรายใน พื้นที่ ม.5 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ก่อนถึงตัวเมืองยะลา 14 กิโลเมตร ทางสารวัตรใหญ่ พร้อมกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ จราจร ก็ได้ออกปฏิบัติหน้าที่ โดยไปตั้งด่านกวดขันวินัยการจราจร ซึ่งจำเป็นต้องขอบังคับใช้กฎหมายการ กระทำความผิด กฎหมายอาญา

กฎหมายจราจร มีการว่ากล่าวตักเตือนผู้ซึ่งกระทำความผิดเล็กน้อยจึงได้อบรม สร้างการรับรู้ เพื่อเป็นการ ประชาสัมพันธ์บนท้องถนน รถยนต์ที่ขับขี่ผ่านเส้นทางนี้อาจจะต้องเจอสารวัตรใหญ่หนุ่มหล่อหากท่านยังอยู่ในช่วงปฏิบัติหน้าที่กำชับยานพาหนะทุกคัน บนท้องถนนสาย 418 ปัตตานี-ยะลา ทั้งนี้ก็เพื่อให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยฃ

ตอริก สหสันติวรกุล จ.ปัตตานี

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / หมู่บ้านติดป้าย ”ต้านพืชกระท่อม“ โดยมีเกือบทุกชุมชน ผู้นำ!!!ย้ำไม่ต้องการกระท่อมในพื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ปัญหาการบริโภคน้ำกระท่อมยังคงแพร่ระบาดในจังหวัดชายแดนใต้ ส่งผลกระทบทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่

โดยเฉพาะการดื่ม 4 คูณ100 ที่ผสมน้ำกระท่อมกับยาแก้ไอและน้ำโค๊ก ขณะที่การปลดล็อกพืชกระท่อมกลับทำให้มีผู้บริโภคและผู้ค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความกังวลแก่ภาครัฐ และประชาชนเป็นอย่างมาก​ จนนำไปสู่ ปฏิบัติการ 120 วันต้านพืชกระท่อม ตามนโยบาย

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการ รมว.ยุติธรรม โดยเน้นพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ส่งผลให้ร้านขายกระท่อมริมถนนหลายแห่งในปัตตานีถูกสั่งปิด แสดงถึงกระแสต่อต้านที่เพิ่มขึ้นทั้งในพื้นที่และโลกออนไลน์

ล่าสุด ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา และประชาชนในปัตตานีทั้ง 12 อำเภอ ร่วมรณรงค์ติดป้ายประกาศว่า พืชกระท่อมเป็นสิ่งฮารอม

เพื่อสร้างความเข้าใจตามหลักศาสนาอิสลาม พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการป้องกันยาเสพติด ควบคู่กับการส่งเสริมอาชีพและพัฒนาเยาวชนให้ห่างไกลจากสิ่งเสพติด

เช่นเดียวกับพื้นที่อำเภอแม่ลาน ผู้นำท้องถิ่นและผู้นำศาสนายังคงเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ 120 วัน ต้านพืชกระท่อม อย่างต่อเนื่อง มีการพูดคุยสร้างความเข้าใจและตักเตือนกลุ่มเยาวชนที่เสพน้ำกระท่อม

พร้อมทั้งพาเข้าสู่กระบวนการบำบัด ขณะเดียวกันยังได้ติดตั้งป้ายไวนิลรณรงค์ต่อต้านพืชกระท่อมตามจุดสำคัญต่าง ๆ ในพื้นที่อำเภอแม่ลาน เพื่อแสดงจุดยืนร่วมกันในการป้องกันน้ำกระท่อมและยาเสพติด​อื่นๆ

นายจิมณีอาบ๊ะ ปะดอมะ กำนันหมู่ 6 อำเภอแม่ลาน เปิดเผยว่า ได้มีการประชุมร่วมกับชาวบ้านและอิหม่ามอย่างต่อเนื่อง เพื่อพูดคุยถึงปัญหาการดื่มน้ำกระท่อม เนื่องจากในหลักศาสนาอิสลามถือว่าเป็นสิ่งที่ฮารอม หรือสิ่งต้องห้าม

โดยทุกวันศุกร์ก่อนที่โต๊ะอิหม่ามจะขึ้นบรรยายธรรม หรืออ่านคุตบะห์ ตนจะใช้เวลาประมาณ 5-10 นาทีในการพูดคุยกับชาวบ้าน และในระหว่างการบรรยายธรรมก็มีการกล่าวถึงโทษภัยของน้ำกระท่อมด้วย

นายจิมณีอาบ๊ะ เผยต่อว่า ในพื้นที่ตำบลป่าไร่ อำเภอแม่ลาน ไม่เคยมีการขายพืชกระท่อมริมทาง เนื่องจากชาวบ้านตระหนักว่าศาสนาอิสลามห้ามอย่างเคร่งครัด ผู้ที่คิดจะขายก็เกรงกลัวการทำผิดศาสนามากกว่าการกลัวเจ้าหน้าที่

ตนไม่ได้ใช้วิธีปราบปราม แต่เน้นการพูดคุยและตักเตือนมากกว่า เพื่อให้เขาเข้าใจว่าการดื่มน้ำกระท่อมไม่ใช่เรื่องดี ซึ่งทุกคนก็เห็นพ้องต้องกัน โดยก่อนหน้านี้พื้นที่ตำบลป่าไร่เคยมีคนติดน้ำกระท่อมจำนวนมาก แต่หลังจากที่ได้ตั้งฮูกุมปากัส ทุกอย่างก็ค่อยๆ ดีขึ้น

นายจิมณีอาบ๊ะ​ เผยตอนท้ายว่า​ ส่วนการส่งเสริมอาชีพในชุมชน ที่ผ่านมาได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก ศอ.บต. เพื่อนำมาช่วยเหลือชาวบ้าน บางส่วนหันไปเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ และที่สำคัญคือมีการดึงเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมอีกด้วย

ตอริก สหสันติวรกุล ปัตตานี
085-0772217

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / กระบะเฉียวชนจักรยานยนต์ คุณปู 85ปี เสียชีวิตที่เกิดเหตุ

ธนากร โกศลเมธี 0818923514 เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 11 กันยายน 2568 ร.ต.อ. กรัณย์พล เพชรวงค์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.บ้านวิสัยเหนือ จ.ชุมพร ได้รับแจ้งว่ามี มีเหตุรถกระบะเฉียวชนรถจักรยานยนต์ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จึงรายงานผู้บังคับบัญชา พ.ต.อ.พิน อินมาก ผกก.สภ.บ้านวิสัยเหนือ และประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัย และแพทย์ลงพื้นที่ ตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุรับแจ้ง บริเวณใกล้เคียงพฤกษารีสอร์ท หมู่ที่ 1 ตำบลวิสัยเหนือ อำเภอเมือง ชุมพร ถนนเอเชีย 41 ขาล่องใต้ มีผู้บาดเจ็บนอนแน่นิ่งอยู่บนถนน อาสากู้ภัยสายชลชุมพร เขตวิสัย จึงเร่งรัดไปยังจุดเกิดเหตุ ตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตเป็นเพศชายอายุ 85 ปี ทรายชื่อภายหลัง นาย ชื่น ขาววิมล เป็นชาวตำบลวิสัยเหนือ อำเภอเมือง ชุมพร

เสียชีวิตที่เกิดเหตุ จึงประสานตำรวจและแพทย์เวร ร่วมชันสูตรที่เกิดเหตุ ก่อนจะเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิต ส่งให้ทางญาติประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป จากการสอบถามผู้ที่เห็นเหตุการณ์ นายชื่นฯได้ขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านเพื่อที่จะไปงานศพเพื่อนบ้าน ก่อนจะถึงที่กลับรถ

\ได้เฉียวชนกับรถกระบะสีขาวก่อนจะเสียหลักมาชนกับรถกระบะโตโยต้าสีดำ หมายเลขทะเบียน ก ท 8790 ชุมพรโดยมีนาย จารุวิทย์ (สงวนนามสกุล) ชาว ต.บางน้ำจืด อ.หลังสวน จ.ชุมพร ที่ขับตามมา จนทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว

นาย จารุวิทย์ เล่าว่า กลับจากพาญาติพี่น้องไปเยี่ยมคนป่วยที่โรงพยาบาลในตัวเมืองชุมพร และกำลังจะกลับบ้าน ที่ อ.หลังสวน  ขณะที่ขับรถมาถึงที่เกิดเหตุได้เห็น   รถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงินดำ หมายเลขทะเบียน  ข ก ธ 72 ชุมพร เฉียวชนกับรถกระบะสีขาวไม่เห็นป้ายทะเบียน อยู่ด้านหน้าก่อน ทีจะมีการเฉียวชนกับรถของตน และยังรอให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่เกิดเหตุ

ร.ต.อ. กรัณย์พล เพชรวงค์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.บ้านวิสัยเหนือ จ.ชุมพร ตรวจสอบและรวบร่วมเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ และจะติดตามตัวผู้ขับรถกระบะสีขาว มาสอบสวน จะ ประสานญาติและผู้เกี่ยวข้องเพื่อสอบถามรายละเอียดและดำเนินการตามขบวนการของขั้นตอน กฎหมาย ต่อไป.

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / กิจกรรม “Clean & Fair เที่ยวชุมพร มั่นใจ ปลอดภัย ไม่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว”

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันพฤหัสบดี ที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๘ เวลา ๑๓.๓๐ น.นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ให้เกียรติมาเป็นประธาน เปิด โครงการรณรงค์และประชาสัมพันธ์การป้องกันและแก้ไขปัญหา ด้านการท่องเที่ยวจังหวัดชุมพร กิจกรรม “Clean & Fair เที่ยวชุมพร มั่นใจ ปลอดภัย ไม่เอาเปรียบ นักท่องเที่ยว” ณ หาดทุ่งวัวแล่น ตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร

นายกรวิทย์ ช่วยดู ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชุมพร กล่าว โครงการรณรงค์และประชาสัมพันธ์การป้องกันและแก้ไขปัญหา ด้านการท่องเที่ยวจังหวัดชุมพร กิจกรรม “Clean & Fair เที่ยวชุมพร มั่นใจ ปลอดภัย ไม่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว” จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ๑. เพื่อรณรงค์และประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ประชาชน ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับการให้บริการที่มีมาตรฐาน โปร่งใส เป็นธรรม และปลอดภัยในพื้นที่ท่องเที่ยวของจังหวัดชุมพร

๒. เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวมี จิตสำนึกในการประกอบธุรกิจอย่างเป็นธรรม ไม่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว และ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพแหล่งท่องเที่ยว ๓. เพื่อสร้างความมั่นใจและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับจังหวัดชุมพร ในฐานะแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัย เป็นมิตร และมีความรับผิดชอบต่อผู้ใช้บริการทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ

สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชุมพร ได้รับการสนับสนุน งบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ แผนงาน : บูรณาการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว หมวดงบดำเนินงาน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการดำเนินโครงการของสำนักงานการ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชุมพร โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชุมพร ได้เล็งเห็น ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยว

โดยเน้นการ สื่อสารเชิงบวกและการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ผ่านกิจกรรม “Clean & Fair เที่ยวชุมพร มั่นใจ ปลอดภัย ไม่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว” ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของจังหวัด กระตุ้น จิตสำนึกและมาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบการในพื้นที่ พร้อมทั้งสร้าง ความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งในด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และความ เป็นธรรม

นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าว่า โครงการรณรงค์และประชาสัมพันธ์การป้องกันและแก้ไขปัญห
ด้านการท่องเที่ยวจังหวัดชุมพร กิจกรรม “Clean & Fair เที่ยวชุมพร มั่นใจ ปลอดภัย ไม่เอาเปรียบ นักท่องเที่ยว”
ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับเกียรติเป็นประธานเปิด โครงการรณรงค์และประชาสัมพันธ์การป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านการ ท่องเที่ยวจังหวัดชุมพร กิจกรรม “Clean & Fair เที่ยวชุมพร มั่นใจ ปลอดภัย ไม่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว”

ในวันนี้จากการกล่าวรายงานของท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชุมพร ทำให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ซึ่งอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวมีบทบาทสำคัญยิ่งในทางเศรษฐกิจที่สร้างเม็ดเงินหมุนเวียน ในระบบเศรษฐกิจช่วงทศวรรษที่ผ่านมา องค์กรและหน่วยงานต่างๆ มุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐานบริการ

ในพื้นที่ พัฒนาแนวทางการบริหาร จัดการท่องเที่ยวในระดับจังหวัด เสริมสร้างภาพลักษณ์ความเชื่อมั่น และ สนับสนุนการท่องเที่ยวยั่งยืนและมีความรับผิดชอบตามแนวทางของ เศรษฐกิจสร้างสรรค์และเศรษฐกิจสีเขียว อันจะนำไปสู่การยกระดับขีด ความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดชุมพรในระยะยา

ผมขอชื่นชมคณะทำงานและเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ได้ร่วมกัน จัดโครงการรณรงค์และประชาสัมพันธ์การป้องกันและแก้ไขปัญหาด้าน การท่องเที่ยวจังหวัดชุมพร กิจกรรม “Clean & Fair เที่ยวชุมพร มั่นใจ ปลอดภัย ไม่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว” และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัด กิจกรรมในครั้งนี้ จะบรรลุประสงค์ทุกประการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ชิงถ้วยพระราชทาน ครั้งที่ 25 จัดแข่งขันเรือยาวประเพณีขึ้นโขนชิงธง เจ้าแห่งสายน้ำ คลองในหลวงหัววัง-พนังตัก

ธนากร โกศลเมธี รายงาน 0818923514 วันนี้ (11 ก.ย. 68) นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีเปิดงานแข่งขันเรือยาวประเพณีขึ้นโขนชิงธง คลองในหลวงหัววัง-พนังตัก ประจำปี 2568

ร่วมกับ ว่าที่ร้อยตรี กิตติภพ รอดดอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายนพพร อุสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหาร , สมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน และพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชุมพร

ร่วมในพิธี ณ คลองในหลวงหัววัง-พนังตัก ตำบลนาชะอัง อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สืบสานพระราชปณิธานในการอนุรักษ์และฟื้นฟูแม่น้ำลำคลอง

ธำรงรักษาศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ส่งเสริมความรักความสามัคคีของประชาชน และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่มีต่อปวงชนชาวไทย

นายนพพร อุสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร จัดงานแข่งขันเรือยาวประเพณีขึ้นโขนชิงธง จังหวัดชุมพร ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 10 – 14 กันยายน 2568

ณ คลองในหลวงหัววัง-พนังตัก ตำบลนาชะอัง อำเภอเมืองชุมพร ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในประเภท 32 ฝีพายผู้นำ และประเภท 16 ฝีพายทั่วไป, ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ในประเภทเรือยาว 32 ฝีพายทั่วไปภายในจังหวัดชุมพร, และถ้วยพระราชทานสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางวัฒน วรขัตติยราชนารี ในประเภทเรือยาว 8 ฝีพาย นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการแสดงถึงพระราชกรณียกิจ

ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว,การประกวดกองเชียร์แข่งขันเรือยาว, การแสดงลานวัฒนธรรม, การแสดงศิลปวัฒนธรรม, การแสดงถึงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.
องค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร

ได้จัดการแข่งขันเรือยาวประเพณีขึ้นโขนชิงธง ณ คลองหัววัง – พนังตัก มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 ซึ่งนอกจากจะเป็นการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีอันงดงามของไทยให้คงอยู่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมแก่รุ่นหลังแล้ว

ยังถือเป็นกิจกรรมสำคัญของชาวจังหวัดชุมพร ที่ได้ร่วมกันน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระองค์ทรงแสดงให้เห็นถึงพระเมตตาและความห่วงใยพสกนิกรชาวชุมพรมาโดยตลอด

โดยเฉพาะในด้านการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ซึ่งในอดีตพื้นที่ตัวเมืองชุมพรต้องประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก แต่ด้วยพระราชดำริในการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ และการขุดคลองหัววัง – พนังตัก ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 ปัญหาดังกล่าวจึงค่อย ๆ บรรเทาเบาบางลง นับเป็นโอกาสสำคัญที่ทุกภาคส่วนจะได้ร่วมกันแสดงพลังแห่งความสามัคคี

พร้อมส่งเสริมและสืบสานวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าให้คงอยู่คู่ชุมพรสืบไป ภายใต้เสียงกลอง เสียงพาย และแรงเชียร์ที่ดังกระหึ่มเหนือสายน้ำแห่งศรัทธา ซึ่งไม่เพียงเป็นการแข่งขัน หากยังเป็นการแสดงออกถึงจิตวิญญาณของชาวชุมพรที่พร้อมใจเทิดทูนสถาบัน ชื่นชมรากเหง้าทางวัฒนธรรม และร่วมสร้างความภาคภูมิใจให้บ้านเกิดอย่างแท้จริง

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ ของ ภ.จว.ลำปาง

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน 2568 เวลา 11.00 น.พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงผลการปฏิบัติคดีรายสำคัญ ของ สภ.สบปราบ จว.ลำปางกรณีเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 เวลาประมาณ 16.40 น. ด่านตรวจยาเสพติดสบปราบ จับผู้ต้องหา 1 คน รถบรรทุกพ่วง 1 คัน ยาเสพติดของกลาง ยาไอซ์ ประมาณ 100 กิโลกรัม

โดยมี นายชุติเดช มีจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง, พล.ต.ต.ภูมิปัญญ์ญา นวตระกูลพิสุทธิ์ ผบก.ภ.จว.ลำปาง, พลตรี วิชาญ ศรีภัทรางกูร ผบ.มทบ.32, นายฉัตรชัย วงศ์ปริยากร นายอำเภอสบปราบ, ผู้แทน กอ.รมน. จังหวัดลำปาง, ศพฐ.5, ปส.ภาค 5, ผกก.สภ.สบปราบ ร่วมแถลงผลการจับกุม

ณ ลานแถลงข่าวตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ถ.ลำปาง – แจ้ห่ม ต.ต้นธงชัย อ.เมืองลำปาง จว.ลำปางสรุปผลการจับกุมยาเสพติด ของ ตำรวจฎธรภาค 5 ห้วงตั้งแต่ 1 ต.ค.67 – 10 ก.ย.68

จับกุมคดียาเสพติด จำนวน 25,695
คดีรายสำคัญ 249 คดี
ยึดของกลางยาเสพติด

  • ยาบ้า 260 ล้านเม็ดเศษ
  • ไอซ์ 11,900 กิโลกรัมเศษ
  • เฮโรอีน 211 กิโลกรัมเศษ
  • เคตามีน 1,840 กิโลกรัมเศษ
  • ฝิ่น 160 กิโลกรัมเศษ

ตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับยาเสพติด
ประมาณ 1,246 ล้านบาทเศษ…
//สมจิตรแสงบัลลังค์รายงาน

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง