สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / แม่ทัพภาคที่ 2 พบประชาชน บรรบายพิเศษเรื่อง “ปลูกจิตสำนึกรักความเป็นไทย” รร.สูงเนิน โคราช

ในการบรรยายพิเศษ เรื่อง “ปลูกจิตสำนึกรักความเป็นไทย” เพื่อสร้างจิตสำนึกให้นักเรียนรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และสร้างความภาคภูมิใจในความเป็นชนชาติไทย ความเสียสละของชนชาติไทย และเห็นคุณค่าพื้นแผ่นดินไทย

ในวันอังคารที่ 9 กันยายน 2568 ณ อาคารกตเวที 60 ปี โรงเรียนสูงเนิน เวลา 13.30 น. รับมอบรางวัลนักเรียนเขียนเรียงความและเข้าพบประชาชนที่มาส่งกำลังใจให้แนะนำสิ่งของมอบให้กับ

ท่านรองแม่ทัพ และให้นักเรียนถามคำถามท่านรองแม่ทับเกี่ยวกับชายแดน และมีประชาชนส่งกำลังใจและขอถ่ายรูปกับท่านแม่ทัพและนักเรียนจำนวนมากเข้าขอถ่ายรูปกับท่านแม่ทัพแล้วท่านแม่ทัพยังสอนน้องๆนักเรียนให้รักศาสนาพระมหากษัตริย์

พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ทหารได้ป้องกันประเทศชาติและรักษาผืนแผ่นดินนี้ไว้ ให้กับพวกเราได้เรียนหนังสือ ให้กับคุณพ่อ คุณแม่ได้ทำมาค้าขาย พวกเราต้องสามัคคีกัน อย่าทะเลาะกัน

สร้างตัวเอง สร้างประเทศไทย ขอให้มีความรักสามัคคี มีความเคารพต่อบรรพบุรุษ พ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ คำสอนของพ่อแม่ พระภิกษุสงฆ์ คำสอนของพระพุทธศาสนา คนนั้นจะเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า ประสพผลสำเร็จ

ภาพ/เดชา ชัยวิฑูอนกูล
ข่าว/กันตินันท์ เรืองประโคน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดกิจกรรมสภากาแฟชุมพร พบปะพูดคุย เพื่อร่วมพัฒนาจังหวัดชุมพร

วันนี้(วันที่ 8 กันยายน 2568)จังหวัดชุมพรจัดกิจกรรมสภากาแฟชุมพร นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ร่วมในกิจกรรมสภากาแฟชุมพร

ณ ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านแมลงเศรษฐกิจจังหวัดชุมพร (สวนผึ้ง) ตำบลขุนกระทิง อำเภอเมืองชุมพร จัด

โดยหน่วยงานในสังกัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จังหวัดชุมพร สภากาแฟ ชุมพร ครั้งที่ 9/2568

มีผู้เข้าร่วม คณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และสื่อมวลชนในพื้นที่ ได้พบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น

และสร้างความสัมพันธ์อันดีร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาจังหวัดชุมพรในด้านต่างๆ

กระทรวงเกษตรฯ ชุมพร เป็นเจ้าภาพ “สภากาแฟ” จิบกาแฟ และรับประทานอาหารว่างยามเช้า พร้อมกับพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน สำหรับกิจกรรมสภากาแฟชุมพร

จัดขึ้นเพื่อสร้างความรู้จักซึ่งกันและกัน ระหว่างหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานราชการในจังหวัดชุมพร

ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสานความร่วมมือ ซึ่งกันและกัน ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ด้วยแนวความคิดที่ต้องการให้หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงาน รวมไปถึงสื่อมวลชนในพื้นที่ได้พบปะพูดคุยกัน เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการประชาสัมพันธ์ถึงข้อมูลข่าวสาร

ภารกิจหน้าที่ รวมไปถึงโครงการต่างๆ ให้หน่วยงานอื่นได้รับทราบ เพื่อง่ายต่อการประสานความร่วมมือ

ต่อมา ตัวแทน หน่วยงานในสังกัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จังหวัดชุมพร ส่งมอบ ป้ายสัญลักษณ์ ถ้วยกาแฟ ให้กับผู้แทน

หน่วยงาน สังกัด กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นเจ้าภาพในครั้งที่ 10/2568 ต่อไป

ธนากร โกศลเมธี รายงาน 0818923514 ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ประเสริฐ เปิดงานเทกระจาด อ.สีคิ้ว โคราช/รถระเบิด เด็ก 3 ขวบ ถูกไฟคลอกดับ !

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 เวลา9.30 น. ณ อำเภอสีคิ้ว จ.นครราชสีมา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดงานเทกระจาดประจำปี 2568

ณ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา โดยมี นายพัชร จันทรรวงทอง สส. อ.สีคิ้ว เขต 12 จังหวัดนครราชสีมา นายสานิตย์ สินทวี นายอำเภอสีคิ้ว ผู้กำกับ สภ. สีคิ้ว และคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อเจ้าพระยาสีคิ้วชุดที่ 5 ร่วมกัน จัดงานในครั้งนี้

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประชาชนในเขตพื้นที่อำเภอสีคิ้ว มีเด็กและผู้สูงอายุผู้พิการเข้ารับข้าวสารพร้อมกับของแจก และประชาชนอีกประมาณ 5000 ชีวิตที่ เดินทางมาร่วมในงานเทกระจาดในครั้งนี้เป็นงานประจำปีของมูลนิธิสีคิ้ว

ผมในฐานะที่เป็นตัวแทนของประชาชน ขอให้กำลังใจพี่น้องทุกคน ในปี 2568 และปีต่อๆไป อ.สีคิ้วของเราจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง วันนี่ มีพี่น้องมาร่วมงานประมาณ 5000 คน

มาแจกข้าวสารอาหารแห้ง ประชาชน ถือว่าเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแก่พี่น้องประชาชน โดยได้รับความร่วมมือจากทุกองค์กร ได้มีส่วนร่วมสนับสนุน ข้าวสาร อาหารแห้ง

ภาพ/วิชัย เฉิดเมืองปัก
ข่าว/กันตินันท์ เรืองประโคน

รถระเบิด เด็ก 3 ขวบ ถูกไฟคลอกดับ !

วันที่ 8 กันยายน 68 เวลา 09.10น. รับแจ้งเหตุไฟไหม้รถยนต์มีผู้เสียชีวิต จุดเกิดเหตุที่ บ้านน้อย5 หมู่ 5 ต.ห้วยบง อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา รับแจ้งมาทั้งหมด 5 คน เป็นรถเก๋งเชฟ สี ดำ ทะเบียน งน 9562 นครราชสีมาในรถมีผู้เสียชีวิต 1 รายเป็นเด็กน้อย อายุ 3 ขวบ ร่างถูกไฟเผาไหม้ทั้งตัว

จากการสอบถามเบื้องต้น กลุ่มคนไปหาเห็ดได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น จำนวน 4 ครั้ง จึงเดินกลับมาดูที่รถ พบว่ายางรถระเบิดและเกิดเหตุเพลิงไหม้โดยมี เด็ก อายุ3 ขวบ นอนหลับภายในตัวรถ ซึ่งไม่ได้ล็อค แต่ดับเครื่องยนต์ไว้ และกลุ่มบุคคลที่มาหาเห็ด ให้การช่วยเหลือดับไฟ แต่ เพลิงได้โหมกระหน่ำขึ้น ทำให้ไม่สามารถเข้าช่วยเหลือผู้ติดภายในยานพาหนะได้ทันท่วงที จึงเกิดเหตุโศกนาฏกรรมขึ้น

จึงประสาน รถดับเพลิง อบต.ห้วยบง และ หินดาด เข้าให้การช่วยเหลือ พร้อมทั้ง เจ้าหน้าที่กู้ชีพ อบต.หินดาด,ห้วยบงอย่างไรก็ตามทางเจ้าพนักงานตำรวจจะดำเนินการสอบสวนสาเหตุการเกิดเหตุที่แท้จริงต่อไป

ขณะนี้รอทีม ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และทีมแพทย์ ยืนยันการเสียชีวิต / ร.ต.อ วินัย สุขภิรมย์ ร้อยเวร สภ.หินดาดขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน้องผู้เสียชีวิตด้วยนะครับขอบคุณข้อมูล จากอาสาสมัครกู้ชีพ ตำบลหินดาด และ รชต รชต

ภาพ/วินัย เฉิดเมืองปัก
ข่าว/กันตินันท์ เรืองประโคน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ดงหลวงสะเทือน! ฝ่ายปกครองจับข้าราชการท้องถิ่นพร้อมเมียเสพยาบ้า

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 นายพิเชษฐ์ ศรีมารุต นายอำเภอดงหลวง (ผอ.ศป.ปส.อ.ดงหลวง) สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอดงหลวง

ลงพื้นที่ตรวจสอบ หลังได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับยาเสพติดในพื้นที่ ตำบลชะโนดน้อย อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร

ผลการปฏิบัติ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนางสาวรุ่งนภา คำมุงคุณ อายุ 45 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 2 เม็ด โดยเบื้องต้นตรวจพบว่าเป็นผู้เสพและครอบครองยาเสพติด

ทั้งนี้จากการขยายผลตรวจปัสสาวะของนายธนวัฒน์ คำมุงคุณ อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นข้าราชการสังกัดเทศบาลตำบลแห่งหนึ่งในอำเภอดงหลวง ดำรงตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผน พบผลตรวจเป็นบวก

เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งสองรายนำมาสอบสวนเพื่อขยายผล และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ยาเสพติด #มุกดาหาร #ดงหลวง #ข่าวด่วน #ปราบปรามยาเสพติด

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เปิดการอบรมอาสาสมัครนำเที่ยวท้องถิ่น รุ่นที่ 1 เสริมศักยภาพต้อนรับเทศกาล Green Season ปลายฝนต้นหนาว

วันที่ 8 กันยายน 2568 เวลา 09.30 น. ณ บึงงามรีสอร์ท อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ นายณรงค์ศักดิ์ คุรุพันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ กล่าวต้อนรับอาสาสมัครนำเที่ยวท้องถิ่นที่เดินทางมารายงานตัวเข้าร่วมการอบรมเชิงปฏิบัติการ โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรภาคการท่องเที่ยวและบริการ อาสาสมัครนำเที่ยวท้องถิ่น รุ่นที่ 1 ภายใต้งบประมาณสนับสนุนตามแผนพัฒนาจังหวัดบึงกาฬ และนโยบายของนายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ที่มุ่งยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวชุมชนและการท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้มีคุณภาพและยั่งยืน

ต่อมาในเวลา 13.00 น. นายสมหวัง อารีย์เอื้อ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัดฯ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมอย่างเป็นทางการ พร้อมกล่าวว่า “การจัดอบรมในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดบึงกาฬ ให้มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะที่จำเป็นต่อการเป็นเจ้าบ้านที่ดี สามารถดูแลและต้อนรับนักท่องเที่ยวได้อย่างมีมาตรฐาน พร้อมทั้งช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่จังหวัด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬที่ต้องการยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยว ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การท่องเที่ยวบึงกาฬเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน”

สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จึงได้จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ

  1. พัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยว ให้มีความรู้ความเข้าใจด้านการบริหารจัดการและการบริการตามมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย
  2. เสริมสร้างทักษะอาชีพและความสามารถในการออกแบบกิจกรรมท่องเที่ยวที่หลากหลายและสร้างสรรค์
  3. ส่งเสริมการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการเป็นเจ้าบ้านที่ดี เพื่อสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว

การอบรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 10 กันยายน 2568 ณ บึงงามรีสอร์ท อำเภอบึงโขงหลง โดยมีผู้เข้าร่วมจำนวน 60 คน ประกอบด้วยผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว มัคคุเทศก์ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ อาทิ ความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร การเป็นมัคคุเทศก์ที่มีคุณภาพ การตลาดเพื่อการท่องเที่ยว และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวของจังหวัดบึงกาฬให้สามารถแข่งขันได้ในระดับประเทศ

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / กระบะบรรทุกไม้เก่ายางระเบิดพลิกคว่ำ พบกล่องโฟมกระเด็นเกลื่อน ตะลึง..!! บรรจุยาบ้า 5.4 ล้านเม็ด / SVL Group ตอกย้ำความมุ่งมั่น ก้าวสู่ปีที่ 10 จัดอบรมเข้มข้น 3 ระบบ ISO

วันที่ 7 ก.ย.68 พ.ต.ท.พยุงศักดิ์ จงดี สารวัตรใหญ่ สภ.สามกระทาย ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่าได้รับแจ้งจากชาวบ้านพลเมืองดีพบมีรถยนต์กระบะรั้วบรรทุกประสบอุบัติเหตุยางระเบิดพลิกคว่ำกีดขวางถนน เหตุเกิดบริเวณบนถนนเพชรเกษม ฝั่งขาล่องใต้ หลักกิโลเมตรที่ 271 + 100 หมู่บ้านฟากนา ตำบลสามกระทาย อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับแจ้งจึงนำเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยร.ต.ท.นนทนันท์ สิงหนาท รองสารวัตรสอบสวน สภ.สามกระทายรุดตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบเป็นรถยนต์กระบะรั้วบรรทุก 4 ล้อขนาดใหญ่ ยี่ห้อ isuzu สีขาว หมายเลขทะเบียน 3 ฒฆ 5327 กทม.สภาพพังเสียหายยับเยินกระบะรั้วฉีกขาดตัวรถได้รับความเสียหาย สิ่งของที่บรรทุกมาหล่นกระจัดกระจายเกลื่อน ตรวจสอบเบื้องต้นเป็นชิ้นส่วนแผ่นไม้ที่รื้อมาจากบ้านเก่า โดยภายในกองไม้พบกล่องโฟมห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกใสปิดทับด้วยเทปกาวสีน้ำตาลแน่นหนา จำนวน 54 กล่อง โดยมีบางกล่องฉีกขาดปรากฏสิ่งของที่บรรจุภายในกล่องเป็นยาบ้าเม็ดสีส้มจำนวนมาก ส่วนผู้ขับขี่และผู้

โดยสารไม่ทราบจำนวนได้หลบหนีไปจากที่เกิดเหตุแล้ว
ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ สันนิษฐานว่ารถคันดังกล่าวได้ขนของกลางมาจากต้นทาง ซึ่งยังไม่ทราบที่ใด โดยนำกล่องโฟมซึ่งบรรจุยาเสพติดไว้ด้านล่าง จากนั้นใช้แผ่นไม้ปิดบังอำพรางยาเสพติดเอาไว้เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เหมือนลักษณะขนย้ายไม้บ้านเก่าแล้วมุ่งหน้าลงใต้ ระหว่างทางยางล้อหลังเกิดระเบิดทำให้เสียหลักพลิกคว่ำ ส่วนผู้ขับขี่และผู้โดยสารกลัวความผิดจึงได้หลบหนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปถึง

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานรถยกมาลากรถ และขนของกลางทั้งหมดใส่รถพนักงานสอบสวนนำไปตรวจสอบและนับจำนวนของกลางยาเสพติดทั้งหมดอย่างละเอียดที่โรงพัก 3 กระทายโดยมี นายอร่าม ญาณแก้ว นายอำเภอกุยบุรี พ.ต.อ.ภาคภูมิ โห้ใย รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบฯ พร้อมตำรวจชุมสืบสวน และตำรวจพิสูจน์หลักฐานร่วมตรวจสอบ โดยภายในกล่องลังโฟม 1 กล่อง บรรจุยาบ้าจำนวน 10 ห่อ

ตราสัญลักษณ์ ยี่ห้อ 999 ที่เม็ดยาพิมพ์ WY รวม 1 แสนเม็ดต่อ 1 กล่อง รวมทั้งหมด 54 กล่อง กับอีก 1 ห่อ จำนวนยาบ้าเม็ดสีส้มทั้งสิ้น 5,440,000 เม็ด(ห้าล้านสี่แสนสี่หมื่นเม็ด) รวมมูลค่า กว่า 32 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบไล่กล้องวงจรปิด เพื่อหาเส้นทางการหลบหนีและหาตัวผู้ร่วมขบวนการที่มาในรถว่ามีจำนวนกี่คน เพื่อติดตามมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
///////////////////////////////

ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

SVL Group ตอกย้ำความมุ่งมั่น ก้าวสู่ปีที่ 10 แห่งมาตรฐานสากล จัดอบรมเข้มข้น 3 ระบบ ISO
เสริมศักยภาพบุคลากร มุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรอย่างยั่งยืน

กรุงเทพฯ – เอสวีแอล กรุ๊ป (SVL Group) ผู้นำด้านบริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจสู่ทศวรรษที่ 10 ของการได้รับการรับรองมาตรฐานสากล เดินหน้าจัด “โครงการอบรมเพิ่มทักษะและความรู้มาตรฐานสากล Integrated ISO 3 ระบบ” (Integrated Management System) เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความเข้าใจในมาตรฐานระดับโลกให้กับบุคลากรอย่างต่อเนื่อง

การอบรมดังกล่าวจัดขึ้นอย่างเข้มข้นตลอด 2 วันในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีพนักงานกว่า 60 คนจาก 3 บริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท เอสวีแอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท ไลน์ ทรานสปอร์ต จำกัด และ บริษัท เรือลำเลียงบางปะกง จำกัด เข้าร่วมอบรมทั้งในรูปแบบ Online จากกรุงเทพฯ และ Onsite ณ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

โดยได้รับเกียรติจาก นายอุดม สดใส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลน์ ทรานสปอร์ต จำกัด เป็นตัวแทนผู้บริหารให้การต้อนรับ นายอาณัติ น้อมเศียร วิทยากรผู้เชี่ยวชาญจาก บริษัท โกลบอล สแตนดาร์ด แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส จำกัด ซึ่งมาร่วมถ่ายทอดความรู้และแนวปฏิบัติล่าสุดของ 3 มาตรฐานสำคัญ ได้แก่:

o ISO 9001:2015: ระบบบริหารงานคุณภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจในบริการที่เป็นเลิศและตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้า ISO 14001:2015: ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ISO 45001:2018: ระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยสำหรับพนักงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคน

นายอุดม สดใส กล่าวว่า “ที่ SVL Group เราเชื่อว่าคุณภาพของบริการเริ่มต้นจากคุณภาพของบุคลากร การลงทุนในการพัฒนาความรู้และทักษะให้พนักงานอย่างต่อเนื่องคือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร การจัดอบรมในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการรักษามาตรฐานที่เรายึดมั่นมาตลอดเกือบทศวรรษ แต่ยังเป็นการตอกย้ำคำมั่นสัญญาที่เรามีต่อลูกค้าและสังคม ว่าทุกบริการของ SVL Group จะเปี่ยมด้วยคุณภาพ ปลอดภัย และใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง”

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้ง 3 บริษัทในเครือเอสวีแอล กรุ๊ป ได้ผ่านการตรวจประเมินอย่างเข้มข้นในทุกขั้นตอน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการ “เน้นย้ำทุกบริการด้วยมาตรฐานระดับสากล” เพื่อการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต

////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เปิดแล้ว!! ศูนย์ประสานงานพุทธวิธีเพื่อสิทธิมนุษยชน วัดตานีนรสโมสร จ.ปัตตานี รร.เทศบาล2

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ 7 กันยายน 2568 ที่วัดตานีนรสโมสร (พระอารามหลวง) อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. ร่วมพิธีเปิดศูนย์ประสานงานพุทธวิธีเพื่อสิทธิมนุษยชน โดยมี นายชูชีพ ธรรมเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี, นางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช กรรมการสิทธิมนุษยชนเเห่งชาติ,

เลขาธิการศูนย์พัฒนาและส่งเสริมพุทธศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ,ผู้แทนชมรมพุทธมามกะศีล 5 จังหวัดปัตตานี , ประธานสมาพันธ์ไทยพุทธจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมี พระราชวัชรญาณโมลี รองเจ้าคณะภาค 18 เจ้าอาวาสวัดตานีนรสโมสร , พระมหานภันต์ สนฺติภทฺโท ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และประธานกรรมการมูลนิธิสถาบันการจัดการวิถีพุทธเพื่อสุขและสันติ ตลอดจน พุทธศาสนิกชนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

สำหรับศูนย์ประสานงานพุทธวิธีเพื่อสิทธิมนุษชน วัดตานีนรสโมสร จังหวัดปัตตานี เป็นความร่วมมือของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ บูรณาการร่วมกับวัดตานีนรสโมสร(พระอารามหลวง) มูลนิธิสถาบันการจัดการวิถีพุทธเพื่อสุขเเละสันติ และสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จัดตั้งขึ้น เพื่อให้วัดตานีนรสโมสร เป็นศูนย์กลางในการศึกษา และเผยแพร่พระพุทธศาสนาและเป็นศูนย์กลางในการประสานงานด้านสิทธิมนุษยชน

ในพื้นที่จังหวัดชายแดนนภาคใต้ ให้คำปรึกษาให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชน รับเรื่องร้องเรียนประสานงานความช่วยเหลือและส่งต่อเรื่องร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสนับสนุนส่งเสริมให้วัดตานีนรสโมสร เป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนต่อพุทธศาสนิกชนและประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนเป็นเครือข่ายภาคประชาสังคมในการเผยแพร่ความรู้ ประชาสัมพันธ์หลักการสิทธิมนุษยชนให้กับประชาชนในพื้นที่

ทั้งนี้ ก่อนเปิดศูนย์ฯ ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ เมื่อวันที่ 5-6 กันยายน 2568 ณ โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี เพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านกฎหมายทั่วไป ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชน และการเยียวยาตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยมี พระสงฆ์ สามเณร เข้าร่วมอบรม 10 รูป และมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครประจำศูนย์ประสานงานเข้าร่วม 50 คน เพื่อทำหน้าที่เป็นจิตอาสาประจำศูนย์ฯ อีกด้วย

ภาพ/รายงานข่าว : สำนักข่าว THE SRINGER TODAY

ตอริก สหสันติวรกุล รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / การจัดเก็บขยะ ปรับค่าธรรมเนียมอัตราค่าบริการการเก็บขยะในหมู่บ้าน และ ทำการส่งมอบบ้าน ผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ

วันอาทิตย์ ที่ 7 กันยายน 2568 เวลา 13 : 00 น. นายมานพ #บุญศิริ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 6 บ้านโปง พร้อมด้วยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกับ ท่านรองนายกฯ เทศบาล ท่านปลัด ท่าน สท. เจ้าหน้าที่สาธารณะสุข เทศบาลตำบลป่าไผ่ พ่อแม่พี่น้องชุมชนบ้านโปง ร่วมประชุมประจำเดือนและ ประชาคม / รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเพื่อนำไปสู่การร่างเทศบัญญัติ

เรื่องการจัดเก็บขยะ ปรับค่าธรรมเนียมอัตราค่าบริการการเก็บขยะในหมู่บ้าน และ ทำการส่งมอบบ้าน ให้กับนางอำพันธ์ ดวงบาล ผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ. วันนี้ การสร้างบ้านพักอาศัยได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเกิดจากความร่วมแรงร่วมใจ และความสามัคคีกันในชุมชน และผู้ร่วมบริจาคทุกท่าน ทางผู้ใหญ่บ้าน จึงได้ทำการส่งมอบบ้าน และมอบเงินบริจาคคงเหลือ ให้กับนางอำพันธ์ ดวงบาล เป็นที่เรียบร้อย

🏠ยอดเงินบริจาค 93,854 บาทค่าใช้จ่าย 84,576 บาทเงินบริจาคคงเหลือ 9,278 บาทและในโอกาสนี้ ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและนางอำพันธ์ ดวงบาล🙏 #ขอขอบพระคุณท่าน กิตติพัฒน์ กะวังนายอำเภอสันทราย หัวหน้าส่วนราชการ, พัฒนาชุมชน กิ่งกาชาดอำเภอสันทราย กิ่งกาชาดจังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลตำบลป่าไผ่ หน่วยบรรเทาสาธารณภัย

ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลป่าไผ่ และ สมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอสันทราย ที่ได้ร่วมสนับสนุน จัดหางบประมาณ และร่วมบริจาค ให้การช่วยสร้างบ้านหลังใหม่ ให้กับนางอำพันธ์ ดวงบาล ผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ในครั้งนี้ ///

#สมจิตรแสงบันลังค์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / มูลนิธิพุทธภูมิธรรม ร่วมพลังบุญ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ณ วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ)

เมื่อวันศุกร์ที่ 5 กันยายน 2568 อาจารย์วิจักษณ์ สองจันทร์ ประธานมูลนิธิพุทธภูมิธรรม และกลุ่มบุญภาคีมูลนิธิฯ เป็นผู้แทนกัลยาณมิตรทุกๆท่าน ร่วมพลังบุญกับ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ โดยมี พลตรีกิตติ ประพิตรไพศาล ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ พร้อมด้วยกำลังพลในหน่วยขึ้นตรง

จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์, ถวายพระพุทธรูป ผ้าไตรจีวร ภัตตาหาร และเจริญพระกรรมฐาน อธิษฐานจิต เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบูรพมหากษัตราธิราชเจ้า ฯ บรรพชนและอธิษฐานบุญบารมีส่งให้ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชk

โดยได้รับความเมตตาจาก พระครูสิทธิสังวร (หลวงพ่อวีระ) คณะ5 วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร นำอธิษฐานจิตขึ้นพระกรรมฐาน และ ทำพิธีรับ -มอบ ขนมตราไก่ย่าง จำนวน 60 กล่อง จาก ผู้แทน คุณชาตรี – มณีรัตน์ เหล่าวณิชย์วิทย์ เจ้าของขนมทอดกรอบตราไก่ย่าง เพื่อส่งให้ทหารตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา

ณ พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) คณะ5 วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร (วัดพลับ) กรุงเทพฯขอส่งผลบุญแห่งคุณความดีและความปรารถนาดีจากกัลยาณมิตรทั้งปวง ให้ถึงแด่ทุกท่านมีความสุขความเจริญ ปรารถนามงคลใด ให้สำเร็จผลทุกประการ เจริญด้วยมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ เทอญ…สามารถติดตามข่าวสารธรรมทานงานบุญ มูลนิธิพุทธภูมิธรรมได้ที่Line Official Account :https://lin.ee/AlxR8Xf

วันที่ 5 กันยายน 2568 ⏰ เวลา 08.00 น. สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส โนนุช ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ มอบหมายให้ พันตรี ศิริชัย ทรัพย์ศิริ กรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์ฯ / นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

ร่วมพิธี วางพวงมาลา ⚘ และทอดผ้าป่าสามัคคี 🤝 “รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว”เพื่ออุทิศแด่ วีรชนทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ 1 จำนวน 19 นาย 🇹🇭พิธีได้รับเกียรติจาก พลเอก เดชนิธิศ เหลืองงามขำผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์ 🙏 เป็นประธานในพิธี ณ อนุสาวรีย์บัวชูชาติ วัดพรหมเทพาวาส (วัดชลอน) ต.หัวป่า อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวรำลึกวีรชนทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่1ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่2ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่3 ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่4

กองบุญอนาคตสดใสสำเร็จแล้ว❗️
ข่าวดีแห่งการให้: มูลนิธิพุทธภูมิธรรม เป็นตัวแทนท่านมอบโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กนักเรียน พร้อมส่งมอบแว่นตาให้เด็ก ๆ ชายแดน

เราได้สร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับเด็กนักเรียนผู้ด้อยโอกาสถึงสองพื้นที่ โดยการจัดกิจกรรมมอบอุปกรณ์การศึกษาและสิ่งของจำเป็นที่ช่วยสนับสนุนอนาคตของเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี

​กิจกรรมแรกเป็นการตัด แว่นสายตา ให้กับนักเรียน 20 คนที่มีปัญหาทางสายตา ณ โรงเรียนบ้านเขาตาง๊อก จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน การดำเนินงานครั้งนี้สำเร็จได้ด้วยการร่วมมือกับ กองกำลังบูรพา ทำให้เด็ก ๆ ได้รับแว่นตาใหม่ที่ช่วยให้พวกเขามองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจนขึ้น ทั้งตัวหนังสือบนกระดานและสภาพแวดล้อมรอบตัว

แว่นตาเหล่านี้เป็นมากกว่าแค่อุปกรณ์ช่วยมองเห็น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่เปิดโลกการเรียนรู้ให้กว้างขึ้น สร้างความหวังและความมั่นใจให้เด็ก ๆ ได้กลับมาตั้งใจเรียนอีกครั้ง บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้ม โดยผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 13 (ผบ.ชค.ทพ.13) ยังได้นำอาหารว่างอย่างข้าวโพดป๊อปคอร์นและไอศกรีมโบราณมาเลี้ยงนักเรียนทุกคน ทำให้กิจกรรมเต็มไปด้วยความสุขและความประทับใจ

​นอกจากนี้ มูลนิธิพุทธภูมิธรรมยังได้เดินทางไปมอบ อุปกรณ์การศึกษา ที่โรงเรียนบ้านทุ่งศาลา จ.ราชบุรี ให้กับนักเรียนร่วม 100 คน การสนับสนุนในครั้งนี้เป็นสิ่งที่เติมเต็มและส่งเสริมให้นักเรียนได้มีโอกาสในการเรียนรู้ที่เท่าเทียมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

​การส่งต่อสิ่งดี ๆ ทั้งสองกิจกรรมในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจที่จุดประกายความฝันให้กับเด็ก ๆ ซึ่งสะท้อนถึงพลังแห่งการแบ่งปันที่ยิ่งใหญ่ และความตั้งใจของมูลนิธิฯ ที่ต้องการสร้างสรรค์สังคมแห่งการให้เพื่ออนาคตที่ดีของเยาวชนไทย

บุญนี้สำเร็จแล้ว ขอโมทนาสาธุการ🙏😊

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เปิดโปรไฟล์ “หนูน้อยต้นอ้อ-รวิ หอมชื่น“ แข้งจิ๋วโต๊ะเล็กเมืองฉลาม ดาวจรัสแสงอนาคตไกล”เฮิร์บแลนด์“ เล็งปลุกกระแส “ต้นสาคู” พืชมากสรรพคุณแดนใต้ หวั่นถูกโลกยุคใหม่ลืมเลือน/ ระเบิดศึกชิงชัย “BGC Powerboat Grand Prix 2025” สนามที่ 2 ที่หาดบางเสร่ อัพสกิลนักกีฬาไทยสู่เวทีสากล

”ฟุตซอล“ เป็นอีกประเภทกีฬาหมากแข้งที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างแพร่หลายไม่แพ้ฟุตบอล จนในปัจจุบันมีผู้สนใจหันมาเอาจริงเอาจังกับกีฬาประเภทนี้มากมายทั่วโลก ทั้งชายหญิง หนุ่มสาว รวมทั้งเด็กและเยาวชน จนมีการจัดการแข่งขันมากมายทั้งในระดับชุมชน ระดับโรงเรียน ระดับจังหวัด ระดับภาค และระดับประเทศ ความน่าสนใจคือมีนักกีฬาดาวรุ่งหน้าใหม่ผุดขึ้นราวดาวเห็ด หนึ่งในนั้นคือ ”ต้นอ้อ-รวิ หอมชื่น” นักกีฬาฟุตซอลหญิง อายุไม่เกิน14 ปี ประจำทีมโรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองปรือ แข้งจิ๋วโต๊ะเล็กดาวจรัสแสงดวงใหม่จากจังหวัดชลบุรี

ด.ญ.รวิ หอมชื่น ชื่อเล่น น้องต้นอ้อ เกิดวันที่ 7 เมษายน 2556 อายุ 12 ปี อยู่ชั้น ป.6 โรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ปัจจุบันเป็นนักฟุตซอล รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี ของโรงเรียน โดยเล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า หรือ สไตรเกอร์ (Striker) มีพี่ชาย 1 คน คือ นายวีรภัทร หอมชื่น (เอิร์ธ) อยู่ชั้น ม.5 โรงเรียนหัวถนนวิทยา อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี และเป็นนักฟุตซอลรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ของโรงเรียนเช่นกัน โดย เริ่มเล่นฟุตซอลตั้งแต่อายุ 10 ปี หรือตอน ป.4 จากอดีตที่ไม่เคยสนใจกีฬาฟุตบอลเลย แต่ด้วยเห็นพี่ชายเป็นนักกีฬาฟุตซอล และบิดาชื่นชอบกีฬานี้เป็นพิเศษมักเล่นฟุตบอลและมีแข่งขันออกกำลังกายอยู่บ่อยครั้ง จึงเกิดความซึมซับ ก่อนเริ่มหัดเล่นจนชื่นชอบ และมุ่งมั่นจนได้เป็นนักกีฬาฟุตซอลประจำโรงเรียนในที่สุด

ทั้งนี้ มีผลงานที่เป็นเกียรติแก่ครอบครัวตนเองและโรงเรียนมากมาย อาทิ ที่ 2 เหรียญเงิน รองแชมป์การแข่งขันฟุตซอลประเภทหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี รายการกีฬานักเรียนองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น (อปท.) ระดับภาคตะวันออก ประจำปี 2566 ก่อนได้สิทธิ์เป็นตัวแทนไปแข่งขันระดับประเทศ, ที่ 2 เหรียญเงิน รองแชมป์การแข่งขันฟุตซอลประเภทหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี รายการกีฬานักเรียนองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น (อปท.) ระดับภาคตะวันออก ประจำปี 2567 ก่อนได้สิทธิ์เป็นตัวแทนไปแข่งขันระดับประเทศ (เป็นรองแชมป์สองปีซ้อน ในรายการระดับภาค),

ที่ 3 เหรียญทองแดง การแข่งขันฟุตซอลประเภทหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี กีฬานักเรียนองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น (อปท.) ระดับประเทศ ประจำปี 2566, ที่ 3 เหรียญทองแดง การแข่งขันฟุตซอลประเภทหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี กีฬานักเรียนองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น( อปท.) ระดับประเทศ ประจำปี 2567 (ได้ที่ 3 สองปีซ้อนเช่นกัน ในรายการระดับประเทศ) ,ที่ 3 เหรียญทองแดง การแข่งขันฟุตซอลประเภทหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี รายการกีฬานักเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี (อบจ.ชลบุรี) ประจำปี 2568 และเหรียญทอง ชนะเลิศการแข่งขันฟุตซอลประเภทหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี รายการชิงแชมป์เยาวชนเมืองพัทยา ประจำปี 2568

ขณะนี้ หนูน้อยต้นอ้อ-รวิ หอมชื่น กำลังเก็บตัวเพื่อไปสู้ศึกร่วมการแข่งขันรายการนักเรียนองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น (อปท.) ระดับภาคตะวันออก ประจำปี 2568 ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ที่จังหวัดระยอง โดยตลอดวันจันทร์-อาทิตย์ ได้เข้าแคมป์เก็บตัวนักกีฬากับทางโรงเรียน ที่มีนายวิศรุต เย็นฉ่ำ (ครูบาส) และนายอาคม แจ่มจำรัส (โค้ชตุ๋ม) เป็นผู้ฝึกสอน และจะได้กลับบ้านเฉพาะช่วงหลังซ้อมเสร็จตอนเย็นเท่านั้น เพื่อรับประทานอาหารและเตรียมสิ่งของส่วนตัว ก่อนจะกลับมาเข้าแคมป์ฝึกซ้อมที่โรงเรียนในเวลา 20.3

ระเบิดศึกชิงชัย “BGC Powerboat Grand Prix 2025” สนามที่ 2 ที่หาดบางเสร่ อัพสกิลนักกีฬาไทยสู่เวทีสากล

มีรายงานว่า นายอนุศักดิ์ พิริยอมร นายอำเภอสัตหีบ และนางสาวรัตน์ฤดี ปิ่นแก้ว ผู้จัดการส่วนสื่อสารภาพลักษณ์องค์กร บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดในการแข่งขันเรือเร็วครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในรายการ “BGC Powerboat Grand Prix 2025” สนามที่ 2 ที่ชายหาดบางเสร่ จังหวัดชลบุรี

สิงห์ วอเตอร์สปอร์ต (Singha Watersports) ได้จัดการแข่งขันเรือเร็วครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในรายการ “BGC Powerboat Grand Prix 2025” สนามที่ 2 โดย บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ในเครือกลุ่มบริษัทบางกอกกล๊าส หรือ BG ร่วมสนับสนุนการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง

ในพิธีได้รับเกียรติจาก นายสมหวัง เอี่ยมดี นายกเทศบาลตำบลบางเสร่, นายนัฐพงษ์ คงข่าน สมาชิกเทศบาลตำบลบางเสร่ และ นายเชาวลิต ละอองขวัญ ผู้จัดการฝ่ายดูแลอาคารและสถานที่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด พร้อมด้วยประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สนใจร่วมงานกันอย่างคึกคัก

ทั้งนี้ การแข่งขันแบ่งออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ รุ่น F1 (Formula 1), F5s (Formula 5s), F5 (Formula 5), SPORT 40HP, F30HP (Formula 30HP) และ F3 (Formula 3) โดยผลการแข่งขันในรุ่น Formula 1 นายสราวุธ ขำดี นักแข่งจากทีม BGC สามารถคว้าชัยชนะอันดับ 1 ไปครอง โดยมี นางสาวภัณฑิดา วิทยาภาเลิศ ผู้อำนวยการสำนักกิจการเพื่อสังคมและสื่อสารองค์กร บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติมอบรางวัล

การสนับสนุนของ BGC ในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ BGC ในการยกระดับกีฬาทางน้ำไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานสากล พร้อมสร้างเวทีให้นักกีฬาไทยได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาและก้าวสู่การแข่งขันในเวทีนานาชาติในอนาคต นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของ BGC ยังตอกย้ำบทบาทองค์กรในฐานะผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ที่ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการสนับสนุนกิจกรรมด้านกีฬาและการพัฒนาชุมชน ภายใต้แนวทางการเติบโตที่เคียงคู่กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน

”เฮิร์บแลนด์“ เล็งปลุกกระแส “ต้นสาคู” พืชมากสรรพคุณแดนใต้ หวั่นถูกโลกยุคใหม่ลืมเลือน

น.ส.ณัฏฐ์นลิน เชี่ยวชาญธนกิจ ผู้บริหาร บจก.เฮิร์บแลนด์ โปรดักส์ และคณะ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับต้นสาคูกับนายชาญวิทย์ ดารามิตร ปราชญ์ท้องถิ่นและกูรูเรื่องต้นสาคูจากจังหวัดพัทลุง ที่ได้เดินทางมาออกบูธนำเสนอและจำหน่ายเม็ดสาคูต้น “สาคูใต้พัทลุง ของแท้ หาทานยาก” ในงานของดีชาวแดนใต้ OTOP ทั่วไทย และ SMEs ร่วมใจสู่เมืองระยอง ที่โดมแอร์สนามกีฬาจังหวัดระยอง ซึ่งจัดขึ้นโดยโอท็อปเพื่อสังคม และกรมการพัฒนาชุม กระทรวงมหาดไทย

โดยทาง ผู้บริหาร บจก.เฮิร์บแลนด์ โปรดักส์ ได้เล็งเห็นถึงคุณค่าและคุณประโยชน์ของต้นสาคู พืชมากประโยชน์และมากสรรพคุณ ที่ปัจจุบันกำลังจะถูกลืมเลือนไปจากคนรุ่นใหม่และกระแสสังคม จึงมีแนวคิดจุดประกายในการส่งเสริม ต่อยอด สร้างมูลค่าช่วยเหลือชุมชนที่มีแหล่งป่าต้นสาคู และชาวบ้านที่สร้างรายได้จากประโยชน์ของต้นสาคูให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมทั้งสร้างความยั่งยืนในระบบนิเวศป่าต้นสาคูให้ขยายมากขึ้นและคงอยู่สืบไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากผู้บริหาร บจก.เฮิร์บแลนด์ โปรดักส์ และคณะ ได้แลกเปลี่ยนความรู้กับทางกูรูเรื่องต้นสาคูจากจังหวัดพัทลุง ที่ได้เดินทางมาออกบูธในครั้งนี้พร้อมภรรยา ด้วยมิตรภาพและอัธยาศัยไมตรีที่ดีแล้ว ทั้งหมดจึงได้ร่วมกันถ่ายภาพที่ระลึก ก่อนที่ทางคณะเฮิร์บแลนด์ ได้เลือกชมและเลือกซื้อสินค้าเม็ดสาคูต้น พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อสื่อสารร่วมกันเพื่อพูดคุยรายละเอียดเชิงลึกในการต่อยอดเรื่องต้นสาคูดังกล่าวร่วมกันในอนาคต

อนึ่ง ต้นสาคู เป็นพืชตระกูลปาล์มขนาดกลางถึงใหญ่ ความสูงประมาณ 10–15 ม. ลำต้นตั้งตรงเส้นผ่านศูนย์กลาง 30–50 ซม. ใบยาวคล้ายใบมะพร้าวและใบจากใช้มุงหลังคา เส้นใบและก้านใช้จักสาน ลำต้นบางส่วนใช้เป็นฟืน รากช่วยยึดดินในพื้นที่ชุ่มน้ำ ชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะที่ที่มีน้ำขังตลอดทั้งปี ริมน้ำ หนองคลองบึง และป่าพรุ พบมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ปาปัวนิวกินี และเป็นพืชเฉพาะถิ่นทางภาคใต้ของไทย

ในส่วนของการใช้ประโยชน์จากต้นสาคู หลักๆ นั้น จะมีการนำไส้ต้นหรือแกนในของลำต้นสาคู ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 8-10 ปี มาทำเป็นแป้งสาคู เมื่อตัดต้นลงมาจะขูดแกนในออกมาล้างและร่อนจนเป็นเม็ดกลม ก่อนนำไปตากจนแห้ง จะได้แป้งสาคู หรือ “สาคูต้น” ซึ่งต้นสาคูแต่ละต้นจะให้สาคูต้นที่มีสีแตกต่างกันออกไป ทั้ง สีน้ำตาล สีชมพู หรือว่าส้มอมเหลือง ตามตามความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งที่ขึ้น โดยแป้งนี้สามารถนำไปทำขนม หรือเป็นอาหารหลักแทนข้าว

ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า สำหรับในท้องถิ่นบางแห่งของบางประเทศนั้น ต้นสาคูยังถือได้ว่าเป็นแหล่งอาหารหลักที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะแป้งจากต้นสาคูหนึ่งต้นสามารถเลี้ยงดูแลคนในครอบครัวหนึ่งได้หลายเดือน แต่ปัจจุบันนี้หา “สาคูต้น” หรือ ”แป้งสาคูแท้“ ได้ยากและค่อนข้างน้อยมาก เพราะมีการนำแป้งจากแหล่งอื่นหรือพืชอื่นมาทดแทน ซึ่งสามารถหาได้ง่ายกว่าและสะดวกมากกว่า อาทิ แป้งจากมันสำปะหลัง หรือแป้งจากข้าวเจ้า ดังที่ได้เห็นอยู่มากมาย

นอกเหนือจากประโยชน์ดังกล่าวแล้ว ต้นสาคูยังมีสรรพคุณมากมาย โดยเมล็ดสามารถนำมาบดใช้พอกรักษาอาการปวดหัว, หัวสามารถนำมาต้มน้ำใช้ดื่มแก้อาการท้องเสีย หรือนำมาตำให้ละเอียดรับประทานแก้โรคคุดทะราด หรือนำมาต้มเคี่ยวก่อนดื่มช่วยแก้โรคตับอักเสบ หรือนำหัวสดมาตำให้ละเอียดก่อนใช้ทาพอกรักษาแผล หรือนำหัวมาต้มดื่มใช้เป็นยาขับปัสสาวะ รวมถึงนำมาแช่น้ำ และตำให้ละเอียดใช้อุดจมูกเพื่อหยุดเลือดกำเดาได้ เป็นต้น

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง