สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / กิจกรรมมอบรถวีลแชร์-สามล้อโยก 30 คัน/ถุงยังชีพ 30 ถุง และค่าพาหนะเดินทางให้กับทหารผ่านศึก และคนพิการ

9 กรกฎาคม 2568 : 10.00-12.30 น. สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย ร.ต.ท.ดร.มนัส โนนุช ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ มอบหมายให้ พ.ต.ศิริชัย ทรัพย์ศิริ กรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์ฯ/นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล,นางจุไร ชำนาญ ประธานกรรมการประสานงานส่วนภูมิภาค ภาค 8

สภาสังคมสงเคราะห์,น.ส.จริยา คงพูลศิลป์ รอง หส.ผศ.เขตเชียงใหม่ และคณะ,เครือข่ายทหารผ่านศึก อ.เมือง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่,ผู้แทนสมาคมสโมสรวัฒนธรรมหญิงในพระบรมราชินูปถัมภ์ และคณะ,ร.ท.สรวิชญ์ เที่ยงสกุล สัสดี อ.ดอยสะเก็ด,ร.ต.ท.มนต์สิษฐ์ เยาวภักดิ์ ผู้แทนตำรวจท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ และคณะ,นายธวัชชัย จิตต์เจริญ

ที่ปรึกษาสมาคมคนพิการฯ,นางอุดมลักษณ์ คำแผ่นชัย แม่ดีเด่นเชียงราย และคณะ,สโมสรโรตารี่เชียงใหม่ใต้ และคณะ,ทีมงานจิตอาสา “เราทำความดีด้วยหัวใจ”,ทีมงานจิตอาสา รร.มงฟอร์ตวิทยาลัย/รร.สาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่/

รร.วีรยาเชียงใหม่ และผู้ปกครอง,กำนัน ต.แม่ฮ้อยเงิน,ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในบริเวณใกล้เคียง,นายพงษ์อภิรักษ์ บุญเพิ่มพูล ผู้ประสานงาน จ.เชียงใหม่ :

ร่วมจัดกิจกรรมมอบรถวีลแชร์-สามล้อโยก จำนวน 30 คัน/ถุงยังชีพ จำนวน 30 ถุง และค่าพาหนะเดินทางให้กับทหารผ่านศึก และคนพิการ ซึ่งมี นายนิติปกรณ์ แสงสุวรรณ นายอำเภอดอยสะเก็ด เป็นประธานในพิธี ณ ห้องประชุม ทต.แม่ฮ้อยเงิน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่

*** ขอขอบคุณผู้ร่วมบริจาค มา ณ โอกาสนี้เป็นอย่างสูง ดังรายนามต่อไปนี้ ***สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล : บริจาครถวีลแชร์-สามล้อโยก จำนวน 30 คัน นางจุไร ชำนาญ ประธานกรรมการประสานงานส่วนภูมิภาค ภาค 8 สภาสังคมสงเคราะห์ฯ : บริจาคถุงยังชีพ จำนวน 30 ถุงสมาคมสโมสรวัฒนธรรมหญิงในพระบรมราชินูปถัมภ์ และนางอุดมลักษณ์ คำแผ่นชัย แม่ดีเด่นเชียงราย : บริจาคค่าพาหนะเดินทาง

สโมสรโรตารีเชียงใหม่ใต้ : บริจาคน้ำดื่ม จำนวน 30 โหลสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกใน

พระบรมราชูปถัมภ์สมาคมสโมสรวัฒนธรรมหญิงในพระบรมราชินูปถัมภ์สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากลชมรมช่วยเหลือสังคมทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่1ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่3ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่4

7 กรกฎาคม 2568 : 14.00 น. สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล โดย พ.ต.ศิริชัย ทรัพย์ศิริ นายกสมาคมฯ/กรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ : ให้ตัวแทนบริษัท Interpharma Value Your Life ซึ่งมี คุณณิชชาพัญ์ รพีพัทธ์ธาริน Product Manager,Business Development เข้าพบเพื่อขอคำปรึกษาเรื่องการจัดกิจกรรมให้คนพิการ ณ ที่ทำการสมาคมฯ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานีสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากลทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่1

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ขนส่งจังหวัดศรีสะเกษเตรียมประมูลทะเบียนรถเลขสวยหมวด กบ การเงินมั่งมี บารมีเพิ่มพูน 19 ก.ค.นี้ ตั้งเป้ารายได้ 10 ล้านบาท ถ้าพลาดการประมูลหมวด กบ ครั้งนี้จะต้องรออีก 70 ปี ถึงจะมีให้ประมูลอีก

***เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 68 ที่โรงแรมแกลลอรี่ ดีไซน์ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ สำนักงานขนส่งจังหวัดศรีสะเกษได้จัดแถลงข่าวเตรียมประมูลทะเบียนรถเลขสวย “กบ” การเงินมั่งมี บารมีเพิ่มพูน ในวันที่ 19 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ โดยมี นายสุริยา บุตรจินดา รองผู้วาราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ และ ผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังรายละเอียดการเข้าร่วมประมูล

***ซึ่งป้ายทะเบียนเลขสวย หมวดอักษร “กบ”มีความหมายว่า “การเงินมั่งมี บารมีเพิ่มพูน”ได้ทำพิธีอธิษฐานจิตเพื่อความเป็นสิริมงคล และ เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย โดยพระครูโกศลสิกขกิจ หรือ หลวงพ่อพุฒวายาโม เจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ (ธ) นั่งอธิษฐานจิตปลุกเสกด้านหน้าโลงสรีระสังขารของ “หลวงปู่สรวง” อดีตพระเกจิชื่อดังแห่งอีสานใต้ พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของคนไทยและกัมพูชา แม้หลวงปู่จะละสังขารมาแล้วกว่า 20 ปีแล้ว แต่สรีระของท่านยังคงสภาพสมบูรณ์ ไม่เน่าเปื่อย

***นายสมพงษ์ เทียนชัยเกิดศิลป์ ขนส่งจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ทางสำนักงานขนส่งจังหวัดศรีสะเกษ กำหนดจัดประมูลหมายเลขทะเบียนรถยนต์เลขสวย สำหรับรถยนต์ไม่เกิน 7 ที่นั่ง หรือ ที่เรียกว่ารถเก๋ง หมวดอักษร “กบ” ในวันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรมแกลเลอรี่ ดีไซน์ อำเภอเมืองศรีสะเกษ ผ่านระบบประมูลแบบเคาะเสนอราคาสูงสุด และ ผ่านระบบออนไลน์ โดยรายได้จากการประมูลจะนำเข้าสู่กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน คาดว่าน่าจะมีรายได้ประมาณ 10 ล้าน

ซึ่งเลขทะเบียนที่คาดว่าราคาจะสูงและเป็นที่ต้องการของคนทั่วไปคือ 9999 เบื้องต้นราคาอาจสูงถึง 1 ล้านบาท นอกจากนี้หมวดตัวอักษร “กบ” ถือหมวดชื่อ กบ ที่เป็นสัตว์ชนิดเดียว กระโดดไปหน้าหน้าอย่างเดียว ไม่มีกระโดดถอยหลัง เปรียบเสมอใครที่ได้ครอบครองจะก้าวหน้าอย่างเดียว และหมวด กบ นี้จะมีให้ประมูลอรีกครั้งก็ประมาณอีก 70 ปี ข้างหน้า จึงเชิญชวนผู้สนใจได้ร่วมจับจองประมูลหมายเลขทะเบียนสวยเพื่อเป็นเจ้าของ แม้จะยังไม่มีรถยนต์ก็สามารถประมูลได้
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงพระกรุณาประทานเทียนประทีปวิจิตร ศรีอทิตยประทีปาทร ให้แด่ พระครูโกศลสิกขกิจ เจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ประจำปีพุทธศักราช 2568

***เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 68 ที่วัดไพรพัฒนา ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ พระครูโกศลสิกขกิจ หรือ หลวงพ่อพุฒ วายาโม ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนา เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ (ธ.) และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา ได้นำคณะพุทธศาสนิกชนชาว ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จัดขบวนแห่อัญเชิญเทียนพรรษา ซึ่งพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงพระกรุณาประทานเทียนประทีปวิจิตร “ศรีอทิตยประทีปาทร” ประดับตราประจำพระองค์ เพื่อถวายแด่วัดไพรพัฒนา

เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ประจำปีพุทธศักราช 2568 และขบวนแห่พัด(ตาลปัตร) เสาเสมา และเกียรติบัตร โดยขบวนแห่จัดอย่างยิ่งใหญ่สวยงาม เริ่มแห่จากสนามกีฬาวิทยาลัยเทคโนโลยีหลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนา ไปยังวัดไพรพัฒนา มีคณะข้าราชการแต่งกายด้วยชุดปกติขาว พร้อมด้วย พ่อค้า ประชาชนชาว ต.ไพรพัฒนา และคณะอาจารย์ นักศึกษาของวิทยาลัยเทคโนโลยีหลวงปู่สรวงมาร่วมขบวนแห่จำนวนมาก

***เมื่อขบวนแห่มาถึงบริเวณหน้าศาลาทม วัดไพรพัฒนา นายบัญชา จันทร์ณรงค์ นายอำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้เป็นผู้อัญเชิญเทียนพรรษาประทานเทียนประทีปวิจิตร”ศรีอทิตยประทีปาทร”เข้าไปภายในศาลาทม โดยนำเข้าไปตั้งเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ จากนั้น นายทวีศักดิ์ ทรงอยู่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้เป็นประธานในพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย และประกอบพิธีทางศาสนา

พิธีเปิดกรวยถวายความเคารพพระฉายาลักษณ์พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ พิธีถวายเทียนพรรษาประทานแด่ พระครูโกศลสิกขกิจ เจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา พิธีถวายเทียนพรรษา และจตุปัจจัยไทยธรรม แด่พระภิกษุสงฆ์ โดยมี นายประหยัด ถิลา วัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ นายก อบต.ไพรพัฒนา หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ แต่งกายชุดปกติขาวมาร่วมพิธีจำนวนมาก

***ทั้งนี้เนื่องด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงพระกรุณาประทานเทียนประทีปวิจิตร “ศรีอทิตยประทีปาทร”เพื่อถวายแด่วัดไพรพัฒนา เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ประจำปีพุทธศักราช 2568 แด่ พระครูโกศลสิกขกิจ เจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา นำความปลาบปลื้มปิติยินดีเป็นล้นพ้นให้กับชาวอำเภอภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ และคณะศิษยานุศิษย์วัดไพรพัฒนา อันหาที่สุดมิได้ ซึ่งนับว่า เป็นเกียรติประวัติที่ยิ่งใหญ่ของวัดไพรพัฒนา เป็นอย่างยิ่ง

***ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังเสร็จพิธี พระครูโกศลสิกขกิจ เจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา ได้นำเหรียญพระเครื่องของ หลวงปู่สรวง เทพวดาเดินดิน ที่ทั้งชาวไทย และชาวกัมพูชาเคารพ ศรัทธา มามอบให้กับผู้ที่มาร่วมพิธีในครั้งนี้ เพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิตต่อไป
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ทิ้งเปลือกทุเรียนลงแม่น้ำสายสำคัญที่ใช้แข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทาน / คนขับหลับในชนท้ายรถจอดติดไฟแดงเต็มแรง ดับ1 เจ็บสาหัส 1

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.30 น ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ตรวจสอบบริเวณ สะพานบ้านด่าน ตำบลวังตะกอ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร จุดที่มีกลุ่มชาย นำตะกร้าเปลือกทุเรียน ทิ้ง ลงแม่น้ำหลังสวน สายน้ำธารแห่งวัฒนธรรม แข่งเรือยาวขึ้นโขนชิงธง ชิงถ้วยพระราชทาน แถมคึกคะนองถ่ายคลิปโพสต์โชว์ลงสื่อโซเชียลมีคลิปจากรถยนต์กระบะ บรรทุกขยะเปลือกทุเรียนจำนวนมาก ใส่เข่งพลาสติก แล้วขับมาจอดบริเวณกลางสะพานบ้านด่าน แล้วมีชาย 2 คนลงมา ช่วยกันยกเข่งแล้วเทขยะและเปลือกทุเรียนลงไปในแม่น้ำหลังสวน ซึ่งทำอย่างสนุกสนาน โดยจะมี 1 ในกลุ่มคนดังกล่าว คอยถ่ายคลิปมือถือไว้ด้วย โดยมีหน้าตาระรื่น ไม่แคร์ ไม่สนใจ สายตาของชาวบ้านที่ขับตามหลังมา ต้องจอดรอเสียเวลา และรถที่ขับสวนเลนผ่านมาแต่อย่างใด และเมื่อทิ้งทุเรียนจนหมดแล้ว ก็ได้ขับรถออกไปจากสะพาน

ส่วนคลิปที่ 2 เป็นเวลากลางคืน มีชาย 3 คน ขับรถยนต์กระบะมาจอดบนสะพานจุดเดียวกัน แล้วช่วยกันขนเปลือกทุเรียนจำนวนมากท้ายรถยนต์กระบะโยนทิ้งลงไปในแม่น้ำหลังสวน อย่างสนุกสนามอย่างไม่มีจิตสำนึก โดยมีชายอีกคนยืนถ่ายคลิปมือถือ แล้ว นำไปโพสต์ลงในสื่อออนไลน์ติ๊กต๊อกชื่อ “@12eak มีคนเข้าไปดูแล้วคอมเม้นต่อว่าจำนวนมากผู้สื่อข่าวรายงานว่าแม่น้ำหลังสวน ถือว่าเป็นแม่น้ำที่ใหญ่และกว้างที่สุดของจังหวัดชุมพร เป็นลุ่มน้ำสานธารแห่งวัฒนธรรม อดีตที่ผ่านมาในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จประพาสผ่าน ถือเป็นแม่น้ำสายวัฒนธรรมของอำเภอหลังสวน และจากอดีตมาถึงปัจจุบัน แม่น้ำหลังสวน ในเป็นแม่น้ำจัดการแข่งขันเรือยาวขึ้นโขนชิงธง ชิงถ้วยพระราชทาน เป็นทั้งศิลป์และศาสตร์ ที่มีเฉพาะลุ่มน้ำแห่งนี้แห่งเดียวของโลก

และได้เดินไปพบกับ นายปราโมทย์ อุทัยรัตน์ นายกเทศมนตรีเมืองสวน สอบถามถึงเหตุที่เกิดขึ้น ทางเทศบาลเมืองหลังสวนได้ดำเนินการจัดการอย่างไร ในเหตุที่มีกลุ่มชายนำขยะ(เปลือกทุเรียน)ทิ้งลงในแม่น้ำ ที่เป็นข่าวดังในขณะนี้
นายปราโมทย์ อุทัยรัตน์ กล่าวว่า มาตรการการรักษาความสะอาดของเทศบาลเมืองหลังสวนยึดหลักกฏหมายพรบรักษาความสะอาดพ.ศ. 2535ได้ดำเนินการจับกุมบุคคลที่มาทิ้งขยะลงในแม่น้ำโดยนำมาปรับโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาทและในทุกๆปีเราจะปรับผู้กระทำความผิดได้ทุกปีไม่ได้ละเลยและทอดทิ้งในการรักษาความสะอาด ของบ้านเมืองของเราและทางเทศบาลก็มีสถานที่ที่ทิ้งขยะโดยมากจะมาจากลงทุเรียนที่เอามาทิ้งเราก็เปิดโอกาสให้ไปทิ้ง ขยะไซขยะของทางเทศบาลเราก็เปิดโอกาสให้ไปทิ้งเสียค่ารักษาความสะอาดในเรื่องทิ้งขยะของเราไม่ว่าจะเป็นเวลาราชการหรือถ้านอกราชการโทรหาให้นายกให้อนุญาตได้ทุกเวลา

ส่วนคลิปที่เผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตทางเทศบาลก็กำลังดำเนินการติดตามหาตัวคนร้ายโดยได้นำ ทะเบียนรถไปสืบที่กรมขนส่งเพื่อตรวจสอบว่าเป็นรถของบุคคลใดโดยได้รูปลักษณ์มาจากกล้องวงจรปิดทั่วเมืองหลังสวนจะประสานกับตำรวจให้แน่ชัดว่าคนร้ายคือใครจะนำมาปรับโทษก็คือการปรับ 10,000 บาท โดยใช้มาตรา 57 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 13 วรรคหนึ่งมาตรา 19 มาตรา 23 มาตรา 30 มาตรา 33 วรรคหนึ่งหรือมาตรา 34 ต้องระวังโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

จากมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ใดเทหรือทิ้งสิ่งปฏิกูลมูลฝอยน้ำโสโครกหรือสิ่งอื่นใดลงบนถนนหรือในทางน้ำความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่เจ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองเรือหรืออาคารประเภทเรือแพซึ่งจอดหรืออยู่ในท้องที่ที่เจ้าหน้าที่ทำงานท้องถิ่นยังไม่ได้จัดส้วมสาธารณะหรือภาชนะสำหรับทิ้งปฏิกูลหรือมูลฝอยคุณลุง ชาวบ้าน ฝากถึงหน่วยงานให้เข้ามาดูแลด้วย ในแม่น้ำลำคลองเขาเลี้ยงปลาหาปลามาทิ้งขยะลงแบบนี้น้ำก็เน่าเสียหมด พวกมักง่ายชอบนำขยะมาทิ้ง ทำให้แม่น้ำเน่าเสียแล้วก็ทำให้เสียชื่อกับชาวอำเภอหลังสวนเพราะคลองเค้าไม่แข่งเรือเป็นหน้าชูตาให้กับอำเภอหลังสวนมาทำแบบนี้เสียชื่อคนหลังสวนหมด

คนขับหลับในชนท้ายรถจอดติดไฟแดงเต็มแรง ดับ1 เจ็บสาหัส 1

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 9 ก.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อเวลาประมาณ 22.35 น. ของวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าแซะ ได้รับแจ้งมีเหตุรถบรรทุกสิบล้อชนกับรถ บรรทุกพ่วงสิบแปดล้อมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จึงแจัง พ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ ผกก.สภ.ท่าแซะผู้บังคับบัญชาทราบจึงเดินทางพร้อมแพทย์โรงพยาบาลท่าแซะ ปภ.ชุมพร กู้ภชีพกู้ภัยสาย ชลชุมพรตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุ บริเวณแยกท่าแซะ ม. 16 ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ ชุมพร ถนนเพชรเกษม ขาล่องใต้ พบมีผู้บาดเจ็บติดภายใน ไม่รู้สึก ตัว ไม่มีชีพจร หน่วยกู้ภัยสายชลชุมพร ปภ.ชุมพร หน่วยกู้ชีพอาสารพ.ท่าแซะ รถกู้ชีพ โรงพยาบาลท่าแซะ พร้อมอุปกรณ์ตัดถ่างจึง เร่งรัดไปยังจุดเกิดเหตุ ที่เกิดเหตุตรวจสอบพบ รถบรรทุก ทะเบียน 75-0937 กรุงเทพมหานคร รุ่น FF ยี่ห้อ HINO สี ขาว,ฟ้า,แดง มี นายนันทพงศ์ มีหล้า เป็นผู้ขับขี่ และนายรัฐศาสตร์ มีหล้า เป็นผู้โดยสาร ขับรถมุ่งหน้า

ลงใต้ เมื่อมาถึงแยกไฟแดงท่าแซะได้ชนท้าย รถบรรทุก ทะเบียน 700-1649 กรุงเทพมหานคร รุ่น FM1AKIB-SHT ยี่ห้อ HINO สี เขียว,แดง,เหลือง ที่จอดติดไฟแดงอยู่ หน่วยกู้ภัยสายชลชุมพร ปภ.ชุมพร หน่วยกู้ชีพอาสารพ.ท่าแซะ รถกู้ชีพ โรงพยาบาลท่าแซะ พร้อมอุปกรณ์ตัดถ่างจึง เร่งรัดไปยังจุดเกิดเหตุ ที่เกิดเหตุตรวจสอบพบ ผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 ราย 1 ใน 3 ราย มี 1 รายติดอยู่ในตัวรถบรรทุกสิบล้อ ไม่รู้สึกตัว ไม่มี ชีพจร

(ได้รับการยืนยันจากทีมกู้ชีพโรง พยาบาลท่าแซะผู้บาดเจ็บเสียชีวิต) หน่วยกู้ภัย จึงเร่งรัดใช้เครื่องตัดถ่าง นำร่างผู้เสียชีวิตออก มา เป็นเพศชาย อายุ 55 ปีทราบชื่อภายหลัง นายนันทพงศ์ มีหล้า ผู้ขับขี่เสียชีวิต หน่วยกู้ภัยกู้ภัยสาย ชลนำร่างผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลท่าแซะ เพื่อทำการชันสูตรตามคำสั่งแพทย์ต่อไป และ

นายรัฐศาสตร์ มีหล้า ผู้โดยสาร ได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวส่ง รพ.ท่าแซะ
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าแซะ รวบรวมเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุพร้อมทั้งสอบถามพยานคนเห็นเหตุการณ์ อย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ชนวนเหตุยิงพี่สาววัย 72 ปี กลัวโดนฮุบที่ดินสวนปาล์ม 5 ไร่

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 จับแล้วน้องชายวัย 69 รัวยิงพี่สาววัย 72 ปี ดับหน้าร้านอาหารตามสั่ง ปมมรดกที่ดิน สารภาพแค้นแม่ตายกว่า 3 ปี ไม่ยอมแบ่งที่ให้ ปฏิเสธทำแผนกลัวไม่ปลอดภัย ส่วนลูกสาวผู้ตายผวากลัวผู้ต้องหาโหดได้ประกันตัวออกมายิงล้างครัว

วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบสวนปาล์ม 5 ไร่ชนวนการก่อเหตุ อยู่บริเวณ ซอย บ้านดอนทราย ตำบลดอนยาง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร อยู่ห่างจากบ้านหลังเกิดเหตุประมา 9-10 กิโลเมมร พบสวนปาล์มและในบริเวณมีสุนัขดุมากวิ่งอยู่ภายในสวนและมีพืชอยู่หลายอย่าง

จากกรณี นายศุภชัย โพธิ์คีรี หรือตุ้ม อายุ 69 ปี น้องชาย ใช้อาวุธปืนสั้นขนาด .22 แม็กนั่ม รัวยิง นางสุภา ภู่ทอง อายุ 72 ปี พี่สาวตายอนาถหน้าบ้นตนเองที่เปิดเป็นร้านอาหารตามสั่งและขายของชำ แล้วยิงนางปราณี กุหลาบสี อายุ 68 ปี พี่สะไภ้

ของผู้ก่อเหตุ ที่มาช่วยพี่สะไภ้ที่ถูกยิงตายขายของที่บ้านหลังเกิดเหตุ ถูกกระสุนแถลบเข้าที่แขนขวาบาดเจ็บเล็กน้อย และนายศุภัย ยังลั่นกระสุนใส่ นางสาวนัฎ โพธิ์คีรี อายุ 53 ปี ลูกสาวผู้ตายซึ่งเป็นหลานสาวของผู้ก่อเหตุด้วย แต่วิ่งหนีรอดตายทั้ง 2 คน สามารถวิ่งออกมาได้

เหตุเกิดช่วงสายวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 ที่ร้านอาหารตามสั่ง เลขที่ 7/8 ม.4 ต.ดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ส่วนมือปืนหลังก่อเหตุได้ขับรถยนต์กระบะอีซูซุ ตอนครึ่ง สีเขียว ทะเบียน บว.2763 ชุมพร หลบหนี วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว หลังเกิดเหตุตำรวจชุดสืบสวน นำโดย พ.ต.ท.ชาติชาย มูลลักษณ์ รอง ผกก.สส สภ.มาบอำมฤติ ภายใต้สั่งการของ พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.มาบอำมฤต ได้นำกำลังออกสอบปากคำพยานบุคคล พยานแวดล้อม จนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายศุภชัย โพธิ์คีรี อายุ 69 ปี ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆของผู้ตายนั่นเอง และบ้านอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลจังหวัดชุมพร ออกหมายจับในช่วงเย็นวันเดียวกัน ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น , ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันควรและยิงปืนโดยใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน”

กระทั่งช่วงสามทุ่มของเมื่อคืนที่ผ่านมาตำรวจชุมดสืบสวน สภ.มาบอำมฤต นำโดย พ.ต.ท.ชาติชาย มูลลักษณ์ รอง ผกก.สส สภ.มาบอำมฤติ ได้ติดตามจับกุม นายศุภชัย โพธิ์คีรี อายุ 69 ปี ผู้ก่อเหตุได้ขณะหลบหนีซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 4 ตำบลดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร พร้อมตัวมาสอบสวน และคุมขังไว้ที่ สภ.มาบอำมฤต โดยมีบรรดาเครือญาติมาเยี่ยมและนำอาหาร น้ำ เครื่องดื่ม มาให้ผู้ต้องหาอยู่เรื่อยๆ

ด้าน พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.มาบอำมฤต หลังเกิดเหตุตำรวจก็ได้ขอศาลจังหวัดชุมพร อนุมัติหมายจับและติดตามจับกุมตัวได้ที่บ้านของผู้ต้องหาเอง พร้อมของกลางรถยนต์ที่ใช้หลบหนี อาวุธที่ใช้ก่อเหตุ และผู้ต้องหาก็รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยปมเหตุมาจากเรื่องที่ดินมรดก เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นคนอารมณ์ร้อน ค่อนข้างรุนแรง และเข้าใจว่าแม่ตายมานาน 3 ปีแล้ว แต่พี่สาวตนเองจะฮุบที่ดินทั้งหมด 5 ไร่ เป็นของตนเองแต่เพียงผู้เดียว แต่ความจริงแล้วได้มีการพูดคุยจะแบ่งให้กับพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่ทั้งหมด 5 คน แต่เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นอารมณ์ร้อน ในร้อนค่อนข้างรุนแรง จึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น

พ.ต.อ.ชนินทร์ กล่าวว่า ผู้ต้องหามีความประสงค์จะไม่ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากกังวลและกลัวเรื่องความไม่ปลอดภัย ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาอยู่แล้ว และจำนำตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดชุมพร ในวันพรุ่งนี้ต่อไปขณะที่ นางจรรยา ใสสะอาด 67 เป็นญาติลูกพี่ลูกน้องกับนายศุภชัย โพธิ์คีรี หรือตุ้ม อายุ 69 ปี เป็นญาติ ลูกพี่ลูกน้องและมาเยี่ยม นายศุภชัย โพธิ์คีรี ได้สอบถามว่ารู้สึกยังไงแกก็ตอบว่าก็ยอมรับในการกระทำเกิดจากบันดาลโทสะยอมรับในการตัดสินใจของแกเอง เป็นลูกผู้ชายตัวผู้ก่อเหตุปกติแล้วอยู่ที่จังหวัดระนองไม่ได้อยู่ที่ชุมพรเพิ่งจะเดินทางกลับมาที่ชุมพรก็มาก่อเหตุในครั้งนี้

นางสาวนัฎ โพธิ์คีรี อายุ 54 ปี ลูกสาวผู้ตายและเป็นหลานสาวของผู้ก่อเหตุ ตำรวจได้เชิญตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม ที่ สภ.มาบอำมฤต ก่อนจะหลับไม่ที่วัดดอนยางซึงเป็นสถานที่ตั้งศพ นางสุภา ภู่ทอง อายุ 72 ปี ผู้เป็นแม่โดย นางสาวนัฎ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า แม่ตนที่ถูกยิงตายร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเพราะเพิ่งจะไปทำกายภาพที่โรงพยาบาลมา จึงเดินไม่สะดวกมากนัก จนมาถูกน้องชายตัวเองยิงตาย ซึ่งนายศุภชัยผู้ก่อเหตุนั้นทราบว่าวันเกิดเหตุได้คิดและไตร่ตรองไว้แล้วเนื่องจากมีชาวบ้านเห็นว่าคนร้ายขับรถตามหาแม่ตนมาตั้งแต่ตอนไปทำบุญที่วัดจนมาถึงบ้านแล้วก่อเหตุ

นางสาวนัฎกล่าวต่อว่า ตอนนี้ตนกลัวเรื่องความปลอดภัยมาก เพราะนายศุภชัยผู้ต้องหาเขาต้องการฆ่าตนกับแม่ล้างครัวเลย ตอนเกิดเหตุแม่ตะโกนบอกให้ตนวิ่งหนีได้ทัน ว่าไอ้ “ตุ้ม” มันมาดักยิงแม่”
ถ้านายศุภชัยผู้ต้องหา ได้ประกันตัวออกมาเขาต้องมาฆ่าตนแน่นอน และอยากให้รับโทษอย่างสาสมที่ได้ฆ่าพี่สาวของตนเอง

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / โครงการปศุสัตว์ร่วมใจ กำจัดภัยโรคพิษสุนัขบ้า เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันนี้ (8 ก.ค. 68) ณ ลานอเนกประสงค์หน้าสำนักงานเทศบาลเมืองชุมพร เวลา 09.00 น. นายอภิชาต สาราบรรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีสดุดีเทิดพระเกียรติและพิธีเปิดโครงการโครงการปศุสัตว์ร่วมใจ กำจัดภัยโรคพิษสุนัขบ้า เพื่อเฉลิมพระเกียรติศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ

กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การดำเนินโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธานศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี

ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ร่วมด้วย นายธราพงษ์ มีมุสิทธิ์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดชุมพร นายสุบรรณ์ รักษ์ทอง เกษตรจังหวัดชุมพร นายยศวริศ เขตอนันต์ ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทยจังหวัดชุมพร

นายศรีชัย วีระนรพานิช นายกเทศมตรีเมืองชุมพร นายวิบูลย์ศักดิ์ โพธารส รองนายกเทศมนตรีเมืองชุมพร และหัวหน้าส่วนการงานเทศบาลเมืองชุมพร พร้อมด้วย อสม. เทศบาลเมืองชุมพร ร่วมเป็นเกียรตินายสัตวแพทย์เดชา จิตรภิรมย์

ปศุสัตว์จังหวัดชุมพร กล่าวว่า เนื่องจากวันที่ 4 กรกฎาคม ของทุกปี ถือเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี กรมปศุสัตว์ และหน่วยงานเกี่ยวที่ข้องในการควบคุมป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

ได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ จึงได้จัดโครงการปศุสัตว์ร่วมใจกำจัดภัยโรคพิษสุนัขบ้า เพื่อเฉลิมพระเกียรติศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖8 ขึ้น เพื่อร่วม

เทิดพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีต่อพสกนิกร การดำเนินการตามโครงการฯ ในครั้งนี้ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดชุมพร ร่วมกับสำนักงานเทศบาลเมืองชุมพร

และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรม การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า การผ่าตัดทำหมันสุนัขและแมว การให้คำปรึกษา การเลี้ยงสัตว์อย่างถูกวิธีและการรักษาสัตว์ป่วยเบื้องต้น คาดว่าจะมีประชาชนนำสัตว์เลี้ยงมารับบริการ จำนวนไม่

น้อยกว่า 300 ราย โดยในวันนี้มีเป้าหมายการดำเนินการผ่าตัดทำหมัน 50 ตัว และฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้แก่สุนัขและแมวจำนวน 100 ตัว และให้บริการในพื้นที่อื่นๆ ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2568

โครงการดังกล่าวนี้จะเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค และลดความเสี่ยง ของการเกิดโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์เลี้ยง ซึ่งจะส่งผลให้ไม่พบผู้เสียชีวิต ด้วยโรคพิษสุนัขบ้า ทั้งยังเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกให้ประชาชนเลี้ยงสัตว์อย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมลดปัญหาการนำสุนัขและแมวไปปล่อยในที่สาธารณะ จนกลายเป็นสุนัขและแมวจรจัด

ภายในงานได้จัดให้มีนิทรรศการการดำเนินงานของหน่วยงาน และภาคีเครือข่าย อาทิ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กิจกรรมประกอบด้วย
1.การผ่าตัดทำหมันสุนัข-แมว
2.ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์
3.การรักษาพยาบาลสัตว์ การให้ความรู้ คำแนะนำเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้าและกฏหมายที่เกี่ยวข้อง

ในส่วนของเทศบาลเมืองชุมพร โดยนายศรีชัย วีระนรพานิช นายกเทศมนตรีเมืองชุมพร ได้มอบหมายให้งานสัตวแพทย์ ฝ่ายบริการสาธารณสุข กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ในสุนัขและ

แมว เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคพิษสุนัขบ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตามโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย ในพื้นที่ชุมชนทั้งที่มีเจ้าของและไม่มีเจ้าของ ให้ครอบคลุมมากกว่าร้อยละ 80 เพื่อเป็นการป้องกันโรคในพื้นที่ โดยการออกสำรวจและขึ้นทะเบียนสุนัขและแมวในพื้นที่เทศบาลเมืองชุมพร

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “แรงงานลาว-กัมพูชาแห่ข้ามแดนมุกดาหาร” หลังกองทัพใช้มาตรการควบคุมด่านชายแดนกัมพูชายัง ขณะที่​ตม.มุกดาหาร ตรวจเข้มคัดกรองสกัดอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568​ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดมุกดาหารว่า บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดมุกดาหาร และด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 (มุกดาหาร–สะหวันนะเขต) อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร มีแรงงานข้ามชาติจาก สปป.ลาว และกัมพูชา เดินทางมาจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เดิน

ทางมาจากกรุงเทพมหานคร จังหวัดจันทบุรี และตราด เพื่อใช้บริการรถโดยสารระหว่างประเทศ (มุกดาหาร–สะหวันนะเขต) ข้ามสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 เข้าด่านพรมแดนสะหวันนะเขต สปป.ลาว และข้ามกลับเข้ามาประเทศไทยโดยผ่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหาร เพื่อกลับเข้ามาอยู่และทำงานต่อในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

พันตำรวจเอก พิทักษ์พงษ์ เจริญกุล ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา พบว่ามีปริมาณผู้เดินทางสัญชาติลาวและกัมพูชาเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 โดยเฉลี่ยวันละ 1,200-1,300 คนสำหรับแรงงานชาวลาว และประมาณ 45 คนสำหรับแรงงานชาวกัมพูชา ซึ่งส่วนใหญ่เข้ามาด้วยวีซ่า Non L-A และบางส่วนได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา

สำหรับเหตุผลที่มีการข้ามแดนผ่านมาทางจังหวัดมุกดาหารเพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลมาจากมาตรการควบคุมชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งก่อนหน้านี้ กองทัพบกและกองทัพเรือได้กำหนดมาตรการควบคุม การเปิด-ปิด จุดผ่านแดน ทุกประเภทตลอดแนวชายแดน ไทย – กัมพูชา อาทิ จังหวัดจันทบุรี ตราด และสระแก้ว อัน

เนื่องมาจากสถานการณ์ ชายแดน ไทย – กัมพูชา โดยให้งดการเดินทางผ่านเข้า – ออก ของประชาชน การค้าขายทุกประเภท นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ งดการผ่านเข้า – ออก ของยานพาหนะทุกประเภท แต่ยังคงอนุญาตให้อํานวยความสะดวกด้านมนุษยธรรม ตามความเหมาะสม ทำให้แรงงานกัมพูชาจำนวนหนึ่งต้องเดินทางมาข้ามแดนทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ที่มุกดาหารแทน

ทั้งนี้ ผู้เดินทางที่ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราจะได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไม่เกิน 60 วัน เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการท่องเที่ยว การทำงาน หรือธุรกิจระยะสั้น

ปัจจุบัน ตม.มุกดาหาร ได้เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางที่เพิ่มขึ้น ทั้งในด้านบุคลากร สถานที่ และระบบเทคโนโลยี พร้อมยกระดับมาตรการคัดกรองอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อาจแฝงตัวเข้ามา

พันตำรวจเอก พิทักษ์พงษ์ ยืนยันว่า แม้ผู้เดินทางจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายพร้อมรับมือและให้บริการตามมาตรฐานอย่างเต็มที่แรงงานข้ามชาติ #ด่านพรมแดนมุกดาหาร #สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่2 #แรงงานลาว

#แรงงานกัมพูชา #เขมร #มาตรการควบคุมด่านตรวจคนเข้าเมือง #ตมมุกดาหาร #ข่าวมุกดาหาร #อาชญากรรมข้ามชาติ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ชายแดนไทยลาว #มุกดาหาร #สะหวันนะเขต #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้​ ภาพ/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “แม่ทัพภาคที่ 2 ต้อนรับ อุปทูตด้านปราบปรามยาเสพติด สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย”

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2/ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24)

ให้การต้อนรับ คุณ เจสซี่ โอดัม ในโอกาสที่ได้เข้ารับตำแหน่ง อุปทูตด้านปราบปรามยาเสพติด สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย พร้อมคณะ

โดย อุปทูตด้านปราบปรามยาเสพติด สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ซึ่งมีหน้าที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลไทย ในการต่อต้านยาเสพติดและสืบสวนเกี่ยวกับองค์กรค้ายาเสพติดที่ลักลอบขนสาร

ควบคุมเข้าสหรัฐอเมริกา และตลาดโลก และ พร้อมที่จะประสานความร่วมมือในการปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดกับ หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24)


กองทัพภาคที่ 2 เป็นผู้ขับเคลื่อนแผนการสกัด กั้น และปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ตามนโยบายของรัฐบาล ครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัด 25 อำเภอ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียง เหนือ และความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อสกัด กั้นการลักลอบลำเลียงนำเข้ายาเสพติดในพื้นที่ ชายแดน

โดยจัดตั้งกลไกบูรณาการร่วมกับหน่วย งานความมั่นคง และพลเรือน อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไปกองบัญชาการกองทัพภาคที่2 #แม่ทัพภาคที่2 #พลโทบุญสินพาดกลาง​ #อุปทูตด้านการปราบปรามยาเสพติด #สำนักงานด้านการปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกามิสเตอร์เจสซี่โอดํา​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ ฝาก ขาย – ซื้อ หรือเช่า อสังหาริมทรัพย์ทุกชนิด จ.ชลบุรี

วันที่ 8 กรกฎาคม 2568บริษัท เฮง เฮง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด นาย ภูวดล พุทธ์เทศน์ะ ( เฮง )กรรมการผู้จัดการบริษัทฝากขาย – ซื้อหรือเช่า อสังหาริมทรัพย์ทุกชนิดรับทรัพย์เข้าระบบอีก 1 หลัง บ้านเดี่ยวพลอยเพลินแหลมฉบังสำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาบางละมุง ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาศรีราชา เสี่ย เฮงๆ จัดให้ท่านใดสนใจอยากได้บ้านมือสองบ้านสวยๆ ( แถวศรีราชา ) เสี่ย ( เฮง เฮง ) จัดให้มีทีมงานครบวงจรสนใจติดต่อเบอร์โทรนี้ได้ 0917432784 0813291222 ( เฮง เฮง )

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดงานสมัชชาคุณธรรมและตลาดนัดคุณธรรมจังหวัดน่าน ประจำปี พ.ศ. 2568

วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมแกรนด์บอลรูม โรงแรมเทวราช อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน มอบหมายให้ นางภัทรภร ชัยวัฒนกุล วัฒนธรรมจังหวัดน่าน เป็นประธานเปิดงานสมัชชาคุณธรรมและตลาดนัดคุณธรรมจังหวัดน่าน ประจำปี พ.ศ. 2568 โดย

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดน่าน และกรมการศาสนา ร่วมกับศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ภาคีเครือข่ายทั้ง 6 เครือข่าย ขับเคลื่อนคุณธรรมเชิงพื้นที่จังหวัดคุณธรรม มีเป้าหมายการขับเคลื่อนต่อเนื่อง 3 ปี (พ.ศ.2566-2568) ประกอบด้วย เครือข่ายภาครัฐ เครือข่ายภาคการศึกษา เครือข่ายภาคศาสนา เครือข่ายภาคสื่อสารมวลชน เครือข่ายภาคชุมชนและประชาสังคม เครือข่ายภาคธุรกิจเอกชน เข้าร่วมกิจกรรม

โดยปีที่ผ่านมา จังหวัดน่าน ได้มีการเจตนารมณ์ความร่วมมือของหน่วยงานภาคส่วนต่างๆ เกิดการปรึกษาหารือการจัดกิจกรรมสมัชชาคุณธรรม การจัดตั้งกลไกเครือข่ายทางสังคมเพื่อรองรับการขับเคลื่อนสู่การเป็นจังหวัดคุณธรรมอย่างเป็นรูปธรรม บูรณาการทำงานต่างๆ มีการยกระดับการประเมินชุมชนองค์กร อำเภอ

คุณธรรมต้นแบบทำให้เกิดชุมชนคุณธรรมต้นแบบจำนวน 241 ชุมชน องค์กรคุณธรรมต้นแบบจำนวน 261 องค์กร อำเภอคุณธรรม จำนวน 15 แห่ง และมีการค้นหา ยกย่อง เชิดชู บุคคล หน่วยงาน องค์กร เพื่อยกย่องประกาศเกียรติคุณ เช่น ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม รางวัลวัฒนคุณาธร รางวัลวัฒนธรรมวินิต รางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา รางวัลคนดีศรีจังหวัด และมีการประเมินชุมชน องค์กรต้นแบบโดดเด่น

สำหรับวัตถุประสงค์การจัดสมัชชาคุณธรรมในครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดพื้นที่ให้คนดี องค์กรดี ได้มีโอกาสมาพบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ของกันและกัน เป็นเวที “ชม แชร์ เชียร์” เป็นการสร้างบรรยากาศ สภาพแวดล้อมให้เกิดแรงจูงใจ ในการขับเคลื่อนคุณธรรมในระดับองค์กร ชุมชน อำเภอ และจังหวัดคุณธรรม ที่

สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติระยะที่ 2 (พ.ศ.2566-2570) ส่งเสริมให้คนไทยมี “พฤติกรรมที่สะท้อนการมีคุณธรรม” เพิ่มขึ้น สู่สังคมคุณธรรมที่คนไทยอยู่ร่วมกันด้วยความสมานฉันท์ ภายใต้หลักธรรมทางศาสนา หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง วิถีวัฒนธรรมไทยที่ดีงาม และคุณธรรม 5 ประการ “พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา และกตัญญู”

โดยรูปแบบการจัดงานแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนงานวิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ด้านการส่งเสริมคุณธรรม การแสดงพลังขับเคลื่อนสังคมคุณธรรมจังหวัดน่านกว่า 100 หน่วยงาน และผลักดันข้อเสนอเชิงนโยบายด้านคุณธรรมต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนการนำเสนอผลงานนิทรรศการองค์ความรู้ ผลสำเร็จการส่งเสริมคุณธรรมของภาคีเครือข่าย ในรูปแบบ “ตลาดนัดคุณธรรม ชม แชร์ เชียร์” จำนวนกว่า 20 บูธ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณ และสนับสนุนวิทยากรจากศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)บุญยงค์ สดสอาด น่ยกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ทีมข่าวสมาคม รายงาน

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง