สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /รอง ผบ.ตร. เปิดปฏิบัติการ“กวาดล้างเครือข่ายคาวบอยบ่อแก้ว” ปิดล้อมตรวจค้น 30 จุด 5 จังหวัด ตรวจยึดทรัพย์สินกว่า 118 ล้านบาท

วันนี้ (12 กุมภาพันธ์ 2568) พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ตำรวจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “กวาดล้างเครือข่ายคาวบอยบ่อแก้ว” 30 จุด เพื่อขยายผลจับกุมและยึดอายัดทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน ตามนโยบายรัฐบาลที่ตระหนักและให้ความสำคัญในการปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวดในทุกมิติ ภายใต้ปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ภายใต้กรอบแนวคิด Seal พื้นที่ชายแดน Stop หยุดวงจรยาเสพติด อาชญากรรมชายแดน Safe พื้นที่ปลอดภัย โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินการดังกล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) และ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานอนุกรรมการป้องกัน ปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนใน และการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ ,ผู้อำนวยการ ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอร.ตร.) และผู้อำนวยการศู นย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปปง.ตร.) และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอร.ตร. ขับเคลื่อนการปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ

พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว , พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง , พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ , พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า รอง ผบช.ปส. , พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 ได้บูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ พล.ท.กาจน์ กอรี รอง ผบ.นบ.ยส.35 , พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.วรพัฒน์ บุญมา ผบก.ตชด.ภาค 3 , นายธันวา ผุดผ่อง ผอ.ปปส.ภาค 5 , นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ผู้แทนสำนักงาน ปปง. และ นายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “กวาดล้างเครือข่ายคาวบอยบ่อแก้ว” 30 จุด ในวันนี้ เพื่อขยายผลจับกุมและยึดอายัดทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน

พล.ต.อ.ประจวบฯ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 บก.ปส.3 ได้จับกุมผู้ต้องหา 4 คน พร้อมไอซ์ 999 กิโลกรัม และคีตามีน 1,200 กิโลกรัม บริเวณท่าเทียบเรือ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา และวันที่ 10 ส.ค.67 จับกุมผู้ต้องหา 10 คน พร้อมไอซ์ 1,500 กิโลกรัม ใน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี กระทั่งสามารถขยายผลจนทราบถึงกลุ่มที่ลำเลียงยาเสพติดพื้นที่ชายแดน ซึ่งลำเลียงยาเสพติดไปส่งให้กับกลุ่มที่ถูกจับกุม จึงได้เฝ้าระวังพฤติการณ์เรื่อยมา กระทั่งเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ไอซ์ 30 กระสอบ น้ำหนักประมาณ 600 กิโลกรัม จากการสืบสวนขยายผล มีผู้ร่วมลำเลียงยาเสพติดกับผู้ต้องหาและยังไม่ถูกจับกุม โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวทำหน้าที่เป็นกลุ่มผู้สั่งการว่าจ้างและขับรถนำทางคุ้มกันการลำเลียงยาเสพติด และจากการตรวจสอบทรัพย์สินกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด

พบว่ากลุ่มผู้ต้องหาแทบไม่ถือครองทรัพย์สินเลย โดยจะใช้กลุ่มเครือญาติถือครองทรัพย์สินแทน จากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้นำเงินจากการลำเลียงยาเสพติดไปฟอกเงินในธุรกิจประเภทบริษัทอสังหาริมทรัพย์ โดยให้กลุ่มเครือญาติเป็นนอมินี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับ 9 หมายจับ และเปิดปฏิบัติปิดล้อมตรวจค้นฯ จำนวน 30 จุด ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน พะเยา และหนองคาย โดยสามารถขออนุมัติหมายจับ 9 หมาย ผู้ต้องหา 8 คน ตรวจยึดทรัพย์สิน 45 รายการ ได้แก่ บ้านพร้อมที่ดิน 10 รายการ มูลค่าประมาณ 40,000,000 บาท, ที่ดิน 18 แปลง มูลค่าประมาณ 54,000,000 บาท, สวนลำไย 70 ไร่ 1 แปลง มูลค่าประมาณ 17,500,000 บาท, รถยนต์ 11 คัน มูลค่าประมาณ 6,600,000 บาท และรถจักรยานยนต์ 5 คัน มูลค่าประมาณ 200,000 บาท รวมมูลค่าตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด ประมาณ 118,300,000 บาท

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ประจวบฯ กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจปราบปรามเสพติดได้ประสานการปฏิบัติร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง ในการ SEAL STOP SAFE อย่างเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งมีการทำงานในหลายมิติ ทั้งการลาดตระเวน สกัดกั้นตามแนวชายแดน การเฝ้าระวังบุคคลเฝ้าระวังในพื้นที่ชายแดน ขยายผลกลุ่มเครือข่ายที่อยู่พื้นที่ชั้นใน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย (ด่านตรวจยานพาหนะ X-RAYS ) เข้ามาช่วยในการทำงาน เพื่อหยุดยั้ง สกัดกั้น ปราบปราม ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อย่างเด็ดขาด ครบวงจร ตัดต้นตอการผลิตและจำหน่าย ตลอดจนมาตรการยึดทรัพย์ผู้ค้ารายสำคัญและเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องให้สิ้นซาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความพร้อมในการปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ต่างทุ่มเทและตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ พร้อมระดมสรรพกำลังป้องกันปราบปรามยาเสพติดในทุกมิติ บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ สร้างความผาสุกแก่ประเทศชาติและประชาชน

ภาพ-ข่าว สมจิตร แสงบัลลังศ์ รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ชุดสืบ ภ.จว.มุกดาหาร จับมือเผาทั้งเป็นพ่อค้าแตงโมวัดดอกไม้ ขณะหนีมารับงานในพื้นที่มุกดาหาร

เมื่อเวลา 20.30 น วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568​ พ.ต.อ.วิจิตร บุญวรรณ ผกก.สืบสวน ภ.จว.มุกดาหารพร้อมด้วยชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหารได้ตามจับกุมตัวนายอรรคกร หรือเพลิน พรมด้วง อายุ 46 ปี

ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 175/2568 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวนายเพลินได้ที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาคำอาฮวน ต.คำอาฮวน อ.เมือง จ.มุกดาหาร

ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายเพลินได้ก่อเหตุราดน้ำมันแล้วจุดไฟเผานายราเชน เทพมณี อายุ 52 ปี พ่อค้าแตงโม ภายในวัดดอกไม้ แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ จนทำให้ไฟลุกไหม้ท่วมตัวได้รับบาดเจ็บสาหัสส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนาและต่อมาได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พนักงานสอบสวนจึงได้ขอให้ศาลอาญากรุงเทพใต้หมายจับ

นายเพลินได้กล่าวภายหลังจากถูกจับกุมตัวว่า แค้นที่ผู้ตายเป็นชู้และคบหากับเมียตนเองวันเกิดเหตุได้มีการเตรียมน้ำมันเพื่อที่จะไปเผาโดยอาศัยช่วงที่ผู้ตายเผลอจึงได้ใช้มันสาดจากทางด้านหลังแล้วจุดไฟเผาจึงทำให้ไฟลวกมือตนเองไปด้วย

จากนั้นก็ทำการหลบหนีโดยสารนั่งรถโดยสารจากกรุงเทพฯ มาที่มุกดาหารซึ่งตนเองยังไม่ขอให้รายละเอียดมากไปกว่านี้ การมาที่จังหวัดมุกดาหารนั้นไม่ได้ตั้งใจหลบหนีไป สปป.ลาว แต่มาเพราะรับงานตัดเหล็กไว้กับโรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดมุกดาหาร

เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางโพงพาง เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ​ตร.ภ.จว.มุกดาหาร – ตร.น้ำ – ตชด. – เทศกิจ ปูพรมค้นหาซิมพม่าริมแม่น้ำโขง พบถูกนำมาทิ้งนับพันซิม/ ตชด.ที่235 ซีลเข้ม นักบินโยนยาทิ้งกว่า 900,000 เม็ด ตามแนวชายแดน ตามนโยบาย “Seal Stop Safe”

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568​พ.ต.อ.ไพโรจน์ ไทยพุทรา รอง ผบก.ฯ รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จังหวัดมุกดาหาร สั่งการให้ พ.ต.อ.ประยุทธ์ เรือนทองคำ ผกก.สภ.เมืองมุกดาหาร พ.ต.ท.ฉัตรมงคล บุญกลาง รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีมีผู้พบซิมพม่า ถูกนำมาทิ้งบริเวณเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง หน้าตลาดอินโดจีน เขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร

โดยมี พ.ต.ท.พงษ์พิพัฒน์ บูรณะบัญญัติ สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ10 กองบังคับการตำรวจน้ำ พ.ต.ท.วัฒนพล ดาแก้ว ผบ.ร้อย ตชด.234 และนายอดุลย์ ศิริมันต์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองมุกดาหาร ร่วมนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและเทศกิจ ปูพรมค้นหาซิมโทรศัพท์ที่บริเวณเขื่อนริมแม่น้ำโขง

ปรากฏว่านอกจากเจ้าหน้าที่จะพบซิมโทรศัพท์ของเครือข่าย truemove h และ dtac กระจายอยู่บริเวณหินเรียงริมตลิ่งเป็นจำนวนมากแล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบในแม่น้ำโขงยังพบว่ามีซิมโทรศัพท์ถูกมัดรวมเป็นชุดๆ อยู่ตามริมแม่น้ำอีกนับพันซิม จึงได้ทำการเก็บรวบรวมและตรวจยึดไว้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.ไพโรจน์ ไทยพุทรา รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า จากการตรวจสอบซิมที่ตรวจยึดไว้ในเบื้องต้นพบว่ามีซิมที่ระบุว่าเป็นซิมพม่าอยู่บางส่วน และบางซิมหมดอายุเมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 แต่เนื่องจากซิมส่วนใหญ่จมน้ำและมีคราบดินโคลนอยู่จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการล้างทำความสะอาด เพื่อตรวจเก็บข้อมูลหมายเลขซิม

และนำข้อมูลของซิมที่ตรวจยึดไว้ทั้งหมดส่งให้กับ กสทช. และบริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ผู้ให้บริการเครือข่าย truemove h และ dtac ตรวจสอบว่าซิมดังกล่าวได้มีการจำหน่ายให้กับผู้ใดในเขตพื้นที่ใดบ้าง เพื่อจะได้ทำการสอบสวนสืบสวนและขยายผลว่ามีความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่อย่างไร ต่อไป

ตชด.ที่235 ซีลเข้ม นักบินโยนยาทิ้งกว่า 900,000 เม็ด ตามแนวชายแดน ตามนโยบาย “Seal Stop Safe”

ตามนโยบายการป้องกัน สกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน Seal Stop Safe ของรัฐบาล และนโยบายเน้นหนักด้านปราบปรามยาเสพติดของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร ผบ.ตร.,พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผบช.ตชด. กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 โดย พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ ปลาทอง ผบก.ตชด.ภาค 2 ได้เปิดยุทธการพิทักษ์ริมน้ำโขง ซึ่งมีกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 – 24 เป็นหน่วยปฏิบัติ เพื่อปราบปราม สกัดกั้นยาเสพติดที่จะเข้ามาทางชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขง

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 (สอง-สาม-ห้า) อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 พร้อมด้วย ร.ต.อ.สมควร เบญจมาตร รักษาการแทนผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 ธาตุพนม ได้แถลงข่าวตรวจยึดยาบ้ากว่า 900,000 เม็ด ในพื้นที่ อ.เซกา จ.บึงกาฬ

โดยเมื่อวันที่ 9 ก.พ.68 เวลา 02.00 น. เจ้าหน้าที่ ชุดปราบปรามยาเสพติด ร้อย ตชด.235 ได้รับแจ้งว่า พบห่อวัตถุต้องสงสัยจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นยาเสพติดหรือสิ่งของผิดกฎหมาย ถูกทิ้งไว้กระจัดกระจายเต็มพื้นที่ บริเวณริมถนนสาธารณะทางหลวงชนบท บ.โนนยางคำ ต.บ้านต้อง อ.เซกา จ.บึงกาฬ ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดนำมาทิ้งไว้ ให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และประสานไปยังเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด ร้อย ตชด.237 และ ร้อย ตชด.244 บูรณาการร่วมกันออกตรวจสอบ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุไปถึงที่เกิดเหตุพบห่อวัตถุต้องสงสัยจำนวนมาก คาดว่าจะเป็นยาเสพติด จึงได้วางกำลังดักซุ่มรอ จนกระทั่งถึงเวลา 06.00 น. ไม่พบผู้ใดมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ จึงได้เข้าตรวจสอบพบ ถุงพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ 3 ถุง ซึ่งมีรอยฉีกขาด ด้านในบรรจุห่อยาบ้าจำนวนหนึ่ง และกระสอบปุ๋ยสีขาวซึ่งบรรจุห่อยาบ้าไว้ โดยในบริเวณเดียวกันยังพบห่อยาบ้าอีกบางส่วนกระจัดกระจายอยู่ที่พื้นตามริมถนน ในพงหญ้า และตกอยู่ในหนองน้ำในจุดที่เกิดเหตุ ลักษณะคล้ายกับมีคนนำมาโยนทิ้งไว้

ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดนำมาทิ้งไว้เพื่อหลบหนีความผิด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง แจ้งข้อกล่าวหาว่ามีความผิดในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” จากนั้นได้นำของกลางทั้งหมดมาตรวจนับที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 ธาตุพนม ผลการตรวจนับ รวมจำนวนประมาณ 900,000 เม็ด จึงได้นำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.โสกก่าม อ.เซกา จ.บึงกาฬ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 กล่าวว่า ตามที่ รัฐบาล ได้เปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน Seal Stop Safe และนโยบายเน้นหนักด้านปราบปรามยาเสพติดของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผบช.ตชด.ทางกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 ก็ได้เปิดปฏิบัติการพิทักษ์ริมน้ำโขง ป้องกันปราบปรามยาเสพติดจากแนวชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งดำเดินการใน 3 ด้าน คือ ด้านการข่าว

การลาดตระเวนเฝ้าตรวจชายแดน และการตั้งจุดตรวจจุดสกัดในจุดเสี่ยงต่างๆ ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ค้ายาไม่สามารถขนส่งยาเสพติดได้โดยสะดวก จึงนำมาโยนทิ้งไว้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะเพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน และการตั้งจุดตรวจจุดสกัด โดยตำรวจตระเวนชายแดนก็จะทำงานกันอย่างเข้มแข็ง และมุ่งมั่น เพื่อสกัดกั้น และป้องกันไม่ให้มีการนำเข้ายาเสพติด สู่พื้นที่ตอนในประเทศต่อไป

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พิธียกเสาเอกอาคารอเนกประสงค์ รร.บ้านซับเต่าโครงการช่วยเหลือประชาชน ของการฝึกคอบร้าโกลด์ 2025

ก่อนที่การฝึกคอบร้าโกลด์2025 จะเริ่มขึ้นในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ – 7 มีนาคม 2568 ซึ่งใช้พื้นที่การฝึกของจังหวัดนครราชสีมา ฉะเชิงเทรา ลพบุรี ชลบุรีเมื่อวันที่ (11 กุมภาพันธ์ 2568) เวลา 13.09 น. ได้ฤกษ์ยกเสาเอกอาคารอเนกประสงค์โรงเรียนบ้านซับเต่า ในโครงการช่วยเหลือประชาชน ของการฝึกคอบร้าโกลด์ 2025 เพื่อให้นักเรียนและประชาชนในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์ด้านการศึกษาและสันทนาการ

พลตรี มงคล หอทอง ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 เป็นประธานในพิธียกเสาเอกอาคารอเนกประสงค์ โครงการช่วยเหลือประชาชน (Humanitarian/Civic Assistance : HCA) การฝึกคอบร้าโกลด์ 2025 พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ผู้นำชุมชน ครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านซับเต่า โดยมีกำลังพลจากกองทัพบกไทย(กองทัพภาคที่ 2) กองทัพสหรัฐอเมริกา และกองทัพมิตรประเทศ (อินเดีย) ร่วมพิธี ณ โรงเรียนบ้านซับเต่า ตำบลอุดมทรัพย์ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา

การฝึกคอบร้าโกลด์ เป็นการฝึกร่วมผสมทางทหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกองทัพไทย และกองกำลังสหรัฐอเมริกา ภาคพื้นอินโดแปซิฟิก ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกในประเทศไทยเป็นประจำทุกปี การฝึกคอบร้าโกลด์ 2025 ในปีนี้ เป็นครั้งที่ 44 กองทัพไทย และกองทัพมิตรประเทศที่เข้าร่วมการฝึกฯ อีกทั้ง ได้จัดให้มีโครงการช่วยเหลือประชาชน (Humanitarian/Civic Assistance : HCA) จำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วย
โครงการที่ 1 โรงเรียนหนองนกเขียนสามัคคี จังหวัดนครราชสีมา
โครงการที่ 2 โรงเรียนบ้านซับเต่า จังหวัดนครราชสีมา
โครงการที่ 3 โรงเรียนนิคมสร้างตนเอง จังหวัดระยอง
โครงการที่ 4 โรงเรียนบ้านซอยสอง (อภิชาติราษฎร์อุปถัมภ์) จังหวัดจันทบุรี
โครงการที่ 5 โรงเรียนบ้านดงมะรุม จังหวัดลพบุรี

สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ โครงการที่ 2 โรงเรียนบ้านซับเต่า ตำบลอุดมทรัพย์ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา มีกำลังพลที่เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้น 50 นาย โดยจัดจากกองทัพบกไทย (กองทัพภาคที่ 2) กองทัพสหรัฐอเมริกา และกองทัพมิตรประเทศ (อินเดีย) ร่วมก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ ขนาดกว้าง 7.80 ม. ยาว 20.30 ม. สูง 4.85 เมตร ระยะกำหนดก่อสร้างระหว่างวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ถึง 5 มีนาคม 2568 เพื่อให้นักเรียนและประชาชนในพื้นที่ได้นำไปใช้ประโยชน์ด้านการศึกษาและสันทนาการต่อไป

กองทัพภาคที่2 การฝึกคอบร้าโกลด์2025

ภาพ/ข่าว : กองทัพภาคที่ 2
กันตินันท์ เรืองประโคนรายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /เทศกาลว่าวนานาชาติ 2568 กระตุ้นการท่องเที่ยว / นายกพัทยา นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวบุกตลาดซาอุดีอาระเบีย/งานเทศกาลปลาหมึกและอาหารซีฟู้ดริมทะเล ประจำปี 2568 /สถาปนาท่าเรือแหลมฉบัง ครบรอบ 34 ปี

           ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลจาก ททท.สำนักงานพัทยา เกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ของเมืองพัทยาที่จะจัดขึ้นวันที่ 26 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2568 คืองานเทศกาลว่าวนานาชาติบนชายหาดพัทยา Pattaya International Kite Festival โดยมีกำหนดจัดงานบริเวณชายหาดพัทยากลาง บริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล พัทยา จ.ชลบุรี

สำหรับเทศกาลว่าวนานาชาติ 2568 Pattaya International Kite Festival 2025 ปีนี้ มีไฮไลต์พิเศษว่าว Snoopy และว่าวยักษ์หลากหลายรูปทรงและสีสัน รังสรรค์โดยนักเล่นว่าวมืออาชีพจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งจะเติมสีสันให้ท้องฟ้าพัทยาสวยงามยิ่งขึ้นท่ามกลางบรรยากาศริมชายหาดสุดคลาสสิก 

นอกจากนี้ยังมีการแสดงว่าว LED ยามค่ำคืน, การแสดง Sport Kite จากไต้หวัน, การแสดงทางวัฒนธรรมที่สะท้อนเสน่ห์ไทย, เวิร์กช็อปสอนทำว่าวและการบังคับว่าว รวมทั้งตลาดสินค้ากว่า 50 ร้าน จำหน่ายว่าวและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง

นายกพัทยานำทัพผู้ประกอบการท่องเที่ยวบุกตลาดซาอุดีอาระเบีย บินตรง Roadshow to Riyadh

นายภูมิพิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกนายกเมืองพัทยา เปิดเผยว่า นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี (อบจ.ชลบุรี) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา นำทัพผู้ประกอบการพัทยา (Sellers) 16 หน่วยงาน เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในงาน Roadshow to Riyadh ณ โรงแรม Rosh Rayhaan ริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

ทั้งนี้ เพื่อเสนอขายสินค้าทางการท่องเที่ยวให้กับผู้ประกอบการซาอุดิอาระเบีย (Buyers) จำนวนกว่า 50 หน่วยงาน โดยมี นายบรรลือ กุลละวณิชย์ ประธานสภาเมืองพัทยา นางจิดาภา สุวัตถาภรณ์ สมาชิกสภาเมืองพัทยา นายชัยวัฒน์ ตามไท ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สำนักงานพัทยา) นางดารัตน์ สุรักขกะ รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เข้าร่วมงาน พร้อมได้รับเกียรติจาก นางสาวธิดา สุขีลาภ อัครราชทูตไทย ประจำกรุงริยาด เป็นประธานเปิดงาน

โดยในปี2024 ที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยว ชาวตะวันออกกลางเดินทางมาท่องเที่ยวใน ประเทศไทยโดยประมาณ 742,209 คน ซึ่งในปัจจุบันนักท่องเที่ยวซาอุดิอาระเบียส่วนหนึ่งที่ได้เดินทางเข้ามาพัทยาเป็นนักท่องเที่ยวทีมีคุณภาพ เนื่องจากพัทยามีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย มีสินค้าและบริการหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวหลากหลายไลฟ์สไตล์ อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะกลุ่มสุขภาพ (Health &Wellnes) กลุ่มครอบครัว (Family) และกลุ่มอื่นๆ โดยภายในงาน เมืองพัทยาได้นำการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยไปเผยแพร่สร้างความสนใจให้กับผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก

เตรียมเนรมิตชายหาดจอมเทียนจัดงานเทศกาลปลาหมึกและอาหารซีฟู้ดริมทะเล ประจำปี 2568 Pattaya Squid Fair 2025 กระตุ้นสีสันเมืองท่องเที่ยว

วันที่ 11 ก.พ.68 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัทยา จ.ชลบุรี ได้จัดให้มีการแถลงข่าวเตรียมจัดงาน เทศกาลปลาหมึกและอาหารซีฟู้ดริมทะเล ประจำปี 2568 Pattaya Squid Fair 2025 ในวันที่ 28 ก.พ.- 1 มี.ค.68 บริเวณชายหาดจอทเทียน (หน้าโรงแรม The Now Hotel) เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

โดยมี นายบุญอนันต์ พัฒนสิน นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา คุณวรรณดี เมืองแก้ว หัวหน้าสำนักปลัด อบจ.ชลบุรี นายสุรัตน์ เทพฉายโต ผอ.สำนักการท่องเที่ยวและกีฬาเมืองพัทยา นายพรชัย สังข์เอียด ปลัดอาวุโสอำเภอบางละมุง และนายอัมพร แสงแก้ว นายกสมาคมนักข่าวพัทยา ร่วมพิธีแถลงข่าว

งานเทศกาลปลาหมึกและอาหารซีฟู้ดริมทะเล จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของ อบจ.ชลบุรี เมืองพัทยา ททท. กรมเจ้าท่า และสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวด้วยชื่อเสียงของอาหารทะเลในจังหวัดชลบุรี

โดยงานเทศกาลปลาหมึกและอาหารซีฟู้ดริมทะเล ประจำปี 2568 Pattaya Squid Fair 2025 จัดขึ้นภายใต้ธีมงาน Pirates Treasure Under The Sea ซึ่งมีการจัดดพื้นที่ออกร้านจำหน่ายอาหารทะดบจากร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ผู้จำหน่ายอาหารพื้นเมือง และผู้ประกอบการรายย่อยในพื้นที่กว่า 50 ร้านค้า มีพื้นที่พิเศษบริการอสหารและเครื่องดื่มแบบ Local Beach Food Experience สัมผัสรสชาติแบบวัฒนธรรมอาหารทะเลท้องถิ่นชายทะเล และเวทีแสดงดนตรี

สถาปนาท่าเรือแหลมฉบัง ครบรอบ 34 ปี

 ค่ำวันที่ 11 ก.พ.68 ที่โรงแรมแกรนด์ พาลาสโซ่ พัทยา จ.ชลบุรี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวต้อนรับและร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงานวันคล้ายวันสถาปนาท่าเรือแหลมฉบัง ครบรอบ 34 ปี LCP 34th Anniversary Party : Laem Chabang Port Movies Night โดยมี ดร.มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีฯ  ด้วยท่าเรือแหลมฉบัง เริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ.2534 มีความสามารถรองรับเรือสินค้าได้เพียง 74 เที่ยว และมีตู้สินค้าผ่านท่าเพียง 1,360 ทีอียู จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 34 ปี ผู้บริหารและพนักงานท่าเรือแหลมฉบัง ตลอดจนความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการขนส่ง สายการเดินเรือต่างๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ปัจจุบัน ผลประกอบกบรของท่าเรือแหลมฉบัง ชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 มีปริมาณตู้สินค้าผ่านท่าฯ มากกว่า 9 ล้านทีอียู และติดอันดับ 1 ใน 17 ของโลก ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่าเรือแหลมฉบัง ยังคงมีโครงการพัฒนาด้านต่างๆ เพี่อพร้อมรองรับการพัฒนาสู่มาตรฐานการเป็นท่าเรือระดับโลก ได้แก่ โครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ AI) และ โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ขั้นที่ 3
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ เป็นการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมาให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับทราบ และเป็นการแสดงความขอบคุณในมิตรไมตรีทุกท่านได้ร่วมมือร่วมใจสร้างสรรค์ให้ท่าเรือแหลมฉบังบรรลุสู่เป้าหมายที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติต่อ

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / “หัวหิน” คึกคัก นักปั่นกว่า 600 คน เข้าร่วมแข่งขัน Hua Hin Championship Road Race 2025/“ยุทธพล” ติดตามปัญหาลิงล้นเมือง หลังกรมอุทยานฯ สร้างกรงพักลิงเพิ่ม 2 กรง/“ กองกำลังสุรสีห์ คุมเข้ม! ซีลชายแดน ”

เมื่อวันที่ 9 ก.พ.68 ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอหัวหิน จ.ประจวบฯ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ เป็นประธานกล่าวต้อนรับและปล่อยตัวนักกีฬาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกว่า 600 คน ที่เข้าแข่งขันรายการ “หัวหิน ชิงแชมป์ จักรยาน 2568” (Hua Hin Championship Road Race 2025) มี นายมนตรี มานิชพงษ์ ปลัดอำเภอหัวหิน นายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาลเมืองหัวหิน นางสาวจิราวรรณ บุญฤทธิ์ รอง ผอ.ททท.สำนักงานประจวบฯ นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ นางเบญจมาส อ่วมสอาด ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ด มิสเตอร์จอห์น ชูท์ส ประธานชมรมจักรยานหัวหิน คุณนุชสรา เล็กกุ ผู้จัดงาน และแขกผู้มีเกียรติให้การต้อนรับ

การแข่งขัน หัวหิน ชิงแชมป์ จักรยาน 2568 ( Hua Hin Championship Road Race 2025) จัดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่หัวหินและพื้นที่ใกล้เคีอง สนับสนุน อ.หัวหิน ให้เป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และยังช่วยการลดภาวะโลกร้อนโดยการใช้จักรยาน รวมถึงประชาสัมพันธ์แหล่งท่องท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ให้นักปั่นได้สัมผัสวิถีชุมชนท้องถิ่น เพลิดเพลินกับเส้นทางที่เป็นธรรมชาติ เนินเขา วิว และอ่างเก็บน้ำโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มีจุดถ่ายรูปอันสวยงาม

โดยรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วทางชมรมฯ จะมอบให้กับกิ่งกาชาดอำเภอหัวหินนำไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนต่อไป โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท ประเภทแข่งขัน ระยะทาง 95 กม. / ประเภทปั่นท่องเที่ยว ระยะทาง 50 กม. ชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศ พร้อมเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 2 แสนบาท มีนักปั่นชาย-หญิง มืออาชีพและสมัครเล่นทั้งชาวไทย

และต่างชาติในพื้นที่และจากทั่วประเทศสนใจเข้าร่วมการแข่งขันกันเป็นจำนวนมาก โดยจุดสตาร์ทจากที่ว่าการอำเภอหัวหินกลับมายังจุดเดิม พร้อมกันนี้ ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ ให้เกียรติร่วมปั่นและมอบรางวัลให้กับผู้ชนะเลิศการแข่งขันรายการนี้ด้วย.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

“ยุทธพล” ติดตามปัญหาลิงล้นเมือง หลังกรมอุทยานฯ สร้างกรงพักลิงเพิ่ม 2 กรง

เมื่อวันที่ 10 ก.พ.68 ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในฐานะประธานเครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดเพชรบุรี และผู้ริเริ่มโครงการแก้ปัญหาลิงล้นเมือง พร้อมด้วย มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า โดยนายเอ็ดวิน วิค นายชาตรี วชิระเผด็จศึก ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพชรบุรี

นายนพพร ประทุมเหง่า ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี นายสุรศักดิ์ อนุเมธางกูร ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สมาชิกสภาเทศบาลเมืองเพชรบุรี และผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาลิงรบกวนในพื้นที่ จ.เพชรบุรี ลงพื้นที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี  เพื่อติดตามการก่อสร้างกรงพักพิงลิง กรงที่ 2 และ กรงที่ 3 รวมพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร ซึ่งอยู่ในช่วงการดำเนินการก่อสร้าง และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 68 นี้

ดร.ยุทธพล กล่าวว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการก่อสร้างกรงพักพิงลิง กรงที่ 2 และ กรงที่ 3 ซึ่งได้ดำเนินการสร้างอยู่ในขณะนี้ โดยได้รับการพัฒนาปรับปรุงจากต้นแบบกรงพักพิงลิง กรงที่ 1 ที่ได้ใช้งานอยู่ในขณะนี้ พร้อมนำทีมสมาชิกสภาเทศบาลเมืองเพชรบุรี และผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหา“ลิงล้นเมือง” มาลงพื้นที่สังเกตุการณ์ การดำเนินงานก่อสร้างในครั้งนี้ด้วย หากการดำเนินการก่อสร้างกรงพักพิงลิงสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย โดยได้เริ่มสัญญาจ้างเมื่อวันที่ 11 ก.ย.67 และจะสิ้นสุด

สัญญาจ้างวันที่ 10 มี.ค.68 ก็จะได้ประสานกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเคลื่อนย้ายลิงแสมที่มีนิสัยก้าวร้าว รุนแรง ในเขตอำเภอเมืองเพชรบุรี นำมาปรับพฤติกรรมและพักพิงไว้ ณ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย รวมไปถึงขอฝากประชาสัมพันธ์ให้กับพี่น้องประชาชนที่มีจิตศรัทธาต้องการบริจาคและสนับสนุนอาหารสำหรับลิง เช่น ผลไม้ชนิดต่างๆ สามารถติดต่อมายังสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทรายได้อีกด้วย.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

“ กองกำลังสุรสีห์ คุมเข้ม! ซีลชายแดน ”

ตามนโยบายของรัฐบาล ให้หน่วยงานความมั่นคง ดำเนินมาตรการ “ซีลชายแดน” ( Seal Stop Safe ) เพื่อรักษาความมั่นคง ป้องกันภัยคุกคามจากภายนอกประเทศ และควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่แนวชายแดน โดยเน้นการสกัดกั้นยาเสพติด การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ

     กองกำลังสุรสีห์ โดยพันเอกชูพงษ์ สายอุบล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ได้สั่งการให้ หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก/กรมทหารราบที่ 19 ร่วมกับกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 และกองร้อยทหารพรานที่ 1405 ทำการลาดตระเวนพื้นที่เสี่ยง และเส้นทางเสี่ยง เพื่อควบคุมพื้นที่แนวชายแดนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตลอดระยะทาง 283 กิโลเมตร พร้อมทั้ง ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจช่องทางสิงขร เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบอย่างเคร่งครัด ตามสั่งการของรัฐบาล และกองกำลังสุรสีห์

     ทั้งนี้ กองกำลังสุรสีห์จะยังคงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดน ป้องกันภัยคุกคามทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ ให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสงบสุข
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /“อลงกรณ์-เอฟเคไอไอ.”เดินหน้าโครงการ“สไปเดอร์ เว็ป”ปราบทุจริตยุคดิจิตอล เร่งอัพเกรดคอรัปชั่นเทคเพิ่มบล็อกเชน-เอไอ.เทคโนโลยีคุ้มครองคนแจ้งเบาะแส

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์(FKII Thailand)เปิดเผยวันนี้ภายหลังเป็นประธานเปิดงานเอฟเคไอไอ.
ฟอรั่ม “ขจัดคอรัปชั่นเพื่อประเทศไทยใสสะอาดกับโครงการใยแมงมุม”ว่า
เวทีสัมมนาครั้งนี้เห็นด้วยกับโครงการใยแมงมุม(The Spider Web) ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ในยุคดิจิตอลนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ป้องกันและปราบปรามการคอรัปชั่น โดยประชาชนจะมีบทบาทสำคัญและมีส่วนร่วมโดยตรงในการขจัดทุจริต พร้อมกับการขยาย
เครือข่ายใยแมงมุมในเชิงโครงสร้างและระบบไปทั่วประเทศรวมทั้งเชื่อมโยงความร่วมมือในการขจัดทุจริตกับองค์กรต่างๆซึ่งดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)

และพลเอก ดร.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ เลขาธิการภาคีเครือข่ายธรรมาภิบาลแห่งชาติและดร.เอกชัย เหลืองสอาด นายกสมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)ยินดีร่วมมืออย่างเต็มที่
“ที่ประชุมห่วงใยประเด็นข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงความปลอดภัยของผู้แจ้งเบาะแส(whistleblowers)และประเด็นการกลั่นแกล้งจากผู้ไม่หวังดีหรือคู่แข่งที่อาจมีโอกาสเกิดขึ้นได้จึงให้คณะทำงานนำข้อสังเกตไปปรับปรุงแพลตฟอร์มสไปเดอร์ เว็ปโดยพิจารณาใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน(Blockchain Technology)และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(Ai Technology)รวมทั้งแพลตฟอร์มทราฟฟี่ ฟองดู(Traffy Fondue)ให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด ซึ่งขอชื่นชมสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยเฉพาะดร.วสันต์ ภัทรอธิคม ผู้ช่วยผู้อำนวย

การสวทช.และทีมงานผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม Traffy Fondueที่ใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานภาครัฐกว่า15,000หน่วยงานเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ธรรมาภิบาลและระบบคุณธรรมในการบริหารจัดการภาครัฐ
การใช้ดิจิตอลเทคโนโลยี ที่เรียกว่าคอรัปชั่นเทคเป็นเสมือนแนวรบสุดท้ายใน สงครามปราบคอรัปชั่นเพราะการปราบแบบอนาล็อคสู่ทุจริตไม่ได้ ปัญหาคอรัปชั่นเป็นปัญหามาทุกยุคสมัยเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของทุกคนที่จะช่วยกันขจัดคอรัปชั่นในแผ่นดินไทย“
สำหรับงาน FKII National Dialogue Forum 2025
(วาระประเทศไทย 2568) “ขจัดคอรัปชั่นเพื่อประเทศไทยใสสะอาด กับโครงการใยแมงมุม (The Spider Project by Corruption Watch)” ณ TVA Hall สวนเสียงไผ่ สถาบันทิวา เมื่อเร็วๆนี้
โดยมีวิทยากรได้แก่


นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบัน FKII Thailand บรรยายหัวข้อ “บทบาทของ FKII Thailand ในการสร้างเครือข่ายใยแมงมุมขจัดคอรัปชั่น (The Spider Web Solution: Eliminating Corruption for a Brighter Future)”
ดร.วสันต์ ภัทรอธิคม ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม Traffy Fondue บรรยายหัวข้อ “Traffy Fondue การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการขจัดคอรัปชั่น”

ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) บรรยายหัวข้อ “สถานการณ์และพัฒนาการของคอรัปชั่นในประเทศไทย”
พลเอก ดร.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ เลขาธิการภาคีเครือข่ายธรรมาภิบาลแห่งชาติ บรรยาย หัวข้อ “ทำไมประเทศไทยถึงต้องมีธรรมาภิบาล”
นายชยดิฐ หุตานุวัชร ประธานสถาบันทิวา (TVA) ดำเนินการเสวนาระดมความเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิที่เข้าร่วมงาน.

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กองร้อยทหารพรานที่ 4905 เข้าพบปะพัฒนาสัมพันธ์กับครูผู้สอนศาสนา มอบความสุข สร้างรอยยิ้มมอบอุปกรณ์กีฬา ให้แก่ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิดบ้านกูมุง

ที่ศูนย์มัสยิดบ้านกูมุง ม.2 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส
ร.อ.อำนาจ คงคารชัย ผบ.ร้อย.ทพ. 4905 มอบหมายให้ จ.ส.อ.พลากร ใสสะอาด รองผบ.ร้อย.ทพ. 4905 พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน เข้าพบปะพูดคุยพัฒนาสัมพันธ์ด้านการศึกษากับครูและนักเรียนของศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิดบ้านกูมุง (ตาดีกา) เพื่อสอบถามถึงปัญหาข้อขัดข้องภายในโรงเรียนเกี่ยวกับการเรียนการสอน และสร้างความเข้าใจรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านต่างๆในพื้นที่ 

นอกจากนี้ยังได้มอบอุปกรณ์กีฬา อาทิ ฟุตบอล วอลเลย์บอล ตะกร้อ จำนวน 6 ลูก เพื่อสนับสนุนให้กับน้องๆ นักเรียนตาดีกา สนับสนุนเตรียมการจัดกิจกรรมกีฬาสีภายในตาดีกาประจำศูนย์มัสยิดบ้านกูมุง โดยมี ผอ.รร.กูมุงพิทักษ์วิทยา ปลัดอาวุโส อ.จะแนะ ผญบ.ม.2 ต.ช้างเผือก ตลอดจนเยาวชนเปอร์มูดอบ้านกูมุง และผู้นำศาสนาในพื้นที่ได้ร่วมจัดกิจกรรมกีฬาสีในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนในการจัดกิจกรรมกีฬาสีในครั้งนี้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างครูและนักเรียน กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตลอดจนเยาวชนในพื้นที่ สร้างความรักความสามัคคี ให้เกิดขึ้นในชุมชน และท้องถิ่น

ทั้งนี้การเล่นกีฬาเป็นการปลูกฝังในเรื่องความรัก ความสามัคคี รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และสามารถเรียนรู้ เข้าใจ ซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้น เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ปลอดภัยและห่างไกลจากยาเสพติด หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 4905 พร้อมที่จะสนับสนุนส่งเสริมเติมเต็มเพื่อเพิ่มทักษะและดึงเยาวชนให้หันมาเล่นกีฬา เพื่อให้เยาวชนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงมีสุขภาวะที่ดีและสร้างแรงบันดาลใจในการเป็นนักกีฬามืออาชีพต่อไป
//////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / น้องปิยธิดา สาวงามเผ่าถิ่น คว้ามงกุฎธิดาดอย ในงานประจำปีและของดีเมืองน่าน ประจำปี 2568

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 ที่เวทีกลาง งานงานประจำปีและของดีเมืองน่าน ประจำปี 2568 จังหวัดน่าน หน่วยงานในสังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในพื้นที่จังหวัดน่าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการประกวดธิดาดอย ในงานประจำปีและของดีเมืองน่าน ประจำปี 2568 เพื่อเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงาม คงความเป็นเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ วิถีชีวิตชนเผ่าที่อยู่ในจังหวัดน่าน ซึ่งจัดประกวด 4 ชนเผ่า คือ ถิ่น/ลัวะ ม้ง เมี่ยน และขมุ

โดยปีนี้มีสาวงามสมัครเข้าประกวด 22 คน โดยมีนายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นางเหมือนใจ วงศ์ใหญ่ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดน่าน รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดน่าน และหัวหน้าส่วนราชการ และภาคเอกชน ร่วมมอบรางวัล สำหรับผลการประกวดธิดาดอยในปีนี้ สาวงามชนเผ่าถิ่น หมายเลข 17 นางสาวปิยธิดา จักอะโน สำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดน่านส่งเข้าประกวด

คว้ามงกุฎธิดาดอยประจำปีนี้ไปครอง ได้รับเงินสด 20,000 บาท พร้อมที่นอนสปริงยางพารา 6 ฟุต มูลค่า 15,900 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท โล่รางวัล และสายสะพาย รางวัลรองชนะเลิศธิดาดอย อันดับที่ 1 ได้แก่ หมายเลข 15 นางสาวซี แซ่ว่าง อำเภอปัว ส่งเข้าประกวด ได้รับเงินสด12,000 บาท

Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย รางวัลรองธิดาดอย อันดับที่ 2 ได้แก่ หมายเลข 22 นางสาวจิตรพร แซ่จ๋าว อำเภอบ้านหลวงส่งเข้าประกวด ได้รับเงินสด 10,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย รางวัลรองธิดาดอยอันดับที่ 3 ได้แก่ หมายเลข 3 นางสาวพรรพษา ศรีแอ

โครงการบ้านสันติภาพและ หจก.ชนากานต์พร็อพเพอร์ตี้ส่งเข้าประกวด ได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย รางวัลขวัญใจชาวน่าน ได้แก่ หมายเลข 17 นางสาวปิยธิดา จักอะโน ได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย และรางวัลขวัญใจสื่อมวลชน ได้แก่หมายเลข 19 นางสาวศุภักอักษร ตุ้ยศรี ได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย ส่วนรางวัลธิดาประจำชนเผ่า ธิดาชนเผ่าเมี้ยนได้แก่ หมายเลข 22 นางสาวจิตรพร แซ่จ๋าว

ได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย ธิดาชนเผ่าม้งได้แก่ หมายเลข 15 นางสาวซี แซ่ว่าง ได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย ธิดาชนเผ่าถิ่น/ลัวะได้แก่หมายเลข 19 นางสาวศุภักอักษร ตุ้ยศรี ได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย และธิดาชนเผ่าขมุได้แก่ หมายเลข 3 นางสาวพรรพษา ศรีแอได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจัวหวัดน่าน/ทีมข่าวสมาคม รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / อ.หนองม่วง “จัดประเพณีแห่มังกรศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ตลาดหนองม่วงสุดยิ่งใหญ่อลังการ”

วันอาทิตย์ ที่9 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 08.00 น. นายประยูร ศิริวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ประธานพิธีเดินทางถึงสถานที่ศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ตลาดหนองม่วง อำเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี สักการะศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ตลาดหนองม่วง

โดยมี นายจิรยุทธ์ เตียวสมบูรณ์กิจ กรรมาธิการรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร กรรมการศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ตลาดหนองม่วง พร้อมด้วยนายนรินทร์ คลังผา สส.จังหวัดลพบุรี เขต4 นายวิบูลย์ เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ตลาดหนองม่วง พ.ต.อ.สมคเน ศรีนาราง ผกก.สภ.หนองม่วง ปลัดอำเภอหนองม่วงพร้อมเจ้าหน้าที่ คณะกรรมการศาลเจ้าทุกท่าน หัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้าประชาชนรอให้การต้อนรับ

จากนั้นนายจิรยุทธ์ เตียวสมบูรณ์กิจ กรรมมาธิการรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร กรรมการศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ได้กล่าวรายงาน
นายประยูร ศิริวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ประธานได้กล่าวเปิดงานและร่วมขบวนแห่มังกรสุดยิ่งใหญ่อลังการ

ด้วยเมื่อปี พ.ศ. 2490 ชาวไทยเชื้อสายจีน ที่มาอยู่ ณ ตลาดหนองม่วง ได้ตั้งศาลไม้เจ้าพ่อเจ้าแม่ขึ้น และในปีพ.ศ. 2511 ถึง พ.ศ. 2512 และได้มีผู้ศรัทธาจำนวนมากขึ้นมาตามลำดับ ทั้งในอำเภอหนอหนองม่วงและใกล้เคียง จึงได้ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อก่อสร้างศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ขึ้นใหม่อีกครั้ง เป็นอาคารคอนกรีตเพื่อให้มั่นคงทนถาวร

ณ ทะเบียนบ้านเลขที่ 335 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองม่วง อำเภอหนองม่วง จังหวัดลพบรี เป็นศูนย์รวมผู้มีจิตศรัตศรัทธาเพื่อมาขอพรกราบไหว้สักการะ เป็นที่พึ่งทางจิตใจ และได้มีการแห่มังกร ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2542 เป็นการแห่มังกรในวาระครบรอบ 72 พรรษา ของรัชการที่ 9 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในปีนั้น และเพื่อเป็นการร่วมเทิดพระเกียรติอีกด้วย จึงได้เห็นความสำคัญประเพณีแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ ประจำปี 2568 จึงเรียนเชิญรองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เพื่อเป็นเกียรติและขวัญกำลังใจ ให้กับประชาชนชาวอำเภอหนองม่วง หน่วยงานทางภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าประชาชนทั่วไปในเขตุอำเภอหนองม่วง

“ประเพณีแห่มังกรศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ ตลาดหนองม่วง” เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เคารพสักการะของพี่น้องประชาชนในอำเภอหนองม่วงและพื้นที่ใกล้เคียง มาเป็นเวลายาวนานกว่า 78 ปี งานประจำปีประเพณีแห่มังกรศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ตลาดหนองม่วง เป็นประเพณีที่สำคัญของชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีและส่งเสริมความกตัญญู สืบต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่อำเภอหนองม่วง แห่งนี้ มีคนรุ่นใหม่ เข้ามาสืบทอดต่อยอดรักษาขนบ ธรรมเนียมอันดีนี้ไว้ ให้เจริญก้าวหน้าและร่วมสร้างสาธารณกุศลให้กับประชาชนต่อไปอีกด้วย

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี อนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี รายงาน

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง