สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สโมสรไลออนส์โคราชและสโมสรไลออนส์ดุสิตากรุงเทพ มอบกล้องส่องตรวจลำไส้ ให้กับ รพ.จักราช จ.นครราชสีมา

ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิไลออนส์สากล(LCIF)เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ณ รพ.จักราช จ.นครราชสีมา พิธีมอบครุภัณฑ์ ทางการแพทย์กล้องส่องตรวจลำไส้แบบคมชัดพร้อมชุดควบคุมสัญญาณภาพ โดยสโมสรไลออนส์โคราช และสโมสรไลออนส์ดุสิตา กรุงเทพ ภาค 310 อี ประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิไลออนส์สากล(LCIF)

โดยมี ล.จุรีพร เศวตอมรกุล นายกสโมสรไลออนส์โคราช พร้อมด้วย ล.สมศักดิ์ โล่ห์วิสุทธิ์ อดีตกรรมการอำนวยการไลออนส์สากล และผู้ประสานงาน LCIFภาครวม 310 ประเทศไทย นายอำเภอจักราช ผอ.รพ.จักราช บุคลากร รพ.จักราช สมาชิกไลออนส์ และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมกิจกรรม

ล.จุรีพร เศวตอมรกุล นายกสโมสรไลออนส์ กล่าวว่า กล้องส่องตรวจลำไส้แบบคมชัดพร้อมชุดควบคุมสัญญาณภาพ ได้รับการสนับสนุนจาก LCIF 1,500,000 กว่าบาท มีผู้มีจิตศัทธา และสโมสรไลออนส์โคราช 515,000 บ.และจากการแลกเปลี่ยนเงินตรา.100,000 บ.รวมเป็นเงินจำนวน 2,160,000 บ.

รพ.เฉลิมพระเกียรติได้รับมอบไปแล้ว 2,400,000 บ. เราได้ขยับมา รพ.จักราช แต่เครื่องมือคนละแบบกัน ล.จุรีพร เศวตอมรกุล ฯ กล่าวต่อไปอีกว่า อดีต ผอ.รพ.จักราช ได้แจ้งความจำเป็นของเครื่องมือแพทย์ กล้องส่องลำไส้ แบบคมชัด พร้อมชุดควบคุมสัญญาณภาพ ที่จะนำไปรักษาผู้ป่วย ซึ่ง รพ.จักราชมีเครื่องมือนี้อยู่แล้ว แต่ไม่ทันสมัย

จำนวนผู้ป่วยมีมาก ลองรับประชากรมากกว่า 200,000 คน ในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.จักราช อ.ห้วยแถลง และ อ.เฉลิมพระเกียรติ สโมสรจึงได้จัดประชุม มีมติร่วมกัน ให้จัดทำสนับสนุนจากมูลนิธิไลออนส์สากล(LCIF) โดยส่งโครงการไปยังผู้ว่าการภาค 310 อี ได้รับการช่วยเหลือประสานงานอย่างดีจากท่าน ล.สมศักดิ์.โล่ห์วิสุทธิ์ อดีตกรรมการอำนวยการไลออนส์สากล และผู้ประสานงานไลออนส์สากล ภาครวม 310 ประเทศไทย

ล.สมศักดิ์ โล่ห์วิสุทธิ์ อดีตกรรมการอำนวยการไลออนส์สากล และผู้ประสานงาน LCIF ภาครวม 310 ประเทศไทย กล่าวว่า มูลนิธิไลออนส์สากล ได้รับการรับลองจาก สหประชาชาติ ว่า เป็นองค์กรการกุศลที่ โปร่งใสที่สุด

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ป.5 พัน.25 ตรวจสภาพความพร้อมรบกองร้อยเตรียมพร้อม “กองทัพภาคที่ 4”

รักสงบ รบไม่ขลาด ค่ายเขตอุดมศักดิ์ ตรวจความพร้อมรบ (11 มิ.ย.58) พ.ท. พิทยาคม พงษ์สุพรรณ์ ผบ.ร.25 พัน.1 เป็นประธานการตรวจสภาพความพร้อมรบของ ร้อย.ร.เตรียมพร้อม ทภ.4 ตามแผนการใช้กำลังรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดน โดยตรวจสอบความพร้อมของกำลังพล อาวุธ ยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะ รวมถึงความรู้ตามตำแหน่งหน้าที่ เพื่อให้มีความพร้อมต่อการปฏิบัติงานป้องกันชายแดนและภารกิจที่ได้รับมอบหมายเมื่อสั่ง ณ ลานพื้นแข็ง หน้าศาลาเขตอุดมศักดิ์ ค่ายเขตอุดมศักดิ์ อ.เมือง จ.ชุมพร

ธนากร โกศลเมธี รายงาน 0818923514

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ทหารไทย-ลาว เปิดการลาดตระเวน ร่วมทางน้ำ เพื่อสะกัดกั้นกระทำผิดกฏหมายตามแนวลำน้ำโขง

วันที่ 11 มิถุนายน 2568 เวลา 09.30 น. ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 พลเรือตรีณรงค์ เอมดี ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่นาโขง, เป็นประธานเปิดการลาดตระเวน ร่วมกันทางน้ำ ไทย-ลาว โดยมี พันเอกบุนเลิด บุบผาวัน หัวหน้าการทหารกองบัญชาการทหาร แขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (หน.การทหาร กบช. ข.คำม่วน สปป.ลาว) และคณะ ฝ่ายทหารไทย โดยมี พันเอกศิวดล ยาคล้าย ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี/ผู้อำนวยการส่วนอำนวยการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมด้วยหน่วยงานด้านความมั่นคง

ประกอบไปด้วย หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) ตำรวจตระเวนชายแดนในพื้นที่ ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม และ ฝ่ายปกครอง ร่วมพิธีการลาดตระเวนร่วมไทย- ลาว เกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมมือ จากชุดประสานงานประจำพื้นที่ของทั้ง 2 ฝ่ายซึ่งได้ร่วมกันวางแผนและกรอบแนวทางตามลำดับขั้น โดยในวันนี้จะเป็นการลาดตระเวน ร่วมไทย-ลาว จังหวัดนครพนม-แขวงคำ

ม่วน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือในการสกัดกั้นและการกระทำผิดกฎหมาย ตามแนวชายแดนร่วมกัน ตลอดจนสร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นระหว่างกัน ซึ่งจะนำไปสู่สันติภาพและ ความเจริญรุ่งเรืองทั้ง 2 ประเทศในระยะยาว ซึ่งวันนี้ทั้ง 2 ฝ่ายได้จัดตั้งการลาดตระเวนทางน้ำร่วมกัน จุดประสงค์เพื่อสะกัดกั้นกรั่นกรองอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศทำงานร่วมกัน มีการพัฒนาชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และพบปะแลกเปลี่ยนสร้างความสนิทสนมระหว่างไทย-ลาว ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ร่วมกัน

โดยในวันนี้ในช่วงก่อนลาดลาดตระเวน ทางน้ำ ฝ่ายไทย-ลาว ทางด้านพลโท ณรงค์ สวนแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.ศปป.2 กอ.รมน.) พร้อมคณะได้ร่วมในการลาดตระเวน ร่วมทางน้ำ เพื่อสกัดกั้นกระทำผิดกฎหมายตามแนวลำน้ำโขงในครั้งนี้ ซึ่งท่านเคยเป็นอดีตผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี มาก่อนและในวันนี้ทางด้านศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดนครพนม

พลโท ณรงค์ สวนแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.ศปป.2 กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าว ภายหลังจากการลาดลาดตระเวน ทางน้ำร่วมไทย-ลาว ว่า จังหวัด

นครพนม เป็นพื้นที่ดูแลของ นรข. กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือตามแนวชายแดนของทั้ง สองประเทศ ซึ่งผลการปฏิบัติการในวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทุกส่วนมีความเข้าใจถึงภัยคุกคามภายนอกมีหลายปัจจัย ในฐานะกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จึงได้ลงพื้นที่ เพื่อทำงานร่วมกันในพื้นที่

พลเรือตรีณรงค์ เอมดี ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่นาโขงกล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้ง 2 ฝ่ายมีความเห็น การลาดตระเวนทางน้ำร่วมกัน 3 เดือนต่อครั้ง และจัดการประชุมพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร 6 เดือนต่อครั้ง โดยผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ ทั้งเห็นควร ประสานงานร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเครือข่ายเป้าหมายยาเสพติด อย่างต่อเนื่อง

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / โครงการสำรวจบุคคลไร้สถานะและตกหล่นทางทะเบียนให้มีสิทธิเข้าถึงบริการของรัฐ ด้วยการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) อำเภอเมืองชุมพร

วันที่ 10 มิถุนายน 2568 เวลา 9.30 น. ณ ห้องไข่มุขไพลิน โรงแรมชุมพรการ์เดนส์ อ.เมือง จ.ชุมพร นพ.อธิคม บัวเลิศ รอง. ผอ.รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ นายอดิศร วิลาศ นักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญ สสจ.ชุมพร นายอนรรฆ พิทักษ์ธานินท์ ประธานคณะทำงานพัฒนาการเข้าถึงบริการสาธารณสุขของกลุ่มคน ไทยที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน ภายใต้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นายไอศูนย์ ภาสยะวรรณ์ นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ และ นางพัชพัภรณ์ ชุมสูข ผอ.สวท.จ.ชุมพร ผู้แทนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนสุขภาพ และผู้แทนจาก สปสช., นักสังคมสงเคราะห์ ตัวแทน อปท.ผู้นำท้องที่ท้องถิ่นในพื้นที่ จ.ชุมพร เข้าร่วมการสัมมนา

โครงการสำรวจบุคคลไร้สถานะและตกหล่นทางทะเบียนให้มีสิทธิเข้าถึงบริการของรัฐด้วยการตรวจ สารพันธุกรรม (DNA) อำเภอเมืองชุมพร เป็นโครงการที่ดำเนินการภายได้ “โครงการการพัฒนาและหนุนเสริม เครือข่ายวิชาการและวิชาชีพเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรมทางสุขภาพของกลุ่มประชากร เฉพาะ” สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อช่วยเหลือบุคคลไร้สถานะ และตกหล่นทางทะเบียนในเขตอำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ให้ได้รับการขึ้นทะเบียนในระบบทะเบียน ราษฎร์ และมีสิทธิเข้าถึงบริการของรัฐอย่างเท่าเทียม

นางพัลลภา ระสุโส๊ะ ศูนย์คุ้มครองสิทธิ์ บัตรทอง จ.ชุมพร จากการสำรวจพื้นที่ท่าแซะพบคนไทยพักถิ่นจำนวนมากจากอดีตเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วเราเจอประมาณ 300 กว่า LINE ปัจจุบันเค้าเกิดลูกหลานเกิดเป็นสอง 3000 รายอาทิตย์ที่แล้วเราไปเก็บข้อมูลเพื่อจะยื่นให้กับท่านผู้ว่าให้มาจัดการเหล่านี้ให้มีสิทธิ์ได้ถูกต้อง เราไปเจอเราเก็บแคหมู่ 1 หมู่ 4 เราเจอคนที่มีบัตรเลขศูนย์ประมาณ 193 รายที่เค้า

ยังถืออยู่เราเข้าไปตรวจสอบในระบบของสำนักงานทะเบียนเราว่าคนเหล่านี้ถูกขึ้นทะเบียนได้รับเอกสารตั้งแต่เดือนสิงหาประมาณ 10 กว่าปีแต่ยังไม่มีการขับเคลื่อนเพราะ ถึงเวลาคนเหล่านี้เจ็บป่วยขอรับการรักษาที่โรงพยาบาลที่ส่งต่อมาโรงพยาบาลชุมพรจะมีปัญหากับเขาที่ไม่สามารถไม่มีงบประมาณเค้าไม่มีสิทธิ์ในการรักษาคือไม่มีเลข 13 หลักถูกต้องของระเบียบเค้าจะรอจนป่วยหนักจริงๆ

ถึงจะเดินทางมาหาหมอเพราะหนักแล้วก็จะมีค่าใช้จ่ายที่มากมาปรึกษาเรา เราต้องโทรมาทุกครั้งคุยกับคุณมานะแสงทองเราอยากจะให้นักสังคมสงเคราะห์ในทุกที่ให้เหมือนกับคุณวรรณะแสงทองเค้าจะมีความรู้สึกว่าเห็นอกเห็นใจคนด้วยกันว่าเป็นมนุษย์เหมือนกันจะหาแนวทางในการช่วยทุกครั้งที่ทางศูนย์โทรเข้ามาขอความช่วยเหลือแกจะมาใช้เงินกองทุนเศษเอามาในการช่วยเหลือ เป็นสิ่งหนึ่ง

ที่เราคิดว่าเป็นการผลักดันให้คนเหล่านี้เข้าถึงสิทธิ์สามารถมีบัตรประชาชนได้สามารถพิสูจน์สิทธิ์เขาว่าเขาคือคนไทยคนหนึ่งจะทำให้กองทุนสิสามารถเก็บไว้ให้กับคนคนอื่นใช้อีกเยอะนะปัจจุบันนี้กองทุนสิทธิ์ก็อยู่ใช้ในคนไทยที่อยู่ระหว่างกึ่งกลาง กับการรอตรวจสอบทำให้กระบวนการนี้เงินกองทุนเศษนี้จึงใช้หมดไปอย่างเยอะสิ่งหนึ่งที่เราจะฝากบอกทุกคนในสื่อว่าหรือทุกหน่วยงานจริงๆมันมีคนเหล่านี้อยู่ที่เขาสามารถที่จะมีเอกสารการแสดงสิทธิ์การรักษาของเค้าให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาดูแลมาตรวจสอบเขาเพื่อทำให้เขาถูกต้องอันนี้คือสิ่งที่เราอยากฝาก

นายอนรรฆ พิทักษ์ธานินท์ กล่าว กิจกรรมวันนี้ก็มีที่มาจากสามส่วนหลัก ส่วนแรกก็คือทาง สสส.กองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ แล้วก็ (สปสช.) แล้วก็ทางจุฬาหน่วยงานต่างๆโดยเฉพาะโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ที่มาร่วม ให้เกิดการพัฒนาศักยภาพของเครือข่ายแกนนำต่างๆเพื่อให้เกิดการพัฒนาสิทธิ์แล้วก็การพิสูจน์สิทธิ์ ต้องเน้นคนไทยที่ตกหล่นจากสิทธิ์ สถานะการตกหล่นจากสิทธิ์

สถานะส่งผลอยู่สองสามประการประเด็นแรกก็คือคุณภาพชีวิตของคนไทยที่ตกหล่นจริงๆแล้วเค้าก็คือคนไทยคนที่เติบโตในประเทศไทยอาจจะเกิดการตกหล่นในการแจ้งเกิดหรือการย้ายถิ่นต่างๆก็ทำให้เขาไม่สามารถจะเข้าถึงสวัสดิการโดยเฉพาะเรื่องของการรักษาพยาบาล อันที่สองก็เป็นการช่วยของหน่วยบริการเองที่จะต้องรับผิดชอบการรักษา โรงพยาบาลหลายหลายแห่งใจดีจะช่วย ซัพพอร์ต การรักษาพยาบาลต่างๆพอเค้าไม่มีสิทธิ์ก็ทำให้ทางโรงพยาบาลต้องใช้งบส่วนตัวของตัวเองในการ ซัพพอร์ต ตอนนี้ตัวเลขยังไม่ชัดเจนเพราะกลุ่มคน

ไทยที่ตกหล่นเราก็ยังไม่ทราบเราก็เลยต้องมาทำงานกัน กับโรงพยาบาลเรามองว่าโรงพยาบาลเป็นหน้าต่าง เราจะรู้ว่าจำนวนคนที่ตกหล่นจะมีอยู่สักเท่าไหร่เพราะว่าเค้าจะต้องมารักษาพยาบาลคือคนคนเรายังไงก็ต้องป่วยเค้าจะต้องมารักษาพยาบาลเราก็จะทราบว่าเค้าเป็นคนตกหล่นไม่มีสิทธิ์พอย้อนกลับมาพอรักษาพยาบาลโรงพยาบาลก็ไม่มีเงินก็ต้องควักเนื้อตัวเองในกรณีที่จะทำให้เขามีสิทธิ์พิสูจน์สิทธิ์ ก็จะทำให้โรงพยาบาล ไม่ต้องรับภาระในส่วนตรงนี้นอกจากคุณภาพชีวิตที่ดีแล้วนี่ทำให้ระบบบริการสุขภาพมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นครับผม
นพ.อธิคม บัวเลิศ รอง. ผอ.รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์

โครงการนี้จริงๆแล้วต้องท้าวความกลุ่มคนพวกนี้เป็นกลุ่มคนที่น่าสงสารเพราะว่าเราไม่รู้หรอกเพราะว่าเรามีบัตรประชาชนเรามีเลข 13 หลักมันมีความสำคัญขนาดไหนเราจะรู้ความสำคัญก็ต่อเมื่อเราขาดเลข 13 หลักไปทำอะไรไม่ได้เลยจะเข้าโรงพยาบาลก็ไม่มีสิทธิ์รักษาไปอำเภอไปติดต่อธนาคารก็ไม่สามารถ ทำ

อะไรได้เลยกลุ่มคนพวกนี้เป็นกลุ่มที่เป็นกลุ่มค่อนข้างจะเก็บตัวจากนิสัยเค้าเองด้วยจากการที่เขาไม่สามารถเข้าสังคมได้เค้าสามารถที่จะทำอะไรได้มั่งเป็นปัญหาเรื้อรังในวันนี้ก็เป็นโอกาสดีที่มีกลุ่มที่จะมาช่วยเหลือให้สามารถมีบัตรประชาชนอยู่ได้ลืมตาอ้าปากได้ อย่างน้อยน้อยก็เป็นสิทธิ์ของเขาเรื่องสิทธิ์การรักษาพยาบาลการทำ ทุรกรรมกับทางธนาคารติดต่อกับทางอำเภอทุกอย่างได้สิทธิ์ตรงนั้น

ทั้งนี้การทำสิทธิ์เหล่านี้ในอดีตก็อาจจะเกิดความยุ่งยากในปัจจุบันก็พยามทำให้ง่ายขึ้นทางโรงพยาบาลชุมพรคล้ายๆกับเป็นจุดเจาะเลือดเป็นจุดตรวจเค้าสามารถพิสูจน์ดีเอ็นเอในการเจาะก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงในกลุ่มวันนี้ค่าใช้จ่ายไม่มีเพราะทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์มีงบประมาณสนับสนุนอยู่ให้ เป็นการแบ่งเบาภาระบาง เคส ง่ายง่ายมีพี่ชายเป็นมีสิทธิ์บัตรตัวเองไม่มีสิทธิ์บัตรอย่างง่ายเจาะทีเดียวก็จบบางคนผ่านไปทั่วอายุคนต้องค่อยค่อยไล่ไปทีละนิดทีละนิดกว่าจะถึงตัวก็ไม่ใช่ง่ายปีแรกสามารถทำได้ประมาณ 10 กว่าเคสในปีพ.ศ. 2566

ส่วนปีที่แล้วก็เพิ่มขึ้นประมาณ 20 เคสเราก็ประสานงานกับทางอำเภอได้ดีขึ้นโดยเฉพาะอำเภอท่าแซะอำเภอเมืองเทศบาลเมืองชุมพรประสานงานได้ดีขึ้นมันก็เริ่มดีขึ้นถามว่ายุ่งยากไหมก็พอสมควรเหมือนกันเพราะเริ่มแรกจะต้องไปที่อำเภอตรวจสอบประวัติโรงพยาบาลเป็นเพียงจุดเจาะเลือดเท่านั้นเพื่อดำเนินการต่อไป ที่อำเภอท่าแซะก็จะมีจำนวนเยอะเกือบทั้งหมู่บ้านเลยก็มี จุดแรกที่จะติดต่อก็คือที่อำเภอมีอำเภอเมืองอำเภอท่าแซะคิดว่าควรไปอำเภอและไม่ได้รับความสะดวกก็ให้มาที่โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ยินดีที่จะเป็นตัวกลางให้เพราะก็สามารถทำติดต่อให้ได้ไม่มีค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้น

ธนากร โกศลเมธี ภาพ*ข่าว รายงาน 0818923514

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / นายศรีชัย วีระนรพานิช นายกเทศมนตรี ลงพื้นที่บริเวณหลังตลาดบูรนาการคืนและล้างทำความสะอาดฟุตบาททางเท้าและคืนพื้นผิวจราจรให้ประชาชน

วันที่ 10 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น บริเวณหลังตลาดสดหมอพนัส นายศรีชัย วีระนรพานิช นายกเทศมนตรีเมืองชุมพร พร้อมด้วย สส. วิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร เขต 1, นายเจริญโชค พรหมชุติมา นายอำเภอเมืองชุมพร, นายสุพจน์ บุปผา ปลัดเทศบาลเมืองชุมพร, นายเจริญ โพธิ์ศรีทอง รองปลัดเทศบาลเมืองชุมพร, นายสายันย์ หัสรินทร์ รองปลัดเทศบาลเมืองชุมพร เจ้าหน้าทีตำรวจจราจรเมืองชุมพร เจ้าหน้าที่ เทศกิจเมืองชุมพร ลงพื้นที่บริเวณหลังตลาด ร่วมบูรนาการคืนทางเท้าและล้างทำความสะอาดฟุตบาททางเท้าและคืนพื้นผิวจราจรให้ประชาชน

โดยเก็บและเคลื่อนย้ายสิ่งของอุปกรณ์โต๊ะรถเข็นขายของออกจากผิวจราจร จัดระเบียบเรียบร้อย เพื่อมอบความ สวยงามของบ้านเมืองชุมพรและความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนในเขตเทศบาลเมืองชุมพร โดยพื้นที่ดังกล่าวที่ผ่านมาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก เนื่องจากเป็นจุดทีแออัด ติดกับ

ตลาดสดเอกชน มีการตั้งสิ่งของทั้งบนทางเท้า บนถนน จนดูเกะกะ กีดขวางทางเดิน ช้องทางการจรจร ทำให้ สกปรกหมักหมมไปด้วยสิ่งปฏิกูล มีกลิ่นเหม็น กลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรค และทำให้ท่อน้ำอุดตัน แม้ที่ผ่านมาทางเทศบาลจะเข้าดำเนินการจัดระเบียบมาหลายครั้งแล้ว แต่ผ่านไปเพียงวันเดียวก็กลับสภาพมาเหมือนเดิม จนมีประชาชน นักท่องเที่ยว ที่ผ่านมาพบเห็นถ่ายภาพนำไปลงประจานในสื่อโซเชียลมาตลอด ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดชุมพรมาอย่างต่อเนื่อง

โดยการจัดระเบียบในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาจัดระเบียบตามประกาศ ก็ยังมีร้านค้าแผงลอยฝ่าฝืนคำสั่งอยู่จำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงทำการรื้อและยกขนย้ายนำไปเก็บ บางรายเจ้าหน้าที่ทำการขนย้ายไปส่งให้ที่บ้านโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่ออำนวยความสะดวกให้

จาก การรีวิวในโซเชียลเน็ตเวิร์ค นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดชุมพรรีวิวทางเดินฟุตบาทของอำเภอเมืองชุมพรไม่สามารถเดินได้สะดวก เพราะมีรถจอดบน ฟุตบาท และยัง มีการวางขายของเต็มฟุตบาท ไม่มีความสะอาดของบ้านเมืองวันนี้นายกศรีชัยนายกเทศมนตรีเมืองชุมพรได้รับตำแหน่งเป็นวันแรกจึงลงพื้นที่ตรวจสอบและได้นำทีมงานล้างถนนหลังตลาด และยึดยกสิ่งของที่กีดขวาง ที่วางอยู่บนฟุตบาทและพื้นผิวถนนที่รุกล้ำออกมาจากเส้นสีเหลืองที่ตีเส้นไว้ให้วางขายของแต่ได้
ล้ำออกมาโดยมีเจ้าของเฝ้าดูหรือทิ้งไว้ทั้งวันทั้งคืนสั่งการให้เจ้าหน้าที่เทศกิจและเจ้าหน้าที่ตำรวจ จราจร ดำเนินการได้เต็มและให้เจ้าหน้าที่ 

ล้างพื้นผิวถนนและลอกท่อระบายน้ำที่ถูกแม่ค้าตั้งตู้ตั้งเคาน์เตอร์ขายของขวางทางท่อน้ำในวันนี้จะได้ลอกท่อเพื่อให้น้ำทิ้งได้ระบายได้ทันเพราะเป็นจุดที่น้ำท่วมขังอยู่ตลอดในช่วงฝน
นาย ศรีชัย วีระนรพานิช นายกเทศมนตรีเมืองชุมพร กล่าว จริงๆแล้วเราผ่อนผันมานาน เพราะเราเข้าใจปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนไม่มีที่ขายแต่การผ่อนผันของเรา พอเราให้โอกาสปรากฏว่าทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนมากวันนี้ก็เลยต้องมาจัดระเบียบให้บ้านเมืองน่าอยู่แล้วก็ไม่ให้ชาวบ้านเดือดร้อนทางที่ประชาชนจะใช้บนพื้นผิวฟุตบาททางเดินแล้วก็พื้นผิวถนนโดยในวันนี้จัดระเบียบใหม่ แต่เราให้ขายเหมือนเดิมแต่เราขอจัดระเบียบอย่าให้ชาวบ้านเค้าเดือดร้อนเวลาเค้าเดินเดินบนทางเท้าเรายังอนุญาตให้ขาย

โดยขายเสร็จแล้วให้นำอุปกรณ์ทุกอย่างกลับไปที่บ้านหรือให้ออกจากพื้นที่พื้นผิวถนนและฟุตบาทเพื่อที่จะให้เทศบาลจะได้ทำความสะอาดได้ถ้าว่างหากขายของแล้วไม่นำอุปกรณ์กลับบ้านเทศบาลทำความสะอาดไม่ได้ ส่วนใหญ่ประชาชนที่มาขายนั้นเป็นนอกเขตเทศบาลเมืองชุมพรปัญหาวันนี้เราไม่ยอมเรา

ให้เวลาถึงเที่ยงยังไงก็ต้องนำอุปกรณ์ออกจากพื้นที่ถ้าไม่ยกเราก็จะยกไปไว้ที่เทศบาลเราจะตรวจสอบทุกวันก่อนสองทุ่มถ้าของของใครอุปกรณ์ต่างๆที่ยังอยู่ในท้องพื้นที่พื้นผิวถนนและฟุตบาทเราจะยกเก็บให้เลยจะไม่ยอมให้ตั้งบนท้องถนนแล้วขายขายได้แต่ถ้าตั้งแบบถาวรเราไม่ให้ขาย

ธนากร โกศลเมธี ภาพ/ข่าว รายงาน 0818923514

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “คายอ้อ ลบหลู่ ศรัทธา อาถรรพ์” ปล่อยตัวอย่างเต็มพร้อมโปสเตอร์สุดหลอน!!!คนลบหลู่ เตรียมดำดิ่งสู่หายนะ 17 กรกฏาคมนี้

หายนะที่ทุกคนคาดไม่ถึง กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อมีคน “ลบหลู่” กับตัวอย่างสุดหลอนของ ภาพยนตร์ “คายอ้อ ลบหลู่ ศรัทธา อาถรรพ์”“บ่เห็น บ่แม่น บ่มี บ่เชื่อ กะอย่าข่วม อย่ากาย” (ไม่เห็นไม่ใช่ว่าไม่มี ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่)คำเตือนจาก ภาพยนตร์ “คายอ้อ ลบหลู่ ศรัทธา อาถรรพ์” งานสร้างของ  “โจ ยมนิล นามวงษา”

บอสใหญ่วงสาวน้อยเพชรบ้านแพง กำกับภาพยนตร์โดย “ใหม่ ภวัต พนังคศิริ” เขียนบทโดย เอี้ยง สวนีย์ อุทุมมา ที่จะพาดำดิ่งสู่โลกเร้นลับของ “หมอลำ” ที่ถูกยึดโยงไว้ด้วยความเชื่อความ “ศรัทธา” นำไปสู่ “อาถรรพ์” ถ่ายทอดเรื่องราวอันน่าสะพรึง โดย เน็ค นฤพล, ตูมตาม ยุทธนา พร้อมด้วยหมอลำ ลูกทุ่งไฟแรงแห่งยุคอย่าง กานต์ ทศน, เบลล์ นิภาดา, อุ๋งอิ๋ง รัตนาภรณ์, อ๋อมแอ๋ม ละมัย และ น้ำแข็ง ทิพวรรณ

จากเครื่องบูชาครู สู่ ความสยองขวัญ”คายอ้อ” หัวใจสำคัญของพิธีกรรมการไหว้ครู เป็นเครื่องสักการะที่จัดเตรียมขึ้นเพื่อบูชาคุณครูบาอาจารย์ แต่เบื้องหลังกลับมีความเชื่อเร้นลับและความสยองที่หยั่งรากลึกอยู่ในศรัทธา “อาถรรพ์คายอ้อ” ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ลบหลู่ อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้ที่ผิดคายอ้อ จิตวิปลาส หรือหายนะ และความสยองขวัญที่คาดไม่ถึงในท้ายที่สุด

มาสัมผัสประสบการณ์ความสยองขวัญในวงหมอลำ มาร่วมค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความเชื่อใน “คายอ้อ ลบหลู่ ศรัทธา อาถรรพ์”17 กรกฏาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์คายอ้อ #สาวน้อยเพชรบ้านแพงเน็คนฤพล #เบลล์นิภาดาตูมตามยุทธนา #อุ๋งอิ๋งสาวน้อยเพชรบ้านแพง #โจยมนิล

เรื่องย่อภาพยนตร์ “คายอ้อ ลบหลู่ ศรัทธา อาถรรพ์” หมอลำกำลังฟีเวอร์ถึงขีดสุด วงดนตรีหมอลำเกิดขึ้นใหม่จำนวนมาก เด็กหนุ่มเด็กสาวจำนวนมาก กำลังเดินทางเข้าสู่วงการหมอลำ เป้าหมายคือชื่อเสียง เงินทองและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เรื่องนี้กำลังพูดถึงความเชื่อ พิธีกรรม ที่ใช้ “ยึดเหนี่ยว”และควบคุมคนในวง

หมอลำทุกคน ให้อยู่ในร่องในรอย นั่นก็คือ “คายอ้อ” คายอ้อคือเครื่องบูชาครูบาอาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้ว เป็นพิธีกรรมที่ชาวคณะหมอลำยึดถือมายาวนาน เพื่อให้ “อ้อ”ปกปักรักษาและคุ้มครองการแสดงให้ลุล่วง หลายคนเชื่อว่าถ้าคายอ้อดีผู้ชมจะชื่นชอบนำไปสู่ชื่อเสียง เงินทอง แต่เมื่อมีใครบางคนอยากได้ อยากมี อยากเป็นแต่เลือกที่ใช้ “ทางลัด” ทำผิดกฎข้อห้าม จึงนำไปสู่หายนะอย่างคาดไม่ถึง

ในขณะทำพิธีได้เกิดเหตุร้ายเมื่อ “ชัย” (อ๊อฟ สุรพล) เสียชีวิตอย่างอนาถ ทำให้ผู้คนในคณะหมอลำร่ำลือว่าเป็นเพราะมันผิดคายอ้อ “เคน” (เน็ค นฤพล) เริ่มสงสัยว่าการตายของชัยอาจจะมีเงื่อนงำ เริ่มค้นหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น “คำแพง” (เบลล์ นิภาดา) สื่อกับวิญญาณของแม่ครูที่มาเตือนว่าอย่าให้ใครลบหลู่ความศรัทธา…

.หายนะในวงหมอลำเริ่มขึ้น เมื่อ”เดี่ยว” (กานต์ ทศน) และ “แหวว” (อ๋อมแอ๋ม ละมัย แสงทอง) ไม่เชื่อแล้วยัง “ลบหลู่” ความศรัทธาอย่างร้ายแรง “ผู้จัดการหวัด” (ตูมตาม ยุทธนา) เริ่มเห็นผีในวงหมอลำ คำแพงและเคนจับมือกันค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความเชื่อ ความศรัทธา
ค้นหาคำตอบ อาถรรพ์คายอ้อมีจริงหรือไม่?

ตัวอย่างภาพยนตร์ “คายอ้อ ลบหลู่ ศรัทธา อาถรรพ์ ”https://youtu.be/kHY5H-7g2MQ?si=HjtzJSwDcFBh7Msh

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / นายอ.โคกสำโรง เปิดโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 2,000 คน

วันที่ 10 มิถุนายน 2568 เวลา 10.30 น. นายเจตน์พงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล นายอำเภอโคกสำโรง นางสาวนงลักษณ์ อยู่พุ่ม ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองอำเภอโคกสำโรง พ.ต.อ. จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก. สภ.

โคกสำโรง พ. ต. อ. มาโนช จันเที่ยง ผกก. สภ. เพนียด นายกองตรี กรวี กิจรัตนกาญจน์ พ.ต.ท.มนตรี เล่ห์อิ่ม รอง ผกก.ป.ฯ ร.ต.อ.โกวิทย์ พลั่วพันธ์ รอง สวป.(ชส.)ฯ ด.ต.พฤกษ เหมาะสมัย ผบ.หมู่(ป.)ฯ ส.ต.ต.ศรัณญ์ บุญภาพ ผบ.หมู่(ผช.พงส.)ฯ

พร้อมด้วยส่วนราชการ ผู้อำนวยการโรงเรียน นายกเทศมนตรีตำบลโคกสำโรง นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกตำบล ประธาน กต.ตร. พร้อมคณะ กต. ตร. สถานีตำรวจภูธธรโคกสำโรง และประธาน กต.ตร. สถานีตำรวจเพนียด
กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน

ด้วยอำเภอโคกสำโรง ภายใต้การดำเนินการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศป.ปส.อ.โคกสำโรง) จัดทำโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 เพื่อให้สถานศึกษามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่อำเภอโคกสำโรง เพื่อเป็นกระบวนการการแก้ไขปัญหาแบบองค์รวมในการป้องกันเน้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่นักเรียนเพื่อให้การขับเคลื่อนโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา อำเภอโคกสำโรง
จังหวัดลพบุรี เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็น “วาระแห่งชาติ” แก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร ตั้งแต่การตัดต้นตอการผลิตและจำหน่ายด้วยการร่วมมือประเทศเพื่อนบ้าน การปราบปรามและการยึดทรัพย์ผู้ค้าอย่างเด็ดขาด การค้นหาผู้เสพในชุมชนและสถานศึกษาเพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษา ตลอดจนการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด อำเภอโคกสำโรง จึงได้จัดทำโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา และดำเนินการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติดในสถานศึกษา กำหนดมาตรการป้องกันเด็กและเยาวชนก่อนวัยเสี่ยงและในวัยเสี่ยงไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เรียนรู้ถึงโทษและพิษภัยของยาเสพติด รู้จักวิธีปฏิเสธหลีกเลี่ยงยาเสพติดและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เพื่อหลีกเลี่ยงการหมกมุ่น มั่วสุ่มกับยาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้า และอบายมุขอื่นฯ โดยได้กำหนดการอบรม ในห้วงเดือนมิถุนายน 2568 โดยมีผู้เข้ารับการอบรมทั้งสิ้นจำนวน 2,030 คน จำนวน 6 รุ่น โดยมาจาก นักเรียนจากโรงเรียนในพื้นที่อำเภอโคกสำโรง จำนวน 5 โรงเรียนประกอบด้วย
  1. โรงเรียนโคกสำโรงวิทยา จำนวน 1,000 คน
  2. วิทยาเทคนิคลพบุรี จำนวน 300 คน
  3. วิทยาเทคนิคโคกสำโรง จำนวน 400 คน
  4. โรงเรียนบ้านสะแกราบ จำนวน 130 คน
  5. โรงเรียนโคกสำโรง จำนวน 200 คน
    รวมทั้งสิ้น 2,030 คน

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ. ศูนย์ข่าวฯ
อนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี ภาพ/ข่าว

​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตร.มุกดาหารสกัดจับยาบ้ากว่า 178,000 เม็ดซุกริมถนนเลี่ยงเมือง

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 17.30 น. พ.ต.ท.เจษฎากร ไชยศรีหา สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้รับแจ้งจากสายลับว่าอาจมีการลักลอบรับ-ส่งยาเสพติดบริเวณถนนเลี่ยงเมืองมุกดาหาร พื้นที่ตำบลนาสีนวน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร

จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาพ.ต.อ.ประยุทธ์ เรือนทองคํา ผกก.สภ.เมืองมุกดาหาร , พ.ต.ท.ฉัตรมงคล บุญกลาง รอง ผกก.สส.สภ.เมืองมุกดาหาร และลงพื้นที่ตรวจสอบตั้งแต่เวลา 18.00 น. กระทั่งเวลา 21.00 น. ตรวจพบกระสอบปุ๋ยวางทิ้งไว้ริมถนนใกล้ทางเข้าบ้านนาเตย จำนวน 2 กระสอบ เป็นกระสอบปุ๋ยสีเขียวและสีขาว ภายในบรรจุยาบ้ารวมทั้งหมด 30 ห่อ

จากการตรวจสอบโดยละเอียด พบว่ายาบ้าแต่ละห่อมีลักษณะพันด้วยกระดาษสีขาว มีตัวอักษร A สีเขียว และเทปกาวสีน้ำตาล โดยรวมแล้วพบยาบ้าทั้งหมดประมาณ 178,000 เม็ด แบ่งเป็นยาบ้าเม็ดสีแดง WY จำนวน 176,220 เม็ด และเม็ดสีเขียวอักษร Y1 จำนวน 1,780 เม็ด จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร เพื่อดำเนินการสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จับยาบ้า #ยาเสพติด #ตำรวจมุกดาหาร #ชุดสืบสวน #สถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหาร #ยาบ้า178000เม็ด #มุกดาหาร #ข่าวอาชญากรรม #ข่าวภาคอีสาน #ข่าววันนี้​ ภาพ/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อำเภอยิ้มเคลื่อนที่ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน / กฟก.น่าน โอนโฉนดที่ดินและมอบโฉนดที่ดินให้เกษตรกร อ.เมืองน่าน

วันที่ 10 มิถุนายน 2568 สำนักงานเกษตรอำเภอนาน้อย นำโดยนางสาวน้ำทิพย์ สิทธิ เกษตรอำเภอนาน้อย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอนาน้อย เข้าร่วมอำเภอยิ้มเคลื่อนที่ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน เพื่อพัฒนาการใช้บริการเชิงรุกของอำเภอให้มีคุณภาพตามมาตราฐานการบริการประชาชน บำบัดทุกข์ บำรุงสุข

และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ทั้งนี้สำนักงานเกษตรอำเภอนาน้อยได้ดำเนินการชี้แจงข้อราชการต่างๆ ให้ประชาชนได้รับทราบ และสอบถามปัญหาความต้องการของประชาชน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานร่วมกัน

พร้อมทั้งจัดบูธประชาสัมพันธ์การขึ้นทะเบียนเกษตรกร แจกเมล็ดพันธุ์ผัก รวมถึงสารชีวภัณฑ์บริการให้แก่ประชาชนที่มาเข้าร่วมงานดังกล่าว ณ โรงเรียนประกิตเวชศักดิ์ ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน

เรื่องและเรียบเรียง /นางสาวบัณฑิตา เผือทะนา นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ภาพ/ข่าว/เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอนาน้อย
/บุญยงค์ สดสอาดนายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

กฟก.น่าน โอนโฉนดที่ดินและมอบโฉนดที่ดินให้เกษตรกร อ.เมืองน่าน วันที่ 11 มิถุนายน 2568 เวลา 09.30 น. นางณัติกานต์ บุญเจริญ หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟู​และพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดน่าน ได้ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน และมอบโฉนดที่ดินคืนให้เกษตรกรอำเภอเมืองน่าน จำนวน 1 ราย เป็นโฉนดที่ดิน จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 58.4 ตารางวา ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดน่า ทั้งนี้ สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดน่าน ได้ชำระหนี้แทนเกษตรกรให้กับสถาบันเจ้าหนี้ สหกรณ์​การเกษตรเมืองน่าน จำกัด

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2556 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 125,796.23 บาท โดยทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันได้โอนตามกฎหมาย เป็นของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เกษตรกรได้ทำสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สินคืนจากกองทุนฯ ระยะเวลา 10 ปี ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรได้ชำระเงินคืนกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรตามสัญญาและปิดบัญชีขอไถ่ถอนหลักประกันคืนจากกองทุนฯ ตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว สนง.กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดน่าน จึงได้ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและมอบหลักประกันคืนให้กับเกษตรกร เพื่อเก็บรักษาไว้ต่อไป/บุญยงค์ สดสอาด ประธานอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดน่านรายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /ผู้ว่าฯ แพร่ ลงพื้นที่ฝายแม่ยมติดตามสถานการณ์น้ำ สั่งการเข้มทุกหน่วยวางแผนจัดการป้องกันน้ำท่วม

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 #นายสมชัย #เลิศประสิทธิพันธุ์ #ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำยม ณ โครงการฝาย

แม่ยม ตำบลบ้านหนุน อำเภอสอง จังหวัดแพร่ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำจากพื้นที่ตอนเหนือของจังหวัดที่มีแนวโน้มปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลำน้ำยมที่มีต้นน้ำมาจากจังหวัดพะเยา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่จังหวัดแพร่ในช่วงฤดูฝนนี้

นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวว่าได้มาติดตามสถานการณ์น้ำที่ฝายแม่ยม เพื่อประเมินศักยภาพในการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดแพร่ โดยได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะฝ่ายชลประทาน ดำเนินการเตรียมความพร้อมทั้งในด้านการเฝ้าระวัง แจ้งเตือนภัย และแผนเผชิญ

เหตุในกรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งดำเนินการกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เช่น การขุดลอกลำเหมือง ลำคลอง และท่อระบายน้ำในชุมชน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ และลดความเสี่ยงน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่ม

“อย่างไรก็ตามในส่วนของโครงการระยะยาวที่เกี่ยวกับการแก้ไขสิ่งกีดขวางขนาดใหญ่ ก็จะมีการจัดทำโครงการเสนอของบประมาณจากหน่วยงานส่วนกลาง เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า โดยจะประสานกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยใน

การใช้ระบบเตือนภัยผ่านเครือข่ายประชาสัมพันธ์ในระดับพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและทันต่อเหตุการณ์ ทั้งนี้จังหวัดแพร่ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยมีแผนการรับมือในทุกระดับ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำยม

“สมจิตร แสงบัลลังก์ รายงาน ธีรพงษ์ ธงออน/แพร่ ภาพ/ข่าว 061-595-5297

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง