สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ – พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ผู้ช่วย ผบ.ตร.(สส 1)เร่งรัดติดตามในคดี “ชิงทรัพย์ และกระทำชำเราหญิงวัยสูงอายุ“ จ.นครราชสีมา

วันนี้(วันจันทร์ ที่ 6 ม.ค.68) เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ผบ.ตร.พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.(สส) มอบหมายให้
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(สส 1)

เดินทางไปเร่งรัดติดตามผลความคืบหน้าคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญและเป็นที่น่าสนใจของประชาชนในคดี “ชิงทรัพย์ และกระทำชำเราหญิงวัยสูงอายุ“ ในพื้นที่ สภ.บัวใหญ่, สภ.แก้งสนามนาง, สภ.โนนแดง, สภ.บ้านเหลือม และ สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

โดยมีพล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีนผบช.ภ.3พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์รอง ผบช.ภ.3พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ์ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา
พล.ต.ต.สนธยา แต่แดงเพชรผบก.สส.ภ.3ผกก., รอง ผกก.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ ศพฐ.3 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

โดยมีข้อสั่งการดังนี้ 1.ให้ความสำคัญกับข้อมูลสืบสวนก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ ต้องดำเนินการรวบรวมข้อมูล พยานหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกมิติ ทั้งพยานบุคคล พยานแวดล้อม กล้องวงจรปิด และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
ให้ฝ่ายสืบสวนรวบรวม ปรับปรุง พัฒนาฐานข้อมูลอาชญากรรมในพื้นที่ให้ครบถ้วนสมบูรณ์เป็นปัจจุบัน ต้องสามารถสืบค้น และประสานข้อมูล ทุกหน่วยงานต้องให้ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูล และเกื้อกูลข้อมูลต่อกันเป็นอย่างดี
ใช้กำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษในการปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องหาในคดีอุกฉกรรจ์ และคดีสำคัญ หรือปรากฏตัวในพื้นที่สุ่มเสี่ยง เพื่อกดดันมิให้เกิดการกระทำความผิด

พึงระมัดระวังการให้ข้อมูลแก่สื่อมวลชน หรือบุคคลภายนอก ต้องอย่าให้กระทบต่อพยานหลักฐาน ตลอดจนไม่ควรเปิดเผยถึงแนวทาง เทคนิค หรือวิธีการสืบสวน 5.กำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหน้าที่ภายในกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และคำสั่งที่เกี่ยวข้อง รวมถึงให้ทำความเข้าใจหลักกฎหมาย วิธีการ ขั้นตอนการปฏิบัติตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 อย่างเคร่งครัด 6.ให้เร่งรัดสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องในคดี และเร่งรัดส่งดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยตรวจและเร่งรัดผลตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอจากทางพิสูจน์หลักฐาน

สืบสวน ภ.จว. และสืบ สภ. ทำไทม์ไลน์กล้องรายละเอียดเหตุการณ์ในคดี สืบภาคให้ตรวจสอบข้อมูลภาคอากาศ 8.กำชับให้มีมาตราการป้องกันเหตุ อย่าให้มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก 9.การสืนสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาให้ยึดหลักยุทธวิธี ความปลอดภัยต้องมาก่อน อย่าให้เกิดความสูญเสีย
10.กำชับการให้ทำงานกันเป็นทีม บูรณาการร่วมกันทุกฝ่าย และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายยึดหลักการทำงานแบบ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” และ “ขยัน อดทน ดำรงตนอย่างมีเกียรติ” ณ ห้องประชุมไทรทอง ภ.จว.นครราชสีมา ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา

วันนี้(วันจันทร์ ที่ 6 ม.ค.68) เวลา 13.00 น.พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ผบ.ตร.พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์รอง ผบ.ตร.(สส)มอบหมายให้พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ผู้ช่วย ผบ.ตร.(สส 1)พร้อมด้วยพล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีนผบช.ภ.3พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์รอง ผบช.ภ.3พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณผบก.ภ.จว.นครราชสีมาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมฃ

    ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับซึ่งก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ เป็นที่สนใจแก่ประชาชนและสื่อมวลชน ที่เกิดในพื้นที่ สภ.ปากช่อง ซึ่งผู้เสียหายได้ไปร้องเรียนกับเพจ “สายไหมต้องรอด” คือ นายสมคิด ทับเปีย อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสีคิ้ว ที่ 1/2568 ลงวันที่ 6 มกราคม 2568 โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดคิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น”

    ทั้งนี้ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายให้ทำงานโดยยึดหลักกฎหมายและรอบคอบตามหลักยุทธวิธีตำรวจที่ได้ฝึกทบทวนมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่ครอบครัวพี่น้องข้าราชการตำรวจ ตามที่ ผบ.ตร. ได้ฝากข้อห่วงใยซึ่งการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดหลักการทำงานแบบ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชน

    ในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ฝากถึงผู้เสียหายว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย โดยจะรวบรวมพยานหลักฐาน สอบสวนอย่างตรงไปตรงมาปราศจากข้อสงสัยจากทุกฝ่าย ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป

    ณ ศปก. ภ.จว.นครราชสีมา ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา

    สื่อรัฐทีวี – สื่อรัฐนิวส์ / นักกีฬานับพันร่วมวิ่งเทรลครั้งแรกของหัวหิน “The Legendary Trail Series HUAHIN50”

    การแข่งขันวิ่งเทรลครั้งแรกของหัวหิน “The Legendary Trail Series HUAHIN50” ในปี 2024 ได้ปิดฉากลงอย่างน่าประทับใจ โดยสร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงานและตอกย้ำให้สนามนี้เป็นหนึ่งในสนามเทรลที่โดดเด่นในปฏิทินงานวิ่งเทรลของประเทศไทย โดยมีนักวิ่งจากทั่วประเทศได้เดินทางมาที่หัวหินเพื่อร่วมแข่งขันในระยะทาง 3 กิโลเมตร, 11 กิโลเมตร, 25 กิโลเมตร และ 50 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นความสำเร็จอันน่าตื่นเต้นของการเปิดตัวการแข่งขันเป็นครั้งแรกของสนามนี้ผู้เข้าร่วมงานต่างชื่นชมในด้านการจัดการที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะมาตรการดูแลเรื่องความปลอดภัย เส้นทางที่มีเครื่องหมายและป้ายบอกทางชัดเจน จุดบริการน้ำและอาหารที่มากมาย อาสาสมัครและทีมงานที่ดูแลและให้กำลังใจตลอดเส้นทางและทุกจุดเช็คพอยท์

    The Legendary Trail Series 2024 HUAHIN50 ได้ต้อนรับนักวิ่งราว 1,000 คน ร่วมผจญภัยบนเส้นทางธรรมชาติอันงดงามรอบเมืองหัวหิน โดยไฮไลท์ของงานได้แก่ทิวทัศน์อันตระการตาบน 3 ภูเขา รอบเมือง ได้แก่ เขาหินเหล็กไฟ, เขาหินเทิน และเขาใหญ่ (เขาบันยัน) เริ่มต้นด้วยการวิ่ง Family Fun Run ระยะ 3 กิโลเมตร ที่สวนสาธารณะบ้านทับใต้ งานนี้มีนักวิ่งทุกเพศทุกวัยมาร่วมสนุกสนาน ก่อนเข้าสู่การแข่งขันหลักเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ มิตรภาพ และการผจญภัย โดยกิจกรรมตอบโจทย์ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่รักการเดินป่าชมธรรมชาติ หรือผู้เข้าแข่งขันวิ่งระยะไกลระดับมืออาชีพ

    นักวิ่งต่างชื่นชมเส้นทางที่สวยงาม โดยหลายได้เปิดประสบการณ์ใหม่ในการเดินป่าและวิ่งเทรลที่หัวหิน งานนี้ยังช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงให้หัวหินเป็นมากกว่าแค่เมืองท่องเที่ยวชายหาดและทะเล แต่ยังเป็นจุดหมายของคนรักกิจกรรมกลางแจ้งและเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเชิงกีฬา “นี่เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกคนที่ได้มาร่วมวิ่งในสนามนี้ และเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอเส้นทางเทรลอันน่าทึ่งในหัวหินให้กับนักวิ่งได้รู้จัก เรารอคอยที่จะได้ต้อนรับนักวิ่งเทรลจากทั่วประเทศและทั่วโลกอีกครั้งในปีหน้า” เซิร์จ เฮนเก็นส์ ผู้จัดการแข่งขันกล่าว

    สำหรับผลการแข่งขัน อันดับ 1 ระยะทาง 11 กม. มิสเตอร์ อเล็กซานเดอร์ เมลนิก / อันดับ 1 ระยะทาง 25 กม. มิสเตอร์ ดุยาคาร์ บาฮาร์ ดูว์ / อันดับ 1 ระยะทาง 50 กม. นายสัญญา คานชัย งานวิ่งเทรล สนามหัวหิน 50 ครั้งนี้ได้ตั้งมาตรฐานใหม่สำหรับงานวิ่งเทรลในประเทศไทย และเราเริ่มวางแผนสำหรับการแข่งขันปี 2025 ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม อย่าลืมติดตามข่าวสารเพิ่มเติม แล้วพบกันบนเส้นทางวิ่งในปีหน้า! ได้ที่ Facebook Page: https://www.facebook.com/TheLegendaryTrailSeries/ 

    โจ๋17 ห้าวฟันแขนอดีตพ่อเลี้ยงขาดแม่เผยด่าพ่อบังเกิดเกล้า

    5 ม.ค.68 คลิปเหตุการณ์จากกล้องวีดีโอมือถือในร้านขายของชำแห่งหนึ่ง บันทึกเหตุการณ์ขณะชายวัยกลางคนจำนวนสองคนกำลังมีปากเสียกับคู่กรณีอยู่บริเวณด้านหน้าร้านแห่งหนึ่ง ก่อนที่อีกคนจะถูกคู่กรณีฟันเข้าอย่างจังไปที่ต้นแขนซ้ายจนขาดกระเด็นตกลงอยู่บนพื้นกลางถนน โดยในคลิปจะมีเสียงโวยวายตะโกนว่า”มึงว่าพ่อกูเรื่องไร” จากนั้นชายวัยกลางคนที่ถูกคู่กรณีฟันจนแขนขาดก็เดินวนไปมาก่อนจะล้มตัวนั่งลงบริเวณหน้าร้านชำ เหตุเกิดบริเวณริมถนนเทศบาลเมือง ถ.ประจวบศิริ อเมือง จ.ประจวบฯ

    จากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถามเจ้าของร้านขายของชำกรณีตามคลิปหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่เกิดเหตุ โดยบริเวณฝั่งตรงข้ามจุดเกิดเหตุเป็นตึกสองชั้น ภายในเปิดเป็นร้านอาหารชื่อร้าน”หนุงหนิง จิ้มจุ่ม” ขณะที่เจ้าของร้านชำชื่อ คุณป้าเล็กเล่าว่า เหตุการณ์ก่อนหน้าขณะนั้นได้ยินเสียงชายวัยกลางคนทั้งสองราย กำลังนั่งดื่มสุราพูดจาเสียดังอยู่บริเวณร้านฝั่งตรงข้าม จากนั้นตนเดินเข้าไปหลังบ้านก็ได้ยินเสียงร้องโวยวายคล้ายเสียงทะเลาะวิวาทกัน กลับออกมาอีกทีก็เห็นเหตุการณ์ขณะลูกชายเจ้าของร้านกำลังใช้มืดไร่ฟัน ส่วนคนที่ถูกฟันตนไม่ทราบชื่อ หลังจากนั้นชายวัยกลางคนที่ถูกฟันก็เดินโซซัดโซเซมาล้มลงอยู่บริเวณภายในร้านของตน มีรอยถูกฟันต้นแขนข้างซ้ายขาดหายเลือดนองเต็มพื้น ตนตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูก พอตั้งสติได้จึงโทรเรียกรถพยาบาลก่อนจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

     ด้านคุณหนิง อายุ 47 ปี เจ้าของร้าน”หนุงหนิง จิ้มจุ่ม”เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ผู้ก่อเหตุใช้มีดตัดสับปะรดฟันแขนขาดเป็นลูกชายตนเองชื่อน้องต๊ะ อายุ 18 ปี ส่วนคนที่ถูกฟันจนแขนขาดกระเด็นเป็นอดีตสามีเก่าที่เลิกกันไปนานแล้ว โดยคุณหนิงเล่าต่อไปว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณสองโมงเช้า อดีตสามีเก่าที่เลิกกันไปนานแล้ว มานั่งดื่มสุราอยู่บริเวณโต๊ะด้านหน้าร้านกับเพื่อนรวมสองคน ขณะนั้นตนกำลังจะออกไปจ่ายตลาด เมื่อเห็นตนเขาจึงขอเข้าไปนั่งโต๊ะดื่มต่อภายในร้าน ระหว่างนั้นตนยังไม่เปิดให้บริการ แต่เห็นว่าเป็นลูกค้าเคยมานั่งดื่ม จึงอนุญาตให้เข้าไปนั่งดื่มต่อภานในร้าน หลังจากนั้นเมื่อตนกลับมาก็เห็นลูกชายมีเรื่อง

    โดยตนก็ยังไม่ทราบว่าเกิดเหตุอะไร จากนั้นลูกชายเดินมาหาแล้วบอกกับตนว่า”แม่ผมขอโทษ”ก่อนจะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังว่า ระหว่างที่เขานั่งดื่มสุรากันอยู่พูดคุยเสียงดังมาก ขณะนั้นต๊ะ(ลูกชาย)นอนอยู่บนชั้นสอง มาบอกให้ใช้เสียงเบ่าๆหน่อย แต่เขากลับด่าทอยั่วยุว่าร้ายเสียหายแก่บิดาของต๊ะ ก่อนจะมีปากเสียงท้าทายระหว่างกัน เป็นเหตุให้น้องต๊ะสุดทนบันดาลโทสะคว้าเอามีดตัดสับปะรด ฟันไปที่แขนจนขาดกระเด็นตกลงพื้นกลางถนน  หลังทราบเหตุการณ์ตนจึงพาลูกชายซ้อนมอเตอร์ไซด์พร้อมอาวุธที่ใช้ก่อเหตุเข้ามอบตัวที่ สภ.เมืองโดยเล่าเหตุการณ์ให้ร้อยเวรทราบก่อนจะควบคุมตัวเพื่อสอบปากคำต่อ

    นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 0909944781

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กองทัพอากาศ จัดพิธีทำบุญตักบาตรวันขึ้นปีใหม่ ประจำปี 2568

    วันนี้ (วันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2568) พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ คุณมนทิรา พัฒนกุล นายกสมาคมแม่บ้านทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีพิธีทำบุญตักบาตรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ ประจำปี 2568

    ณ ลานอเนกประสงค์ สโมสรทหารอากาศชั้นประทวน เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลในปี 2568 โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ สมาคมแม่บ้านทหารอากาศ ข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานราชการ นักเรียนทหาร และครอบครัว เข้าร่วมพิธี

    ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้กล่าวแสดงความขอบคุณต่อกำลังพล พร้อมทั้งอวยพรปีใหม่ โดยเน้นถึงความสามัคคีและความเสียสละของบุคลากรทุกระดับในกองทัพอากาศ ที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของภารกิจต่าง ๆ ความว่า “ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ได้

    พร้อมใจกันมาร่วมทำบุญตักบาตรในวันนี้ และอำนวยพรให้ผมและครอบครัว ผมรู้สึกอบอุ่นใจและขอขอบคุณในน้ำใจไมตรีที่ทุกท่านมอบให้ พร้อมทั้งขอฝากความระลึกถึงและความปรารถนาดีไปยังพี่น้องข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานราชการ นักเรียนทหาร และทหารกองประจำการที่ไม่ได้อยู่

    ณ ที่นี้ด้วย ขอให้ทุกท่านทราบว่า ผู้บังคับบัญชามีความห่วงใย และพร้อมดูแลช่วยเหลือด้านสวัสดิการ เพื่อให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ผมยืนยันเจตนารมณ์ที่จะอุทิศตนปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับทุกท่านด้วยความเสียสละ ซื่อสัตย์สุจริต และนำพาความเจริญก้าวหน้ามาสู่กองทัพอากาศและประเทศชาติสืบไป”

    พร้อมกันนี้ ได้มีพิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 45 รูป จากวัดชูจิตธรรมาราม และพิธีเจริญพระพุทธมนต์จากพระสงฆ์ จำนวน 9 รูป จากวัดดอนเมือง (พระอารามหลวง) เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ด้วยความสุข ความสงบ และความเป็นสิริมงคล รวมทั้งเพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามของประชาชนชาวไทย

    กองทัพอากาศ

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / คนไทย 151 คน เมียนมาจับกุม ตั้งแต่ 2567 ตามมาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบ่อนพนันออนไลน์ของ เมียนมา ได้รับการปล่อยตัว กลับไทยแล้ว

    วันที่ 4 มกราคม 2568 ที่ด่านถาวร สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 อ.แม่สาย จ.เชียงราย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางด้านเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

    เพื่อเตรียมการรับการปล่อยตัวคนไทยจากทางการเมียนมาจำนวน 151 คน แยกเป็นชาย 74 คน และหญิง 77 คน ซึ่งได้รับการอภัยโทษเนื่องในวันชาติเมียนมา 4 มกราคม ของทุกปี โดยคนไทยทั้ง 151 คนที่ถูกส่งตัวกลับมา เป็นคนที่ถูกเจ้าหน้าที่เมียนมาจับกุมใน จ.ท่าขี้เหล็ก เมื่อช่วงต้นปี 2567

    ตามมาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบ่อนพนันออนไลน์ของทางการเมียนมา ซึ่งครั้งนั้นถูกจับกุมจำนวน 154 คน โดยมีผู้ที่เป็นเยาวชนได้รับการปล่อยตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว ที่เหลือถูกดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองและบ่อนการพนันผิดกฎหมาย

    ศาลเมียนมาตัดสินให้ต้องโทษจำคุกประมาณ 1 ปี ที่ผ่านมาทางการไทยได้ประสานงานเพื่อขอให้ปล่อยตัวคนไทยมาโดยตลอด และเนื่องในวันชาติเมียนมาทางการเมียนมาจึงได้ปล่อยตัวและส่งกลับมายังประเทศไทย และเมื่อเวลา ประมาณ 18.30 น. คนไทยทั้ง 151 คน

    จึงได้เดินทางมาถึง ด่านถาวร สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยนายราชัน มีน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะบุคคล, คัดกรองโรค, ประเมินสภาพจิตใจ

    จากนั้นเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย สอบปากคำเบื้องต้นว่ามีความเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์หรือแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หรือไม่ หากพบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องเจ้าหน้าที่จะส่งตัวให้กับญาติ

    ที่มารอรับเพื่อกลับไปใช้ชีวิตในภูมิลำเนาของแต่ละคนต่อไป ส่วนผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์หรือแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ เจ้าหน้าที่ก็จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป

    พงศกร ตันสุวรรณ ภาพ/ข่าว

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /โรงละครอัลคาซ่าร์ พัทยา จัดทำบุญตักบาตรพระ 8 รูป รับปีงูทอง 68 พร้อมเป่าเค้กครบ 81 ปี วันคล้ายวันเกิด “ป๋าสมพันธ์ เพ็ชรตระกูล”/เจ้าอาวาสวัดเขาบางทราย มรณภาพ ชาวชลบุรีร่วมไว้อาลัย

    วันที่ 5 ม.ค.67 ที่บริเวณลานจอดรถโรงละครอัลคาซ่าร์ พัทยา จ.ชลบุรี คาบาเร่ต์โชว์ชื่อดังระดับตำนาน ได้จัดทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งเนื่องในวันปีใหม่ 2568 ให้กลุ่มพนักงาน เจ้าหน้าที่ และผู้บริหารได้ร่วมทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลรับปีใหม่ 2568 โดยมีพระเถรานุเถระจำนวน 8 รูป จากวัดโพธิสัมพันธ์ ร่วมเดินบิณฑบาต

    ในงานได้เปิดให้ผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมแสดงความยินดีเนื่องในวันคล้ายวันเกิดวันคล้ายวันเกิดนายสมพันธ์ เพ็ชรตระกูล หรือ “ป๋าสัมพันธ์” ผู้บริหารโรงละครอัลคาซ่าร์ พัทยา ที่มีอายุครบ 81 ปีบริบูรณ์ในปีนี้ ด้วยบรรยากาศที่เป็นไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเอง

    พบว่าในงาน มีแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากเข้าร่วม อาทิ คณะผู้บริหารเมืองพัทยา คณะสมาชิกสภาเมืองพัทยา กลุ่มการเมือง กลุ่มนักธุรกิจ และตัวแทนห้างร้านและองค์กรต่างๆ ร่วทมอบกระเช้าอวยพร ก่อนทีการถ่ายภาพที่ระลึกตามลำดับ

    อนึ่ง นายสมพันธ์ เพ็ชรตระกูล หรือ “ป๋าสมพันธ์” ผู้บริหาร “โรงละครอัลคาซ่าร์พัทยา” คาบาเร่ต์โชว์ชื่อดังระดับตำนานที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลก เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจการท่องเที่ยวด้วยการแสดงของสาวประเภทสองให้มีพื้นที่ของตัวเองได้แสดงความสามารถและได้ทำมาหากินจนกลายเป็นบริบทสำคัญในอีกหนึ่งธุรกิจที่ช่วยสร้างชื่อเสียงให้เมืองพัทยาเติบโตมาจนปัจจุบัน

    ท่าเทียบเรือพัทยาคึกคักส่งท้ายเทศกาลปีใหม่

    วันที่ 5 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงส่งท้ายเทศกาลปีใหม่ของเมืองพัทยา พบว่าที่ท่าเทียบเรือท่องเที่ยวแหลมบาลีฮาย บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปพักผ่อนยังเกาะล้านทยอยเดินทางกลับกันอย่างต่อเนื่อง

    สอบถามเจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา เล่าว่า ช่วง 2-3 วันมามีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางข้ามฝั่งไปพักผ่อนที่เกาะล้านกันอย่างคึกคักแต่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นชาวรัสเซียและชาวไทยผสมกันมากกว่าชาติอื่นๆ

    ด้าน นักท่องเที่ยวรายหนึ่ง เล่าบรรยากาศว่า บนเกาะล้านคึกคักเป็นอย่างมากและสภาพแวดล้อมของเกาะล้านยังคงงดงาม ทั้งนี้ยังพบด้วยว่าบนเกาะล้านมีโครงการพัฒนาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าในอนาคตเกาะล้านจะเพรียบพร้อมด้านการท่องเที่ยวขึ้นเป็นอย่างมาก

    เจ้าอาวาสวัดเขาบางทรายมรณภาพ ชาวชลบุรีร่วมไว้อาลัยในโซเซียลกันอย่างมากมาย

    เมื่อวันที่ 4 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระเทพสุทธาจารย์ (อนันต์ กลฺยาณวฑฺฒโน) เจ้าอาวาสวัดเขาบางทราย พระอารามหลวง อ.เมือง จ.ชลบุรี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดชลบุรี (ธ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 12-13 (ธ) ได้มรณภาพช่วงเวลา 04.00 น.วันที่ 4 มกราคม ด้วยอาการสงบ สิริอายุ 89 ปี 9 เดือน พรรษาที่ 62

    จากการสอบถามผู้ใกล้ชิดได้ความว่า ช่วงเช้าได้มีคนเอาภัตตาหารไปถวายที่กุฏิ และเรียกให้เปิดประตู แต่ไม่มีเสียงตอบรับภายในกุฏิ จึงได้เปิดเข้าไปพบว่า พระเทพสุทธาจารย์ได้มรณภาพไปแล้ว คาดว่าเป็นช่วงเวลาประมาณ 04.00 น.พระเทพสุทธาจารย์ ประชาชนในพื้นที่ จ.ชลบุรี ได้ให้ความเคารพนับถือกันอย่างมากมาย การมรณภาพในครั้งนี้ กระแสโซเชียลได้โพสต์ไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก..

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯเชียงราย ปิดการแข่งขันจักรยานปั้นขึ้นดอย กอย 4 มุมเมืองล้านนาตะวันออกเชียงราย-พะเยา-แพร่-น่าน มอบรางวัลใหญ่ หน้าด่านพรมแดน อ.แม่สาย

    บ่ายวันที่ 30ธันวาคม67ก่อนสิ้นปีเก่าต้อนรับปีใหม่นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลและทำการปิดสนามการแข่งขัน Tour of Lana 2024 ที่หน้าด่านพรมแดนอำเภอแม่สาย โดยมีนายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย

    นายชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีแม่สาย พร้อมด้วยตัวแทนนายอำเภอแม่สาย หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ได้ทำการมอบรางวัลทุกประเภท ทุกรายการแข่งขัน อันมีมูลค่ากว่า 1,147,000 บาท

    โดยมีนักกีฬาทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้าร่วมแข่งขันเป็นการแข่งขัน ท่องเที่ยวเชิงกีฬา Sport TOurism เพื่อส่งเสริมให้กับเด็กและเยาวชน และผู้เข้าร่วมหลายรุ่น ทั้งสุภาพสตรีและบุรุษ เข้าแข่งขัน8สนามภาคเหนือ ที่ผ่านมาและเป็นการสิ้นสุดการแข่งขันที่ได้ประโยชน์สูงสุด หลังจากเปิดมหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ

    ซึ่งบรรยากาศแข่งขันครั้งนี้เป็นสร้างสีสันการท่องเที่ยวอำเภอแม่สายกลับมาคึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวแอ่วเหนือ แอ่วหนาวชายแดนแม่สายโดยผู้เข้าการแข่งขันได้ถ่ายรูปกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียง และการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย

    และการท่องเที่ยวและกีฬาผู้ร่วมจัดเป็นที่ระลึกเป็นภาพประวัติศาสตร์ชายแดนแม่สายอีกด้วย
    พิชานันท์ วรรมณี ผู้สื่อข่าวเชียงรายรายงาน

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / นายกูวาเอล ยาวอหะซัน ได้นายกสมาคมกีฬาทางน้ำฯ คนใหม่ วาระระหว่างปี 2568-2572

    ด้านนายกูวาเอล ยาวอหะซัน กล่าวว่าทั้งนี้นโยบายหลักๆที่จะมาทำโดยจะสานต่อนโยบายของ”นายกอาร์ม”ในเรื่องของสนามกีฬาจังหวัดนราธิวาสที่ยังสร้างไม่เสร็จ เราก็จะมาผลักดันในส่วนนี้ ซึ่งเห็นว่างบประมาณได้ลงมาแล้ว ซึ่งคาดว่าปลายปีนี้จะดำเนินการให้แล้วเสร็จ และในส่วนของการพัฒนาทางด้านกีฬาในจังหวัดนราธิวาสนั้น เราจะมีการสนับสนุนทุกประเภทกีฬา แต่เราจะมีการเน้นในเรื่องของฟุตบอลปัญจมวย ซึ่งจะให้เป็นกีฬาทำเหรียญให้ได้มากที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราจะไม่ลืมกีฬาที่เพิ่งเริ่มต้น

    โดยจะผลักดันและส่งเสริม รวมถึงกีฬาคนพิการด้วย รวมถึงสนับสนุนเยาวชน ซึ่งในจังหวัดนราธิวาสของเราในส่วนของนักกีฬามีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตนักกีฬา แต่ด้วยความที่ว่าทางเราไม่มีงบประมาณเพียงพอ ทำให้จังหวัดอื่นซื้อตัวนักกีฬาเพื่อไปเล่นของจังหวัดนั้น กลายเป็นว่าสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดอื่น แต่ในปีนี้เราจะมีการดึงตัวนักกีฬาจังหวัดนราธิวาส กลับมาสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดนราธิวาสของเรา อย่างไรก็ตามพร้อมที่จะสนับสนุนกีฬาประเภทใหม่ๆ และพร้อมที่จะรับข้อเสนอกีฬาใหม่ๆต่างๆมาเข้าชมรมเพื่อพัฒนากีฬาของจังหวัดนราธิวาสต่อไป

    ขณะที่นายวัชระ ยาวอหะซัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส เขต 1 เผยว่าต้องขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ได้เลือกนายกูวาแอล ยาวอหะซัน ซึ่งตัวผมเองก็อยู่ที่นี่มาหลาย 10 ปีแล้ว โดยเฉพาะกีฬาอาชีพซึ่งเป็นกีฬาฟุตบอล ซึ่งเป็นกีฬาอาชีพที่เป็นเลิศของจังหวัดนราธิวาส ซึ่งเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมานั้น ไม่มีงบประมาณเข้ามายังสมาคม ซึ่งในวันนี้นายกูวาแอล ยาวอหะซัน เองนั้นได้อยู่กับวงการกีฬามาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ซึ่งเขาเองรู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำทีม ไม่ว่าจะเป็นกีฬาอะไรก็แล้วแต่สิ่งสำคัญคือต้องใช้งบประมาณ

    ซึ่งพอมาอยู่ตรงจุดนี้ความได้เปรียบของนายกูวาแอล คือได้มีการพูดคุยปรึกษาหารือกับนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาสก่อนหน้านี้ว่าจะมีการผลักดันงบประมาณขึ้นมา เพราะสมาคมฯต้องใช้งบประมาณเยอะ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่างบประมาณที่สนับสนุนสมาคมมีน้อย โดยเฉพาะตัวผมเองก็เป็น สส.ด้วยแล้ว เราจะพยายามหาเม็ดเงินเข้ามาสนับสนุนมาให้ได้ ซึ่งรับประกันได้ว่าวงการกีฬาจะเป็นนิมิตใหม่ในการพัฒนาสู่กีฬาอาชีพต่อไป
    //////////////
    ข่าว/กรียา/นราธิวาส

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /เปิดสวนองุ่นนิลน่าน-ควีนนิน่าน หวังสร้างเส้นทางท่องเที่ยว และแหล่งเรียนรู้การเกษตรของจังหวัดน่าน

    ปัจจุบันการท่องเที่ยวเชิงเกษตร กำลังเป็นที่ชื่นชอบสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนหย่อนใจ ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่น และได้เรียนรู้วิถีชีวิตของเกษตรกรไทย โดยที่สวนองุ่นฮักฮิมห้วย ที่บ้านก็อดแก้ว ต.นาปัง อ.ภูเพียง จ.น่าน ของ นายวีระศักดิ์ แก้วใส อายุ 39 ปี หลังลาออกจากอาชีพครู แล้วผันตัวเองมาทำการเกษตรตามความฝัน ล้มลุกคลุกคลาน ขาดทุนจากการเลี้ยงหมูด้วยโรคระบาด กว่า 2 ล้านบาท ปรับเปลี่ยนพื้นที่2งาน ปลูกองุ่นหลายสายพันธุ์

    ซึ่งช่วงนี้มีอากาศเย็น ทำให้องุ่นออกพวงสวยงามเต็มสวน และได้เปิดสวนให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเยี่ยมชม เก็บผลองุ่นสดๆ จากต้น ได้เรียนรู้วิธีการปลูกและดูแลองุ่นอย่างถูกวิธี ทำให้ผู้คนที่เห็นต่างมาถ่ายรูป และแชร์ผ่านโซเชียลกันมากมาย อีกทั้งยังมีการเขียนชื่อเบอร์โทรจององุ่นกันไว้อีกด้วย โดยเจ้าของสวนองุ่นตั้งใจจะผลักดันสวนองุ่นแห่งนี้ เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรของจังหวัดน่านอีกจุดหนึ่ง

    นายวีระศักดิ์ แก้วใส เจ้าของสวนองุ่นฮักฮิมห้วย เล่าว่า หลังลาออกจากงานประจำ มาทำการเกษตร ก็ขาดทุนมาค่อนข้างมาก แต่ด้วยความรักในธรรมชาติและความชื่นชอบในรสชาติขององุ่น ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกองุ่นอย่างจริงจัง และลงมือพัฒนาพื้นที่สวนรกร้าง ฟาร์มเลี้ยงหมูเก่า ให้กลายเป็นสวนองุ่น แบบปลอดภัยขนาดย่อม โดยทำการศึกษาทดลองพัฒนาสายพันธุ์มานานกว่า 5 ปี จนได้สายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตลูกใหญ่ รสชาติกรอบ หวานอร่อย ถูกใจ จึงตัดสินใจขยายปลูกสายพันธุ์นี้ และตั้งชื่อว่า สายพันธุ์นิลน่าน และควีนนิลน่าน

    เพื่ออยากสื่อถึงความเป็นน่าน ปลูกที่จังหวัดน่าน อีกทั้งยังดูแลอย่างพิถีพิถัน ในโรงเรือนปิด ควบคุมคุณภาพน้ำและปุ๋ย ส่งให้ผลผลิตองุ่นมีคุณภาพสูง ประกอบกับปลูกแบบปลอดภัย เว้นการให้ปุ๋ยในช่วงก่อนตัดขาย ทำให้สามารถมั่นใจความปลอดภัยสารเคมี เก็บผลองุ่นสดๆจากต้นทานได้ทันที โดยทางสวนเปิดให้เลือกซื้อได้ในราคาย่อมเยาว์ เพียงกิโลกรัมละ 150 บาท ทั้งนี้เพื่อต้องการให้คนน่าน และนักท่องเที่ยวได้กินองุ่นคุณภาพ อร่อย ปลอดภัย ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีผลองุ่นออกขายให้ได้ชิม

    จนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ กว่า 1,500 กก. อย่างไรก็ตามเจ้าของสวนยังเตรียมต่อยอดผลักดันสวนองุ่นแห่งนี้ สู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน รวมทั้งเตรียมปรับปรุงพื้นที่เพิ่ม เพื่อเปิดพื้นที่ให้คนในชุมชน นำพืชผักทางเกษตร สินค้าชุมชนมาวางขาย เพื่อสร้างรายได้ และเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ด้านการเกษตรซึ่งกันอีกด้วย

    ทั้งนี้นักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าชม ชิม สวนองุ่นฮักฮิมห้วย หรือผู้สนใจทำเกษตรกรรมยุคใหม่ ที่ผสมผสานองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี การตลาด และการท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน สามารถไปได้ที่สวนองุ่นฮักฮิมห้วย (หลัง อบต.นาปัง) ที่บ้านก้อดแก้ว ต.นาปัง อ.ภูเพียง จ.น่าน หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่ 084-950-9780 และ เฟสบุ๊ก สวนองุ่นฮักฮิมห้วยน่าน/ภาพข่าว/รพีพรรณ เพชรเจริญ/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ต้อนรับผู้ว่าฯ จ.ประจวบฯ คนใหม่ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน และ สวัสดีปีใหม่ 2568

    เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2567 โดยหนึ่งในนั้น มี นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ ตามที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่งและแต่งตั้งดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 33 ราย

    เมื่อวันที่ 2 ม.ค.68 ที่หน้าอาคารศาลากลางจังหวัดประจวบฯ นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ นายสินาทร โอ่เอี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ นายปรีดา สุขใจ ปลัดจังหวัดฯ นางสาวจีรประภา สาระประจวบ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดฯ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ร่วมแสดงความยินดีมอบพวงมาลัยดอกมะลิและสวัสดีปีใหม่แก่ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน

    ในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ คนที่ 56 และถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึกด้วยบรรยากาศเป็นกันเองและอบอุ่น พร้อมกันนี้ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ ได้กล่าวขอบคุณรองผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ให้การต้อนรับตั้งแต่มาดำรงตำแหน่งที่นี่ โดยที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือในการปฏิบัติงานและดำเนินกิจกรรมต่างๆ จนสำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดี

    ซึ่งตนรู้สึกปลาบปลื้มและดีใจที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของชาวประจวบฯ ในการมาร่วมพัฒนาให้จังหวัดเจริญรุ่งเรือง ด้วยความตั้งใจที่จะทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีสำหรับทุกคน ให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และมีความก้าวหน้าในทุกๆ ด้าน จากนี้ตนพร้อมจะปฏิบัติหน้าที่ดูแลทุกข์สุขให้ประชาชนชาวประจวบฯ ต่อไป.
    นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ท่ารถโดยสารพัทยาคึกคัก ประชาชน-นทท.ทยอยเดินทางกลับหลังปีใหม่ / หนุ่มหัวใสดัดแปลงรถตุ๊กๆ หน้ากบ เป็นรถขายกาแฟ

    หลังจากผ่านพ้นเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 มาแล้ว ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาของตนเองในต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลได้ทยอยเดินทางกลับในพื้นที่ที่ตนเองทำงานเพื่อเตรียมตัวในการทำงานของปี 2568 กันอย่างต่อเนื่อง

    วันที่ 3 ม.ค.67 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ติดตามบรรยากาศที่บริเวณท่ารถโดยสารพัทยาเหนือ พบว่า รถบัสขนส่งผู้โดยสารคึกคักทั้งขาเข้าและขาออก มีผู้คนจำนวนมากนำสิ่งของสำภาระจากบ้านเกิดเดินทางกลับเมืองพัทยาเพื่อที่เริ่มทำงาน และบางส่วนเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวพัทยาแล้วเดินทางกลับ

    อย่างไรก็ตาม นอกจากสถานีรถบัสโดยสารที่มีความคึกคักแล้ว สภาพการจราจรขาเข้าเมืองพัทยาก็หนาแน่นไปด้วยยวดยานพาหนะจำนวนมากทยอยเข้าพื้นที่ ทั้งในส่วนผู้ที่เดินทางกลับมาเพื่อทำงาน และผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์นี้

    หนุ่มหัวใสดัดแปลงรถตุ๊กๆ หน้ากบ เป็นรถขายกาแฟสดริมหาดจอมเทียน สร้างรายได้ประทังชีวิต

    ขณะที่ผู้สื่อข่าวผ่านไปยังถนนเลียบชายหาดจอมเทียนไปจนถึงเกือบสุดหาด ได้พบกับรถตุ๊กๆ หน้ากบ หรือรถสามล้อเครื่องหน้ากบ สีเหลืองสะดุดตา จอดเป็นร้านจำหน่ายกาแฟสดริมชายหาดจึงได้พูดคุยสอบถามข้อมูลกับทางเจ้าของร้าน

    ทราบชื่อต่อมาคือนายจักรพงศ์ คำล่า อายุ 35 ปี พ่อค้ากาแฟหัวใส ที่ได้นำรถตุ๊กๆ หน้ากบ มาดัดแปลงเป็นรถบรรทุกขนาดเล็กเพื่อจำหน่ายเครื่องดื่มให้บริการริมชายหาดจอมเทียน โดยมีบริการเก้าอี้นั่งให้ลูกค้าที่ต้องการรับชมบรรยากาศชายทะเล ซึ่งจะเปิดจำหน่ายในช่วงเช้าถึงเที่ยงเท่านั้น

    นายจักรพงศ์ คำล่า เผยว่า ได้ทำรถจำหน่ายกาแฟสดชื่อ “ร้าน Rich เดช กาแฟ” ให้บริการลูกค้าที่ชื่นชอบกาแฟ โดยใช้เมล็ดพันธุ์กาแฟจากดอยเทพเสด็จ จ.เชียงใหม่ ที่มีกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์

    ทั้งนี้ อดีตเคยทำงานเป็นพนักงานเอกชนทั่วไปและได้ออกมาจำหน่ายกาแฟสด โดยเอารถตุ๊กๆ หน้ากบ หรือรถสามล้อเครื่อง หน้ากบ มาจากจังหวัดตรัง มาดัดแปลงเป็นรถกาแฟสดสีสันสดใสเพื่อดึงดูดลูกค้าซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี ทำให้มีรายได้จากตรงนี้

    สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง