สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดใหญ่เทศกาลวันไหว้พระจันทร์ ประจำปี 2568 “แสงจันทร์แห่งศรัทธา เทิดเจ้าแม่กวนอิม” สืบสานประเพณี กระตุันเศรษฐกิจท่องเที่ยว

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันที่ 8 ตุลาคม 2568 เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 6 ตุลาคม 2568 ณ ศาลเจ้าแม่กวนอิมยะลา ได้มีการจัดพิธีเปิดงานประเพณีไหว้พระจันทร์ประจำปี 2568 ภายใต้ชื่องาน “แสงจันทร์แห่งศรัทธา เทิดเจ้าแม่กวนอิม” เพื่อสืบสานวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาวไทยเชื้อสายจีน

และเสริมสร้างความสามัคคีในชุมชน โดยได้รับเกียรติจาก นายสิรภพ ดวงสอดศรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมนำชาวไืทยเชื้อสายจีน ประกอบพิธีไหว้พระจันทร์ เพื่อบูชาเทพเจ้า มีการไหว้พระจันทร์ด้วยขนมเปี๊ยะ สาคู ขนมโก้ ส้ม องุ่น ฯลฯ รวมทั้งได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในศาลเจ้า เพื่อความเป็นสิริมงคล

สำหรับ งานประเพณีไหว้พระจันทร์ ณ ศาลเจ้าแม่กวนอิมยะลา ถือเป็นกิจกรรมสำคัญที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อธำรงรักษาขนบธรรมเนียมที่ดีงาม สร้างขวัญกำลังใจ และนำพาความร่มเย็นเป็นสุขมาสู่พี่น้องประชาชน

สำหรับปีนี้ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 6 ตุลาคม 2568 ณ บริเวณชุมชนหลังโรงเรียนจีน จังหวัดยะลา ตลอดการจัดงานได้รวบรวมกิจกรรมที่น่าสนใจไว้มากมาย โดยมุ่งเน้นทั้งด้านจิตวิญญาณและเศรษฐกิจรวมพลังศรัทธาและกิจกรรมเพื่อชุมชน

กิจกรรมภายในงานเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน ประกอบด้วย พิธีไหว้พระจันทร์ ตามประเพณีที่สืบทอดมายาวนาน การเขียนการ์ดขอพรพระจันทร์ ซึ่งเป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่สร้างความผูกพันในครอบครัว

รวมถึงการจัด กิจกรรมสาธารณกุศล ต่างๆ เพื่อคืนประโยชน์สู่สังคม นอกจากนี้ยังมีการเปิด ถนนคนเดิน “Yala China Town” ซึ่งเต็มไปด้วยการออกร้านจำหน่ายอาหารพื้นถิ่น สินค้า และการแสดงศิลปวัฒนธรรมในพื้นที่ สร้างสีสันและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างคึกคัก

นายสิรภพ ดวงสอดศรี ประธานในพิธี ได้กล่าวถึงความสำคัญของงานว่า ประเพณีไหว้พระจันทร์เป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่ง ความสมบูรณ์ ความสามัคคี และความกตัญญู ซึ่งแฝงไว้ด้วยคุณค่าทางจิตใจและสร้างความผูกพันในครอบครัวและชุมชน การจัดงานครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการสืบสานวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นการ เชื่อมโยงผู้คนในสังคม ให้มีความรัก ความสามัคคี และความศรัทธาร่วมกัน

นายสิรภพฯ ยังเน้นย้ำถึงมิติทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้นจากการจัดงาน โดยระบุว่า งานนี้มีส่วนช่วย สร้างสีสันทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีพื้นที่ในการแสดงออกถึงศิลปวัฒนธรรม รวมถึงการร่วมทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อจังหวัดยะลาในหลายมิติ

การจัดงาน “แสงจันทร์แห่งศรัทธา เทิดเจ้าแม่กวนอิม” ครั้งนี้ สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยความร่วมมืออันเข้มแข็งจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และพี่น้องประชาชน ซึ่ง นายสิรภพฯ ได้กล่าวชื่นชมคณะกรรมการจัดงานศาลเจ้าแม่กวนอิมยะลา และทุกภาคส่วนที่

ได้ร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานให้ สมเกียรติ สมศรัทธา และงดงามสมกับเป็นประเพณีอันทรงคุณค่า ทั้งนี้ การจัดงานไหว้พระจันทร์ที่จังหวัดยะลาในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงพลังแห่งศรัทธาและความสามัคคีในชุมชนได้เป็นอย่างดี และเป็นตัวอย่างของการสืบสานประเพณีที่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไปพร้อมกัน // ตอริก สหสันติวรกุล //

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สานสัมพันธ์สองฝั่งโขง 🇹🇭🤝🇱🇦 ผู้ว่าฯมุกดาหาร นำคณะร่วมงานบุญประเพณีออกพรรษา–ซ่วงเฮือ ณ สะหวันนะเขต สปป.ลาว

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดมุกดาหาร เดินทางไปร่วมงาน บุญประเพณีออกพรรษา–ส่วงเฮือประเพณี ณ นครไกสอนพมวิหาน แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

โดยมี นายบุนโจม อุบนปะเสิด เจ้าแขวงสะหวันนะเขต พร้อมผู้บริหารระดับสูงให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและสานสัมพันธ์ไมตรีระหว่างแขวงสะหวันนะเขตกับจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งมีความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน

ภายในงาน มีการจัดกิจกรรมหลากหลาย ทั้งขบวนแห่บุญออกพรรษา การจัดแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้าน และการออกร้าน จำหน่ายสินค้า “หนึ่งเมือง หนึ่งผลิตภัณฑ์” (ODOP) ของแขวงสะหวันนะเขต ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

นอกจากนี้ ยังมีการจัด การแข่งขันเรือยาวในแม่น้ำโขง เพื่อสืบสานประเพณีส่วงเฮือของชาวลาว สร้างสีสันและความคึกคักให้กับงาน โดยมีทีมเรือจากจังหวัดมุกดาหารเข้าร่วมแข่งขันประชันฝีพายกับทีมเรือแขวงสะหวันนะเขตด้วย

ผู้ว่ามุกดาหาร #เจ้าแขวงสะหวันนะเขต #ออกพรรษาสะหวันนะเขต #ส่วงเฮือสองฝั่งโขง #แข่งเรือยาวแม่น้ำโขง #นะคอนไกสอ

นพมวิหาน #มุกดาหาร #สะหวันนะเขต #สปปลาว #ODOP #สายใยไทยลาว #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้///ภาพ/ข่าว เดวิท โชคชัย มุกดาหาร รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ครอบครัวพาณิชย์พิศาล พร้อมพุทธศาสนิกชนร่วมตักบาตรเทโว ออกพรรษา / สมุทรปราการ ชาวบางพลีแห่ตักบาตรเทโวโรหณะวันออกพรรษา

เมื่อช่วงเช้า วันที่ 8 ตุลาคม 2568 ที่วัดมหาวงษ์ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ บรรยากาศเปี่ยมด้วยศรัทธาและความอบอุ่น เมื่อครอบครัวพาณิชย์พิศาล

พร้อมพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก ร่วมทำบุญตักบาตรเทโว เนื่องในวันออกพรรษา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว โดยมี อาสาสมัครชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา คอยให้บริการและดูแลความเรียบร้อย

ประเพณีตักบาตรเทโว หรือ “เทโวโรหณะ” จัดขึ้นในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 เพื่อรำลึกถึงวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์หลังเทศนา

โปรดพระพุทธมารดา เป็นพิธีที่พุทธศาสนิกชนร่วมกันสืบสานอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงความศรัทธา ความสามัคคี และการร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยอันงดงาม


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ


เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 8 ตุลาคม 2568 ที่ วัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พระวชิรคณาทร (ท่านเจ้าคุณแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง จัดงานทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ เนื่องในวันออกพรรษาประจำปี 2568

สื่อสารขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม โดยมี นางสาววีร์สุดา รุ่งเรือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร พนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะศิษย์ยานุศิษย์ ตลอดจนพุทธศาสนิกชนชาวตำบล บางพลีใหญ่ และพื้นที่ใกล้เคียง

เข้าร่วมภายในงานกันเป็นจำนวนมาก คณะสงฆ์เดินรับบาตร ร่วมกันทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ รับบิณฑบาตข้าวสารอาหารแห้งจากพี่น้องประชาชน ที่มาร่วมในพิธี หลังวันออกพรรษา 1 วัน คือ วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 จะมีประเพณีทำบุญตักบาตร ที่เรียกกันว่า “ตักบาตรเทโว” คำว่า “เทโว” ย่อมาจาก “เทโวโรหณะ” แปลว่า

การเสด็จจากเทวโลก สืบเนื่องจากความเชื่อตามตำนานที่ว่า วันนี้เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธองค์เสด็จลงจากเทวโลก หลังเสด็จกลับจากการโปรดพระพุทธมารดา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
พระวชิรคณาทร (ท่านเจ้าคุณแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง กล่าวว่า

การจัดงานทำบุญตักบาตรเทโวโรหนะ เนื่องในวันออกพรรษา ในครั้งนี้ เพื่ออนุรักษ์ประเพณีอันดีงามและสืบทอดพระพุทธศาสนาที่ชาวไทย ยึดถือปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาเป็นเวลานาน ให้คงอยู่สืบไป


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตร.เชียงราย แถลงข่าวการตรวจยึดยาบ้า 1 แสนเม็ด พร้อมผู้ต้องหา 4 คน หลังทราบว่าเตรียมส่ง ชัยภูมิ กรุงเทพฯ

เวลา 13.30 น.วันที่ 8 ต.ค.68 พล.ต.ต.มานพ เสนากูลผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร รรท.ผกก.สภ.เมืองเชียงราย ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายค้ายาบ้า จำนวน 100,000 เม็ด โดยสามารถจับกลุ่มผู้ต้องหาได้จำนวน 4 คน คือ นายณพล หรือแบงค์ สงวนนาม อายุ 32 ปี ชาว ต.เมืองฝ้าย อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ น.ส.โสรยา หรือโม สงวนนามสกุล อายุ 26 ปี ชาว ต.ทุ่งกระเด็น อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ น.ส.กชพร หรือมุก สงวนนามสกุล อายุ 41 ปี ภูมิลำเนา ต.เขื่องใน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี นายสนธยา หรือเวย์ สงวนนามสกุล อายุ 28 ปี ภูมิลำเนา ต.บ้านคู่ อ.เมือง จ.เชียงราย

โดยการจับกุมครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ รับผิดชอบ สภ.เมืองเชียงราย จึงได้จัดกำลังตั้งจุดตรวจจุดสกัดตามเส้นทาง จนกระทั่งเวลาประมาณ 14.00 น.วันที่ 7 ตุลาคม 2568 ทางเจ้าหน้าที่ได้พบรถต้องสงสัยตามที่ได้รับแจ้ง จึงได้ตั้งจุดสกัด ที่ ถนนเวียงบูรพา ม.5 ต.ท่าสาย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย พบรถต้องสงสัย ผ่านเข้ามา ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เรียกตรวจ พย น.ส.โสรยา เป็นผู้ขับขี่ และนายณพล เป็นผู้โดยสาร แต่จากการตรวจสอบไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายภายในรถ อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติเนื่องจาก ผู้ต้องสงสัยภายใน ได้ตรวจสอบโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลาจึงได้ ขอดูในโทรศัพท์พบว่ามีภาพยาเสพติดอยู่ในโทรศัพท์ จึงได้ทำการควบคุมตัวไว้พร้อมกับทำการสอบสวน และขยายผลจนกระทั่งสามารถ ตรวจค้นและตรวจยึดยาบ้าของการได้ที่ห้องพักในพื้นที่ ม.1 ต.สันทราย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย พร้อมกับจับกุม น.ส.กชพร กับ นายสนธยา ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดได้เช่าไว้ นานกว่า 3 เดือนแล้วโดยผู้ต้องหาได้ให้การว่าของกลางยาบ้าทั้งหมดได้รับมาจากในพื้นที่ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงรายโดยจะแบ่งการนำไปส่งปลายทางที่จังหวัดชัยภูมิและส่วนหนึ่งจะนำส่งเข้าไปที่กรุงเทพฯ โดยในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบแล้วว่าเครือข่ายมีใครร่วมขบวนการบ้างซึ่งจะได้ทำการออกหมายจับและติดตามจับกุมต่อไป

พลตำรวจตรีมานพ เสนากูล กล่าวว่า การจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดในครั้งนี้สืบเนื่องจากประชาชนได้ให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสทางเจ้าหน้าที่จึงสามารถจับกุมเครือข่าย ได้ทั้งหมดซึ่งเราสามารถสืบทราบแล้วว่าผู้อยู่เบื้องหลังมีใครบ้างและปลายทางที่รับมีใครโดยจะได้ ให้เจ้าหน้าที่ทำการติดตามขยายผลและจับกุม ซึ่งหลังจากนี้ ประชาชนทั่วไป หากมีผู้ใดได้รับเบาะแสยาเสพติดสามารถติดต่อ ที่ สถานีตำรวจใกล้บ้านหรือแจ้งมาที่ LINE official ส่วนตัวของผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงรายโดยตรง เพื่อให้ข้อมูล ของ ผู้กระทำผิดเพื่อจะได้จับกุมและเป็นการป้องกันไม่ให้เปิดเผย ตัวของพลเมืองดีที่แจ้งข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่…

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ป๋านนท์ นายอานนท์ รถทอง เจ้าของล้งทุเรียนชุมพร จ้างตบ 10 ที 30,000 บาท โทษฐานแย่งผัวชาวบ้าน จ่ายค่าตบให้ลูกสะใภ้ ลูกชายมีชู้กับเสมียนล้งของตน

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 7 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ สอบถาม นาย อานนท์ รถทอง หรือป๋านนท์ อายุ 65 ปี เจ้าของล้งรับซื้อทุเรียนชื่อ ป๋านนท์&ป้าอร ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชีย 41ฝั่งขาล่องใต้ เลขที่ 111/1 หมู่ 1 ตำบลตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร กรณี เมื่อวันที่ 6 ต.ค.68 จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ อานนท์ รถทอง โพสข้อความระบุว่า หาทีมตบประจำหลังสวนทุกทีม ให้ตบครั้งละ 30,000 ต้องตบ 10 ทีขึ้นไป ค่าตำรวจ ออกให้ แล้วแต่ทีมไหนเจอก่อนตบก่อน จ่าย 30,000 แล้ว ทีมต่อๆไปใครเจอตบได้เลยมารับอีก 30,000 วันเจอกี่ครั้ง ให้ตบทุกครั้งแล้วมารับเงินจากป๋านนท์ โทษฐานแย่งผัวชาว บ้านเค้า ตัวเองก็มีผัวอยู่แล้วยังมาแย่งผัวคนอื่นเค้าอีกหญิง ก็ ชั่วชายก็เลวบัดซบ ขอบพระคุณมากป่านนท์แก่แล้วไปตบ เองไม่ไหว (ตบแล้วถ่ายรูปมาเบิกเงินค่าปรับออกให้) พ่อผัว จ่ายค่าตบให้ลูกสะใภ้ครับแล้วก็ให้ตบได้ทั่วราชอาณาจักร ใครตบ เสร็จถ่ายรูปมาครับตบได้ทุกวัน จนกว่ามันจะเลิก กับลูกชาย (อยากฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกที่ ของอำเภอหลังสวน และตะโก ถ้าเจอรถสี่ประตู ฟอร์ดแร็พเตอร์ ทะเบียน 3456 จันทบุรี สีดำ

อยากให้จับอาวุธ ข้าวหลามมีอยู่สองกระบอก 11.มม กลับ9 มม ครับ มองแล้วลูกชายไม่ปกติเหมือนโดนวางยา ครับ ขอเจ้าหน้าที่คนไหนสภ. ไหนจับได้ผมในฐานะพ่อครับ ขอเลี้ยง กาแฟ 50,000 ครับคิดว่าสงสารคนแก่ๆครับ” พร้อมกับโพสภาพหญิงลูกจ้างกับลูกชายป๋านนท์ เล่าด้วยความอัดอั้นใจอีกว่า ความเป็นมาก่อนโพสเรื่องราวผ่านเฟซบุ๊กว่า “นางอร หรือหญิงที่เป็นชู้กับลูกชาย ของตนนั้น คือเป็นลูกจ้างใน ล้งทุเรียนของตนทำงานในตำแหน่งเสมียน อยู่กินกับหลานชาย เรา เลยเห็นใจว่าได้อยู่กินกับหลายชายก็เลยยกสถานะจากลูกจ้างมาเป็นหลานสะใภ้อยู่กินกันมาเป็นปี จนมารู้แน่ชัดเมื่อเร็วๆนี้ว่าแอบคบชู้เอาลูกชายของตนที่มีถานะเป็นเจ้านายในล้งก็ตกเป็นผัวของนางอีกคน รู้ทั้งรู้ว่าลูกชายมีภรรยาอยู่แล้ว ซึ่งลูกสะใภ้เป็นคนขยันทำงานแต่อยู่ต่างจังหวัด ตนเองทนเห็นผู้หญิงแบบนี้มาทำลายครอบครัว มาทำชั่วกันเรายอมไม่ได้ ให้ครอบครัวพังไม่ได้ หมดเท่าไหร่ก็ยอม จึงโพสข้อความ ใครตบอีอรนี้ได้ให้ครั้งละ 3 หมื่นบาท แต่ต้องตบครั้งละประมาณ 10 ที แค่ตบสั่งสอนเท่านั้น เจอตบจนกว่าจะเลิกกับหลานและลูก เมื่อนั้นจบกัน ถ้าไม่เลิกเจอตบตลอดตบได้ทั่วประเทศ


ความคืบหน้า ป๋านนท์ เล่าด้วยความอัดอั้นใจอีกว่า จากกรณีที่ได้จ้างตบพูดตรงตรงเลยครับทำไมสังคมสอบถามว่าทำไมตบแต่ผู้หญิงทำไมไม่ให้ตบผู้ชาย ใจจริงผมอยากให้ตบทั้งคู่แต่ทีนี้ลูกชายมีข้าวหลามพกอยู่ตลอดเวลาถ้าให้คนอื่นไปตบเหมือนกับให้เค้าไปตายเพราะว่าลูกชายเป็นคนมุทะลุ แต่งานนี้พูดตรงตรงว่าผมเป็นพ่อในฐานะหัวหน้าครอบครัวและผมรักครอบครัว สร้างตัวมาเพื่อ อนาคตของลูกทุกคนทั้งลูกทั้งหลานแต่ในตอนนี้ลูกหลานเดินไปในทางที่ผิดผิดพลาดเราก็รับไม่ได้ปี๊ดแตก โมโหสุดสุดเพราะว่าทำงานมาจนอายุป่านนี้แล้วอายุก็ 65 66 ปี หวังว่าอยากจะวางมือเต็มที่ให้กับลูกชายแต่มันมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกับไฟไหม้บ้านผมถึงอยากจะขอโทษสังคมที่เมื่อวานนี้อารมณ์พาไปในช่วงอารมณ์พาไปเท่าไหร่ผมก็ยอมแต่มาคิดได้มันไม่ดีเพราะเราอายุมากแล้วยังจะไปส่งเสริมความรุนแรงต่อสังคมผมจึงขออยากยกเลิกทุกกรณีที่ว่าจ้างตบ ขอยกเลิกทั่วประเทศเลยทุกกรณีสองคนนี้เค้าก็ออกจากบ้านผมไปแล้วทุกสิ่งทุกอย่างเค้าออกไปแล้วทรัพย์สินที่เขาได้ไปที่เค้าติดตัวไปแค่นั้นส่วนซับมรดกทุกสิ่งทุกอย่างที่ทางผมจะเรียกกลับหมดถ้าเกิดอะไรขึ้นผมไม่รับผิดชอบขอยุตติในการจ้างจบแค่นี้ผมก็เจ็บปวดมากแล้วนายสุวิทย์ พลานชุน ประธานสภาทนายความจังหวัดหลังสวน กล่าว ในกรณีที่บุคคลโพสต์หาคนรับจ้างตบ แต่ในขณะนี้ยังไม่ปรากฏผู้รับจ้างมากระทำความผิดนั้นยังไม่เกิด ผู้โพสต์นั้นยังไม่ไม่มีความผิด ยังไม่ได้ใส่ร้าย ยังไม่ได้ไปว่าให้บุคคลใดเสียหาย เพราะฉะนั้นในกรณีความผิดเกี่ยวกับเรื่องพรบ.คอมพิวเตอร์ก็ยังไม่เกิดถ้าต่อไปนี้คนใดคนหนึ่งรับจ้างตามข้อความ ที่ได้โพสต์แล้วได้กระทำตามที่โพสต์ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับตัวผู้กระทำได้ก็ถือว่าบุคคลนี้ได้กระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายส่วนผู้ที่โพสต์ ถ้าตำรวจนำสืบได้ว่าหรือว่าข้อมูลชัดเจนโยงถึงผู้โพสต์เพราะว่าผู้กระทำได้ไปทำตามที่โพสต์ไว้ก็มีความผิดฐานจ้างวาน ใช้จ้างวาน แต่ต้องให้มีบุคคลใดคนหนึ่งไปกระทำความผิดตามที่เค้าว่าจ้างก่อนแล้วในขณะนี้เค้าไม่ได้ระบุตัวผู้จ้างวานว่าเป็นนาย ก.หรือนาย ข ได้แต่ประกาศหาผู้รับจ้างถ้าใครมารับจ้างไม่ว่าจะเป็นกี่คนแล้วเค้าไปทำความผิดนี้ตามที่เขาว่าว่าจ้างนี้ คนที่โพสต์ก็จะถือว่าเป็นผู้ว่าจ้าง ผู้จ้างวาน

บุคคลใดก็แล้วแต่จะเป็นบุคคลที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม ถ้าเข้าไปทำในลักษณะก็เป็นความผิดฐานเดียวกันคือเป็นผู้กระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายอะไรก็แล้วแต่ที่ความผิดมันเกิดแล้วก็บุคคลที่โพสต์นี้ก็จะเป็นผู้ว่าจ้างทุกเรื่อง คือผู้กระทำความผิดฐานไหนทำร้ายร่างกายพยายามฆ่าหรืออะไรก็แล้วแต่คือบุคคลนี้เป็นผู้ว่าจ้างใช้วาน ในกรณีที่ไปกระทำโดยเจตนาหรือว่าไปทำร้ายร้ายร่างกายถ้าต่อมามีบุคคลเสียชีวิตเหตุใดเหตุหนึ่งก็มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายทำให้บุคคลถึงแก่ความตาย เหตุเกิดโดยประมาททำให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายก็เป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนได้ความก็ตั้งข้อหาไปผู้ใช้ ผู้จ้างวาน ก็มีความผิดฐานจ้างวานในกรณีนั้นในความผิดนั้นตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาเพิ่มเติมกรณีที่ผู้โพสต์ได้กระทำใดๆให้สื่อถึงผู้เสียหายไม่จะใช้ชื่อหรือรูปภาพของผู้เสียหายจะมีความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาอีกด้วย

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ชาวบ้านร้องเรียนนายทุนขุดเขาป่าสงวนขายแถมยังทำให้เกิดฝุ่นหินประชานได้รับความเดือนร้อนหนัก

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 7 ตุลาคม 2568 กรณีประชาชนร้องเรียนนายทุนขุดภูเขาขายไม่เกรงกลัวกฎหมาย แถมยังสร้างมลภาวะเป็นพิษทำให้เกิดฝุ่นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่สนธิกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ

พื้นที่บริเวณถนนสายสามควนบ้านรัตนโกสัย หมู่ที่ 5ตำบลปากตะโก อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร ในเขตป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 พื้นที่ป่าอยู่ในชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคใต้ตามมติ ครม เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2532 ขั้นที่สามอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ

นำโดยนายสมเจตร์ เจริญทรง นายอำเภอทุ่งตะโกพร้อมกับเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า ชพ7 ตะโกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอทุ่งตะโก เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดชุมพร เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลปากตะโก อำเภอทุ่งตะโก

จังหวัดชุมพรเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. ปากตะโก จังหวัดชุมพร เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ตรวจสอบพื้นที่พบป่าเสียหายจำนวนหนึ่งแปลงเนื้อที่ประมาณ 4ไร่ 86 ตารางวา ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าเสียหายสิ่งแวดล้อมได้

ในพื้นที่พบรถแม็คโฮหนึ่งคันยี่ห้อ SUMITOMO สีเหลืองรุ่น ฆ็ 210 F 66 จอด อยู่ในสถานที่เกิดเหตุนายอำเภอทุ่งตะโกจึงได้โทรศัพท์ประสาน หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าในพื้นที่ให้เข้าร่วมตรวจ

สอบพื้นที่ที่มีการขุดตักดินบริเวณ พบที่ที่ถูกร้องเรียนจากนายอำเภอทุ่งตะโก กรณี พบเห็นการขุดตักดินในพื้นที่ถนนสายสามควรหมู่ที่ห้าบ้านรัตนโกสินทร์ตำบลปากตะโกอำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพรนั้น

เจ้าหน้าที่ได้เดินทางเข้าไปถึงยังพิกัดที่แจ้งข้างต้นคณะเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังเพื่อตรวจสอบโดยรอบตรวจพบรถแม็คโฮ จอดอยู่ในพื้นที่และมีร่องรอยการขุดตักดินในพื้นที่ด้วยรถแม็คโฮ

คันดังกล่าวเพราะแม้ว่าขณะตรวจสอบรถแม็คโฮ จะจอดอยู่ไม่ได้ทำการขุดตักดินก็ตามแต่จากร่องรอยการขุดตักดินนั้นเห็นได้ว่าลักษณะของร่องรอยผิวหน้าดินที่ ถูกขุดตักดินนั้นตรงกับฟันของบุ้งกี๋รถแม็คโฮ

ซึ่งแทบจะไม่มีความสงสัยเลยว่ารถแม็คโฮ คันดังกล่าวได้ทำการขุดตักดินมาแล้วและไม่พบบุคคลหนึ่งบุคคลใดอยู่ในที่เกิดเหตุตรวจสอบสภาพพื้นที่โดยรอบเป็นสวนยางพาราพบเพียงร่องรอย การขุดตักดินเป็นลักษณะที่ลาดชันซึ่งพื้นที่เป็นเนินดินค่อนค่อนข้างสูงชัน ไม่มีไม้ใหญ่ที่สามารถใช้เป็นสินค้า

ได้คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสอบถาม นายสมยศ ธารักษ์ สมาชิกสภาเทศบาลปากตะโก ว่าทราบหรือไม่ว่าพื้นที่แปลงนี้เป็นของใครมีเอกสารสิทธิ์ทาง ที่ดินหรือไม่และเป็นการกระทำของผู้ใด นายสมยศ ธารักษ์ สมาชิกสภาเทศบาลปากตะโก ได้ให้ถ้อยคำต่อเจ้าหน้าที่ว่าพื้นที่ที่พบว่ามีการขุดตักดินแปลงนี้เป็นของ นายประจักษ์องอาจ

ซึ่งปัจจุบันได้เสียชีวิตไปแล้ว โดยไม่ทราบว่ามีเอกสารสิทธิ์ทางที่ดินเป็นอะไรและตนก็ไม่ทราบว่าการกระทำนี้เป็นการกระทำของผู้ใดขณะเข้าตรวจสอบมีญาติเจ้าของที่ดินเข้ามา พูดคุยพร้อมยื่นเอกสารใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4)มาเป็นหลักฐานคณะเจ้าหน้าที่

ได้ตรวจสอบเอกสาร นั้นพบว่าไม่ได้มีเอกสารสิทธิ์ที่ดินมายืนยันเห็นตรงกันว่าหากเจ้าของที่ดินมีเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดินให้นำมาแสดงต่อคณะเจ้าหน้าที่เพื่อจะได้ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์แจ้งไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัดชุมพร สาขาสวี เพื่อตรวจสอบรังวัดแนวเขตที่ดินดังกล่าวต่อไป

เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า ชพ7 ตะโก แจ้ง เป็นการกระทำความผิดกฏหมายว่าด้วยการป่าไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 ห้ามมิให้ผู้ใดก่อสร้างแผ้วถางหรือเผาป่าหรือกระทำด้วยประการใดใดอันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

ต่อมาคณะเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้เครื่องมือตรวจวัดค่าพิกัดดาวเทียม GPS ทำการตรวจวัดค่าพิกัดดาวเทียมพื้นที่ที่ถูกบุกรุกหนึ่งแปลงโดยวัดค่าพิกัดได้โดยรอบแปลงพื้นที่เกิดเหตุได้ค่าพิกัดจำนวน 17 จุดซึ่งคำนวณพื้นที่ได้มีเนื้อที่สี่ไร่ 86 ตารางวาได้นำค่าพิกัดดังกล่าวไปถ่ายทอดลงในแผนที่หนึ่งต่อ 5000 ปรากฏว่าเป็นพื้นที่ป่าตามพระราชบัญญัติป่าพุทธศักราช 2484 คณะพนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการจัดทำบันทึกการตรวจยึดจับกุมพร้อมเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องไปแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปากตะโกเพื่อสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผอ.กองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. รุดเยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บ-ผู้ประกอบการ จากเหตุปล้นร้านทองห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส

วันที่ 7 ตุลาคม 2568 นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเยียวยา ศอ.บต. และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือเยียวยาจังหวัด/อำเภอ พื้นที่จังหวัดนราธิวาส ลงพื้นที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เข้าเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 18.30 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน บุกปล้นร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาสุไหงโก-ลก พร้อมอาวุธครบมือ และได้วางวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด อีกทั้งโรยตะปูเรือใบตามเส้นทาง เพื่อสกัดกั้นเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวจำนวน 2 ราย

ในการนี้ นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ได้พูดคุยให้กำลังใจ พร้อมมอบกระเช้าเยี่ยมในนาม เลขาธิการ ศอ.บต. เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย สิบเอก บุริศวร์ ระดาชัย อายุ 27 ปี ได้รับบาดเจ็บ ถูกกระสุนปืนแฉลบบริเวณคอ กระสุนเข้าที่หน้าอกขวา และถูกกระสุนปืนบริเวณขา แพทย์ได้ทำการตกแต่งบาดแผล เจาะปอดระบาย และให้ออกซิเจนทางจมูก ขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว และ

นายจีรศักดิ์ เปาะหนิ อายุ 30 ปี ยังมีอาการตกใจ อ่อนเพลีย รู้สึกตัวดี เนื่องจากถูกคนร้ายจับเป็นตัวประกัน แพทย์ให้การดูแลและประเมินอาการทางสุขภาพจิตทั้งนี้ ศอ.บต. ได้ชี้แจงสิทธิการช่วยเหลือเยียวยา ซึ่งการช่วยเหลือเยียวยาเป็นไปตามเอกสารรับรองแพทย์ระบุระดับความรุนแรงการบาดเจ็บ และจะได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดต่อไป

ต่อมา เวลา 15.00 น. ณ ห้างสรรพสินค้า บิ๊กซีสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเยียวยา ศอ.บต. และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือเยียวยาจังหวัด/อำเภอ ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายด้านทรัพย์สิน พร้อมมอบกระเช้าเยี่ยมในนาม เลขาธิการ ศอ.บต.

เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ประกอบการ จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย นางสาวอรุณ สุทธิสถิตย์ ผู้จัดการร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ประจำภาคใต้ และ นายเฉลิมชัย โยธาทิพย์ ผู้จัดการห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาสุไหงโก-ลก เบื้องต้นมีทรัพย์สินเสียหายประเภทตู้กระจก และประเภททองที่ถูกเอาไป ประมาณ 400 บาท ซึ่งทางร้านกำลังตรวจสอบความเสียหายเพิ่มเติม

ทั้งนี้ นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ได้ชี้แจงให้รับทราบเกี่ยวกับการช่วยเหลือเยียวยา ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการและหลักเกณฑ์ที่กำหนด ในส่วนภาครัฐจะเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินความเสียหายด้านทรัพย์สิน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนระดับอำเภอและจังหวัดต่อไป และหากผู้ประกอบการอื่นที่มีทรัพย์สินเสียหาย ให้รวบรวมหลักฐานและแจ้งต่อศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือเยียวยาอำเภอโดยเร็ว

นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนว่า ในมุมของหน่วยงานภาครัฐ ยืนยันว่า เราดูแลพี่น้องประชาชนรวมถึงผู้ประกอบการอย่างเต็มที่ ฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า แม้จะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม บ้านเมืองต้องเดินหน้าต่อไป วันนี้ห้างสรรพสินค้า ยังคงมีคนมาใช้บริการตามปกติ ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยังมีผลอยู่บ้าง แต่เชื่อว่า ในอีกระยะหนึ่งก็คงกลับมาเป็นปกติ ในส่วนของ ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการจัดกิจกรรมในลักษณะการขับเคลื่อนกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดจะมีการขับเคลื่อนในพื้นที่สุไหงโก-ลก คิดว่าจะฟื้นความเชื่อมั่นกลับมาได้ในเร็ววัน
ตอริก สหสันติวรกุล รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สืบทอดประเพณีวัฒนธรรมส่งเสริมความรัก ความสามัคคี จัดงานมหกรรมวัฒนธรรมของดีท้องถิ่นปัตตานี ครั้งที่ 25 จ.ปัตตานี

จังหวัดปัตตานี อำเภอโคกโพธิ์ สืบทอดประเพณีวัฒนธรรมส่งเสริมความรัก ความสามัคคี จัดงานมหกรรมวัฒนธรรมของดีท้องถิ่นปัตตานี ครั้งที่ 25 วันที่ 7 ตุลาคม 2568 เวลา 16.00 น.

ที่ บริเวณลานอเนกประสงค์ หน้าที่ว่าการอำเภอโคกโพธิ์ นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานเปิดงานมหกรรมวัฒนธรรมของดีท้องถิ่นปัตตานี ครั้งที่ 25 ในงานประเพณีชักพระอำเภอโคกโพธิ์ ครั้งที่ 76

มี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายอำเภอโคกโพธิ์ หัวหน้าส่วนราชการ, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเครือข่ายประชาชนชาวอำเภอโคกโพธิ์ เข้าร่วมในพิธีอย่างคับคั่ง

ในการนี้ อำเภอโคกโพธิ์ ร่วมกับ สถาบันสงฆ์ สภาวัฒนธรรมอำเภอโคกโพธิ์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้กำหนดจัดงานมหกรรมวัฒนธรรมของดีท้องถิ่นปัตตานี ครั้งที่ 25

ประจำปี 2568 และ งานประเพณีชักพระ อำเภอโคกโพธิ์ ครั้งที่ 76 ระหว่างวันที่ 3 -14 ตุลาคม 2568 เพื่ออนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรม ส่งเสริมการท่องเที่ยว พัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการจัดทำเรือพระ และสืบทอดประเพณีวัฒนธรรมอันดีงาม

ด้านการดำรงอยู่ แบบผสมผสานวิถีชีวิต ของพี่น้องประชาชนในอดีตถึงปัจจุบัน รวมทั้งเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาด และประชาสัมพันธ์สินค้าชุมชน และกลุ่มอาชีพต่างๆ ส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพ

สร้างรายได้และพัฒนามูลค่าเพิ่ม ให้แก่ผลิตภัณฑ์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นทั้งยังเป็นกิจกรรมที่แสดงถึงความรัก ความสามัคคีของชุมชนอีกด้วย

นอกจากนี้ ภายในงานมีการเดินขบวนแห่โชว์สินค้าของดีประจำถิ่นของแต่ละตำบล การออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ อำเภอโคกโพธิ์

การประกวดขบวนของดีท้องถิ่น การแสดงจากน้องๆนักเรียนโรงเรียนโพธิ์คีรีราชศึกษา การแสดงประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นของชุมชน

การออกร้านแสดงนิทรรศการ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์โอทอป สินค้าอุปโภคบริโภคจากตำบล ท้องถิ่น อีกด้วย
// ตอริก สหสันติวรกุล ปัตตานี //

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / งานมหกรรมวันออมแห่งชาติ 2568 ระดมเงินออม 3 หมื่นล้านบาท นายกรัฐมนตรีร่วมเปิดงานยิ่งใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2568 นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงาน “มหกรรมวันออมแห่งชาติ ประจำปี 2568” ภายใต้แนวคิด “พลังสหกรณ์ ส่งเสริมความมั่นคงทางการออมให้คนไทย” (The Power of Cooperatives for Thai Financial Security) ตั้งเป้าระดมเงินออมกว่า 30,000 ล้านบาท

งานดังกล่าวจัดโดย ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด (ชสอ.) ร่วมกับจังหวัดมุกดาหาร และเขตพื้นที่สหกรณ์สมาชิกภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมี ดร.มะณู บุญศรีมณีชัย ประธานกรรมการ ชสอ., นายวีระพงษ์ ทองผา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ข้าราชการ และสื่อมวลชน เข้าร่วมในพิธีแถลงข่าว ณ ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร

กิจกรรมหลักจะจัดขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ณ ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร โดยได้รับเกียรติสูงสุดจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน เพื่อรณรงค์ส่งเสริมวัฒนธรรมการออมและตอกย้ำบทบาทของขบวนการสหกรณ์ในฐานะ “เสาหลักแห่งความมั่นคงทางการเงินของประชาชน”

ปัจจุบันขบวนการสหกรณ์ไทยประกอบด้วยกว่า 9,107 สหกรณ์ มีสมาชิกกว่า 11.86 ล้านคน ทั่วประเทศ รวมทุนดำเนินงานในระบบกว่า 4.099 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะสหกรณ์ออมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างวินัยการออมและความมั่นคงทางเศรษฐกิจระดับฐานราก

ดร.มะณู บุญศรีมณีชัย ประธาน ชสอ. กล่าวว่า“พลังการออมของสมาชิกสหกรณ์ทั่วประเทศกว่า 2.8 ล้านล้านบาท คือเครื่องพิสูจน์ของแนวคิด ‘พลังสหกรณ์ ส่งเสริมความมั่นคงทางการออมให้คนไทย’ เงินเหล่านี้ไม่ใช่แค่ตัวเลขในบัญชี แต่คือความมั่นคงของชีวิตสมาชิก คือทุนการศึกษาของลูกหลาน และคือหลักประกันในยามเกษียณ”

ภายในงาน “มหกรรมวันออมแห่งชาติ ประจำปี 2568” จะมีกิจกรรมตลอดทั้งวัน ภาคเช้า: กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ “Mekong Savings Run & Ride 2025” ภาคกลางวัน: สัมมนาวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคค่ำ: งานเลี้ยง “Cooperative Power Night” รวมพลังสหกรณ์ทั่วประเทศ

นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า จังหวัดมุกดาหารรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นเจ้าภาพจัดงานระดับประเทศ และเป็นเกียรติสูงสุดที่จะได้ต้อนรับท่านนายกรัฐมนตรี งานนี้จะเป็นพลังสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดอย่างมหาศาล

นายวีระพงษ์ ทองผา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ยืนยันความพร้อมเต็มที่ในการทำหน้าที่เจ้าบ้าน อบจ.มุกดาหารไม่เพียงเป็นผู้สนับสนุน แต่เป็นผู้ประสานพลังทุกภาคส่วน ทั้งราชการ เอกชน และประชาชน เพื่อให้การจัดงานเป็นไปอย่างราบรื่น สมเกียรติ และปลอดภัย

องค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหารจึงขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศเข้าร่วมงาน มหกรรมวันออมแห่งชาติ 2568 ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ณ ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร เพื่อร่วมกันสร้างวัฒนธรรมการออมให้เข้มแข็งและยั่งยืน

มหกรรมวันออมแห่งชาติ2568​ #มุกดาหารเจ้าภาพ​ #พลังสหกรณ์​ #ThePowerOfCooperatives​ #MukdahanSavingsDay​ #อนุทินชาญวีรกูล​ #ชสอ​ #วันออมแห่งชาติ​ #สร้างวินัยการออม​ #เศรษฐกิจฐานราก​ #ข่าวด่วน​ #ข่าววันนี้​///ภาพ/ข่าว เดวิท โชคชัย มุกดาหาร รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ลักลอบขนแรงงานเถื่อน ไม่ผ่านตำรวจทางหลวงถูกจับที่ชุมพร / ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ตรวจจับตู้ทึบดัดแปลงคนแรงงานต่างด้าว

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 6 ตุลาคม 2568 พ.ต.ท.กล้า สมบัติพิบูลย์ สว.ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.มอบหมายให้ ร.ต.อ.วิมล แก้วชู รอง สว.(ป) ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.นำกำลังตำรวจทางหลวงนำรถตรวจการณ์ออกตรวจสอบในพื้นที่รับผิดชอบบนถนนเพชรเกษม (ทล.4) ขาล่องใต้ เมื่อพื้นที่หมู่ 4 ต.หาดพันไกร อ.เมือง จ.ชุมพร

พบรภกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน 2 ฒย 6004 กรุงเทพฯ ด้านหลังกระบะติดตั้งตู้ทึบมีประตูเปิดด้านหลัง มีท่าทีพิรุธ ขับแซงรถสายตรวจขึ้นมาทางขวา เจ้าหน้าที่จึงขับรถไล่ตามก่อนส่งสัญญาณให้จอดรถเพื่อขอตรวจสอบ แต่รถต้องสงสัยพยายามเร่งเครื่องขับหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงวิทยุขอให้รถสายตรวจคันอื่นช่วยสกัดจับ จนสามารถจับกุมได้ในเวลาต่อมา

เมื่อตรวจสอบภายในรถพบคนขับชื่อ นายณัฐกานต์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี เป็นชาวพิษณุโลก ส่วนภายในตู้ทึบด้านหลังรถ พบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาจำนวน 13 คน ทั้งหมดเป็นเพศชาย และเป็นแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งนายณัฐกานต์ให้การว่า รับแรงงานต่างด้าวทั้งหมดมาจากป่าอ้อยติดภูเขา ต.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี

โดยติดต่อผ่านนายหน้าคนหนึ่ง ได้ค่าจ้างหัวละ 1,500 บาท เพื่อนำไปส่งที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา “ผู้ใดรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติบุคคลต่างด้าว ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้บุคคลต่างด้าวนั้นพ้นการถูกจับกุม”จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงควบคุมนายณัฐกานต์พร้อมแรงงานต่างด้าวทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ตรวจจับตู้ทึบดัดแปลงคนแรงงานต่างด้าว

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 6ตุลาคม2568 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจาก พ.ต.ท.กล้า สมบัติพิบูลย์ สว.ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดออกตรวจสอบพื้นที่ นำโดยร.ต.อ.วิมล แก้วชู รอง สว.(ป.) ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล., ด.ต.ธนพนธ์ เกิดเขาทะลุ, จ.ส.ต.อมรเทพ อินนิมิตร ผบ.หมู่ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.

ถนน ทล.4 (เพชรเกษม)กม.478+800 (ขาล่องใต้) ม.4 ต.หาดพันไกร อ.เมือง จ.ชุมพร

ร่วมกันจับกุม นายณัฐกานต์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี พร้อมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติเมียนมา จำนวน 13 ราย

ในข้อกล่าวหา

  1. ผู้ใดรู้ว่าคนต่างด้าวคนใด เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม (ข้อหาของนายณัฐกานต์)
  2. เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต (ข้อหาของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย)

พร้อมตรวจยึดของกลาง

  1. รถกระบะบรรทุก (ตู้ทึบ) ยี่ห้อ โตโยต้า สีขาวจำนวน 1 คัน
  2. โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ ซัมซุง สีดำ จำนวน 1 เครื่อง

ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุมพร ออกตรวจพื้นที่ภายในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ได้ขับมาตามถนนเพชรเกษม (ทล.4) ช่วงกิโลเมตรที่ 478+800 ขาล่องใต้ พื้นที่หมู่ 4 ตำบลหาดพันไกร อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ระหว่างนั้นพบรถกระบะตู้ทึบสีขาว ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ขับแช่เลนขวาตลอดเส้นทาง และแซงรถเจ้าหน้าที่ไปอย่างมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงขับติดตามและใช้สัญญาณไฟเรียกให้หยุดเพื่อตักเตือน แต่กลับเร่งเครื่องหนีในลักษณะพยายามหลบเลี่ยงการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่จึงขับรถตามประกบจนสามารถสกัดหยุดรถได้

ก่อนเข้าตรวจสอบภายใน พบชายคนขับมีท่าทางมีพิรุธ เมื่อตรวจสอบและสั่งให้เปิดตู้ทึบด้านหลัง ปรากฏว่าพบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมานั่งอัดแน่นอยู่ภายในจำนวน 13 คน เป็นเพศชายทั้งหมด ไม่มีเอกสารแสดงตนหรือใบอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย จุดสังเกตเจ้าหน้าที่พบว่า ภายในตู้ทึบของรถคันดังกล่าว ถูกตัดแปลงสภาพอย่างชัดเจน โดยมีการ ผ่าช่องระบายอากาศที่ผนังตู้ และ ติดตั้งพัดลมขนาดเล็ก เพื่อให้มีอากาศถ่ายเทระหว่างการเดินทาง ซึ่งสันนิษฐานว่าทำขึ้นเพื่ออำพรางใช้ลักลอบขนแรงงานต่างด้าวระยะไกล โดยไม่ให้เกิดอันตรายหรือเป็นที่สังเกตจากภายนอกจากการสอบถามเบื้องต้น

ผู้ขับรถให้การรับสารภาพว่า แรงงานทั้งหมดลักลอบเข้ามาโดยผิดกฎหมาย และตนได้รับจ้างให้ขนจากพื้นที่ชายแดนภาคตะวันตกในจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อไปส่งยังพื้นที่ปลายทางในภาคใต้ โดยรับค่าจ้างเป็นรายหัวเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ขับขี่พร้อมแรงงานต่างด้าวทั้งหมด และรถของกลาง ส่งหน่วยบริการตำรวจทางหลวงท่าแซะ เพื่อดำเนินการตรวจสอบและสอบสวนขยายผล ก่อนส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา“ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือให้ที่พักพิงคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุม” เบื้องต้นอยู่ระหว่างการขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ รวมถึงผู้ที่มีส่วนตัดแปลงรถและเครือข่ายขนแรงงานต่างด้าวรายนี้ต่อไป.
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา​

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง