สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตร.ภาค3 เตรียมพร้อม การจราจรป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 3 กองบังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 3 พลตำรวจโท วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 /ประธานการประชุม พร้อมด้วย พลตำรวจตรี วิวัฒน์ สีลาเขตต์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมหน่วยงาน ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 3 และหน่วยงานภาคีเครือข่ายจำนวน 12 หน่วย ประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา, องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, แขวงทางหลวงนครราชสีมาที่ ๑, ๒ และ ๓, ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๕ นครราชสีมา, สำนักงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา,

สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 3, สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา,ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา, สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา, สมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จว.นครราชสีมา และมูลนิธิกู้ภัยในพื้นที่ จว.นครราชสีมา ได้เข้าร่วมประชุมบูรณาการเตรียมความพร้อมการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 โดยมีผู้แทนหน่วยงานภาคีเครือข่าย ด้านจราจรและความปลอดภัยทางถนนในพื้นที่ทั้ง 8 จังหวัด (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง) และตำรวจภูธรจังหวัดที่มีพื้นที่เส้นทางติดต่อกับตำรวจภูธรภาค 3 ประกอบด้วย

ตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี, สระบุรี, ปราจีนบุรี, สระแก้ว และขอนแก่น เข้าร่วมประชุมเพื่อสรุปมาตรการปฏิบัติแบบบูรณาการในการอำนวยความสะดวกการเดินทางของพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.๒๕๖๘ โดยหน่วยงานภาคี ทุกหน่วยได้รายงานต่อที่ประชุมแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของเจ้าหน้าที่ ยานพาหนะ วัสดุอุปกรณ์ ที่เตรียมไว้ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ
ตำรวจภูธรภาค 3 ได้เตรียมการบริหารจัดการ

โดยขยายช่วงการควบคุมเข้มข้นจากเดิม ๗ วัน เป็น ๑๐ วัน ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567– 5 มกราคม 2568 จะเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนให้ได้มากที่สุด และกำหนดเปิดศูนย์อำนวยความสะดวกการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 ของตำรวจภูธรภาค 3 ระหว่างวันที่ 26 ธันวาคม 2567 – 6 มกราคม 2568 เพื่อกำกับ ดูแล และติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยในสังกัด ในการอำนวยความสะดวกการจราจร ดูแลความปลอดภัย และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ให้กับประชาชนที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 นี้

ตามนโยบายรัฐบาล “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ในทุกพื้นที่ โดยวางแผนตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจรและจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ จำนวน ๓๐๒ จุด เตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว จำนวน 308 ชุด มีเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จำนวน 420 เครื่อง และเครื่องตรวจจับความเร็ว จำนวน 92 เครื่อง ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติ ทั้งสิ้น 4,711 นาย นอกจากนี้ได้ร่วมกับหน่วยงานฝ่ายปกครอง ในการปรับรูปแบบจากจุดบริการประชาชนมาเป็นการตั้งด่านชุมชนแทน โดยบูรณาการกำลังทุกภาคส่วน ได้แก่ เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และประชาชนในพื้นที่

กำหนดแผนการตั้งด่านชุมชนจำนวนทั้งสิ้น จำนวน 4,180 แห่ง เพื่อป้องปรามคนที่ดื่มสุราไม่ให้ขับขี่รถออกจากหมู่บ้าน ชุมชน ไปเกิดอุบัติเหตุหากเกิดอุบัติเหตุทางถนน เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่รถที่เกิดเหตุทุกรายและหากพบว่ามีการดื่มสุราแล้วขับรถ จะดำเนินคดีโดยไม่มีละเว้น ในมาตรการเชิงรุก ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ ออกตรวจและขอความร่วมมือร้านจำหน่ายสุราในชุมชน หมู่บ้าน ทุกแห่ง ให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เช่น ห้ามจำหน่ายสุราในเวลาห้าม, ห้ามไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี, ห้ามไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับบุคคลที่มีอาการมึนเมา จนครองสติไม่ได้ เป็นต้น
โดยกรมทางหลวง ได้เปิดให้บริการใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ M6 ช่วงปากช่อง – สีคิ้ว – ขามทะเลสอ – ถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา (ทล.204) ทั้งขาไปและขากลับ ตลอด 24 ชั่วโมง ระยะทาง 77.493 กิโลเมตร โดยกำหนดจุดเข้า – ออก มอเตอร์เวย์ M6 ดังนี้

จุดที่ 1 ทล.2 กม.65 (ตรงข้ามศูนย์พักพิงสุนัขจรจัดนครชัยบุรินทร์)
จุดที่ 2 ทล.201 กม.5+500 (บ้านหนองรี อ.สีคิ้ว)
จุดที่ 3 ทล.290 กม.14+775 (วงแหวน ทล.290)
จุดที่ 4 ทล.204 กม.3+230 (ทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมา)

กันตินันท์ เรืองประโคน / รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / วิทยาลัยเกษตรนราฯเพิ่มมูลค่าเห็ดนางฟ้าทำเป็นแหนมเห็ด จากต้นทุนราคาหลัก10กลายเป็นหลัก100

สำหรับทางเลือกผู้ที่ชื่นชอบอาหารแนวพืชผักหมัก ที่มีขั้นตอนการทำเหมือนกับแหนมที่ทำจากเนื้อสัตว์ ตามความชื่นชอบของผู้บริโภค ที่ทางวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนราธิวาส มหาวิทยาลัยนราธิวาส นำมาแปรรูปและเชื่อว่ามีรสชาติไม่ต่างกับแหนมที่ทำมาจากเนื้อหมู และวางจำหน่ายในท้องตลาดทั่วประเทศ แต่ด้วยสภาพพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร้อยละ 80 ส่วนใหญ่ประชาชนเป็นชาวมุสลิม จึงได้มีแนวคิดในผลิตแหนมเห็ด

หวังตีตลาดของผู้บริโภคในพื้นที่ภาคใต้ เริ่มด้วยการด้วยหันมาให้นักศึกษาเพาะเห็ดนางฟ้า ซึ่งใช้เวลาเพียง 1 เดือนสามารถเก็บผลผลิตได้ ในช่วงแรกก็ได้เก็บผลผลิตจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไปในราคาเพียง ก.ก.ละ 60 บาท และเมื่อเห็ดนางฟ้ามีผลผลิตมากขึ้น จึงได้ริเริ่มหันมาผลิตแหนมเห็ดนางฟ้าแบบเต็มตัว และจากเห็ดนางฟ้าที่เก็บจำหน่ายได้ เพียง ก.ก.ละ 60 บาท เมื่อนำมาผลิตเป็นแหนมเห็ดนางฟ้า สามารถเพิ่มมูลค่าได้ จาก ก.ก.ละ 60 บาท กลายเป็น 600 บาทเลยที่เดียว

เราได้มีโอกาสให้นักศึกษาของ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนราธิวาส มหาวิทยาลัยนราธิวาส ได้ผลิตแหนมเห็ดให้ชม ซึ่งมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด ที่ทางมหาวิทยาลัยตรียมลงพื้นที่ให้ความรู้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่างๆ ที่สนใจโดยเฉพาะกลุ่มเพาะเห็ดนางฟ้า ที่เชื่อว่าสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างเป็นกอบเป็นกำ

โดยขั้นตอนการทำแหนมเห็ดที่ต้องเตรียมวัตถุดิบมีดังนี้ คือ เห็ดนางฟ้า ข้าวเหนียวสุก กระเทียม เกลือป่นและพริกขี้หนูสวน เมื่อได้วัตถุดิบครบตามต้องการแล้ว เราไปเก็บเห็ดนางฟ้าที่โรงเรือนประมาณ 1 ก.ก. นำมาหั่นฉีกล้างให้สะอาด และบีบน้ำออกจากเห็ดให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำมานึ่งประมาณ 2 นาที

จากนั้นนำส่วนผสมกระเทียม ข้าวเหนียวและเกลือป่นคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วนำเห็ดที่คลุกเคล้ากับส่วนผสมแล้วเสร็จ มาใส่ถุงพลาสติกใสและใส่พริกขี้หนู 1 เม็ด แล้วห่อให้แน่นนำยางวงหรือคนทั่วไปเรียกว่าหนังยางมาผูกที่ปลายถุง เมื่อแล้วเสร็จจะเป็นขั้นตอนการหมักแหนม โดยการทิ้งไว้สัก 2 ถึง 3 วัน แหนมจะมีรสชาติเปรี้ยวและพร้อมรับประทานได้ทันที

ด้าน ผศ.ทวี บุญภิรมย์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนราธิวาส มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนคริทร์ กล่าวว่า เห็ดสามารถที่จะเอามาผลิตเป็นแหนมเห็ด ซึ่งจากเดิมเราขายเห็ดได้เพียงกิโลกรัมละ 60 บาท แต่เมื่อมาเป็นแหนมเห็ด ก็จะสามารถเพิ่มมูลค่าเป็น 600 บาทได้ และตรงนี้สามารถจะเห็ดในการพัฒนาต่อไป เรื่องของบรรจุภัณฑ์ในเรื่องของการยืดอายุการเก็บรักษา อีกอย่างยังสามารถจะเป็นอาหารที่จะนำส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศได้ ซึ่งทางวิทยาลัยฯพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางในการที่จะพัฒนาสิ่งต่างๆเหล่านี้ ควบคู่ไปกับความต้องการของชุมชน

วันนี้สายเห็ดสามารถรับประทานแหนมเห็ดกันได้ หรือ ใครสนใจที่จะเรียนรู้การทำแหนมเห็ดก็สามารถติดต่อได้ที่ ดร.พิพัฒน์ จันทร์ประดิษฐ์ ที่หมายเลขโทรศัพท์ 081 9592614
//////////////////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ทัวร์ ออฟ ล้านนา จับมือจัดงานปั่นเชื่อมโยง 4 จังหวัดเมืองล้านนาตะวันออก ชิงเงินรางวัล 1,147,000 บาท

4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 จับมือจัดงานปั่นเชื่อมโยง 4 จังหวัดเมืองล้านนาตะวันออก ทัวร์ ออฟ ล้านนา ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวม 1,147,000 บาท
างวจิราพร อมาตยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วย นางสาวพรัตน์ ศตะรัตน์ ท่องเที่ จังหวัดนำน นายายวิภช วิเศษสิงห์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ , พร้อมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดแพร่ สื่อมวลชน และ นักปั่นจำนานกว่า 200 คน เข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขัน Tour of Lanna 2024 Stage 3 ณ จังหวัด น่าน

เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 อย่างคึกคัก งวจิราพร อมาตยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อ พี่ ท่องเที่ยวเชิงกีฬาในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 และ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ผ่าน กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เพื่อให้กิจกรรมนี้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ที่ได้รับผลกระพบจากมหา อุทกภัย ใน 4 จังหวัด ได้แก่ จ.พะเยา จ.แพร่ จ.น่าน จ.เชียงราย ต่างก็ประสบกับอุทกภัยในพื้นที่อย่างมาก ทางกลุ่ม จังหวัดก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า กิจกรรมนี้จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวในพื้นที่ และมี

การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ได้ดีขึ้น เป็นการช่วยฟื้นฟูหลังอุทกภัยในอีกทางหนึ่ง
สำหรับรูปแบบกิจกรรมจะจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา คือการแข่งขันจักรยานทางไกล ทัวร์ อออฟ ล้านนา กิจกรรมปั่นขึ้นดอย กอย 4 เมืองล้านนาตะวันออก ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน) วันที่ 23 – 30 ธันวาคม 2567 จำนวน 8 วัน 8 สนาม ซึ่งเป็นการดำเนินการแข่งขันตามกติกา มาตรฐานสากลของสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (UCI) รับรองการจัดแข่งขัน

โดยจากสมาคมจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อให้การแข่งขันได้มาตรฐานเป็นสากล และจะมีนักปั่นทั้งไทยและต่างประเทศเข้าร่วม
แข่งขัน จำนวนกว่า 200 คน ส่วนรูปแบบการแข่งขันจักรยานทางไกล ทัวร์ ออฟ ล้านนา จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ แบบเซอร์กิต เรช เป็นการแข่งขันโดยเน้นสถานที่ท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัด ซึ่งมีระยะทางประมาณ 1.5 – 3 กิโลเมตร/รอบ และ ประเภทที่ 2 คือการแข่งขันแบบ โรดเรช เป็นรูปแบบการแข่งขันบนถนน แบบทางไกล ซึ่งใช้เส้นทางแต่ละจังหวัดทั้ง 4 จังหวัด โดยเริ่มจาก จ.แพร่ ไป จ.น่าน เข้า จ.พะเยา และไปสิ้นสุดที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย

สำหรับเส้นทางแข่งขันจักรยานทางไกล ทัวร์ ออฟ ล้านนา ทั้ง 8 สเตจ มีดังนี้วันที่ 23 ธันวาคม 2567 Stage ที่ 1 (Prologue) รอบเมืองแพร่ ,วันที่ 24 ธันวาคม 2567 Stage ที่ 2 (Road Race) แพร่ – น่าน, วันที่ 25 ธันวาคม 2567 Stage ที่ 3 (Circuit Race) รอบเมืองน่าน, วันที่ 26 ธันวาคม 2567 Stage ที่ 4 (Road Race) น่าน – พะเยา วันที่ 27 ธันวาคม 2567 Stage ที่ 5 (Circuit Race) รอบเมืองพะเยา, วันที่ 28 ธันวาคม 2567 Stage ที่ 6 (Road Race) พะเขา – เชียงราย,วันที่ 29 ธันวาคม 2567 Stage ที่ 7 (Circult Race) รอบเมืองเชียงราย และ วันที่ 30 ธันวาคม 2567 Stage ที่ 8 (Road Race) เชียงราย-อำเภอแม่สาย ชิงเงินรางวัลรวม 1,147,000 บาท ซึ่งมีทั้งเงิน รางวัลประจำ Stage และ รางวัล Over All

ในทุกรุ่น มีรุ่นการแข่งขันดังนี้ ชาย รุ่น A ชาย open ,รุ่น B ชาย (อายุ 30 ปีขึ้นไป +เยาวชน) , รุ่น C 40 ปี ขึ้นไป , รุ่น D ชาย อายุ 50 ปี ขึ้นไป หญิงมี 2 รุ่นดังนี้ รุ่น E หญิง A (เยาวชน) และ รุ่น F หญิง B (ทั่วไป สำหรับทำนที่สนใจสามารถติดตามรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขั้นได้ที่เพจเฟสบุ๊ค Tourofhttps:/www.facebook.com/touroflanna20177mibextid=ZbWKw./ บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ไฟฟ้า หงสา จัดกิจกรรม “Nan Thank Press 2024” เพื่อแสดงความขอบคุณคณะสื่อมวลชน.น่าน

บริษัท ไฟฟ้า หงสา จำกัด จัดกิจกรรม “Nan Thank Press 2024” ขึ้น ในระหว่างวันที่ 20-22 ธันวาคม 2567 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อการนำพาคณะสื่อมวลชนจังหวัดน่าน ทัศนศึกษาดูงาน สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

สวนพฤกษศาสตร์ทวีชล และศูนย์อุตสาหกรรมแหล่งผลิตร่มบ่อสร้าง เป็นต้น โดยในช่วงเย็นของวันที่ 21 ธันวาคม 2567 นายคทายุทธ์ ชูพูล กรรมการผู้จัดการบริษัท ไฟฟ้า หงสา จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงานบริษัทไฟฟ้า หงสา จำกัด ได้ให้เกียรติเดินทางไปที่ร้านอาหารสามเสนวิลล่า สถานที่จัดงานเลี้ยงเพื่อพบปะพร้อมกล่าวทักทายปราศรัยกับคณะสื่อมวลชนจังหวัดน่านและในครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก

นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้เดินทางมาพบปะพร้อมกล่าวทักทายปราศรัย กับผู้บริหารของบริษัท ไฟฟ้า หงสา จำกัด และคณะสื่อมวลชนจังหวัดน่าน โดยภายในงาน เป็นการพบปะสังสรรค์ รับประทานอาหารร่วมกัน และมีการมอบของขวัญสวัสดีปีใหม่ 2568

ที่กำลังจะมาถึงนี้ จากผู้บริหารบริษัท ไฟฟ้า หงสา จำกัด มอบให้กับคณะสื่อมวลชนจังหวัดน่าน ที่เข้าร่วมงานกันทุกคน ซึ่งบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง ท่ามกลางความประทับใจของทุกฝ่าย สำหรับการจัดกิจกรรม “Nan Thank Press 2024” เป็นกิจกรรมที่ฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ สำนักงานน่าน จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดี และกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

ระหว่าง บริษัท ไฟฟ้า หงสา จำกัด กับคณะสื่อมวลชนจังหวัดน่าน อีกทั้ง เป็นการถือโอกาสแสดงความขอบคุณมายังคณะสื่อมวลชนจังหวัดน่าน ที่ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของโครงการไฟฟ้า หงสา ด้วยดีเสมอมา/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ทีมงานสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / มักง่ายจุดไฟเผาขยะข้างกองยาง​ ลุกลามไหม้เป็นกองเพลิง / ตะลึง! ขุดเจอพระพุทธรูปเงินโบราณ ฝังอยู่ใต้ดินที่นาบ้านท่าไคร้

พนักงานร้านยางจุดไฟเผาขยะกองเล็กๆก่อนจะลามไปไหม้กองยางรถยนต์ที่กองรวมกันไว้หน้าร้านจนกลายเป็นกองเพลิงขนาดใหญ่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องช่วยกันระดมฉีดน้ำ ระงับเหตุ โชคดีเหตุนี้ไม่มีใครเป็นอะไรมีเพียงเสาไฟฟ้าส่องสว่างถนนของทางหลวงได้รับความเสียหาย

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 เวลาประมาณ 12.00 น . เจ้าหน้าที่ดับเพลงเทศบาลเมืองมุกดาหารได้รับแจ้งเหตุเกิดไฟไหม้บริเวณริมถนนบายพาสเมืองมุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร เป็นกองเพลิงขนาดใหญ่ควันดำปกคลุมไปทั่วบริเวณดังกล่าวทำให้รถที่วิ่งผ่านไปมาต้องจอดก่อนเพราะมองไม่เห็นทางเนื่องเกิดควันดำปกคลุม หลังจากได้รับการแจ้งเหตุทางเทศบาลได้นำรถดับเพลิง4คันเข้าระงับเหตุโดยใช้เวลาประมาณ​ 30นาทีจึงสามารถดับไฟได้ซึ่งจาการตรวจสอบไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและพบว่าเสาไฟฟ้าส่องสว่าง ของแขวงทางหลวง บริเวณริมทางได้รับความเสียหาย

นายอดุลย์ ศิริมันต์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองมุกดาหาร เปิดเผยว่าเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากสายเหตุความมักง่าย​ โดยทางพนักงานได้เผาขยะใกล้กับกองยางพอเผาแล้วก็ปล่อยทิ้งไว้ในขณะที่มีลมกรรโชกแรง ต่อมาเลยเกิดไฟลามไปถึงกองยางรถยนต์เก่าที่ทิ้งไว้หน้าร้านก็เลยเกิดเหตุดังกล่าวซึ่งการเผาขยะแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำๆก่อนหน้านี้ ลามไปไหม้หญ้าแห้งริมถนน แต่คราวนี้หวิดเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่โชคดีมากที่ดับทันไม่งั้นน่าจะลามไปหลายจุด​ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมีทรัพสินย์ของทางราชการเสียหายคือเสาไฟฟ้าส่องสว่างซึ่งโชคดีมากไม่มีใครบาดเจ็บและเสียชีวิตในครั้งนี้

​มุกดาหาร​ -​ตะลึง! ขุดเจอพระพุทธรูปเงินโบราณ ฝังอยู่ใต้ดินที่นาบ้านท่าไคร้

เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดมุกดาหาร ว่า ได้มีชาวบ้านท่าไคร้ ตำบลนาสีนวน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ขุดพบพระโบราณบรรจุอยู่ในไหฝังอยู่ใต้ดินบริเวณที่นาของนายบุญนำ พิกุลศรี อายุ 55ปี บ้านท่าไคร้ หมู่ที่ 7 ตำบลนาสีนวน เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น ของวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา

โดยระหว่างที่ได้มีการนำรถไถเข้ามาปรับที่นา ขณะได้มีการขุดดินลึกลงไปต่ำกว่าพื้นที่เดิม ผานไถได้ไปกระทบกับของแข็งบางอย่างคล้ายหินจึงได้เข้าไปทำการตรวจสอบพบว่าเป็นไหขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 40 เซนติเมตร สูง 60 เซนติเมตร มีดินโบกปิดทับปากไหไว้ เมื่อนำแกะดินออกพบมีพระพุทธรูปบรรจุอยู่ด้านในจึงได้แจ้งเจ้าอธิการสมนึก เจ้าอาวาสวัดศรีไคร้ทุ่ง และชาวบ้านมาร่วมกันตรวจดู

เจ้าอธิการสมนึก กล่าวว่า พระพุทธรูปที่ขุดพบเรียกว่า พระบุเงินโดยเป็นพระโบราณ ซึ่งทำขึ้นจากการนำไม้มาแกะสลักเป็นพระพุทธรูปแล้วนำไปชุบเงิน พระพุทธรูปไม้แกะสลัก และสัมฤทธิ์ โดยการขุดพบครั้งนี้ เป็นการยืนยันว่าบริเวณหมู่บ้านท่าไคร้ เป็นชุมชนเก่าแก่ ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็ได้มีชาวบ้านขุดพบเจอถ้วยชามโบราณบริเวณดังกล่าวเช่นกัน ทั้งนี้พระพุทธรูปโบราณที่ขุดพบ ได้นำส่งให้เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรดำเนินการตรวจสอบให้ทราบถึงอายุ และจะได้นำกลับมาตั้งประดิษฐานไว้ที่วัดเพื่อให้ประชาชนได้มาสักการะบูชาต่อไป

ขุดพบพระโบราณ #พระบุเงิน #บ้านท่าไคร้ #มุกดาหาร

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พรรคประชาสามัคคีจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ตามระเบียบและข้อบังคับพรรคการจัดตั้งพรรคการเมือง

09:29 จ่ากบ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567 เวลาประมาณ 10.40 น. ดร.ประทิน นาคสำราญ ประธานฯยุทธศาสตร์ ภาคอีสานพรรคประชาสามัคคีให้เกียรติเป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคประชาสามัคคี ประจำปี 2567

ได้พบปะสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมสอบถามสารทุกข์สุกดิบ ประสานสัมพันธ์ มอบนโยบายพรรคเพื่อให้สมาชิกรับทราบตามที่ได้รับมอบหมาย ภายใต้การกำกับและสังเกตุการณ์ของคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดขอนแก่น

โดยมี จ.ส.ต.เอนก เค้าสุวรรณกุล หัวหน้าสาขาพรรค(สาขาลำดับที่ 3)ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่นพร้อมด้วยกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคคอยให้การต้อนรับ ณ.โรงแรมเมเจอร์แกรนด์ ถนนชุมแพ-ภูเขียว อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น

09:29 จ่ากบ ภาพ/ข่าว จ่ากบ ชุมแพ
09:29 จ่ากบ ภาพ/ข่าว จ่ากบ ชุมแพ

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รมช.กระทรวงคมนาคม ปล่อยขบวนรถ ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ถนนทางหลวงชนบทสาย มห.3019 มุกดาหาร / รับสมัครนายก อบจ.มุกดาหาร วันแรกสุดคึกคัก

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม​ 2567 เวลา 9.00 น.นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธานปล่อยขบวนรถอำนวยความสะดวกช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ของกรมทางหลวงชนบท เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางให้กับประชาชนตลอดช่วงเทศกาล ภายใต้หัวข้อเดินทางสะดวกปลอดภัยกรมทางหลวงชนบทใส่ใจทุกเส้นทาง

โดยมีนายวรญาณ บุญณราชผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารระดับสูงและหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม
พร้อมด้วยนายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบทและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานบริเวณถนนทางหลวงชนบทสาย มห.3019 อำเภอเมืองจังหวัดมุกดาหาร

อธิบดีกรมทางหลวงชนบทเปิดเผยว่าตามที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสั่งการให้ทุกหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคม เตรียมพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยกำหนดเป้าหมายให้ทุกหน่วยงานขับเคลื่อนแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัยภายใต้การรณรงค์เทศกาลความสุขทุกที่ทั่วไทยเดินทางสะดวกปลอดภัยบน

โครงข่ายคมนาคมซึ่งกรมทางหลวงชนบทได้น้อมรับนโยบายดังกล่าวมาสู่การปฏิบัติ โดยกำหนดมาตรการต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนเช่นการจัดตั้งศูนย์ความปลอดภัย หน่วยบริการประชาชน จัดเจ้าหน้าที่ประจำการสายด่วน และระบบซีซีทีวีตลอดจนจัดชุดตรวจการเฝ้าระวังอุบัติเหตุเฝ้าระวังสายทางติดตั้งสัญญาณไฟวับวาบบริเวณจุดเสี่ยง

ทั้งนี้ประชาชนควรตรวจเช็คสภาพรถก่อนออกเดินทางเพื่อความปลอดภัยและใช้ความระมัดระวังในการขับขี่สามารถติดต่อสอบถามเส้นทางเลี่ยงของกรมทางหลวงชนบทได้ที่สายด่วน 1146

ภาพ​/ข่าว​ BBชญาภรณ์
เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

รับสมัครนายก อบจ.มุกดาหาร วันแรกสุดคึกคัก อดีตนักการเมืองแห่สมัครชิงเก้าอี้

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567​ ที่หอประชุม 250 ปี จังหวัดมุกดาหาร ได้จัดให้มีการรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร โดยมีนายจักรรินทร์ ชาลีพุทธาพงษ์ ผู้อำนวยการการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมุกดาหาร ว่าที่ร้อยเอก วัทธิกร ทรงยศวัฒนา ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ร่วมปฏิบัติหน้าที่ และมึนายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ด้วยเช่นกัน

โดยบรรยากาศช่วงเช้าของวันนี้ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดรับสมัครเป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะในส่วนของการรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งแต่ละคนมาพร้อมกับกองเชียร์และรถขบวนแห่เป็นจำนวนมาก โดยมีนายสุพจน์ สุอริยพงษ์ อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ผู้สมัครจากพรรคประชาชน เดินทางมาเป็นคนแรก พร้อมกับนายณกร ชารีพันธ์ ส.ส. มุกดาหาร เขต 2 พรรคประชาชน และได้เข้าสักการะอนุสาวรีย์ พระยาจันทรศรีสุราช อุปราชามันธาตุราช (เจ้าจันทกินรี) เจ้าเมืองมุกดาหารคนแรก เพื่อเป็นสิริมงคล

ขณะที่มีผู้มาสมัครก่อนเวลา 8.30 น. รวม 4 คน คือ นายสุพจน์ สุอริยพงษ์ อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ผู้สมัครจากพรรคประชาชน นายบุญฐิน ประทุมลี อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมุกดาหาร เขต 2 พรรคเพื่อไทย พ.ต.ท. ดร.จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร และนายคมสัน ไชยต้นเทือก อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนบ้านบางทรายน้อย อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร

โดยผู้สมัครดังกล่าวเดินทางมาถึงสถานที่รับสมัครก่อนเวลา 08.30 น. ถือว่ามาก่อนเวลาเปิดรับสมัคร และไม่สามารถตกลงในเรื่องเลขหมายประจำตัวกันได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ให้ทุกคนดำเนินการจับฉลาก ผลปรากฏว่า นายสุพจน์ สุอริยพงษ์ ได้หมายเลข 1 พ.ต.ท. ดร.จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ หมายเลข 2 นายคมสัน ไชยต้นเทือก หมายเลข 3 นายบุญฐิน ประทุมลี หมายเลข 4 และนายวีระพงษ์​ ทองผา​ หมายเลข 5 มาสมัครเป็นคนสุดท้าย

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน ​092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / “สวนสวรรค์ฟาร์ม”รับมอบใบรับรองมาตรฐานพื้นที่เกษตรอินทรีย์ SCE PGS  / ชาวบ้านลุกฮือ ค้านคณะสงฆ์ปลดเจ้าอาวาสวัดดัง “โบสถ์เหรียญบาท” ที่ทับสะแก

วันที่ 22 ธ.ค. 67 ที่ศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ สวนสวรรค์ฟาร์ม หมู่ 2 ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ของ คุณแก้วตา จันทร์วีระชัย นักธุรกิจเจ้าของกิจการมีชื่อในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผันตัวเองลงมาทำสวนเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่กว่า 80 ไร่ ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีการจัดการอย่างเป็นระบบในการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนและชาวเกษตรกร หวังให้ชาวบ้านในพื้นที่บางราย มีพื้นที่ทำกินทางการเกษตร ได้มีโอกาสเข้ามาเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์แบบปลอดสารพิษ เพื่อนำกลับไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวอยู่อย่างพอเพียง โดยมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรกรคอยแนะนำให้ความรู้ ในการทำเกษตรผสมในพื้นที่แปลงน้อยโดยไม่ใช้สารเคมี และได้มีโอกาสร่วมเป็นสมาชิก

รับมอบใบรับรองแบบมีส่วนร่วม ความเป็นมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากการรับประทานผลิตผลที่ปลอดสารพิษ ซึ่งทางศูนย์การเรียนรู้ฯ สวนสวรรค์ฟาร์ม จะมีการจัดกิจกรรมและพิธีมอบหนังสือรับรองพื้นที่เกษตรอินทรีย์ แบบมีส่วนร่วมความเป็นมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ SCE PGS ให้กลุ่มสมาชิกในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประจำทุกปี โดยมีนายณรงค์พงษ์ โพธิสมบัติ ประธานบริษัทประชารัฐรักษ์สามัคคี นายณรงค์ คงมาก กรรมการบริษัทวิสาหกิจเพื่อสังคม นายนันทปรีชา คำทอง ประธานเครือข่ายสามอ่าวเกษตรอินทรีย์วิถีธรรมชาติ และนางสาว นิชาภา สุวรรณนาค  สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกันเป็นประธานมอบหนังสือรับรองมาตรฐานพื้นที่เกษตรอินทรีย์ SCE PGS ให้กลุ่มสมาชิกที่ได้รับการรับรอง ที่ศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ สวนสวรรค์ฟาร์ม  หมู่ 2  ต.อ่าวน้อย จ.ประจวบฯ

น.ส.แก้วตา จันทร์วีระชัย หรือเจ๊แก้วตา เจ้าของสวนสวรรค์ฟาร์มเล่าว่า  ตนเห็นว่าพื้นที่ในที่ดิน กว่า 80 ไร่ เป็นที่ว่างเปล่าปล่อยรกร้างไว้ไม่เกิดประโยชน์อะไร หลังรัฐบาลปลดล๊อคกัญชา คิดว่าจะใช้เป็นพื้นที่ปลูกกัญชา แต่ก็ยังติดปัญหาหลายอย่างในทางกฎหมาย หลังจากได้รู้จักกับอาจารย์ท่านหนึ่งทำเกี่ยวกับเรื่องเกษตรอินทรี จึงลองไปศึกษาหาความรู้ บางส่วนก็ศึกษาเรียนรู้จาก YouTube บ้าง นำไปลองปฏิบัติตามจนเกิดผลผลิต หวังแค่เพียงเพื่อไว้รับประทานกันเองในครอบครัว ทั้ง ๆ ที่ตนไม่เคยมีความรู้ทางการเกษตรแม้แต่นิดเดียว แต่เมื่อตนได้เห็นชาวบ้านในพื้นที่บางรายขาดโอกาสการทำอาชีพเกษตรกร เนื่องจากไม่มีที่ดิน จึงมีแนวคิดที่จะให้เขาได้ใช้พื้นที่เพาะปลูกและเรียนรู้การทำเกษตรแนวใหม่แบบผสมผสานปลอดสารพิษ และด้วยที่ตนเองเป็นคนรักสุขภาพอยู่แล้ว อยากเห็นทุกคนมีสุขภาพที่ดี

ได้รับประทานอาหาร พืชผัก ผลไม้ ที่มีคุณภาพปลอดสารพิษ แนวคิดนี้จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ตนเองเปลี่ยนที่ดินว่างเปล่าให้เป็นสวนเกษตร ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐตั้งเป็น “ศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ สวนสวรรค์ฟาร์ม ต่อมามีการรวมตัวก่อตั้งกลุ่มรักสุขภาพ โดยการรวบรวมชาวบ้านและกลุ่มคนที่สนใจเข้าร่วมได้มีโอกาสเข้ามาเรียนรู้ศึกษาวิธีการทำสวนเกษตรอินทรีย์แบบครบวงจร และนำกลับไปต่อยอด หรือเพราะปลูกไว้รับประทานเอง หรือจะนำกลับมาส่งขายที่ศูนย์การเรียนรู้ สวนสวรรค์ฟาร์มได้อีก

เนื่องจากผลผลิตปลอดสารพิษเกษตรอินทรีย์มีความต้องการทางการตลาดเป็นอย่างมาก ซึ่งทางกลุ่มเรามีการจัดการแบบครบวงจร โดยเอาผลิตผลที่ได้บางส่วนมาแปลรูป เป็นผลิตภัณฑ์ บรรจุหีบห่อเป็นสินค้าส่งออกไปจำหน่ายต่อ ตามศูนย์โอทอปพื้นที่ต่าง ๆ รวมทั้งตลาดรับซื้ออีกหลายแห่ง เนื่องจากผลผลิตมีคุณภาพได้รับการรับรองให้เป็นเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษไม่ใช้สารเคมี โดยทางเรามีกระบวนการตรวจสอบผลิตผลที่กลุ่มสมาชิกนำมาส่งที่ศูนย์ มีคณะกรรมการ มีประทาน และมีการจัดการอย่างเป็นระบบ  ตามแนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 

ชาวบ้านลุกฮือ ค้านคณะสงฆ์ปลดเจ้าอาวาสวัดดัง “โบสถ์เหรียญบาท” ที่ทับสะแก

วันที่ 23 ธ.ค.67 ที่วัดบ้านทุ่งเคล็ด ( วัดโบสถ์เหรียญบาท ) ตำบลนาหูกวาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชาวบ้านนับร้อยคนได้มารวมตัวคัดค้าน จากกรณีคณะสงฆ์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้มีมติปลด พระครูปลัดอาทิตย์ อิสสรญาโณ (ทัพประเสริฐ) อายุ 49 พรรษา เจ้าอาวาสวัดบ้านทุ่งเคล็ด อำเภอทับสะแก หรือที่ชาวงบ้านรู้จัก “วัดอุโบสถ์เหรียญบาท” วัดชื่อดังของอำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

โดยมี คำสั่ง เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เรื่อง ถอดถอนพระสังฆาธิการออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ที่ ๒๘ / ๒๕๖๗ ตามที่เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้มีคำสั่งที่ ๒๔ / ๒๕๖๗ เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและสอบสวนเจ้าอาวาสวัดบ้านทุ่งเคล็ด ฐานละเมิดจริยาอย่างร้ายแรง ลงวันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๗ คณะกรรมการได้ตรวจสอบและสอบสวนหาข้อเท็จริงแล้ว และมีมติให้ถอดถอน พระสมุห์อาทิตย์ อิสฺสรญาโณ ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านทุ่งเคล็ด ฐานละเมิดจริยาอย่างร้ายแรง และได้รายงานผลการสอบสวนและมตินั้น เสนอเจ้าคณะตำบล และเจ้าคณะอำเภอพิจารณาวินิจฉัย เจ้าคณะอำเภอและเจ้าคณะตำบลพิจารณาวินิจฉัยแล้ว

เห็นชอบให้เสนอถอดถอน พระสมุห์อาทิตย์ อิสสรญาโณ ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาวาส วัดบ้านทุ่งเคล็ด ตามข้อเสนอของคณะกรรมการ บัดนี้ เจ้าคณะอำเภอได้รายงานเสนอพร้อมด้วยเอกสารผลการสอบสวน ขอให้เจ้าคณะจังหวัดพิจารณาถอดถอน พระสมุห์อาทิตย์ อิสสรญาโณ ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดบ้านทุ่งเคล็ด เจ้าคณะจังหวัดพิจารณาแล้วเห็นชอบตามที่เสนอ อาศัยอำนาจตามความใน ข้อ ๕๕ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ.)๒๕๔๑ ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ( ฉบับที่ ๒ ) พ.ศ.๒๕๓๕ จึงถอดถอน พระสมุห์อาทิตย์ อิสสรญาโณ ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านทุ่งเคล็ด ตำบล นาหูกวาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

น.ส.อมรทิพย์ ภู่ระย้า แกนนำชาวบ้าน ชาว กทม.และเป็นโยมอุปถัมป์วัดบ้านทุ่งเคล็ด กล่าวว่า ตนเองและเพื่อนๆ ได้เป็นประธานทอดกฐินเมื่อออกพรรษาที่ผ่านมา วันนี้พวกตนเองได้มาคัดค้านการปลดเจ้าอาวาสองค์เก่า (พระครูปลัดอาทิตย์ อิสสรญาโณ )และคัดค้านการแต่งตั้งเจ้าอาวาสองค์ใหม่ จากการที่พระครูปลัดอาทิตย์ ถูกกล่าวหา ว่าชักปืนยิง / ไม่นำเงินวัดเข้าบัญชีวัด / และการถูกชาวบ้านร้องเรียนเรื่องยืมเงินญาติโยม /โดยเฉพาะเรื่องยืมเงินโยมในการก่อสร้างอุโบสถเหรียญบาท ซึ่งตามที่เคยตกลงกันทางวัดจะมีงานปิดทองฝังลูกนิมิต ถึงคืนเงินให้ โดยชาวบ้านคิดว่าการถูกปลดครั้งนี้ น่าจะเป็นเรื่องผลประโยชย์ภายในวัด ซึ่งหลังจากสร้างโบสถ์เหรียญบาท ก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก

///////////////////////////////

ทีมข่าวเฉพาะกิจ / จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ศึกเลือกตั้งอบจ.เชียงรายเดือด เพื่อไทยคว้าเบอร์2 “นก”อธิตาธร คว้าเบอร์1 พาขุนพล สองขั้วหาเสียงเลือกตั้งทุกเขต

ศึกเลือกตั้งอบจ.เชียงรายเดือดบ้านใหญ่ชนกัน กองเชียร์กระหึ่ม!! สองฝั่งหน้าสถานที่รับสมัคร สลักจฤฎดิ์ เพื่อไทยคว้าเบอร์2 “นก”อธิตาธร คว้าเบอร์1 พาขุนพล สองขั้วหาเสียงเลือกตั้งทุกเขต ส่วนผู้สมัครไปไม่สังกัดพรรค สู้ไม่ถอย กลุ่มชาติพันธุ์แห่ให้กำลังใจผู้สมัคร ผู้อำนวยการการเลือกตั้งองค์บริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เปิดรับสมัคร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ณห้องคชสาร ศูนย์การเรียนรู้และนันทนาการ อบจ.เชียงราย

ระหว่างวันที่23-27ธันวาคม67 ในวันดังกล่าวมีผู้สังเกตการรับสมัคร อาทิผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย นายชริทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายใจฯลฯบรรยากาศการรับสมัครเลือตั้งมีบรรดาผู้สมัคร สองขั้วการเมืองใหญ่ เดินทางมารอการรับสมัครเลือกตั้งทั้งส่วนของนายกอบจ.และส.อบจ และมีกองเชียร์ผู้สนับสนุนเตรียมป้ายชูเบอร์หาเสียงและพวงมาลัยดอกดาวเรืองเพื่อสวมอวยพรขัยให้กับผู้สมัครที่ตนเองสนับสนุนมีทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า
หลังจากนั้นเวลา8โมงตรง

ทางกองการรับสมัครไดเรียกให้ผู้สมัครทั้งหมดเข้าห้องและอธิบายหลักเกณฑ์การรับสมัครให้ผู้สมัครทั่งในส่วนของนายกอบจ.และส.อบจ การตรวจความพร้อมเอกสารการสมัคร โดยคณะกรรมการผู้รับสมัครได้เรียงลำดับการสมัครนายก อบจ.เป็นอันดับแรก ที่มีเข้าไปสมัคร วันแรกคือนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช สังกัดพรรคเพื่อไทย และนางอธิตาธร วันไชยธนะวงศ์ ไม่สังกัดพรรคการเมือง ใส่เสื้อสีขาว คอชมพูประทับตรานก ทำได้ นั่งเตรียมความพร้อมเพื่อจะทำการจับฉลากหมายเลขประจำตัว เนื่องจากทั่งคู่มาพร้อมกันและไม่สารถตกลงกันได้จึงใช้วิธีจับฉลาก ผลของการจับฉลากปรากกว่านางอธิตาธร ได้เบอร์ นางสลักจฤฎดิ์ได้เบอร์ 2 จากนั้นทั้งคู่ได้เดินลงมายื่นใบสมัครตรวจหลักฐานการสมัครจนเสร็จสิ้นกระบวนการสมัคร

ในส่วนของส.อบจจำนวน36เขตเลือกตั้งมีสังกัดทีมเพื่อไทยครบ36เขต ส่วนสังกัดทีม นกทำได้ส่งครบ36เขตเช่นกัน นอกเหนือนั้นเป็นผู้สมัครอิสระไม่สังกัดพรรคการเมืองใด มีทั้งพี่น้องชนเผ่าชาติพันธ์ุ ในบางเขตก็สามารถตกกันได้ส่วนใหญ่แล้วไม่สามารถตกลงกันได้ คณะกรรมการรับสมัครใช้วิธีจับฉลาก2ครั้งเพื่อได้เบอร์และให้ยื่นหลักฐานการสมัครมีการเซ็นยินยอมตรวจประวัติคุณสมบัติผู้สมัครตามประกาศ ไม่ต้องเดินทางไปยังตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แต่หากกรอกเอกสารให้การเท็จก็จะมีโทษตามกฎหมายทันที มีอัตราโทษปรับสูง โดยทางคณะกรรมการรับสมัครจะประกาศรับรองหรือไม่รับรองผ่านเวปไซด์ ภายใน7วันหลังการรับสมัคร

บรรยากาศบริเวณภายนอกอาคารมีกองเชียร์ทั้งสองฝั่ง ทั้งพรรคเพื่อไทยและ และฝั่งนก อธิตาธร ถือป้ายและพวงมาลัยรอสวมคอผู้สมัครนายกอบจ. และส.อบจ เสียงกึกก้องสนั่น ท่ามกลางการรักษาความสงบของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ดารรับสมัครใช้เวลานานเรื่องจากกรรมการรับสมัครต้องตรวจหลักฐานฐานการรับสมัครอย่างละเอียดก่อนที่จะออกใบเสร็จรับเงิน จนทำให้ผู้สมัครบางที่มีโรคประตัวอาทิเช่นเบาหวานมีอาการกำเริบต้องมีการเรียกรถพยาบาลฉุกเฉินนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน

ส่วนผูัสมัครนายกอบจ.นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไฟรัช หลังยื่นใบสมัครเสร็จสิ้นกระบวนการได้เดินทางออกจากสถานที่รับสมัคร โดยมีมวลชนกลุ่มเสื้อแดงและประชาชนที่ให้กำลังใจชูป้ายเบอร์ 2 ดังสนั่น สนับสนุนส่งแรงเชียร์เป็นนายกอบจ.คนใหม่ จากนั้นได้เดินทางกลับเพื่อไปตั้งขบวนแห่ป้ายหาเสียงจากที่ตั้งศูนย์อำนวยการพรรคเพื่อไทยสนามกีฬาฟุตบอลเชียงรายยูไนเต็ด หน้าสนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวงเชียงราย

ในส่วนนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์หลังยื่นและตรวจหลักฐานการสมัครเสร็จสิ้นกระบวนการได้พาผู้สมัครทั้งหมดออกจากห้องคชสารสถานที่รับสมัคร มีมวลชนยื่นถือป้ายและพวงมาลัยสวมคอ ยืนรอเรียงแถวยาวเหยียดส่งเสียง คำว่า”นกทำได้ “เบอร์ 1 ลั่นหน้าอาคารจากนั้นเดินทักทายกองเชียร์ที่มารอให้กำลังใจอย่างล้นหลาม

ส่วนสมาชิกว่าที่ส.อบจได้เดินตามออกไปทักทายมวลชนและกองเชียร์แต่ละเขตต่างสวมมาลัยดอกดาวเรืองถ่ายรูปจากนั้นได้ขึ้นรถแห่ป้ายออกจากสถานที่รับสมัครเข้าทักทายประชาชนในตัวเมืองเชียงรายไปสิ้นสุดที่ทำการศูนย์ประสานงานเลือกตั้งตำบลบ้านดู่หน้าปั้มปตท.ถนนเบี่ยง้หมืองเชียงราย

ผู้สื่ข่าวรายงานว่าศึกเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการต่อสู้อย่างรุนแรงเนื่องจากพรรคเพื่อไทยโดยพ่อใหญ่ทักษิณ ชินวัตรฝ่ายรัฐบาลจะลงไปปราศัยใหญ่ในพื้นที่เชียงราย ช่วยหาเสียงให้นางสลักจฎดิ์ซึ่งคาดว่าจะเป็นพื้นที่เขตอำเภอเทิง ซึ่งเป็นฐานที่มั่น นางอธิตาธร วันไชยธนะวงศ์ เบอร์1ท่ามกลางผู้คนนับหมื่น ส่วนฝั่งนางอธิตาธร ผู้สมัครเบอร์1 จะมีแผนแก้เกมส์ และกลยุทธหาเสียงเพื่อรักษาฐานที่มั่นในฐานะอดีตนายกอบจ.เชียงรายหมาดๆ

ส่วนทีมชุดสืบสวนสอบสวนสำนักคณะกรรมการเลือกตั้งจังหวัดเชียงรายได้เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบการกระผิดกฎหมายเลือกตั้งครั้งนี้แล้วและนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ซึ่งได้เข้าสังเกตุการณ์การรับสมัคร ได้กำชับให้ผู้อำนวยการ คณะกรรมการผู้รับสมัครเข้มงวด ผู้สมัครปฏิบัติตามกติกาเลือกตั้ง การเลือกตั้งต้องมีความบริสุทธิ์ยุติธรรมข่าวความคืบหน้าการเลือกตั้งครั้งนี้ก่อนที่จะมีการลงคะแนน ในวันที่1ก.พ.2568 ใครจะชนะเลือกตั้งเป็นนายก และส.อบจ. ชี้ชะตาจังหวัดเชียงราย จะนำเสนอให้ทราบต่อไป.

ธนกฤต วรรมณี ข่าวเชียงรายรายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐทีวี / ชิงนายกอบจ. และ ส.อบจ. วันแรกคึกคัก มีตัวแทน พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย ส่งตัวแทนชิงเก้าอี้อย่างดุเดือด / องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ฯ ในพิธีเชิญสิ่งของพระราชทาน เนื่องปีใหม่ 2568

เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 23 ธ.ค.ผู้สื่อข่าวรายว่า ที่บริเวณโดมเอนกประสงค์ สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ที่ กกต.ใช้เป็นสถานที่รับสมัครเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งเป็นวันรับสมัครวันแรก ท่ามกลางบรรยากาศคึกคักของกองเชียร์และผู้สมัครมีมาเฝ้ารอตั้งแต่เช้าตรู่ ประมาณ 07.30 น. ซึ่งก่อนถึงเวลารับสมัคร โดยทางคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งได้จัดเตรียมสถานที่ไว้อย่างเป็นระบบ จัดโซนผู้สมัคร ผู้ติดตามและกองเชียร์อย่างชัดเจน

นายวนาชาติ วงศ์พุทธา ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ ในฐานะ ผอ.การเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ พร้อมเจ้าหน้าที่คณะกรรมการ คอยรับสมัครและอำนวยความสะดวกให้กับผู้มารับสมัคร โดยในวันนี้มีผู้มาสมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.จำนวน 3 คน โดยคนแรกเป็นว่าที่ร้อยตรีภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 พร้อมคณะผู้สมัคร สจ.จากกลุ่มเพื่อไทบึงกาฬ ที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย คนที่ 2 นายฉัตราวุฒ ทองสัมฤทธิ์ ในนามอิสระ คนที่ 3 นางแว่นฟ้า ทองศรี ดีกรีภริยา ดร.ทรงศรี ทองศรี รมช.มหาดไทย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ(แชมป์เก่า) พร้อมคณะผู้สมัคร สจ.จากกลุ่มฅนบึงกาฬ ที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทย

หลังจากนั้น ทางคณะกรรมการจึงได้ให้ตามเวลาลงทะเบียนการรับสมัคร รับเบอร์ผู้สมัครนายก อบจ. ผลปรากฏว่าการลงทะเบียน ว่าที่ร้อยตรีภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น กลุ่มเพื่อไทบึงกาฬ จากพรรคเพื่อไทย ได้เบอร์ 1 นายฉัตราวุฒ ทองสัมฤทธิ์ ได้เบอร์ 2 ในนามอิสระ นางแว่นฟ้า ทองศรี จากพรรคภูมิใจไทย ได้เบอร์ 3 จากนั้นคณะกรรมการได้ดำเนินการจับสลากผู้สมัคร สมาชิก อบจ.ในแต่ละเขต ทั้ง 24 เขตซึ่งเหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ท่ามกลางกองเชียร์ที่เดินทางมาให้กำลังใจและมอบดอกไม้ พวงมาลัยคล้องคอ ผูกผ้าขาวม้า กันอย่างคึกคักให้กับผู้สมัครของตนที่มาสมัครและจับสลากเอาเบอร์

ส่วนพรรคประชาชน ส่งผู้สมัครแค่สมาชิก อบจ. 2 เขต มี ส.อบจ.เมืองบึงกาฬ เขต 1 และ ส.อบจ.เซกา เขต 3 เท่านั้น ด้านนายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวว่า เชิญชวนประชาชนชาวบึงกาฬออกมาใช้สิทธิ์ ในครั้งนี้ให้มากๆ เลือกคนที่ท่านรักที่ท่านชอบ ช่วยบริหารท้องถิ่น พัฒนาบึงกาฬร่วมกัน และยืนยันว่า การเลือกตั้งนายก อบจ. และ ส.อบจ. บึงกาฬ ด้วยความโปร่งใส และยุติธรรม

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

บึงกาฬ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ฯ ในพิธีเชิญสิ่งของพระราชทาน เนื่องในโอกาสปีใหม่ 2568

วันที่ 23 ธ.ค. เวลา 08.30 น. ที่ฐานปฏิบัติการ ร้อยอย.ฉก.ทพ.2108 บ.ภูสวาท ม.6 ต.หนองเดิ่น อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ฯ ในพิธีเชิญสิ่งของพระราชทาน เนื่องในโอกาสปีใหม่ 2568 มอบแก่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจกองกำลังป้องกันชายแดนในพื้นที่ จ.บึงกาฬ

โดยมี นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ พล.ต. สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี พล.ต.ต.วิญญู อำนวยสมบัติ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ
พ.ต.อ.พงศ์พัชร์ แจ้งหมื่นไวย์ รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ, พ.ต.อ.ธานินทร์ ผิวละเอียด
ผกก.บุ่งคล้า พ.ต.อ.จรูญศักดิ์ ลำพุทธา ผกก.สืบสวน ภ.จว.บึงกาฬ พ.อ. อินทราวุธ ทองคำ ผบ.ฉก.ทพ.21

พร้อมด้วยกำลังพล ร้อย.ฉก.ทพ.2108และหัวหน้าส่วนราชการทุกภาคส่วน ร่วมให้การต้อนรับ“หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ทรงห่วงใยต่อเจ้าหน้าที่งานตามแนวชายแดน ทุกนาย”

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง