สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /ชวนพิชิตถ้ำนาคา สัมผัสมหัศจรรย์แห่งสีเขียว ในดินแดน “มรกตแห่งธรรมชาติ จ.บึงกาฬ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุดรธานี ชวนโดม ปกรณ์ ลัม ร่วมพิชิตถ้ำนาคา เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวจังหวัดบึงกาฬ ชวนนักท่องเที่ยวสัมผัสมหัศจรรย์แห่งสีเขียว ในดินแดน “มรกตแห่งธรรมชาติ”

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.68 ที่ บริเวณทางขึ้นถ้ำนาคา อุทยานแห่งชาติภูลังกา ฝั่งอำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุดรธานี ชวนโดม ปกรณ์ ลัม นักร้องนักแสดงชื่อดัง ร่วมกิจกรรมพิชิตถ้ำนาคา เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวจังหวัดบึงกาฬ ชวนสัมผัสมหัศจรรย์แห่งสีเขียว ในดินแดน “มรกตแห่งธรรมชาติ” พร้อมกับนักท่องเที่ยวสายแอดเวนเจอร์ สายมูสายพญานาค ร่วมในกิจกรรมดังกล่าว โดยตลอดเส้นทางการท่องเที่ยวถ้ำนาคา นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่งดงาม

ความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ ความสดชื่นของอากาศในช่วงฤดูฝน ความมหัศจรรย์ของปรากฎการณ์ทางธรณีวิทยา “ซันแครก” (Suncrack) ซึ่งเกิดจากการแตกผิวหน้าของหิน เกิดเป็นลักษณะคล้ายเกล็ดพญานาคบริเวณถ้ำนาคา และเศียรนาคา ขณะเดียวกันสำหรับนักท่องเที่ยวสายมูยังสามารถขอพรจากพญานาค เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต ได้อีกด้วย โดยมีนายสมหวัง อารีย์เอื้อ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ร่วมเป็นเกียรติในการมอบที่ระลึกจาก ททท.อุดรธานี ให้กับโดม ปกรณ์ ลัม นักร้องนักแสดงชื่อดัง รวมทั้งนักท่องเที่ยว จำนวน 100 คนแรกที่พิชิตถ้ำนาคา ได้สำเร็จ

นอกจากนี้ นายสมหวัง อารีย์เอื้อ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ยังได้เชิญชวนนักท่องเที่ยว ร่วมมาสัมผัสกับความสด ความเป็นธรรมชาติ และอากาศที่ดี ได้ที่จังหวัดบึงกาฬ ตลอดฤดูกาลท่องเที่ยวนี้ โดย รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า จังหวัดบึงกาฬถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ลุ่มน้ำโขง มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูกาลท่องเที่ยว

ตั้งแต่ 1 มิถุนายน ของทุกปี หากเข้ามาที่จังหวัดบึงกาฬ นักท่องเที่ยวสามารถแวะท่องเที่ยวตามเส้นทางได้ เช่น วัดถ้ำศรีธน จากนั้นเข้ามาที่สะดือแม่น้ำโขง-แก่งอาฮง, หินสามวาฬ, วัดป่าเมืองเหือง และเข้าสู่ถ้ำนาคา ซึ่งเป็นไฮไลท์ของสถานที่ท่องเที่ยว โดยในช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงเทศกาลสำคัญ เราได้รับการสนันสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุดรธานี เข้ามาส่งเสริมสนับสนุนเส้นทางการท่องเที่ยว ซึ่งวันนี้มีดาราอย่าง น้องโดม ปกรณ์ ลัม ที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ มาเห็นตัวจริงแล้วรูปหล่อมาก ได้มาช่วยในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว และเดินขึ้นถ้ำนาคา

จึงขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้มาช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวของจังหวัดบึงกาฬของเรา ซึ่งจังหวัดบึงกาฬเป็นสถานที่ที่มีความสด ความเป็นธรรมชาติ อากาศดี ถ้าต้องการอากาศดี ความเป็นธรรมชาติ เชิญมาที่จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งปฏิทินการท่องเที่ยวของจังหวัดบึงกาฬบ้านเราสามารถเที่ยวได้ทั้งปี แต่ถ้าอยากมาช่วงสด ๆ อากาศดี ๆ ต้องมาในช่วงนี้ เดือนมิถุนายน 2568 และทุกปีก็จะเปิดช่วงนี้ พร้อมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนนักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมเยือนจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดน้องใหม่ที่มีอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเจริญ หรือเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะหากท่านมาแล้ว ท่านจะได้พบกับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสด ความใหม่ รวมทั้งสายมู ที่นอกจากมาเที่ยวแล้ว ท่านยังจะมีความโชคดีด้วย มาเที่ยวที่จังหวัดบึงกาฬของเราครับ
ภาพ/ข่าว ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล จ.บึงกาฬ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ลพบุรี นายอำเภอโคกสำโรง ร่วมพิธีทำบุญตักบาตร ถวายพระราชกุศล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568

วันที่ 3 มิถุนายน 2568 เวลา 07.30 น. ที่ หอประชุมเทศบาลตำบลโคกสำโรง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี นายเจตพงษ์ โชคสวัดิ์วรกุล นายอำเภอโคกสำโรง นางสาวนงลักษณ์ อยู่พุ่ม ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต

สภ.โคกสำโรง พร้อมข้าราชการตุลาการ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือนและพสกนิกรทุกหมู่เหล่า เข้าร่วมพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 48 รูป และเจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระราชกุศล เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ. ศูนย์ข่าวฯ อนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ส.อบจ.ขอนแก่น เขต3 ชุมแพ ร่วมงาน ฌาปนกิจศพนายจเร บุญมั่ง(พลทหารจเร บุญมั่ง อดีตทหารผ่านศึก) อายุ 61 ปี ณ วัดอัมพวัน บ้านหนองคอง จากกรณีทำร่างกายเสียชีวิต

วันเสาร์ ที่ 31พฤษภาคม พ.ศ 2568 นายสำราญ ศรีภา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น เขต 3 อำเภอชุมแพ

ได้รับเกียรติจากเจ้าภาพร่วมงานฌาปนกิจนายจเร บุญมั่ง มีคณาญาติแขกผู้มีเกียรติ ส่วนราชการร่วมงานจำนวนมาก เช่น

นายนิโรจน์ แพ่งศรีสาร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโนนหัน นายชั้นฟ้า ทีภูเวียง

ว่าที่นายกเทศมนตรีตำบลโนนสะอาด(รอ กกต.รับรองเป็นทางการ) ผอ.สวิต คำภา (เลขาส่วนตัว สจ.สำราญ ศรีภา)

พันโท.สุรพล ทะสา ปธ.เครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดขอนแก่น นายชวินทร์ เฮียงโฮม ปธ สมาคมสันนิบาตเสรีชนแห่งประเทศไทย

จังหวัดมหาสารคาม นายกิตติศักดิ์ นามนัย รองปธ.สภาอง์การบริหารส่วนตำบลหนองเขียด นายสำเร็จ ใจซื่อ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลโนนหัน

นางสมัย อุ่นทะมณี รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลโนนหัน นายสันติ แก้วมูลตรี รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลโนนหัน

นายกิตติพศ นามนัย เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบลโนนหัน ร้อยตรีสวัสดิ์ ชัยลา ส.อบต.บ้านโนนชัย นางลาวรรณ นามนัย

ส.อบต.บ้านหนองม่วง นายณรงค์ ตุ้มทอง ส.อบต.บ้านหนองคอง นายพิชัย จันทร์เวียง สอบต.บัานหลังโนนชาต

นายบุรม บึ้งเวียง ผญบ.นางกมลทิพย์ ศรีทองนาค ผญบ.นางเกศริน สิมมาทด ผญบ

.นายประวัติ ขาวลา ผญบ.นายคำพอง ยะวร อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลโนนหัน,อปพร และ ชรบ อสม.เป็นต้น

โอกาสนี้ พันเอกธานินทร์ คำทิพย์ นายทหารช่างกองทัพภาคที่ 2 เป็นประธานในพิธี พระครูอัมพวันภัทรคุณ เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมกล่าวสัมโมทนียกถา

กับเหตุการณ์ที่เกิด “บ้านเราชุมชนเราไม่เคยมีเหตุความรุ่นแรงมาก่อน สังคมเราขาดสติ กินเหล้าก็ขาดสติ เราต้องให้เมตตา ให้อภัย ที่อื่นเมื่อกินเหล้าเมา ก็กลับบ้านไปพักผ่อน ฉะนั้น ทุกท่าน ต้องมี สติ”

จากกรณีนายสมบัติ แนวประเสริฐ บ้านหลังโนนชาต ตำบลโนนหัน อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ผู้ก่อเหตุให้การว่าตนกับผู้ตายได้ทะเลาะกัน บ้านที่เกิดเหตุ จากนั้นจึงได้ใช้ไม้ฟาดผู้ตาย เป็นเหตุให้เสียชีวิตแล้วลากผู้ตายไปไว้บริเวณกลางถนนหน้าบ้านที่เกิดเหตุ เมื่อวันอังคาร ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ.2568 เวลา 11.10 น

วินสื่อรัฐทีวี/สื่อรัฐนิวส์

สมมาตร แอ่มไร่ /ภาพ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น โครงการเสริมสร้างความปลอดภัยในสถานศึกษา เขตที่ 16

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ได้มอบหมายให้ศูนย์ประสานงานเขตตรวจราชการที่ 16 โดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ การปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน

โครงการเสริมสร้างความปลอดภัยในสถานศึกษา เขตตรวจราชการที่ 16 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพของครูและบุคลากรทางการศึกษาในด้านความปลอดภัย การปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน ซึ่งถือเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งในการดูแลนักเรียนและส่งเสริมให้ครูสามารถถ่ายทอดความรู้ไปยังนักเรียน เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

การอบรมครั้งนี้มีครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและมัธยมศึกษาเข้าร่วม จำนวน 180 คน จาก 4 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน ครอบคลุม 14 เขตพื้นที่การศึกษา โดยการอบรมแบ่งออกเป็น 2 รุ่น
ได้แก่ รุ่นที่ 1 วันที่ 1 มิถุนายน 2568 จำนวน 90 คน
และรุ่นที่ 2 วันที่ 2 มิถุนายน 2568 จำนวน 90 คน

โดยนางนัฑวิภรณ์ จันต๊ะพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน ผู้อำนวยการเขตตรวจราชการที่ 16 ได้รับมอบหมายจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นประธานในพิธีเปิด ณ ห้องประชุมโรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคารจังหวัดน่าน การอบรมครอบคลุมตั้งแต่การปฐมพยาบาลเบื้องต้นการกู้ชีพพื้นฐาน และการปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บ นอกจากนี้ ยังมีการฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จำลอง

เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้จริงเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เข้ารับการอบรม จะได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติอย่างเข้มข้น โครงการนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในสถานศึกษาของไทย ให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักเรียนและผู้ปกครอง

เรียนดีมีความสุข #สพฐ #สพม #น่าน #สพมน่าน #SESAONAN #ทีมน่านการศึกษา #NanOneTeam/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “แม่ทัพกุ้ง” ลงพื้นที่ฐานปราสาทตาเมือนธม มอบกำลังใจทหารแนวหน้า ย้ำหนักแน่น “อย่าประมาท – เราทำถูกแล้ว”

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (แม่ทัพกุ้ง) เดินทางตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจกำลังพลกองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี ณ ฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยมี พลตรีสมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ร่วมปฏิบัติภารกิจด้วย

โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ได้มอบข้าวสาร อาหารแห้ง และสิ่งของจำเป็นแก่กำลังพล พร้อมกล่าวให้โอวาทและขอบคุณทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเสียสละ

ทั้งนี้ แม่ทัพกุ้งยังได้กล่าวย้ำว่า “ขอให้ทุกนายเชื่อมั่นว่า เราทำถูกต้องแล้ว ขอให้ตระหนักว่าผู้บังคับบัญชาทุกระดับอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจเสมอ อย่าประมาท พร้อมเผชิญสถานการณ์ต่าง ๆ

ได้ทุกเวลา และต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา”แม่ทัพภาคที่2บุญสินพาดกลางแม่ทัพกุ้ปราสาทตาเมือนธมกองกำลังสุรนารีทหารแนวหน้าเราทำถูกแล้วให้กำลังใจทหารข่าวทหารข่าวภาคอีสานสุรินทร์​

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อนาคตไกล ”ปุณณ์ ศานติสมบัติเกษม“ ซิวเหรียญทอง “ภูเก็ต สปอร์ต ซิตี้ เทควันโด โอเพ่น 2025” พ่วงรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยม

วันที่ 31 พ.ค.68 เป็นการแข่งขันเทควันโด รายการ “ภูเก็ต สปอร์ต ซิตี้ เทควันโด โอเพ่น 2025” ที่รวมเหล่านักกีฬาเทควันโดนจำนวนมากทั้งนักกีฬาทั้งชาวไทยและต่างประเทศร่วมชิงชัยอย่างคับคั่ง นับเป็นรายการแข่งขันเทควันโดยรายการใหญ่แห่งภูมิภาครายการหนึ่ง

น้องปุณณ์ ศานติสมบัติเกษม นักกีฬาเทควันโดดาวรุ่งที่น่าจับตา จากชมรมเทควันโดจังหวัดภูเก็ต ได้เข้าร่วมการแข่งขันในประเภทเยาวชนชาย อายุ 15-17 ปี น้ำหนัก 45-48 กก. หลังจากซุ่มซ้อมเรียกความฟิตเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี โดยเจ้าตัวตั้งใจจะทำผลงานให้ดีที่สุดแบบไม่กดดันตัวเอง และในฐานะที่แข่งขันในบ้านเกิดก็หวังจะมีเหรียญรางวัลติดไม้มือ

น้องปุณณ์ ยังเปิดเผยด้วยว่า การแข่งขันในครั้งนี้ มองคู่แข่งซึ่งมาจากทั้งในไทย และประเทศเพื่อนบ้านว่า ตัวเองจะสามารถเอาชนะได้ด้วยการฝึกซ้อมที่สม่ำเสมอ แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะเราเองอาจเสียเปรียบในเรื่องรูปร่าง เลยต้องระวังเป้าศีระษะเป็นพิเศษ แต่จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เช่นกัน

ทั้งนี้ การแข่งขันปรากฏว่า น้องปุณณ์ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ไล่เตะทำคะแนนจากคู่ต่อสู้ทุกคน จนสามารถคว้าเหรียญทอง ชนะเลิศ การแข่งขันเทควันโด รายการ “ภูเก็ต สปอร์ต ซิตี้ เทควันโด โอเพ่น 2025” ประเภทเยาวชนชาย อายุ 15-17 ปี น้ำหนัก 48-51 กก.ได้สำเร็จ พร้อมถ้วยรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนท์ สร้างความปลื้มปิติและยินดีให้ตัวเองและครอบครัว ตลอดจนชมรมเทควันโดจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างมาก ถือเป็นดาวดวงใหม่แห่งวงการเทควันโดไทยที่อนาคตไกล

น้องปุณณ์ เผยต่อว่า มีรายการแข่งขันต่อไปที่ประเทศมาเลเซีย ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2568 นี้ ซึ่งหลังจากนี้จะได้เตรียมความพร้อมของร่างกายเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในรายการต่างประเทศ ส่วนรายการแข่งขันอื่น ต้องทางโค้ชสรุปความแน่นอนอีกครั้ง ซึ่งจะตั้งใจทำผลงานให้ดีอย่างต่อเนื่องต่อไปด้วย

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยว จัดกิจกรรม “ปั่นขึ้นภู ดูหินสามวาฬ บึงกาฬพาเลาะ” โดยชมรมจักรยานทั่วประเทศเข้าร่วมกว่า 500 คน

ชมรมจักรยานจังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับจังหวัดบึงกาฬ โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ จัดกิจกรรมต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวจังหวัดบึงกาฬ “ปั่น

ขึ้นภู ดูหินสามวาฬ บึงกาฬพาเลาะ มีจุดเริ่มต้นที่ถนนข้าวเม่าริมโขง ถึงแลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัด คือ หินสามวาฬ รวมระยะทางไปกลับ 63 กิโลเมตร

โดยมีนายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ, รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ, หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมปล่อยตัวนักปั่นจากชมรมจักรยานของ

จังหวัดต่าง ๆ กว่า 500 คน ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมสุขภาพสร้างความรักในธรรมชาติ และกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในจังหวัดบึงกาฬ ในช่วงวันหยุดยาวนี้ด้วย

นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า กิจกรรม “ปั่นขึ้นภู ดูหินสามวาฬ บึงกาฬพาเลาะ” เป็นมากกว่าการปั่นจักรยาน เพราะเป็นการเชื่อมโยงผู้คนกับพื้นพื้นที่

เชื่อมหัวใจกับภูเขา เชื่อมวิถีชุมชนกับโลกภายนอก ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวที่สวยงามบนพื้นฐานของความยั่งยืน สู่จุดหมายปลายทางที่เปี่ยมด้วยพลังอย่าง “หินสามวาฬ” หนึ่งในสัญลักษณ์แห่งศรัทธาและความภาคภูมิใจของชาวบึงกาฬ

การรวมพลังของนักปั่นจากทุกสารทิศ จึงเป็นภาพสะท้อนของความร่วมมือที่เข้มแข็ง ความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาจังหวัด และความห่วงใยในสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมของพี่น้องประชาชน ซึ่งล้วนสอดคล้องกับนโยบายการขับเคลื่อน Soft Power ด้านการท่องเที่ยว และเป้าหมายของแผนพัฒนาจังหวัดบึงกาฬ

จึงขอขอบคุณชมรมจักรยานจังหวัดบึงกาฬ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ และหัวหน้าส่วนราชการทุกท่านที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมในครั้งนี้ ตลอดจนภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันทำให้กิจกรรมนี้เกิดขึ้นอย่างสร้างสรรค์ และงดงาม

สำหรับหินสามวาฬ เป็นกลุ่มหินอายุกว่า 75 ล้านปี ซึ่งอยู่ภายในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู จังหวัดบึงกาฬ เป็นหน้าผาหินทรายขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายกับวาฬสามตัว พ่อแม่ลูก จึงได้ชื่อว่า หินสามวาฬ เป็นจุดแลนด์มาร์กที่สำคัญของจังหวัด

และถือเป็นสัญลักษณ์ของครอบครัวด้วย นอกจากนี้ จะมีวิวทิวทัศน์ที่งดงาม โดยหากมองจากหินสามวาฬ เราจะเห็นสวนยาพารา แม่น้ำโขง ภูเขาควายฝั่ง สปป.ลาว รวมถึงหากมาเที่ยวในช่วงเช้า จะได้ชมดวงอาทิตย์ขึ้น และรับแสงแรกของวันจากที่นี่ด้วย

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล/บึงกาฬ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สลด เด็กน้อยฝาแฝดกับเพื่อน จมดับ 3 ราย ต่อหน้าน้องวัย 4 ขวบ ด้าน ญาติๆต่างร่ำไห้แทบขาดใจ

***เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 31 พ.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิศรีสะเกษสงเคราะห์ จุดอำเภอราษีไศล รับแจ้งเหตุมีเด็กจมน้ำสูญหาย จำนวน 3 ราย ที่หนองน้ำกลางทุ่งนา บ้านดอนม่วง ตำบลหนองอึ่ง อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ หลังทราบเรื่องได้ประสานมูลนิธิศรีสะเกษสงเคราะห์ จุดอำเภออุทุมพรพิสัย สนับสนุนชุดกู้ภัยทางน้ำ จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุเพื่อให้การช่วยเหลือ
***ที่เกิดเหตุ เป็นหนองน้ำ อยู่กลางทุ่งนา ห่างจากตัวหมู่บ้าน ประมาณ 1 กิโลเมตร พบชาวบ้านอยู่ในหนองน้ำช่วยกันค้นหาร่างของเด็กทั้ง 3 ราย ทราบชื่อภายหลังคือ น้องน้ำ เด็กหญิงปภัสสร บัวใหญ่ อายุ 9 ปี น้องฟ้า เด็กหญิงจารุวรรณ เถาหอม อายุ 10 ปี และ น้องฝน เด็กหญิงจุฑามาศ เถาหอม อายุ 10 ปี ซึ่งน้องฟ้าและน้องฝน เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ทำการช่วยเหลือหลังจาก ช่วยกันนำร่างของของเด็กหญิงทั้ง 3 คน ขึ้นจากน้ำ ก่อนที่จะนำส่งโรงพยาบาลอำเภอราษีไศล เพื่อให้แพทย์ทำการช่วยชีวิ เด็กหญิงทั้ง 3 คน สุดท้ายก็ไม่สามารถทำการยื้อชีวิตไว้ได้ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความเสียใจของญาติพี่น้องของเด็กหญิงทั้ง 3 คน ญาติบางคนถึงขณะเป็นลมล้มพับ กลางโรงพยาบาลอำเภอราษีไศล

***น้องพีช อายุ 4 ขวบ เด็กชายที่เป็นเพื่อนเล่นกับกลุ่มเด็กหญิงที่เสียชีวิตทั้ง 3 คน เล่าให้ฟังว่า ตนและพี่ๆพากันปั่นจักรยานเล่น รอบหมู่บ้าน ก่อนที่จะไปยังหนองน้ำกลางทุ่งนา ตอนแรกก็หยอกล้อเล่นกันข้างหนองน้ำ แต่พี่สาวทั้ง 3 คน เห็นว่าชุดเปื้อนเลยตัดสินใจ ลงไปเล่นน้ำในหนองน้ำ ก่อนจะเห็นพี่พากันจมลงไปในน้ำหายไปต่อหน้าต่อตา ด้วยความตกใจ ตนจึงรีบวิ่งเข้ามาภายในหมู่บ้าน เพื่อตามหาผู้ใหญ่ให้มาช่วย

***นางราตรี เถาหอม อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นย่าของ น้องฟ้า น้องฝน (เด็กฝาแฝด) เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเลี้ยงเด็กแฝดทั้งสองมาตั้งแต่เด็กทั้งอายุได้ 1 เดือน เลี้ยงมาจนตอนนี้เด็กทั้งคน อายุได้ 10 ปี ซึ่งตอนนี้ทั้งสองคนเรียนอยู่ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ก่อนหน้านี้ ตนไม่เคยคิดเลยว่าหลานของตนทั้งสองคนจะออกไปเล่นน้ำในสระ เพราะหลานทั้งสองปกติจะไม่ชอบเล่นน้ำ โดยปกติหลานทั้งสองคนจะขอออกไปปั่นจักรยานเล่นแค่บ้านป้า และละแวกใกล้บ้านพอถึงเวลาก็จะกลับบ้าน ตนได้บอกหลานทุกเสมอว่าถ้าออกไปเล่นก็ให้รีบกลับบ้าน จนถึงช่วงเกิดเหตุมีคนวิ่งมาบอกว่าหลานของตนจมน้ำเสียชีวิตตนรู้สึกตกใจ และรีบออกไปยังจุดเกิดเหตุ พอไปเห็นเหตุการณ์ทำให้ตนรู้สึกใจหาย ทำใจไม่ได้ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนต้องมาสูญเสียหลานไป

***นางราตรี กล่าวต่อไปว่า หลานของตนทั้ง 2 คน เป็นเด็กดีเรียนหนังสือเก่ง เป็นเด็กมีความรับผิดชอบ เป็นระเบียบเรียบร้อย ดูจากเสื้อผ้ารองเท้าที่ใส่จะจัดเรียงกันเป็นระเบียบ หลานทั้งสองจะช่วยทำงานบ้านล้างจานหุงข้าวกวาดบ้าน ตนหวังมาตลอดถ้าหลานทั้งสองของตนโตขึ้นจะช่วยทำงานแบ่งเบาภาระและเลี้ยงดูตนในยามแก่เฒ่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 10 วัน ตนฝันว่าหลานแฝดของตนจมน้ำเสียชีวิต 1 คน ตื่นขึ้นมาตนจึงเอาฝ้ายผูกแขนเพื่อเรียกขวัญหลาน และก่อนเกิดเหตุ 1 วัน ช่วงกลางวันมีอีกามาร้องในละแวกบ้านตนพอตกกลางคืนมีหมาหอนตลอดทั้งคืนตน ซึ่งตนได้ไม่คิดเลยว่าจะเป็นลางมาบอกเหตุร้ายในครั้งนี้

***นางอุทัย เบิกบาน อายุ 56 ปี ย่าของน้องน้ำ ปภัสสร อายุ 9 ปี หนึ่งในเด็กหญิงที่เสียชีวิต เปิดเผยว่า น้องพีชได้วิ่งมาบอกตนที่บ้านด้วย ว่า น้องน้ำ น้องฟ้าและน้องฝน จมน้ำ ด้วยความตกใจ ตนจึงรีบวิ่งไปยังหนองน้ำและกระโดดลงไปเพื่อหาร่างน้อง แต่ด้วยน้ำค่อนข้างลึกทำให้ตนไม่สามารถช่วยน้องได้ จึงได้ขับจักรยานยนต์และตะโกนบอกให้ชาวบ้านในหมู่บ้านให้เข้ามาช่วยกัน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาถึง จึงพบร่างน้อง และช่วยกันปั้มหัวใจ ก่อนที่จะนำส่งมายังโรงพยาบาลอำเภอราษีไศล ตนจึงตามมาด้วย เพราะความเป็นห่วงหลานที่เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด แต่สุดท้าย เมื่อรู้ว่าน้องได้สิ้นใจแล้ว ตนจึงร้องไห้ด้วยความเสียใจก่อนจะเป็นลมหมดสติไป ซึ่งตอนนี้น้องฝน อายุเพียง 9 ปี และยังเรียนอยู่เพียง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลับมาต้องเสียชีวิต ทำห้ตนยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ประชาชน!! ร้องเรียนขอความเป็นธรรม สมาคม อสมช.ภาคประชาชน

สืบเนื่องมาจาก นายวรวัฒน์ เหลืองห่อ อายุ 36 ปีได้ร้องเรียนมายัง นายสมพงษ์ มีน้อย เลขานุการสมาคมคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (ภาคประชาชน) ทางเลขาสมาคมฯ ได้ไตร่ตรองและส่งเรื่องมายังสมาคมฯสาขาใหญ่ เพื่อให้ลงพื้นที่ตรวจสอบและช่วยเหลือดังกล่าว

วันนี้ (31 พ.ค.68) เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชาย แก้วสุทธิ นายกสมาคมองค์การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (ภาคประชาชน) ร.ต.ท.ประดิษฐ์ ชมผาสาท อุปนายกสมาคมฯ นายสมพงษ์ มีน้อย เลขานุการสมาคมฯ นส.บำเพ็ญ ศรีพานัด ผู้ช่วยเลขานุการสมาคมฯ พร้อมผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี เนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนจาก นายวรวัฒน์ เหลืองห่อ อายุ 36 ปี

(ซึ่งเป็นพ่อของผู้เสียชีวิต) สืบเนื่องมาจากวันที่ 18 พ.ค.2568 เวลา 20.20 น. ได้มี นส.จิรัญสยา โคตน (ชื่อเดิม) หรือ นส.สุทัตตา เหลืองห่อ อายุ 15 ปี (ชื่อใหม่) คนขับรถจักรยานยนต์ ผู้เสียชีวิต และ ด.ญ.รัชนีวรรน เหลืองห่อ อายุ 11 ปี ผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บ สาหัส สลบไป 3-4 วันไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะตนได้ขับรถไปตอนกลางคืนที่

สะพานบ้านหนองค้า ต.กบินทร์บุรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี แล้วแถวนั้นไม่มีป้ายไฟแจ้งเตือน หรือไฟปลายทาง บริเวณนั้นมืดสนิท มีคนจอดรถกระบะไว้ชิดซ้ายกลางสะพาน โดยไม่เปิดไฟสัญญาณเลยชนเต็มที่ จนมีผู้เสียชีวิต 1 รายและสาหัส 1 ราย

นายกสมาคมฯ เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่วันนี้เคสช่วยเหลือและติดตามไปที่ สถานีตำรวจภูธรกบินทร์บุรี เพื่อขอให้ทาง สภ.ได้สืบข้อเท็จจริงและนัดหมายสอบปากคำเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ทางสมาคมองค์การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (ภาคประชาชน) เป็นสื่อกลาง ให้คำปรึกษา ปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ต่อไป. ภาพ-ข่าว / วงศกร ปราจีน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตร.เชียงรายจับกุม ผู้ต้องหา 2 คน พร้อมของกลางยาบ้า 19 กระสอบ รวม 3,800,000 เม็ด และ รถยนต์ 1 คัน เหตุเกิดพื้นที่ สภ.บ้านดู่ จ.เชียงราย

31 พ.ค.2568 เวลา 11.50 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.เชียงราย ร่วมกับ
สภ.เมืองเชียงราย, สภ.บ้านดู่, สภ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือ นายอาโซ อายุ 26 ปี ที่อยู่ หมู่ 1 ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย นายอาตือ ไม่ทราบนามสกุล สัญชาติเมียนมา ( บาดเจ็บ)

    พร้อมของกลาง 1 ยาบ้า จำนวน 19 กระสอบ รวม 3,800,000 เม็ด
    2 รถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า CRV สีดำ ทะเบียรน เชียงราย บรรทุกยาเสพติดเหตุเกิด ถนนหลังสนามบินแม่ฟ้าหลวง หมู่ที่ 10 บ้านปางลาว ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย

    พฤติการณ์ เจ้าหน้าตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาเสพติดบริเวณถนนข้างสนามบินแม่ฟ้าหลวง ต.บ้านดู่ อ.เมือง จว.เชียงราย โดยใช้รถยนต์สีดำ จึงออกสืบสวนติดตามจับกุมต่อมาตามวันเวลาเกิดเหตุพบรถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า สีดำ เลขทะเบียน เชียงราย จอดอยู่บริเวณถนนหลังสนามบินแม่ฟ้าหลวง ฯ

    จึงแสดงตนขอทำการตรวจค้น แต่รถยนต์คันดังกล่าวได้ขับหลบหนีและได้ประสบอุบัติเหตุตกร่องน้ำ พบผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 2 อยู่ในรถ จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ โดยนายอาตือ ผู้ต้องหาที่ 2 ได้รับบาดเจ็บจึงนำตัวส่งรักษาตัวที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ตรวจค้นในรถพบยาบ้า จำนวน 19 กระสอบ รวม 3,800,000 เม็ด จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    …สมจิตรแสงบัลลังค์รายงาน

    สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง