สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ประธานมูลนิธิจิ้นง่วนเส็ง ตั้งโรงทาน มอบข้าวสารให้ประชาชน ทั้งอ.หนองม่วง มากกว่า 2,800 ถุง

วันที่22 ธันวาคม 2567 เวลา 08.00 น. เนื่องในโอกาสครบรอบการก่อตั้งมูลนิธิจิ้นง่วนเส็ง ครบ 5 ปี ต.หนองม่วง อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี นายปรัชญา เปปะตัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ประธานพิธี นายนรินทร์ คลังผา ส.ส.จังหวัดลพบุรี เขต4 ข้าราชการ พ่อค้าประชาชนเดินทางมาร่วมในพิธีอย่างคับคั่ง ซึ่งในช่วงเช้าได้มีพิธีสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ พิธีจุดตะเกียงบูชาดาวเสริมโชค เสริมมงคล ต่อดวงชะตาชีวิตให้กับครอบครัวและประชาชนทุกคน

มูลนิธิจิ้นง่วนเส็ง ตั้งอยู่เลขที่ 188 หมู่ที่ 6 ต.หนองม่วง อ.หนองม่วง ลพบุรี ถนนสายโคกสำโรง-หนองม่วง หน้าบริเวณอาคารตึกแถวที่ทำการมูลนิธิจิ้นง่วนเส็ง มีชาวบ้านกว่า 2 พันคน มายืนเข้าคิวต่อแถวยาวกว่า 100 เมตร เพื่อรับข้าวสาร และอาหารปรุงสุกจากโรงทานกว่า 30 ร้าน มีทั้งอาหารหวานคาว ขนม น้ำดื่ม และผลไม้ ประชาชนยืนรอต่อแถวต่อกันเป็นแถวยาว โดยมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิจิ้นง่วนเส็ง คอยกำกับดูแล แจกคูปองอย่างมีระบบ และมีระเบียบ ซึ่งชาวบ้านที่มารับอาหารทุกรายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

นายนันธชัย เตียวสมบูรณ์กิจ อายุ 51 ปี รองประธานมูลนิธิฯ ได้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ ถึงประวัติความเป็นมา ที่มูลนิธิจิ้นง่วนเส็งได้ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเกียรติประวัติรางวัลชีวิตให้กับ ”ป๋าเฉี่ยง” และเป็นการเชิดชูวงศ์ตระกูลและบรรพบุรุษ หวังเพื่อเป็นการช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ รวมถึงการบริจาคโลงศพให้กับศพไร้ญาติ สิ่งจำเป็นสำหรับศพ ไร้ญาติ ช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย พิการ รวมถึงจัดส่งผู้เจ็บป่วย ประสบอุบัติเหตุ หรือศพผู้เสียชีวิต อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมผู้มีจิตศรัทธา รวบรวมของบริจาคเช่นทรัพย์สิน สิ่งของเพื่อนำไปก่อเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

ในโอกาสครบรอบการก่อตั้งมูลนิธิฯ ครบ 5 ปี นายวิบูลย์ นางรัชนี เตียวสมบูรณ์กิจ นายชนาเมธ เตียวสมบูรณ์กิจ นายจิรยุทธ์ เตียวสมบูรณ์กิจ พร้อมครอบครัว ได้จัดทำเกียรติบัตรให้กับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยฯ จำนวน 2 รางวัล “รางวัลมังกรแดง” พร้อมเงินสดรางวัลละ 5,000 บาท จากการโหวตทีมกู้ภัยทั้งหมด 28 คน ได้รับรางวัลได้รับรางวัลเพียง 2 ท่านที่ได้กระทำคุณงามความดีช่วยเหลือสังคมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

โดยได้รับเกียรติจาก นายปัชญา เปปะตัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นผู้มอบ ก่อนที่จะแจกอาหาร ข้าวสาร ให้กับชาวบ้าน ที่มารอรับ ซึ่งการแจกรองทานอาหารเริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. ไปจนถึงเวลา 15.00 น. เพื่อเลี่ยงความแออัดของชาวบ้านที่มารอรับ ลดการคับคั่งจราจรบนเส้นทาง โดยทุกคนที่มา ที่มีคูปองจะได้รับแจกทุกคน หลังจากรับประทานอาหารจากโรงทานเสร็จก็รับข้าวสารกลับบ้าน ประชาชนที่มาต่างยกมือท่วมหัวอนุโมทนากุศล ที่ทุกครั้งที่เดือดร้อน ถึงทางตันมาที่มูลนิธิฯ แห่งนี้ จะได้รับความช่วยเหลือไม่มีความลังเล

โดยท่านปรัชญา เปปะตัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรียังได้กล่าวอีกว่า จากคำกล่าวรายงาน ของคณะกรรมการจัดตั้งมูลนินิธิจิ้นง่วนเส็ง จะเห็นได้ว่า ได้ก่อตั้งมูลนิธิจิ้นง่วนเส็ง เป็นองค์กรที่ ช่วยเหลือประชาชน เพื่อบริจาคโลงศพ และ
สิ่งจำเป็นให้กับ ศพไร้ญาติ ให้การช่วยเหลือต่อผู้เจ็บป่วย ผู้พิการ เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือกู้ภัย ประรวมถึง จัดส่งผู้เจ็บป่วย ผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ หรือศพผู้เสียชีวิต เพื่อ เป็นศูนย์รวมผู้มีจิตศรัทธา รวบรวมของบริจาคเช่น ทรัพย์สิน และสิ่งของเพื่อนำไป

ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนอยู่เป็นประจำในการจัดสัมมมาครั้งนี้ ผมรู้สึกได้ถึงความตั้งใจของคณะกรรมการผู้จัดงานที่ได้จัดทำบุญ จัดตั้งโรงทาน และแจกข้าวสารให้กับประชาชนได้นำกลับไปใช้ชีวิตประจำวันของทุกท่าน ขอขอบคุณคณะ ผู้ดำเนินงาน และผู้เกี่ยวข้องในการจัด
กิจกรรมทุกท่าน ขอให้การจัดกิจกรรมครั้งนี้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของการจัดงานด้วย

สนอง แท่นสูงเนิน ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี อนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี สื่อรัฐนิวส์ / “พรรคเพื่อไทย” เปิดตัวผู้สมัคร โทนี่วีดีโออ้อนคะแนน คนเสื้อแดง สู้ศึกนายกอบจ.เชียงราย

“พรรคเพื่อไทย” เปิดตัวผู้สมัคร โทนี่วีดีโอทักทายอ้อนคะแนน คนเสื้อแดง ชาวเชียงรายสู้ศึกนายกอบจ.เชียงราย ส่งสจ.ครบทุกเขต ช่วยสลักจฤฎดิ์ ว่าที่นายกอบจ.คนใหม่พัฒนาเมืองเชียงราย โชว์วิสัยทัศน์เกทับนโยบายคู่ต่อสู้ หลังได้เบอร์ ประเดิมเดินสายปราศัยใหญ่ถิ่น อดีตนายกอบจ.เชียงราย

พื้นที่เขต3 อำเภอเทิงต่อคนนับหมื่น ระดมสส.เพื่อไทยช่วยหาเสียงช่วงชิงคะแนนย้ำต้องเพื่อไทยเท่านั้นที่จะประสานรัฐบาลแก้ปัญหาพัฒนาเชียงราย
เมื่อเวลา 10.00น.วันที่ 22 ธันวาคม 67 ที่ห้องประชุมใหญ่สโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ว่าที่ผู้สมัครนายกอบจ.เชียงราย สังกัดพรรคเพื่อไทย ได้เปิดตัวผู้สมัครสมาชิกสภาจังหวัดเชียงราย ทั้งครบ 36 เขต ของจังหวัดเชียงราย

โดยหลังจากเปิดตัวผู้สมัครแล้ว ได้ปราศัย เปิดนโยบายหลัก 5ข้อ 1.นโยบายผลักดันสินค้าและบริการเชียงราย สู่แบรนด์ระดับโลก ส่งเสริมสินค้าเกษตรปลอดภัย และจัดเทศกาลนานาชาติ 1.โดรนการเกษตรประจำตำบล ตั้งศูนย์โดน 124ตำบล พร้อม 1ตำบล1 นักบินโดรน ลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต และแก้ปํญหาไฟป่า 3.ศูนย์บาดาลเพื่อการเกษตร จัดตั้งศูนย์บาดาลเพื่อให้เกษตรมีแหล่งน้ำเพียงพอ และใช้ระบบระบบน้ำประหยัดพลังงาน 4.ถนนเศรษฐกิจวัฒนธรรมรอบสถานี พัฒนา รอบสถานี 18แห่ง

ส่งเสริมการค้าชุมชน จัดระบบขนส่ง EV Cars เขื่อมโยงจากสถานีหลักสู่สถานีมหาวิทยาลัย อำเภอแม่จัน อ.แม่สาย อ.เชียงแสน 5 ทุ่งนาสนามกล์อฟและ Homestay Agrourism พัฒนาท้องเที่ยวเชิงกีฬา โฮมสเตย์ใน ทุกตำบล
ศูนย์บริการของรัฐและชุมชน การกระจายรายได้ให้ชุมชน ประโยชน์ ชาวบ้านและชุมชนที่จะได้รับ การสร้างงานท้องถิ่น การเพิ่มมูลค่าเพิ่มเศรษฐกิจชุมชน เพิ่มโอกาสทางการศึกษาและการพัฒนา

ด้านเมืองแห่งความเป็นเลิศระดับโลก เชียงรายครัวอาหารปลอดภัยของชาติ เมืองหลวงชากาแฟของโลก เมืองกีฬาระดับโลก เมืองศิลและศิลปะระดับโลก นางสลักจฤฎดิ์ ยังได้กล่าวสร้างความมั่นใจในการชิงคะแนนคว้าชัยในตำแหน่งนายกจากอบจ.คนเก่าได้อย่างแน่นอนและขอให้ประชาชนคนเชียงรายเสื้อแดงและคนที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงเชียงรายโปรดเลือกพรรคเพื่อไทย สลักจฤฎดิ์ ติยะไฟรัตน์ สานนโยบายรัฐบาลรัฐบาลเพื่อให้เชียงรายเป็นเมืองเศรษกิจพิเศษอย่างสมบูรณ์

ธนกฤต วรรมณี ทีมข่าว เชียงรายรายงาน.

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รมช.เปิดโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเปิดใช้ ถ.มห.3019 แยก ทล.212 – บ้านบางทรายใหญ่ มุกดาหาร

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเปิดใช้ถนนมห.3019 แยก ทล.212 – บ้านบางทรายใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนเดินทางอย่างสะดวกและปลอดภัย

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม​ 2567​ เวลา 9.00 น. นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ของกระทรวงคมนาคม พร้อมเปิดใช้ถนนสาย มห.3019 แยก ทล.212 – บ้านบางทรายใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนได้รับความสะดวกปลอดภัยและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า​ กรมทางหลวงชนบทได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมในการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานทางหลวงชนบท สนับสนุนการคมนาคมขนส่งและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจังหวัดมุกดาหารซึ่งเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษจึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงถนนสายดังกล่าวให้ความสมบูรณ์

ตามนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจเพิ่มศักยภาพการขนส่งระหว่างนิคมอุตสาหกรรมกับสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่สองสู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและจังหวัดใกล้เคียงสนับสนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนส่งเสริมการเพิ่มขีด สมรรถนะทางเศรษฐกิจของประเทศตามนโยบายส่งเสริมและยกระดับเปิดประตูการค้าการท่องเที่ยวเพื่อเชื่อมโยงการเดินทางทุกมิติ

สำหรับพื้นที่โครงการตั้งอยู่บริเวณตำบลโพนทรายและบางทรายใหญ่อำเภอเมืองจังหวัดมุกดาหารมีจุดเริ่มต้นบริเวณ ทล.12 และไปสิ้นสุดที่บริเวณ ทล.212 ซึ่งในช่วง 4 กิโลเมตรแรกจะขยายถนนจากสองช่องจราจรเป็นสี่ช่องจราจรส่วนที่เหลือดำเนินการก่อสร้างถนนใหม่ทั้งหมด

ไปถึงจุดสิ้นสุดโครงการเชื่อมกับสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่สองโดยเป็นถนนผิวจราจรแบบคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดสี่ช่องจราจรไปกลับและทางเท้าบริเวณชุมชนพร้อมสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กสี่แห่งติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างเครื่องหมายจราจรสิ่งอำนวยความ ปลอดภัยและและระบบระบายน้ำน้ำใช้งบประมาณ 804.159 ล้านบาท

ทั้งนี้มีนายวรญาณบูรณราชผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารพร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงและหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมสื่อมวลชนและประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับโดยมีนายมนตรีเดชาสกุลสมอธิบดีกรมทางหลวงชนบทเป็นผู้กล่าวรายงาน

ภาพ​/ข่าว​ BB ชญาภรณ์
เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ศึกรวมพลคนรักมวย เพื่อส่งเสริมมวยต้นกล้ามวยไทยให้ห่างไกลยาเสพติด

วันที่ 21 ธันวาคม 2567 ศึกรวมพลคนรักมวย เพื่อส่งเสริมมวยต้นกล้ามวยไทยให้ห่างไกลยาเสพติด ประธานกิตติมศักดิ์ กิตติมศักดิ์ ตระกูลฤทธิ์บำรุง ( อบต.เก่ง ) และเป็นวันคล้ายวันเกิดด้วย และเจ้าของค่ายมวยแต่ละค่ายก็เอากระเช้ามาร่วมอวยพร หลายๆค่ายและเพื่อนสนิทมิตรสหายและแฟนมวยอีกหลายท่าน

ที่มาร่วมงานครั้งนี้ และได้ให้เกียรติคล้องพวงมาลัยให้กับนักมวย เพื่อเป็นกำลังใจให้กับนักมวย นายอานนท์ ธรรมเจริญ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเเลง (รองติ่ง) ผู้ใหญ่ ปรีชา สกุลชื้อ (ผช.โก) และนายศุภเกียรติ ลิขิต
และ นาย วสันต์ ยอดสร้อย รองประธานสภา อบต.เขาไม้แก้ว
และเจ้าของค่ายมวยใต้เพชรบุรีก็ขึ้น

ให้เกียรติคล้องพวงมาลัยให้กับนักมวย และโชควิทยาและรายชื่อผู้สนับสนุน
คุณ ภาวัต ปานนิวัฒน์สมชาย พัทยาปราการชัย ดีบุญชัยครูดวงเด่น เหมาะสนาม
ป้อม พัทยา และแดเนียล ชิลค์มวยไทย และขาดไม่ได้ 2 ท่านนี้
คู่แฝดภาคตะวันออก หมวดมด

ศิษย์ผู้พันตู่ น้องนิคม 2 โปรโมเตอร์ หนึ่งพิชิต ศิษย์ผู้พันตู่ ดูแลค่ายมวย ณ.สนามมวยชั่วคราวนิคมพัฒนาซอย 13 ต.มะขามคู่ อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง
เอ คนข่าวรายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /“เฉลิมชัย” ติดตามการทำหมันลิงเขาช่องกระจก/บลูพอร์ต หัวหิน” ชวนตักบาตรส่งท้ายปีรับโชคดีปีใหม่ 2568/บลูพอร์ต หัวหิน” ชวนตักบาตรส่งท้ายปีรับโชคดีปีใหม่ 2568/ผู้การภาค 7 สั่งระดมทีมสืบสวนควานหาตัวผัวเก่ายิงผัวใหม่ดับ 2 เจ็บ 1/หาชมยาก ช้างป่ากุยบุรีพลอดรักกลางธรรมชาติในช่วงฤดูหนาว

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.67 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนาม โครงการการแก้ไขปัญหาสัตว์ป่าในเมืองโดยการควบคุมประชากรลิง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่บริเวณพื้นที่เขาช่องกระจก อ.เมือง จ.ประจวบฯ มี นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฯ นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฯ หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานภาคสนาม ให้การต้อนรับ

โดย รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ซึ่งประกอบด้วยจุดตรวจคัดกรองสุขภาพลิง จัดทำประวัติ ก่อนดำเนินการทำหมันลิงทั้งเพศผู้และเพศเมีย จากนั้นจะมีการสักทำสัญลักษณ์ที่แขนของลิงที่ทำหมันแล้ว บางตัวหากตรวจพบเป็นโรคสัตวแพทย์จะให้ยารักษา ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าวเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 16 – 30 ธ.ค.67 มีเป้าหมายทำหมันลิงจำนวน 300 ตัว พร้อมกันนี้ ดร.เฉลิมชัยได้มอบถุงยังชีพเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมระบุว่า จะมีการเคลื่อนย้ายลิงแสมเขาช่องกระจกบางส่วนไปไว้ที่กรงพักพิงลิงที่ทางกรมอุทยานฯ ได้จัดเตรียมไว้ที่หัวหินเพื่อลดจำนวนลิงลง โดยโครงการการแก้ไขปัญหาสัตว์ป่าในเมืองโดยการควบคุมประชากรลิง เป็นไปตามนโยบายแก้ไขปัญหาสัตว์ป่าสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อควบคุมประชากรลิงไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้นจนสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว.

นายภัทรพล มณีอ่อน นายสัตวแพทย์สัตว์ป่า ประจำกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า กระบวนการทำหมันลิงถือเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาลิงแสมเขาช่องกระจก ซึ่งจะเขื่อมโยงไปถึงการดูแลคนและสิ่งแวดล้อมด้วย โดยขณะนี้สามารถจับลิงมาทำหมันได้แล้วกว่า 100 ตัว จากเป้าหมาย 300 ตัว ซึ่งที่โรงพยาบาลสนาม จะมีการคัดกรอง จัดทำประวัติ ทำหมัน ทำบัตรประชาชนลิง จากประสบการณ์ที่ทำหมันลิงมา ลิงจะเป็นหมัน 100% ไม่มีการตั้งท้องอีก ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญของปัญหาลิงคือการที่คนให้อาหารลิงอย่างไม่เหมาะสม ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่คนกินซึ่งมีรสชาติหวาน หอม มีพลังงานสูง ทำให้ลิงร่างกายแข็งแรง มีโอกาสขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นทำให้จำนวนประชากรลิงมากขึ้นแบบก้าวกระโดด ส่วนการเคลื่อนย้ายลิงบางส่วนไปยังสถานที่ที่มีความเหมาะสมกว่า ทางกรมอุทยานฯ มีโมเดลที่ทำแล้ว

ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อชุมชน รวมทั้งลิงเองก็จะปลอดภัย เพราะจากการตรวจสุขภาพลิงที่ รพ.สนาม พบว่าบางตัวมีลูกแก้วในคอ มีบาดแผลจากการโดนกัด ขนร่วงเป็นขี้เรื้อน บางตัวพบเป็นโรคไต สาเหตุจากอยู่ในสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมโดยเฉพาะด้านโภชนาการ ถือเป็นผู้ป่วยที่ต้องดูแลสุขภาพ ปรับพฤติกรรม และหาพื้นที่เหมาะสมให้อยู่ หากมีการบริหารจัดการลิง คน สิ่งแวดล้อม เชื่อว่าเขาช่องกระจกจะเป็นแลนมาร์กสำคัญของ จ.ประจวบฯ โดยควรจะเหลือลิงไว้ในจำนวนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับปริมาณอาหารในพื้นที่.

บลูพอร์ต หัวหิน” ชวนตักบาตรส่งท้ายปีรับโชคดีปีใหม่ 2568

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.67 ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน จ.ประจวบฯ เตรียมจัดงานทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พระภิกษุสงฆ์จำนวน 99 รูป เนื่องในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ.2568 ในวันอังคารที่ 31 ธันวาคม 2567 เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป ณ ลานเดอะ สแควร์ หน้าศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน โดยงานนี้ถือเป็นงานที่ทางบลูพอร์ต หัวหิน จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี เพื่อให้บุคลากรในองค์กร ร้านค้า ประชาชนทั่วไป และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้มาร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งร่วมกัน เพื่อเสริมสิริมงคลให้ตนเองและครอบครัว เสริมโชคลาภ และความราบรื่นในชีวิตการงาน ต้อนรับปีใหม่ที่จะมาถึงและร่วมกันส่งเสริมอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทยให้คงอยู่สืบไป

ในโอกาสนี้จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน และประชาชนทั่วไปในพื้นที่จ.ประจวบฯ และพื้นที่ใกล้เคียง รวมไปถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้าร่วมพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์จำนวน 99 รูป ในวันอังคารที่ 31 ธันวาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป ณ ลาน เดอะสแควร์ บลูพอร์ต หัวหิน จ.ประจวบฯ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ บลูพอร์ต หัวหิน โทร.032-905111, Facebook: Bluport Hua Hin Official หรือ Line: @Blupor

ผู้การภาค 7 สั่งระดมทีมสืบสวนควานหาตัวผัวเก่ายิงผัวใหม่ดับ 2 เจ็บ 1 ราย ให้ได้โดยเร็วที่สุด คืบหน้าผัวเก่ายิงผัวใหม่ดับ 2 เจ็บ 1 ราย ล่าสุดผู้การภาค 7 สั่งระดมทีมสืบสวนควานหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุให้ได้ คาดว่าหนีกบดานในป่าชายแดนไทย-เมียนมาร์**

วันที่ 20 ธ.ค.67 ผู้สื่อข่าวจังหวัดประจวบรายงานความคืบหน้ากรณีเหตุอดีตผัวเก่าใช้อาวุธปืนดักยิงผัวใหม่ และญาติบาดเจ็บ 1 ราย และเสียชีวิต 2 ราย ในที่เกิดเหตุ คืบหน้าล่าสุด พ.ต.อ.ภาคภูมิ โห้ใย รอง ผบก.ภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ดูแลฝ่ายงานสืบสวน พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิธิวัฒน์ ศรีทองจ้อย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เรียกระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนทั้งภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรอ่าวน้อย เจ้าหน้าที่ชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปภ.) ประชุมร่วมหารือกับชุดสืบสวนภูธรภาค 7 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สถานีตำรวจภูธรอ่าวน้อย เพื่อวางแผนเร่งติดตามหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งคาดว่าจะหนีกบดานหลบซ่อนตัวอยู่ตามบ้านญาติหรือคนรู้จัก

ในป่าสวนยาง และตามช่องทางธรรมชาติแนวชายแดนไทย-เมียนมาร์ เนื่องจากช่องทางดังกล่าวเป็นเส้นทางที่ขบวนการขนแรงงานเถื่อนข้ามชาติ และโจรกรรมรถจักรยานยนต์ รวมถึงสิ่งผิดกฎหมายอื่นส่งขายข้ามประเทศพร้อมกันนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุบริเวณที่พบรถจักรยานยนต์ล้มและจุดพบศพผู้เสียชีวิตถูกยิง เพื่อหาพยานหลักฐานอื่นๆเพิ่มเติม ก่อนสืบสวนหาพยานบุคคลจากญาติพี่น้อง และคนรู้จักใกล้ชิดในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับแล้ว โดยผู้ก่อเหตุชื่อ นายไพศาล คณา หรือเขื่อน อายุ 30 ปี มีอาชีพรับจ้างเลี้ยงวัวอยู่ในพื้นที่บ้านย่านซื่อ หมู่ 12 ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพื้นที่จุดเกิดเหตุ โดยแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่น , พยายามฆ่า , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

พ.ต.อ.ภาคภูมิ โห้ใย รอง ผบก.ภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ดูแลฝ่ายงานสืบสวน เปิดเผยว่า วันนี้ได้รับคำสั่งจากรักษาการผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กำชับให้มาเร่งรัดสอบสวนติดตามหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ทราบตัวผู้กระทำความผิดแล้วซึ่งอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลอนุมัติออกหมายจับติดตามจับกุมตัวต่อไป ซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นคนที่อื่นแต่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้มานาน มีอาชีพรับจ้างเลี้ยงวัว และเป็นคนไทย เคยถูกจำคุกมาก่อนและพึ่งพ้นโทษออกมา ซึ่งมูลของการก่อเหตุในครั้งนี้น่าจะเกี่ยวกับเรื่องชู้สาวแต่ทางตำรวจยังไม่ได้มีการตัดประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้องออกไป ซึ่งอยู่ในสำนวนของการสอบสวน ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้สั่งการให้สืบภาค สืบจังหวัด และสืบสวน สภ.อ่าวน้อย สนธิกำลังระดมไล่ล่าจับกุมหาตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งถ้าหากผู้ก่อเหตุหนีข้ามแดนทางตำรวจได้มีการประสานหน่วยงานความมั่นคงชายแดนในพื้นที่ไว้แล้ว ซึ่งในเบื้องต้นผู้ก่อเหตุกระทำคนเดียวคาดว่าอาจมีปัญหาความแค้นส่วนตัว และเรื่องของชู้สาว

หาชมยาก ช้างป่ากุยบุรีพลอดรักกลางธรรมชาติในช่วงฤดูหนาว


เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.67 นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เปิดเผยว่า มีการบันทึกภาพช้างป่าวัยเจริญพันธุ์ขณะกำลังเกี้ยวพาราสีและผสมพันธุ์กันภายในผืนป่ากุยบุรี จ.ประจวบฯ ซึ่งถือเป็นภาพที่หาชมได้ยาก การเกี้ยวพาราสีช้างเป็นกระบวนการที่ละเอียดอ่อนซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาสามสัปดาห์ของการปรับตัวให้เข้ากับการสืบพันธุ์ของช้างเพศเมีย ซึ่งเรียกว่าวงจรการเป็นสัด และเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงการขยายประชากรตามธรรมชาติของช้างป่าในผืนป่ากุยบุรี และสะท้อนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศของผืนป่ากุยบุรี

การผสมพันธุ์ของช้างป่าจะเกิดขึ้นเฉพาะในช่วงฤดูหนาว โดยช้างเพศเมียจะเริ่มพร้อมผสมพันธุ์เมื่ออายุประมาณ 18-20 ปี และจะสิ้นสุดวัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุราว 40-50 ปี ทั้งนี้ ช้างเพศเมียจะตั้งท้องนานประมาณ 19-21 เดือน และมักให้กำเนิดลูกครั้งละ 1 ตัว โดยจะมีระยะห่างระหว่างการตั้งท้องแต่ละครั้งประมาณ 3 ปี ตลอดช่วงชีวิตของช้างเพศเมีย 1 ตัว จะสามารถให้กำเนิดลูกได้เฉลี่ย 3-4 ตัว ซึ่งภาพความประทับใจในครั้งนี้ นับเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงการขยายประชากรตามธรรมชาติของช้างป่าในผืนป่ากุยบุรี และสะท้อนถึงความสำเร็จใน

การอนุรักษ์พื้นที่ป่าที่เป็นที่อยู่อาศัยของช้างป่าและสัตว์ป่านานาชนิด
ผืนป่ากุยบุรีถือเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญของการอนุรักษ์ช้างป่าในประเทศไทย ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์และเป็นที่อยู่อาศัยของช้างป่าจำนวนมาก การพบเห็นพฤติกรรมการผสมพันธุ์ตามธรรมชาติเช่นนี้ จึงเป็นความหวังของการดำรงอยู่และการสืบทอดเผ่าพันธุ์ของช้างป่าไทยต่อไป.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์/4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781



​สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/เลขาธิการ ป.ป.ส. ควงแม่ทัพภาค 2 ลงเรือตรวจสกัดกั้นการนำเข้ายาเสพติดตามแนวชายแดนไทย-ลาว จ.มุกดาหาร

วันที่ 21 ธันวาคม​ 2567​ พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด พร้อมด้วย พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2/ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พลตรี วีระยุทธ รักศิลป์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 พลเรือตรี ณรงค์ เอมดี ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง และ

คณะ เดินทางมาปฏิบัติภารกิจในการลาดตระเวนทางน้ำตามแนวชายแดนไทย-ลาว บริเวณเลียบแม่น้ำโขง พื้นที่อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพล โดยเน้นย้ำให้เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองทั้งช่องทางท่าข้ามที่อาจจะใช้ในการลักลอบทำผิดกฏหมาย และป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของชาติ

พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ กล่าวว่า การดำเนินการในครั้งนี้เป็นมาตรการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การลักลอบขนส่งยาเสพติดข้ามแดน และป้องปรามการกระทำผิดกฎหมายอื่น ๆ ตามแนวชายแดน เน้นย้ำให้เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันสกัดกั้นการสกัดการกระทำผิดกฎหมายตามชายแดนในการปราบปรามสิ่งผิดกฏหมายข้ามชาติทุกชนิดอย่างเด็ดขาดอันเป็นการสนองต่อนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการปราบปรามปัญหายาเสพติด ซึ่งรัฐบาลถือเป็นนโยบายเร่งด่วน และวาระแห่งชาติ

พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ กล่าวต่อว่า จากผลการปฏิบัติที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติดในพื้นที่ที่กำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จึงประกาศกำหนดพื้นที่มีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและผู้รับผิดชอบเพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปีงบประมาณ 2568 ให้หน่วยบัญชาการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24)

โดยรับผิดชอบพื้นที่อำเภอชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด 25 อำเภอ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึง 18 ธันวาคม 2567 ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร สามารถจับกุม 22 ครั้ง ผู้ต้องหา 17 ราย โดยมีของกลางยาบ้ามากถึง 17,804,240 เม็ด, ไอซ์ 0,053 กิโลกรัม, เคตามีน 1.79 กิโลกรัม, ยาอี 1,484 เม็ด และ ฝิ่น 0.66 กรัม

ปปส #กองทัพภาคที่2 #นรข #สถานีเรือมุกดาหาร

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รองผู้ว่าประจวบฯ เปิดงานเดินแบบผ้าไทยย้อนยุคในงาน “113 ปี / หัวหินถิ่นมนต์ขลัง ต้อนรับขบวนรถโบราณร่วมงาน หัวหิน วินเทจ คาร์ พาเหรด ครั้งที่ 22”

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 20 ธ.ค.67 ที่สถานีรถไฟหัวหิน (อาคารเก่า) จ.ประจวบฯ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดงาน “113 ปี หัวหินถิ่นมนต์ขลัง” มีนายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน นางอุษา พวงวลัยสิน นายกกิ่งกาชาดอำเภอหัวหิน นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นางสาวกิรดา ลำโครัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดประจวบฯ

นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ คณะผู้บริหารเทศบาลฯ แขกผู้มีเกียรติ และประชาชนนักท่องเที่ยวจำนวนมากร่วมชมงานพร้อมถ่ายภาพคู่อุโมงค์ไฟกันอย่างคึกคัก จากนั้น รองผู้ว่าประจวบฯ ได้เดินชมนิทรรศการแต่ละโซน และชมการแสดงแสงสีเสียง ก่อนนำนางแบบและนายแบบกิตติมศักดิ์ จำนวน 90 คน เดินแบบชุดไทยย้อนยุคการกุศลอย่างสวยงามตระการตาชุด “มนต์สมัยแห่งอาภรณ์” ในธีมชุดไทย รัชกาลที่ 7, ชุดแกสบี้ วนิดา และปริศนา ซึ่งเป็น 1 ในกิจกรรมของงาน โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้คลินิกทะเลใจ โรงพยาบาลหัวหิน 

เทศบาลเมืองหัวหิน ร่วมกับ ททท.สำนักงานประจวบฯ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ บริษัทบุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด และหน่วยงานต่างๆ กำหนดจัดงาน “113 ปี หัวหินถิ่นมนต์ขลัง” ขึ้น ระหว่างวันที่ 20-21 ธ.ค.นี้ ที่บริเวณสถานีรถไฟหัวหิน (อาคารเก่า) เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์วิถีชีวิตความเป็นเมืองหัวหินอันเก่าแก่จากอดีตสู่ปัจจุบัน โดยถ่ายทอดเรื่องราวประวัติของหัวหินในอดีต เช่น วังไกลกังวล สถานีรถไฟหัวหิน สนามกอล์ฟหลวงหัวหิน ตลาดฉัตร์ไชย เป็นต้น รวมถึงการประกอบอาชีพ วิถีชีวิตการกินอยู่ของชาวหัวหินที่มีมายาวนานถึง 113 ปี ให้นักท่องเที่ยวและเยาวชนรุ่นหลังได้รับทราบ และเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้ความสุขแก่ประชาชน

ภายในงานมีการจัดกิจกรรมต่างๆ แบ่งเป็น 6 โซน โซนที่ 1 “มนต์เสน่ห์แห่งเรื่องเล่า” การแสดงแสงสีเสียงและสื่อผสม 113 ปี หัวหินถิ่นมนต์ขลัง ชุด “มนต์เสน่ห์จากสมอเรียงสู่หัวหิน” การแสดงที่จะพาคุณไปพบเรื่องราวแห่งมนต์เสน่ห์และปลุกความสว่างไสวแห่งเรื่องเล่าประวัติศาสตร์อันมีความงดงามจากสถาปัตยกรรมสมัยวิกตอเรียนของสถานีรถไฟหัวหินเป็นฉากหลัง / โซนที่ 2 “มนต์กาลแห่งล้นเกล้า” นิทรรศการที่จะพาคุณย้อนรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและความผูกพันอันลึกซึ้งของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” กับ “หัวหิน” เมืองเล็กๆ ที่มีความหมายยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ไทย / โซน 3 “มนตราแห่งราตรี” นิทรรศการแสงไฟ (Lighting Show) เพลิดเพลินไปกับการประดับประดาดวงไฟที่จะเนรมิตค่ำคืนแห่งลมหนาวให้กลายเป็นค่ำคืนอันอันสุกสกาวท่ามกลางบรรยากาศกลิ่นอายอันอบอวลอดีตวันวานของ “สถานีรถไฟหัวหิน” 

โซน 4 “มนต์วิถีแห่งหัตถศิลป์” กิจกรรมสาธิต Art and Craft Workshop ที่คุณสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้ และสนุกสนานไปกับการประดิษฐ์งานฝีมือระดับภูมิปัญญาจากศิลปินพื้นถิ่นที่พร้อมจะถ่ายทอดเรื่องราวและคุณค่าผ่านงานหัตถศิลป์ อาทิ การสาธิตทำขนมลูกชุบ การสาธิตจากร้านผ้าโขมพัสตร์หัวหิน / โซน 5 “มนต์มหัศจรรย์แห่งแดนดิน” โชว์การเดินแบบย้อนยุคการกุศลชุด “มนต์สมัยแห่งอาภรณ์” ในธีมชุดไทย รัชกาลที่ 7, ชุดแกสบี้ วนิดา และปริศนา จากนางแบบและนายแบบกิตติมศักดิ์

รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้คลินิกทะเลใจ โรงพยาบาลหัวหิน และ โซน 6 “มนต์จวักพื้นถิ่นแห่งภูมิปัญญา” การออกบูธอาหารและสินค้าพื้นถิ่นที่จะมาสำแดงรสชาติอันเป็นอัตลักษณ์พื้นถิ่นให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อเลือกชม นอกจากนี้พบกับการประกวดมนต์มหัศจรรย์หนูน้อยหัวหินชิงเงินรางวัล 3 หมื่นบาท วาดลีลาลีลาศไปพบกับวงโฟร์ซิงเกิ้ลและวงค่ายธนะรัชต์ จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกท่านแต่งชุดไทยร่วมชมงานดังกล่าวได้จนถึงวันที่ 21 ธ.ค.นี้.   

หัวหินถิ่นมนต์ขลัง ต้อนรับขบวนรถโบราณร่วมงาน หัวหิน วินเทจ คาร์ พาเหรด ครั้งที่ 22”


เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.67 ที่สถานีรถไฟหัวหิน (อาคารเก่า) จ.ประจวบฯ นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นางสาวบุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีฯ พร้อมด้วยนายพรชัย หนูสิทธิ์ อดีตนายสถานีรถไฟหัวหิน และชาวหัวหินร่วมให้การต้อนรับขบวนรถโบราณ รถคลาสสิคหลายสิบคัน นำโดย นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ในโอกาสที่สมาคมฯ ได้นำสมาชิกขับรถโบราณเดินทางมาร่วมงานหัวหินวินเทจคาร์ ครั้งที่ 22 พร้อมชมชุดการแสดงของนักเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองหัวหินและมอบทุนการศึกษาให้ ก่อนร่วมกันถ่ายภาพเช็คอินบริเวณสถานีรถไฟหัวหิน ซึ่งเป็นสถานีรถไฟคลาสสิคสวยที่สุดในประเทศไทย

นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “งานหัวหิน วินเทจ คาร์ พาเหรด จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 22 โดยปีนี้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 20-22 ธ.ค.67 เส้นทาง กรุงเทพฯ-หัวหิน ตามแนวคิด “มิตรภาพไร้กาลเวลา-Timeless Friendship” เพื่อให้เจ้าของรถได้รำลึกถึงความทรงจำที่คุ้นเคย แม้จะพบกันเพียงครั้ง จะยังจดจำมิรู้ลืม

โดยปล่อยขบวนจากพิพิธภัณฑ์คนรักรถ AUTO RENDEZVOUS MUSEUM-BANGKOK ถนนประชาอุทิศ สู่ โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน เข้าสู่เมืองหัวหิน เพื่อเก็บภาพสถานที่ประทับใจไว้เป็นที่ระลึก โดยประชาชนทั่วไปสามารถชมรถคลาสสิค และรถโบราณอันทรงคุณค่าได้อย่างใกล้ชิดตลอดเส้นทาง.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / “วิทยา” อำลาตำแหน่ง 4 ปี ผุดโครงการพัฒนาท้องถิ่นกว่า 2,300 โครงการ/4 สมาคมท่องเที่ยวพัทยา-ชลบุรี พร้อมจัดเลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่และขอบคุณสื่อมวลชน/มูลนิธิพระมหาไถ่ฯ พัทยา จัดงาน “เลี้ยง สุขสันต์วันคริสต์มาส 2568

ช่วงบ่ายวันที่ 19 ธ.ค.67 ที่ห้องประชุมแก้วเจ้าจอม องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการหัวหน้าฝ่ายทุกส่วนราชการ ผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ผู้อำนวยการสถานีอนามันเฉลิมพระเกียรติฯ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ครั้งที่ 12/2567 ซึ่งในวันนี้ถือเป็นวาระครบการทำงานครบ 4 ปี ของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีชุดปัจจุบัน

นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ตลอด 4 ปีบริหาร ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีได้นับความร่วมมือที่ดีในการทำงานจากทุกภาคส่วน ต้องขอขอบคุณในความร่วมมือดังกล่าวที่ช่วยผลักดันท้องถิ่นให้มีศักยภาพยิ่งขึ้น และในวันนี้ ซึ่งครบวาระการทำงานของคณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ต้องถือโอกาสนี้ขอบคุณและแถลงผลการทำงานตลอด 4 ปีที่ผ่านมา

โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีได้ดำเนินการตามที่ได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ไว้ 7 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคม 2.ยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวและกีฬา 3.ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายคมนาคมขนส่ง 4.ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 5.ยุทธศาสตร์การป้องกันปราบปรามและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 6.ยุทธศาสตร์การจัดการสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart environment) และ 7.ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วรวมกว่า 2,300 โครงการ

มีรายงานด้วยว่า หลังเสร็จสิ้นการประชุมดังกล่าว กลุ่มข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี พนักงานและลูกจ้าง ได้เตรียมดอกกุหลาบนำมามอบเป็นกำลังใจให้คณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีเพื่อขอบคุณการทำงานตลอด 4 ปีที่ผ่านมา โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเป็นกันเอง ก่อนนายวิทยา คุณปลื้ม จะลงไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี และเดินทางกลับ

ประชุมใหญ่ 4 สมาคมท่องเที่ยวพัทยา-ชลบุรี พร้อมจัดเลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่และขอบคุณสื่อมวลชน

วันที่ 19 ธ.ค.67 ที่โรงแรมราวินทราบีช รีสอร์ท พัทยา จ.ชลบุรี ได้มีการจัดการประชุมใหญ่ประจำปี 2567 ของ 4 สมาคมท่องเที่ยวพัทยาและจังหวัดชลบุรี ประกอบด้วย สมาพันธ์ท่องเที่ยวชลบุรี สมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก สมาคมแหล่งท่องเที่ยวชลบุรี และสมาคมสปาแอนด์เวลเนสภาคตะวันออก

ด้วย ทางสมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวชลบุรี โดย นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี นายกสมาคมฯ ซึ่งเป็นการรวมตัวของหน่วยงานภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรี โดยมี 8 สมาคม และ 5 ชมรม ด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สมาคมโรงแรมไทย

ภาคตะวันออก สมาคมแหล่งท่องเที่ยวชลบุรี สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการศรีราชาและเกาะสีชัง สมาคมผู้บริหารสนามกอล์ฟภาคตะวันออก สมาคมสปาและเวลเนสภาคตะวันออก สมาคมผู้บริหารอาหารและเครื่องดื่มภาคตะวันออก สมาคมเชฟภาคตะวันออก สมาคมอินเดียพัทยา ชมรมสปาเมืองพัทยา ชมรมผู้บริหารอาหาร และเครื่องดื่มเมืองพัทยา ชมรม FOMA PATAYA ชมรมผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและที่พักเทศบาลเมืองแสนสุข เป็นต้น

โดยได้ประชุมหารือการดำเนินการในรอบปีที่ผ่านมา พร้อมกำหนดแนวทางการดำเนินงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเที่ยวท้องถิ่นต่อไปในปี 2568 เพื่อสร้างความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยวพัทยาและชลบุรีให้มีศักภาพขึ้นไป ก่อนในช่วงค่ำจะเป็นการจัดเลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่และขอบคุณสื่อมวลชนตามลำดับ

มูลนิธิพระมหาไถ่ฯ พัทยา จัดงาน “เลี้ยงขอบคุณ สุขสันต์วันคริสต์มาสและวันปีใหม่ 2568 รวมใจสร้างความดี”

ช่วงบ่ายวันที่ 20 ธ.ค.67 ที่ศูนย์ประชุมมหาไถ่ พัทยา บาทหลวงสุขุม ธนะสิงห์ ประธานมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ได้เป็นประธานกล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ที่ได้ให้เกียรติเข้าร่วมงาน “เลี้ยงขอบคุณ สุขสันต์วันคริสต์มาสและวันปีใหม่ 2568 รวมใจสร้างความดี” โดยมี นางสาวฐิติพันธ์ เพ็ชรตระกูล รองนายกเมืองพัทยา นายรัตนชัย สุทธิเดชานัย ผู้ทรงคุณวุฒิเมืองพัทยา นายบรรจง บัณฑูรประยุกต์ เลขาสภาเมีองพัทยา นายวันชัย แสนงาม รองนายกเทศมนตรีเมืองหนองปรือ นางอัมพร แก้วแสง นายกสมาคมสถานบันเทิงเมีองพัทยา นายนิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร อดีตนายกเมืองพัทยา ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานเลี้ยงอย่างเป็นกันเอง

สำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดงาน เพื่อขอบคุณผู้สนับสนุนตลอดปีที่ผ่านมา พร้อมสร้างแรงบันดาลใจในการทำความดีและเสริมสร้างความร่วมมือในสังคม ภายในงานเพื่อนเก่าคุณพ่อเรย์ คุณเปรมปรีชา ทิพยวาน และคุณปีเตอร์ มาโลตรา ได้เล่าถึงคุณพ่อเรย์ผู้ก่อตั้งมูลนิธิฯได้อุทิศชีวิตบุกเบิกเพื่อช่วยเหลือผู้ยากลำบาก โดยเฉพาะคนพิการ เด็กกำพร้า และผู้ด้อยโอกาส เพื่อให้การศึกษา อาชีพ และโอกาสในการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี

พร้อมทั้งอวยพร “วันปีใหม่ รวมใจสร้างความดี” โดยมี พระศรีปริยัติวรกิจ เลขานุการรองเจ้าคณะจังหวัดชลบุรี ได้ร่วมกันแชร์ประสบการณ์ กล่าวถึงบทบาทของชุมชนความสำคัญการสร้างสังคมที่เกื้อกูล ส่งเสริมให้ทุกคนตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม โดยเฉพาะคนพิการและผู้ด้อยโอกาส สามารถเข้าถึงโอกาสและบริการอย่างเท่าเทียม โดยเน้นย้ำถึงพลังของความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่การสนับสนุนด้านการศึกษา การสร้างอาชีพ ไปจนถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ด้อยโอกาส

มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ดูแลคนพิการ คนตาบอด เด็กพิเศษกว่า 600 ชีวิต ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง เช่น การมอบทุนการศึกษา การจัดหาอุปกรณ์การเรียน การสนับสนุนอาหารกลางวัน หรือการเผยแพร่ข่าวสารของมูลนิธิฯ ผ่านโซเชียลมีเดีย มาร่วมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ด้วยการส่งมอบความสุขและสร้างแรงบันดาลใจในการทำความดีเพื่อสังคมไปพร้อมกันต่อไปในอนาคต

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / งาน “ OTOP CITY 2024 Happy Market ” มอบความสุข ด้วยของขวัญล้ำค่า จากภูมิปัญญาไทย”

🎈จังหวัดน่าน นำของดีจังหวัดน่านร่วมงาน “ OTOP CITY 2024 Happy Market ” มอบความสุข ด้วยของขวัญล้ำค่า จากภูมิปัญญาไทย” ระหว่างวันที่ 14 – 22 ธันวาคมนี้ ณ ชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี
🎈กรมการพัฒนาชุมชน จัดงานOTOP CITY 2024 ในระหว่างวันที่ 14 -22 ธันวาคม 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์(OTOP)

เพิ่มช่องทางการตลาด ผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ สร้างรายได้ให้ชุมชน ตลอดจนเป็นการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์โครงการผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ สร้างโอกาสกรเรียนรู้และเพิ่มทักษะในการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP และ OTOP ชวนชิม ตลอดจนเป็นการประชาสัมพันธ์โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ และสร้างรายได้ให้ชุมชน และในพื้นที่กรุงเทพมหานครหรือปริมณฑล

🎈จังหวัดน่าน มีผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP เข้าร่วมจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าในงานจำนวน 24 ราย 24 บูท สรุปยอดจำหน่ายงาน “ OTOP CITY 2024 ”
ประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2567 ดังนี้

  1. บูท OTOP 3-5 ดาว จำนวน 12 ราย ยอดจำหน่าย จำนวน 169,263 บาท
  2. บูท OTOP ชวนชิม จำนวน 3 ราย ยอดจำหน่าย จำนวน 47,000 บาท
  3. บูทอื่นๆ จำนวน 9 รายได้แก่ OTOP Premium First Lady กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี Rest Area OTOP ขึ้นเครื่อง ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ศิลปิน OTOP กระทรวงอุดมศึกษาฯ และแพทย์แผนไทย ยอดจำหน่าย จำนวน 391,400 บาท
    รวมยอดจำหน่ายประจำวันที่ 18 ธ.ค. 67 👍 รวมทั้งสิ้น จำนวน 607,663 บาท
    ผู้มียอดจำหน่ายสูงสุดประจำวัน 3 อันดับแรก ได้แก่
  4. บริษัท ดอยซิลเวอร์แฟคตอรี จำกัด (บูทศิลปิน OTOP ) ยอดจำหน่ายจำนวน 190,000 บาท
  5. กลุ่มสตรีอนุรักษ์ผ้าน่าน (บูทFirst Lady) ยอดจำหน่ายจำนวน 77,000 บาท
  6. กลุ่มสัมมาชีพบ้านนาทะนุง (บูทกระทรวงอุดมศึกษาฯ) ยอดจำหน่ายจำนวน 30,000 บาท

“OTOP City 2024 Happy Market ” มอบความสุข ด้วยของขวัญล้ำค่าจากภูมิปัญญาไทยOTOPCity2024 #OTOP #OTOPCity2024Happy Marketกรมการพัฒนาชุมชน #CDDกระทรวงมหาดไทย #MOI#CDDNAN #Promotion Group

/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ด่วน! กราดยิงดับแล้ว 2 ศพ เจ็บอื้อ เร่งไล่ล่าปิดล้อมคนร้าย ล่าสุดคนร้ายใช้ปืนปลิดชีพตัวเอง/ทช.เปิดเวทีฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 2 ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมถนนเลี่ยงเมือง ทล.212-222

เมื่อเวลา 12.50 น. วันที่ 19 ธ.ค.2567 ศูนย์วิทยุ 191 จ.บึงกาฬ ได้รับแจ้งเหตุชายคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อนบ้าน จนทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ เหตุเกิดในพื้นที่ ต.หนองหัวช้าง อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ หลังรับแจ้งจึงวิทยุด่วนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนหญ้านาง ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ให้รีบเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ชุดปราบปราม และเจ้าหน้าที่กู้ภัย

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย โดย 1 ในนั้นเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย อบต.หนองหัวช้าง ส่วนคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนก่อเหตุในครั้งนี้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายศักรินทร์ สิงโต อายุ 30 ปี หลังจากก่อเหตุได้หลบหนีไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ระดมกำลังตำรวจชุดปราบปราม กว่า 30 นาย ทำการปิดล้อมพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อทำการไล่ล่าตัวคนร้าย

กระทั่งล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. มีรายงานข่าวแจ้งว่า คนร้ายผู้ก่อเหตุ ได้ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ ขณะที่ตำรวจได้ทำการปิดล้อมจุดเกิดเหตุนั้น เบื้องต้นพบว่า คนร้ายได้ทำการหลบอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่ไกลมากนัก ขณะเข้าทำการปิดล้อม

ได้มีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะๆ เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุ น่าจะใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ที่เข้าปิดล้อม อย่างไรก็ตาม ภายหลังเสียงปืนสงบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าเคลียร์พื้นที่ ปรากฏว่า พบศพผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนปลิดชีพตัวเองเสียชีวิตแล้ว

บึงกาฬ ทช.เปิดเวทีฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 2 ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมถนนเลี่ยงเมือง ทล.212-222
กรมทางหลวงชนบท เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2 โครงการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสำรวจออกแบบส่วนต่อขยายถนนเลี่ยงเมืองแนวใหม่ด่านศุลกากรบึงกาฬ – ทล.212-222 ระบายรถออกจากเมืองสร้างเส้นทางโลจิสติกส์และเดินทางสู่แหล่งท่องเที่ยวสะดวกรวดเร็วขึ้น

วันที่ 21 ธ.ค. ที่หอประชุมอำเภอเมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ แขวงทางหลวงชนบท เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 2 โครงการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสำรวจออกแบบส่วนต่อขยายถนนเลี่ยงเมืองแนวใหม่ด่านศุลกากรบึงกาฬ – ทล.212-222 อ.เมือง จ.บึงกาฬ โดยนายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ มอบหมายให้ นายธีระพล ขุนพานเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ เป็นประธานเปิดการประชุมฯ มี พร้อมด้วยผู้แทนกรมทางหลวงชนบท หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้แทนปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชนกำนันผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนเข้าร่วมงานกว่า 200 คน

ภายในงานมีการรับชมวิดีทัศน์โครงการ ซึ่งนำเสนอรายละเอียดข้อมูลโครงการ ความเป็นมา วัตถุประสงค์ ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ การดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน การรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อโครงการ รวมถึงการสรุปประเด็นจากการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อโครงการ โดยมีวิทยากรที่ปรึกษาโครงการอาทิ นายปรมินทร์ อรุณรัตน์ วิศวกรโครงการ นางสาวลัดดาวรรณ ศิลาชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม ผศ.ดร.อนุชา เพียรชนะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน มาร่วมให้ข้อมูลข้อเสนอแนะแก้ไขผลกระทบของโครงการ

นายธีระพล ขุนพานเพิง นอภ. กล่าวว่า วันนี้นับเป็นโอกาสอันดีที่ได้มีเวทีในการแสดงความคิดเห็น ให้ชาวบึงกาฬได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ หรือปัญหาต่างๆ เพื่อให้ผู้รับผิดชอบโครงการได้นำข้อมูลไปปรับปรุงพัฒนาโครงการต่อไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากโครงการนี้คือชาวบึงกาฬทุกคน และสิ่งนี้คืออนาคตของจังหวัดบึงกาฬที่จะได้รับความเจริญรุ่งเรืองเพิ่มมากขึ้นในวันข้างหน้า ประกอบกับการมีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 บึงกาฬ -บอลิคำไซ ที่ใกล้จะเสร็จในต้นปีหน้า รวมถึงถนนทางหลวง 4 ช่องจราจร จ.อุดรธานี – จ.บึงกาฬ และสนามบินบึงกาฬ ในอนาคต ความเจริญและเชื่อมโยงต่อเติมโครงข่ายการคมนาคมและการขนส่ง เป็นการแก้ไขปัญหาการคมนาคมในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ จะนำมาซึ่งธุรกิจการท่องเที่ยว สร้างเศรษฐกิจที่ดีขึ้น สร้างรายได้ที่มากขึ้นของพ่อแม่พี่น้องชาวบึงกาฬทุกคน

สำหรับการประชุมในวันนี้เป็นการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 2 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโครงการ ความเป็นมา วัตถุประสงค์ของการศึกษา ขอบเขตการศึกษาการตรวจสอบข้อจำกัดและเงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าและรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มเป้าหมายของการศึกษาในด้านต่างๆ โดยเฉพาะรูปแบบพัฒนาโครงการ รวมทั้งร่างมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปพิจารณาประกอบการศึกษาให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่
ซึ่งจากการศึกษาพบว่าแนวสายทางโครงการอยู่ใกล้กับพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญ ระหว่างประเทศในระยะ 2 กิโลเมตร

เพื่อเชื่อมโยงต่อเติมโครงข่ายการคมนาคมและการขนส่ง เป็นการแก้ไขปัญหาจราจรด้วยการสร้างทางเชื่อมหรือ Missing Link ให้สมบูรณ์ ยิ่งขึ้น และยังสามารถพัฒนาเป็น ทางลัดทางเลี่ยง เพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทาง ท่องเที่ยว ขนส่งสินค้า ช่วยส่งเสริมการพัฒนาเมือง และเศรษฐกิจของจังหวัดบึงกาฬ ได้อีกทางหนึ่ง กรมทางหลวงชนบท โดยสำนักสำรวจและออกแบบ จึงได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท เอพซิลอน จำกัด บริษัท อาร์มมี่เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เอ็นไวโรนเมนท์ จำกัด และบริษัท เอเซีย แล็ป แอนด์คอนซัลแตนท์ จำกัด ให้ดำเนินการศึกษาโครงการดังกล่าว ด้านนายสุนทร วังสะพันธ์ เสนอแนะว่าอยากให้สร้างถนนไปตามขอบหนองกุดทิง ซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลก ส่วนจุดตัดถนนต่างๆ ขอให้เป็นสี่แยกไฟแดงหรือ วงเวียน และจุดยูเทิร์นตามถนนหลวง 222 ขออย่าให้ห่างมากนักเหมือนทุกวันนี้ จะทำให้คนขี่รถจักรยานยนต์ขับย้อนศรจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

ส่วนนายเชิดชัย เจริญดี รองปลัดเทศบาลเมืองบึงกาฬ ก่อนอื่นต้องขอบคุณที่ได้นำความเจริญมาสู่จังหวัดบึงกาฬ เราพยายามจะทำถนนเส้นนี้มานานเหลือเกิน เป็นการดีมากที่ กรมทางหลวงชนบทได้ออกแบบและรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ เส้นนี้จะเชื่อมริมโขงจากด่านศุลกากรบึงกาฬ ตอนนี้ได้คุยกับบริษัทที่ปรึกษาถ้าทำถนนเชื่อมได้หรือเวนคืนได้ก็จะเป็นการดี ถ้าทำได้ถึงสุดริมโขงได้ก็จะดี เรื่องระดับเนื่องจากว่าโซนจากน้ำโขงถึงถนน212 ถ้าระดับบวก14 ระดับน้ำบ้านพันลำเมื่อกี้น้ำท่วมตรงถนนเส้นนี้ที่จะตัดถึงด่านศุลกากรบึงกาฬ ทำให้สูงกว่าระดับบวก14 เมตร จากตลิ่งป้องกันน้ำท่วมในอนาคตได้ อีกเรื่องคือระบบระบายน้ำ เนื่องจากเป็นพื้นที่ต่ำควรมีท่อระบายน้ำสู่หนองหรือคลองส่งน้ำ จะส่งผลกระทบน้ำท่วมขังได้

ส่วนตัวแทนจากหมู่ 11 บ้านแสนสุข เท่าที่ดูเห็นว่าโครงการสร้างเสร็จประมาณสัก 10 ปี ช่วงเวลาตรงนี้พอสมควรเลย หากเสร็จแล้วเศรษฐกิจและสังคม อีก 10 ปีข้างหน้าน่าจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น อยากให้สร้างสะพานข้ามแยกยกระดับเลยเป็นการออกแบบไว้อนาคต แล้วก็ในส่วนของสร้างถนนมีเส้นทางที่น้ำผ่านช่วงที่เป็นหนองน้ำท่วมมากทำคันกั้นน้ำหรือท่อระบายน้ำ 10 ปีข้างหน้าเดี๋ยวพอเปิดใช้น้ำจะได้ไม่ท่วม
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง