สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ยาบ้ารุ่นใหม่ เกล็ดเพชร มีแสงระยิบระยับ นรข.มุกดาหาร ยึดยาบ้า 8 ล้านเม็ด 450 ล้านบาท/แม่ทัพภาค 2 ร่วมทหารแขวงสะหวันนะเขต จับ 450 ล้านเม็ด/ตร.ชุดสืบมุกดาหาร ร่วม ป.ป.ส. ภาค 4 จับยาบ้าติดโลโก้ TOYOTA 5 ล้านเม็ด

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม​ 2567​ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดย สถานีเรือมุกดาหาร หน่วยเรือรักษาความสงบตามลำน้ำโขง เขตนครพนม ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบขนย้ายยาเสพติดมาจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาประเทศไทย บริเวณริมแม่น้ำโขง พื้นที่ บ้านหว้านใหญ่ หมู่ที่ 4 ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร

จึงได้วางแผนและจัดกำลัง จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจในพื้นที่ตามที่ได้รับแจ้ง พบเรือเหล็กขนาดใหญ่ติดเครื่องยนต์แล่นเข้ามาจอดบริเวณริมตลิ่งจากนั้นได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ลงไปช่วยกันลำเลียงกระสอบจากลำเรือขึ้นมาบนฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว แต่กลุ่มใช้กันดังกล่าวและคนขับเรือเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้พากันอาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไปได้

การตรวจสอบพบกระสอบขนาดใหญ่รวมจำนวน 20 กระสอบ เมื่อเปิดออกดูพบว่าเป็นยาบ้า ประมาณ 8,000,000 เม็ด รวมมูลค่ากว่า 480,000,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้พร้อมกับพร้อมเรือเหล็กติดเครื่องยนต์ จำนวน 1 ลำ จากนั้นได้นำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหว้านใหญ่ เพื่อดำเนินการสอบสวนสืบสวนเพื่อขยายผลติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

แม่ทัพภาค 2 ร่วมทหารแขวงสะหวันนะเขตแถลงข่าวจับยาบ้ามูลค่า 450 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567​ ที่สถานีเรือมุกดาหาร หน่วยเรือรักษาความสงบตามลำน้ำโขง เขตนครพนม อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นายรณรงค์เทพรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พลตรี สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี

พลเรือตรี ณรงค์ เอมดี ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง นายคณิศร ภาพีรนนท์ ผู้อำนวยการ สำนักงาน ปปส. ภาค 4 และพันโท สีทอง เลียนสะหวัน หัวหน้าแผนกสู้รบ กองทัพประชาชนลาว แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ร่วมแถลงข่าวการตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ จำนวน 20 กระสอบ ประมาณ 8,000,000 เม็ด มูลค่า 450 ล้านบาทได้ที่บริเวณริมแม่น้ำโขงมุกดาหาร

สืบเนื่องจาก น.ท.เตชธร ฉิมพาลี หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ลักลอบลำเลียงยาเสพติดข้ามแม่น้ำโขงจาก สปป.ลาว เข้ามาในพื้นที่ บ้านหว้านใหญ่ หมู่ที่ 4 ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร จึงได้วางแผนและจัดกำลัง ชุดปฏิบัติการออกทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจในพื้นที่

เมื่อไปถึงบริเวณท่าน้ำหมู่ที่ 4 บ้านหว้านใหญ่ ตามที่ได้รับแจ้ง พบเรือเหล็กขนาดใหญ่ติดเครื่องยนต์แล่นเข้ามาจอดบริเวณริมตลิ่ง จากนั้นได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ลงไปช่วยกันลำเลียงกระสอบจากลำเรือขึ้นมาบนฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวและคนขับเรือเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้พากันอาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไปได้ การตรวจสอบพบกระสอบขนาดใหญ่รวมจำนวน 20 กระสอบ

เมื่อเปิดออกดูพบว่าเป็นยาบ้า ประมาณ 8,000,000 เม็ด รวมมูลค่ากว่า 480,000,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้พร้อมกับพร้อมเรือเหล็กติดเครื่องยนต์ จำนวน 1 ลำ จากนั้นได้นำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหว้านใหญ่ เพื่อดำเนินการสอบสวนสืบสวนเพื่อขยายผลติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ตร.ชุดสืบมุกดาหาร ร่วม ป.ป.ส. ภาค 4 จับยาบ้าติดโลโก้ TOYOTA 5 ล้านเม็ด ได้พร้อม 2 ผู้ต้องหา

วันที่ 10 ธันวาคม 2567​ พ.ต.อ.วิจิตร บุญวรรณ ผกก.สืบสวน ภ.จว.มุกดาหาร ได้รับแจ้งว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดลักลอบลำเลียงยาบ้าจากแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว เข้ามาในพื้นที่ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร จึงได้ประสานกำลังเจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 4 ออกตรวจสอบตามพื้นที่ได้รับแจ้งบริเวณถนนชยางกูร ตำบลบางทรายใหญ่ พบรถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นรีโว่ สีเทา ทะเบียน ผก 3167 ร้อยเอ็ด ต้องสงสัยว่าจะขนส่งยาเสพติดตามที่ได้รับรายงาน

จึงส่งสัญญาณให้หยุดและแสดงตัวเพื่อขอตรวจสอบ พบว่ารถดังกล่าวด้านหลังทำเป็นคอกสำหรับบรรทุกพืชผลทางการเกษตรโดยมีฟักทองและตะกร้าพลาสติกปกคลุมอยู่บริเวณกระบะท้ายรถ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบดูที่ด้านล่างฟักทองพบถุงดำขนาดใหญ่จำนวน 12 ถุง ภายในเป็นกระสอบบรรจุห่อยาบ้าหุ้มด้วยกระดาษไขสีเหลืองประทับตราสัญลักษณ์และตัวหนังสือ TOYOTA

ด้านในเป็นซองพลาสติกสีน้ำเงินบรรจุยาบ้ารวมจำนวนประมาณ 5 ล้านเม็ด ถึงได้ควบคุมตัวนายวารี สุรัตนวดี อายุ 50 ปี ที่อยู่ 69 ม.10 ต.ดงกลาง อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด และนายเพลิน ผุยหัวโทน อายุ 45 ปี ที่อยู่ 26/1 ม.4 ต.ดงกลาง อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด คนขับรถและคนนั่งมาด้วยเป็นผู้ต้องหา โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)

โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย อันก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชนอันเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิด ผลกระทบ ต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป พร้อมกับตรวจยึดรถยนต์กระบะ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง ไว้เป็นของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร ดำเนินคดีต่อไป จากการสอบปากคำในเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การว่าได้รับยาบ้ามาจาก นางแก้ว ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ชาว สปป.ลาว ภูมิลำเนาอยู่แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ซึ่งเป็นผู้สั่งการให้ลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้เข้ามายังประเทศไทย โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ไปรับยาบ้าที่ท่าเรือบ้านไผ่ล้อม อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร และจากนางแก้วจะสั่งว่าจะให้ลำเลียงยาเสพติดไปยังพื้นที่ใด กระทั่งระหว่างการลำเลียงยาเสพติดดังกล่าวได้มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ป.ป.ส. ภาค 4 จับกุมเสียก่อน

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ส.ส.บัญชา เดชเจริญศิริกุล เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติด “พุนกยูงคัพ 2024”

ส.ส.บัญชา เดชเจริญศิริกุล เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติด “พุนกยูงคัพ 2024 ระหว่างวันที่ 7-8 ธันวาคม 2567 มีพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติด “พุนกยูงคัพ 2024” โดยมี ส.ส.บัญชา. เดชเจริญศิริกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคกล้าธรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมกับ มี คำกล่าวดังต่อไป

“ท่านผู้มีเกียรติ และนักกีฬาทุกท่านผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานในพิธีปิด โครงการแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ในวันนี้. การแข่งขันกีฬาวันนี้ได้เสร็จสิ้นแล้ว บรรฤวัตถุประสงค์ทุกประการแพ้ ชนะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ขอให้พวกเราตระหนักว่า การมาแข่งขันกีฬากันในครั้งนี้ จุดมุ่งหมาย สูงสุดไม่ได้อยู่ ที่ได้ชัยชนะ แต่สิ่งที่เราจะได้จากการแข่งขันกีฬา คือเราได้แสดงออกซึ่ง

ความสามารถ ความสามัคคี ความอดทน เสียสละ การเล่นอย่างมีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ความสนุกสนานและการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์นั่นคือสิ่งที่เราหวังจะ ให้เกิดขึ้นในการแข่งขันกีฬาทุกครั้งขอให้ทุกท่าน ได้คำนึงถึงสิ่งเหล่านี้และปลูกฝังให้มีขึ้น ในจิตใจของตนเองอยู่เสมอ

ท้ายที่สุดนี้ ขอขอบคุณท่านผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนที่ทำให้การจัดการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้เสร็จสิ้นไปด้วยความเรียบร้อยและขออวยพรให้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬา และผู้มีเกียรติทุกท่านเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพบัดนี้ ได้เวลาอันสมควรแล้ว ผมขอปิดการโครงการแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ณ บัดนี้”

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/ตร.สันติบาล จัดกิจกรรมเข้าวัด ฟังธรรม ทำความดีด้วยหัวใจ เฉลิมพระเกียรติ ในหลวง ร. 10

วันที่ 8 ธ.ค.67 เวลา 09.30 น. ที่วัดป่าบ้านพันลำ ตำบลวิศิษฐ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ หน่วยสันติบาลจังหวัดบึงกาฬ จัดกิจกรรมเข้าวัด ฟังธรรม ทำความดีด้วยหัวใจ เฉลิมพระเกียรติ ในหลวง รัชกาลที่ 10 โดยมี พ.ต.ท.พิพัฒน์ เจริญเดชธนกิจ หัวหน้าหน่วยตำรวจสันติบาลบึงกาฬ กก.2 บก.ส.1 เปิดเผยว่า กิจกรรมเข้าวัด ฟังธรรม ทำความดีด้วยหัวใจ

โดยกองบัญชาการตำรวจสันติบาล มีพันธกิจหลักสำคัญในการถวายความปลอดภัยพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ การบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความยุติธรรมทางอาญา รักษาความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงของราชอาณาจักร และความปลอดภัยของประชาชนอันเป็นประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน ซึ่งเน้นในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1

ซึ่งรับผิดชอบการสืบสวนหาข่าว ที่เกี่ยวข้องความมั่นคง ในพื้นที่ 20 จังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 จึงได้จัดทำกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวง รัชกาลที่ 10 เพื่อพัฒนาจริยธรรม คุณธรรม และ จิตใจของข้าราชการตำรวจ เพื่อเสริมความรู้ คำสอนของพระพุทธเจ้า ฝึกสมาธิ ปัญญา การให้ทาน เสียสละ และเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมระหว่างตำรวจสันติบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับจิตใจเป็นสาธารณะกุศล ช่วยเหลือผู้อื่น และ ความรัก ความสามัคคี ในองค์กร

หัวหน้าหน่วยตำรวจสันติบาลบึงกาฬ กก.2 บก.ส.1 ได้นำข้าราชการตำรวจในสังกัดทุกนาย เข้าร่วมกิจกรรม เข้าวัดฟังธรรม คำสั่งสอนจาก พระภิกษุสงฆ์ บำเพ็ญกุศล ถวายสังฆทาน โดยมีพระอาจารย์สมบัติ สัมปัตติธารโก เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านพันลำ นำสวดมนต์เช้าและบรรยายธรรม จากนั้นหัวหน้าหน่วยตำรวจสันติบาลบึงกาฬ กก.2 บก.ส.1 ได้นำข้าราชการตำรวจในสังกัดทุกนาย บำเพ็ญประโยชน์สาธารณะ จิตอาสา ทำดีด้วยหัวใจ ทำความสะอาดลานวัด เพื่อความสะอาดเรียบร้อย

นอกจากนี้กิจกรรมดังกล่าวได้แสดงออกถึงความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้รับความรู้เกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า เข้าใจหลักธรรม ได้รับอานิสงส์จากการเข้าวัดฟังธรรม ทำบุญ จิตใจเบิกบาน และได้บำเพ็ญสาธารณะกุศล เป็นส่วนรวมอีกด้วย
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / บ่นระงม! ด่านมุกดาหาร รถติดหนัก เจ้าหน้าที่ทำอะไรกัน วอนศุลกากร ปรับทำงานให้เร็วขึ้น เพื่อแก้ปัญหา

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2567​ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดมุกดาหาร ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน สปป.ลาว และผู้ประกอบการธุรกิจลาว-ไทย ที่เดินทางข้ามแม่น้ำโขงจากแขวงสะหวันนะเขต เข้ามาจังหวัดมุกดาหาร โดยใช้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ว่า สืบเนื่องจากด่านศุลกากรมุกดาหารได้มีการเปลี่ยนระบบการตรวจ รถยนต์ที่เข้าประเทศ และปล่อยให้รถเข้าทีละ 1 คัน เพื่อตรวจสอบ

ซึ่งแม้จะเป็นการปฏิบัติตามระเบียบ แต่ปรากฏว่าไม่มีการบริหารจัดการที่ดีรองรับการปฏิบัติ จึงก่อให้เกิดปัญหาการจราจรที่ติดขัดโดยเฉพาะในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ต้องใช้เวลาในการผ่านด่านศุลกากรถึง 40 นาที และหากป็นช่วงเทศกาลสำคัญจะมีรถติดสะสมจนเกือบถึงกลางสะพานและใช้ระยะเวลาในการผ่านด่านนานถึง 2 ชั่วโมงก็มี

อีกทั้ง หากเป็นกรณีรถที่เพิ่งเข้าประเทศไทยครั้งแรกจะต้องทำการบันทึกข้อมูลเข้าระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่ง 1 คัน จะใช้ระยะเวลาประมาณ 10-15 นาที ถ้าหากในช่วงเวลาเดียวกันมีรถที่เพิ่งเข้าเป็นครั้งแรก 3-4 คันติดต่อกัน ก็จะส่งผลให้เกิดรถรอข้ามด่านติดเป็นแถวยาวขึ้นไปบนสะพาน ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นมาเป็นเวลานานแล้วแต่ไม่เคยได้รับการแก้ไข เคยมีการเรียกร้องให้เปิดตู้บริการเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์หรือวันหยุดเทศกาล แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองแก้ไขปัญหาดังกล่าวแต่อย่างใด

ด้วยการจัดการที่ไม่เอื้ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เดินทางตลอดจนไม่สามารถจัดการกับปัญหาเรื่องความล่าช้า ไม่สามารถตรวจให้เสร็จได้โดยเร็วยิ่งขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวและประชาชนแขวงสะหวันนะเขต เริ่มมีความรู้สึกเบื่อหน่ายไม่ค่อยอยากจะเดินทางข้ามมาจังหวัดมุกดาหาร อันอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจการค้าของผู้ประกอบการในจังหวัดมุกดาหาร ทำให้เศรษฐกิจการค้าซบเซาลงได้

จึงอยากขอให้ด่านศุลกากรมุกดาหารปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้สามารถอำนวยความสะดวก ในด้านการตรวจรถให้แก่ผู้ผ่านด่านได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและให้บริการด้วยอัธยาศัยมีมิตรไมตรีต่อไปด้วย

กรมศุลกากร #ด่านศุลกากรมุกดาหาร #สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่2 #จังหวัดมุกดาหาร #แขวงสะหวันนะเขต #รถติด #บริการไม่มีประสิทธิภาพ

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รวมพลังประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต “สู้ให้สุด หยุดการโกง” เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล

วันนี้ 9 ธ.ค.67 ที่ห้องเกาะหลัก ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานงาน “วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล” (ประเทศไทย) จ.ประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้แนวคิด “FIGHT AGAINST CORRUPTION สู้ให้สุด หยุดการโกง”

โดยมี นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ นายสินาทร โอ่เอี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ นายประทีป บริบูรณ์รัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ นางสาวจุฑารัตน์ เหลืองเพิ่มสกุล ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเครือข่ายองค์กรต้านทุจริตเข้าร่วมกิจกรรม มีการมอบรางวัลให้แก่หน่วยงานที่มีผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Intergrity and Transpearency Assessment : ITA)

ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และการมอบเกียรติบัตรชมรม สตรอง – จิตพอเพียงต้านทุจริต จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มีผลงานดีเด่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 การรวมพลังแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านการทุจริต พร้อมการรับชมการถ่ายทอดสดการจัดกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากลจากศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี โดยมี นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีประกาศเจตจำนงการต่อต้านการทุจริต

ซึ่งในปีนี้ รัฐบาลร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช., สำนักงาน ป.ป.ท., องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ร่วมกันจัด “งานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย)” ภายใต้แนวคิด “FIGHT AGAINST CORRUPTION สู้ให้สุด หยุดการโกง” มีเป้าหมายเพื่อแสดงเจตนารมณ์ของผู้นำทางการเมืองและทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาทุจริต พร้อมปลุกกระแสสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริตและยกระดับค่าดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI)

ทั้งนี้ ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ หรือ ITA (Integrity and Transparency Assessment ประจำปิงบประมาณ พ.ศ. 2567 พบว่า จ.ประจวบฯ ได้คะแนนที่ 92.96 คะแนน อยู่ลำดับที่ 42 ของประเทศ โดยมีหน่วยงานที่เข้ารับการประเมิน ITA จำนวน 62 หน่วยงาน มีหน่วยงานที่ผ่านเกณฑ์การประเมิน คือได้รับคะแนนเกิน 85 คะแนนขึ้นไป จำนวน 61 หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ 98.39 สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ร้อยละ 14.52 ภาพรวมเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

//////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี – สื่อรัฐนิวส์ / “รวมพลังมวลชนขอนแก่นสามัคคี”กองทัพภาค 2 มทบ.23 พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนสวนสนาม นักศึกษาวิชาทหาร (นศท.)

เมื่อวันที่ (8 ธ.ค.2567) เวลา 14.00 น. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานเปิดกิจกรรม “วันรวมพลังมวลชนขอนแก่นสามัคคี” และพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหาร ประจำปี 2567 เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความรัก ความสามัคคี รวมทั้งแสดงพลังการมีส่วนร่วมของมวลชนในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น รวมถึงแสดงพลังความจงรักภักดีเทิดทูนสถาบันหลักของชาติ ตลอดจนการแสดงศักยภาพของ “เยาวชน คนรุ่นใหม่” นักศึกษาวิชาทหาร และนักเรียน นักศึกษา

ที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ ที่สนามกีฬา 50 ปี มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมี พลตรีนรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 พลตรีกิตติพงษ์ เนื่องชมภู ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะหลักสูตรประชาสัมพันธ์ระดับผู้บริหารกองทัพภาคที่ 2 หัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน สถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เข้าร่วมกิจกรรมรวมกว่า 2,000 คน กิจกรรมประกอบด้วย การร่วมประชุมหารือกับหัวหน้าส่วนราชการและตัวแทนกลุ่มพลังมวลชนในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ณ ห้องสารสิน อาคารสิริคุณากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น การจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติและนิทรรศการเทคโนโลยีทางทหาร การเดินพาเหรดรวมพลังของมวลชนกลุ่มต่างๆ พิธีอัญเชิญ “ธงชาติไทย” การปฏิญาณตนเป็น “พลเมืองดี และพลังแผ่นดิน”

การแสดงของเยาวชนในการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น การแสดงของนักศึกษาวิชาทหาร การแสดงดนตรีร่วมสมัย และพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหาร สังกัด ศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 23 เพื่อแสดงออกถึงความรักความสามัคคี ความเข้มแข็ง และความพร้อมเพรียงของนักศึกษาวิชาทหาร ซึ่งจะเป็นกำลังพลสำรองที่มีคุณภาพ และมีความสำคัญของประเทศชาติ พลโท บุญสิน กล่าวว่า “กลุ่มพลังมวลชนที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ ประกอบไปด้วยกลุ่มมวลชนที่หลากหลาย แต่ละกลุ่มล้วนมีหน้าที่ความรับผิดชอบเฉพาะตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ที่ใช้บังคับในแต่ละกลุ่ม แต่หน้าที่ที่เหมือนกันของทุกท่าน คือ การสอดส่องดูแลความสงบเรียบร้อย

ในพื้นที่ชุมชนของตนเอง และหมายความรวมถึงความสงบเรียบร้อยของสังคมในภาพรวมด้วย ซึ่งหน้าที่นี้ถือเป็นหน้าที่อันสำคัญยิ่งของพลังมวลชนทุกกลุ่ม ที่จะช่วยให้ชุมชนของตนเองมีความสงบเรียบร้อย และหน้าที่การสอดส่องดูแล ความสงบเรียบร้อย มิได้เป็นเพียงหน้าที่ของกลุ่มพลังมวลชนเท่านั้น แต่เป็นหน้าที่ของประชาชนคนไทยทุกคนที่จะต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในชุมชนและสังคม ขอให้แจ้งให้ทางราชการ หรือเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบทราบทันที

เพื่อจะได้ช่วยกันแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ และที่สำคัญดีใจที่เห็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้มาร่วมกิจกรรมแบบนี้ที่แสดงออกการเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งจะทำให้ห่างไกลยาเสพติดได้อีกด้วย เพราะปัจจุบันปัญหายาเสพติดแพร่ระบาด สร้างความเสียหายต่อสังคมเป็นอย่างมาก ดังนั้นจะต้องร่วมด้วยช่วยกันป้องกันแก้ไขทุกภาคส่วน”

กองทัพภาคที่2กองทัพบกRoyalThaiArmyรวมพลังมวลชนขอนแก่นสามัคคีมณฑลทหารบกที่23

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / งานฤดูหนาวพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ในวาระ 100 ปี

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.67 ด้วยพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน (ค่ายพระรามหก) อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี กำหนดจัดงานฤดูหนาว พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ในวาระ 100 ปี ณ สโมสรเสวกามาตย์ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ทุกวันเสาร์ตลอดเดือนธันวาคม 67 โดยเริ่มวันเสาร์ที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมา เป็นการแสดงกีต้าร์ Magical Melodies โดยศิลปิน ฮัคกี้ ไอเคิ้ลมานน์ (Hucky Eichelmann) มาบรรเลงบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และท่วงทำนองของไทยอื่นๆ

พร้อมกับการอ่านบทพระราชนิพนธ์มัทนะพาธา จากบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ประกอบดนตรี (Madanabadha Suite) โดยมีศิลปินรับเชิญ ภัทราวดี มีชูธน (ศิลปินแห่งชาติ) อานันท์ นาคคง (ศิลปินศิลปาธร) อาทิตย์ ชีรวณิชย์กุล (คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) โดยได้รับเกียรติจาก นางวันเพ็ญ มังศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการ จ.เพชรบุรี นางสาววรรณภา เกียรติพงษา ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง

นางดวงใจ คุ้มสอาด ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเพชรบุรี นางสาววรกานต์ ถาวร รองผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานประจวบฯ นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ นางเบญจมาส อ่วมสอาด ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษาและองค์กรสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด และแขกผู้มีเกียรติทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมากเข้าร่วมชมงานในครั้งนี้ โดยมีนางสาวเกล้ามาศ ยิบอินซอย ผู้อำนวยการสำนักงาน มูลนิธิพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ให้การต้อนรับ

สำหรับกิจกรรมครั้งต่อไปในวันเสาร์ที่ 14 ธ.ค.67 เชิญชมการแสดงดนตรีจากวงดุริยางค์ราชนาวี 25 ชิ้น (วง Light Music) กองดุริยางค์ทหารเรือ ฐานทัพเรือกรุงเทพ โดยการสนับสนุนของกรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ร่วมด้วยกรมการขนส่งทหารเรือ กองทัพเรือ ณ ท้องพระโรง พระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน / เวลา 13.30 น. เปิดหน้าม่านโดยการแสดงลำตัดคณะลำตัดวงรากไทย โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ จ.เพชรบุรี / เวลา 15.00 น.- 17.00 น. วงดุริยางค์ราชนาวี

วันเสาร์ที่ 21 ธ.ค.และวันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค.67 ชมการแสดงของสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา บทเพลงจากคีตนิพนธ์ร่วมสมัย รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว การแสดงเปิดโรง การขับเสภาและการอ่านทำนองเสนาะบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดย กวินภพ ทองนาค (นิสิตปริญญามหาบัณฑิต จุฬาฯ) บทเสภาสามัคคีเสวก โคลงอารัมภกถาพระนลคำหลวง มงคลสูตรคำฉันท์ สยามานุสสติ สลับกับการอธิบายที่มาและความหมายของแต่ละบทโดย รศ.ดร.อาทิตย์ ชีรวณิชย์กุล (คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ)

วันเสาร์ที่ 28 ธ.ค.67 ชมการแสดงของมูลนิธิหลวงประดิษฐ์ไพเราะ บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว การแสดงเปิดโรง วงดนตรีผู้หญิงล้วนแห่งเมืองเพชรบุรี ทั้งนี้การเข้าพื้นที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน บริจาคค่าเข้าชมตามอัตราปกติ ร่วมชมการแสดงไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสนับสนุนกิจกรรมโดยบริจาคสมทบทุนเพื่อการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมจารีตประเพณี (ด้านดนตรีและการแสดง) มูลนิธิพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ตามจิตศรัทธา ติดต่อจองที่นั่งในท้องพระโรงในกล่องข้อความเพจ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน / Mrigadayavan Palace จึงขอเชิญผู้ที่สนใจและนักท่องเที่ยวมาร่วมฟังดนตรีทุกบ่ายวันเสาร์ของเดือนธันวาคม 67 แล้วมาสนับสนุนผลิตภัณฑ์จากร้านค้าพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน รายได้เพื่อการอนุรักษ์และบูรณะพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ให้คงอยู่สืบไป.

นายนิพล ทองเก่า นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /กีฬา ต้านยาเสพติด ประจำปี 2567 นายวัฒนา ช่างเหลา อบจ.ขอนแก่น ประธาน ส่งเสริมสุขภาพปลูกจิต รัก สามัคคี ในท้องถิ่น

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2567 เวลาประมาณ 10.00 น.นายวัฒนา ช่างเหลา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ให้เกียรติเป็นประธานโครงการการแข่งขันกีฬาเยาวชน ประชาชน ต้านยาเสพติดประจำปี 2567

และประธานได้พบปะคณะที่คอยต้อนรับซึ่งประกอบด้วยนายสิงหภณ ดีนาง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 6 ขอนแก่น นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น ผู้นำชุมชน คณะแม่บ้านและนักกีฬา ประธานได้มอบของที่ระลึกให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลโนนหัน

เจ้าของโครงการเพื่อเป็นกำลังใจ โดยมีนายนิโรจน์ แพ่งศรีสาร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโนนหัน กล่าวรายงานรายละเอียดและวัตถุประสงค์ การกีฬาทำให้เยาวชน ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคภัย ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างไกลยาเสพติด

ปลูกจิตสำนึกให้เกินความรักความสามัคคีในหมู่คณะการแข่งขันแบ่งออกเป็น5ประเภทได้แก่ฟุตบอลชาย ตะกร้อชาย วอลเลย์หญิง-ชายและเปตองทีมผสมหญิง-ชาย การแข่งขันระหว่าง 8-9 ธันวาคม 2567 ณ.สนามโรงเรียนหนองม่วงประชานุกูล ตำบลโนนหัน อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รพ.โคกสำโรงจัดกิจกรรม “สิงห์คูยาง Running ครั้งที่ 3 เพื่อซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ดูแลผู้ป่วย

วันที่ 8 ธันวาคม 2567 เวลา 05.30 น. ณ วัดสิงห์คูยาง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ว่าที่ร้อยตรีทรงพล แป้นแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานในพิธีเปิด “สิงห์คูยาง Running ครั้งที่ 3 วิ่งเพื่อโรงพยาบาล”

โดยมี นายนุสิทธิ์ ชัยประเสริฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโคกสำโรง นายเจตน์พงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล นายอำเภอโคกสำโรง นายนรินทร์ คลังผา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี เขต 4 พ.ต.อ.อภิชาติ ทองแพ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง พ.ต.ท.เสริญราษฎร์ แก้วปนทอง สว.อก.สภ.โคกสำโรง พ.ต.ท.องอาจ เนียมศรีเพชร สวป.สภ.โคกสำโรง นางสมฤดี ชมญาติ

ประธานมูลนิธิหลวงปู่บุญตา นางอารีย์ ฤกษ์สภาพ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานลพบุรี นายเชาว์ งามรัตนกาญจน์ กรรมการบริหาร รพ.โคกสำโรง และนายปรีชา กิจรัตนกาญจน์ ที่ปรึกษา รพ.โคกสำโรง พร้อมด้วยประชาชน เยาวชน นักกีฬา หน่วยราชการ และบุคลากรทางการแพทย์ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด เป็นจำนวน 1,350 คน เข้าร่วม

สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนสร้างศูนย์ฟอกไต โรงพยาบาลโคกสำโรงเพิ่มศักยภาพในการดูแลผู้ป่วย ให้ได้รับการรักษาที่มีคุณภาพและยกระดับคุณภาพชีวิต นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่ประชาชนด้วยการออกกำลังกาย รวมถึงเป็นการสร้างความสามัคคีและการมีส่วนร่วมของชุมชน

โดยการวิ่งในครั้งนี้ แบ่งการวิ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ระยะทาง 3 กิโลเมตร, 5 กิโลเมตร, 10 กิโลเมตร และ23 กิโลเมตร โเดยได้รับความร่วมมือ และการสนับสนุนจากเจ้าคณะอำเภอโคกสำโรง คณะกรรมการมูลนิธิหลวงปู่บุญตาประชารวมใจ, คณะกรรมการพัฒนาโรงพยาบาลโคกสำโรง และทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะ วัดสิงห์คูยาง ที่เอื้อเฟื้อสถานที่จัดงาน

ว่าที่ร้อยตรีทรงพล แป้นแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีความหมายอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นโอกาส ให้ประชาชนได้ร่วมกันออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงแล้ว ยังมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการระดมทุนเพื่อสร้างศูนย์ฟอกไต โรงพยาบาลโคกสำโรง

ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้ป่วย ทำให้ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการรักษาอย่างมีคุณภาพ และยังเป็นการแสดงออกถึงความสามัคคี และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ช่วยเหลือสังคมโดยรวมอีกด้วย

สนอง แท่นสูงเนิน ผอ
.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี อนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / องคมนตรี ติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เชียงราย

วันนี้( 7 ธ.ค. 67) นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ และคณะ ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงาน โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำขุ่นอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยมีนายวัชระ เสือดี ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมชลประทาน (ด้านบำรุงรักษา) กรมชลประทาน พร้อมด้วย

นายนพดล น้อยไพโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 2 นายทวีชัย โค้วตระกูล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่และสรุปผลการดำเนินงาน โครงการพัฒนาดอยตุง (คพต.ชร.) จังหวัดเชียงราย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2530 มีจุดประสงค์เพื่อการพัฒนาที่สมบูรณ์แบบต่อเนื่องอย่างมีระบบ ด้วยความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงาน

โดยในส่วนของกรมชลประทาน รับผิดชอบด้านการจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและการอุปโภคบริโภคให้กับศูนย์บริหารโครงการพัฒนาดอยตุง และพื้นที่เป้าหมายทั้งหมด ต่อมาที่ประชุม คพต.ชร.ได้มีมติเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2533 ให้มีการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับราษฎรบ้านห้วยน้ำขุ่น พร้อมกับมอบให้กรมชลประทานจัดหาน้ำให้กับชาวบ้านห้วยน้ำขุ่น (พื้นที่จัดสรรใหม่) จำนวน 47 ครัวเรือน (ข้อมูล ณ ปี2533) กรมชลประทาน

ได้ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กปิดกั้นลำห้วยน้ำช้าง บริเวณบ้านห้วยน้ำขุ่น หมู่ที่ 17 ตำบลแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ฟ้าหลวง แล้วเสร็จเมื่อปี 2534 เพื่อเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับการอุปโภคบริโภคของราษฎร และสนับสนุนพื้นที่การเกษตรภาคครัวเรือน ในพื้นที่บ้านห้วยน้ำขุ่น 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้าน ห้วยน้ำขุ่น หมู่ที่1 หมู่ที่17 และหมู่ที่18 รวม 1,255 ครัวเรือน ราษฎรประมาณ 3,463 คน และยังสนับสนุนพื้นที่เกษตรภาคครัวเรือนได้กว่า 100 ไร่

ในการนี้ องคมนตรี ได้มอบให้โครงการชลประทานเชียงราย สำนักงานชลประทานที่ 2 หาแนวทางในการเพิ่มศักยภาพการกักเก็บน้ำ อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำขุ่นให้สูงขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านน้ำให้กับชุมชนโดยรอบ ซึ่งจะทำให้ราษฎรมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน…

สมจิตรแสงบันลังค์รายงาน

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง