สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / วัดสี่แยกเจริญพร นครปฐม จัดอุปสมบทนาคหมู่ 57 รูป ถวายเป็นพระราชกุศล

วัดสี่แยกเจริญพร จัดอุปสมบทนาคหมู่ 57 รูป ถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 10 เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ

   วันนี้ (30 พฤศจิกายน 2567) ที่วัดสี่แยกเจริญพร  ตำบลหนองกระทุ่ม  อำเภอกำแพงแสน  จังหวัดนครปฐม โดยพระครูปฐมสาธุวัฒน์ หรือ อ. เทพ เจ้าอาวาสวัดสี่แยกเจริญพร ประธานฝ่ายสงฆ์ ในพิธีอุปสมบทนาคหมู่ เพื่อถวายพระราชกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร และถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯในรัชกาลที่ 10 โดยมี นายสมพล  ถ้ำน้อย  ประธานบริหาร บริษัท โชคนิพล  หมูป่า  จำกัด

เป็นประธานฝ่ายฆารวาส มอบผ้าไตร พร้อมด้วย กำนันผู้ใหญ่บ้าน พ่อค้าแม่ค้า ประชาชนทุกหมู่เหล่าชาวตำบลหนองกระทุ่มและใกล้เคียง พร้อมใจกันมาร่วมพิธีกันเป็นจำนวนมาก

      สำหรับในปีนี้  ได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 15 ติดต่อกันแล้ว  โดยมีผู้สมัครใจเข้าร่วมอุปสมบทนาคหมู่ จำนวน 57 รูป โดยบวชตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง  10 ธันวาคม 2567  ซึ่งการจัดงานบวชพระภิกษุ เพื่อปฏิบัติธรรม และศึกษาธรรมเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นำไปสู่การพัฒนาสังคมและประเทศชาติต่อไป

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พิธีสมโภชสมศักดิ์พระระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระวชิราภินันท์ เจ้าอาวาส วัดพระธาตุช้างค้ำ วรวิหาร

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2567 เวลา 09.30 น. ณ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านพระธรรมวชิโรดม เจ้าคณะภาค 6 วัดสังเวชวิศยาราม กรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์งานวันกตัญญูบูรพาจารย์ พิธีสมโภชสมณศักดิ์พระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระวชิราภินันท์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เจ้าคณะอำเภอบ้านหลวง และฉลองสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร พระครูนันทเจติยานุรักษ์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน

โดยมีนายนินิวัฒน์ งามธุระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานฝ่ายฆาราวาส มีพระมหาเถรานุเถระ เจ้าคณะพระสังฆาธิการ หัวหน้าส่วน ราชการ พ่อค้าประชาชนทุกภาคส่วน ร่วมพิธีจำนวนมาก การจัดงานวันกตัญญูบูรพาจารย์ พิธีสมโภชสมณ ศักดิ์พระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระวชิราภินันท์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุช้างค้ำ วรวิหาร เจ้า คณะอำเภอบ้านหลวง และฉลองสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุช้าง ค้ำวรวิหาร พระครูนันทเจติยานุรักษ์ โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ ดังนี้

  1. เพื่อทำบุญทักษิณานุปทานน้อมรำลึกถึงบูรพาจารย์ อดีตเจ้าอาวาส ซึ่งมีพระเดชพระคุณหลวงปู่พระธรรมนันทโสภณเป็นต้น และอดีตเจ้าผู้ครองนครน่านทุกพระองค์
  2. เพื่อทำบุญอายุวัฒนมงคล 63 ปี 43 พรรษา พระวชิราภินันท์ และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ไนการทำงานของ พระครูนันทเจติยานุรักษ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุช้างค้ำ วรวิหาร
  1. เพื่อสนับสนุนการศึกษาของนักเรียนสามเณรวัดพระธาตุช้างค้ำ วรวิหาร ที่ศึกษาระดับมัธยมศึกษา ในโรงเรียนันทบุรีวิทยา พระปริยติธรรม โดยมอบทุนการศึกษาให้ 69ทุน ๆ ละ 1,000 บาท มอบทุนการศึกษาให้พระภิกษุ สามเณรที่เรียนมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์นครน่าน เฉลิมพระเกียรติ ระดับปริญญาตรี
    7 ทุน ๆ ละ 3,000 บ.และระดับปริญญาโท 1 ทุน ๆ ละ 14,000 บาท
    เยาวชนลูกหลานในชุมขนบ้านช้างค้ำเรียนในระดับขั้นมัยมศึกษา 2 ทุน ๆ ละ
    1,000 บาท และ ระดับอุดมศึกษา จำนวน 5 ทุน ๆ ละ 5,000 บาท
    4.เพื่อให้การสงเคราะห์แก่กลุ่มเปราะบาง แม่บ้าน 38 ชุมชน ในและนอกเขตเทศบาลเมืองน่าน และไถ่ชีวิตโค จำนวน 4 ตัว
  1. เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนใจเข้าปฏิบัติธรรม โดยมีการบรรพชา อุปสมบท บวชชีและบวช ชีพราหมณ์ ศึกษาและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน 4 ณ สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดน่านแห่งที่ 1 วัดพระธาตุช้างค้ำวารวิหาร อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านในงานวันกตัญญูบูรพาจารย์ได้รับการสนับสนุนจาก
  2. พระมหาวิชิต ธมมวิชโย กองงานเลขานุการวัดบวรนิเวศวิหาร จำนวน 100,000 บาท
  1. คุณสมชาย บวรวงศ์ดิลก คุณหว่อง ซ่ง เบียว พร้อมคณะจากประเทศสิงคโปร์
    เป็นเจ้าภาพ ถุงยังชีพ 500 ชุด ผ้าห่ม 500 ผืน วีลแชร์ 20 คัน จ็อคเกอร์ 10 ชุด
    ไม้เท้า 200 อัน และปัจจัยไทยธรรม ถวายพระสงฆ์ทั้งหมด
  2. คุณวรวิมล ขัตติพัฒนาพงษ์ เจ้าของร้านพิชช่าคอมปานี น่าน -แพร่ เจ้าภาพพิชช่า 80ถาด ไอครีม 4 ถัง ดีคิว 40 ชุด (200 ชิ้น) เป็นเงิน 50,000 บาท
  3. คุณยุทธพงษ์ เอี่ยมเย็น คุณตุ๊ ร้านอาหารเรือนภูคา เจ้าภาพภัตตาหารถวายพระมหาเถระ 25,000 บาท
  4. คุณอ้อม ร้านเพื่อนกาแฟ เวียงสา เจ้าภาพกาแฟเป็นเงิน 10,000 บาท
  5. ศิษยานุศิษย์วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เจ้าภาพโต๊ะจีนถวายพระ 40โต๊ะ 60,000 บาท
  1. เจ้าภาพโรงทาน 4 0 โรงทาน ทางวัดได้ขึ้นบอร์ดไว้ให้สาธุขนทราบแล้ว
  2. พระครูสุวรรณเจติยานุกูล พระครูสาทรเจติยานุกิจ ถวายมุทิตาสักการะเป็นโต๊ะสำหรับใช้เป็นห้องประชุมวชิราภินันท์เป็นเงิน 16,000 บาท
  3. ร้านบ้านสวน จ.น่าน เจ้าภาพหญ้าเทียมสำหรับใช้ในมณฑลพิธี เป็นเงิน 50,000 บาท10 มูลนิธิวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร ( พระราชวิริยาภรณ์)
    ถวาย 30,000 บาทแบะในโอกาสอันเป็นมงคลคลนี้ หนึ่ง บดิน อริยพัฒน์ อาบสุวรรณ์ ได้มาร้องเพลงมนต์รักพระธาตุช้างค้ำเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระธาตุช้างค้ำ และเพื่อความเป็นสิริมงคลโดยมีช่างฟ้อนกลุ่มสตรีเทศบาลเมืองน่านมาฟ้อนประกอบเพลงให้ได้รับชมกันอีกด้วย/ บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ทีมงานสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พอใจแก้ไขเกิดอุทกภัยแม่สาย และเร่งช่วยเหลือคนไทยที่ถูกพม่ายิงเรือประมง

ภารกิจนายกรัฐมนตรีที่แม่สาย นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พอใจการแก้ไขป้องกันการเกิดอุทกภัยที่แม่สาย ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหม กำลังเร่งช่วยเหลือคนไทยที่ถูกยิงเรือประมง นายกรัฐมนตรียังย้ำกับสื่อมวลชนด้วยว่า สามีเป็นใต้จะละเลยไม่สนใจน้ำท่วมภาคใต้ได้อย่างไร

วันนี้(1ธค67) นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อติดตามแผนการขุดลอกแม่น้ำเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกรณีที่เกิดขึ้นกับเรือประมงไทย ว่า เท่าที่ได้รับรายงานล่าสุดบาดเจ็บ 2 เสียชีวิต 1 และถูกจับ 4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังประสานงานอยู่ โดยหลักการคือไทยไม่ส่งเสริมความรุนแรง ซึ่งประเด็นนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อธิบายเพิ่มเติมว่า

ทางทหารได้ทำการประท้วงไปแล้ว และได้ขอเรือของเราและคนไทยกลับมา ขณะที่นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบอกว่า วันจันทร์นี้จะเชิญทูตเมียนมามาที่กระทรวงฯ เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและขอให้ปล่อยตัวคนไทยโดยเร็วที่สุด นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยถึงความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาในพื้นที่แม่สายว่า วันนี้มีความคืบหน้ามากแล้ว มาครั้งก่อนไม่ได้เป็นอย่างนี้

กระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย ที่ดูแลกำลังดำเนินการ ที่แม่สายลำพังน้ำไม่เท่าไรปัญหาหนักคือมีดินโคลน ซึ่งตามแผนการป้องกันจะมีการป้องกัน จะเร่งดำเนินการ โดยปีหน้าป้องกันได้แน่ แต่ระยะยาวก็ต้องทำกันต่อเนื่อง ส่วนจะมีการเวนคืนบ้านเรือนราษฎรหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังอยู่กำลังสำรวจเพื่อให้ชัดเจนและจะต้องดูเป็นรายๆไป

ส่วนดราม่าเรื่องการละเลยน้ำท่วมภาคใต้นั้น นายกรัฐมนตรียืนยันว่า สามีตนเป็นชาวใต้จะละเลยคนใต้ได้อย่างไร ตั้งแต่วันเกิดเรื่องมีรองนายกลงพื้นที่ไปช่วยเหลือดูแลแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่ภาคใต้อยู่แล้ว ส่วนการดำเนินการช่วยเหลือต่างๆ นั้น รัฐบาลจะนำเอาประสบการณ์จากการช่วยเหลือประชาชนในภาคเหนือไปปรับใช้กับการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทางภาคใต้ด้วย และถ้าพิจารณาแล้วว่าเหมาะสมตนจะลงไปติดตามการช่วยเหลือประชาชนและการแก้ไขปัญหาด้วยตนเองอีกครั้ง

สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการแก้ไขและป้องกันอุทกภัยที่แม่สายนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานให้นายกรัฐมนตรีได้ทราบว่า ได้ติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติจำนวน 4 จุด กำหนดให้อยู่ในฝั่งเมียนมา 3 จุดคือ บ้านใจคาดา บ้านดอยต่อคำและสะพานบ้านสบสาย ส่วนฝั่งไทยมี 1 จุดคือตรงสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 เพื่อให้สามารถเตือนภัยได้

ส่วนการขุดลอกแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก และทำพนังกั้นน้ำ ขณะนี้ตัวแทนทั้งฝ่ายไทยและเมียนมาทำการสำรวจหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน จะดำเนินการได้แล้วเสร็จในเดือน พ.ค.2568 หรือก่อนฤดูฝนปี 2568 ทั้งนี้จะมีการขุดลอกแม่น้ำสายเป็นะระยทาง 14.45 กิโลเมตร จากระยะทางทั้งหมด 15 กิโลเมตร ส่วนแม่น้ำรวกมีการขุดลอก 30.89 กิโลเมตร

จากระยะทางทั้งหมด 44 กิโลเมตร จะมีการสร้างพนังกั้นน้ำป้องกันน้ำหลากและโคลนริมแม่น้ำสายระยะทาง 3.96 กิโลเมตรอีกด้วย ซึ่งต้องมีการเวนคืนที่ดินตลอดแนวทำพนังด้วย โดยนายกรัฐมนตรีได้แจ้งให้ระบบทั้งหมดมีการทดสอบช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 2568 เพื่อสร้างความมั่นใจ

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ทม.มุกดาหาร ระดมเจ้าหน้าที่ชุดใหญ่ ออกตัดต้นไม้ริมทางสาธารณะป้องกันภัยจากลมหนาว

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม​ 2567​ นายอดุลย์ ศิริมันต์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองมุกดาหาร ระดมทีมเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำรถกระเช้าไฟฟ้าบูมลิฟท์ (BOOM LIFT) พร้อมด้วยอุปกรณ์การตัดต้นไม้ออกทำการตัดต้นไม้ใหญ่และกิ่งไม้ที่ยื่นล้ำออกมา

ในเขตเส้นทางสัญจรทั่วพื้นที่เทศบาลเมืองมุกดาหาร เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนได้รับอันตรายจากการถูกกิ่งไม้หักหล่นลงมาใส่ขณะขับขี่พาหนะสัญจรไปมา รวมทั้งการตัดกิ่งไม้ใกล้แนวสายไฟและหลอดไฟส่องสว่างเพื่อกำจัดจุดเสี่ยงต่างๆ และเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ประชาชน

นายอดุลย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากในช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาวมีลมกรรโชกแรงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอาจทำให้ต้นไม้โค่นล้มหรือกิ่งไม้หักหล่นใส่เส้นทางสัญจร และบ้านเรือน ทำให้นางสุวรรณี ตั้งปณิธานนท์ นายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร มีความห่วงใยเกรงว่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนและสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือนประชาชน

จึงได้มอบหมายให้ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองมุกดาหาร นำกำลังเจ้าหน้าที่ รถกระเช้าพร้อมด้วยอุปกรณ์ ออกทำการตัดฟันต้นไม้ กิ่งไม้ บริเวณริมทางสาธารณะ และที่อยู่ใกล้กับบ้านเรือนประชาชน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ชาวบ้านโวย กรรมการวัดเอา เทพื้นคอนกรีตกว่า200,000บาทเตรียมตั้งเจดีเก็บอัฐิ บังทัศนียภาพ อ.เฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา


เมื่อเวลา 10.00น.ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบกรณี นายพิศิษฐ์ รอดทิม อายุ 67ปี คณะกรรมการวัดนิคมราษฎร์รังสรรค์(กม5.)เทพื้นปูนคอนกรีต ยกระดับบริเวณที่ดินของนิคมสร้างตนเอง ติดกับรั่วกำแพง สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี บ้านนิคม กม5.ทำให้ประชาชนในพื้นที่ตั้งข้อสังเกตุว่าเหตุใดจึงต้องมาสร้างลานปูนคอนกรีตยกระดับตรงบริเวณนี้เพื่อตั้ง เจดี เก็บอัฐิบดบังทัศนียภาพ ของตัวอาคารเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี

ทั้งที่พื้นที่ของวัด มีอีกเป็นจำนวนมากสามารถสร้าง อาคารและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆที่เกิดประโยชน์แก่ประชาชนในพื้นได้หรือมีเหตุผลใดแอบแฝงทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ประสานงานไปยัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบถามข้อมูลพร้อมเหตุผล เบื้องต้นเรื่องดังกล่าวต้องรอบคำตอบจากหลายหน่วยงานทั้งนิคมสร้างตนเองและเทศบาลว่าที่ดินดังกล่าวเป็นพื้นที่ของผู้ใดใครเป็นผู้ขออนุญาตใช้ ใครได้ประโยชน์

สำหรับการก่อสร้างพื้นคอนกรีตเบื้องตนได้ใช้เงินงบประมาณจากวัดไปกว่า200,000บาทแล้วทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปในทิศทางต่างๆว่าต่อไปคณะกรรมการวัดต้องมาเก็บเงินกับชาวบ้านอีกหรือไม่ทำให้ชาวบ้านเกิดข้อสงสัยหลายประการ ทั้งที่เงินบริจาคดังกล่าวเป็นของชาวบ้านที่ช่วยกันสร้างขึ้นมาแต่กรรมการวัดนำไปใช้โดยไม่ได้ปรึกษาชาวบ้านมีเพียงแต่กรรมวัดเพียงไม่กี่คนเป็นคนดำเนินการแทน
นายนิพล ทองเก่า นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สนข.การศึกษานครปฐม เขต 1 นำเด็กนักเรียนกกว่า 1,200 คน ร่วมสืบสานวิถีชาวนาไทย การทำนา

      วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 07.30 น.  ดร.ณัฎฐิกา ลิ้มเฉลิม ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1  พร้อมด้วย  ดร.ฐาปณี พวงงาม  นายวีรยุทธ เวสา และ นางพิลาศลักษณ์ จงตระการสมบัติ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1 นำนักเรียนกว่า 1,200 คนจาก 43 โรงเรียน ร่วมพิธีเก็บเกี่ยวข้าวในผืนนา 25 ไร่ กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ดำวันแม่ เกี่ยววันพ่อ” ที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ด้วยพิธีบวงสรวงและดำนา จนมาถึงวันเก็บเกี่ยวที่สร้างรอยยิ้มและความภาคภูมิใจให้กับทุกคน
     
นอกจากนักเรียนจะได้เกี่ยวข้าวแล้ว ยังเรียนรู้ผ่าน 7 ฐานการเรียนรู้ ตั้งแต่การฟาดข้าว สีข้าว ฝัดข้าวแปรรูปเป็นข้าวกล้องและโจ๊ก ไปจนถึงการเรียนรู้เกษตรผสมผสานและการฟื้นฟูดินด้วยปอเทือง

บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงนวดข้าว สีข้าว และเพลง “เกี่ยวความพอดี” ที่เด็กๆ ร่วมกันขับร้อง “ศูนย์ศรีเกษตรโภคทรัพย์เป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณค่าต่อการศึกษา เราต้องใช้ประโยชน์และสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่” 

ดร.ณัฎฐิกา กล่าวพร้อมเน้นย้ำว่าการเรียนรู้วิถีเกษตรพอเพียงจะช่วยปลูกฝังค่านิยมที่ดีงามให้กับเยาวชน

ทั้งนี้ ศูนย์ศรีเกษตรโภคทรัพย์ยังเป็นพื้นที่สาธิตการทำเกษตรแบบผสมผสานตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เปิดโอกาสให้นักเรียนและประชาชนทั่วไปเข้ามาเรียนรู้และฝึกปฏิบัติจริง

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / มอเตอร์โชว์โคราช ครั้งที่ 34 จัดใหญ่ จัดหนัก จัดเต็ม

ชมรมผู้ค้ารถยนต์ใหม่จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ บริษัท มอร์ ครีเอชั่น จำกัด และ เดอะมอลล์ โคราช ยกทัพขนขบวนค่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถไฟฟ้า แบรนด์ชั้นนำ พร้อมสินเชื่อมาเดินในงานเดียว ได้ครบ จบ ทุกแบรนด์ แน่นอน

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 งานมอเตอร์โชว์โคราชเปิดงานอย่างยิ่งใหญ่ โดยได้รับเกียรติจาก คุณกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย คุณเข็มทอง เรืองกฤตยา ประธานชมรมผู้ค้ารถยนต์ใหม่จังหวัดนครราชสีมา

ขึ้นกล่าวรายงานวัตถุประสงค์ และคุณปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการบริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด ขึ้นกล่าวต้อนรับ ทั้งนี้ ทางชมรมผู้ค้ารถยนต์ใหม่ ได้มอบเงินสนับสนุนแก่เหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา เป็นเงินจำนวน 100,000 บ. โดย เภสัชกรหญิง สุรวจี ธีระวัฒนา รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา เป็นตัวแทนรับมอบ

เพียงจองรถภายในงาน มีสิทธิ์ลุ้นรับบัตรเติมน้ำมันจำนวน 35 รางวัล รวมมูลค่า 300,000 บ.โทรทัศน์ จอ 55 นิ้ว 2 รางวัล และของพรีเมี่ยม กว่า 1,000 รางวัล พบกันวันที่ 30 พฤศจิกายน – 8 ธันวาคม 2567 ชั้น 1 แกรนฮอลล์ ชั้น 3 เอ็มซีซีฮอลล์ วาไรตี้ฮอลล์ เดอะมอลล์ โคราช งานนี้ ห้ามพลาด!!

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / แถลงข่าว ยึดยาบ้า 106,200 เม็ด จากขบวนค้ายาข้ามชาติ ริมฝั่งแม่น้ำโขง

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 ที่ห้องประชุมศรีประดู่ อาคารเอนกประสงค์ กองบัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง อ.เมือง จ.นครพนม น.อ.สุชาติ อุดมนาค รอง ผบ.นรข.และ พ.อ.ศรณณัฐ นวลมณี รอง ผอ.ส่วนอำนวยการ นบ.ยส.24 (5) พ.ต.อ.หญิง จิรนันท์ ธนะสิงห์ นวท.(สบ 4) พฐ.จว.นครพนม พร้อมด้วยหน่วยงานความมั่นคงใน จ.นครพนม

ร่วมแถลงข่าว โดยเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เวลา 15.00 น. พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผบ.นรข. ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจาก สปป.ลาว ข้ามมาส่งบริเวณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง บ.เชียงยืน ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม จึงได้สั่งการให้ น.อ.แมนรัตน์ บุญสวัสดิ์ ผบ.นรข.เขตนครพนม พร้อมทั้ง น.ต.สมเจตน์ ค้าทวี หน.เรือนครพนม

ตรวจสอบข่าวพร้อมจัดชุดชุ่มเฝ้าตรวจ และเข้าทำการตรวจสอบพื้นพื้นที่ดังกล่าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.15 น. ได้ทำการตรวจการณ์ด้วยสายตาและกล้องตรวจการณ์กลางคืนพบเรือกีบเพลายาวต้องสงสัย จำนวน 1 ลำ แล่นจากฝั่ง สปป.ลาว เข้ามาจอดบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงฝั่งไทย ห่างจากชุดซุ่มเฝ้าตรวจประมาณ 500 ม. ชุดซุ่มเฝ้าตรวจึงได้ทำการรีบปิดระยะเข้าทำการตรวจสอบ กระทั่งเหลือระยะห่างประมาณ 200 ม.

ได้ตรวจพบว่าเรือกีบเพลายาวได้แล่นกลับไปทางฝั่ง สปป.ลาว ชุดชุ่มเฝ้าตรวจจึงได้รีบเข้าไปยังบริเวณที่เรือลำดังกล่าวแล่นออกไปโดยทันที ซึ่งบริเวณพื้นที่ดังกล่าวเป็นบริเวณทางลาดของท่าทราย (ร้าง) ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยเป็นกระสอบปุ๋ยสีฟ้า และมีชิ้นส่วนยางในรถจักรยานยนต์พันมัดรอบปากกระสอบวางอยู่บนพื้นดังกล่าว จากการสังเกตุพบว่าที่ก้นกระสอบนั้นเปียกชื้นและมีดินทรายเกาะติด จึงคาดว่าน่าจะเป็นยาเสพติดตามที่สายลับแจ้งมา จึงทำการชุ่มเฝ้าตรวจในบริเวณนั้นเพื่อรอผู้ที่จะมารับวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว กระทั่งเวลา 20.30 น. เมื่อเห็นว่าไม่น่าจะมีผู้ใดมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ

ชุดชุ่มเฝ้าตรวจจึงได้ทำการเปิดตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย พบว่าภายในเป็นยาบ้าบรรจุอยู่ในถุงชนิดกดปิดดึงเปิดสีน้ำเงินและสีชมพู มัดด้วยหนังยางบรรจุรวมอยู่ในกล่องกระดาษพันด้วยเทปกาวสีเหลือง จำนวน 1 กล่อง และบรรจุรวมอยู่ในห่อกระดาษไซสีเหลืองห่อด้วยถุงพลาสติกและพันรวมกันกันด้วยเทปกาวสีเหลือง จึงได้ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จ.นครพนม

ทำการตรวจยึดและนำของกลางทั้งหมด มาตรวจสอบโดยละเอียดที่ สน.เรือนครพนม ภายในกระสอบปุ๋ยพบยาบ้าตราอักษรภาษาอังกฤษ WY กำกับอยู่ด้านหนึ่งอีกอีกด้านหนึ่งผิวเรียบ และมีลักษณะเม็ดสีเขียวกลมแบนมีตราอักษรภาษาอังกฤษ A กำกับอยู่อีกด้านหนึ่ง มีผิวเรียบ รวมเป็นยาบ้า จำนวน 106,200 เม็ด หน่วยจึงได้นำของกลางยาบ้า​ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

น.อ.สุชาติ อุดมนาค รอง ผบ.นรข. กล่าวว่า ทางการข่าวขณะนี้พบมีเยาวชนเข้ามาเกี่ยวข้องกับกระบวนการกลุ่มผู้ค้าโดยจะแทรกซึมทำหน้าที่คอยแจ้งความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่มีมากถึงราว ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเยาวชนในพื้นที่ของ อ.ท่าอุเทน ซึ่งต่อจากนี้ ทางหน่วยจะใช้การเข้าหาผู้นำหมู่บ้านรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอความร่วมมือจากผู้นำหมู่บ้าน เพื่อร่วมสแกนในพื้นที่ของแต่ละหมู่บ้านอย่างจริงจัง และสืบเนื่องจากผู้นำหมู่บ้านย่อมทราบข้อมูลในชุมชนรวมทั้งทราบถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากยาเสพติดมากที่สุด ทั้งนี้มีการเข้าพบกับญาติผู้ต้องหาที่ค้ายาเสพติด ขอให้มาช่วยในการทำงาน เชื่อว่าในบ้านมีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ชาวบ้านย่อมรู้ดีว่ามีใครที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดใครทำอะไรบ้าง

ขณะเดียวกันมีข้อมูลจาก ปปส.ส่งข้อมูลทางการข่าวเรื่องยาเสพติด ว่ามียาเสพติดที่กำลังรอการลำเลียงข้ามจากประเทศเพื่อนบ้าน ในพื้นที่ตรงกันข้ามกับ บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร ซึ่งเชื่อว่าแหล่งผลิตอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน จำนวนกว่า 20 ล้านเม็ด ทำให้ขณะนี้ทุกหน่วยงานต่างแบ่งกำลังกันลงไปทำงานในพื้นที่เสี่ยง 24 ชั่วโมง เพื่อกดดันสำหรับการส่งยาเสพติดให้ลดน้อยลงให้มากที่สุด.
ภาพ/ข่าว : พรพิพัฒน์ เพ็ชรสังหาร
เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​รายงาน​ ​092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตร.ท่องเที่ยวบูรณาการ บรรจุกระสอบทราย พร้อมมอบถุงยังชีพ / ฉก.ตร.นราธิวาส 93 -ทสปช.เมืองนราธิวาส ส่งธารน้ำใจ มอบน้ำดื่ม ผู้ประสบอุทกภัย อ.เมือง จ.นราธิวาส

ตำรวจท่องเที่ยวบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบรรจุกระสอบทรายพร้อมมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ทั้งนี้ตามข้อสั่งการ ของ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. และ พล.ต.ต.ภพพล จักกะพาก ผบก.ทท.3 มอบหมายให้ กก.3 บก.ทท.3 และ ส.ทท.3 กก.3 บก.ทท.3 นราธิวาส ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ ลงพื้นที่ดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ และสนับสนุน แจกจ่าย อาหาร และน้ำดื่ม ให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน

พ.ต.อ.กฤษณัฐ มนัส ผกก.3 บก.ทท.3 มอบหมายให้ พ.ต.ท.ศักรินทร์ อนุสามัญสกุล รอง ผกก.3 บก.ทท.3 , พ.ต.ต.ณัฐวรรธน์ สงคง สว.ส.ทท.3 กก.3 บก.ทท.3 และสายตรวจเขตตรวจที่ 1 สุไหงโก – ลก ได้ดำเนินลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทภัยน้ำท่วมในพื้นที่ จ.นราธิวาส

โดยได้เดินทางมาพบ นางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก – ลก เพื่อร่วมบูรณาการในการสำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทภัยน้ำท่วม พร้อมกับร่วมบูรณาการให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยอาสาฯสมัครฝ่ายปกครองในพื้นที่ เจ้าหน้าที่เทศบาลสุไหงโก – ลก อาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว

โดยร่วมบรรจุกระสอบทราย มอบถุงยังชีพเพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อีกทั้งได้ดำเนินการสำรวจให้ความช่วยเหลือจากสถานการณ์น้ำท่วม ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจ พร้อมช่วยขนย้ายสิ่งของไปยังตามโรงแรมต่างๆมาไว้บนที่สูง ในพื้นที่ อ.สุไหงโก – ลก จ.นราธิวาส

ฉก.ตร.นราธิวาส 93 ร่วมกับ ทสปช.เมืองนราธิวาส ส่งธารน้ำใจ
มอบน้ำดื่มแก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อ.เมือง จ.นราธิวาส

วันนี้ (30 พฤศจิกายน 2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ทศม ม่วงเกษม ผบ.ฉก.ตร.นราธิวาส 93 พ.ต.ต.หญิง จิลลาวัณย์ เบ็ญมุสตาส หัวหน้า ฝอ.5 ได้มอบหมายให้ ชุด ชป.กร.ฉก.ตร.นธ 93 พร้อมด้วยชุดไทยอาสาป้องกันชาติเมืองนราธิวาส ส่งมอบกำลังใจให้กับชาวบ้านผู้ประสบภัย และผู้ที่ได้รับผลกระทบ

จากเหตุการณ์อุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดนราธิวาส โดยเดินลุยน้ำลงพื้นที่บ้านยาบี ม.1 ตำบลกะลุวอ อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส เพื่อเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจ มอบน้ำดื่ม เพื่อคลายความเดือดร้อนในเบื้องต้น รวมถึงประชาสัมพันธ์ในส่วนของสัตว์มีพิษที่มากับน้ำ และคอยสอดส่องดูแลประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงพื้นที่ติดกับลุ่มแม่น้ำ ทั้งนี้เนื่องจากมวลน้ำจากอำเภอระแงะกำลังสมทบเข้าสู่อำเภอเมืองนราธิวาส

อย่างไรก็ตามจากการประกาศของจังหวัดนราธิวาสเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยพิบัติที่กำลังสมทบเข้ามาพร้อมกับมรสุมที่กำลังเข้าสู่จังหวัดนราธิวาสในวันนี้ โดยคอยประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา เพื่อความปลอดภัย และ เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนและตัวเจ้าหน้าที่เอง
///////////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ธ.ก.ส.ประจวบจัดโครงการสื่อ ธกส.สัญจรประจำปี 67

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจักรพันธ์ ม่วงแก้ว รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารธนาคาร และเจ้าหน้าที่ นำคณะสื่อมวลชนแขนงต่างๆในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมกว่า 20 คน

เข้าเยี่ยมชมศึกษาดูงานที่”บุราณบ้านสวน” ของ นายประเสริฐ ยุวกานกูล ซึ่งเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย และแหล่งเรียนรู้ป่าครอบครัว ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลร่อนทอง อำเภอบางสะพาน

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งทางธนาคาร ธ.ก.ส.และกรมการพัฒนาชุมชนได้เข้ามาส่งเสริมให้เป็นชุมชนต้องเที่ยว และชุมชนอุดมสุข โดยทางธนาคาร ธ.ก.ส.มีเป้าหมายยกระดับชุมชนอุดมสุขให้เป็นแกนกลางการเกษตร โดยได้มีการพาคณะสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมการปลูกพืชแบบผสมผสานภายในแปลงเกษตรเนื้อที่ทั้งหมด 28 ไร่ โดยทุกพื้นที่ของสวน

สามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมดและสามารถสร้างมูลค่าสร้างรายได้ให้กับเจ้าของสวนแบบพึ่งพาตนเอง โดยได้ดำเนินการในลักษณะเศรษฐกิจพอเพียงตามหลักปรัชญาของในหลวง รัชกาลที่ 9 ปลูกพืชไว้กินเอง เหลือแล้วจึงขายสร้างรายได้ให้กับครัวเรือน ทฤษฎีบันได 9 ขั้น สู่ความพอเพียง มั่งคั่ง ยั่งยืน จากนั้นจึงได้พาคณะสื่อมวลชนร่วมพบปะสังสรรค์รับประทานอาหารร่วมกันที่บริเวณร้านอาหารครัวแสนดี อำเภอบางสะพาน ก่อนจะมอบของที่ระลึก และแยกย้ายเดินทางกลับ

นายจักรพันธ์ ม่วงแก้ว รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางธนาคารมีแผนจัดทำโครงการยกระดับชุมชนอุดมสุขสู่การเป็นแกนกลางการเกษตร เพื่อขับเคลื่อนให้ครอบคลุม 4 มิติ ประกอบด้วย ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านวัฒนธรรมประเพณี โดยสนับสนุนให้ชุมชนจัดทำแผนพัฒนาชุมชนที่เน้นการลดต้นทุน การสร้างงาน สร้าง อาชีพ มีรายได้เพิ่มขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ภาครัวเรือนควบคู่กับการอนุรักษ์และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ โดยส่งเสริมกลุ่มอาชีพ กลุ่มการเงิน กลุ่มวิสาหกิจชุมชน สนับสนุนให้มีการนำองค์ความรู้ใหม่ๆ เทคโนโลยีสมัยใหม่

และนวัตกรรมจากสถาบันการศึกษา หรือภาคีเครือข่ายมาประยุกต์ใช้ ให้มีการพัฒนายกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ มีมาตรฐานการผลิตสินค้า สร้างมูลค่าเพิ่มการผลิต หรือผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง มีการเชื่อมต่อเกษตรกรที่ขาดทักษะ หรือขาดทรัพยากรในการผลิตเข้ากับกลุ่มที่มีทักษะ เพื่อให้ได้มีโอกาสส่งเสริมซึ่งกันและกันในธุรกิจรูปแบบการแบ่งปันผลกำไร เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งมีการพัฒนาด้านการตลาดและเปิดช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ ในรูปแบบ Digital ไม่ว่าจะเป็นภายในประเทศหรือต่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมการบริโภคภายในท้องถิ่น (Local Consumption) เป็นหลัก มีการเชื่อมโยงผลผลิต/ผลิตภัณฑ์ของชุมชนสู่ผู้บริโภคโดยตรง ซึ่ง ธ.ก.ส.

จะเป็นตัวกลางเชื่อมต่อให้มีการประสานความร่วมมือบูรณาการกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ/เอกชน ให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง ทั้ง 4มิติ ไปพร้อมกัน ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ ที่มีความมั่นคงและยั่งยืนจนนำไปสู่การยกระดับเป็น “ชุมชนอุดมสุขสู่การเป็นแกนกลางการเกษตร”(Essence of Agriculture) ซึ่งธนาคารมีเป้าหมายยกระดับชุมชนอุดมสุขเป็นแกนกลางการเกษตร จำนวน 181 ชุมชน

โดยชุมชนบ้านสวน เป็นหนึ่งใน 181 ชุมชน ที่อยู่ในเป้าหมายของธนาคารในการยกระดับชุมชน เป็นแกนกลางการเกษตรในปีบัญชี 2567 นี้ เป็นชุมชนอุดมสุขที่ยั่งยืนที่มีผู้นำใช้กรอบการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยการใช้พื้นที่ส่วนตัวทำสวนเกษตรผสมผสาน มีทั้งพืชผัก ไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชสมุนไพร เลี้ยงไก่ ปลา สุกร ทำนาปลูกข้าว เป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ธ.ก.ส.ในเรื่องของการทำนาอินทรีย์ รวมกันซื้อ รวมกันขาย เน้นการผลิตข้าวปลอดภัยต่อผู้บริโภค และสินค้าเกษตรปลอดภัย ทำให้ผ่านการรับรองมาตรฐานการจัดการคุณภาพการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี

สำหรับพืช (GAP) เป็นชุมชนที่สร้างความสมดุลด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมประเพณี ภายใต้หลักการเกื้อกูล แบ่งปัน และเป็นธรรม ส่งผลให้สมาชิกในชุมชนมีประโยชน์สุขอย่างยั่งยืน และในอนาคตชุมชนนี้มีแผนพัฒนาเป็นชุมชนท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ประกอบกับปีบัญชี 2567 ธนาคารกำหนดจัดกิจกรรมประกวดชุมชนอุดมสุขระดับภูมิภาค ในวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ณ แสนปาล์มเทรนิ่งโฮม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม และระดับประเทศประมาณเดือนมกราคม 2568 ซึ่ง ธ.ก.ส.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ส่งชุมชนบ้านสวน เข้าร่วมประกวดในครั้งนี้ด้วย

นายนิพล ทองเก่า นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 0909944781

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง