สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ร่วมจังหวัดนครราชสีมา จัดงาน Colorful Korat

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ร่วมกับ จ.นครราชสีมา จัดงาน Colorful Korat ระหว่างวันที่ 20 – 24 พฤศจิกายน 2567 โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และ นายณัฐ ครุฑสูตร ผู้อำนวยกานฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นประธานเปิดงาน ณ สวนรัก อ.เมือง จ.นครราชสีมา

นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ททท. ขานรับนโยบาย IGNITE THAILAND’s TOURISM : Soft Power & Sustainability โดยนำเสนอควบคู่กับ อัตลักษณ์ความเป็นไทย การผ่านกิจกรรมและเทศกาล Events & Festivals เปิดท่องเที่ยวได้ตลอดปี

เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้วัฒนธรรมไทย เปฺนจุดแข็ง ผ่านการร้อยเรียงเรื่องเราวในมุมมองใหม่ ที่ทันสมัยของภาคอิสาน อันเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวใน จ.นครราชสีมา และพื้นที่ใกล้เคียงสามารถสร้างรายได้และ กระจายสู่ท้องถิ่น ตลอดจนระยะเวลาจัดงาน

นักท่องเที่ยวสามารถสำผัสสีสันในแบบอีสานที่ไม่ควรพลาด ระหว่างวันที่ 20-24 พฤศจิกายน 2567 เวลา 17.00 – 22.30น ณ สวนรัก จังหวัดนครราชสีมา ภายในงานพบกับไฮไลต์สุดพิเศษ สัมผัสเอกลักษณ์ชองภาคอิสานในทุกมิติ

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ก.ธ.จ.น่าน ติดตามแผนงานปี 2567 พร้อมพิจารณาคัดเลือกแผนงาน/โครงการเพื่อสอดส่อง ประจำปี 2568


เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 น. ที่ ห้องประชุมเจ้ามหาพรหมสุรธาดา ชั้น 6 ศาลากลางจังหวัดน่าน นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 16 ในฐานะประธานคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดน่าน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดน่าน ครั้งที่ 3/2567 เพื่อติดตามการดำเนินงานและพิจารณาแนวทางสอดส่องแผนงาน/โครงการ รวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2567

ของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดน่าน (ก.ธ.จ.) พร้อมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางในการสอดส่องโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 พร้อมทั้งคัดเลือกแผนงาน/โครงการเพื่อสอดส่องประจำปี 2568 โดยในเบื้องต้นในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดน่าน ได้คัดเลือกโครงการ/กิจกรรมจำนวน 10 กิจกรรม/โครงการ จาก 9 หน่วยงานในการติดตามสอดส่องการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัด

สำหรับปีงบประมาณ 2568 จังหวัดน่านได้รับการจัดสรรงบประมาณ แบ่งเป็นงบประมาณจากแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 จำนวน 3 โครงการ วงเงิน 8,070,460 บาท และจากแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดน่าน จำนวน 7 โครงการ วงเงิน 230,521,900 บาท

นายอิทธิพลกล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการต่างๆ ในขณะนี้ยังอยู่ในระยะเตรียมการรอการอนุมัติดำเนินการ แต่เมื่อเริ่มขับเคลื่อนโครงการแล้ว คณะกรรมการควรเข้าไปสังเกตการณ์และสอดส่องอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการสร้างหลักธรรมาภิบาลและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความมั่นใจในแผนงานของภาครัฐ เพื่อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างโปร่งใสและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง

/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิว์ / นบ.ยส.24 แถลงข่าวทหารพรานยึดยาบ้า เกือบ 2 แสนเม็ด! พร้อมฝิ่นดิบกว่า 3 กิโลกรัม ที่ริมแม่น้ำโขง/จ.มุกดาหาร ปล่อยรถบรรทุกหนักไม่คลุมผ้าใบวิ่งเกลื่อนเมือง/เหิม! ขบวนการค้าของเถื่อนลักลอบส่งบุหรี่ไฟฟ้าข้ามแม่น้ำโขง

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 เวลา 13.30 น. ที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2103 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี บ้านเหล่าหนาด ตำบลพนอม อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม พันเอก กัญญณัต ไชยโอชะ รองผู้อำนวยการส่วนอำนวยการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (รอง ผอ.ส่วนอำนวยการ นบ.ยส.24 (2) )

เป็นผู้แทน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24) แถลงข่าวการตรวจยึดยาเสพติด ร่วมกับนายปรีชา สอิ้งทอง นายอำเภอท่าอุเทน นาวาโทจักรกฤษ วังกรานต์ หัวหน้าสถานีเรือบ้านแพง หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตนครพนม ร้อยเอก ธนากร นาเหล็ก ผู้บังคับกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2103 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พร้อมหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่อำเภอท่าอุเทน

โดยเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 09.50 น. กองบังคับการควบคุมที่ 1(ร.3) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้รับการประสานจากกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2103 ว่าได้รับแจ้งจากพลเมืองดี พบวัตถุต้องสงสัยคาดว่าจะเป็นยาบ้า วางอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง พื้นที่ บ้านตาลปากน้ำ หมู่ที่ 2 ตำบลไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม จึงได้จัดกำลังเข้าทำการพิสูจน์ทราบตามที่ได้รับแจ้ง เมื่อไปถึงจุดที่ได้รับแจ้ง พบกระสอบสีเหลือง จำนวน 2 กระสอบวางอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง

เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบภายในกระสอบ พบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 170,000 เม็ด และยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (ฝิ่น) น้ำหนัก 3.2 กิโลกรัม จากนั้นจึงประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ร่วมทำการเข้าตรวจสอบและนำของกลางทั้งหมดส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรท่าอุเทน จังหวัดนครพนม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

โดยการแจ้งเบาะแสนำมาซึ่งการตรวจยึดยาเสพติดในครั้งนี้เกิดจากการที่ประชาชน พบเห็นสิ่งผิดปกติแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ทหารพรานและหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่เข้าทำการตรวจสอบ ซึ่งถือว่าประชาชนในพื้นที่ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐในการป้องกันสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่บ้านตาลปากน้ำ หมู่ที่ 2 ตำบลไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี กองทัพภาคที่2 กองทัพบกroyalthaiarmyภาพ/ข่าว : นายพรพิพัฒน์ เพ็ชรสังหาร
เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

หน่วยงานเมินหนังสือ จ.มุกดาหาร ปล่อยรถบรรทุกหนักไม่คลุมผ้าใบวิ่งเกลื่อนเมือง

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน​ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดมุกดาหารว่า สืบเนื่องจากนายไกร เอี่ยมจุฬา ผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารได้มีหนังสือลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ถึงนายอำเภอทุกอำเภอและนายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร ว่า ได้รับแจ้งจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่า สภาผู้แทนราษฎร ในคราวประชุมผู้แทนราษฎร วันที่ 11 กันยายน 2467 ได้มีสมาชิกผู้แทนราษฎรให้แก้ไขปัญหารถบรรทุกที่บรรทุกวัสดุ เช่น ดิน หิน ทราย หรือวัสดุอื่น ๆ ที่อาจจะฟุ้งกระจายระหว่างการขนส่งไม่มีวัสดุปกคลุมสิ่งของระหว่างการขนส่ง ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งปัจจุบันมีกฎหมายในการบังคับใช้กับผู้ฝ่าฝืนและกระทำความผิดในการบรรทุกสิ่งของโดยไม่ปกคลุมและก่อให้เกิดอันตรายต่อใช้รถ ใช้ถนน เช่น พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 102(4) ประกอบกับมาตรา 127 ฐานการขับรถโดยไม่ปฏิบัติและคำนึงถึงความปลอดภัยในการขนส่ง นอกจากนี้ยังมีพระราชบัญญัติรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 13 ที่กำหนดให้รถที่บรรทุกสิ่งของนั้นต้อง มีการป้องกันไม่ให้เกิดการตกหล่น รั่วไหล ฟุ้งกระจาย ลงบนถนนในระหว่างที่ใช้ และให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่มีอำนาจสามารถยึดรถนั้นไว้จนกว่าเจ้าของจะชำระค่าปรับ แต่ปัจจุบันมีรถบรรทุกไม่มีวัสดุปกคลุมสิ่งของ ทำให้เกิดการฟุ้งกระจายหรือตกหล่นบนถนนจำนวนมาก

จังหวัดมุกดาหารพิจารณาแล้ว เพื่อให้การแก้ไขปัญหาตามประเด็นข้อหารือของสภาผู้แทนราษฎร ดังกล่าวฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและบรรลุผลสัมฤทธิ์ จึงขอความร่วมมืออำเภอแจ้งองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ พิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวฯ ตามอำนาจหน้าที่ต่อไป สำหรับอำเภอให้แจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทราบและดำเนินการด้วย

แต่ปรากฏว่าภายหลังจากที่จังหวัดมุกดาหารออกหนังสือฉบับดังกล่าว ในพื้นที่เขตอำเภอเมืองมุกดาหารก็ยังคงมีรถบรรทุกไม่มีวัสดุปกคลุมสิ่งของ ทำให้เกิดการฟุ้งกระจายหรือตกหล่นบนถนนจำนวนมากอยู่เป็นจำนวนมากเช่นเดิม และนับวันแต่จะมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่หลายแห่งโดยเฉพาะการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง ทำให้มีรถบรรทุกทรายและหินใหญ่ซึ่งคาดว่าจะบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและไม่คลุมผ้าใบกันวัสดุตกหล่นจำนวนมากวิ่งผ่านในพื้นที่เทศบาลตำบลนาสีนวน เทศบาลเมืองมุกดาหาร ทางหลวงแผ่นดิน 2034 ทางเลี่ยงเมือง 238 และทางหลวงชนบท โดยรถบรรทุกดังกล่าวใช้เส้นทางวิ่งซึ่งอยู่ห่างจากที่ตั้งของสำนักงานขนส่งจังหวัดมุกดาหาร แขวงทางหลวงมุกดาหาร แขวงทางหลวงชนบทมุกดาหาร เทศบาลตำบลนาสีนวน และเทศบาลเมืองมุกดาหาร เพียงไม่กี่กิโลเมตร สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนและผู้ใช้เส้นทางในการสัญจรอยู่ทุกวัน โดยไม่ปรากฏให้เห็นว่ามีหน่วยงานรับผิดชอบใดส่งเจ้าหน้าที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายและหนังสือจังหวัดมุกดาหารแต่อย่างใดกรมการขนส่ง

#กรมทางหลวง #กรมทางหลวงชนบท #จังหวัดมุกดาหาร #เทศบาลตำบลนาสีนวน #เทศบาลเมืองมุกดาหาร #กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

เหิม! ขบวนการค้าของเถื่อนลักลอบส่งบุหรี่ไฟฟ้าข้ามแม่น้ำโขง สะพานมิตรภาพ 2

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567​ ร้อยโท วัชรสรณ์ เชื้อไพบูลย์ ผบ.ร้อย.ทพ.2105 ฉก.ทพ.21 กกล.สุรศักดิ์มนตรี ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีขบวนการค้าของเถื่อนข้ามชาติลักลอบนำบุหรี่ไฟฟ้าจากแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ข้ามแม่น้ำโขงมาส่งให้กับนายทุนค้าของเถื่อนในจังหวัดมุกดาหารที่บริเวณท่าน้ำบ้านบางทรายใหญ่ ม.13 ต.บางทรายใหญ่ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร

จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารพรานบูรณาการกับชุดสืบสวนและปราบปรามประจำพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรมศุลกากร รุดไปตรวจสอบบริเวณพื้นที่ตามที่ได้รับแจ้ง พบเรือหางยาวบรรทุกกล่องกระดาษขนาดใหญ่แล่นจากฝั่งแขวงสะหวันนะเขต เข้ามาจอดที่บริเวณท่าน้ำบ้านบางทรายใหญ่ ใกล้กับสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 (มุกดาหาร – สะหวันนะเขต)

เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อที่จะขอตรวจสอบ แต่คนขับเรือเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้อาศัยความมืดวิ่งขึ้นฝั่งหลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจสอบพบกล่องกระดาษบรรจุสิ่งของขนาดใหญ่จำนวน 5 กล่องอยู่ในลำเรือ จึงได้เปิดกล่องกระดาษตรวจสอบพบว่าภายในบรรจุบุหรี่ไฟฟ้า 1 กล่อง ส่วนอีก 4 กล่อง พบว่าเป็นบุหรี่ผลิตใน สปป.ลาว จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางและนำส่งด่านศุลกากรมุกดาหารเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร #กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี #กองทัพภาคที่2 #กองทัพบกroyalthaiarmy

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ทพ.2105​ ฝ่ายปกครองและตำรวจ ยึดยาบ้าซุกกองฟาง 1.9 แสนเม็ด ในกระท่อมกลางทุ่ง/ นบ.ยส.24 ยึด เฮโลอีน 32 แท่ง, ยาไอซ์ 117 กก. ผู้ต้องหา 3 รายของกลาง ยาบ้า 80 มัด 160,000 เม็ด/ร้องตรวจสอบรถขนทราย บรรทุก นน. เกิน ถนนพัง ฝุ่นเต็มบ้าน

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ร้อยโท วัชรสรณ์ เชื้อไพบูลย์ ผบ.ร้อย.ทพ.2105 ฉก.ทพ.21 กกล.สุรศักดิ์มนตรี ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า จะมีการลักลอบนำยาเสพติดข้ามแม่น้ำโขงมาส่งในพื้นที่ บ.นาสีนวน ม.1 ต.นาสีนวน อ.เมือง จ.มุกดาหาร

จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบบริเวณพื้นที่ตามที่ได้รับแจ้ง ปรากฏว่าเมื่อไปถึงบริเวณกระท่อมในบริเวณสวนยางพารา บ.นาสีนวน พบกระสอบปุ๋ยซุกซ่อนไว้อยู่ในกองฟางจึงได้เปิดตรวจสอบดูพบว่าภายในกระสอบบรรจุยาบ้าจำนวน 198,000 เม็ด ไม่มีผู้ใดแสดงตัวเป็นเจ้าของ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลางแล้วนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นบ.ยส.24 แถลงข่าวโชว์ผลงานการตรวจยึด เฮโลอีน 32 แท่ง, ยาไอซ์ 117 กก. ผู้ต้องหา 3 รายของกลาง ยาบ้า 80 มัด 160,000 เม็ด

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 น. ที่กองร้อยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พล.ต.ฉัฐชัย มีชั้นช่วง รอง ผบ.นบ.ยส.24 (2)/ผบ.มทบ.210, พ.อ.กัญญนัต ไชโอชะ รอง ผอ.ส่วนอำนวยการ นบ.ยส.24 (2),พ.อ.ศรณณัฐ นวยมณี รอง ผบ.บก.ควบคุมที่ 1(ร.3)กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี / รองผอ.ส่วนอำนวยการ นบ.ยส.24 (5) นายสุรศักดิ์ กันสูงเนิน ป้องกันจังหวัดนครพนม,พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผกก.ตดช.23, พ.ต.อ.หญิง จีระนันท์ ธนะสิงห์ ผกก.พฐ.นครพนม,พ.ต.ท.สมพล ห้าวหนู รอง ผกก.ตชด.23 พร้อมด้วย พ.ต.ท.เรวัฒ จำปาน ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 และชุดปราบปรามยาเสพติดฯ พร้อมหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมแถลงข่าวตรวจยึดเฮโรอีน 32 แท่ง ยาไอซ์ 117 ห่อ/กก.

โดยเมื่อ วันที่ 16 พ.ย.67 เวลา 22.00 น. ชุดปราบปรามยาเสพติด กองร้อยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่กำลังจะออกไปกรีดยางว่าพบเห็นพระพุทธรูป จำนวน 3 องค์ ที่ถูกวางไว้ข้างทางห่างจากแหล่งชุมชนหมู่บ้านพอสมควร บริเวณทางเข้าหมู่บ้านดอนแดงน้อย ต.ท่าจำปา อ.ทำอุเทน จ.นครพนม เป็นที่น่าสงสัย จึงรีบแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ฯ เพื่อให้นำไปตรวจสอบและคาดว่าอาจจะมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ภายใน เมื่อเข้าไปสำรวจตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามียาเสพติดที่มีลักษณะวางซุกซ่อนในองค์พระพุทธรูปเป็นจำนวนมากจริง ก่อนถูกหล่อด้วยน้ำยาเรซิ่นอยู่ภายใน แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ยังคงวางกำลังดักซุ่มรอ

เพื่อหวังจะมีผู้มารับพระจำนวนดังกล่าวจนกระทั่งถึงเช้า เมื่อไม่มีผู้ใดมารับหรือแสดงตัวเป็นเจ้าของ จึงได้ทำการตรวจยึดและนำพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ มายังกองร้อยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 เพื่อทำการตรวจสอบอย่างละเอียด จึงพบว่าในองค์พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์นั้น มียาเสพติดให้โทษให้โทษประเภทที่ 1 (เฮโรอีน) จำนวน 32 แท่งและยาไอซ์ จำนวน 117 ห่อ /กิโลกรัม สำหรับยาไอซ์ที่ตรวจยึดไว้ได้ ถูกจัดเรียงไว้ภายในขององค์พระพุทธรูปก่อนใช้น้ำยาเรซิ่นเทหล่อทับเพื่อพรางสายตาเจ้าหน้าที่ สำหรับการตรวจยึดยาเสพติดจำนวนมากในครั้งนี้ อาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้วยดีตลอดมา จึงทำให้ผลการตรวจยึดของกลางจำนวนดังกล่าวเป็นผลสำเร็จก่อนที่ ยาเสพติดจำนวนนี้จะทะลักเข้าไปสู่พื้นที่ชั้นในต่อไป

อีกคดีเมื่อ วันที่ 17 พ.ย.67 เวลา 07.00 น. ชุดปราบปรามยาเสพติด กองร้อยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติด เข้ามาในพื้นที่ จึงได้จัดกำลังพลทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ บริเวณพื้นที่ ปั้ม ปตท.บ้านแพง ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม ตามที่รับแจ้ง จนกระทั้งเวลาประมาณ 07.00 น. ตรวจพบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุสีเทาทะเบียนหมายเลข 3 ฒต 9723 กรุงเทพฯ จอดอยู่บริเวณปั๊ม ปตท.บ้านแพง จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าว พบชาย 2 คน และ ผู้หญิง 1 คน จึงแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ขอทำการตรวจค้นรถกระบะคันดังกล่าว พบว่าเป็นยาเสพติดประเภท 1 ยาบ้า จำนวน 80 มัด ประมาณ 160,000 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง และปืนไทยประดิษฐ์ จำนวน1 กระบอก จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาทำการขยายผล ณ กองร้อยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 ต่อไป

ทางด้าน พล.ต.ฉัฐชัย มีชั้นช่วง รอง ผบ.นบ.ยส.24 (2)/ผบ.มทบ.210 กล่าวว่า ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ได้มอบหมายให้กองทัพภาคที่ 2 จัดตั้ง นบ.ยส.24 เป็นหน่วยหลักในการบูรณาการสกัดกั้น ป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมอบหมายให้ กองกำลังป้องกันชายแดน เป็นส่วนสกัดกั้น, ตำรวจภูธร เป็นส่วนปราบปราม และ ศอ.ปส.จว. เป็นส่วนป้องกัน ซึ่งการบูรณาการนี้ ได้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม จนถึงปัจจุบัน ในห้วงที่ผ่านมา มีสถิติการจับกุมในพื้นที่อำเภอชายแดนของจังหวัดนครพนม จำนวน 54 ครั้ง ผู้ต้องหา 120 คน โดยมีของกลางยาบ้ามากถึง 1,183,747 เม็ด, เฮโรอีน 67.10 กิโลกรัม และไอซ์ 117.295 กิโลกรัม

การจับกุมในพื้นที่รับผิดชอบทั้งหมด 7 จังหวัด 25 อำเภอ จำนวน 167 ครั้ง ผู้ต้องหา 275 คน โดยมีของกลางยาบ้ามากถึง 19,978,876 เม็ด, ไอซ์ 765.295 กิโลกรัม, เฮโรอีน 85.63 กิโลกรัม, เคตามีน 3.79 กิโลกรัม, และอื่นๆ (ยาอี 1,484 เม็ด, happy Water 410 ซอง, ฝิ่น 0.66 กรัม)ซึ่งนโยบายเร่งด่วนในการป้องกันปราบปรามการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าประเทศตามแนวชายแดนทั่วประเทศ โดยสืบสวนหาข่าว ลาดตระเวนช่องทางต่างๆ และตั้งจุดตรวจจุดสกัดตามจุดเสี่ยง ทำให้ผู้ค้ายาเสพติดต้องหาวิธีการใหม่ๆในการส่งต่อยาเสพติดเข้ามายังพื้นที่ตอนใน ซึ่งผลการปฏิบัติในครั้งนี้ ก็เป็นการทำงานเจ้าหน้าที่ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ และหน่วยความมั่นคงและทุกส่วนราชการที่ได้ปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง และบูรณาการร่วมกันจนทำให้การจับกุมในครั้งนี้ประสบความสำเร็จทำให้สามารถตรวจยึดยาเสพติดได้ในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะได้เพิ่มการเฝ้าระวังบริเวณแนวชายแดน และพื้นที่เสี่ยง อย่างเข้มแข็งต่อไป เพื่อป้องกันปราบปรามยาเสพติดให้สิ้นซากอย่างเด็ดขาดต่อไป

ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่าน ที่มาร่วมเป็นสักขีพยาน และช่วยประชาสัมพันธ์ ข้อมูลข่าวสาร ขอให้สื่อได้ช่วยเป็นกระบอกเสียง เชิญชวนประชาชนร่วมแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการลักลอบค้ายาเสพติด หรือข้อมูลผู้ค้ายาเสพติดผ่านช่องทางตรงของ นบ.ยส.24 ที่เบอร์ 064-6641982 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ปัญหายาเสพติดลดลง

ร้องตรวจสอบรถขนทราย บรรทุก นน. เกิน ทำถนนพัง ฝุ่นเต็มบ้าน

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567​ ร.ต.ต.สุเทียน ทองโสม ประธานชมรมรักษ์มุกดาหาร ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ตำบลนาสีนวน อำเภอเมือง
จังหวัดมุกดาหาร ว่าได้รับความเดือดร้อนจากกรณีผู้ประกอบการท่าทรายลักลอบดูดกรวดทรายในแม่น้ำโขงนอกเขตพื้นที่อนุญาต แล้วใช้รถบรรทุกขนทรายจำนวนมากที่ได้มาจากการลักลอบดังกล่าว บรรทุกน้ำหนักเกินที่กฎหมายกำหนด วิ่งผ่านถนนในหมู่บ้านของตำบลนาสีนวน ออกไปสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2034 (มุกดาหาร-ดอนตาล)

จนทำให้ชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ใกล้เคียงกับถนนที่รถบรรทุกทรายวิ่งผ่านได้รับความเดือดร้อน มีปัญหาด้านสุขภาพเกิดการเจ็บป่วยอันเนื่องจากฝุ่นละออง ทั้งยังทำให้ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ผู้ใช้รถใช้ถนนสัญจรไปมาด้วยความยากลำบาก จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบตามที่ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน พบว่ามีรถบรรทุกทรายที่คาดว่าจะมีน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดวิ่งผ่านถนนในชุมชนจนทำให้ได้รับความเดือดร้อนถนนเสียหายเป็นหลุมเป็นบ่อจริง ทั้งยังไม่มีการคลุมผ้าใบตามที่กฎหมายกำหนด โดยมีการใช้รถบรรทุกทรายวิ่งออกจากสถานประกอบการท่าทรายแห่งหนึ่งในตำบลนาสีนวน ผ่านถนนในหมู่บ้านออกสู่ทางหลวงหมายเลข 2034 ผ่านทางหลวงหมายเลข 238 (ถนนวงแหวนรอบนอก) เข้าไปยังถนนทางหลวงชนบทบ้านด่านคำ

โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า ขณะที่รถบรรทุกทรายไม่คลุมผ้าใบที่สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านพากันออกมาวิ่งเต็มถนนในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชนและถนนซึ่งเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเพิกเฉยไม่ตรวจสอบหรือดำเนินการใดๆ แม้แต่รถหน่วยตรวจสอบน้ำหนักบรรทุกเคลื่อนที่ กรมทางหลวงชนบท ก็ยังวิ่งผ่านเลยไปเฉยๆ

“จึงขอให้เทศบาลตำบลนาสีนวน สำนักงานขนส่งจังหวัดมุกดาหาร แขวงทางหลวงมุกดาหาร แขวงทางหลวงชนบทมุกดาหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจสอบและปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายเพื่อดำเนินคดีกับรถบรรทุกที่กระทำผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย” ร.ต.ต.สุเทียน กล่าว

ขนส่งจังหวัดมุกดาหาร #กรมการขนส่งทางบก #แขวงทางหลวงมุกดาหาร #กรมทางหลวง #แขวงทางหลวงชนบทมุกดาหาร #กรมทางหลวงชนบท #เทศบาลตำบลนาสีนวน #จังหวัดมุกดาหาร

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / โครงการจัดระเบียบสายสื่อสารบริเวณ 4แยกไฟแดง เวียงสา จ.น่าน/ ปิดเทศกาลบุญ กฐินโภคทรัพย์ 2567 กับสถานปฏิบัติธรรมพระพุทธบาทโคกสมบูรณ์ สาขาวัดท่าซุง จ.ลพบุรี

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 เวลา 9.30 น.อำเภอเวียงสาร่วมกับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอเวียงสา โทรคมนาคมจังหวัดน่าน เทศบาลตำบลเวียงสา และผู้ประกอบการด้านสายสื่อสารและโทรคมนาคม จัดทำโครงการจัดระเบียบสายสื่อสาร บริเวณสี่แยกไฟแดงตลาดสดเทศบาลตำบลเวียงสา

เพื่อจัดระเบียบและปรับปรุงสายสื่อสารในพื้นที่ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม เป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับอำเภอเวียงสาซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว และเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญของจังหวัดน่าน ถนนบริเวณสี่แยกไฟแดงเป็นถนนสายหลักของอำเภอ ที่มีความสำคัญในการคมนาคมเชื่อมต่อไปยังตำบลและอำเภอต่างๆของจังหวัดน่าน การจัดระเบียบสาย 4เส้นทางหลักในวันนี้ มีระยะทางทั้งสิ้น 1,000เมตร
มีหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการ ดังนี้

  1. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อำเภอเวียงสา
  2. โทรคมนาคมจังหวัดน่าน
  3. บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน)
  4. บริษัท แอดวานซ์ ไวล์เลส เน็ตเวิร์ค จำกัด
  5. บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (รวมบริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์เซล คอมมูนิเคชั่น จำกัด)
  6. บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน)
  7. บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด
  8. บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น จำกัด/บุญยงค์ สดสอาด/ พ.ต.พิบุญชัย ณ ลำพูน สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

ปิดเทศกาลบุญ กฐินโภคทรัพย์2567 #วัดที่22 กับสถานปฏิบัติธรรมพระพุทธบาทโคกสมบูรณ์ สาขาวัดท่าซุง จ.ลพบุรี

มูลนิธิพุทธภูมิธรรม, กองบุญโภคทรัพย์ ถวายพุ่มกฐิน 50,000 พระพุทธรูป ผ้าไตร เสื่อหนุนดวง 2ผืน แด่สถานปฏิบัติธรรมพระพุทธบาทโคกสมบูรณ์ สาขาวัดท่าซุง นำโดยหลวงพ่อจำเนียร สุธัมมกาโม ประธานศูนย์ปฏิบัติธรรมนอกจากนี้เรายังได้ร่วมบุญผาติกรรมผ้าไตร บวงสรวงเเละหล่อพระชำระหนี้สงฆ์องค์ที่ 4พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า คนถวายผ้ากฐิน หรือร่วมในการถวายกฐินทานครั้งหนึ่ง จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนาเป็นพระอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นพระอรหันต์ก็ได้ แต่ถ้าหากว่ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด อานิสงส์จะให้ผลทานแก่ผู้นั้น เมื่อตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นเทวดา แล้วก็จะลงมาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ปกครองโลก ๕๐๐ ชาติ

บุญน้อยลงมาจะเป็นพระมหากษัตริย์ ๕๐๐ ชาติ เป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ เป็นอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ เป็นคหบดี ๕๐๐ ชาติ แตต่คนที่ทอดผ้ากฐิน หรือว่าร่วมในการทอดผ้ากฐินครั้งหนึ่งก็ดี บุญบารมีส่วนนี้ยังไม่ทันจะหมดก็ปรากฏว่า ท่านเจ้าของทานไปนิพพานก่อน” คัดลอกจากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๑ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง อุทัยธานี เมตตาบอกเคล็ดลับแก่ศิษยานุศิษย์ว่า หากใครปรารถนาความร่ำรวยระดับเศรษฐี มีวาสนาดี เงินทองคล่องมือ ไม่มีวันตกต่ำ ขอให้ร่วมเป็นเจ้าภาพในการทอดกฐิน ผ้าป่าติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปีติดกันบุญของท่านสำเร็จแล้ว ขอโมทนาสาธุการ

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ครบรอบแซยิด ‘เฮียวิโรจน์’ และคริสตัลพาเลซ นายกพัทยา .สภ.บางละมุง ร่วมยินดีครบรอบ 12 ปี /ชมพลุไฟ เทศกาล Firework Festival 2024 เหนือเวิ้งอ่าวพัทยา

วันที่ 15 พ.ย.67 มีรายงานว่า นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา นายภูมิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกเมืองพัทยา ร่วมให้เกียรติแสดงความยินดีในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบ 60 ปี นายวิโรจน์ อำนวยยนต์วารี ประธาน กต.ตร.สภ.บางละมุง และฉลองครบรอบ 12 ปี โรงแรมคริสตัล พาเลซ ตำบลนาเกลือ เมืองพัทยา ในฐานะเจ้าของโรงแรม

ในงานได้จัดเลี้ยงเพลพระเถรานุเถระจากวัดญาณสังวรารามจำนวน 9 รูปเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีแขกเหรื่อทยอยเข้าร่วมมอบกระเช้าแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสดังกล่าวกันอย่างคึกคัก ก่อนจัดเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับผู้ร่วมงานได้รับประทานด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง

อนึ่ง นายวิโรจน์ อำนวยยนต์วารี หรือที่รู้กันเป็นอย่างดีว่า “เฮียวิโรจน์” เป็นคนพื้นที่เมืองพัทยาและได้ดำเนินกิจกรรการทำงานต่างๆ พร้อมสนับสนุนหน่วยงานต่างๆ ในเมืองพัทยามาโดยตลอด และได้ดำเนินธุรกิจโรงแรมคริสตัล พาเลซ โรงแรมดังย่านนาเกลือเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวมายาวนานกว่า 10 ปี จนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในเมืองพัทยา

ชวนเปิดประสบการณ์ชมพลุไฟ เทศกาล Firework Festival 2024 เหนือเวิ้งอ่าวพัทยา บนเรือยอร์ชหรู พร้อมดินเนอร์สุดเอ๊กซ์คลูซีฟ ตามที่เมืองพัทยากำหนดจัดงานเทศกาล Firework Festival 2024 วันที่ 29-30 พฤศจิกายน 2567 กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ดังระดับโลกต้อนรับไฮซีซันของปี

บจก.วีวัน เดอะวันกรุ๊ป ได้จัดกิจกรรม Firework Festival 2024 Join Yacht Party ชวนคุณไปเปิดประสบการณ์ชมพลุไฟเหนือเวิ้งอ่าวพัทยา บนเรือยอร์ชหรู พร้อมดินเนอร์สุดเอ๊กซ์คลูซีฟในคืนวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567

โดยกิจกรรมเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00-00.00 น. บนเรือยอร์ชที่จะพาท่านไปสัมผัสความสนุกสนานมิติใหม่ ด้วยบริการมากมายทั้งดินเนอร์บาร์บีคิวและซีฟู้ด เครื่องดื่ม และดีเจสร้างสีสันแบบจัดเต็ม จำกัดจำนวนรับเพียง 50 ท่านเท่านั้น

สนนราคาอัตราค่าบริการ 3,500 บาทต่อหนึ่งที่ สนใจข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดต่อสำรองที่นั่งร่วมกิจกรรม สามารถสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 098-659 1924 คุณวาฬ และ 094-596 5491 คุณไอซ์

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / โครงการหลวง 2567 “Hats on Hills ห่มเขา ด้วยเงาไม้ ใต้ร่มบารมี 55 ปี

ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดการประชุมวิชาการนานาชาติ และงานโครงการหลวง 2567 “Hats on Hills ห่มเขา ด้วยเงาไม้ ใต้ร่มบารมี 55 ปี โครงการหลวง” ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 1 ธันวาคม 2567

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่,
พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5, พล.ต.ต.กิตติ สกุณี ผบก.อก.ภ.5,
รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, รอง ผบก.อก.ภ.5, ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่,
ผกก.สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์, ผกก.กลุ่มงานจราจร ภ.จว.เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ

พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง และคณะ เนื่องในโอกาสเดินทางมาตรวจพื้นที่เสด็จฯ ณ ท่าอากาศยานทหาร บน.41, อุทยานหลวงราชพฤกษ์, วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร และวัดเจดีย์หลวง วรวิหารและร่วมประชุมเตรียมความพร้อมในการรับเสด็จฯ ณ ห้องประชุมชัยพฤกษ์ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เพื่อให้การถวายความปลอดภัยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย…..

สมจิตร เเสงบัลลังล์ เชียงใหม่ รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ลดปัญหาลิงรบกวน สบอ.3 เพชรบุรี จับมือ ทม.หัวหิน ทำหมันลิง 203 ตัว

เมื่อวันที่ 20 พ.ย.67 นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี กล่าวว่าตามที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดย นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ทำบันทึกความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับ เทศบาลเมืองหัวหิน โดยมี นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน

ในการดำเนินการตามโครงการควบคุมประชากรลิงแสมในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน เมื่อวันที่ 27 ม.ค.67 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เพื่อดำเนินการควบคุมประชากรลิงแสมด้วยวิธีการทำหมันในพื้นที่บริเวณเขาหินเหล็กไฟและเขาตะเกียบ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ พร้อมทั้งดำเนินการเคลื่อนย้ายลิงนำไปไว้ยังกรงพักพิงลิงภายในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ในช่วงวันที่ 11-14 พ.ย.ที่ผ่านมา

โดย สบอ.3 เพชรบุรี ได้เริ่มดำเนินการเคลื่อนย้ายลิงแสมในพื้นที่เขาตะเกียบและเขาหินเหล็กไฟแล้ว จำนวน 203 ตัว เพศผู้ 109 ตัว เพศเมีย 94 ตัว ซึ่งทั้ง 203 ตัว ได้ดำเนินการทำหมันแล้วทั้งหมดก่อนย้ายลิงแสมที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนยังกรงพักพิงลิงแสม ภายในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าฯ ที่เตรียมไว้ 10 กรง สามารถพักพิงลิงแสมได้กรงละ 20 ตัว พร้อมอาหารสำหรับลิงแสมไว้ 2 มื้อต่อวัน ประกอบไปด้วยใบไม้ต่างๆ ที่ลิงกินและผลไม้ตามฤดูกาล ซึ่งการดำเนินงานเคลื่อนย้ายลิงแสมในครั้งนี้เป็นไปตามหลักวิชาการ

น.ส.บุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน กล่าวว่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ ร่วมกับ เทศบาลเมืองหัวหิน จัดโครงการ “ย้ายลิงสู่ที่พักพิงใหม่” โดยการจับลิงแสมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่เขาตะเกียบและเขาหินเหล็กไฟ ทำหมันแล้วย้ายไปที่พักพิงใหม่ จากการลงพื้นที่ติดตามความเป็นอยู่ของลิงที่ย้ายมาไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าฯ พบว่าลิงค่อนข้างที่จะแข็งแรง อยู่เป็นที่เป็นทางเป็นสัดส่วนในกรงของอุทยานที่เตรียมไว้

เพื่อสุ่มตรวจโรค ซึ่งจะกักตัวไว้ประมาณ 3 อาทิตย์ ก่อนที่จะนำไปปล่อยในสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ต่อไป ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาลิงรบกวนชุมชนในระดับหนึ่งของเทศบาลฯ ส่วนแนวทางต่อไปเราก็จะไปปรับปรุงกรงนกที่บนเขาหินเหล็กไฟ เพื่อสร้างเป็นแหล่งที่อยู่ใหม่ของลิงแสม แล้วก็ได้ทำหมันโดยร่วมกับทางกรมอุทยานฯ ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 60 จนถึงปัจจุบันเทศบาลฯ ได้ทำหมันลิงไปแล้วกว่า 3,000 ตัว “หากประชาชนท่านใดที่มีอาหารที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็นผักผลไม้ แตงกวา กล้วย เศษขนมปัง หรือแม้กระทั่งอาหารเม็ดสุนัข

ก็สามารถนำมาบริจาคให้กับทางสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าฯ ได้ หรือจะไปบริจาคกับทางเทศบาลฯ ก็ได้ เราก็จะเป็นคนนำเอามาให้อีกเหมือนกัน ต้องขอขอบคุณ ท่านรัฐมนตรีเฉลิมชัยฯ ที่สั่งการแล้วก็ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาลิงแสมอย่างถูกวิธีเป็นระบบแบบยั่งยืน” น.ส.บุษบา กล่าวในตอนท้าย.
นายนิพล ทองเก่า นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 0909944781

ประจวบฯ จัดโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่ ตรวจรักษาพระภิกษุ แม่ชี ที่มีปัญหาทางสายตา ถวายเป็นพระราชกุศลฯ

เมื่อวันที่ 20 พ.ย.67 ที่วัดคลองวาฬ พระอารามหลวง อ.เมืองประจวบฯ นายปรีดา สุขใจ ปลัดจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่สภากาชาดไทย ใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

มีนายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบฯ นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน นางอุษา พวงวลัยสิน นายกกิ่งกาชาด อ.หัวหิน หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดฯ บุคลากรทางการแพทย์ พระภิกษุ แม่ชี ผู้นำ นักบวชทุกศาสนาที่มีปัญหาทางสายตาร่วมโครงการ มี นางณัฐชาลัคนา สุขภาคกุล รักษาการรองนายกเหล่ากาชาด จ.ประจวบฯ

กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดโครงการ ซึ่งสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ได้ร่วมกับสำนักงานเหล่ากาชาด จ.ประจวบฯ จัดรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่ออกปฏิบัติงานตรวจรักษาและผ่าตัดตาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อให้พระภิกษุ แม่ชี ผู้นำ นักบวชทุกศาสนา ได้รับการตรวจและรักษาอย่างถูกวิธี ทั่วถึง และสามารถมองเห็นช่วยเหลือตัวเองได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นหนึ่งในโครงการที่จัดทำขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

ทั้งนี้ สำนักงานเหล่ากาชาด จ.ประจวบฯ ได้ประสานสำนักงานสาธารณสุข จ.ประจวบฯ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สำรวจและคัดกรองผู้ที่มีความผิดปกติทางสายตาเบื้องต้นให้กับพระภิกษุ แม่ชี ผู้นำ นักบวชทุกศาสนา ซึ่งมีผู้เข้าร่วมโครงการ 380 ราย และกำหนดแผนปฏิบัติงาน

ระหว่างวันที่ 18-22 พ.ย.67 และได้รับเมตตาจาก พระธรรมวชิรสิทธาจารย์ เจ้าคณะภาค 15 เจ้าอาวาสวัดคลองวาฬ พระอารามหลวง และหน่วยงานต่าง ๆ ให้การสนับสนุนการจัดโครงการ.
นายนิพล ทองเก่า นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

จนท.อุทยานเสด็จในกรมฯ จับผู้บุกรุกป่าปลูกกาแฟ-ทุเรียน กว่า 4 ไร่

เมื่อวันที่ 19 พ.ย.67 นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ (ตอนบน) จ.ประจวบฯ ว่าได้จับกุมผู้ต้องหาบุกรุกพื้นที่ป่า จำนวน 1 ราย ชื่อ นายสุชาติ (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ชาว อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ ได้ที่บริเวณป่าแพรกกลาง ท้องที่บ้านทรัพย์สมบูรณ์ หมู่ที่ 7 ต.ทองมงคล อ.บางสะพาน พิกัดที่ 47 P 0534901 E 1239144 N พื้นที่บุกรุก จำนวน 4-1-72 ไร่

โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ภายในพื้นที่รับผิดชอบ ตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขณะลาดตระเวนมาถึงบริเวณป่าแพรกกลางท้องที่ดังกล่าว พบพื้นที่บุกรุกแผ้วถางใหม่จึงได้ทำการตรวจสอบบริเวณแปลงบุกรุก พบขนำ จำนวน 1 หลัง อยู่ติดกับแปลงบุกรุก และพบชายคนดังกล่าวอยู่ที่ขนำ

จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่พร้อมสอบถามชายคนดังกล่าวให้การว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวนี้เป็นของตน เจ้าหน้าที่จึงได้ขอให้ชายคนดังกล่าวนำชี้พื้นที่ที่อ้างว่าตนเป็นเจ้าของ จากการตรวจสอบพื้นที่นั้นครอบคลุมพื้นที่บุกรุกแผ้วถางมีการปลูกต้นกาแฟ อายุประมาณ 4 เดือน จำนวน 100 ต้น ปลูกต้นทุเรียน โต 4 เดือน จำนวน 25 ต้น และปลูกต้นมะพร้าว โต 4 เดือน อีก 9 ต้น หลังจากตรวจสอบพื้นที่แล้วจึงนำตัวชายคนดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาฐานความผิด 1. ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 วรรคหนึ่งฐาน ร่วมกัน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือยึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต 2. ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง ฐาน ร่วมกัน ยึดถือครอบครองทำประโยชน์ ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต 3. ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 53 ฐานร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 4. ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 55 (2)

ฐาน ร่วมกัน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือทำด้วยประการใดให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติเดิมโดยไม่ได้รับอนุญาต 5. ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 55 (5) ฐาน ร่วมกัน ทำด้วยประการใด ๆ ให้เป็นอันตราย หรือเสื่อมสภาพซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ หรือความหลากหลายทางชีวภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต 6. ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 55 (6) ฐาน ร่วมกัน ปลูกต้นไม้หรือพฤกษชาติอื่น ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางสะพาน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
นายนิพล ทองเก่า นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 0909944781

ประจวบคีรีขันธ์ รวบชาย 2 ราย ล่า นกอีลุ้ม สัตว์ป่าคุ้มครอง อ้างเอาไปทำอาหาร ในพื้นที่บ้านไร่ยุบ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

เมื่อเวลา 02.20 น. ของวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 พ.ต.อ.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ ผกก.5 บก.ปทส. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง) สั่งการให้ ร.ต.อ.สุรศักดิ์ ศิวะกุล รองสารวัตร (ป) กก.5 และ ร.ต.ท.ทนงศักดิ์ ทองแก้ว ประสานเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายด้านสัตว์ป่า ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี เจ้าหน้าที่ฐานปฎิบัติการป้องกันรักษาป่าที่ พบ.2 (หุบตะเคียนยักษ์) และเจ้าหน้าที่วนอุทยานห้วยน้ำซับ ร่วมกันออกปฏิบัติการ ตามสัญญาณแจ้งเตือนจากสายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 ว่ามีการลักลอบวางตาข่ายดักนกในพื้นที่บ้านไร่ยุบ หมู่ 15 ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์

โดยใน คดีที่ 1 เจ้าหน้าที่เดินตามเสียงที่เปิดล่อนกจนพบ นายสมพบ พรามอนงค์ อายุ 42 ปี ชาว จ.เพชรบุรี นั่งอยู่ในเพิงพัก พร้อมของกลางเป็นซากนกอีลุ้ม จำนวน 3 ซาก อุปกรณ์ล่อนก เช่น ลำโพง เครื่องขยายเสียง แบตเตอรี่ และตาข่ายดักนก คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่เดินตามเสียงนกต่อไปอีกไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุแรก ตรวจพบ นายสมหวัง สีขำ ขณะกำลังถอนขนนกอีลุ้ม จำนวน 1 ซาก เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัวและตรวจยึดอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงซากนกอีลุ้ม เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การรับสารภาพว่ากระทำความผิดจริง โดยให้เหตุผลว่าล่านกเพื่อใช้ประกอบอาหาร เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ในข้อหา ล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีไว้ในครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง

โดยของกลางทั้งหมดถูกส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.อ่าวน้อย ดำเนินคดีตามกฎหมาย ผู้ต้องหาทั้งสองรายอาจต้องรับโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 89 และมาตรา 92 ของพระราชบัญญัติฯ สำหรับนกอีลุ้ม ถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เป็นทั้งนกประจำถิ่นและนกที่อพยพมาทำรังวางไข่ในประเทศไทย มีขนาดเล็ก-กลาง ปากเรียวแหลม ขาสีเขียว ลำตัวเป็นสีน้ำตาลเหลือง มีลายขีดสีน้ำตาลเข้ม โดยในช่วงฤดูผสมพันธุ์ตัวผู้สีสันจะเปลี่ยนไป ปากสีแดง ปลายปากสีเหลือง มีกระบังหน้าสีแดง ขาสีแดง และลำตัวสีน้ำตาลดำ

เจ้าหน้าที่ขอย้ำเตือนประชาชนว่าการล่าสัตว์ป่าคุ้มครองถือเป็นความผิดร้ายแรง ขอความร่วมมือประชาชนในการแจ้งเบาะแสกรณีพบการกระทำผิดเกี่ยวกับสัตว์ป่าและป่าไม้ผ่านสายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 เพื่อช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศต่อไป.
นายนิพล ทองเก่า นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / แถลงข่าวงานประเพณีไหลแพไฟเฉลิมพระเกียรติฯ ประจำปี 2567

วันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ.โรงแรมต้นทองรีสอร์ทสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ จัดงานแถลงข่าวประชาสัมพันธ์การจัดงานประเพณีไหลแพไฟเฉลิมพระเกียรติฯ และพิธีขอบคุณพืชพันธ์ุธัญญาหารและสายน้ำ ประจำปี 2567

โดยมี นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานการแถลงข่าว ร่วมกับคณะผู้จัดงานซึ่งประกอบด้วย วัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ , ปลัดอาวุโส (รักษาราชการแทนนายอำเภอตรอน) นายกเทศมนตรีตำบลตรอน , นายกเทศมนตรีตำบลบ้านแก่ง

นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแก่ง , นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังแดงและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหาดสองแคว ร่วมเวทีแถลงข่าว ซึ่งมีกำหนดจัดระหว่างวันที่ 3 – 6 ธันวาคม 2567 ณ ท่าน้ำในพื้นที่อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้แก่ ท่าน้ำวัดวังแดง หมู่ 3 , ท่าน้ำสวนสาธารณะเทศบาลตำบลตรอน , ท่าน้ำองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแก่ง , ท่าน้ำลานริมน่าน เทศบาลตำบลบ้านแก่ง และท่าน้ำวัดหาดสองแคว

โดยภายในงานดังกล่าวมีกิจกรรมประกอบด้วย การชมแพไฟและพลุเฉลิมพระเกียรติ การเลือกช็อปอาหารและสินค้าผลิตภัณฑ์ในชุมชน การแสดงศิลปวัฒนธรรม และเทศกาลกินปลากินไข่ โดยไฮไลต์ของงานจะมีในวันที่ 5 ธันวาคม ที่จะมีการไหลแพไฟ 7 หลัง ระยะทาง 10 กิโลเมตร

ทั้งนี้ ได้มีหัวหน้าส่วนราชการทุกภาคส่วน หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สื่อมวลชน และประชาชน ร่วมเป็นเกียรติในงานแถลงข่าวดังกล่าวด้วย ในการนี้ จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวและผู้สนใจทั่วไปเข้าร่วมชมงานดังกล่าวในวันที่ 3-7 ธันวาคมนี้

นภอ.ลับแล ประชุมเตรียมความพร้อมกิจกรรม เปิดเส้นทางการท่องเที่ยวสายศรัทธา

วันที่ 18 พย.2567 ณ.หอประชุมโรงเรียนวัดดอนสัก ต.ฝายหลวง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ นายภูริวิจน์ โชตินพรัตน์ นายอำเภอลับแล เป็นประธานเปิดการประชุมปรึกษารือในการวางแนวทางการจัดกิจกรรม เปิดเส้นทางการท่องเที่ยวสายศรัทธาและการงานบวชต้นไม้ ณ.ม่อนจำศิล พร้อมการจัดกิจกรรมยามค่ำคืน ณ.เฮือนลับแล นำทีมการ

จัดงานโดย คณะถ่ายทำภาพยนต์ “ธี่หยด”M Studio เอ็ม สตูดโอ(@m_studiomovies)พร้อมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เมเจอร์ โดยการจัดงานจะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 21-22 พย.2567 ณ. ม่อนจำศิล และ โรงเรียนวัดดอนสัก โดยมีผู้เข้าร่วมในการเสวนาปรึกษาหารือในกิจกรรมดังกล่าวได้แก่ นางกัญญาวีร์ ศิริกาญจนารักษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จังหวัด อุตรดิตถ์

นายเกรียงศักดิ์ ทิพย์พรหม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนานกกก นายโสภณ สีหะอำไพ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดดอนสัก นางสาว ศศิ ศิริกาญจนารักษ์ ประธานกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC จังหวัดอุตรดิตถ์ และ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์ ,

พร้อมด้วย คณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลฝายหลวง อาจารย์คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฑอุตรดิตถ์ และที่ปรึกษาสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์ ฝ่ายปกครองในพื้นที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประธานกลุ่มห่อผ้าฝายหลวง , คณะครูโรงเรียนวัดดอนสัก , ปราชญ์ชาวบ้าน , ประธานกลุ่มทอผ้าฝายหลวง , ราษฎรในพื้นที่ ได้เข้าร่วมกิจกรรมเสวนาในการเตรียมการในครั้งนี้ ณ หอประชุมโรงอาหาร โรงเรียนวัดดอนสัก ต.ฝายหลวง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์นาง กัญญาวีร์ ศิริกาญจนารักษ์ ประธานสภาอุตรสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า

วัตถุประสงค์ของการจัดงาน เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจ พร้อมเข้าร่วมรับฟังการมีส่วนร่วมรวมถึงบริบทเพื่อเป็นการดำเนินการทำเป็นข้อมูลในการประชุมพร้อมทั้งนำมาซึ่งการสร้างรายได้ให้ก่อเกิดในบริบทพื้นที่ชุมชนและเพื่อให้ราษฎรในพื้นที่เสนออัตลักษณ์ชุมชนในเขตพื้นที่อำเภอลับแล อย่างเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์และเป็นข้อมูลตรงกับความเป็นจริงจากราษฎร

นาคา คะเลิศรัมย์/รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / แม่ทัพภาคที่ 2 พบปะสื่อมวลชน ประจำปี 2568

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ณสโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานในกิจกรรมพบปะพัฒนาสัมพันธ์สื่อมวลชน ประจำปี 2568 โดยมี ผู้บังคับบัญชากองทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วยผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ร่วมให้การต้อนรับสื่อมวลชนทุกแขนง ที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ

การจัดกิจกรรมพบปะพัฒนาสัมพันธ์สื่อมวลชน ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานทหารกับสื่อมวลชน และนำเสนอผลการปฏิบัติงานที่สำคัญของกองทัพภาคที่ 2 และหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2 ห้วงที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ยังได้แนะนำทีมโฆษกกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งมีหน้าที่สื่อสารข้อมูลของกองทัพภาคที่ 2 ไปยังสื่อมวลชนและสาธรณชน ทั้งยังเป็นช่องทางสำหรับติดต่อประสานข้อมูลข่าวสารผลการปฏิบัติภารกิจของกองทัพภาคที่ 2 เพื่อนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สร้างความรับรู้ความเข้าใจ อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น

ในโอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้กล่าวขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนง ที่เข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ และขอบคุณที่ช่วยกันนำเสนอข่าวสารของกองทัพภาคที่ 2 ในลักษณะที่สร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ต่อสังคม และประเทศชาติ ด้วยดีเสมอมา พร้อมกับขอความร่วมมือสื่อมวลชน ในการนำเสนอข่าวที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน เพื่อความมั่นคง และยั่งยืนของประเทศชาติต่อไป

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง