สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /ผู้ว่าฯชลบุรี เปิดงานแข่งขันโบว์ลิ่งการกุศลสมาคมผู้ประกอบการกลางคืนเมืองพัทยา คนใจบุญแห่ร่วมงานคับคั่ง

มีรายงานว่า สมาคมผู้ประกอบการกลางคืนเมืองพัทยา โดย นางลิซ่า แฮมิลตัน นายกสมาคมผู้ประกอบการกลางคืนเมืองพัทยา ร่วมกับพันธมิตรจัดกิจกรรมแข่งขันโบว์ลิ่งการกุศลสมาคมผู้ประกอบการกลางคืนเมืองพัทยา PNBA Bowling Charity 2025 ชิงถ้วยรางวัลผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ที่ SF Strike Bowl เซ็นทรัลพัทยา จ.ชลบุรี

ทั้งนี้บรรยากาศของงานเป็นไปอย่างสนุกสนานและเป็นกันเองท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานจำนวนมาก อาทิ นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน นายสนธยา คุณปลื้ม นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดชลบุรี

นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา พ.ต.อ.อเเอ สระทองอยู่ ผกก.สภาพ.เมืองพัทยา นายกฤษณ์ จิระมงคล นายกสมาคม at สมาคผู้บริหารงานอาหารและเครื่องดื่มภาคตะวะออก แห่งประเทศไทย และนายบุญอนันต์ พัฒนสิน อดีตนายกสมาคมนักธรกิจแบบการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ชลบุรี

กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อสร้างสัมพันธไมตรี โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสนับสนุนกิจกรรมการกุศลต่างๆของทางสมาคมผู้ประกอบการกลางคืนเมืองพัทยา การแข่งขันเป็นประเภททีม 3 คน

ไม่จำกัดเพศและวัย แข่งขันทั้งหมด 2 เกมส์ แข่งขันแบบคู่สไตรค์ คี่สแปร์ นับคะแนนพินล้มสูงสุดเป็นเกณฑ์ในการตัดสิน โดยมีผู้สนใจส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันกระชับมิตรรวมกว่า 120 ทีม

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สวนสัตว์นครราชสีมา เปิดตัวลูกเต่ายักษ์ อัลดาบรา เต่าบกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

นายธนชน เคนสิงห์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์นครราชสีมา เปิดเผยว่า สวนสัตว์นครราชสีมา ต้อนรับฤดูฝน เปิดตัวสมาชิกใหม่ลูกเต่ายักษ์อัลดาบรา จำนวน 11 ตัว ซึ่งฟักออกจากไข่ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยลูกเต่าทั้ง 11 ตัว (ยังไม่ทราบเพศ) มีสุขภาพแข็งแรงดี ตอนนี้ อยู่ในช่วงการอนุบาลสัตว์ และได้รับการดูแลจากสัตวแพทย์ และ ผู้เลี้ยง (Keeper) อย่างใกล้ชิด ซึ่งสวนสัตว์นครราชสีมา มีพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ เต่ายักษ์อัลดาบรา จำนวน 3 ตัว เพศผู้ 1 ตัว เพศเมีย 2 ตัว และถือเป็นข่าวดีอย่างยิ่ง ที่สวนสัตว์นครราชสีมา เป็นสวนสัตว์แรก ในสังกัดองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยฯ ที่สามารถเพาะขยายพันธุ์เต่ายักษ์อัลดาบราได้ประสบผลสำเร็จ และมีแผนที่จะนำลูกเต่าที่เกิดใหม่ ทั้ง 11 ตัว นำเข้าสู่ส่วนแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมความน่ารักอย่างแน่นอน

ด้านนายสุนทร จองกลาง หัวหน้างานบำรุงสัตว์เลื้อยคลาน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเต่ายักษ์อัลดาบรา เป็นเต่าบกที่มีขนาดใหญ่ เป็นอันดับสองของโลก รองจากเต่ายักษ์กาลาปากอส มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เกาะ Aldabar ซึ่งเป็นหนึ่งในเกาะเกาะเซเชลส์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมาดากัสการ์ ลำตัวมีความยาวมากกว่าหนึ่งเมตร เกล็ดกระดองหนาเป็นรูปโดม สีเทาเข็มจนถึงดำ มีน้ำหนักตัวได้ถึง 250 กิโลกรัม และมีอายุได้ถึง 150 ปี กินอาหารหลัก ได้แก่ หญ้า ผลไม้ พืชสมุนไพร ใบไม้ เป็นต้น ฤดูผสมพันธุ์อยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม ออกไข่ครั้งละประมาณ 9 – 25 ฟอง

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามรูปแบบธวัชบุรีโมเดล จ.สกลนคร

 วันที่ 20 พฤษภาคม 2568 เวลา16.00น.เป็นต้นไป ภายใต้การอำนวยการของนายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร นายพิสิษฐ์แร่ทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร (ความมั่นคง) นายเอกภพ โสภณ ปลัดจังหวัดสกลนคร,นายปัณณวิชญ์ กุลตังคะวณิชย์ นายอำเภอบ้านม่วง ผอ.ศป.ปส.อ.บ้านม่วง นายไพโรจน์ ฦาชา ปลัดอาวุโสอำเภอบ้านม่วง

เปิดปฏิบัติการเด็ดปีกนักค้าเพื่อเป็นการป้องกันเหตุและการกระทำผิดกฏหมาย ตามนโยบายการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามรูปแบบธวัชบุรีโมเดล จังหวัดสกลนคร ได้สั่งการให้นายสุวรรณ สุโน ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นำกำลังสมาชิก อส.อำเภอบ้านม่วง ดำเนินการ จับกุมผู้ต้องหา: เพศชาย 2ราย

รายที่1 เพศชาย ของกลาง:ยาบ้าจำนวน20เม็ด โดยกล่าวหาว่า:เสพยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”รายที่2:เพศชายของกลาง:ยาบจำนวน44เม็ด โดยกล่าวหาว่า:เสพยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีน) และขับขี่ยานพาหนะในขณะมีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย โดยผิดกฎหมาย และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”สถานที่จับกุม หมู่3ต.หนองกวั่ง อ.บ้านม่วงจ.สกลนคร จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสภ.บ้านม่วงเพื่อดำเนินตามกฎหมายต่อไป

เรื่องมีอยู่ว่า…เมื่อวันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 68 เวลา 20.00 น. ผมเป็นนักร้อง ได้เดินทางไปร้องเพลงที่ร้านแห่งหนึ่ง บางบอน 3 พอถึง 4 ทุ่มได้มีตำรวจ สน.บางบอน ได้เข้ามาในร้านที่ผมร้องเพลงก็เคยเห็นหน้าคุ้นเคย เพราะตำรวจคนนี้จะมาประจำแต่ผมกับตำรวจคนนี้ ไม่เคยพูดคุยกันเลย เพราะผมไม่กินเหล้า มาร้องเพลง พอถึงเวลาเที่ยงคืน หมดเวลาผมก็เก็บโน๊ตบุ๊ค เดินลงมาจากเวทีกำลังเอาโน๊ตบุ๊คใส่กระเป๋า ผู้กองคนนี้พร้อมพวก 6 คนก็มายืนอยู่ด้านหลังผมแล้วถามขึ้นว่า เฮ้ยมึงกวนตีนเหรอ ผมหันหน้ามา ผมตอบว่าพี่ผมไม่รู้จักพี่ผมไปกวนตีนอะไรพี่ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงผม ผู้กองคนนี้ ได้หมัดขวาต่อย มาที่กกหูซ้ายผม แล้วทำท่าจะชักปืนออกจากเอว ด้านขวา ผมจึงจะกระโดดปัดมือ ลูกน้องผู้กองอีก 5 คน ก็เข้ามาล็อคคอกระทืบผม หลังจากนั้นเขาเดินออกไปนอกร้านประ 10 นาที ลูกน้องผู้กอง 5 คนนั้นได้เดินเข้ามากระทืบผม เป็นรอบที่ 2 มีคนนึงพูดขึ้นว่า เอาให้ตายแต่ถ้าไม่ตาย ก็เอาให้สองเอ๋อให้การไม่ได้ แล้วใช้สนับมือต่อยเข้าที่เบ้าตาผม จนกระดูกเบ้าตาหัก ต่อยเข้าที่หัวจนสมองบวมเลือดคลั่งในสมอง ดั้งจมูกหัก จนผมเลือดออกปาก ออกจมูก ออกหูเขาก็ไม่หยุดจนนักร้องสาว ชื่อ แอน วิ่งมาบังผมแล้วบอกพอแล้วๆ เดี๋ยวพี่เขาตาย ลูกน้องผู้กองถึงเดินออกไปนอกร้าน จังหวะนั้นมีคนโทรแจ้ง กู้ภัยปอเต็กตึ้ง มาถึงก็มาประฐมพยาบาลห้ามเลือด จะเอาผมขึ้นรถ ลูกน้องผู้กอง มารอบที่ 3 เขาตะโกนบอก กู้ภัยปอเต็กตึ้งว่ามึงจะเอามันไปไหน กูยังกระทืบไม่มันตีนเลย

กู้ภัยปอเต็กตึ้งไม่ยอมกันตัวผมไว้ แล้วรีบนำตัวผมขึ้นรถกู้ภัย ส่งโรงพยาบาล หมอบอกผมอาการสาหัส สมองบวมเลือดคลั่งในสมองกระดูกใบหน้าหัก พอผมเริ่มอาการดีขึ้น ผมมาแจ้งความที่ สน.บางบอน ผู้กำกับบอกไม่เชื่อว่าลูกน้องเขาทำ เขาถามว่ามีหลักฐานไหม กล้องวงจรปิดที่ร้าน ผู้กอง ให้เจ้าของร้านชักตัวบันทึกออก ผมเลยบอกผมมีพยาน บุคคลคือนักร้องหญิง ผมเลย โทรศัพท์ไปหานักร้องหญิงต่อหน้าผู้กำกับ และ ร้อยเวร แล้วเปิดโฟน ผมถามนักร้องหญิง ว่าใครรุมกระทืบพี่ นักร้องหญิงบอกผู้กองกับพวก ผู้กำกับเงียบไปพักนึงถามผมว่าจำหน้าได้ไหม ผมบอกผมจำได้แม่น เพราะเขาจะไปกินเหล้าที่ร้านประจำ พอผู้กำกับเรียกตัวผู้กองคนนั้นมา เข้ามาผมชี้เลยคนนี้แหละครับ ผู้กองบอกเขาไม่รู้เรื่อง พอถามว่าคืนนั้นคุณไป ร้านครัวนั้นมารึป่าวเขาบอกว่าไป แล้วผู้กำกับเดินไปคุย กับผู้กอง 2 คนผู้กองบอกผู้กำกับ ว่าต่อยผมไป 1 ที ผู้กำกับบอกจะให้ความเป็นธรรม ในเมื่อผู้กองต่อยผม 1 ที่ ก็จ่ายแค่ทีเดียวเขาพยายามบีบให้ผมรับเงิน แต่ผมไม่เอาหลังจากนั้นเขาก็ พยายามติดต่อคนที่ผมรู้จักให้มาคุยกับให้รับเงิน คำพูดที่ผู้กำกับพูด ว่าต่อยทีเดียวจ่าย ที่เดียวผมบันทึกเสียงไว้ครับ ผมขอความกรุณา ช่วยผมด้วนะครับ.

สราวุต อ่อนทรวง ภาพ/ข่าว รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / Primus Group ต้อนรับ “จู หัวหรง” ประธานฉางอาน ออโต้โมบิล เยี่ยมชมโชว์รูม “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี”

มีรายงานว่า นายณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ ประธาน, นายจิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทในเครือ ไพรม์มัส กรุ๊ป พร้อมผู้บริหารและทีมงาน “ดีพอล ไพรม์มัส” ให้การต้อนรับ นายจู หัวหรง ประธาน, นายหวัง ฮุย รองประธาน, นายเคลาส์ ไซซิโอรา รองประธาน บริษัท ฉางอาน ออโต้โมบิล จำกัด, นายเติ้ง เฉิงหาว รองประธาน

บริษัท ฉางอาน ออโต้โมบิล จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DEEPAL และ นายเซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซาท์อีส เอเซีย จำกัด และ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

พร้อมคณะผู้บริหาร ในโอกาสให้เกียรติเยี่ยมชม “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี” โชว์รูมและศูนย์บริการที่มีขนาดใหญ่ บริการครบถ้วนสมบูรณ์แบบ และทันสมัยสุดในภาคตะวันออก

ด้วยพื้นที่โชว์รูมและศูนย์บริการ รวมทั้งสิ้น 6,290 ตร.ม. ด้านหน้า เป็นโซนจัดแสดงรถยนต์ DEEPAL ทุกรุ่นทุกแบบกว่า 10 คัน, โซนรับรองลูกค้าแบบ Exclusive Lounge ที่มีห้องรับรองพิเศษสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว และโซนส่งมอบรถยนต์ DEEPAL ที่จะร่วมสร้างประสบการณ์และความประทับใจในการเป็นครอบครัวเดียวกันกับ “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี”

ส่วนด้านหลัง เป็นโซนบริการหลังการขาย แบ่งเป็นศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ DEEPAL มีช่องซ่อม 8 ช่อง, ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังขนาดใหญ่ พร้อมอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีระดับสูง และคลังอะไหล่ที่จัดเก็บชิ้นส่วน-อะไหล่สำรองต่างๆ ทำให้ทุกงานบริการสะดวก รวดเร็วและเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ โดยรองรับการให้บริการหลังการขายได้มากกว่า 500 คันต่อเดือน

พร้อมกันนี้ คณะผู้บริหารระดับสูงของฉางอาน, ดีพอล และไพรม์มัส กรุ๊ป, ดีพอล ไพรม์มัส ได้ร่วมแสดงความยินดีและส่งมอบรถยนต์ SUV สปอร์ตพรีเมี่ยม ไฟฟ้า 100% ในรุ่น DEEPAL S07 ให้แก่ลูกค้าคนสำคัญ “สายชล นิตรานนท์” และครอบครัว พร้อมมอบของที่ระลึก ในการต้อนรับการเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี” อีกด้วย

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พิธีมอบสิ่งของ (ถุงยังชีพ) ตามโครงการ “น้ำพระทัยพระราชทาน” ณ โรงเรียนเพียงหลวง 7 (บ้านห้วยสะแตง) อ.ทุ่งช้าง

วันพุธที่ 21 พฤษภาคม 2568 ณ โรงเรียนเพียงหลวง 7 (บ้านห้วยสะแตง)ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส โนนุช ประธานสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์

ประธานมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ เป็นประธานในพิธีมอบสิ่งของ (ถุงยังชีพ) จำนวน 100 ชุด ตามโครงการ “น้ำพระทัยพระราชทาน” โดยมีนายทวีศักดิ์ พุ่มมรดก นายอำเภอทุ่งช้าง คณะครูโรงเรียนเพียงหลวง 7 หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนเข้าร่วมพิธี

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงพระราชทานโครงการจิตอาสา เราทำความดีเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ด้วยความห่วงใยของพระองค์ท่าน และเพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่า มีความรัก ความสามัคคี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน อันจะนำมาซึ่งความผาสุก ของประชาชนชาวไทย

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ และหน่วยงานทุกภาคส่วนจังหวัดน่าน ได้น้อมนำพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10

จึงได้จัดโครงการ “น้ำพระทัยพระราชทาน”ขึ้น พร้อมทั้งนำสิ่งของมามอบให้กับประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน โดยมุ่งหวังว่า โครงการ “น้ำพระทัยพระราชทาน” จะสามารถบรรเทาความเดือดร้อน สร้างขวัญ และกำลังใจ ให้แก่พี่น้องประชาชนได้เป็นอย่างดี

สำหรับโรงเรียนเพียงหลวง 7 ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ตั้งอยู่หมู่บ้านห้วยสะแตง หมู่ 2 ตำบลงอบ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ปีการศึกษา 2568 มีนักเรียน 33 คน ครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 10 คน มีพื้นที่ทั้งหมด จำนวน 7 ไร่

พื้นที่ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง จำนวน 1 ไร่ สภาพทั่วไปโรงเรียนยังมีความต้องการระบบน้ำดื่ม สำหรับนักเรียน และบุคลากร ต้องการเครื่องพิมพ์ อุปกรณ์ ใช้สำหรับการจัดการจัดการเรียนการสอน และใช้ในสำนักงาน และต้องการสนามเด็กเล่นเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กนักเรียนต่อไป/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯประจวบ นำเหล่านักวิ่งนับพันลงสนามสอง “RUN KHAN DO 2/2 ที่ สนามทับสะแก

ช่วงเย็นวันที่ 21 พ.ค.68 ที่ชายหาดบ้านแหลมกุ่ม ตำบลนาหูกวาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมวิ่งประจวบคีรีขันธ์ Run Khan Do II “วิ่งกันดุ๊ 2” Track 2 (สนามที่ 2 ) อำเภอทับสะแก มีนายสินาทร โอ่เอี่ยมนายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบฯ นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หัวหน้าส่วนราชการ

พร้อมด้วย นายราม สิงหโศภิษฐ์ นายอำเภอปราณบุรี นายสิทธิพร คงหอม นายอำเภอทับสะแก นายศุภชัย ครุฑดำ นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ นายประสูตร หอมบรรเทิง นายอำเภอหัวหิน นายทนงศักดิ์ รุ่งรัศมี ปลัดอาวุโสอำเภอทับสะแก นายเชาร์ เอี่ยมสุขขา นายกอบต.นาหูกวาง นายผดุงศักดิ์ อิ่มทั่ว ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอทับสะแก พร้อม ผู้บริหารท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยนักวิ่งและนักท่องเที่ยวกว่า 1,000 คน เข้าร่วมกิจกรรม

ตามที่ จ.ประจวบฯ ได้กำหนดกิจกรรมวิ่ง Run Khan Do II “วิ่งกันดุ๊ 2” ในพื้นที่ทั้ง 8 อำเภอ และระดับจังหวัด รวม 9 ครั้ง โดยได้กำหนดให้อำเภอปราณบุรีจัดกิจกรรม Run Khan Do II “วิ่งกันดุ๊ 2” เป็นที่แรก และในวันนี้เป็นสนามที่ 2 ของอำเภอทับสะแก เพื่อขับเคลื่อนโยบายจังหวัดประจวบฯ รักษ์สุขภาพ ให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี มีร่างกายแข็งแรง และเพื่อส่งเสริม เศรษฐกิจสุขภาพ ( Economy) ในระดับอำเภอ ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด “Next Move Prachuap ประจวบต้องไปต่อ” รวมทั้งจังหวัดรักษ์สุขภาพที่จะนำไปสู่การสร้าง ”สุขภาพที่ดี วิถีคนประจวบ” โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนสร้างสุขภาพโดยการออกกำลังกายอย่างถูกต้อง เพื่อสร้างเครือข่ายสุขภาพในระดับชุมชน อำเภอ และจังหวัด และส่งเสริมการท่องเที่ยว

ในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ ในระดับอำเภอ ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมวิ่ง ระยะทาง 5.5 กิโลเมตร มีการออกร้านขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 7 แห่ง ร่วมทั้งชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอทับสะแก และร้านค้าชุมชนนำมาจำหน่ายกว่า 10 ร้าน หลังจากจบการแข่งขันได้มีการมอบรางวัล โดย นายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัด จำนวน 6 รางวัล และมอบธงกิจกรรมวิ่งประจวบคีรีขันธ์ RunKhan Do II “วิ่งกันดุ๊ 3” ให้กับอำเภอหัวหิน มี นายประสูตร หอมบรรเทิง นายอำเภอหัวหิน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ และนักวิ่งชาวหัวหิน มาร่วมรับธง ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพในการจัดกิจกรรมในสนามต่อไปที่อุทยานราชภักดิ์

ทั้งนี้กิจกรรมวิ่งประจวบคีรีขันธ์ Run Khan Do II “วิ่ง กัน ดุ๊ 2” จะจัดขึ้นทุกวันพุธของสัปดาห์ ทั้งหมด 9 ครั้ง แบ่งออกเป็นระดับอำเภอ 8 ครั้ง และวิ่งระดับจังหวัด 1 ครั้ง สนามแรกที่ อ.ปราณบุรี วันที่ 14 พ.ค.68 / สนาม 2 อ.ทับสะแก วันที่ 21 พ.ค.68 / สนาม 3 อ.หัวหิน วันที่ 28 พ.ค.68 / สนาม 4 อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 4 มิ.ย.68 / สนาม 5 อ.สามร้อยยอด วันที่ 11 มิ.ย.68 / สนาม 6 อ.บางสะพาน วันที่ 18 มิ.ย.68 / สนาม 7 อ.กุยบุรี วันที่ 25 มิ.ย.68 / สนาม 8 อ.บางสะพานน้อย วันที่ 2 ก.ค.68 และสนามระดับจังหวัดฯ อ.เมืองประจวบฯ วันที่ 9 ก.ค.68

///////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ชาวชุมพรทวงคืนผืนป่าปลูกปาล์มกว่า 2 หมื่นไร่รัฐเกียร์ว่างปล่อยนายทุนกอบโกยผลผลิตนับพันล้าน ร่วม 10 ปี

ชาวชุมพรทวงคืนผืนป่าปลูกปาล์มกว่า 2 หมื่นไร่ หลังหมดสัมปทานนาน 10 ปี แต่รัฐยังเกียร์ว่างปล่อยนายทุนกอบโกยผลผลิตนับพันล้าน โฆษกเผยคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินวุฒิสภา เผย เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง

วันที่ 20 พ.ค.68 จากกรณีที่มีชาวบ้านนับพันคน มารวมตัวกันที่ศาลาอเนกประสงค์หมู่บ้าน หมู่ที่ 13 ตำบลหงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร นานกว่า 1 เดือนแล้ว เพื่อใช้เป็นศูนย์รวมทำกิจกรรมเรียกร้องถึงหน่วยงานรัฐและรัฐบาล จากปัญหาสวนปาล์มหมดสัมปทานมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 ถูกดองมานานนับ 10 ปี จำนวน 2 แปลง ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อและป่าสลุย ในท้องที่ตำบลหงษ์เจริญ เนื้อที่ 7,109 ไร่ 2 งาน 39 ตารางวา และในท้องที่ตำบลรับร่อ เนื้อที่ 16,256 ไร่ 2 งาน 34 ตารางวา รวมกว่า 23,000 ไร่ นั้น

โดยขณะนี้ที่ศาลาอเนกประสงค์ดังกล่าว ยังคงมีตัวแทนและชาวบ้าน สับเปลี่ยนหมุนเวียนมาเข้าเวรยามกันตลอด 24 ชั่วโมง วันละประมาณ 20-40 คน เพื่อมาเฝ้าถนนทางเข้าออกตรวจสอบและแจ้งเจ้าหน้าที่รัฐ หากมีพวก “แก๊งพุงกาง” ลักลอบขนปาล์มออกจากพื้นที่หมดสัมปทาน ซึ่งทำกันเป็นขบวนการใหญ่ ร่วมมือกันระหว่าง นายทุนจากโรงงานใหญ่ นักการเมือง ผู้มีอิทธิพล กลุ่มบุคคล และเจ้าหน้าที่รัฐบางคนจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยงข้อง ว่าจ้างแรงงานต่างด้าวเข้าไปลักลอบตัดปาล์มออกมาขายวันละ 100-500 ตัน รวมมูลค่าเดือนละมากกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งได้กระทำกันมานานนับ 10 ปีแล้ว กอบโกยกันแล้วมากกว่าพันล้านบาท

ขณะที่หน่วยงานภาครัฐเกียร์ว่างปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อมานาน จนชาวบ้านสุดทนต้องตั้งกลุ่มจัดตั้งเวรยามคอยตรวจสอบไม่ให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้าไปลักลอบเก็บปาล์มขาย และเรียกร้องให้รัฐนำที่ดินหมดสัมปทานมาบริหารจัดการและจัดสรรให้กับราษฎรไร้ที่ทำกินตามนโยบายของรัฐบาล ตามข่าวที่เสนอมาต่อเนื่องแล้วนั้น นายเศรณี อนิลบล สว.กลุ่ม 6 ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา เปิดเผยว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่สวนปาล์มหมดสัมปทานเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อ ป่าสลุย กว่า 2 หมื่นไร่ ทางกรรมาธิการฯ ได้รับการร้องเรียน และได้เชิญ นายกฤษณ์ แก้วรักษ์ ตัวแทนเครือข่ายเกษตรกรจังหวัดชุมพร เข้ามาให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการฯ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก ว่ากรณีดังกล่าวหมดสัญญาสัมปทานมานาน 10 ปี แต่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย และยังมีการเก็บเกี่ยวผลประโยนช์กันมาต่อเนื่อง ทั้งๆที่ยังไม่มีการต่อสัญญาใหม่แต่อย่างใด

นายเศรณี กล่าวว่า ซึ่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ทางคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา ได้ส่งเรื่องต่อให้ทางคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา นำเข้าที่ประชุมเพื่อดำเนินการต่อ โดยมีเงื่อนระยะเวลาภายใน 30 วัน หลังจากนั้น ทางพลตำรวจโท ยุทธนา ไทยภักดี ประธานคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดินและคณะฯ จะลงพื้นที่ จ.ชุมพร สอบหาข้อเท็จจริง ที่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน ของหน่วยงานรัฐ และการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ในจังหวัดและในภูมิภาค เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

ด้าน นายกฤษณ์ แก้วรักษ์ ตัวแทนเครือข่ายเกษตรกรจังหวัดชุมพร กล่าวว่า ตนได้ไปให้ข้อมูลต่อ คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา โดยนำข้อมูลหลักฐานทั้งหมดที่ตนมีเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ไปมอบให้ แต่ปัญหาดูเหมือนว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือกรมป่าไม้ไม่มีความจริงใจ ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมประชุมไม่สามารถพูดหรือตอบคำถามและให้ข้อมูลใดๆได้เลย จึงทำให้เสียเวลาไปเปล่าประโยชน์ จึงฝากถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย

” ปัญหาสวนปาล์มน้ำมันหมดสัมปทานในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ผ่านไป 10 ปี และที่ผ่านมาตนก็ออกมาเรียกร้องทวงคืนผืนป่ากว่า 2 หมื่นไร่ ให้กลับคืนมาให้ชาวชุมพรมาโดยตลอด แต่หน่วยงานรัฐปล่อยปละละเลย ไม่มีการดำเนินการทางกฎหมาย แต่ยังปล่อยให้นายทุนเข้าเก็บผลผลิตกันทุกวัน ทั้งๆที่ไม่สามารถกระทำได้ ” ตัวแทนเครือข่ายเกษตรกรจังหวัดชุมพร

ธนากร โกศลเมธี ภาพ-ข่าว รายงาน 0818923514

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ปศุสัตว์ชุมพรร่วมผลักดัน ตรวจโรงงานเพื่อ ติดตามด้านฮาลาลจากหน่วยงาน EIAC แห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือ UAE

วันที่ 21 พฤษภาคม 2568 เวลา 08.30-16.30 น. สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดชุมพร โดย นายสัตวแพทย์เดชา จิตรภิรมย์ ปศุสัตว์จังหวัดชุมพร ได้มอบหมาย นายสัตวแพทย์พิชัย โพธิ์กระสังข์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ ซึ่งเป็นพนักงานตรวจโรคประจำโรงงานฯ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์พ.ศ 2559 และเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ 2558 ร่วมตรวจโรงงานฆ่าสัตว์เพื่อการส่งออกของ บริษัท ดีแอนด์แซด คอนซัลแตนท์ จำกัด เลขที่ 262 หมู่ 7 ถนนเพชรเกษม ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร

ในการตรวจติดตามครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ในส่วนของกรมปศุสัตว์เข้าร่วมตรวจ ได้แก่นายสัตวแพทย์วินัย กาญจนมาลา นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นสัตวแพทย์ประจำโรงงานและดำรงตำแหน่งหัวหน้าสายกลุ่มตรวจสอบมาตรฐานด้านการปศุสัตว์ นายสัตวแพทย์มาลิก อับดุลบุตร นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ นายสัตวแพทย์รฐนนท์ เข็มแก้ว นายสัตวแพทย์ประจำกลุ่มงานฯพร้อมเจ้าหน้าที่ กลุ่มพัฒนาสินค้าปศุสัตว์ฮาลาล สำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์การตรวจติดตามด้านฮาลาลจากหน่วยงาน EIAC แห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ณ สถานประกอบการโรงเชือด บริษัท ดีแอนด์แซด คอนซัลแตนท์ จำกัด ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร
สถานประกอบการโรงเชือดของ บริษัท ดีแอนด์แซด คอนซัลแตนท์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร มีกำหนดการให้การต้อนรับคณะผู้แทนจาก หน่วยงาน EIAC (Emirates International Accreditation Centre) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับและรับรองมาตรฐานด้านฮาลาลของรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เพื่อดำเนินการตรวจติดตามระบบงานด้านฮาลาลร่วมกับ หน่วยงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (CICOT)

การลงพื้นที่ตรวจติดตามในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายสำคัญ ดังต่อไปนี้ 1. ตรวจสอบกระบวนการผลิตและการดำเนินงานภายในโรงเชือด ว่ามีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์และข้อกำหนดของศาสนาอิสลามตามมาตรฐานฮาลาลสากล 2. ประเมินการควบคุมคุณภาพด้านฮาลาล ทั้งในด้านวัตถุดิบ กระบวนการเชือด การจัดการหลังการผลิต รวมถึงระบบการบริหารจัดการภายในสถานประกอบการ 3. รับรองความน่าเชื่อถือของใบรับรองฮาลาลของ CICOT สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง โดยเฉพาะ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) 4. ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานไทยและนานาชาติ เพื่อยกระดับมาตรฐานฮาลาลของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก

การเข้าร่วมตรวจติดตามของ EIAC ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดชุมพร มีโอกาสขยายตลาดผลิตภัณฑ์ฮาลาลไปยังประเทศในกลุ่มอ่าวอาหรับ ซึ่งมีความต้องการสินค้าฮาลาลคุณภาพสูงเป็นจำนวนมาก และในขณะเดียวกัน ยังเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศว่าผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยมีคุณภาพ ปลอดภัย และปฏิบัติตามหลักศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรศาสนา จึงมีบทบาทร่วมกันในการส่งเสริมและสนับสนุนให้การตรวจติดตามครั้งนี้เป็นไปอย่างเรียบร้อย สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางผลิตภัณฑ์ฮาลาลระดับภูมิภาค หน่วยงานฮาลาล EIAC และ CICOT ต่างเป็นองค์กรที่มีบทบาทในการรับรองและกำกับมาตรฐานฮาลาลในแต่ละประเทศ โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. EIAC (Emirates International Accreditation Centre) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) คืออะไร EIAC เป็นหน่วยงานภายใต้รัฐบาลดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีหน้าที่รับผิดชอบการให้การรับรองระบบงาน (Accreditation) กับหน่วยงานที่ออกใบรับรองมาตรฐานต่าง ๆ รวมถึงมาตรฐานฮาลาล

ให้การรับรอง (Accreditation) กับหน่วยงานหรือองค์กรที่ออกใบรับรองฮาลาล เช่น สถาบันฮาลาลในประเทศต่าง ๆ ที่ต้องการส่งออกไป UAE กำหนดแนวทางและควบคุมคุณภาพมาตรฐานฮาลาลตามข้อกำหนดสากลและข้อกำหนดเฉพาะของอิสลามใน UAE ประสานงานกับ GSO (Gulf Standardization Organization) และหน่วยงานอื่น ๆ ในการกำหนดมาตรฐานฮาลาลในภูมิภาคอ่าวอาหรับ สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฮาลาลและความมั่นใจของผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์ฮาลาล2. CICOT (The Central Islamic Council of Thailand – คณะ

กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย) คืออะไร: CICOT คือองค์กรอิสลามสูงสุดของประเทศไทยที่มีหน้าที่หลักในการดูแลกิจการศาสนาอิสลาม รวมถึงการรับรองฮาลาลในประเทศ บทบาทหน้าที่ ออกใบรับรองฮาลาลให้แก่ผลิตภัณฑ์ อาหาร เครื่องดื่ม ยา และเครื่องสำอางในประเทศไทยควบคุม กำกับ ตรวจสอบ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการผลิตที่สอดคล้องตามหลักศาสนาอิสลาม ให้การรับรองโรงฆ่าสัตว์และกระบวนการผลิตอาหารที่เป็นฮาลาล ส่งเสริมความรู้และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานฮาลาลแก่ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป ประสานงานกับหน่วยงานต่างประเทศ เช่น EIAC หรือ JAKIM (มาเลเซีย) เพื่อยอมรับใบรับรองฮาลาลของไทยในตลาดโลก บทบาทและการสนับสนุนของ กรมปศุสัตว์ ต่อการตรวจติดตามด้านฮาลาล (Audit) ของหน่วยงาน CICOT (คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย) และ EIAC (Emirates International Accreditation Centre) แห่ง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ณ สถานประกอบการโรงเชือด บริษัท ดีแอนด์แซด คอนซัลแตนท์ จำกัด ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2568
บทบาทและการสนับสนุนของกรมปศุสัตว์

  1. การตรวจติดตาม สนับสนุนด้าน บุคลากรและผู้เชี่ยวชาญ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน จัดการเรื่อง ความปลอดภัยและการรักษาสุขอนามัย ระหว่างการตรวจ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล อำนวยความสะดวกในการ นำชมสถานประกอบการ พร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการผลิตและมาตรการควบคุมคุณภาพ 4. การสนับสนุนหลังการตรวจติดตาม หากพบข้อบกพร่องหรือข้อเสนอแนะจากหน่วยงาน EIAC หรือ CICOT กรมปศุสัตว์จะช่วย วิเคราะห์ปัญหา และเสนอแนวทางแก้ไขเพื่อปรับปรุงมาตรฐาน 5. สนับสนุนการส่งออกผลิตภัณฑ์จากประเทศไทย ไปยังตลาดประเทศมุสลิม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากสัตว์ (เช่น เนื้อวัวหรือเนื้อไก่) ที่ต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่ UAE ให้การยอมรับ จัดอบรมและให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ การปฏิบัติตามมาตรฐานฮาลาล สำหรับเจ้าหน้าที่ของโรงเชือด
  1. การเตรียมความพร้อมของสถานประกอบการโรงเชือด กรมปศุสัตว์ให้คำแนะนำในการ พัฒนามาตรฐานการผลิต เนื้อสัตว์ตามหลักฮาลาล เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของทั้ง CICOT และ EIAC จัดทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับ การปฏิบัติงานในโรงเชือด ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ตรวจสอบความพร้อมของ ระบบการผลิต การจัดการสุขอนามัย และการควบคุมโรค ในโรงเชือดก่อนการตรวจติดตาม 2. การประสานงานกับหน่วยงาน CICOT และ EIAC กรมปศุสัตว์ทำหน้าที่เป็น ผู้ประสานงานหลัก ระหว่างโรงเชือดกับหน่วยงาน CICOT และ EIAC เพื่อ อำนวยความสะดวกในการตรวจติดตาม ร่วมจัดเตรียม เอกสารและข้อมูล ที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบรับรองสุขอนามัย ใบรับรองมาตรฐานฮาลาล และข้อมูลด้านการผลิต 3. การอำนวยความสะดวกในขั้นตอน

ความสำคัญของความร่วมมือระหว่างกรมปศุสัตว์, CICOT และ EIAC การตรวจติดตามครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากจะเป็น การยืนยันมาตรฐานฮาลาล ของโรงเชือด เพื่อรองรับ การส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ไปยัง UAE และกลุ่มประเทศมุสลิมอื่น ๆ ความร่วมมือระหว่างกรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้สถานประกอบการสามารถ รักษามาตรฐานการผลิต และ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ในระดับนานาชาติ ส่งเสริมภาพลักษณ์ของ ประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตเนื้อสัตว์คุณภาพสูง ที่สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านศาสนาและมาตรฐานสากล กรมปศุสัตว์มีบทบาทสำคัญในการ ส่งเสริมและสนับสนุนมาตรฐานฮาลาล ของโรงเชือดในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเตรียมความพร้อม รองรับการตรวจติดตามจากหน่วยงานระดับนานาชาติ อย่าง EIAC ซึ่งจะช่วยยกระดับการผลิตเนื้อสัตว์ไทยสู่ ตลาดตะวันออกกลางและประเทศมุสลิม ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

ธนากร โกศลเมธี ภาพ/ข่าว รายงาน 0818923514

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /”โครงการน้ำพระทัยพระราชทาน สานสัมพันธ์ สัญจร องค์กรสมาชิก ภาค 4″ สภาสังคมสงเคราะห์ฯ ณ ห้องศรีสง่า โรงแรมริเวอร์ อ.เมือง จ.นครปฐม

20 พฤษภาคม 2568 : 10.00-15.00 น. สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล โดย พ.ต.ศิริชัย ทรัพย์ศิริ นายกสมาคมฯ/กรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ :

เข้าร่วมประชุม “โครงการน้ำพระทัยพระราชทาน สานสัมพันธ์ สัญจร องค์กรสมาชิก ภาค 4” สภาสังคมสงเคราะห์ฯ ณ ห้องศรีสง่า โรงแรมริเวอร์ อ.เมือง จ.นครปฐม ซึ่งมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม

กล่าวต้อนรับ และมี ร.ต.ท.ดร.มนัส โนนุช ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมทั้งคณะกรรมการบริหารสภาสังคมสงเคราะห์ฯ ได้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้ยากไร้ เพื่อมอบถุงยังชีพพระราชทาน

ในพื้นที่ ต.บางแขม อ.เมือง จ.นครปฐม สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ ส่วนภูมิภาค ภาค 4สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่1

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กธจ.สุโขทัยลงสอดส่องโครงการก่อสร้างถนน คสล.ที่อ.ทุ่งเสลี่ยม

เมื่อเวลา09.30น.ของวันที่20พฤษภาคม2568ณ.ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลไทยชนะศึก อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย คณะกรรมการธรรมาภิบาล จังหวัดสุโขทัย

ได้จัดระเบียบวาระการประชุมอย่างไม่ป็นทางการครั้งที่6/2568 และการลงพื้นที่สอดส่องโครงการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ทั้งนี้ นาย ชัยคม ศกุนรักษ์ รองประธานกรรมการธรรมาภิบาล

ได้เป็นประธานการประชุมโดยมีระบียบวาระการประชุมทั้งหมด5วาระการประชุมพร้อมมีคณะกรรมการธรรมาภิบาลและท้องถิ่นจังหวัดนายก อบต.หัวหน้าส่วน ราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก รหัส

ทางหลวงท้องถิ่น สท.ถ.39-028 สายประปาทุ่งนอก บ้านคลองสำราญ หมู่ที่3ตำบลไทยชนะศึก อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย โดยทางเจ้าหน้าที่ อบต.ไทยชนะศึกได้ฉายสไลด์เพาเวอร์พ้อย อธิบาย

โครงการการก่อสร้างฯทั้งนี้ทางคณะกรรมการธรรมาภิบาลสุโขทัยได้ลงพื้นที่พร้อมเจ้าหน้าที่อบต.ไทยชนะศึก ลงสอดส่องพื้นที่การก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กด้วย.
กิตติ พรดวงจันทร์ สุโขทัย .

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง