สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / “M STUDIO” ผนึกกำลัง “MONO”ผลิตภาพยนตร์ไทยสู่เวทีโลก พร้อมเดินหน้าขยายลิขสิทธิ์สู่ตลาดอินเตอร์! /CGI เนรมิตความน่าสะพรึงกลัวให้กับอสูรยักษ์ “คราเคน” ในภาพยนตร์ตื่นเต้น-ระทึกขวัญ ”Kraken – คราเคน เลื้อยสยอง 2000 โยชน์“

เอ็ม สตูดิโอ (M STUDIO) ผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ของไทย ประกาศความร่วมมือกับ บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO เดินหน้าผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ไทยสู่ตลาดโลก พร้อมยกระดับมาตรฐานวงการภาพยนตร์ไทย ด้วยการร่วมบริหารจัดการลิขสิทธิ์และกลยุทธ์การตลาดแบบครบวงจร

ภายใต้เป้าหมายเพื่อขยายอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยสู่ตลาดโลก ซึ่งการลงทุนร่วมกันในปี 2567-2568 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 140 ล้านบาท
สุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท M STUDIO กล่าวว่า “เอ็ม สตูดิโอ มีความเชื่อมั่นในความสร้างสรรค์ของภาพยนตร์ไทยมาโดยตลอด ความร่วมมือกับโมโนฯ จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจคอนเทนต์ภาพยนตร์ให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น

เนื่องจากโมโนฯ ถือเป็นผู้นำด้านคอนเทนต์อันดับ 1 ของเมืองไทย มีศิลปินและดาราชื่อดังที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งและดึงดูดฐานแฟน ๆ ได้ทั่วโลก การร่วมทุนในการผลิตคอนเทนต์ เราจึงมุ่งเน้นเนื้อหาที่ตอบรับความต้องการของผู้ชมทั่วโลก และเดินหน้าเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์ในระดับนานาชาติ พร้อมทั้งสร้างพันธมิตรด้านจัดจำหน่ายในระดับ Global ซึ่งเราคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี”

ด้าน เนตรพนิต โพธารากุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการ และผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง Mono29 บริษัท โมโน บรอดคาซท์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “ความร่วมมือกับเอ็ม สตูดิโอ เป็นการเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์

โดยเราจะเน้นการผลิตผลงานภาพยนตร์ที่หลากหลายแนวให้ตอบโจทย์ตลาดโลก ซึ่งในปีนี้เราร่วมกันผลิตภาพยนตร์อย่างน้อย 6 เรื่อง ได้แก่ ห่าก้อม, นางฟ้าขาแดนซ์, หมู่บ้านโคกะโหลก, วัยเป้ง 2, แจ๊สโคตรซิ่ง และ หอแต๋วแตก แหกหลีหู และพร้อมวางแผนร่วมกันในการจัดจำหน่าย เพื่อสร้างรายได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่องให้กับทั้งสองบริษัท”

การร่วมทุนในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของ M STUDIO และ MONO ในการร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้เข้าถึงผู้ชมหลากหลายตลาดทั่วโลก เป็นการตอกย้ำบทบาทของทั้งสองบริษัท ในฐานะกำลังสำคัญของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ซึ่งเชื่อว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง

CGI เนรมิตความน่าสะพรึงกลัวให้กับอสูรยักษ์ “คราเคน” ในภาพยนตร์ตื่นเต้น-ระทึกขวัญ ”Kraken – คราเคน เลื้อยสยอง 2000 โยชน์“

นอกจาก “Kraken – คราเคน เลื้อยสยอง 20000 โยชน์” จะเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่น-ระทึกขวัญที่พูดถึงอสุรกายในตำนานแล้ว หนังยังนำเสนอให้เห็นถึงผลที่ตามมาของการสำรวจทางวิทยาศาสตร์และอันตรายที่ไม่คาดคิดซึ่งเกิดขึ้นจากการแสวงหาความรู้ของมนุษยชาติอีกด้วย นั่นจึงทำให้ตัวหนังมีความคล้ายคลึงกับเรื่อง Godzilla ที่แสดงให้เห็นถึงอันตรายที่เกิดจากการทดลองพลังงานนิวเคลียร์

“ตัว คราเคน ของเราสร้างขึ้นจาก CGI ล้วน ๆ เพื่อทำให้คนดูรู้สึกหวาดกลัวและน่าเกรงขามอันมาจากความยิ่งใหญ่ของมัน ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถถ่ายทอดให้สัมผัสได้ถึงความตึงเครียดและอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากสัตว์ประหลาดตนนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อนำมาผสมผสานเข้ากับฉากแอ็คชั่นในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความกดดัน จึงทำให้หนังกลายมาเป็นส่วนผสมของความตื่นเต้นและความสยองขวัญได้อย่างลงตัว” ผู้กำกับฯ นิโคไล เลเบเดฟ กล่าว

นับถอยหลังสู่ความระทึกใจของ “Kraken – คราเคน เลื้อยสยอง 2000 โยชน์” โดย Movie Copyright (Thailand) 29 พฤษภาคมนี้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น!!!

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ยาเสพติดทะลัก!เข้าชายแดนไทย ตำรวจเชียงราย ป.ป.ส.ทหาร จับกุมยาไอซ์ 578 กก.รถยนต์ 2คัน ยาไอซ์ 20 กระสอบ

ยาเสพติดมหาศาล ทะลัก!เข้าชายแดนไทย ตำรวจเชียงราย ป.ป.ส.ทหาร สกัดทันจับผู้ต้องหา และยึดเคตามีนล็อตใหญ่ “แก๊งวังสะพุง “เปลี่ยนอาชีพไม่ขายหวย เปลี่ยนเป็นยาเคตามีน รวยเร็ว ย่ามใจพยายามขนเข้าชั้นในประเทศได้ค่าจ้างสูงเที่ยวเป็นล้าน สุดท้ายไปไม่รอดถูกตำรวจรวบยกแก๊ง อีกราย ก็ไปไม่รอดจอดทิ้งไว้หน้าศูนย์ราชการอบจ.เชียงราย ตำรวจซุ่มโป่งเพื่อจับกุม แต่เจ้าของรถ รู้ตัวจึงได้ขับหนีตกร่องน้ำข้างทางที่บริเวณบ้านฟร์ามไปไม่รอดถูกตำรวจ ยึดรถและหลักฐานในรถ และรู้ตัวเจ้าของรถ และไดยื่นต่อศาลจังหวัดเชียงรายออกหมายจับแล้ว ตำรวจเผยยาบ้ายาเคทะลักชายแดนหนัก เข้าเมืองและชุมชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ประชาชนเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแลลูกหลานบุคคลใกล้ชิด หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในหมู่บ้าน/ชุมชน โดยแจ้งเบาะแสไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองเพื่อสกัด

เมื่อเวลา10.30น.วันที่19พ.ค2568 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค5 นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พล.ท.กิตติพงศ์ ชื่นใจชน ผบ.นบ.ยส.35 นายธันวา ผุดผ่องผอ.ปปส.ภาค5 และพล.ต.ต. มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญคดีที่1 กก.สส.ภ.จว.เชียงราย ตรวจยึดรถยนต์จำนวนสองคันขณะหลบหนีการจับกุมสามารถยึดยาไอซ์ 578กิโลกรัม ของกลางเป็นรถยนต์จำนวน2คัน ยาไอซ์จำนวน 20 กระสอบน้ำหนักรวม 578 กิโลกรัม
พฤติการแห่งคดีสืบเนื่องจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยึดยาไอซ์

เมื่อวันที่ 13 พ.ค.68 เวลา 23.40 น. ที่ซุกซ่อนมาพร้อมกับรถยนต์อเนกประสงค์ SUVยี่ห้อมิตซูบิชิรุ่นเอ็กซ์แพลนเด้อ สีขาว หมายเลขทะเบียนขน.79xxเชียงราย จำนวน 20 กระสอบ 578 ก้อน รวมน้ำหนักและสิ่งห่อหุ้มประมาณ 623 . 25 กิโลกรัม ที่บริเวณศูนย์ราชการจังหวัดเชียงราย (อบจ )จำนวน 20 กระสอบ 578 ก้อนรวมน้ำหนักและสิ่งห่อหุ้มประมาณ 623 . 24 กิโลกรัมได้ที่บริเวณศูนย์ราชการจังหวัดเชียงราย ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจสอบเพื่อการจับกุมผู้ต้องหาปรากฎว่ามีรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุรุ่นดีแมกซ์สีขาวหมายเลขทะเบียน9 กฬ14xxกทม. ขับหนีไปทางถนนบ้านฟร์ามตำบลริมกก และเสียหลักตกลงร่องน้ำข้างทาง จึงได้ทำการตรวจสอบภายในรถยนต์ดังกล่าวพบโทรศัพท์มือถือและเอกสารอื่นๆอยู่ภายในห้องโดยสารรถยนต์

จากนั้นจึงได้ทำการเคลื่อนย้ายรถยนต์ดังกล่าวมาที่ทำการกก. สส. ภ.จว.เชียงรายเพื่อตรวจสอบของกลางที่พบอย่างละเอียดตรวจยึดพยานหลักฐานพบในรถยนต์ที่หลบหนีที่เกี่ยวข้องกับการลำเลียงยาเสพติดเมื่อคืนวันที่ 13 พ.ค.2568 พร้อมได้นำรถยนต์ที่ตรวจยึดและพยานหลักฐานที่ตรวจพบในรถยนต์นำส่งพนักงานสอบสวนสภ. เมืองเชียงรายและได้รวบรวมพยานหลักฐานและทราบตัวเจ้าของรถซึ่งผู้บัญชาการตำรวจภาค5ได้สั่งการตามล่าตัวมาดำเนินคดีโดยมีการออกหมายจับแล้ว

ส่วนคดีที่2 เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.สส.ภ.จว.เชียงรายจับกุมผู้ต้องหาได้6คน ซึ่งล้วนแล้วเป็นชาวอำเภอวังสะพุง จ.เลย จับกุมพร้อมของกลางเป็นเคตามีนจำนวน 15 กระสอบน้ำหนักประมาณ 529 กิโลกรัม ผู้ต้องหา6คน คือ1.นายนเรศ อายุ 51 ปี อยู่ที่ต.วังสะพุง อ.วังสะพุง จ.เลย 2.นายมโนทัย อายุ 42 ปี อยู่ที่ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย 3.นายสราวุธ อายุ 26 ปี อยู่ที่ต.วังสะพุง อ.วังสะพุง จ.เลย 4.นายฤทัยอายุ 40 ปีอยู่ที่ ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย 5.น.ส.วราลักสมี อายุ 55 ปี ต.น้ำหมาน อ.เมืองเลย จ.เลย 6.นายธีรวิทย์ อายุ 43 ปีอยู่ที่เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร

ของกลางที่ยึดได้เป็นรถยนต์จำนวน4คัน เคตามีน จำนวน 14 กระสอบน้ำหนัก 529 กิโลกรัม โดยขบวนการค้ายาเสพติดรายที่สองแก๊งจังหวัดเลย มีการลำเลียงยาเสพติด จากฝั่งพม่าผ่านบ้านสบรวกอ.เชียงแสน จ.เชียงราย และขนเลี่ยงเมือเพื่อเข้าไปชั้นในประเทศโดยใช้เส้นทางเลี่ยงถนนสายหลักหลบหนีการจับกุมและด่านต่างๆและมีการส่งสัญญาณล่วงหน้าว่ามีด่านหรือไม่ โดนเจ้าหน้าที่ระบุว่าการขนแต่ละครั้งได้ค่าขนจำนวน1ล้านบาทต่อเที่ยวลักลอบคนมาหลายครั้งแต่ครั้งนี้ไม่สามารถหลบการจับกุมของเจ้สหน้าที่ไปได้เพราะมีการสืบสวนติดตามโดยตลอดจนที่สุดก็สามารถจับกุม

ได้ครีบแก๊งพร้อมด้วยรถยนต์จำนวน4คัน รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ สีดำ ทะเบียน บร.34xxแพร่ โตยต้ายี่ห้อฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียนกร58xxเชียงราย จับในพื้นที่แม่ต๋า อ.เมืองจ.พะเยา เมื่อวันที่18พ.ค.68 ที่ผ่านมา เสลา23.00น.และวันที่18พ.ค68 จับกุมผู้ต้องหาและยึดรถยนต์โตโยต้า หมายเลขทะเบียน ผบ11xxเชียงราย ในพื้นที่หมู่ที่11ต.หัวโง้ม อ.พาน จ.เชียงราย ส่งของกลางทั้งหมดและตัวผู้ต้องดำเนินคดีต่อไป

ธนกฤต วรรมณี ทีมข่าวกองบก.รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ศุลกากรมุกดาหารจับชาวลาวใช้รถกระบะลักลอบขนบุหรี่ไฟฟ้าข้ามสะพานมิตรภาพ 2

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 19 พฤษภาคม สืบเนื่องจากนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร นางกิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์ ทปษ.ด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร และนาวสาวลลิตา อรรถพิมล ผอ.ศภ.2 มีนโยบายให้เข้มงวดในการตรวจสอบการกระท่าความผิดตามกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

นายกรณ์ชัย ปัญญาวัฒนพงศ์ นายด่านศุลกากรมุกดาหาร ได้รับข้อมูลว่าจะมีการลักลอบนําเข้าสิ่งของที่ยังไม่ผ่านพิธีการศุลกากรซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์ส่วนบุคคลจาก แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว จึงได้สิ่งสั่งการให้นายปริญญา ผลมั่ง หน.ฝคต. และนายคําพร ธุระเจน หน.ฝปป. ประสานกําลังร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง อาทิ ร้อย.ฉก.ทพ.2105 ร้อย ตชด.234 ตม.จังหวัดมุกดาหาร หมวดสกัดกั้นยาเสพติดที่ 2 กองกําลังสุรศักดิ์มนตรี ชปข. กอ.รมน ภาค 2 และด่านตรวจสัตว์ป่ามุกดาหารดําเนินการตรวจสอบรถกระบะ 4 ประตูโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน กส 6869 สะหวันนะเขต ต้องสงสัยที่ด่านพรมแดนมกดาหาร บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2

ผลการตรวจค้น พบบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทั้ง ยี่ห้อ Pilot Vape จำนวน 20 ชิ้น และบุหรี่ผลิตในสาธารณรัฐประชาชนจีน จํานวน 1,400 มวน จึงได้ควบคุมตัวท้าวจันนิลัน สัญชาติลาว ดำเนินคดีในข้อหานําของเข้ามาในราชอาณาจักร โดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร อันเป็นความผิด พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต และ ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กําหนดให้บารากู่และ บารากู่ไฟฟ้า หรือบหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้อง ห้ามในการนําเข้ามาในราษอาณาจักร และดําเนินการยึดของกลางส่งด่านศุลกากรมุกดาหาร พร้อมกับนําตัวผู้ต้องหาดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จับบุหรี่ไฟฟ้า #ลักลอบข้ามแดน #ศุลกากรมุกดาหาร #สะพานมิตรภาพ2 #มุกดาหาร

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / แม่ทัพภาค 2 ย้ำกองทัพไทยคุมเข้มชายแดน – ปกป้องอธิปไตยเต็มที่ กรณีทหารเขมรรุกเนิน 745

จากกรณีที่มีรายงานข่าวว่า ทหารกัมพูชาได้รุกล้ำเข้าพื้นที่เนิน 745 ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยมีลักษณะการสร้างฐานที่มั่น ขุดคูเลท และเสริมกำลังพร้อมอาวุธครบมือ ทหารพรานกองกำลังสุรนารีได้เข้าตรวจสอบและพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชา กระทั่งได้ข้อสรุปว่าทหารกัมพูชาจะยุติการขุดคูเลทและถอนกำลังออกจากพื้นที่ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน พร้อมตกลงจะนัดพบในห้วงเวลาโดยไม่มีอาวุธ และมีการลาดตระเวนร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม ยังมีรายงานว่าทหารกัมพูชาบางส่วนยังคงอยู่ในพื้นที่ล้ำแดนบริเวณอื่นของช่องบกระยะห่างประมาณ 150 เมตร ซึ่งทหารไทยได้เจรจาเรียกร้องให้ถอยหลายครั้งแต่ยังไม่ได้รับความร่วมมือ ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงตรึงกำลังอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมสถานการณ์

พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ขณะนี้ยังมีบางจุดที่เกิดความไม่เข้าใจกันซึ่งเป็นผลจากการใช้แผนที่คนละฉบับ แต่โดยรวมถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ควบคุมได้ โดยยืนยันว่าฝ่ายไทยยังคงลาดตระเวนตามปกติ และมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีเป็นหลัก

ทั้งนี้ หลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ระหว่างรัฐมนตรีกลาโหมของทั้งสองประเทศ ได้มีข้อตกลงร่วมกันในหลักการ “ใครอยู่ตรงไหน ให้อยู่ตรงนั้น” หากจะมีการเคลื่อนไหวต้องแจ้งล่วงหน้าและพูดคุยกันก่อน พร้อมรอผลการดำเนินงานจากคณะอนุกรรมการปักปันเขตแดน

แม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า กองทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะดูแลผลประโยชน์ของชาติ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างดีที่สุด พร้อมส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกองกำลังทั้งสองประเทศ ไม่ให้เกิดเหตุบานปลาย

ปัจจุบันจุดที่มีความเสี่ยงและยังไม่มีการปักปันอย่างชัดเจน ได้มีการถอนกำลังของทั้งสองฝ่ายเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ ส่วนจุดที่มีการประจำการตามปกติจะยังคงอยู่เช่นเดิม โดยยืนยันว่าการแก้ปัญหาทั้งหมดจะยึดแนวทางสันติและการเจรจาเป็นหลัก

ชายแดนไทยกัมพูชา #ทหารไทย #ทหารเขมร #แม่ทัพภาคที่2 #กองทัพไทย #ปกป้องอธิปไตย #ข่าวชายแดน #อุบลราชธานี #เนิน745 #ความมั่นคงชายแดน​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ครบรอบ 102 ปี ร่วมรำลึกวันอาภากร พิธีทางศาสนา บวงสรวง ในงานรำลึกวันสิ้นพระชนม์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ณ สวนอาภากรเกียรติวงศ์ เทศบาลเมืองชุมพร

วันนี้ (19 พ.ค. 68) เวลา 08.30 น. ณ สวนอาภากรเกียรติวงศ์ (สวนสาธารณะเทศบาลเมืองชุมพร) นายสุพจน์ บุปผา ปลัดเทศบาลเมืองชุมพร ปฏิบัติหน้าที่ นายกเทศมนตรีเมืองชุมพร เป็นประธานในพิธีทางศาสนาและพิธีบวงสรวงเนื่องในงานรำลึกวันสิ้นพระชนม์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์

กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ร่วมด้วย นายเจริญ โพธิ์ศรีทอง รองปลัดเทศบาลเมืองชุมพร หัวหน้าส่วนการงาน พนักงานเทศบาล พนักงานครู และพนักงานจ้างเทศบาลเมืองชุมพร กลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองชุมพร พร้อมด้วย ชุมชนและกลุ่มต่างๆ ร่วมประกอบพิธีทางศาสนา พิธีวางพวงมาลา พิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณฯ การกล่าวสดุดีเทิดพระเกียรติฯ และรำบวงสรวง โดยกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองชุมพร

พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2423 ทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดาโหมด ในปีพุทธศักราช 2439 เสด็จไปศึกษาวิชาการทหารเรือ ณ ประเทศอังกฤษ ตลอดระยะเวลาที่พระองค์ทรงศึกษาอยู่นั้น ได้มีพระวิริยะอุตสาหะจนผลการศึกษาปรากฏอยู่ในขั้นดีเยี่ยม

และมีพระจริยวัตรที่งดงามเป็นที่รักใคร่ของ ครู อาจารย์ เป็นที่ยอมรับนับถือของชาวอังกฤษที่ได้ศึกษาอยู่ในคราวเดียวกัน เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาเป็นนายทหารสัญญาบัตร ในราชนาวีอังกฤษแล้ว ได้เสด็จกลับเข้ารับราชการในกระทรวงทหารเรือ ในปีพุทธศักราช 2443 รับพระราชทานยศเป็น “นายเรือโทผู้บังคับการ” ในตำแหน่ง นายธงผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ปีพุทธศักราช 2448 ทรงดำรงตำแหน่ง เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ ได้ทรงปรับปรุงการศึกษาของโรงเรียนนายเรือให้เจริญก้าวหน้ามากขึ้น

ทำให้ทหารเรือไทยมีความรู้ ความชำนาญ สามารถเป็นครู และเป็นผู้บังคับบัญชาได้โดยไม่ต้องพึ่งพาชาวต่างประเทศ ในปีต่อมาทรงมีพระดำริในการจัดตั้งโรงเรียนนายช่างกล เพื่อรับผิดชอบเครื่องจักรในเรือ และในโรงงานบนบกแทนชาวต่างประเทศที่จ้างไว้ในปีพุทธศักราช 2450 ทรงเป็นผู้บังคับการเรือหลวงมกุฎราชกุมาร นำนักเรียนนายเรือ และนักเรียนนายช่างกล ไปฝึกภาคต่างประเทศ ได้ทรงนำเรือแวะที่สิงคโปร์และเปลี่ยนสีเรือมกุฎราชกุมาร

จากสีขาวเป็นสีหมอกให้เหมือนกับเรือรบต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความกลมกลืนกับลักษณะของสีน้ำทะเล และภูมิประเทศ ซึ่งกองทัพเรือได้นำสีดังกล่าวมาใช้เป็นสีเรือทุกลำของกองทัพเรือตราบจนปัจจุบัน นอกจากจะมีคุณูปการอเนกอนันต์แก่กองทัพเรือแล้ว พระองค์ยังมีพระปรีชาสามารถในด้านการแพทย์แผนโบราณของไทย โดยในปีพุทธศักราช ๒๔๕๔ ขณะทรงออกจากราชการเป็นเวลา 6 ปีเศษ เพื่อทรงศึกษาตำราหมอยาไทยอย่างจริงจัง

จนมีความรู้แตกฉาน ทรงเป็นหมอยาไทย รับรักษาประชาชนโดยทั่วไปด้วยน้ำพระทัยโอบอ้อมอารี จนได้รับพระสมัญญานามว่า “หมอพร” ในปีพุทธศักราช 2460 ทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กลับเข้ารับราชการทหารเรืออีกครั้ง และในปีพุทธศักราช ๒๔๖๒ พระองค์ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าหลวงพิเศษ

ให้ดำเนินการจัดซื้อเรือหลวงพระร่วงจากประเทศอังกฤษ และทรงเป็นผู้บังคับการเรือ นำเรือหลวงพระร่วงเดินทางจากประเทศอังกฤษกลับมายังประเทศไทย นับเป็นครั้งแรกที่นายทหารเรือไทยเดินเรือได้ไกลข้ามทวีป ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๖๕ พระองค์ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานที่ดินพื้นที่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

เพื่อใช้เป็นที่ตั้งฐานทัพเรือ และหน่วยกำลังรบต่างๆ ของกองทัพเรือ ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งมาจนถึงปัจจุบัน พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ได้กราบบังคมทูลออกจากราชการเพื่อพักผ่อนรักษาพระองค์ เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๖๖ เนื่องจากพระองค์ทรงมีสุขภาพไม่สมบูรณ์

และประชวรพระโรคภายในอยู่ด้วย โดยทรงประทับอยู่ทางใต้ของปากน้ำเมืองชุมพร ขณะที่พระองค์ประทับอยู่นี้ก็เกิดพระโรคหวัดใหญ่ เนื่องจากถูกฝน ทรงประชวรอยู่เพียง 3 วัน ก็สิ้นพระชนม์ที่ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ในวันที่ 19 พฤษภาคม พุทธศักราช 2466 สิริพระชนมายุ 43 พรรษาด้วยพระกรณียกิจตลอดระยะเวลาที่ทรงรับราชการทหารเรือ

ส่งผลให้กองทัพเรือมีความเจริญก้าวหน้า สามารถทำหน้าที่รั้วของชาติทางทะเลได้อย่างเข้มแข็งสืบต่อมา ซึ่งนับเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง กองทัพเรือจึงได้ประกาศขนานพระนามเป็น “องค์บิดาของทหารเรือไทย” และได้กำหนดให้วันที่ 19 พฤษภาคมของทุกปี

อันเป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ เป็น “วันอาภากร” ดังนั้นเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระกรุณาคุณ และแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระองค์ท่าน กองทัพเรือจึงได้จัดงานกิจกรรมต่างๆ เพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน บิดาของทหารเรือไทย ที่ทรงมีพระกรุณาคุณต่อกองทัพเรือ.

ธนากร โกศลเมธี ภาพ/ข่าว รายงาน 0818923514

​สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รถบรรทุกพ่วงพลิกตะแคงกลางวงเวียนยักษ์มุกดาหาร คาดสาเหตุถนนไม่ได้มาตรฐาน​ความปลอดภัย

เมื่อเวลา 06.13 น. วันที่ 18 พฤษภาคม 2568 นายอดุลย์ ศิริมันต์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองมุกดาหาร ได้รับแจ้งเหตุรถบรรทุกพ่วงพลิกคว่ำบริเวณวงเวียนทางเข้าสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร – สะหวันนะเขต) จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ป้องกันฯ พร้อมรถกู้ภัยและรถดับเพลิงเร่งเข้าตรวจสอบและเฝ้าระวังเหตุซ้ำซ้อน พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการเก็บกู้

ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกพ่วงยี่ห้อวอลโว่ หมายเลขทะเบียน 73-9898 สมุทรปราการ พลิกตะแคงอยู่บริเวณขอบถนนเลนด้านนอกของวงเวียน มุ่งหน้าไปทางจังหวัดนครพนม สภาพรถได้รับความเสียหาย กระจกบังลมหน้าหลุดออกมาทั้งแผ่น

จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าสาเหตุเกิดจากถนนบริเวณรอบวงเวียนดังกล่าวมีระดับไม่เท่ากัน โดยเลนด้านในซึ่งติดกับเกาะกลางวงเวียนมีความสูงกว่าด้านนอก ทำให้เมื่อรถบรรทุกขนาดใหญ่เข้าโค้งและเตรียมเลี้ยวออกจากวงเวียน จึงเสียสมดุลและพลิกคว่ำในที่สุด

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณใกล้เคียงจุดที่เคยเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วงพลิกตะแคงเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ชาวบ้านและผู้ใช้ถนนต่างแสดงความกังวล พร้อมทั้งเรียกร้องให้กรมทางหลวงชนบท หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งส่งวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางถนนเข้าตรวจสอบและปรับปรุงถนนโดยด่วน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อนที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต

รถบรรทุกพลิกคว่ำ #วงเวียนยักษ์มุกดาหาร #ถนนไม่ได้ระดับ #อุบัติเหตุซ้ำซ้อน #มุกดาหาร #ความปลอดภัยทางถนน #สะพานมิตรภาพไทยลาว2 #กรมทางหลวงชนบท #กระทรวงคมนาคม

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รมว.ท่องเที่ยวฯ ลงพื้นที่น่าน ร่วมหารือแนวทางพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว พร้อมรับฟังข้อเสนอสร้างแลนด์มาร์คใหม่

วันที่ 17 พฤษภาคม 2568 เวลา 15.00 น. ที่โรงบ่มปัว คาเฟ้ แอนด์ อีทเทอรี่ อำเภอปัว จังหวัดน่าน นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยคณะ ลงพื้นที่จังหวัดน่าน เพื่อติดตามสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวและหารือแนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด โดยมีนายแพทย์ชนน่าน ศรีแก้ว อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นางวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายนพรัตน์ ถาวงศ์ นายก อบจ.น่าน ให้การต้อนรับ

ในการประชุมครั้งนี้ มีภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยว อาทิ พ.อ.วัฒนา จันทร์ไพจิตต์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดน่าน ผู้แทนสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว และสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอปัว เข้าร่วมรายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวและเสนอแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ภาคีเครือข่ายได้เสนอให้เร่งรัดโครงการระบบรถไฟรางคู่เชื่อมเส้นทาง เด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ เพื่อขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ และยกระดับจังหวัดน่านให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาค พร้อมเสนอแนวคิดโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ อาทิ

  • Iconic Tourism Hub Sky Walk แลนด์มาร์คใหม่สำหรับจัดกิจกรรมท่องเที่ยว
  • โครงการกระเช้าลอยฟ้า เชื่อมต่ออุทยานแห่งชาติขุนสถาน และอุทยานแห่งชาติศรีน่าน (ดอยเสมอดาว) โดยมีศูนย์กลางที่อำเภอนาน้อย เพื่อยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ
    นายสรวงศ์ เทียนทอง กล่าวเน้นย้ำถึงการสนับสนุนการพัฒนาจังหวัดน่านบนพื้นฐานของอัตลักษณ์ท้องถิ่น ทั้งวัฒนธรรม วิถีชีวิต และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างรายได้และความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รวมพลังคนปรางค์กู่ ศรีสะเกษ ให้กำลังใจ น้ำใจ สู่แนวหน้า ปกป้องปราสาทตาเมือนธม

เมื่อวันเสาร์ที่17พฤษภาคม 2568 นาย ทองสุข คำมานายกองค์การบริหารส่วนตำบลพิมายเหนือ นายสมบัติกอกหวาน ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอปรางค์กู่ นายทวีชัย คำแพง รองประธานสภาวัฒนธรรมฯชมข้าราชการบำนาญอำเภอปรางค์กู่ นายวรวิทย์ เสริมศรี คหบดี ดร.วิลดา

อินฉัตร ส.ส.เขต7จังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกันบริจาคสิ่งของ อาหาร อาหารเสริม เครื่องดื่ม น้ำดื่ม.ฯ นำไปมอบให้ทหารที่ปราสาทตาเมือนธม โดยมี ร้อยโท
ไวคิด ศรีพรหม ผบ.กองร้อย ร.พัน 4

พร้อมเหล่าหาร หาญรอการต้อนรับ โดยมีนายทองสุข คำมา กล่าวแสดงความรู้สึกเป็นห่วงชาติแผ่นดินและเป็นห่วงทหาร หาญ ที่เป็นรั้วของชาติอยู่แนวหน้า และได้ย้ำว่าคนปรางค์กู่ ที่อยู่แนวหลังจะให้กำลังใจ พร้อมให้การสนับสนุนตลอดเวลา

การรวมพลัง เดินทางไปคราวนี้ไปด้วยรถปิ๊คอัพ ส่วนตัว พร้อมบรรทุกสิ่งของที่รวบรวมได้จากการบริจาค เป็นจำนวนมาก เพ่ื่อนำไปมอบ โดยมี ร้อยโทไวคิด ศรีพรหม เป็นผู้รับมอบ หลังจากนั้นได้เข้าเยี่ยมชมปราสาท ภายในภายนอกบริเวณปราสาท พบทหารต่างชาติ อยู่ร่วมปะปนกับทหารไทยเป็นจำนวนมาก

ทั้งที่พื้นที่นี้เป็นของประเทศไทย ไทยได้ครอบครองและทำกิจกรรมอยู่นี่มาเป็นเวลานานแล้วทำไมต้องให้ทหารต่างชาติมาอยู่ในผืนแผ่นดินไทยได้อย่างไรหรือปล่อยให้เป็นประเด็น อย่างนี้อยูร่าไป ตลอดอดไปไช่ไหม จึงฝากฝากความเห็นไปยังผู้รับผิดชอบไปยังผู้นำระดับประเทศ นั่งอยู่สุขได้อย่างไร ไม่ร้อนไม่หนาว ไม่มีความเป็นห่วงบ้างหรือ

อยากให้ไปดูด้วยตนเอง ว่าสถานการณ์เบ้านเมืองแนวเขตแดนป็นอย่างไร รอบปราสาทก็ไม่มีแนวเขตกั้น กอร์ปกับมีช่องทาง ให้คนต่างชาติ ขึ้นเข้ามาในตัวปราสาทได้อย่างไร หรือจะปล่อยให้คนต่างชาติขี้นมายึดครองก่อนหรือจึงจะ

แก้ไข จะเข้าทำนอง วัวหายแล้วล้อมคอก เช่นนั้นหรือ การเดินทางไปครั้งนี้จำนวน10 คัน 30 คน เป็นตัวแทนของ คนปรางค์กู่.ไม่ทิ้งแนวหน้า พร้อมที่จะต่อสู้ เคียงข้างกับเหล่าทหาร หาญ อย่างไม่มีถอยครับ
นายทองสุข คำมา/เขียน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / เสาไฟฟ้าล้มทับ นายธนภัทร แก้วกาญจน์ ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ขณะปฎิบัติหน้าที่ ถามหาคนรับผิดชอบ

ร.ต.อ. สมนึก ฉิมมี รอง สวย. ( สอบสวน ) สภ. เคียนซา แจ้งว่า เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ16.00น.
ขณะปฏิบัติหน้าที่เวรสอบสวนได้รับแจ้งจากศูนย์สื่อสารของสถานีตำรวจภูธรเคียนซาเหตุเสาไฟฟ้าล้มทับคนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ จึงเดินทางไปดูผู้ตายและบาดเจ็บที่โรงพยาบาลเคียนซา

พบศพนายธนภัทร แก้วกาญจน์ อายุ 24ปี สัญชาติไทย ที่อยู่ 107 หมู่ที่ 4 ตาย.เกาะสะบ้า อ.เทพา จ.สงขลา และนายณัฐวรรธน์ นิ่มนุ้ย อายุ 29 ปี สัญชาติไทย ที่อยู่80/8 หมู่ที่ 3 ต.ตะปาน อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับบาดเจ็บ อยู่ระหว่างการรักษาของแพทย์จากนั้นร่วมกับแพทย์และญาติทำการชันสูตรพลิกศพผู้ตาย และมอบศพให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนา

จากนั้นเดินทางมาที่เกิดเหตุ ซึ่งที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนซอยแสงธรรม เป็นดินลูกรัง ข้างถนนมีรอยเซาะของน้ำ มีเสาไฟฟ้าแรงสูงปักเป็นแนวอยู่ทางด้านขวาของถนนซอย จุดที่พบว่าเป็นจุดปักเสาไฟฟ้าขนาด14 เมตร ข้างขวามีรอยเซาะดิน และเสาไฟฟ้าได้ล้มมาทางสวนยางพาราอยู่ด้านซ้ายของถนนซอย สอบถามนายบุญธรรม รามขาว หัวหน้าคุมงาน ได้ความเบื้องต้นว่าตามเวลาเกิดเหตุผู้ตายและ

นายรัฐวรรธน์ นิ่มนุ้ย ได้ขึ้นไปปรับปรุงสายไฟฟ้าที่เกิดเหตุ และเสาไฟฟ้าเกิดล้มมาทางสวนยางพาราอยู่ทางด้านซ้ายของถนนซอย ทำให้ผู้ตายเสียชีวิตในเวลาต่อมาและนายณัฐวรรธน์ นิ่มนุ้ย ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งจะได้ดำเนินการต่อไป

ที่พบศพ โรงพยาบาลเคียนซา หมู่ที่2 ตาย.เคียนซา อยู่.เคียนซา จะ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 15.36น. เอกสารฉบับนี้แสดงว่า ร.ต.อ. สมนึก ฉิมมี ได้รับคำแจ้งความของท่านไว้แล้ว ( ติดต่อพนักงานสอบสวน โทร 0969821534 หรือ สถานีตำรวจ/กองกำกับการ โทร. 077387111 )
เลขคำแจ้งความที่ CC7105526801227G

เนื่องจาก ผู้รับเหมาเดินเสาไฟฟ้ากล่าวว่า การไฟฟ้าสุราษฯ เป็นผู้ปักเสาร์ไฟฟ้าเอง น่าจะเป็นสาเหตุให้เสาไฟฟ้าล้มทับนายธนภัทร แก้วกาญจน์ จนเสียชีวิต แล้วหน่อยงานไหนจะออกมารับผิดชอบ ต้องติดตามตอนต่อไป

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 68 ในกรณีที่ลูกชายหัวแก้วหูแหวน เสาหลักของบ้านได้เข้าทำงานกับผู้รับเหมาของการไฟฟ้าได้ 6 วัน กลับต้องมาสังเวยชีวิต เนื่องด้วยถูกเสาไฟล้มทับ จนเสียชีวิตคาที่เกิดเหตุ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้รับเหมาจะเยียวยา 2 แสนบาท แล้วปิดคดี แต่ทางบ้านเสียค่าทำศพให้ลูกชายไป 2 แสนกว่าบาทแล้ว ในตอนแรกลั่นว่าจะให้ล่วงหน้า 40,000 บาท ญาติขอเพิ่มอีก 30,000 บาท ในเบื้องต้น สรุปไม่ว่าจะ 30,000 หรือ 40,000 หรือจะเป็น 2 แสน ก็ยังไม่ได้สักแดงเดียว

ญาติร้องขอความเป็นธรรม เท่าที่จะมีที่ไปร้อง แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับเลย ญาติท้อใจเป็นอย่างมากโดยเฉพาะผู้เป็นมารดา ร้องไห้คร่ำครวญปานจะขาดใจเสียตรงนั้นให้ได้ จึงร้องข้ามจังหวัดจากสุราษฎร์ธานี มายังadmin เพจดัง ของเมืองแปดริ้ว
เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากญาติของผู้เสียชีวิต admin ตกลงรับปากที่จะช่วยเหลือ และจะมีทีมข่าวพร้อมทนายความ ยิงตรงลงใต้ ช่วยจัดการในเรื่องนี้ แต่ admin คงไม่ได้ไปด้วย ได้แต่ส่งทีมงานที่มีคุณภาพไป เนื่องจากทีมงานต้องนั่งเครื่องบิน ส่วน admin กลัวเครื่องบินจะตก เลยขอไม่ไปดีกว่า ขอประสานงานอยู่ที่แปดริ้วจะดีกว่า

ฝ่ายทางผู้รับเหมาได้อ้างว่า ตนเองนั้นมีสถานะทางการเงินไม่ค่อยจะดีนัก และไม่ใช่คนรวยตอนนี้ก็ไม่มีเงิน ขัดสนไปหมด สรุปง่ายๆกะว่าจะเบี้ยวนั่นแหละ #เลยขอแถลงสถานะทางบ้านสักนิด บอกว่าไม่ค่อยมีฐานะ เงินไม่มี แต่ดูเอาแล้วกันนะครับ รถเกือบ 20 คัน อุปกรณ์แต่ละอย่าง รถเบนซ์อีก 1 คัน บ้านหลังโตสุดหรูอีก 1 หลัง คร่าวๆก็น่าจะประมาณ 30 กว่าล้านบาท ขายรถสักคันหนึ่งยังไม่เจ๊งเลย ตรงไหนที่ผมพูดไม่ถูก และยังมีกรณีที่ไปยกเลิกสัญญาของประกันสังคม

บอกว่าล้มเลิกธุรกิจแล้ว แล้วยังประกอบธุรกิจอันนี้หมายความว่ายังไง คงต้องสอบกันยาว อ้างว่าการไฟฟ้าไม่รับผิดชอบ แต่เขาอยู่ในความดูแลของคุณ คุณเป็นนายจ้าง คุณก็ต้องรับผิดชอบสิ หรือผมพูดไม่ถูก ผู้เสียชีวิตเป็นเด็กดี ทำงานส่งเสียน้องๆได้ร่ำเรียน บ้านฐานะยากจน และต้องดูแลพ่อที่ป่วยอีก ถือเป็นเสาหลักของบ้านโดยแท้จริง แต่มนุษย์ที่เห็นแก่ได้อย่างเดียว ก็มักจะเป็นแบบนี้ไม่ค่อยเห็นใจคนอื่น งานศพไปทุกคืน แต่ก็ยังไม่เยียวยาอะไร ไปให้เขาถ่ายรูป แบบว่าได้หน้าเพราะว่าข้าไปงานทุกคืน ไปแต่ตัวเงินไม่จ่าย ไปเพื่อ
….คืนสุดท้ายอารมณ์ไม่ดีด้วย ทุบโต๊ะในงานศพอย่างแรง แล้วลั่นว่า กลับดีกว่าไม่งั้นมีเรื่องแน่

สุดท้ายอยากจะบอกว่า หากในวันนี้กลับกลายเป็นลูกของคุณ ที่ต้องมาจบชีวิตในสถานการณ์แบบนี้ถามว่าถ้าผู้ว่าจ้าง เขาเป็นแบบที่คุณเป็นอยู่ในทุกวันนี้ แล้วไม่เยียวยาอะไรเลย คุณจะมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง กับการต้องเสียลูกชายไป และนายจ้างยังไม่มีทีท่าว่าจะเยียวยาสักแดงเดียว…….มนุษย์คิดได้ก็คือมนุษย์ ถ้ามนุษย์คิดไม่ได้ก็คือ…… ทีมข่าวแปดริ้วจะใช้ความสามารถที่มีอยู่ ให้เกิดประโยชน์ที่สุด เพื่อคืนความเป็นธรรม ให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตให้ได้….

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ชาวสวรรคโลกจัดผ้าป่าสามัคคีมอบโรงพยาบาลสวรรคโลกจัดซื้อครุภัณฑ์ตึกใหม่

ชาวสวรรคโลกจัดผ้าป่าสามัคคีมอบโรงพยาบาลสวรรคโลกจัดซื้อครุภัณฑ์ตึกวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 พระวัชรสิริคุณ (หลวงน้าเสน่ห์ สิริวฑฺฒโน) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย พระครูสุขุมธรรมนิเทศก์ เจ้าคณะอำเภอสวรรคโลก เจ้าอาวาสวัดท่าเกษม

นายเอนก วิทยาพิรุณทอง นายอำเภอสวรรคโลก หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนชาวอำเภอสวรรคโลก ได้ร่วมพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทบทุนจัดซื้อครุภัณฑ์รองรับการเปิดให้บริการอาคารผู้ป่วยนอก 6 ชั้น ของโรงพยาบาลสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย ในวันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พุทธศักราช 2568ตรงกับวันแรม 6 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง

โดยมีนายแพทย์พงษ์ศักดิ์ ราชสมณะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวรรคโลก รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย (ด้านเวชกรรมป้องกัน คนที่ 3) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสวรรคโลก ให้การต้อนรับคณะสงฆ์ แขกผู้มีเกียรติ หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนผู้มีจิตศรัทธา

ณ ห้องประชุมพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร (อาคารหลวงน้าเสน่ห์ ชั้น 3) ภายในงานมีการเจริญพระพุทธมนต์ ถวายภัตตาหารเพล และประกอบพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีอย่างพร้อมเพรียง บรรยากาศเป็นไปด้วยความปลื้มปีติและจิตเมตตา ในการร่วมสืบสานบุญกุศลเพื่อสนับสนุนการพัฒนางานบริการของโรงพยาบาล

สำหรับยอดเงินที่ได้รับจากการทอดผ้าป่าสามัคคีในครั้งนี้ โรงพยาบาลสวรรคโลกได้รับเงินสดรวมทั้งสิ้น 811,094 บาท แยกเป็นจาก คณะสงฆ์ 392,711บาท และจากฝ่ายฆราวาส 418,383 บาท โดยยังไม่รวมยอดที่มีการโอนเข้าบัญชี ซึ่งยังคงทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โรงพยาบาลจะได้สรุปยอดรวมสุทธิอีกครั้งในวันที่ 31พฤษภาคม 2568และจะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป
กิตติ พรดวงจันทร์ สุโขทัย

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง