สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พ.ต.ท.ธงชัย เนื่องพืช นย.ทต.บ้านถิ่นฯ ร่วมประชุมชี้แจงการเตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝน

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2568ณ ศาลาอเนกประสงค์ หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านถิ่น อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ พันตำรวจโท ธงชัย เนื่องพืช นายกเทศมนตรีตำบลบ้านถิ่น นายรักษา ถิ่นหลวง นายสมพงษ์ เหมืองหม้อ รองนายกเทศมนตรีฯ พันตำรวจโทประพันธ์ ธุระกิจ ที่ปรึกษา นายแก้วศักดิ์ โป่งสม เลขานายกฯ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลบ้านถิ่นฯ

ทนายวินัย ทองคุ้ม ที่ปรึกษากิตติ มศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลบ้านถิ่น นางอัจฉรา นันต๊ะยานา ประธานสภาเทศบาลตำบลบ้านถิ่น นายกฤษกร ขยันการ รองประธานสภาเทศบาลฯ เข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงข้อมูลแก่ประชาชนในพื้นที่ตำบลบ้านถิ่น ที่มีที่ดินติดกับ ลำเหมืองร่องฮ่าง และลำเหมืองหัวไหน่

การประชุมในครั้งนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง เทศบาลตำบลบ้านถิ่นกับกรมชลประ ทานจังหวัดแพร่ โดยมี ฝ่ายปกครองตำบลบ้านถิ่นนำโดย นายภาสกร หม้อกรอง กำนัน ตำบลบ้านถิ่น เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการชี้แจงแผน

การดำเนินงาน กำจัดสิ่งกีด ขวางทางลำน้ำ ในพื้นที่ลำเหมืองดังกล่าว โดยมีวัตถุ
ประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในการระบายน้ำให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ ป้องกันปัญหาอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน

มีประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมรับฟังข้อมูลจำนวนมาก พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นและเกิดประโยชน์ต่อชุมชนโดยรวม “เทศบาลตำบลบ้านถิ่นจะดำเนินงานโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ พร้อมรับฟังทุกความคิดเห็นเพื่อพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน”

cr. @สท กฤษกร ขยันการ
ธีรพงษ์ ธงออน/แพร่
061-595-5297

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดการแข่งขันวิ่งแหวกทะเล สู่เกาะพิทักษ์ อ.หลังสวนมินิมาราธอน ครั้งที่ 19 จ.ชุมพร

วันนี้(22 มิ.ย. 68)นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นางพณณกร ชูกิตติวิบูลย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร, ว่าที่ร้อยตรีกิตติภพ

รอดดอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร, นายจีรศักดิ์ แสงหอย นายอำเภอหลังสวน ร่วมเปิดงาน วิ่งแหวกทะเลสู่เกาะพิทักษ์ หลังสวนมินิมาราธอน ครั้งที่ 19 ประจำปี 2568

ซึ่งเป็นการแข่งขันวิ่งจากฝั่งข้ามไปยัง “เกาะพิทักษ์” เป็นระยะทาง 14 กิโลเมตร เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์จังหวัดชุมพร พร้อมกับการออกกำลังกาย และการส่งเสริมการเพิ่มรายได้ของประชาชนในท้องถิ่นจังหวัดชุมพร

โดยอำเภอหลังสวน ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร องค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำจืด และเทศบาลตำบลปากน้ำหลังสวน จัดโครงการวิ่งแหวกทะเลสู่เกาะพิทักษ์ หลังสวนมินิมาราธอน ครั้งที่ 19 ประจำปี 2568 ซึ่งเป็นการ

จัดการแข่งขันวิ่ง “หนึ่งเดียวในสยาม” ที่แตกต่างจากการแข่งขันมินิมาราธอนทั่วไป ด้วยการ “วิ่งแหวกทะเล” จากฝั่งข้ามไปยัง “เกาะพิทักษ์” เป็นระยะทาง 14 กิโลเมตร เริ่มปล่อยตัวบริเวณเรือจำลองจักรีนฤเบศร ปากน้ำหลังสวน

ใช้เส้นทางถนนเลียบชายทะเลที่สวยงาม และเข้าสู่เส้นชัยบนเกาะพิทักษ์ซึ่งอยู่ห่างฝั่งประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งจะต้องวิ่งลุยน้ำทะเล ระดับน้ำประมาณ 30 เซนติเมตร

นอกจากนี้ ยังมีการแข่งขัน “วิ่งฟันรัน” ระยะทางเพียง 3 กิโลเมตร มีจุดปล่อยตัว ณ ศูนย์หมู่บ้าน หมู่ที่ 13 ตำบลบางน้ำจืด อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร และเข้าเส้นชัยที่เกาะพิทักษ์เช่นกัน ซึ่งวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดชุมพร อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการออกกำลังกาย และสร้างความสามัคคี รักษาประเพณีอันดีงามไว้สืบไป

สำหรับกิจกรรมการจัดงานวิ่งแหวกทะเลสู่เกาะพิทักษ์ หลังสวนมินิมาราธอน ครั้งที่ 19 ประจำปี 2568 ได้จัดให้มีการแข่งขัน แยกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทมินิมาราธอน เส้นทางวิ่งประมาณ 14 กิโลเมตร จุดเริ่มต้นจากเรือจำลองจักรีนฤเบศร ตำบลปากน้ำ สู่เกาะพิทักษ์ และประเภทฟันรัน เส้นทางวิ่งประมาณ 3 กิโลเมตร

จุดเริ่มต้นจากศูนย์เรียนรู้และขับเคลื่อน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงบ้านท้องครก หมู่ที่ 13 ตำบลบางน้ำจืด อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร จุดเส้นชัย ณ เกาะพิทักษ์ โดยผู้เข้าเส้นชัยลำดับที่ 1 ถึง 5 ทุกคน จะได้รับถ้วยรางวัลและผู้ที่วิ่งเข้าเส้นชัย จะได้รับเหรียญรางวัลทุกคน นอกจากนี้ยังมีรางวัลโอเวอร์ออ , รางวัลสำหรับนักวิ่งชาวต่างชาติ, และมีเงินรางวัลและถ้วยรางวัล มอบให้เป็นที่ระลึก สำหรับนักวิ่งที่แต่งกายชุด แฟนตาซีทุกคน

กิจกรรมวิ่งแหวกทะเลสู่เกาะพิทักษ์ หลังสวนมินิมาราธอน ถือเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ประชาชนร่วมออกกำลังกาย เสริมสร้างสุขภาพให้มีความแข็งแรงสมบูรณ์ อีกทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ แหล่งท่องเที่ยวร้านอาหาร และสถานที่พักผ่อนในพื้นที่อำเภอหลังสวน รวมไปถึงของดีของเด่นในจังหวัดชุมพร ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ สถานที่ท่องเที่ยว

การเป็นอยู่ ประเพณีวัฒนธรรมของชาวจังหวัดชุมพร ให้เป็นที่รู้จักของประชาชนโดยทั่วไป พร้อมกับการเพิ่มรายได้ของประชาชนในท้องถิ่นและส่งเสริมให้ประชาชนในท้องถิ่นหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะนักวิ่งจากต่างจังหวัด ได้สัมผัสกับเส้นทางวิ่งที่แปลกไม่เหมือนที่ใด มีเส้นทางวิ่งที่โค้ง ลาดเอียง สูงชัน และพิเศษสุดคือต้องวิ่งข้ามทะเลไปยังจุดหมาย เส้นชัย ณ เกาะพิทักษ์ อีกด้วย

ธนากร โกศลเมธี ภาพ/ข่าว รายงาน 0818923514

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดแข่งขัน OFF-ROAD เชื่อมสัมพันธ์ไทย-มาเลเซีย จ.นราธิวาส คาดเงินสะพัดในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

วันที่ 22 มิ.ย.68 ที่บริเวณหลังมัสยิดตันหยงมัส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส มอบหมายให้ นายวิชาญ เศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดการแข่งขัน OFF-ROAD เชื่อมสัมพันธ์ไทย-มาเลเซีย ซึ่งจัดต่อเนื่องครั้งที่ 6 ประจําปี 2568

ตามโครงการส่งเสริมและยกระดับกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ชายแดนใต้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยว และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับพื้นที่อำเภอระแงะและพื้นที่อำเภอใกล้เคียง โดยมี นาย

ณรงค์ สังข์ประสิทธิ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนราธิวาส ปลัดจังหวัดนราธิวาส นายอำเภอระแงะ และผู้เข้าแข่งขันจากประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย เข้าร่วมงาน ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมงานจำนวนมากนายวิชาญ เศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า

การแข่งขัน OFF-ROAD ครั้งนี้ เป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของจังหวัดนราธิวาส และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวได้เข้ามาท่องเที่ยวตลอดทั้งปี อีกทั้งยังเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ และมอบความสุขให้ชาวนราธิวาส อีกด้วย

การแข่งขัน OFF-ROAD ในครั้งนี้ จัดโดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนราธิวาสร่วมกับ ภาคีเครือข่าย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน กำหนด

จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 22 มิถุนายน 2568 ประกอบด้วย กิจกรรมการแข่งขัน รุ่นเอ็นดูโร่ และรุ่นปีกนก รวมผู้เข้าแข่งขันทั้งสิ้น 300 คน จำนวน 80 คันรถ
//////////////////////////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “เสน่ห์กาแฟน่าน Charming Nan Coffee” ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของจังหวัดอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน

นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ #ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “เสน่ห์กาแฟน่าน Charming Nan Coffee” ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน โดยมีเครือข่ายและผู้ประกอบการกาแฟ มาร่วมออกร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์กาแฟ และมีภาคส่วนราชการ และประชาชนทั่วไป ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรม เมื่อวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2568 เวลา 17.00 น. ณ ข่วงเมืองน่าน (ข่วงน้อย) จังหวัดน่าน

นางสาวนพรัตน์ ศตะรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน กล่าวว่า #สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน ได้จัดงาน “งานเสน่ห์กาแฟน่าน Charming Nan Coffee” ซึ่งจัดขึ้นภายใต้โครงการ ท่องเที่ยวเชิงเกษตรสร้างสรรค์ มูลค่าสูง สู่การพัฒนากาแฟน่าน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเสน่ห์ของกาแฟคุณภาพจากผืนดินน่าน

และขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของจังหวัดอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน ซึ่ง กาแฟน่าน ขณะนี้ เป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพ ทั้งรสชาติและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ กาแฟจากน่านสามารถคว้ารางวัลจากเวทีต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นที่ต้องการอย่างสูงในตลาด ทั้งในและต่างประเทศ

#จังหวัดน่าน ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนากาแฟในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการเพาะปลูก การตลาด ตลอดจนการเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ซึ่งโครงการนี้ ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากจังหวัดน่าน และดำเนินการโดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมศักยภาพของชุมชน พัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวสายกาแฟ และสร้างรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

โดยก่อนหน้านี้ โครงการฯ ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อวางรากฐานและประชาสัมพันธ์เส้นทางกาแฟของจังหวัดน่าน ได้แก่ การจัด Workshop การจัดกิจกรรม Blogger Fam Trip การรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นของแหล่งกาแฟ และการจัดทำคู่มือเส้นทางท่องเที่ยวกาแฟ เพื่อสร้างความเข้าใจและเชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับวิถีชีวิตของชาวน่านอย่างแท้จริง

สำหรับ “งานเสน่ห์กาแฟน่าน” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20–21มิถุนายน 2568 โดยภายในงานพบกับกิจกรรมมากมาย อาทิ บูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากกาแฟ เมล็ดกาแฟคุณภาพ ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกาแฟ และสินค้า OTOP การสาธิตและ

Workshop การชงกาแฟ โดยผู้เชี่ยวชาญ การแสดงดนตรีเพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่สะท้อนความตั้งใจของจังหวัดน่าน ในการผลักดันกาแฟให้เป็นมากกว่าสินค้าเกษตร แต่คือเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนในอนาคต/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / แขวงทางหลวงชนบทนครราชสีมา เตือน”ทิ้งขยะในเขตทางหลวงชนบทมีโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี”

ขอความร่วมมือ ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนและผู้อยู่อาศัยริมเขตทางหลวงชนบท ช่วยสอดส่อง รักษาความสะอาดเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนนายไพรวรรณ์ เขียวอ่อน ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทนครราชสีมาเตือนประชาชน “ห้ามทิ้งขยะในเขตทางหลวงชนบท” ซึ่งก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่เดิน ทางสัญจรไป – มา เช่น การทิ้งขยะออกจากรถยนต์ที่แล่นอยู่บนท้องถนน การเทน้ำเสียทิ้งบนท้องถนนหรือเท

ทิ้งริมเขตทางหลวงชนบท จนไหลเข้ามาบนทางจราจร การทิ้งเศษวัสดุก่อสร้างในเขตทางหลวงขนบทที่อยู่ติดริมทางจราจร การบรรทุกหิน ดิน ทราย ท่อนไม้ ยางพาราหรือสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ใช้อุปกรณ์ปิดคลุมหรือผูกมัดสิ่งเหล่านั้นให้ดี ทำให้สิ่งของดังกล่าวร่วงหล่นบนทางจราจรหรือไหล่ทาง อาจส่งผลให้เกิด

อุบัติเหตุแก่ผู้ใช้ทางได้ถือว่าเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2535 มาตรา 45 “ห้ามมิให้ผู้ใดทิ้งขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูล น้ำเสีย น้ำโสโครก เศษหิน ดิน ทราย หรือสิ่งอื่นใดในเขตทางหลวงหรือการกระทำด้วยประการใด ๆ เป็นเหตุให้ขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูล เศษหิน ดิน ทราย ตกหล่นนทางจราจรหรือไหล่ทาง” หากฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา 72 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ขอความร่วมมือจากประชาชนอย่านำขยะมาทิ้งในเขตทางหลวงชนบทโดยเฉพาะทางหลวงสาย ฉ หมายเลข1111 ช่วงกม.5 ขาออกไปทางขอนแก่นและกม.3 ขาไปจ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีการลักลอบนำขยะมาทิ้งในบริเวณดังกล่าวจำนวนมากโดยส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณดังกล่าว ซึ่งแม้จะมีการติดป้ายห้ามทิ้งขยะไว้แต่ก็ยังมีผู้ที่ลักลอบนำขยะมาทิ้ง เป็นการทำให้ทัศนียภาพไม่น่าดูและเสียภาพลักษณ์ของจังหวัดนครราชสีมา โดยทางแขวงฯต้องเสียงบประมาณในการจัดเก็บขยะไปทิ้งจำนวนมาก

ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทนครราชสีมา กล่าวอีกว่า แขวงทางหลวงชนบทนครราชสีมาจะนำกล้องcctv มาติดตั้งในบริเวณที่มีการลักลอบทิ้งขยะ ซึ่งหากตรวจพบว่าผู้ใดนำขยะมาทิ้งในเขตทางจะมีการแจ้งความดำเนินคดีทุกราย
ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นว่ามีการกระทำความผิดดังกล่าวในเขตทางหลวงชนบท โปรดแจ้งสายด่วน 1146 เพื่อร่วมดูแลรักษาความสะอาดบนท้องถนนให้เกิดความสะดวก ปลอดภัยต่อประชาชนและลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯ อุตรดิตถ์ เปิดงานมวยไทยพระยาพิชัยดาบหักและมวยท่าเสา”ดัน Soft power 21-22 มิถุนายน 2568

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2568 เวลา 17.09 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดใหญ่ท่าเสา ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานเปิดงานมวยไทยพระยาพิชัยดาบหักและ

มวยท่าเสาพร้อมด้วยนางสายสมร ทองกองทุน รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ นายสุรพันธ์ เจริญทรัพย์ วัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้บริหารสถานศึกษาและสื่อมวลชน ร่วมพิธี

นายสุรพันธ์ เจริญทรัพย์ วัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า การจัดงานพระยาพิชัยดาบหักและมวยท่าเสา มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระคุณและ

วีรกรรมที่กล้าหาญของพระยาพิชัยดาบหัก รวมทั้งเพื่อสืบสาน รักษา และพัฒนาต่อยอดมรดกภูมิปัญญาด้านมวยไทยพระยาพิชัยดาบหักและมวยท่าเสา และเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับประชาชนและชุมชนคนอุตรดิตถ์

โดยภายในงานประกอบด้วย พิธีบวงสรวง พิธีรำไหว้ครู และการจัดนิทรรศการมวย การออกบูธของค่ายมวยเพื่อเรียนรู้และฝึกทักษะ เทคนิค จากค่ายมวยสายท่าเสาและพระยาพิชัยดาบหัก การแสดงศิลปวัฒนธรรม การแสดงดนตรี การชกมวย และการชม ชิม ช้อป

อาหารพื้นถิ่น สินค้าทางวัฒนธรรม ของดี ของเด่น ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-22 มิถุนายน 2568 โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกรม

ส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมีสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นฝ่ายเลขานุการจัดงาน

จึงขอเชิญชวน นักท่องเที่ยว ผู้สนใจ หรือประชาชนทั่วไป มาเที่ยวงานมวยไทยพระยาพิชัยดาบหักและมวยท่าเสา ระหว่างวันที่ 21-22 มิถุนายน 2568 ณ วัดใหญ่ท่าเสา ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ มาตื่นตา ตื่นใจ

เรียนรู้มวยไทยพระยาพิชัยดาบหักและมวยท่าเสา และยังอิ่มกายกับอาหารพื้นถิ่นของดีจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อช่วยกันขับเคลื่อน Soft Power มวยไทยพระยาพิชัยดาบหักและมวยท่าเสา ของจังหวัดอุตรดิตถ์ร่วมกันต่อไป

ภาพ/ข่าว นาคา คะเลิศรัมย์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตร.ภาค 5 จัดกิจกรรมจิตอาสาประกอบเลี้ยงอาหารและขนมให้กับเด็กนักเรียนและบุคลากร รร.สอนคนตาบอดภาคเหนือ

20 มิถุนายน 2568 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ภ.5 นำคณะข้าราชการตำรวจจิตอาสา ประกอบด้วย พ.ต.อ.ฐาปนพงษ์ ชัยรังษี รอง ผบก.อก.ภ.5 , พ.ต.อ.หญิงสุธิดา สมิทธิไกร ผกก.ฝอ.2 บก.อก.ภ.5 และข้าราชการตำรวจในสังกัด บก.อก.ภ.5 จำนวน 20 นาย

พร้อมด้วยภาคเอกชน ประกอบด้วย คุณภัทรวัลย์​ อวดตัว​, คุณจินดารัตน์ นันตัง ,คุณอารีย์ ศรีวิชัย และ มูลนิธิสายใยความหวัง โดยคุณนาธาน อึนบิน คิม, คุณโจอัน คิยงฮวา ลี, คุณโจแช คิม ได้ร่วมกันกิจกรรมจิตอาสาประกอบเลี้ยงอาหารและขนมให้กับเด็กนักเรียนและบุคลากร รร.สอนคนตาบอดภาคเหนือ เพื่อเทิดพระเกียรติ แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568

โดยมี คุณสุวิทย์ สุทาลา
ผอ.โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือในพระบรมราชินูปถัมภ์ จังหวัดเชียงใหม่ และบุคลากรในสังกัดร่วมให้การต้อนรับและร่วมจัดทำขนม Frence Toast เสิร์ฟพร้อมผลไม้ นม ไอศกรีม ยาคูลย์ และขนมขบเคี้ยว ให้กับเด็กนักเรียน รวมจำนวน 50 คน และมอบสลัดผักสด ให้กับบุคลากรของโรงเรียน จำนวน 60 กล่อง โดยการประกอบการจัดทำขนมเมนูดังกล่าว เป็นการต่อยอดของโครงการส่งเสริมการฝึกอาชีพของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภาค 5

ซึ่งข้าราชการตำรวจและครอบครัว ตลอดจนสมาชิกและประชาชนโดยทั่วไปสามารถเข้าร่วมโครงการดังกล่าวได้ทุกวันพุธของทุกสัปดาห์ เวลา 11.30 – 13.00 น. เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ณ ห้องชมรม English Corner@Police 5 ทั้งนี้การจัดกิจกรรมจิตอาสาดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมของตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อเทิดพระเกียรติ แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568////

สมจิตรแสงบันลังค์รายงาน.

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / รมว.ยุติธรรมลงพื้นที่เวทีประชาจิตอาสารับฟังเสียงสะท้อนปัญหายาเสพติดในพื้นที่ อ.ตากใบ 1 ใน 11 อำเภอของ จ.นราธิวาส 150 ชุมชน

ใน จชต. ที่อาคารเอนกประสงค์ องค์การบริหารส่วนตำบลไพรวัน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ร่วมกิจกรรมเวทีประชาจิตอาสา เอาชนะยาเสพติด เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนเกี่ยวกับการบำบัดรักษายาเสพติดในพื้นที่ ต.ไพรวัน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยมีพล.อ.วิชาญ สุขสง ประธานยุทธศาสตร์การแก้ปัญหายาเสพติดภาคประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ พลตำรวจโท พัฒนวุธ อังคะนาวิน ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายแพทย์เอกวิทย์ จินดาเพ็ชร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส นายแพทย์ภุชงค์ วงศ์หิรัญรัชต์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตากใบ นายสุรินทร์ จันทร์เทพ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ร่วมเวทีประชาจิตอาสาในครั้งนี้

สำหรับเสียงสะท้อนปัญหาจากประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการบำบัดรักษายาเสพติดนั้น  1. สถานที่บำบัดรักษาของรัฐไม่เพียงพอ โดยปัจจุบันหอผู้ป่วยมินิธัญญารักษ์บ้านแสงอรุณ ณ โรงพยาบาลตากใบ สามารถรองรับผู้ป่วยยาเสพติดตั้งแต่ระยะ Acute Care จำนวน 5 เตียงและการบำบัดรักษาแบบระยะกลาง Inter-mediate Care (IMC) จำนวน 15 เตียง รวมทั้งสิ้น 20 เตียง ซึ่งครอบคลุมทุกพื้นที่ในจังหวัดนราธิวาส ซึ่งไม่เพียงพอต่อการรักษา  2. สถานบำบัดเอกชนมีค่าใช้จ่าย ทำให้ครอบครัวผู้บำบัดเดือดร้อน หลายครอบครัวไม่มีเงินพอที่จะเข้ารับการบำบัด ทำให้ไม่สามารถส่งผู้ติดยาเสพติดเข้านับบำบัดได้

ทั้งนี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ร่วมกับ  สส.จ.นราธิวาส โดย รพ.ตากใบได้แจ้งความประสงค์ขอใช้และปรับปรุงพื้นที่ และสถานที่เพื่อการควบคุมตัวและสถานที่เพื่อการตรวจพิสูจน์ เรือนจำชั่วคราวโคกยามู ตำบลไพรวัน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เพื่อเป็นจังหวัดนำร่องเร่งรัดการบำบัดรักษาฟื้นฟูสภาพทางสังคม ป้องกันและปราบปราม ยาเสพติด และเพื่อให้โรงพยาบาลตากใบใช้เป็นอาคารมินิธัญญารักษ์ สำหรับบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติด ซึ่งมีเนื้อที่ 9 ไร่ รองรับผู้บำบัดจำนวน 140 เตียง เป็นสถานที่บำบัดรักษา  โดยปัจจุบันได้รับอนุญาตจากราชทัณฑ์ ให้ใช้พื้นที่แล้ว ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเห็นชอบที่ให้มีสถานบำบัดรักษา ซึ่งเป็นสถานที่ปลอดภัยเพื่อรองรับผู้เข้ารับการบำบัด และพร้อมสนับสนุนภาคประชาชนในการเข้ามามีส่วนร่วมในการบำบัดรักษา และจะผลักดันให้มีนโยบายบำบัดรักษาฟรี 

ด้านพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่าสำหรับปัญหายาเสพติดในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอ ได้มียุทธการที่จะแก้ปัญหาร่วมกันก็คือเป็นเรื่องของพลังของจิตอาสา ตั้งแต่ประชาชน ชุมชน ข้าราชการเพื่อเอาชนะยาเสพติด และที่สำคัญที่สุดพอไปสำรวจจริงๆก็คือสถานที่บำบัด เพราะเรามีทั้งยาเสพติดที่เป็นจากเคมีสังเคราะห์ เช่น ยาบ้า และเรามีทั้งยาเสพติดที่เป็นพืช เช่นพืชกระท่อม และกัญชา ที่พบว่าปริมาณผู้ใช้และผู้เสพเยอะ ซึ่งเรายังขาดศูนย์บำบัด ซึ่งในความเข้าใจเรื่องการบำบัดหรือการฟื้นฟูระหว่างกระทรวงสาธารณสุข ราชการ กับประชาชนหรือคนทั่วไป ซึ่งคนทั่วไปเข้าใจว่าการบำบัดคือการเอาตัวออกจากชุมชนแล้วไปอยู่ที่กักตัวไว้หรืออยู่ในที่ที่ไม่สามารถกลับไปในหมู่บ้านได้ประมาณ 4 เดือน โดยในระบบสาธารณสุขมีเตียงไม่พอ ซึ่งถ้าไม่มีอาการรุนแรง ทางโรงบาลก็ให้กลับไปอยู่บ้าน ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่เราไม่ได้

เตรียมการหมู่บ้านไว้เพราะในหมู่บ้านเองทุกคนก็ต้องไปทำงานเลย แล้วก็ผู้ที่เข้าไปเมื่อต้องการใช้ยาขึ้นมาก็จะเป็นปัญหา ก็เลยอยากจะมีสถานที่ปลอดภัยสำหรับให้คนไปอยู่แล้วก็ได้รับการดูแล ได้รับการถอนยา ได้รับการฟื้นฟู ซึ่งตอนนี้ก็อยากได้สถานที่บำบัด ในที่นี้ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ริเริ่มก็คือพลังของจิตอาสาที่ลุกขึ้นถามว่าที่ดินที่โคกยามูที่เป็นเรือนจำเก่า โครงสร้างถ้ามาบูรณะยังสามารถที่จะเอาเป็นสถานที่บำบัดได้ เลยขอขึ้นมาโดยฝ่ายสาธารณสุขจะได้มีแพทย์ไป ซึ่งตอนทางกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้แล้วก็เลยมาบอกประชาชน เพราะจากการติดตามของจิตอาสา 1 ตำบลมี 10 หมู่บ้าน หมู่บ้านละ 100 คนก็ 1,000 คน อย่างน้อยสถานที่แห่งนี้ก็จะได้เป็นที่พักการรักษาและการฟื้นฟู ซึ่งเป็นไปได้ว่าในเนื้อที่ 9 ไร่ สามารถสร้างอาชีพ สร้างการศึกษาให้กับผู้ติดยาเสพติดได้ ก็เป็นรูปแบบหนึ่งเป็นโมเดลหนึ่ง อยากให้ทำเป็นโมเดล ซึ่งถ้าโมเดลนี้ทำได้ ต่อไปก็อยากได้เป็นโรงเรียนร้าง เป็นเหมือนศูนย์พักคอยระหว่างจะไปหาหมอ และระหว่างที่จะส่งกลับเข้าหมู่บ้าน แล้วถ้าเป็นจิตเวชก็พักไว้ที่นี่ก่อน

จากบริบทของแต่ละพื้นที่ ซึ่งอันนี้ก็เป็นรูปธรรมอันหนึ่งถือว่าเป็นการจับต้องได้ และในพลังจิตอาสาเพื่อเอาชนะยาเสพติดนั้น พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็น ประธานมีแนวโน้มที่จะพัฒนาค่อนข้างเยอะ และในเรื่องผู้ที่บำบัดแล้วกลับมาเสพซ้ำนั้น เรามีปริมาณค่อนข้างเยอะในต่างประเทศเกือบ 50 % ส่วนในประเทศไทยนั้นมี 20% ซึ่งถ้าเขาไม่มีอาชีพรองรับ ไม่มีคุณค่าในสังคม ไม่มีการศึกษา ไม่มีมีงานรองรับ เขาก็จะหวนกลับไปอีก โดยรัฐบาลต้องให้เขามีอาชีพมีงานทำ ซึ่งเราต้องมาร่วมกันเพราะว่า การสร้างอาชีพ โดยเฉพาะในพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาสเป็นพื้นที่ชายแดน เราต้องพัฒนาเรื่องการท่องเที่ยว ต้องมีการจ้างงานให้เยอะขึ้น ซึ่งผู้บำบัดจะต้องมีการฝึกอาชีพระหว่างบำบัดด้วย ซึ่งเราต้องทำควบคู่กันไปด้วย

ในส่วนของผู้ค้านั้นเรามีความเข้มข้น โดยเฉพาะผู้ค้าที่เข้าใจว่าตัวเองไม่รู้เรื่องเพราะว่าเขาไม่ได้เป็นผู้ขนยาเสพติด แต่ว่าเขาเป็นผู้บงการจ้างวาน ซึ่งเราจะมีมาตรการเรื่องการฟอกเงินการติดตามเรื่องทรัพย์สินเพราะเงินหรือทรัพย์สินเป็นเส้นเลือดใหญ่ของการค้ายาเสพติด ถ้าเราตัดเส้นเลือดใหญ่แล้วเขาจะหยุดและโทษก็รุนแรง โทษถึงจำคุกตลอดชีวิตแล้ว ซึางการติดตามเรื่องการฟอกเงินหรือการดำเนินการพวกนี้เราไม่มีการกลั่นแกล้ง เพราะมันเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ แล้วหลายคนก็เปลี่ยนแทนที่จะเอาเงินไปฝากก็เป็นทรัพย์สินอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ก็มีการดำเนินการอย่างเข้มข้น แล้วเราเองก็จับมือกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งก็น่าจะมีกิจกรรมมีผลงานดำเนินคดีให้เห็น
////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ชาว LGBTQ+ ร่วมแสดงพลังรณรงค์เฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศ พร้อม ให้กำลังใจแม่ทัพ และเหล่าทหารกล้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้านชายแดนไทย-กัมพูชา

***เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 68 ที่บริเวณหน้าโรงแรมพรหมพิมาณ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ ในจังหวัดศรีสะเกษ ได้ร่วมกันร่วมเดินขบวนรำลึกและฉลอง จากจุดเริ่มต้น สู่ชัยชนะแห่ง Pride ไปด้วยกัน ศรีสะเกษไพรด์พาเหรด 2025 เพื่อเป็นการร่วมกันแสดงภาคภูมิใจของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ร่วมกันเฉลิมฉลอง และจะมีการประดับธงสีรุ้ง ที่เป็นสัญลักษณ์ โดยสีทั้งหมดจะมีความหมาย คือ สีแดง ได้แก่ การต่อสู้ หรือ ชีวิต ,สีส้ม คือ การเยียวยา ,สีเหลือง เป็น พระอาทิตย์ ,สีเขียว คือ ธรรมชาติ ,สีฟ้า สีคราม เป็น ศิลปะ ความผสานกลมกลืน และ สีม่วง จะบอกถึง จิตวิญญาณของ LGBTQ

***นายอวิรุทธ์ อรรคบุตร แกนนำเปิดเผยว่า กิจกรรมวันนี้เป็นกิจกรรมที่เปิดพื้นที่ให้คนที่มีความหลากลหายทางเพศได้เข้ามาร่วมรณรงค์ และร่วมเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศร่วมกัน โดยกิจกรรมในวันนี้จะมีการเดินขบวนพาเหรด ซึ่งเรียกว่า ไพรด์ พาเหรด (Pride Parade) เพื่อสนับสนุนสิทธิเสรีภาพของกลุ่ม LGBTQ+ การเปิดเวทีแสดงความคิดเห็น ฟังเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจจากผู้คนหลากหลาย การแข่งขัน Equality Speech เวทีสำหรับทุกคนที่จะมาแสดงพลังแห่งความเท่าเทียม นอกจากนี้ยังมรการร่วมสนุกสุดเหวี่ยงไปกับดนตรีและความบันเทิงเต็มรูปแบบ ซึ่งทุกๆคนสามารถมาร่วมสร้างประวัติศาสตร์และเฉลิมฉลองความหลากหลายไปด้วยกัน

***ด้าน ชาว LGBTQ+ รายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว วันนี้ตนมีความภาคภูมิใจมากที่สังคมทุกวันนี้ยอมรับ และสนับสนุนสิทธิเสรีภาพของกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งวันนี้ตนแต่งตัวมาในชุดทหารสาวเพื่อมาร่วมกิจกรรมและขบวนแห่ และให้เข้ากับสถานการณ์ทุกวันนี้ โดยส่วนตัวไม่อยากให้มีความรุนแรง อยากให้สถานการณ์ชายแดนสงบสุข ไม่อยากจะให้มีการปะทะกัน นอกจากนี้ก็อยากจะให้กำลังใจท่านแม่ทัพ ภาค 2 ในการปกป้องอธิปไตยของชาติ และอยากให้ท่านแม่ทัพ ภาค 2 และทหารกล้าทุกท่านที่ปฎิบัติหน้าอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องห่วงข้างหลัง
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / การผลิตทุเรียนคุณภาพ ชุมพร มหกรรมทุเรียนคุณภาพชุมพร Chumphon Durian Expo 2025 (Chumphon DE 2025) / จัดกิจกรรม มหาดไทยสีขาว เพื่อเป็นการรณรงค์ให้เกิดจังหวัดสีขาว

จังหวัดชุมพร ร่วม เอกชน และชุมชนท้องถิ่น เดินหน้าจัดงาน “มหกรรมทุเรียนคุณภาพชุมพร 2025” (Chumphon Durian Expo 2025) เพื่อพัฒนาศักยภาพเกษตรกร ผู้ผลิตทุเรียนคุณภาพสูง ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม หวังเพิ่มมูลค่าการผลิต พร้อมตอกย้ำความเป็นศูนย์กลางทุเรียนภาคใต้ ที่มีผลผลิตเป็นอันดับสองของประเทศ ระหว่างวันที่ 26 – 28 มิ.ย. นี้

นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า จังหวัดชุมพรมีนโยบายในการพัฒนาการผลิตทุเรียน และไม้ผลอื่นๆ ที่เป็นพืชเศรษฐกิจหลัก ด้วยการยกระดับคุณภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ส่งเสริมการผลิตสินค้ามาตรฐานส่งออก โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาส่ง

เสริม สนับสนุนทุกกลุ่มอย่างเต็มที่ โดยปัจจุบันจังหวัดชุมพร เป็นแหล่งผลิตทุเรียนที่สำคัญของประเทศ โดยมีพื้นที่ปลูกและปริมาณผลผลิตทุเรียนเป็นอันดับสองของไทย โดยมีเนื้อที่ปลูกทุเรียน 327,793 ไร่ ปริมาณผลผลิตทุเรียนออกสู่ตลาดกว่า 236,574 ตัน ถือเป็นตลาดรองรับการส่งออกใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ในปีที่ผ่านมามีมูลค่าการส่งออกทุเรียนชุมพรประมาณ 33,257 ล้านบาท ทั้งนี้จังหวัดชุมพร

มีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมในการปลูกทุเรียน เนื่องจากดินน้ำอุดมสมบูรณ์ และสภาพภูมิอากาศขนาบด้วยลมมรสุมทะเล จึงได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ทุเรียนชุมพรสร้างงานให้กับแรงงานในภาคเกษตรกรรมมีรายได้อย่างมั่งคง
“การจัดกิจกรรม “มหกรรมทุเรียนคุณภาพชุมพร 2025” (Chumphon Durian Expo 2025)

ถือเป็นการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพการผลิตทุเรียนชุมพร นำเสนอองค์ความรู้นวัตกรรม และเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นแนวทางให้เกษตรกรใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งสร้างแรงกระตุ้นให้เกษตรกรรักษาคุณภาพมาตรฐานสินค้าของตนเอง และยกระดับคุณภาพของผลผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับกระแสความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ” นายเธียรชัย กล่าว

นายสุบรรณ์ รักษ์ทอง เกษตรจังหวัดชุมพร กล่าวว่า การจัดงาน “มหกรรมทุเรียนคุณภาพชุมพร-Chumphon Durian Expo 2025” จัดขึ้นเพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จ พร้อมรักษามาตราฐานคุณภาพทุเรียนชุมพร ด้วยการนำเทคโนโลยี

ความรู้ และนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ในกระบวนการผลิตของเกษตรกร และเป็นโอกาสอันดีที่จะสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศว่าทุเรียนชุมพรเป็นผลไม้คุณภาพสูงและปลอดภัย
ภายในงานประกอบด้วย 6 กิจกรรม ได้แก่

      ๑.การเสวนาเชิงวิชาการเกี่ยวกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิต เพื่อให้ทุเรียนผลสดเป็นไปตามมาตราฐานสินค้าเกษตร เพื่อการส่งออกและจำหน่ายในประเทศ ประกอบด้วย การเสวนาหัวข้อ: -การจัดการสวนทุเรียนหลังเก็บผลผลิต โดยคุณกิตติพงษ์ ช่วยเมือง (พงษ์ เกษตรทันใจ) นักวิชาการอิสระ เจ้าของช่องยูทูปเกษตรทันใจ น้ำคือชีวิต
- การเสวนาหัวข้อ: การให้น้ำเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพด้านการเจริญเติบโตของทุเรียน โดยคุณหลุยส์ รัตนราช โพธิ์มณี เจ้าของบริษัทระบบน้ำอินฟินิตี้ วอเตอร์ เทค ซิสเต็ม จำกัด

-.การเสวนาหัวข้อ: การปรับตัวของเกษตรกรจังหวัดชุมพรในการผลิตทุเรียน (สภาพอากาศที่เปลี่ยนไป ราคา และตลาดปลายทาง)สู่การพึ่งพาตนเองแนวใหม่ โดย ดร.ฐิระ ทองเหลือ คณบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร
-.การเสวนาหัวข้อ: การดูแลเรื่องโรคในทุเรียนและจัดการแมลงในทุเรียน โดยดร.ปฏิมาพร ปลอดภัย อาจารย์ประจำสาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ คุณวศินี อินศฤงคาร นักศึกษาปริญญาเอก
๒.การจัดประกวดผลผลิตทุเรียนหมอนทอง ทุเรียนเบญจพรรณ และมังคุล ผู้ชนะจะได้รับรางวัลเงินสด พร้อมประกาศนียบัตร  ๓.การแข่งขันกินทุเรียน แข่งขันวิ่งผลัดหาบทุเรียน ชิงรางวัล
๔.กิจกรรม ชิม แชร์ การซื้อสินค้าราคาพิเศษช่วงกิจกรรมนาทีทอง
๕.การแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับทุเรียนตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ โดยมีทั้งหน่วยงานราชการและบริษัท นำความรู้มาร่วมแสดง เช่น ความรู้ในเรื่องการเพิ่มธาตุอาหารให้ดิน ระบบน้ำ เครื่องจักรที่ทันสมัย การส่งออกทุเรียน การเพิ่มมูลค่าผลผลิตทุเรียนด้วยการแช่แข็ง บริษัทส่งออกและรับซื้อผลผลิตทุเรียน การตรวจสารตกค้างในทุเรียน บริษัทตัวแทนรับผลผลิตเพื่อไปตรวจสารตกค้าง
๖.ยามค่ำคืนยังจัดให้มีการแสดงดนตรีจากศิลปินที่มีชื่อเสียงอีกด้วย

นางสาวยุพาพร สวัสดี พาณิชย์จังหวัดชุมพร กล่าวถึงมาตรการด้านการตลาดและการช่วยสนับสนุน และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับเกษตรกรจังหวัดชุมพร โดยได้นำสินค้าไปร่วมจำหน่าย ในห้างสรรพสินค้าโมเดิร์นเทรดต่างๆ ทั้งในกรุงเทพมหานคร และ จังหวัดอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีการจัดเจรจาธุรกิจ ระหว่างผู้ประกอบการกับผู้ซื้อทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมทั้งสนับสนุนการสร้างแบรนด์สินค้า เพื่อเพิ่มมูลค่าและสนับสนุนบรรจุภัณฑ์ให้กับกลุ่มเกษตรกร และเกษตรกรรายย่อยเพื่อทำการตลาดออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีมาตรการในการตรวจสอบคุณภาพสินค้า และเครื่องชั่งให้ตรงตามมาตรฐานเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคอีกด้วย นางสาวยุพาพร กล่าว

ด้านนายจาฏพจน์ ไกรมาก ประธานหอการค้าจังหวัดชุมพร กล่าวว่า “งานในปีนี้จะเป็นเวทีสำคัญในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงเป็นโอกาสให้ภาคธุรกิจและเกษตรกรได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ ตลอดจนเป็นการประชาสัมพันธ์ความสามารถและจุดแข็งของจังหวัดชุมพรในด้านการเกษตรผลไม้ในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ”

นอกจากนี้ นายสุรินทร์ เหล่าพัทรเกษม เจ้าของเพจชุมพรฟ้าใหม่ “ยังได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมงานและกิจกรรมเสริมในพื้นที่ว่างาน มหกรรมทุเรียนคุณภาพชุมพร 2025 (Chumphon Durian Expo 2025) เปิด

โอกาสให้ทุกคนได้สัมผัสบรรยากาศงาน ชิมผลไม้สดใหม่ หารายละเอียดเกี่ยวกับการปลูกและการแปรรูปทุเรียน รวมทั้งการเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดชุมพร ซึ่งมีทั้งธรรมชาติอันงดงาม วัฒนธรรมพื้นบ้าน และอาหารพื้นเมืองที่อร่อยไม่แพ้ใคร”

เชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมชมงาน “มหกรรมทุเรียนคุณภาพชุมพร 2025” (Chumphon Durian Expo 2025) ระหว่างวันที่ ถึง 26- 28 มิถุนายน 2568 เวลา13 .00 -23 .00 น. ที่โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ตำบลบางลึก อำเภอเมืองชุพร จังหวัดชุมพร

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514

จัดกิจกรรม มหาดไทยสีขาว เพื่อเป็นการรณรงค์ให้เกิดจังหวัดสีขาวอย่างเป็นรูปธรรม และป้องกันมิให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

วันที่ 19 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 09.30 - 15.00 น.   นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร  ว่าที่ร้อยตรี กิตติภพ รอดดอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายอภิชาติ สาราบรรณ์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายกัมปนาท กลิ่นเสาวคนธ์  ปลัดจังหวัดชุมพร น.ส.ปานนภา สุภาพรเหมินทร์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดชุมพร   โดยการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในร่างกายของบุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทยในระดับจังหวัด และส่วนราชการทุกส่วนราชการ      จำนวน 462 ราย ณ ศาลากลางจังหวัดชุมพร  กระทรวงมหาดไทย  ได้มีข้อสั่งการ ให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ส่วนราชการทุกส่วนราชการ บุคลากรของหน่วยงานรัฐ ต้องปลอดยาเสพติด 100% ภายใต้โครงการการขับเคลื่อนมหาดไทยสีขาว สร้างพื้นที่ปลอดภัย หยุดยั้งยาเสพติด (Safe Zone No Drugs)   โดยการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในร่างกายของบุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทยในระดับจังหวัด และส่วนราชการทุกส่วนราชการ ณ ศาลากลางจังหวัดชุมพร  กิจกรรมดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการรณรงค์ให้เกิดจังหวัดสีขาวอย่างเป็นรูปธรรม และป้องกันมิให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดในทุกรูปแบบ และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชนให้เกิดความเชื่อมั่นและศรัทธา
นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นผู้นำการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด  พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยตรี กิตติภพ รอดดอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร  นายอภิชาติ สาราบรรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายกัมปนาท กลิ่นเสาวคนธ์  ปลัดจังหวัดชุมพร ส่วนราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย และส่วนราชทุกส่วนราชการ เข้ารับการตรวจ  ซึ่งผลตรวจทั้งหมด จำนวน 462 ราย ไม่พบสารเสพติด แต่อย่างใด

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง