สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /สซาบีดา มอบโฉนดที่ดินพร้อมเปิดถนนโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่สุไหงโก-ลก พลิกโฉมเมืองชายแดน สู่การเติบโตที่ยั่งยืน

วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลา 14.00 น. ที่บริเวณพื้นที่โครงการจัดรูปที่ดินฯในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีมอบโฉนดที่ดินและเปิดถนนโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ โดยมีนายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นางสาวอัญชลี ตันวานิช ที่ปรึกษาด้านการผังเมือง กรมโยธาธิการและผังเมือง นายปารเมศ โพธารากุล เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเกิดศักดิ์ ยะโสธร รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายสามารถ สุวรรณมณี รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางสาวสุภัทรา ชัยเทวารัณย์ ผู้ตรวจราชการกรมโยธาธิการและผังเมือง นายว่าศักดิ์ เจิมจิระ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนราธิวาส นายสุนิรันดร์ ท้วมยิ้ม ผู้อำนวยการสำนักจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ นายรุสลัน โตะแปเราะ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ ผู้บริหารทุกภาคส่วน นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ ดร.ซาการียา สะอิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส ผู้นำท้องถิ่น ตลอดจนประชาชนในพื่นที่ เข้าร่วมชื่นชมความสำเร็จในครั้งนี้

ทั้งนี้ความสำเร็จนี้นำมาซึ่งความยินดีและความภาคภูมิใจที่พี่น้องชาวสุไหงโก-ลกได้เข้ามามีส่วนร่วมกับรัฐ ผ่านโครงการพัฒนาที่ดินและโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคม ระหว่างถนนสายหลัก คือ ถนนสายเอเชีย 18 กับทางหลวงชนบท นธ 4031 (ถนนตามผังเมืองสาย ข7) นับเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพต่อการพัฒนาเพราะมีองค์ประกอบของโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค และสาธารณูปการ อยู่ใกล้กับสถานีขนส่งสุไหงโก-ลก สนามกีฬาของเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ที่ทำการไปรษณีย์ อยู่ใกล้กับด่านชายแดน และศูนย์กลางเมืองสุไหงโก-ลก หลังดำเนินโครงการแล้วเสร็จเจ้าของที่ดินยังมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินของตนเอง นำมาซึ่งประโยชน์แก่เจ้าของที่ดิน ชุมชน และเมือง ณ บริเวณพื้นที่โครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส

นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยเห็นถึงความสำคัญของพี่น้องประชาชนที่มีที่ดินตาบอด ไม่มีทางเข้าออก จึงได้นำวิธีการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่มาใช้ โดยทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการทำโครงการ ช่วยกันออกแบบบ้านและชุมชนของตนให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจากที่บางแปลงถนนเข้าไม่ถึงก็สามารถเข้าถึงได้ บางแปลงมีรูปร่างหลายเหลี่ยมหรือเป็นเสี้ยว ก็ปรับเปลี่ยนรูปแปลงที่ดินให้เป็นสี่เหลี่ยมสวยงาม ช่วยเพิ่มมูลค่าและสามารถใช้ประโยชน์ได้ดีขึ้น หลักการเพียงแค่พี่น้องประชาชนร่วมกันปันที่ดินออกมาเพื่อก่อสร้างถนน และเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอื่นที่จำเป็น ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับมีมากกว่าหลายเท่าตัว นอกจากนี้การจัดรูปที่ดินยังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยที่ดินถือเป็นต้นทุนพื้นฐานในการที่ประชาชนจะสามารถสร้างอาชีพ ทำประโยชน์ สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ จะเห็นได้ว่าประโยชน์ต่าง ๆ เกิดทั้งในส่วนของเจ้าของที่ดิน สามารถได้ใช้ประโยชน์ที่ดินของตนเองอย่างเต็มประสิทธิภาพ ชุมชนก็ได้ประโยชน์ และรัฐเองก็ได้ประโยชน์ในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ภายใต้กระทรวงมหาดไทย นอกจากกรมโยธาธิการและผังเมืองแล้ว ยังมีหน่วยงานที่บูรณาการความร่วมมือในการดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ให้สำเร็จตามเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ได้แก่ กรมที่ดิน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การไฟฟ้า และการประปา เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อความสุขอย่างยั่งยืน มาร่วมกันพัฒนาชุมชนของท่านไปด้วยกันกับโครงการจัดรูปที่ดินฯ

นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า โครงการจัดรูปที่ดินเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญที่กรมโยธาธิการและผังเมืองขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันดำเนินโครงการฯ ไปแล้ว 71 โครงการ 54 จังหวัด ถือเป็นก้าวแห่งความสำเร็จในการพัฒนาเมืองแบบราษฎร์ – รัฐ ร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาที่ดินด้วยการ “ปัน” เพื่อ “เปลี่ยน” สร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ชุมชน พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในคราวเดียวทั้งบริเวณ สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้ตรงตามวัตถุประสงค์ผู้ใช้ สอดคล้องตามที่ผังเมืองกำหนด เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคม เปิดพื้นที่ตาบอดให้สามารถเข้าถึงและมีโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอ ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการที่ได้มาตรฐาน เกิดความปลอดภัย ส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ดี และการพัฒนาสิ่งดีดีให้เกิดขึ้นในพื้นที่เมืองสุไหงโก-ลก


นางสาวอัญชลี ตันวานิช ที่ปรึกษาด้านการผังเมือง กรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดนราธิวาสได้ดำเนินโครงการจัดรูป ฯ โครงการที่ 1 ณ บริเวณเทศบาลเมืองนราธิวาส อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส แล้วเสร็จในปี 2564 เพื่อรองรับอุตสาหกรรมชุมชน และสะพานปลากิจกรรมต่อเนื่องจากการประมง เกิดการจ้างงาน ประชาชนในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นโครงการนำร่องเพื่อขยายผลสู่โครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส (โครงการ 2) ดำเนินการโดยสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนราธิวาส ร่วมกับ เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก โครงการมีพื้นที่โครงการประมาณ 194 ไร่ แปลงที่ดิน 143 แปลง เจ้าของที่ดิน 58 ราย กรมโยธาธิการและผังเมืองสนับสนุนงบประมาณ เพื่อดำเนินการก่อสร้างถนนสายหลัก สาธารณูปโภค และสาธารณูปการ ถนนตามผังเมืองสาย ข7 ขนาดเขตทาง 18 เมตร ความยาว 1,005 เมตร จำนวนเงิน 67,285,000 บาท เชื่อมถนนสายเอเชีย 18 กับทางหลวงชนบท นธ 4031 (ถนนตามผังเมืองสาย ข7) ก่อสร้างถนนสายรอง จำนวน 9 สาย ความยาวรวม 1,639 เมตร ขนาดเขตทาง 12 เมตร จำนวน 7 สาย ความยาว 1,606 เมตร และขนาดเขตทาง 9.00 เมตร จำนวน 2 สาย ความยาว 33.00 เมตร ดำเนินการโดยใช้งบประมาณจาก 2 แหล่ง ประกอบด้วย 1) เงินจากการจำหน่ายที่ดินจัดหาประโยชน์ ใช้สำหรับดำเนินการสร้างถนนลูกรังและระบบระบายน้ำ 2) งบประมาณจากเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ซึ่งใช้ดำเนินการในส่วนผิวจราจร ระบบไฟฟ้า และระบบประปา โดยได้นำเข้าแผนของเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ปีงบประมาณ 2568 เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างถนนลูกรังและระบบระบายน้ำ ใช้งบประมาณจากการจำหน่ายที่ดินจัดหาประโยชน์ เป็นจำนวนเงิน 23,130,000 บาท เสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 ก่อนดำเนินโครงการมีที่ดินสาธารณประโยชน์ประมาณ 12 ไร่ หลังดำเนินโครงการมีที่ดินสาธารณประโยชน์เพิ่มขึ้น 23 ไร่ โดยเป็นสวนสาธารณะ 48.68 ตารางวา ผลจากการดำเนินโครงการทำให้มีพื้นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันเพิ่มขึ้นถึง 11 ไร่ มูลค่าที่ดินเพิ่มขึ้น 4.17 เท่า จากเดิมราคาประเมินที่ดินอยู่ที่ 960,000 บาท/ไร่ ปัจจุบันราคา 4,000,000 บาท/ไร่ และยังประหยัดงบประมาณภาครัฐในการเวนคืน 11,176,128 บาท

นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวเสริม เมืองสุไหงโก-ลก ถือเป็นเมืองการค้าชายแดนของภาคใต้ที่เชื่อมต่อประเทศมาเลเซีย ประชากรมีความเป็นอยู่ที่กระจุก บางพื้นที่ก็กระจาย เมื่อดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ก็สามารถปรับโครงสร้างการอยู่อาศัยและด้านการค้าของประชาชน สร้างโครงสร้างพื้นฐาน ระบบคมนาคม การขนส่ง มีความสะดวกมากขึ้น ผลสัมฤทธิ์จากการที่ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ประชาชน ยอมเสียสละพื้นที่ส่วนตัว เพื่อสร้างพื้นที่ส่วนรวมร่วมกัน เปลี่ยนพื้นที่ตาบอดไปสู่พื้นที่ทำเลทองไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาให้เฉพาะเจ้าของที่ดิน แต่เป็นการวางรากฐานขยายเมืองสู่อนาคตที่ยั่งยืน คือภาพแห่งความสำเร็จในวันนี้ที่ทุกฝ่ายร่วมใจ ร่วมพัฒนาเมืองไปด้วยกัน

//////////////////////////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กิจกรรมอบรม “วิถีคล้า วิถีคน” ใช้ต้นคล้าสร้างประติมากรรมแห่งศรัทธา เชื่อมโยงตำนานพญานาค สู่การขับเคลื่อน Soft Power ด้านการท่องเที่ยว-โค้งสุดท้ายรณรงค์การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองบึงกาฬและนายกเทศมนตรีเมืองบึงกาฬ

วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2568 ณ วิทยาลัยนวัตกรรมแห่งบึงกาฬ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ได้มีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการภายใต้ชื่อ “การใช้ต้นคล้าในการสร้างสรรค์ประติมากรรมแห่งศรัทธา วิถีคล้า วิถีคน” ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ส่งเสริม Soft Power ด้านการท่องเที่ยว ให้เกิดการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่” ภายใต้กิจกรรม “มหัศจรรย์ศิลป์คล้า เล่าขานตำนานพญานาค สู่อัตลักษณ์ท่องเที่ยวบึงกาฬ”


ภายในพิธีเปิด ได้รับเกียรติจาก นายขัตติยา ชัยมณี วัฒนธรรมจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานในพิธี และ นายณรงค์ศักดิ์ คุรุพันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ กล่าวรายงานถึงความเป็นมาของโครงการ พร้อมด้วยนายเฉลิมเกียรติ แผนกิจเจริญ พัฒนาการจังหวัดบึงกาฬ นายนริศ อาจหาญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบุ่งคล้า นายสันทัศน์ ทันนิธิ ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์และข้อมูลเพื่อการพัฒนาจังหวัดบึงกาฬ ผู้แทนจากชุมชน และผู้ประกอบการ ร่วมพิธี โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมอบรมกว่า 100 คน โดยกิจกรรมมุ่งเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้และการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นให้สามารถนำไปต่อยอดในเชิงอาชีพและเศรษฐกิจสร้างสรรค์

โครงการนี้มีเป้าหมายสำคัญในการ ส่งเสริมการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น และ การใช้ทรัพยากรพื้นบ้านอย่างต้นคล้า ซึ่งเป็นพืชพื้นถิ่นที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในด้านความยืดหยุ่นและความคงทน มาใช้เป็นวัสดุหลักในการสร้างสรรค์ “ประติมากรรมแห่งศรัทธา” ที่เชื่อมโยงกับตำนานพญานาค ซึ่งเป็นความเชื่อสำคัญของประชาชนริมฝั่งแม่น้ำโขงและถือเป็นอัตลักษณ์สำคัญของจังหวัดบึงกาฬ

วัตถุประสงค์ของการอบรมในครั้งนี้ ได้แก่

  1. เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการใช้ต้นคล้าในการสร้างสรรค์ผลงาน
  2. เพื่อถ่ายทอดความรู้ในการออกแบบและเทคนิคการสร้างประติมากรรม
  3. เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ชุมชนเกิดความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ท้องถิ่น
  4. เพื่อพัฒนาอาชีพและต่อยอดผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมสู่ตลาดในอนาคต

ในการอบรมครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ 2 ท่าน ได้แก่

  • ดร.ธรรมศาสตร์ ศรีสารคาม อาจารย์ประจำสาขาทัศนศิลป์และการออกแบบ
  • นายณัฐวัชร เดชมาลา อาจารย์จากสำนักวิชาศึกษาทั่วไป
    .
    ทั้งสองท่านได้ร่วมถ่ายทอดทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติให้แก่ผู้เข้าอบรมอย่างเข้มข้น โดยเนื้อหาครอบคลุมการเลือกใช้วัสดุ เทคนิคการสร้างสรรค์งานศิลป์ การออกแบบรูปทรงที่สะท้อนความเชื่อทางวัฒนธรรม ตลอดจนแนวทางในการพัฒนาผลงานให้สามารถตอบโจทย์ตลาดด้านศิลปะและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในอนาคต
    กิจกรรมนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของจังหวัดบึงกาฬในการขับเคลื่อน Soft Power ด้วยทุนทางวัฒนธรรมพื้นถิ่น สู่การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งสร้างพื้นที่การเรียนรู้ร่วมกันระหว่างภาครัฐ นักวิชาการ และชุมชน อันนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง ..

ข่าว/ภาพ ณัฏฐ์ ณฐพรหม บึงกาฬ

บึงกาฬจัดกิจกรรม โค้งสุดท้ายรณรงค์การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองบึงกาฬและนายกเทศมนตรีเมืองบึงกาฬ กระตุ้นประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้ง 11 พฤษภาคม 2568

วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 นางกรองแก้ว ธัญญาลาภ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลเมือบึงกาฬ พร้อมด้วย นายเชิดชัย เจริญดี รองปลัดเทศบาลเมืองบึงกาฬ หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนชาวจังหวัดบึงกาฬ ร่วมงานโครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์

การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองบึงกาฬและนายกเทศมนตรีเมืองบึงกาฬ ภายใต้กิจกรรม “โค้งสุดท้ายรณรงค์การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองบึงกาฬและนายกเทศมนตรีเมืองบึงกาฬ” ซึ่งจัดขึ้นโดยเทศบาลเมืองบึงกาฬ ที่บริเวณรอบเมืองบึงกาฬ และถนนข้าวเม่าริมโขง จังหวัดบึงกาฬ

กิจกรรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน รวมถึงสื่อมวลชน ร่วมมือกันเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการเลือกตั้งผ่านช่องทางต่าง ๆ พร้อมทั้งปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนเกิดความตื่นตัว และตระหนักถึงความสำคัญของ

การใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างสุจริตและโปร่งใส และเชิญชวนพี่น้องประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีเมืองบึงกาฬอย่างพร้อมเพรียงกันในวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2568 เวลา 08.00 – 17.00 น. ณ หน่วยเลือกตั้งที่ท่านมีชื่ออยู่

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตร.เชียงใหม่! รวบชายวัย 43 ปีทันควัน หลังวิ่งราวทรัพย์สาวโรงแรมกลางเมืองเชียงใหม่ อ้างตกงาน-พิการ

วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลา 16.30 น. พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เป็นประธานการแถลงข่าวจับกุมนายปกรณ์ (ปกปิดนามสกุล )อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาคดีวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ หลังจากก่อเหตุชิงกระเป๋าสตางค์จากหญิงสาวในพื้นที่ช้างคลาน โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง อ้างไม่มีอาชีพเพราะพิการ ต้องขอเงินพ่อใช้ชีวิต และนำเงินที่ได้จากการก่อเหตุไปซ่อมรถจักรยานยนต์

โดยมี พ.ต.อ.ดำเนิน กันอ่อง รอง ผบก.ฯ ช่วยราชการ ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่,พ.ต.ท.ทัตตวีย์ ด่านพิทักษ์ตระกูล รอง ผกก.ป.ฯ, และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ร่วมแถลงข่าว ณ สภ.เมืองเชียงใหม่ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่

โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม เวลา 07.00 น. บริเวณถนนระแกง ซอย 2 ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ น.ส.พัชรินทร์ อายุ 46 ปี พนักงานโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ แจ้งว่า ขณะกำลังเดินไปซื้อกับข้าว ถูกชายสวมเสื้อดำ กางเกงดำ ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน กระชากกระเป๋าแล้วหลบหนีไป

ภายหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนสามารถติดตามเส้นทางหลบหนี และตรวจสอบพบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายปกรณ์ ซึ่งเคยต้องโทษในคดียาเสพติดมาแล้ว 2 ครั้ง โดยใช้วิธีเปลี่ยนเสื้อผ้าและขับรถวนหลบซ่อนตัวในพื้นที่ อ.แม่ริม ก่อนจะถูกจับกุมได้ในวันที่ 2 พฤษภาคม เวลาประมาณ 13.30 น. บริเวณบ้านแม่สาใหม่ ต.โป่งแยง อ.แม่ริม

เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ” และนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

“ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่” ขอเน้นย้ำ เตือนถึงผู้ที่คิดจะกระทำความผิดให้หยุดพฤติกรรมเสียแต่ตอนนี้ เพราะทุกการกระทำผิดกฎหมายจะถูกติดตามและดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ไม่มีข้อยกเว้น พร้อมย้ำชัดว่า ‘เชียงใหม่เมืองปลอดภัย’ จะไม่ยอมให้ใครมาทำลายความสงบสุขของประชาชนเด็ดขาด

ตำรวจเชียงใหม่ #เชียงใหม่เมืองปลอดภัย …

///สมจิตรแสงบัลลังค์รายงาน//

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /อุกอาจ! โชเฟอร์ขับรถโดยสารมุกดาหาร-สะหวันนะเขต ซุกบุหรี่ไฟฟ้า 4,200 แท่ง ใส่ช่องลับของรถ บขส. ระหว่างประเทศ จนท.ศุลกากรตรวจปล่อยออกจากด่านแต่ทหารตามไปตรวจพบจับดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยเฉพาะกิจทหารพราน 2105 และเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่ามุกดาหาร ปฏิบัติหน้าที่ประจำด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 (มุกดาหาร -สะหวันนะเขต) อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร

ได้ตรวจรถโดยสารประจำทางระหว่างประเทศ สายมุกดาหาร-สะหวันนะเขต) หมายเลขทะเบียน 10-0716 มุกดาหาร ขณะวิ่งข้ามสะพานมิตรภาพ 2 จากแขวงสะหวันนะเขต​ เข้ามาที่ด่านพรมแดนมุกดาหาร เมื่อเปิดดูบริเวณที่เก็บสัมภาระใต้ท้องรถพบกล่องกระดาษขนาดใหญ่ต้องสงสัยจำนวน 6 กล่อง

จึงได้นำมาเปิดตรวจสอบพบว่าภายในเป็นบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 1,200 แท่ง แต่ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารพรานกำลังจะขึ้นไปตรวจค้นที่ด้านบนรถ ปรากฏว่าได้มีเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำด่านซึ่งเข้ามาร่วมตรวจค้นด้วยบอกกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารว่าข้างบนรถตรวจแล้วไม่พบอะไรมีแต่กล่องขนมและได้ปล่อยให้รถโดยสารคันดังกล่าวแล่นออกไปจากด่านพรมแดน

แต่ต่อมาผู้บังคับบัญชาของหน่วยทหารทราบเรื่องว่ามีการตรวจค้นพบบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลและกองทัพบกมีนโยบายให้กวดขันจับกุมโดยเด็ดขาด จึงได้สอบถามว่ามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารได้ขึ้นไปตรวจได้ด้านบนด้วยหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีเจ้าหน้าทหารขึ้นไป ทางผู้บังคับบัญชาจึงได้ให้ติดตามรถโดยสารคันดังกล่าวไปทำการตรวจค้นที่ด้านบนรถโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ตม.มุกดาหาร ตชด.234 ชุดสืบสภ.เมืองมุกดาหาร ตำรวจน้ำ ติดตามไปพบรถโดยสารคันดังกล่าวไปจอดอยู่ที่ด้านหลังสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดมุกดาหาร

จึงได้ขึ้นไปทำการตรวจค้นที่ด้านบนรถพบว่าที่บริเวณด้านท้ายสุดของห้องโดยสาร มีการดัดแปลงทำเป็นช่องลับภายในพบกล่องบรรจุบุหรี่ไฟฟ้าอีกจำนวน 15 กล่อง

ภายในบรรจุบุหรี่ไฟฟ้ารวมจำนวน 3,000 แท่ง นอกจากนี้ยังพบเสื้อกันฝนและขนมขบเคี้ยวอีกเป็นจำนวนมาก ไม่ผ่านพิธีศุลกากร จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ดำเนินคดี

ส่วนคนขับรถโดยสารประจำทางคือนายสมบัติ โคตรสงคราม อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 13 ตำบลนิคมคำสร้อย อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ศุลกากรมุกดาหารแจ้งว่าจะกันตัวไว้เป็นพยาน

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / นทท.ปลื้มชุดการแสดง “หัวหินบ้านพ่อ” ท่องเที่ยวประจวบฯ  มหัศจรรย์เมืองสามอ่าว/ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาคดีพยายามฆ่าและคดียาเสพติดตามหมายจับ 2 คดี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ช่วงค่ำวันที่ 30 เม.ย.68 ที่เวทีกลางสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติฯ ร.9 นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ พร้อมด้วยแพทย์หญิงบุษกร สวัสดิ์แสน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบฯ นายประสูตร หอมบรรเทิง  นายอำเภอหัวหิน หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมากร่วมรับชมชุดการแสดงจากอำเภอหัวหิน ชื่อชุดการแสดง “หัวหินบ้านพ่อ” ที่จัดแสดงในงานท่องเที่ยวประจวบคีรีขันธ์ มหัศจรรย์เมืองสามอ่าวและงานกาชาด ประจำปี พ.ศ. 2568 ด้วยความสวยงามตระการจากนักเรียนโรงเรียนเทศบาลวัดธรรมิการาม (ปิยแหวนรังสรรค์) ประจวบฯ

โดยนายอำเภอหัวหิน กล่าวบรรยายถึง “หัวหิน” เมืองแห่งเรื่องราวและประวัติศาสตร์ เต็มไปด้วยกลิ่นอายของวันวาน วัฒนธรรมที่เรียบง่าย ผู้คนอบอุ่น และเสน่ห์ที่ยังคงอยู่ ไม่เสื่อมคลาย ทุกย่างก้าวในหัวหิน ล้วนอบอวลด้วยความทรงจำอันงดงาม ทั้งเสียงรถไฟเก่า ร้านรวงโบราณ และบรรยากาศสงบร่มรื่น ที่บอกเล่าเรื่องราวของกาลเวลาอย่างแผ่วเบา ช่วงที่ 2 เป็นการแสดงรวมแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 8 อำเภอ ตั้งแต่ หัวหิน ปราณบุรี สามร้อยยอด กุยบุรี เมืองฯ ทับสะแก บางสะพานใหญ่ บางสะพานน้อย

ช่วงที่ 3 ตอนท้องทะเล “หัวหิน” ถิ่นมนต์ขลังที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และประวัติศาสตร์ อัดแน่นด้วยความงามของท้องทะเล และธรรมชาติ มอบความสงบและร่มเย็นให้กับทุกผู้คนที่มาเยือน ที่นี่ไม่เพียงเป็นเมืองพักผ่อน แต่ยังเป็นสถานที่แห่งความทรงจำ เรื่องราวของวันวานยังคงก้องอยู่ในสายลม ทุกย่างก้าวบนผืนทรายเต็มไปด้วยความหมายและกลิ่นอายของกาลเวลา ช่วงที่ 4 ตอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บุญประจำอำเภอ “หัวหิน” เมืองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์ และความศรัทธา ศาลเจ้าแม่ทับทิม หลวงพ่อทวดวัดห้วยมงคล และวัดเขาตะเกียบ คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมือง ที่ชาวหัวหินต่างเคารพนับถือขอพรให้ชีวิตร่มเย็นเป็นสุข และปิดท้าย นายอำเภอหัวหิน

กล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตอนสถาบันพระมหากษัตริย์ เรื่องราวของ“พระราชวังไกลกังวล” คือบ้านแห่งแรกของในหลวง รัชกาลที่ 9 สถานที่ที่พระองค์ทรงใช้เวลาร่วมกับประชาชน อย่างเรียบง่ายและเปี่ยมด้วยรักและห่วงใย พระองค์ทรงงานไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ใกล้ชิดชีวิตชาวบ้าน ดั่งเงาแห่งร่มไม้ใหญ่ ที่แผ่ความร่มเย็นให้แก่ชาวเมืองหัวหินตราบนิรันดร์ จนชาวหัวหินขนานนามว่า “บ้านของพ่อ” จนทุกวันนี้.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์/4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

จ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาคดีพยายามฆ่าและคดียาเสพติดตามหมายจับ 2 คดี ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์พ.ต.อ.ภาคภูมิ โห้ใย รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์พ.ต.อ.ครรชิต โขวัฒนชัย ผกก.กก.สส.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์พ.ต.อ.สถิตย์ คงเนียม ผกก.สภ.อ่าวน้อยพ.ต.อ.ไพทูล พรมเขียน ผกก.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์เจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยต่าง ๆ ได้แก่ชุดจับกุม สภ.อ่าวน้อยชุดจับกุม กก.สส.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ชุดจับกุม ชป.ขยายผล ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ชุดจับกุม นปพ. กก.สส.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ชุดจับกุม สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์
ได้ร่วมกันจับกุมนาย อาทิตย์ หรือเทค เลขสิทธิ์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 1 ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตามหมายจับ 2 คดี ได้แก่

หมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ จ.25/2568 ลงวันที่ 23 มกราคม 2568 ในข้อหา “พยายามฆ่า และมีวัตถุระเบิดซึ่งนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครอง”หมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ จ.15/2568 ลงวันที่ 15 มกราคม 2568 ในข้อหา “สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน/ยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต”
เหตุการณ์การจับกุม

เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้เดินทางไปยังเพิงพักไม่มีเลขที่ หลังบ้านเลขที่ 24/2 หมู่ 10 ต.บ่อนอก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งสืบทราบว่านายอาทิตย์ฯ พักอาศัยอยู่ ณ ที่ดังกล่าว
เมื่อไปถึง เจ้าหน้าที่พบผู้ต้องหานั่งอยู่หน้าที่พัก จึงเรียกให้เข้ามาพบ แต่นายอาทิตย์ฯ ได้ถือวัตถุคล้ายระเบิดในมือ และขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย เจ้าหน้าที่จึงทำการเจรจา ต่อรอง จนเกิดเหตุวัตถุดังกล่าวระเบิดขึ้น แต่เนื่องจากไม่มีประสิทธิภาพ จึงไม่ก่อให้เกิดอันตราย นายอาทิตย์ฯ ไม่ได้รับบาดเจ็บ และได้ยินยอมมอบตัวในที่สุด

เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงหมายจับทั้งสองฉบับต่อผู้ต้องหา ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่าข้อมูลตรงกับตนเอง และไม่เคยถูกจับในคดีนี้มาก่อน จึงได้ดำเนินการจับกุม พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา และนำส่งพนักงานสอบสวน ร.ต.อ.หญิง สุทิน ปรัชญา รอง สว.(สอบสวน) สภ.อ่าวน้อย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์/4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /อ.เมย์ เดินหน้าจัดโครงการ “ทำดีให้คนมองเห็น ปีที่ 4” แจกแว่นสายตาผู้สูงอายุกว่า 1,500 คน

มีรายงานว่า ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้มีการจัดกิจกรรมอย่างเป็นทางการในโครงการ “ทำดีให้คนมองเห็น ปีที่ 4” ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท แฮปปี้ฮวงจุ้ย จำกัดโดยมี อาจารย์เมย์ ดร.จินต์วยา เบญญจินดาพิศุทธ์ ซินแสฮวงจุ้ยชื่อดังของประเทศไทย เป็นประธานโครงการ และขับเคลื่อนโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุในพื้นที่ห่างไกลที่มีปัญหาทางสายตา แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยภายในพิธีเปิด ได้รับเกียรติจาก นายปัญญา ปานแสง นายอำเภอน้ำหนาว เป็นประธานในพิธี

โครงการในปีนี้ตั้งเป้ามอบแว่นสายตาคุณภาพให้กับ ผู้สูงอายุจำนวน 1,500 คน จาก 30 หมู่บ้าน ครอบคลุม 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลน้ำหนาว, ตำบลโคกมน, ตำบลวังกวาง และตำบลหลักด่าน โดยคุณสมบัติของผู้รับบริการในโครงการนี้ ได้แก่:อายุ 50 ปีขึ้นไปมีรายได้น้อย ไม่เกิน 5,000 บาทต่อเดือนมีปัญหาสายตา เช่น สั้น ยาว เอียง และยังไม่เคยได้รับแว่นจากโครงการนี้มาก่อน​ ซึ่งแบ่งการดำเนินงานเป็น 3 วัน คือ วันที่ 30 เมษายน 2568 ณ หอประชุมอำเภอน้ำหนาว, วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ณ อาคารอเนกประสงค์​ หมู่ 1 ตำบลวังกวาง และวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลหลักด่าน

ทั้งนี้ ในช่วงเช้า ทางคณะผู้จัดงานยังได้รับความเมตตาจาก พระครูพัชรคณาภิรักษ์ เจ้าคณะอำเภอน้ำหนาว และเจ้าอาวาสวัดโคกมน กล่าวสัมโมทนียกถา แก่ผู้สูงอายุ และจิตอาสาที่มาร่วมงาน ถึงแม้ร่างกายจะร่วงโรย แต่ถ้าใจยังศรัทธา ยังเห็นค่าความดี ก็ถือว่าเรายังมีพลังอยู่ วันนี้ไม่ใช่แค่ได้แว่น แต่คือได้เห็นธรรมะ ได้แสงสว่าง ได้เห็นคุณค่าชีวิตอีกครั้ง

กิจกรรมในงานประกอบด้วยการวัดสายตาด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์​ วัดด้วยเลนส์เซ็ท และมอบแว่นตาที่ประกอบใหม่จากเลนส์คุณภาพ CR39 โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ ให้พ่อโซ้น แม่โซ้น ได้รับแว่นสายตาคุณภาพ ตรงกับค่าสายตาจริง นอกจากอิ่มใจ ยังอิ่มท้องด้วยโรงทาน อาหารคาวหวาน อาหารเจ น้ำดื่ม และจิตอาสาคอยดูแลผู้สูงอายุตลอดงาน สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น ปิติใจ และเปี่ยมด้วยน้ำใจ

หนึ่งในช่วงเวลาที่ประทับใจที่สุดของวัน คือการได้พบกับคุณลุงวัย 84 ปี ที่แม้จะอายุมาก แต่ยังแข็งแรงและเดินทางมาด้วยตนเอง โดยคุณลุงเล่าว่า รอคอยโครงการนี้มานาน เพราะที่ผ่านมาใส่แว่นตลาดที่ไม่ตรงค่าสายตา มองเห็นไม่ชัด และอ่านหนังสือธรรมะไม่ได้ รู้สึกดีใจมากที่อาจารย์เมย์ยังมาทุกปี ปีนี้ก็ไม่พลาด จะได้อ่านหนังสือได้อีกครั้ง

โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งปกครอง, หน่วยงานท้องถิ่น ข้าราชการ, อบต., สาธารณสุขอำเภอ, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน และจิตอาสามากมาย ที่มาร่วมทำงานเพื่อส่วนรวมด้วยจิตสาธารณะ ที่สำคัญ​และขาดไม่ได้ คือคณะเจ้าภาพร่วม โดยเจ้าภาพหลักได้แก่ บริษัท​ แฮป​ปี้ฮวงจุ้ย​ จำกัด, คุณวีรวิชญ์ อัศวภิญโญภาคย์ และครอบครัว, คุณวิชัย อรุณสิริตระกูล บริษัท ซีเอ็นเอส เอ็นจิเนียริ่งเซอร์วิส จำกัด, คุณธัญกมล เมืองฮาม และครอบครัว, Alpha Trading and Service Co.,Ltd., ครอบครัวดารกมาศ, บริษัท ที.เอ็น.ซีเมนต์บล็อค จำกัด, ลูกศิษย์​และกัลยาณมิตร​ร่วมบุญกันมาอีกมากมาย

อาจารย์เมย์ กล่าวถึงหัวใจของโครงการว่า หลายคนมองไม่เห็นชัดมานาน ไม่ใช่เพราะโรคร้ายแรง แต่เพราะไม่มีโอกาสได้มีแว่นตาดีๆเป็นของตนเอง การมอบแว่นให้เขาเห็นชัด คือการมอบชีวิตใหม่ มอบโอกาสทางการศึกษา ให้โอกาสในการสร้างรายได้ ให้ความสุขในการทำสิ่งที่รัก พลิกชีวิตเขาได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมั่นใจอีกครั้ง

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / อ.ศรีสัชนาลัยจัดยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ายาเสพติด.

ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่าวันพุธที่ 30 เมษายน 2568ตั้งแต่เวลา 08.00 – 13.00 น.อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ภายใต้การอำนวยการของ นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยโดย นายเอกสิฏฐ์ วิไลศิลป์ นายอำเภอศรีสัชนาลัย เปิดปฏิบัติการ “ยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย” ภายใต้โครงการ ศรีสัชนาลัย สีขาว โดยบูรณาการความร่วมมือกับ พ.ต.อ.วรวิทย์ คชไกรผกก.สภ.บ้านแก่ง มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอศรีสัชนาลัย

ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ชป.ปส.สภ.บ้านแก่ง และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอศรีสัชนาลัยที่ 6 ขับเคลื่อนโครงการ “ศรีสัชนาลัย สีขาว” ภายใต้โครงการจังหวัดสุโขทัย และมหาดไทยสีขาว เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัย หยุดยั้งภัยยาเสพติด Safe Zone No Drugs และขับเคลื่อนนโยบายจัดระเบียบสังคมปราบปรามผู้มีอิทธิพล ของกระทรวงมหาดไทย

โดยร่วมกันเปิดปฏิบัติการยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย ในพื้นที่บ้านโป่ง หมู่ที่ 6 ตำบลสารจิตร อำเภอศรีสัชนาลัย การปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ ได้มอบหมายให้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน เป็นสายลับเข้าไปสังเกตุการณ์ในพื้นที่เป้าหมาย ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ 2 ราย รายละเอียดดังนี้

ผู้ถูกจับรายที่ 1 พบของกลางเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) จำนวน 7 เม็ด จึงได้ “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต”

ผู้ถูกจับรายที่ 2 พบของกลางเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) จำนวน 30 เม็ด จึงได้ “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต”


เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ควบคุมตัวผู้ถูกจับกุม พร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแก่ง เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
การดำเนินการในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการการแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกันระหว่างนายอำเภอ เจ้าคณะอำเภอ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ที่ดำเนินการจัดทำพิธีลงนาม MOU แก้ไขปัญหายาเสพติด เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตจำนงค์ในการร่วมมือกันในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของทุกภาคส่วน ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล

ณ บ้านโป่ง หมู่ที่ 6 ตำบลสารจิตร อำเภอศรีสัชนาลัย
กิตติ พรดวงจันทร์ สุโขทัย

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / จี-ยู ครีเอทีฟ สยามพิวรรธน์ ซีพีและบริษัทในเครือฯ จัดการแข่งขันเก็บขยะระดับโลก “SPOGOMI WORLD CUP 2025 THAILAND Qualifiers” ค้นหาตัวแทนประเทศไทยสู่โตเกียว

ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นกับการจัดการแข่งขันกีฬาเก็บขยะครั้งแรกของประเทศไทยในปี 2023 “SPOGOMI WORLD CUP THAILAND STAGE” ที่ส่งตัวแทนประเทศไทยคว้ารางวัลอันดับต้น ๆ ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ล่าสุดในปี 2025 จี-ยู ครีเอทีฟ ผนึกกำลังพันธมิตรสำคัญ ได้แก่ สยามพิวรรธน์ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ เตรียมจัดการแข่งขัน SPOGOMI WORLD CUP 2025 THAILAND Qualifiers เพื่อค้นหาตัวแทนประเทศไทยร่วมชิงชัยกับอีก 33 ประเทศทั่วโลก ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นSPOGOMI (スポゴミ) มาจากการรวมคำว่า “Sport” และ “Gomi” (แปลว่า “ขยะ” ในภาษาญี่ปุ่น)

เป็นการแข่งขันที่ผสมผสานความสนุกสนานของกีฬาเข้ากับกิจกรรมการเก็บขยะ เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อมให้กับคนทุกช่วงวัย ภายใต้โครงการ “Change for the Blue” โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้ของสังคมทั้งมวลว่าพลเมืองแต่ละคนควรสร้างปัญหาทางทะเล ขยะเพื่อพัฒนา “ไม่มีขยะในมหาสมุทรอีกต่อไป” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก The Nippon Foundation หนึ่งในองค์กรไม่แสวงกำไรที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น การแข่งขัน SPOGOMI ไม่ใช่แค่การชิงชัยในสนาม แต่คือการรณรงค์เชิงสร้างสรรค์ ที่เปลี่ยนกิจกรรมรักษ์โลกให้เข้าถึงใจคนรุ่นใหม่ได้อย่างมีพลัง เป็นเวทีที่ช่วยสร้างความตระหนักรู้เรื่องการจัดการขยะอย่างถูกวิธีและการแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง

ทั้งนี้ การจัดงาน SPOGOMI WORLD CUP 2025 THAILAND Qualifiers ในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทในเครือ อาทิ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXTRA และบริษัท ซีพีพีซี จำกัด (มหาชน) หรือ CPPC ซึ่งล้วนมีบทบาทเชิงรุกในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและบริหารจัดการขยะภายใต้นโยบาย “Zero Waste” อย่างจริงจังมาโดยตลอด การสนับสนุนกิจกรรม SPOGOMI ในครั้งนี้ จึงไม่เพียงสะท้อนถึงความตระหนักในปัญหาสิ่งแวดล้อมของภาคธุรกิจไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันถึงเจตนารมณ์ร่วมกันในการขับเคลื่อนสังคมสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน สร้างการเปลี่ยนแปลงจากระดับปัจเจกสู่ระดับประเทศ และส่งต่อพลังบวกให้กับชุมชนและคนรุ่นใหม่ในการดูแลโลกใบนี้อย่างมีความหมาย

มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการเก็บและคัดแยกขยะ! พบกับกิจกรรมรักษ์โลกที่สร้างสรรค์ ร่วมฟังเสวนาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ภายในวันเสาร์ที่ 12 และ วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2568 ณ พาร์คพารากอน สยามพารากอน
ทั้งนี้ จี-ยู ครีเอทีฟ ร่วมกับ สยามพิวรรธน์ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ จัดงานแถลงข่าว “SPOGOMI WORLD CUP 2025 THAILAND Qualifiers” อย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันอังคารที่ 29 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา เวลา : 16.00-17.00 น. ณ SCBX NEXT ชั้น 4 สยามพารากอน พร้อมความร่วมมือจากกรุงเทพมหานคร รวมทั้ง ผู้แทนจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ และคณะผู้บริหาร หน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงพันธมิตร เหล่า Guest speaker ศิลปิน ดารา ไอดอล เข้าร่วมงานแถลงข่าวกันอย่างคับคั่ง อาทิ

คุณยุพเรศ เอกธุระประคัลภ์ ประธานบริหาร บริษัท จี-ยู ครีเอทีฟ จำกัด· คุณนราทิพย์ รัตตประดิษฐ์ ประธานบริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด คุณโทโมมิ โคบายาชิ รองประธานกรรมการ บริษัท จี-ยู ครีเอทีฟ จำกัด คุณคาวามูระ มากิ ผู้อำนวยการสำนักข่าวสารญี่ปุ่น สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย มล.อรดิศ สนิทวงศ์ ผช.กก.ผจก.ใหญ่/ผู้บริหารสายงาน Corporate Affairs บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด คุณณัฐพล ชำนิธุระการ นักวิชาสุขาภิบาลชำนาญการ สำนักงานเขตปทุมวัน คุณอัตสึชิ ชิมาดะ นายกสมาคมญี่ปุ่นในประเทศไทย

คุณวิทวัส ตันติเวสส รองประธานคณะทำงาน โครงการเครือเจริญโภคภัณฑ์ครบรอบ 100 ปีคุณสุธี สมุทรประภูต ผู้อำนวยการความยั่งยืน ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม (CPF)คุณศุภฤกษ์ อาจราชกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานกลยุทธ์ (CP ALL) คุณนภัสจิรา อิงคโรจน์ฤทธิ์ ผู้จัดการอาวุโส ส่วนงานกิจกรรมเพื่อสังคมและความยั่งยืนองค์กร (CP Axtra)คุณฐานันดร์ สดแสงสุก รองกรรมการผู้จัดการ สำนักกลยุทธ์ (CPPC)ดร.อรทัย พงศ์รักธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการด้านความยั่งยืน บริษัท ดาวเคมิคอลประเทศไทย จำกัด

คุณปฏิภาณ วงษ์ชารี ผู้จัดการทั่วไป Mainichi Academic Group ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นครบวงจรดร.อิทธิกร ศรีจันบาล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เวสท์บาย เดลิเวอรี่ จำกัดคุณชณัฐ วุฒิวิกัยการ (KongGreenGreen)คุณวิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ (WISHULADA)คุณพูลยศ กัมพลกัญจนา (Paper Ranger)ศิลปินวง Move Along Journey คุณ เอ๊ะ ละอองฟอง, คุณติ๊ก Playground และ คุณที Jetset’er นักแสดงจากบริษัท จีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด คุณเคน กันต์ธีร์, คุณพอล ธนัน และ คุณกีต้าร์ ศุภกร

นักแสดงจากบริษัท กองทัพ โปรดักชั่น จำกัด – คุณม่อน เตชินท์ และ คุณภัค วรายุส์นักแสดงจาก บริษัท บิบบิดี้ เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด คุณเลโอ พีรพันธ์, คุณดับเบิ้ล ทัพพ์เทพ และ คุณเอิร์ธ ธีระภัทร์ศิลปินจากวง MINDY – คุณณิชชา จักรชัยกุล (มุกกิ), คุณน้ำเพชร ไอลีน คอลลินส์ (ไอลีน), คุณกันยากร นามบุญเรือง (หมิงหมิง)คุณชดาธาร ด่านกุล (ม่านมุก)คุณวรัทยา ดีสมเลิศ (ไข่มุก)คุณรตา ชินกระจ่างกิจ (รตา) ไอดอลจากวง Euphonie☆ คุณเพทเพทไอดอลจากวง Sumomo คุณน้ำฟ้าไอดอลจากวง Ikinari Tell me คุณมินนี่

SPOGOMI WORLD CUP 2025 THAILAND Qualifiers คือเวทีที่ไม่เพียงเปลี่ยนขยะให้เป็นกีฬา  แต่ยังเปลี่ยนพลังของคนธรรมดาให้กลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่  เพื่อโลกที่สะอาดขึ้น และอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน  สมัครร่วมแข่งขันโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ  ได้ตั้งเเต่ วันนี้ ถึง วันที่6 มิถุนายน 2568   โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม และสมัครได้ที่  https://forms.gle/wkFixYKUALXQ6bPY6    ** ด่วนรับจำนวนจำกัด **

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อแอนแทรกซ์ เสียชีวิตรายแรก.มุกดาหาร / สสจ.มุกดาหาร ออกประกาศให้ประชาชนงดกินเนื้อวัว ควาย แพะและแกะดิบ / สสจ.มุกดาหาร พบผู้ป่วยเข้าข่ายติดเชื้อแอนแทรกซ์3 ราย และผู้สัมผัส 377 ราย

เมื่อวันที่ 30 เมษายน นายชาคริต ชุมจันทร์ นายอําเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร ได้ออกประกาศอำเภอดอนตาล เรื่องมาตรการควบคุมโรค (ฉบับที่ 1) สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา มีประชาชนในตำบลเหล่าหมี อำเภอดอนตาล ได้สัมผัสและรับประทานเนื้อวัว

ต่อมาได้ป่วยเป็นไข้และมีตุ่มที่บริเวณผิวหนังถูกนำส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลดอนตาล แต่ทางโรงพยาบาลเห็นว่ามีอาการหนักจึงได้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลมุกดาหาร และได้เสียชีวิตในช่วงบ่ายของวันนี้ (30 เมษายน 2568) จากการตรวจในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าเสียชีวิตเพราะติดเซื้อโรคแอนแทรกซ์ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพกู้ภัยองค์การบริหารส่วนตำบลเหล่าหมีได้ไปรับศพมาฌาปนกิจในวันเดียวกัน

อําเภอดอนตาลจึงได้แจ้งหัวหน้าส่วนราชการ และกํานัน – ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่อําเภอตอนตาล ดำเนินการควบคุมโรคและเฝ้าระวังการแพร่ระบาคโรคแอนแทรกซ์ และได้ประกาศก่าหนดมาตรการควบคุมโรค คือ

  1. ห้ามฆ่าสัตว์ โดยเฉพาะ โค กระบือ ในห้วงงานบุญประเพณีบุญเตือนหก (บุญบั้งไฟ) ทุกกรณี
  2. โรงพยาบาลตอนตาล สาธารณสุขอําเภอดอนตาล และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลเหล่าหมี ได้เปิดศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค เพื่อบริการประชาชนในการตรวจเชื้อโรคแอนแทรกข์ ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลเหล่าหมี และศาลาประชาคม หมู่ที่ ๑ บ้านเหล่าหมี
  1. ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจ๋าหมู่บ้าน (อสม.) สํารวจประชาชนในพื้นที่เสี่ยง และให้บันทึกข้อมูลลงใน ระบบของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นการเฝ้าระวังในการแพร่ระบาดของโรคแอนแทรกซ์
  2. การเฝ้าระวังการติดเชื้อของโค กระบือและแพะ มอบหมายให้ปศุสัตว์อําเภอดอนตาลดําเนินการ
  3. ให้กํานัน – ผู้ใหญ่บ้าน ประชาสัมพันธ์ไห้ประชาชนในพื้นที่ทราบ ลักษณะอาการของการติดเชื้อโรคแอบ แทรกซ์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค หากประชาชนท่านใดมีอาการตังกล่าว ให้มาตรวจหาเซื้อได้ที่ ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค
  1. ให้กํานัน -ผู้ใหญ่บ้าน ประชาสัมพันธ์หากพบโค กระบือและแพะ ที่มีอาการไข้สูง ไม่กินหญ้าแต่ยืน เคี้ยวเอื้อง มีน้ำลายปนเลือดไหลออกมา หายใจลําบาก ยืนโซเซ กล้ามเนื้อกระตุก ชัก ให้กักขังสัตว์ดังกล่าว เละแจ้งปสุสัตว์อ่าเภอดอนตาลเข้ามาตรวจสอบโดยทันที่
  2. ให้มีการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด ในการลักลอบขนโค กระบือและแพะ ออกจากพื้นที่ที่มีการระบาดของ โรคแอนแทรกซ์
  3. ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป ปศุสัตว์อําเภอตอนตาล จะทําการจีดวัคซีนโค กระบือ และแพะ ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาตโรคแอนแทรกซ์ จึงห้ามไม่ให้ประชาชนในพื้นที่ ที่มีการฉีดวัคซีนทํา การฆ่าหรือซําแหละโค กระบือ และแพะ ในเวลา 21 วัน นับตั้งแต่มีการฉีดวัคซีน
  1. หากมีปัญหาข้อสงสัยในการระบาดของโรค และโดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงพื้นที่ตำบลเหล่านี้ ขอให้เฝ้าสังเกตอาการตัวเอง หากพบว่ามีอาการผิดปกติสามารถติดต่อหน่วยงานราชการ เพื่อขอรับการช่วยเหลือได้ที่ ที่ทําการปกครองอําเภอดอนตาล (ฝ่ายความมั่นคง) โรงพยาบาลดอนตาล สำนักงานสาธารณสุขอําเภอดอนตาล ปศุสัตว์อําเภอดอนตาล และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลเหล่าหมี

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สสจ.มุกดาหาร ออกประกาศให้ประชาชนงดกินเนื้อวัว ควาย แพะและแกะดิบ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคแอนแทรกซ์

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม กลุ่มภารกิจสื่อสารความเสี่ยง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร ได้ออกประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนจังหวัดมุกดาหาร งดกินเนื้อวัว ควาย แพะ และแกะดิบ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคแอนแทรกซ์ เพราะเป็นแล้วอาจถึงตายได้ โดยสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา มีประชาชนในตำบลเหล่าหมี อำเภอดอนตาล

ได้สัมผัสและรับประทานเนื้อวัว ต่อมาได้ป่วยเป็นไข้และมีตุ่มที่บริเวณผิวหนังถูกนำส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลดอนตาล แต่ทางโรงพยาบาลเห็นว่ามีอาการหนักจึงได้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลมุกดาหาร และได้เสียชีวิตในช่วงบ่ายของวันนี้ (30 เมษายน 2568) โดยแพทย์ตรวจแล้วพบว่าผู้ป่วยเป็นโรคติดเชื้อแอนแทรกซ์ ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียและติดต่อจากสัตว์สู่คน มีพาหะนำโรคคือ วัว ควาย แพะ และแกะ โดยผู้ป่วยรายดังกล่าวได้เสียชีวิตเป็นรายแรกของจังหวัดมุกดาหาร

ขณะที่แผงขายเนื้อวัวสดในตลาดเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร บรรยากาศก็เป็นไปด้วยความเงียบเหงาโดยมีประชาชนมาซื้อเนื้อวัวไปบริโภคน้อยลงอย่างผิดสังเกต เนื่องจากส่วนใหญ่ได้รับทราบข้อมูลว่ามีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคแอนแทรกซ์ จึงทำให้เกิดความกลัวจึงไม่กล้าซื้อเนื้อวัวไปบริโภคแต่โดยเปลี่ยนไปซื้อเนื้อสัตว์ประเภทบริโภคอื่นแทน

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สสจ.มุกดาหาร พบผู้ป่วยเข้าข่ายติดเชื้อแอนแทรกซ์เพิ่มอีก 3 ราย และผู้สัมผัส 377 ราย เตือนประชาชนงดกินก้อย ซอยจุ๊

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม นายแพทย์ณรงค์ จันทร์แก้ว สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยถึงสถานการณ์ผู้ป่วยโรคแอนแทรกซ์ ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร ว่า เป็นโรคแอนแทรกซ์เสียชีวิต 1 ราย พบผู้ป่วยเข้าข่ายเป็นโรคแอนแทรกซ์ 3 ราย ขณะนี้ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว และยังพบ

ผู้สัมผัสอีกจำนวน 377 ราย ประกอบด้วยผู้ชำแหละเนื้อวัว 28 ราย ผู้รับประทานเนื้อดิบ 232 ราย ผู้สัมผัสโดยอยู่ร่วมบ้านเดียวกันกับผู้ชำแหละ 117 ราย โดยทั้งหมดทุกคนได้รับการตรวจคัดกรอง และได้รับยาป้องกันเรียบร้อยแล้ว จึงขอแจ้งเตือนให้ประชาชนจังหวัดมุกดาหารงดกินลาบเนื้อดิบ ก้อยดิบ และซอยจุ๊ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคแอนแทรกซ์ ก็อาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้

ขณะที่ อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ตรวจพบผู้ป่วยโรคแอนแทรกซ์ นายชาคริตชุมจันทร์ นายอำเภอดอนตาล ได้ออกประกาศอำเภอดอนตาล เรื่องมาตรการควบคุมโรค ฉบับที่ 2 มีข้อความว่าเพื่อให้การตวบคุมโรคและเผ้าระวังการแพร่ระบาดโรคแอนแทรกซ์ อ่าเกอตอนตาลจึงให้ดำเนินการจัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด เพื่อปัองกันการเคลื่อนซ้ายโค กระบือ เข้าและออกในเขตพื้นที่อำเภอดอนตาล รวม 4 จุด ประกอบด้วย จุดตรวจบ้านป่าพะยอม จุตตรวจบ้านนาห้วยกอก จุดตรวจบ้วนภูวง และจุดตรวจหน้าสถานีต้ารวจภูธรปาไร่

สำหรับพื้นที่บ้านโคกสว่าง ตำบลเหล่าหมี อำเภอดอนตาล ได้มีการเข้าตรวจสอบจุดชำแหละวัวทีมีการแพร่เชื้อ โดยเจ้าหน้าที่จากด่านกักกันสัตว์ กรมปศุสัตว์ ได้ดำเนินการเก็บตัวอย่างส่งตรวจ และทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณโดยรอบเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรค และได้มีการวางแผนการควบคุมโรคสัตว์โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสํารวจ/วางแผนฉีดวัคซีนวัวในรัศมี 5 กม. จํานวน 1,222 ตัว ฉีดยาปฏิชีวนะในวัวบริเวณพื้นที่เสี่ยงจำนวน 124 ตัว อีกด้วย

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหารพบผู้ป่วยเข้าข่ายติดเชื้อแอนแทรกซ์เพิ่มอีกสามราย ภาพ/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สว.เจ ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดน่าน มอบผ้าห่มกันหนาวให้ผู้สูงอายุและเด็กนักเรียนในพื้นที่ตำบลไชยสถาน

เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ณ โรงเรียนบ้านไชยสถาน ต.ไชยสถาน อ.เมืองน่าน จ.น่าน สว.เจ ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา พร้อมด้วย คุณศิริลักษณ์ พรหมแสง ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว สว., พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผู้ชำนาญการประจำตัว สว., ดร.พุฒิพงษ์ ทองวิมล ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์, ดร.สมหมาย พัฒนดิลก ผช.สว., ดร.รัฐธนินท์ จิรวัฒน์โภคิน ผช.สว., ทนายภาส ศรประสิทธิ์ ผช.สว., ทนายศรัณย์พร ทองฉิม

คณะทำงานด้านกฎหมาย., คุณกิตติ คณะทำงาน, นายบุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน นายธงชัย พุฒนา ประธานกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านไชยสถาน นายอลังกาล กุลหนาน ผอ.โรงเรียนบ้านไชยสถาน นายกมล อินถา ผู้ใหญ่บ้านไชยสถาน นายนิรันด์ สิทธิมงคล อดีตผู้ใหญ่บ้านนาท่อ นายธนาชัย อินปัน อดีต ผอ.กองช่าง อบต.สะเนียน

นางประกายดาว ไชยมงคล สอบต.บ้านฝาง นางปนัดดา ไชยเรียน อสม. มอบผ้าห่มกันหนาว, ยาดม, ยาหม่อง, สบู่ ให้กับผู้สูงอายุ บ้านฝาง บ้านไชยสถาน บ้านตาแก้ว บ้านศรีเกิด บ้านทุ่งขาม บ้านเด่นใหม่ บ้านก๊อด บ้านนาท่อ บ้านนาท่อใหม่ บ้านค่าใหม่ไชยเจริญ บ้านปางค่า

และนักเรียนโรงเรียนบ้านไชยสถาน รวม 11 ชุมชน จำนวน 120 ผืน นายบุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่านซึ่งเป็นผู้ประสานงาน ต้องกราบขอบพระคุณ สว.เจ พร้อมคณะเป็นอย่างยิ่ง ที่นำผ้าห่มและยาดม ยาหม่อง และสบู่มามอบให้พี่น้องประชาชนตำบลไชยสถานในวันนี้เป็นอย่างยิ่ง ขอบคุณ ผอ.ธงชัย พุฒนา ที่ประสานแกนนำ

ทุกหมู่บ้าน ขอบคุณผู้ประสานงานชาวบ้านประกอบด้วยนายศุภสิน ทะนันชัย นางพิกุลรักษ์ กุลการินทร์ นางธนาภร วัฒนานิธิ นายลอยทะนันชัย ขอขอบคุณ ผอ.อลังกาล กุลหนาน และคณะครูโรงเรียนบ้านไชยสถานที่อนุเคราะห์สถาน ที่มา ณ โอกาสนี้ เป็นอย่างยิ่งครับ/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ร.ต.อ.สถิตย์ ศรีประสม รายงาน

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง