สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / เด็กปอเนาะตะห์ฟิซพร้อมชาวบ้านทอนรวมตัวเดินรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงหลังผู้ก่อความไม่สงบวางระเบิดทำร้ายผู้บริสุทธิ

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 1 พฤษภาคม 2568ที่บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านทอน ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เด็กนักเรียนจากสถาบันการศึกษาปอเนาะตะห์ฟิซฮีดายาตุลกรุอ่าน พร้อมด้วยชาวบ้านในพื้นที่ประมาณ 200 คน ต่างพร้อมใจกันเดินขบวนเพื่อแสดงออกถึงการต่อต้านการใช้ความรุนแรง หลังผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิดบริเวณริมกำแพงถนนหลังสถานีตำรวจภูธรโคกเคียน

ในเขตพื้นที่บ้านทอนฮีเล ม.10 ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ข้าราชการตำรวจและประชาชนได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย ทรัพย์สินทางราชการได้รับความเสียหาย ส่งผลทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการก่อเหตุความรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อเด็กซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องได้รับความเดือดร้อน จึงออกมาแสดงพลังเพื่อประนามการกระทำที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้การเดินขบวนต่อต้านการใช้ความรุนแรงในครั้งนี้เพื่อเรียกร้องความสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่ และประกาศเจตนารมณ์รวมพลังต่อต้านการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบโดยพร้อมใจกันชูป้ายข้อความอาทิ พลังประชาชนปฏิเสธความรุนแรง อยากให้ภาคใต้สงบสุข หยุดเถอะความรุนแรง Stop หยุดสร้างสถานการณ์ในตำบลโคกเคียน เสียงระเบิดซ้ำเติมเศรษฐกิจชาวบ้าน และหนูผิดอะไรทำไมต้องระเบิดใส่หนู แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ร่วมกันในการยุติการใช้ความรุนแรง และหาทางออกด้วยสันติวิธี สื่อไปยังผู้ก่อความไม่สงบ ให้ยุติการก่อเหตุซ้ำ

ด้าน ด.ช.อับดุลเล๊าะห์ นุ้ยประเสริฐ กล่าวว่า ตอนนั้นผมอยู่ในเหตุการณ์และกำลังจะไปทานข้าวที่บ้านของชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับสภ.โคกเคียน ซึ่งตอนนั้นรู้สึกตกใจมากที่ เกิดเหตุระเบิดขึ้นรู้สึกเสียใจว่าทำไมเหตุการณ์แบบนี้ต้องมาเกิดขึ้นกับพวกเรา และอยากให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์สุดท้าย ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกไม่ว่าจะเป็นที่นี่หรือที่ไหนก็ตาม

จากนั้น ร.ต.อ.สายเจต เสือย้อย ผบ.ร้อย ฉก.ตชด. 934 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ในสังกัดและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฉก.ตร.นราธิวาส 93 ได้ร่วมกันมอบดอกไม้เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเด็กนักเรียนในครั้งนี้ด้วย
///////////////
ข่าว/อาอีซะห์/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /พิธีรับ-ส่งทหารใหม่ เข้ารับราชการทหารกองประจำการ ทหารบกและทหารอากาศ ผลัดที่ 1/2568 ญาติให้กำลังใจคับคั่ง

วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.50 น. ที่หอประชุมศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ สัสดีจังหวัดบึงกาฬ จัดพิธีรับ-ส่ง ทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ แผนกทหารบก ผลัดที่ 1 /2568 และแผนกทหารอากาศ ผลัดที่ 1/2568

โดยได้รับเกียรติจาก นายนคร ศิริปริญญานันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานพิธี พร้อมด้วยนายสมหวัง อารีย์เอื้อ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ พันเอกสุระชัย มีหอม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จังหวัดบึงกาฬ นายวรพันธ์ ชำนิยันต์ ปลัดจังหวัดบึงกาฬ

พ.ต.อ.พิชิต คงพิทักษ์ ผกก.สภ.เมืองบึงกาฬ นายเฉลิมเกียรติ แผนกิจเจริญ พัฒนาการจังหวัดบึงกาฬ นายธีรวัฒน์ สนิทชน ท้องถิ่นจังหวัดบึงกาฬ นายธีรพล ขุนพานเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ หัวหน้าส่วนราชการ และผู้ปกครองร่วมพิธี โดยมีพันเอกบัณฑิต คำเคน สัสดีจังหวัดบึงกาฬ กล่าวรายงานและนำพบปะทหารใหม่ สำหรับจังหวัดบึงกาฬ

ได้ทำการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2568 เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 3 – 11 เมษายน 2568 วันนี้เป็นการส่งทหารเข้ากองประจำการในผลัดที่ 1 แยกเป็นประจำการ

ณ มณฑลทหารบกที่ 29 จังหวัดสกลนคร จำนวน 26 นาย มณฑลหารบกที่ 21 จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 24 นาย กองทัพอากาศ กองบิน23 จังหวัดอุดรธานี จำนวน 17 นาย และกองทัพภาคที่ 1 กองทัพอากาศ ดอนเมือง จำนวน 25 นาย รวมทั้งสิ้น 92 นาย

โอกาสนี้ได้นิมนต์พระครูกิตติปัญญานุยุต (สินทำ กิตติปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดสามัคคีอุปถัมภ์(วัดป่าภูกระแต) พร้อมคณะะสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถาประพรมน้ำพระพุทธมนต์และมอบวัตถุมงคล เพื่อเป็นสิริมงคลเป็นขวัญกำลังใจ

จากนั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ หัวหน้าส่วนราชการ ได้พบปะทหารใหม่บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและอบอุ่น พร้อมทั้งให้โอวาทขอให้พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ญาติ พี่น้อง ทหารใหม่ ที่จะต้องไปเข้ารับราชการทหารกองประจำการในวันนี้ว่า ขอให้มั่นใจในกองทัพ มั่นใจในผู้บังคับบัญชา จะดูแลบุตรหลานเป็นอย่างดีระหว่างการฝึกและตลอดระยะเวลาที่เข้าอยู่กองประจำ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป

ข่าว/ภาพ ณัฏฐ์ ณฐพรหม บึงกาฬ

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พิธีปิดโครงการฝึกอบรม “หลักสูตรการนวดและสปาเพื่อสุขภาพ” [รุ่นที่ 1]

30 เมษายน 2568 : 15.00 น. สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล โดย พ.ต.ศิริชัย ทรัพย์ศิริ นายกสมาคมฯ/กรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ::

ร่วมพิธีปิดโครงการฝึกอบรม “หลักสูตรการนวดและสปาเพื่อสุขภาพ” [รุ่นที่ 1] สำหรับคนพิการ/ผู้ดูแลคนพิการ/คนในครอบครัวของคนพิการ จัดโดย สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

ระหว่างวันที่ 28-30 เมษายน 2568 ซึ่งมี ร.ต.ท.ดร.มนัส โนนุช ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ เป็นประธานในพิธีปิด ณ ห้องประชุม 307 ตึกมหิดล สภาสังคมสงเคราะห์ฯ ถ.ราชวิถี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่1

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /กอ.รมน.จ. ส.ท. ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย ในพื้นที่ อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย

ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่าเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 68 เวลา 0930 พ.อ.พิทยา ราชะพริ้ง รอง ผอ.รมน.จังหวัด ส.ท. (ท.) พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัด ส.ท. ร่วมกับ นายบุญส่ง ชำนาญเสือ นายก อบต.นาเชิงคีรี และ นายสายชล ถึงเป้ ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.นาเชิงคีรี ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบวาตภัย ในพื้นที่ ม.1 ต.นาเชิงคีรี อ.คีรีมาศ จว.ส.ท. ซึ่งได้รับผลกระทบ เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 68 เวลา 1620 ที่ผ่านมา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบฯ และพร้อมบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความช่วยเหลือ,ฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
กิตติ พรดวงจันทร์ สุโขทัย

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯ มุกดาหาร ยืนยัน สนามบินมุกดาหารเดินหน้าสร้างต่อ มติ ครม.ให้เร่งรัดไม่ใช่ยกเลิก

เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ห้องประชุมแก่งกะเบา ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยมีนายคณิต ปัญติโย ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดมุกดาหาร และ นส.เยาวลักษณ์ ตั้งประกิจ นายกสมาคมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดมุกดาหาร พร้อมผู้ประกอบการตลาดอินโดจีนเข้า

ร่วมรับฟังด้วย โดยสืบเนื่องจากกรณีที่มีสื่อมวลชนส่วนกลางนำเสนอข่าวว่า ในขณะนี้กระทรวงคมนาคมไม่มีนโยบายสร้างท่าอากาศยานมุกดาหาร เนื่องจากการพิจารณาผลการศึกษาการก่อสร้างท่าอากาศยานมุกดาหารที่กรมท่าอากาศยานได้สรุปการศึกษาพบว่าไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ นั้น ขอเรียนว่าปัจจุบันยังคงมีการขับเคลื่อนและดำเนินโครงการท่าอากาศยานมุกดาหารเช่นเดิม โดยในปีงบประมาณ 2568 ยังคงมีการศึกษาการจัดตั้งท่าอากาศยานมุกดาหารและการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)

ส่วนประเด็นที่การดำเนินโครงการมีความคุ้มค่าหรือไม่นั้น ก่อนที่จะเริ่มกระบวนการศึกษาการจัดตั้งท่าอากาศยานมุกดาหารและการออกแบบผังแม่บททางวิ่งทางขับลานจอดเครื่องบินและองค์ประกอบอื่นๆ ก็ได้ผ่านกระบวนการศึกษาความเป็นไปได้ซึ่งรวมถึงการประเมินความคุ้มค่าแล้ว ต่อมาจึงได้นำไปสู่กระบวนการจ้างที่ปรึกษาออกแบบผังแม่บททางวิ่ง ทางขับ ลานจอดเครื่องบินและองค์ประกอบอื่น ซึ่งหลังจากแล้วเสร็จก็จะนำเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อประเมินพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม และก็จะเข้าสู่กระบวนการจัดหางบประมาณดำเนินการต่อไป

อีกทั้งในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่(จังหวัดนครพนม) เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ได้มีการนำเสนอประเด็นขอรับการสนับสนุนของภาคเอกชนในเรื่องการเร่งรัดดำเนินโครงการท่าอากาศยานมุกดาหาร โดยในระยะแรกให้ใช้ประโยชน์จากสนามบินสะหวันนะเขต สปป ลาว ในการเดินทางมาจังหวัดมุกดาหารและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งที่ประชุมก็ได้มีมติมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาเร่งรัดดำเนินการต่อไป

ผู้ว่าฯมุกดาหารยืนยันโครงการก่อสร้างสนามบินมุกดาหารไปต่อ #จังหวัดมุกดาหาร​ ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สว.พบประชาชน กลุ่มภาคกลาง (ตอนล่าง) เปิดเวทีเชิงรุก ลงพื้นที่รับฟังปัญหาพี่น้องประชาชน จ.ประจวบคีรีขันธ์

วันพุธที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมพระเทพสิทธิวิมลเมตตา โรงเรียนประจวบวิทยาลัย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน กลุ่มภาคกลาง (ตอนล่าง) นำโดย พล.ต.ท. ยุทธนา ไทยภักดี ประธานกรรมการ นางวราภัสร์ ไพพรรณรัตน์ รองประธานกรรมการคนที่ 1

น.ส.มาเรีย เผ่าประทาน น.ส.นิชาภา สุวรรณา สมาชิกวุฒิสภา จ.ประจวบคีรีขันธ์ และคณะสมาชิกวุฒิสภา ลงพื้นที่เพื่อรับฟังข้อมูล ข้อเท็จจริงและประเด็นปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยมี นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล นายสินาทร โอ่เอี่ยม รอง ผวจ.ประจวบฯ ผู้แทนส่วนราชการ ผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น สื่อมวลชน และพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมโครงการฯ

หลังจากรับชมวีดิทัศน์เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่และอำนาจของวุฒิสภา พล.ต.ท. ยุทธนา ไทยภักดี ประธานกรรมการ ได้กล่าวเปิดโครงการฯ และวัตถุประสงค์ของการลงพื้นที่ของโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนกลุ่มภาคกลาง (ตอนล่าง) จากนั้นคณะสมาชิกวุฒิสภาได้ร่วมพูดคุยถึงบทบาทหน้าที่และอำนาจ รวมถึงผลงานสำคัญของวุฒิสภาที่ผ่านมา เวลาประมาณ 10.00 น. คณะสมาชิกวุฒิสภาร่วมรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนในด้านต่าง ๆ ผ่านเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่มย่อย ได้แก่

  1. ด้านเกษตรกรรม เช่น ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ต้นทุนการผลิต ปัญหาศัตรูพืชระบาด การระบาดของแมลงศัตรูมะพร้าว ปัญหาเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกินในเขตนิคมสหกรณ์ ปัญหาช้างป่ากัดกินพืชผลทางการเกษตร ปัญหาของชาวประมง และปัญหาด้านโคเนื้อตกต่ำ
  2. ด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ การพัฒนาท่องเที่ยว การพัฒนาชุมชนไม่สอดคล้องกับการท่องเที่ยว การคมนาคมไม่เข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะระบบรถสาธารณะ
  1. ด้านทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และอุตสาหกรรม ได้แก่ ปัญหาฝุ่น pm 2.5 ปัญหาสารเคมีไหลลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ปัญหาจากกการให้อนุญาติสัมปทานเหมืองหินในพื้นที่ตัวเมืองประจวบฯ
  2. ปัญหาสังคม ได้แก่ ปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่และยาเสพติด ปัญหากลุ่มผู้สูงอายุหรือกลุ่มเปราะบางถูกทอดทิ้ง และเข้าไม่ถึงระบบทางภาครัฐ ปัญหาการไม่มีไฟฟ้าใช้ของประชาชนในพื้นที่ ต.บึงนคร ในเขตปลอดภัยทางทหาร
  3. ด้านโลจิสติกส์ การขอสร้างสถานีขนส่งรถโดยสารของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การงดใช้รถตู้โดยสารให้หันมาใช้รถแบบมินิบัส การขนส่งสาธารณะถึงแหล่งท่องเที่ยว การหันมาใช้รถสาธารณะระบบรถไฟฟ้า ( EV )

การลงพื้นที่โครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีในการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ พี่น้องประชาชน และวุฒิสภา โดยเปิดเวทีให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการสะท้อนปัญหา ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับวุฒิสภาได้โดยตรง ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาจะได้นำข้อมูลและข้อเสนอแนะในทุกประเด็นที่ได้รับนำไปสู่การดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของวุฒิสภาต่อไป
////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

​สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ปชช.เรียกร้อง ผวจ. ส.ส. ส.ว.- เอกชนมุกดาหาร แอคชั่น – แจงกรณีข่าวยกเลิกการก่อสร้างสนามบิน/รถกู้ชีพ อบต.บ้านโคก ชนปะทะรถขนกระเทียม กลายเป็นเศษซากกระจายเกลื่อนสี่แยก ธกส.มุกดาหาร

สืบเนื่องจากกรณีที่นายสุริยะ จึงรุ่เรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. คมนาคม ออกมาเปิดเผยว่า ในการประชุมบุรณาการร่วมภาครัฐ และ เอกชน เพื่อพัฒนาจังหวัดภากตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (สกลนคร นครพนม และมูกดาหาร) ทิ่ จ.นครพนม ว่าทางภากเอกชนต้องการให้ก่อสร้างท่าอากาศยานมุกดาหาร แต่เบื้องต้นจากการพิจารณาผลการศึกษาการก่อสร้างท่าอากาศยานมุกคาหาร ที่กรมท่าอากาศยานได้สรูปผลศึกษา พบว่า ไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ กระทรวงคมนาคม จะประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเจรจาขอความร่วมมือกับสาธารณรัฐประชาธิปไดยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ใช้ท่าอากาศยานนานาชาติสะหวันนะเขต เป็นจุดเดินทางมามุกดาหารแทน นั้น ปรากฏว่าได้มีประชาชนจำนวนมากในจังหวัดมุกดาหารออก

มาวิพากษ์วิจารณ์แสดงความคิดเห็นในรื่องดังกล่าวอย่างกว้างขวาง พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้บริหารทั้งภาครัฐ เอกชน และการเมือง โดยเฉพาะ 3 ส.ส. 2 ส.ว. ผู้ว่าราชการจังหวัด ประธานหอการค้า ประธานสภาอุตสาหกรรม และประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ของจังหวัดมุกดาหารออกมากล่าวให้ประชาชนได้รับทราบว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปบ้าง และเมื่อโครงการถูกยกเลิกดังกล่าว ได้มีแนวคิดที่จะดำเนินการผลักดันหรือดำเนินการอย่างไรต่อไปหรือไม่ อย่างไรขณะที่ รัฐบาลได้เร่งรัดโครงการศูนย์ขนส่งชายแดน One Stop Service ที่ด่านศุลกากรนครพนม อำนวยความสะดวกทางการค้าและการส่งออกเชื่อมโยง การค้าลาว เวียดนาม จีนตอนใต้ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้เป็นศูนย์ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) สามารถดำเนินพิธีการนำเข้าและส่งออกได้ในจุดเดียว ตามมติคณะรัฐมนตรี

นอกจากนี้ ยังผลักดันให้จังหวัดนครพนมก้าวขึ้นเป็น Gateway และศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน พร้อมทั้งลดข้อจำกัดของภาครัฐในการดำเนินโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พร้อมทั้งมอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนาพื้นที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 (นครพนม – คำม่วน) ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดนครพนมต่อไป นั้น ในส่วนของจังหวัดมุกดาหารซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ได้รับการสนับสนุนอะไรที่ทัดเทียมกันหรือไม่

กระทรวงคมนาคมยกเลิกสนามบินมุกดาหาร #จังหวัดมุกดาหาร​ ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

รถกู้ชีพ อบต.บ้านโคก ชนปะทะรถขนกระเทียม กลายเป็นเศษซากกระจายเกลื่อนสี่แยก ธกส.มุกดาหาร

เมื่อเวลา 03.15น. ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 สภ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร ได้รับแจ้งว่ากิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันอย่างแรงจนทำให้ชิ้นส่วนของรถยนต์และสิ่งของที่บรรทุกมากระจายไปเต็มพื้นที่ถนนชยางกูร ที่บริเวณสี่แยก ธกส.มุกดาหาร เขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร

จึงได้ประสานขอความช่วยเหลือจากนายอดุลย์ ศิริมันต์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองมุกดาหาร นำกำลังเจ้าหน้าที่และรถกู้ภัยช่วยดำเนินการเก็บเศษซากต่างๆ บนท้องถนน เพื่ิอเปิดการจราจรบนถนนดังกล่าวด้วย จากการนำเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันฯเทศบาลเมืองมุกดาหาร

ออกตรวจสอบช่วย้หลือ พบรถกู้ชีพขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโคก ชนกับรถกระบะโตโยต้า บรรทุกกระเทียมมาเต็มคัน หมายเลขทะเบียน บต 8819 มุกดาหาร จนทำให้รถมีสภาพเกือบหักครึ่งท่อนเศษซากชิ้นส่วนรถและกระเทียม

กระจายเกลื่อนพื้นถนน เสาไฟฟ้าและป้ายแจ้งเตือนจราจรหักเสียหาย เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันฯ จึงได้ทำการเก็บเศษซากต่างๆบนพื้นถนนจนทำให้สามารถเปิดการจราจรตามปกติได้ในเวลาต่อมา

รถกู้ชีพชนปะทะรถขนกระเทียมกระจายเกลื่อนสี่แยกมุกดาหาร #จังหวัดมุกดาหาร​ ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ ​โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สมศักดิ์- ลงพื้นที่พบปะ บุคลากรการแพทย์-อสม.บึงกาฬ เปิดโครงการ “บริการทุกช่วงวัย” ดูแลสุขภาพประชาชน

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงพยาบาลบึงกาฬ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ หลังจากประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดนครพนม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวีนพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข

พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม พบปะให้กำลังใจบุคลากรการแพทย์ และอาสาสมัครสาธารณสุขในหมู่บ้าน(อสม.) ในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ โดยมีนายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นางแว่นฟ้า ทองศรี นายก อบจ.บึงกาฬ

นายนิพนธ์ คนขยัน สส.บึงกาฬเขต1 พรรคเพื่อไทย นางอรอุมา บุญสิริ สส.บึงกาฬ เขต 2 พรรคภูมิใจไทย นายภมร ดรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ นพ.กมล แซ่ปึง ผอ.โรงพยาบาลบึงกาฬ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการบุคลากรการแพทย์ และ อสม.ให้การต้อนรับ

โครงการ “บริการทุกช่วงวัย ด้วยความห่วงใย ของกระทรวงสาธารณสุข จ.บึงกาฬ” มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมครอบคลุมทุกช่วงวัย ตั้งแต่ การส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การตรวจรักษา ฟื้นฟู

การดูแลแบบประคับประคอง การดูแล สุขภาพกาย จิตใจ และ สังคม ตามบริบทของพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยกิจกรรมการคัดกรองเชิงรุก ได้มีคลินิกบริการสุขภาพเคลื่อนที่ ใน 10 สาขา ได้แก่

o คลินิกโรคอ้วน
o คลินิกโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)
o คลินิกโรคไต
o คลินิกโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ
o คลินิกต้อกระจกและจอประสาทตา
o คลินิกมะเร็งปากมดลูกและวัคซีน HPV
o คลินิกผ่าตัดวันเดียวกลับ
o คลินิกตรวจการได้ยินและมอบเครื่องช่วยฟัง
o คลินิกผ่าตัดนิ้วล็อค
o คลินิกฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

พร้อมกันนี้ได้มอบแว่นตาให้กับตัวแทนผู้สูงอายุจำนวน 5 ราย ผลักดัน พรบ.อสม.เพื่อความมั่นคงในชีวิต แก้ไขปัญหาหมอขาดแคลนอย่างยั่งยืน และส่งเสริมค่ายบำบัดฟื้นฟูยาเสพติด “คืนคนดีสู่สังคม” มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ได้ประชุมรับฟังสรุปปัญหาข้อเสนอแนะจากแพทย์สาขาวิชาชีพ เพื่อปรับปรุงและขับเคลื่อนโครงการสุขภาพสาธารณสุขให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ข่าว/ภาพ ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตรวจเยี่ยม นบ.ยส.24 บูรณาการ“Seal Stop Safe” เพื่อป้องกันยาเสพติดเข้าสู่ประเทศ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล

วันที่ 28 เมษายน 2568 เวลา 1330 น. ที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ลงพื้นที่ติดตามการปฏิบัติงานในพื้นที่ จังหวัดนครพนมตรวจเยี่ยมหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อติดตามปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ผนึกกำลัง อำเภอชายแดน

เพื่อมอบนโยบายในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน เร่งรัดการดำเนินงานสกัดกั้น ยาเสพติดตามแนวชายแดนให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบาย เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลตำรวจเอก ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุม โดยได้รับฟังบรรยายสรุปสถิติและการปฏิบัติที่สำคัญแต่ละมาตรการตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน ตัวชี้วัดประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่เป้าหมาย แนวโน้มสถานการณ์ยาเสพติด กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งมอบนโยบาย ข้อสั่งการ และข้อเน้นย้ำ แนวทางการปฏิบัติงาน ตามที่รัฐบาลได้ออกประกาศเรื่องกำหนดพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและผู้รับผิดชอบ

เพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปีงบประมาณ 2568 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่อำเภอชายแดนเป็นพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนใน 7 จังหวัด 25 อำเภอชายแดน มีหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) เป็นหน่วยรับผิดชอบ มีภารกิจวางแผนบูรณาการอำนวยการประสานงาน ในการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติดสารตั้งต้น

และเคมีภัณฑ์ ปราบปรามเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด บำบัดผู้ป่วยจิตเวช ยาเสพติด จัดตั้งหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็งเอาชนะยาเสพติด ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และแก้ไขปัญหายาเสพติดด้านอื่นๆในพื้นที่ชายแดน โดยได้ดำเนินการตาม 6 มาตรการหลัก ได้แก่ มาตรการสกัดกั้น มาตรการปราบปราม มาตรการป้องกัน มาตรการบำบัดรักษา มาตรการบูรณาการ มาตรการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่าการมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ที่ปฏิบัติงานของหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปรามปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือในวันนี้ ถือว่าเป็นหน่วยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาสำคัญหลักของชาติ โดยเฉพาะปัญหาด้านยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมาอย่างยาวนาน และรัฐบาลนี้ก็ให้ความสนใจให้ทุ่มเทในการแก้ปัญหาดังกล่าวนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศชาติ มีความมั่นคงปลอดภัย และนับว่าเป็นโอกาสอันดี ที่ผมและทีมงาน ได้เข้ามารับทราบผลการปฏิบัติงานรวมถึงรับทราบปัญหา

ข้อขัดข้องเพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหา และเพื่อเป็นการ​ เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้น ขอชื่นชมในความทุ่มเท เสียสละ และความมุ่งมั่นของทุกท่านในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศ และดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชนโดยเฉพาะในภารกิจด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสังคมไทยจากการรับฟังบรรยายสรุป เห็นถึงความเข้มแข็ง และความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการดำเนินการสกัดกั้น ลำเลียง ปราบปราม ตลอดจนบำบัดและฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากยาเสพติด ซึ่งมีผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งในพื้นที่ชายแดนและตอนใน โดยเฉพาะการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ นบ.ยส.24 รวมถึงการขับเคลื่อน “ธวัชบุรีโมเดล” ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของการบูรณาการและสร้างความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหา และขอให้หน่วยดำเนินการดำรงความเข้มแข็งในการปฏิบัติงานเชิงรุก โดยใช้การข่าวและการลาดตระเวนเชิงลึก ควบคู่กับเทคโนโลยี เพื่อสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้ามาในประเทศได้ตั้งแต่แนวหน้า ส่งเสริมการประสานความร่วมมือข้ามหน่วยงานและข้ามพรมแดน เพื่อเสริมสร้างระบบความมั่นคงแนวชายแดน โดยเฉพาะการมีจุดประสานงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง

ให้ความสำคัญกับการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนเข้มแข็ง เป็นปราการด่านหน้าในการเอาชนะยาเสพติด และเป็นกลไกในการดูแล พี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด สนับสนุนภารกิจการฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเพื่อปราบปรามกลุ่มผู้กระทำผิด เร่งรัดการผลักดันโครงการที่จำเป็นเร่งด่วน และการของบประมาณสนับสนุนจากกองทุนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมศักยภาพและขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจ ผมมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของกำลังพลทุกนายว่า จะสามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อปกป้องประชาชนและประเทศชาติให้ปลอดภัยจากภัยยาเสพติด และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนได้อย่างยั่งยืน

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / Movie Copyright (Thailand) ส่งท้ายไตรมาสที่ 2 ปี 68 ด้วยภาพยนตร์ 3 เรื่อง 3 รส

      เป็นค่ายภาพยนตร์น้องใหม่ที่นำภาพยนตร์ดี ๆ เข้าฉายให้คอหนังในเมืองไทยได้ดูอย่างต่อเนื่องสำหรับ Movie Copyright (Thailand) ล่าสุดบริษัทฯ พร้อมส่งภาพยนตร์ 3 เรื่อง 3 รสออกสู่สายตาคอหนังในเมืองไทยเพื่อเป็นการส่งท้ายไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 เริ่มจาก “Kraken - คราเคน เลื้อยสยอง 20000 โยชน์” ที่จะเข้าฉายในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้กับเรื่องราวที่เล่าขานมานานนับหลายศตวรรษของชาวเรือที่ว่าด้วย “คราเคน” อสุรกายในตำนานที่เปรียบเสมือนมัจจุราชแห่งท้องทะเล ซึ่งกลายมาเป็นแรงบันดาลใจของ “นิโคไล เลเดเบฟ” ผู้กำกับฯ ชาวรัสเซียที่ได้หยิบเอาความยิ่งใหญ่ของคราเคน อสูรยักษ์ที่ชาวทะเลเหนือหวาดผวามาสรรค์สร้างให้เป็นมหึมาความบันเทิงที่เปิดตัวด้วยรายได้อันดับ 1 ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน (จากข้อมูลของเว็ปไซด์ Kinobusiness.com) ด้วยการทำเงินไปได้ถึง 167.9 ล้านรูเบิล หรือประมาณ 68 ล้านบาทไทย เอาชนะ Bataya 2 : Grandfather ที่ทำเงินในอันดับ 2 ไปเพียง 112.9 ล้านรูเบิล และ “Minecraft” หนังไลฟ์-แอ็คชั่นของวอร์เนอร์ บราเธอร์ส พิคเจอร์ส ที่ทำรายได้ในอันดับที่ 3 อยู่ที่ 27.5 ล้านรูเบิ  ส่วนในเดือนมิถุนายนทางค่ายเตรียมส่ง “It Feeds - นรกกลืนกิน” ภาพยนตร์สยองขวัญจากฝีมือการเขียนบทและกำกับฯ ของ “แชด อาร์ชิบอลด์” (แห่ง I’ll Take Your Dead) ที่ว่าด้วยเรื่องราวของเด็กสาวผู้พบว่าตนเองกำลังถูกเล่นงานโดยวิญญาณที่ชั่วร้าย สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้แม่ของเธอต้องใช้พลังพิเศษที่มีอยู่เพื่อหยุดยั้งพลังอันชั่วร้ายนั้น ก่อนที่วิญญาณของบุตรสาวจะถูกมันกลืนกินจนหมดสิ้น นำแสดงโดย 2 นักแสดงเจ้าบทบาท “แอชลีย์ กรีน” (จาก The Twilight Saga – แวมไพร์ ทไวไลท์) และ “ชอว์น แอชมอร์” (นักแสดงหนุ่มเจ้าของบท ไอซ์แมน จากภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ของ มาร์เวล สตูดิโอส์ เรื่อง X-Men / X-เม็น ศึกมนุษย์พลังเหนือโลก) ตบท้ายด้วยภาพยนตร์ไทยเจ้าของ 6 รางวัลตุ๊กตาทองประจำปี 2538 “มหัศจรรย์แห่งรัก” ฉบับรีมาสเตอร์ทั้งภาพและเสียงในความคมชัดระดับ 4K กับเรื่องราวความรักวุ่น ๆ ของหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่แทนที่พวกเขาจะได้พบกับความสุข ความสมหวัง แต่เพราะความสัมพันธ์เก่า ๆ ของบางคนในอดีตกลับกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนจะไม่มีวันลืมไปจนชั่วชีวิต ผลงานการกำกับฯของ ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล นำแสดงโดย สินจัย เปล่งพานิช,สันติสุข พรหมศิริ,ศรัณยู วงษ์กระจ่าง,วิลลี่ แมคอินทอช, นุสบา วานิชอังกูร, เล็ก ไอศูรย์ และ อังคณา ทิมดี

เตรียมพบกับผลงานระดับคุณภาพจาก Movie Copyright (Thailand) ได้เร็วๆ นี้ อีกไม่นานเกินรอในโรงภาพยนตร์เท่านั้น

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง