สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ธ.ก.ส. ยกหนี้ให้ครอบครัว “จ่าโต๋” ทหารกล้า – ภรรยาเผย “จะเลี้ยงลูกชายให้โตขึ้นเป็นทหารอย่างพ่อ เพื่อรับใช้ชาติ”

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ห้องประชุม ธ.ก.ส. จังหวัดมุกดาหาร นายอติพิชญ์ จันทร์เพ็ง ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดมุกดาหาร แถลงข่าวการยกหนี้ให้แก่ครอบครัวของทหารผู้เสียสละ

โดยมีครอบครัวของจ่าสิบเอก ธวัชชัย บุสภา หรือ “จ่าโต๋” เข้าร่วมประกอบด้วย นายเฉลิมชัย บุสภา บิดา, นางวิไล บุสภา มารดา, นางสาวรจรินทร์ สิงห์ศร ภรรยา และเด็กชายธนดล บุสภา บุตรชาย พร้อมด้วย พ.อ.อำนวย ยอดพันธ์ รอง ผอ.รมน.จังหวัดมุกดาหาร ร่วมเป็นสักขีพยาน

จ่าโต๋ สังกัดกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 106 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 6 เสียชีวิตจากเหตุปะทะ ณ ฐานปฏิบัติการฟ้าลั่น อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งสร้างความเสียใจแก่ครอบครัวและประชาชนทั้งประเทศ

มารดาของจ่าโต๋เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. สาขาคำชะอี ได้กู้เงินประกอบอาชีพเลี้ยงโคขุน 11 ตัว เมื่อเกิดเหตุการณ์สูญเสีย ธ.ก.ส. ได้เร่งให้ความช่วยเหลือ โดยอนุมัติ “การยกหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมด” ตามนโยบายช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ

นายอติพิชญ์ กล่าวว่า นโยบาย “ช่วยเหลือด้วยหัวใจ” ของ ธ.ก.ส. ไม่ใช่เพียงเรื่องการเงิน แต่สะท้อนถึงการยืนหยัดในฐานะสถาบันที่เคียงข้างประชาชนในทุกมิติของชีวิต

นางวิไล บุสภา มารดาจ่าโต๋กล่าวทั้งน้ำตาคลอเบ้าว่า “ลูกชายคือความภูมิใจของครอบครัว รู้สึกซาบซึ้งใจและขอขอบคุณที่ ธ.ก.ส. และทุกหน่วยงานช่วยเหลือไม่ทอดทิ้ง”

ขณะที่ นางสาวรจรินทร์ สิงห์ศร ภรรยาจ่าโต๋ก็เผยว่า จะเลี้ยงดูลูกชายคนเดียวให้ดีที่สุดในแบบที่พ่อของเขาหวังไว้ “ทุกครั้งที่จ่าโต๋โทรมา ต้องวิดีโอคอลหาลูกก่อนเสมอ… ลูกจะโตขึ้นเป็นคนดีและจะให้เดินตามรอยพ่อเป็นทหารรับใช้แผ่นดินไทย”

ธวัชชัยบุสภา #ธกส #ธกสมุกดาหาร #ทหารกล้า #ยกหนี้ #ชายแดนไทยกัมพูชา #เพื่อชาติ #จ่าโต๋ #มุกดาหาร #ช่วยเหลือด้วยหัวใจ #NewsUpdate #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้////ภาพ​/ข่าว​ ธวัชชัย​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สภ.โคกสำโรง ภจ.ว.ลพบุรี ประชุมชี้แจงการบริหารงานต่อคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง ครั้งที่ 3 /2568

วันที่ 6 สิงหาคม 2568 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุมสถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง โดยมี พ.ต.อ. จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก. สภ. โคกสำโรง นางสาวนงลักษณ์ อยู่พุ่ม ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองอำเภอโคกสำโรง

นายณัฎพงษ์ อารยางกูร ประธาน กต.ตร.สภ.โคกสำโรง พร้อมด้วยคณะกรรมการ กต.ตร.สภ.โคกสำโรง และที่ปรึกษา กต.ตร.สภ.โคกสำโรง เข้าร่วมประชุมรับฟังการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจสถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี

โดยนางสาวนงลักษณ์ อยู่พุ่ม ปลัดอำเภอโคกสำโรง หัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองอำเภอโคกสำโรง ได้รับคำสั่งจากอธิบดีกรมการปกครอง สั่งการด่วน ถึงนายอำเภอทั่วประเทศ X-Ray “โดรน” เชิงรุกสืบหาความเคลื่อนไหว การนำเข้าโดรนในพื้นที่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง ได้สั่งการนายอำเภอทั่วประเทศ X-Ray โดรน เชิงรุก สืบหาความเคลื่อนไหว

การนำเข้าโดรนในพื้นที่ โดยให้เร่งประสานการปฏิบัติกับผู้กำกับการทุกสถานีตำรวจภูธร หาข่าวการนำเข้า การมีอยู่ การเตรียมนำไปใช้ของโดรน และอุปกรณ์ควบคุมที่ผิดสังเกตทุกกรณี พร้อมเร่งตรวจสอบหน่วยควบคุมการใช้งานโดรนผิดกฎหมาย และได้ชี้แจงเกี่ยวกับชุด ชรบ.หมู่บ้านในเขตพื้นที่อำเภอโคกสำโรง ให้ที่ประชุมรับทราบ

จากนั้นประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบตามระเบียบวาระประชุม พร้อมทั้งรายงานสถานภาพอาชญากรรมของ สภ.โคกสำโรง งานป้องกันปราบปราม การจับกุมอาวุธปืน ( พร้อมภาพนำเสนอโดย) พ.ต.ท.มนตรี เล่ห์อิ่ม รอ ผกก.ป.สภ.โคกสำโรง งานสืบสวน สถิติการจับอาวุธปืน,ยาเสพติด ( พร้อมภาพนำเสนอโดย) พ.ต.ท.ณฐรัช สินธุโคตร รอง ผกก.สส.สภ.โคกสำโรง

งานสอบสวน พ.ต.ท.อนันต์ ปานทอง รอง ผกก.(สอบสวน)สภ.โคกสำโรง) การดำเนินการตามโครงการและนโยบายต่าง ๆ และรายงานผลการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เช่น อำเภอ อบต. สาธารณสุข เทศบาล เป็นต้น ร่วมกับเทศบาลตำบลโคกสำโรง

จัดระเบียบการวาง “ขายของ” ในเขตเทศบาลโคกสำโรง รวมถึงการแก้ไขปัญหาการร้องเรียนข้าราชการตำรวจเรื่องทั่วไป เรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น และการได้รับความร่วมมือหรือสนับสนุนจากประชาชน ชุมชน ท้องถิ่นหน่วยงานอื่นๆ
ทั้งนี้ในที่ประชุม

ได้ยกย่องชมเชยข้าราชการตำรวจที่มีผลการงานดีเด่นในด้านความซื่อสัตย์สุจริต ส.ต.ท.สุรชัย พลเทพ ผบ.หมู่(ป.)สภ.โคกสำโรง ข้าราชการตำรวจดีเด่น ด้านงานป้องกันปราบปราม ประจำปี 2568

รวมถึงการรับฟังปัญหาข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะของ กต.ตร.สภ.โคกสำโรง เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการให้บริการประชาชน และปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุดยิ่งๆขึ้นต่อไป

สนอง แท่นสูงเนิน
ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯ ชลบุรี แถลงข่าวกวาดล้างยาเสพติดอำเภอบางละมุง ภายใต้ปฏิบัติการ “No Drugs No Dealers” ก่อนเป็นเชฟทอดไข่ให้ จนท. รับประทาน

 วันที่ 6 ส.ค.68 ที่สถานีตำรวจภูธรบางละมุง จ.ชลบุรี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมคดีร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดรายสำคัญ ตามโครงการของรัฐบาลภายใต้ชื่อปฏิบัติการ “No Drugs No Dealers” ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

การแถลงข่าวจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง และสถานีตำรวจภูธรบางละมุง โดยมี พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี, นายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอบางละมุง, พ.ต.อ.สราวุธ นุชนารถ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางละมุง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง ร่วมในพิธี พร้อมด้วยสื่อมวลชนที่เข้าร่วมทำข่าวอย่างคับคั่ง

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเบาะแสจากสายลับว่ามีการซื้อขายยาเสพติดผ่านแอปพลิเคชันไลน์ โดยใช้ชื่อ “เจริญ...” เป็นช่องทางในการติดต่อซื้อขาย โดยมีการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารต่าง ๆ และมีการวางยาเสพติดตามจุดนัดหมายต่าง ๆ เจ้าหน้าที่จึงวางแผนสั่งซื้อยาบ้า จำนวน 3 มัด ประมาณ 6,000 เม็ด และยาไอซ์ 200 กรัม เพื่อล่อซื้อ

 ต่อมาได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายบริเวณซอยเขามะกอก 1/1 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง และสามารถจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย คือ นายวัฒน์ ซึ่งให้การว่านำยาเสพติดมาจากบ้านพักของผู้ร่วมขบวนการอีก 2 รายที่ซอยหนองหิน 1 ถึง 1/1 ต.หนองปรือ เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 2 ราย ได้แก่ นายมนตรี และนายศุภพัฒน์ พร้อมของกลางประกอบด้วยยาบ้า 24,440 ยาไอซ์ 751 กรัม อาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อ Norinco สีดำ 1 กระบอก

 รวมของกลางที่ตรวจยึดได้ประกอบด้วย: ยาบ้า จำนวน 30,440 เม็ด, ยาไอซ์น้ำหนักรวม 951 กรัม, อาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อ Norinco สีดำ จำนวน 1 กระบอก ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย 1. นายวชิระ หรือวัฒน์ อายุ 33 ปี, 2. นายมนตรี หรือนุ๊ก อายุ 28 ปี และ3. นายศุภพัฒน์ หรือตี๋ อายุ 27 ปี

ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา“ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) โดยการขายอันเป็นการกระทำเพื่อ การค้า โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายและร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้ายาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อ จำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และนายมนตรีหรือบุ๊ก (ผู้ถูกจับที่ 2) มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ใน ความครอบครองโดยผิดกฎหมาย”

ภายหลังการแถลงข่าว นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอบางละมุง (ศอ.ปส.อ.บางละมุง) ณ อาคารกองร้อยอาสารักษาดินแดนที่ 5 ที่ว่าการอำเภอบางละมุง เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และร่วมประกอบอาหารกลางวันมอบแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่องด้วยมิตรไมตรีที่ดีร่วม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จับกุม2ผัวเมียตกงานผันตัวมาเป็นเอเย่นต์ขายยาบ้า

ธนากร โกศลเมธี รายงาน 0818923514 วันที่ 6 สิงหาคม 2568 ในช่วงระดมกวาดล้างยาเสพติด ระยะตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.68-30 ก.ย.68 ภายใต้อำนวยการและสั่งการของ พ.ต.อ.อนันท์ อนุตรเวสารัช ผกก.สภ.ละแม ปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด No Drugs No Dealer

นายเอนกชำนาญนา นายอำเภอละแม พร้อมด้วย พ.ต.ต.โตษณ พันธุ์ทอง สว.สส.สภ.ละแม ร.ต.อ.ธนธัช ประเทียบอินทร์ รอง สว.สส.สภ.ละแม, ร.ต.ต.ธานินทร์ ทองแดง รอง สว.(สส.)สภ.ละแม, ด.ต.ทินกร ทองอ่อน และ ส.ต.ท.สุวพันธ์ ดำวรรณ ร่วมกันจับกุมตัว 1.นายณัฐพงษ์หรือนัทสงวนนามสกุล อายุ 26 ปี ชาว ต.ละแม อ.ละแม จว.ชุมพร 2.น.ส.พรไพลินหรืออันปัน สงวนนามสกุล ชาว ต.ทุ่งคาวัด อ.ละแม จว.ชุมพร

ที่ บ้านเลขที่ 12 หมู่ที่ 6 ต.ละแม อ.ละแม จว.ชุมพร เป็นที่พักอาศัย ของทั่ง 2 คน ได้พร้อมด้วยของกลาง 1.ยาบ้า จำนวน 53 เม็ด 2.ไอซ์ หนัก 0.16 กรัม 3.กระดาษฟรอนด์ใชเสพ จำนวน 44 ชิ้น 4.ถุงแบ่ง ขนาด 4X6 จำนวน 53 ถุง 5.กระเป๋าซิปลายพรางทหาร จำนวน 1 ใบ 6.กระเป๋าลายการ์ตูนสีเขียว จำนวน 1 ใบ 7.พวงกุญแจสีน้ำเงิน ลักษณะเป็นแก้วเล็กๆ จำนวน 1 พวง 8.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การว่าเคยถูกจับกุมมาแล้วในคดีเสพยาเสพติดและได้พ้นโทษออกมาก็กลับมาเสพอีก และรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา หลังจากที่เสพยาแล้วไม่ได้ทำงานก็เลยหารายได้โดยนำยาเสพติดไปจำหน่ายเพื่อหาเงินมาซื้อยาเสพติเพื่อจำหน่ายและเสพ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาว่า

ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ไอซ์)โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนกฎหมาย ก่อนได้นำตัวทั้งสองพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ละแม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562

วันพุธที่ 6 สิงหาคม 2568 เวลา 9.00 น.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) โดยส่วนอุทยานแห่งชาติ ร่วมกับกลุ่มงานกฎหมาย จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ณ ห้องประชุมโรงแรมแพร่นครา อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่

และผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Zoom Meeting) ณ ห้องประชุมโรงแรมน่านตรึงใจ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน โดยมีนายกรัณย์พล แสงทอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 เป็นประธานการประชุม มีวัตถุประสงค์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ และนำความคิดเห็นมาใช้เป็น

แนวทางการในพัฒนาพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อลดความซ้ำซ้อนและขัดแย้งกันของกฎหมายลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคม เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ ประกอบด้วยผู้เข้าร่วมการประชุมจากหลายภาคส่วน เช่น

ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียผู้เข้าไปในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน และสวนรุกขชาติผู้ขออนุญาต หรือผู้ได้รับอนุญาตให้กระทำการในอุทยานแห่งชาติ

วนอุทยาน และสวนรุกขชาติผู้อยู่อาศัยหรือทำกิน ภายใต้โครงการอนุรักษ์ และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา ๖๔ แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖

ผู้ได้รับอนุญาตให้เก็บหาหรือใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ที่สามารถเกิดใหม่ ทดแทนได้ในเขตพื้นที่โครงการอนุรักษ์ และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนในอุทยานแห่งชาติตลอดจนประชาชนทั่วไป

หน่วยงานรัฐ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จำนวนรวมทั้งสิ้น 1๕0 คน แบ่งเป็น พื้นที่จังหวัดน่าน 78 คน และพื้นที่จังหวัดแพร่ 72 คน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ป.ป.ช.ลงพื้นที่เร่งรัดติดตามคดี อช.แก่งกระจาน บุกจับนายทุนรุกที่ป่า 4,000 ไร่ เสียหายกว่า 100 ล้านบาท DSi เตรียมรับเป็นคดีพิเศษ

จากกรณี นายมงคล ไชยภักดี หน.อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พ.ท.ชยานันท์ เสาตรง ศูนย์การทหารราบค่ายธนะรัชต์ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ร่วมลงพื้นที่ตรวจยึดไร่มะม่วงของเอกชนรายหนึ่ง ในพื้นที่บุกรุกเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และเขตที่ราชพัสดุ ร่วมเนื้อประมาณ 4,074–3–29 ไร่ (นส.3 ก.) บริเวณท้องที่หมู่ 1 ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ในพื้นที่ใช้ประโยชน์ของบริษัทแห่งหนึ่ง ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และที่ราชพัสดุ (ปข.605) ก่อนคณะเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาต่อ เอกชนและกรรมการผู้มีอำนาจลงนามบริษัทแห่งหนึ่ง และบุคคลที่ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินปัจจุบัน จำนวน15 ราย ในฐานร่วมกันกระทำความผิดบุกรุกพื้นที่ ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 , พ.ร.บ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 , พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2562 , พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 , และ ประมวลกฎหมายที่ดิน เมื่อวันที่ 8 ก.ค.68 ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันที่ 5 ส.ค.68 นายจักรกฤช ต้นเลิศ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค7 นำคณะ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ภาค7 เจ้าหน้าที่สำนักงานป.ป.ช.ประจวบฯ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSi ภาค7 เจ้าหน้าที่ทหาร ค่ายธนะรัชต์ สำนักงานธนารักษ์ ปลัดอำเภอหัวหิน ตร.สภ.หนองพลับ อบต.หนองพลับ สำนักโยธาธิการและผังเมือง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมเร่งรัดติดตามคดี บุกจับนายทุนไร่มะม่วงของเอกชนรายหนึ่ง หลังพบมีการบุกรุกขุดดินไปขาย ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และเขตที่ราชพัสดุ

ในพื้นที่ป่า4,000ไร่ บริเวณท้องที่หมู่1ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง จึงสรุปการประชุม โดยไร้วี้แววเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน จ.ประจวบ เข้าร่วมการประชุมแต่อย่างใด จากนั้นคณะเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานจะต้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบแปลงที่ดิน4,000ไร่ดังกล่าว แต่ทางบริษัทแจ้งว่าไม่อนุญาติให้เข้ามาตรวจสอบได้จึงต้องเดินทางกลับ ขณะที่ด้าน นายนพพร ปทุมเหง่า ผอ.สบอ.3 สาขาเพชรบุรี หลังได้รับรายงานจากเรื่องนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งสืบสวน หาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิดเพื่อหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วต่อไป

นายจักรกฤช ต้นเลิศ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปช.ภาค7 กล่าวว่า เบื้องต้นจากการประชุมหารือกันวันนี้ ได้ข้อสรุป 3 เรื่องได้แก่ 1.เรื่องมาตรการขุดดินต้องมีการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ให้มีหน่วยงานกำกับดูแลหน่วยเดียว ซึ่งเรื่องนี้มีมติ ครม.แล้ว มอบให้กระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการให้มีมาตรการและเสนอ ครม.ต่อไป วันนี้ลงพื้นที่มาติดตามมาตรการดังกล่าวยังไม่มีมาตรการดำเนินการจากกระทรวงมหาดไทย หลังจากนี้จะนำเรียนคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อจะเร่งรัดต่อไป 2.เรื่องการออกเอกสารสิทธิ์ ในที่ดินแปลงดังกล่าวที่มีการกล่าวอ้างว่าโดยมิชอบ ซึ่งหน่วยงานของรัฐในพื้นที่เข้าไปดำเนินคดีแล้ว เชื่อว่าทางทหารและอุทยานได้ทำเรื่องไปถึงกรมที่ดินและธนารักษ์

เพื่อขอให้เพิกถอน นส3ก. ที่เชื่อว่าออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ 3.เรื่องการขุดดินในพื้นที่ดังกล่าวดำเนินการโดยมิชอบ ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้แจ้งความดำเนินคดีกับเอกชนรายนี้แล้วที่เข้ามาบุกรุกพื้นที่ดังกล่าว และอยู่ในระหว่างดำเนินคดีของพนักงานสอบสวน สภ.หนองพลับและ DSI แล้วอยู่ระหว่างดำเนินการ ขณะที่ อบต.หนองพลับที่มีหน้าที่อนุญาตการขุดดิน และกำกับดูแลต่างๆ ขณะนี้ยังไม่ดำเนินการอะไร ก็จะนำเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช.ต่อไปว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัด อบต.หนองพลับ มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องที่ได้ข้อสรุปในการประชุมในวันนี้

ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีพื้นที่ประมาณ 4,000 ไร่ ตรวจสอบพบมีความเสียหายรวมมูลค่ากว่า100 ล้านบาท. ขณะที่เรื่องการตรวจสอบการเก็บภาษี เป็นอำนาจของ ป.ป.ช.ที่จะต้องเข้าไปตรวจสอบว่า มีการเก็บภาษีที่ดินครบถ้วนหรือไม่ และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ซึ่งหลังจากนี้ทาง ป.ป.ช จะติดตามเร่งรัดคดีนี้ให้มีความคืบหน้าโดยเร็ว ซึ่งหากเป็นความผิด กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2521 จนถึงปัจจุบันก็ขาดอายุความไปแล้ว

แต่ทางเอกชนไม่สามารถยกเรื่องอายุความมาต่อสู้ได้เพราะเป็นเรื่องทางแพ่งที่สามารถเพิกถอนสิทธิ์ได้ แต่ ป.ป.ช.มีความกังวลว่าคดีทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมส่วนใหญ่มาร้องเรียนแล้วก็ขาดอายุความเกือบทุกคดี ส่วนประเด็นที่เร่งรัดด่วนคือ กรณีเจ้าหน้าที่ของ อบต.หนองพลับ มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่อย่างไร เรื่องนี้ต้องเร่งดำเนินการคาดว่าภายใน1เดือนจะต้องหาข้อสรุปได้
/////////////////
ทีมข่าวเฉพาะกิจ จ.ประจวบคีรีขันธ์ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ศอ.บต. นำคณะ NCIA มาเลเซีย เยือนชายแดนใต้ หนุนความร่วมมือพัฒนาภูมิภาคกับไทย

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2568 นายกฤษณนันท์ กำไร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นางสาวนิโสรยา แวหะยี นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับคุณ Wan Rodziana Wan Hassan และคณะเจ้าหน้าที่สำนักงาน NCIA (Northern Corridor Implementation Authority)

ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเดินทางเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย (นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลาและสตูล) ระหว่างวันที่ 3 – 7 สิงหาคม 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับงานด้านการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อไทยและมาเลเซีย เพื่อกระชับความสัมพันธ์และสร้างเครือข่ายผู้ปฏิบัติงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของไทยกับมาเลเซีย โดยมีท่าน Muhamad Danial Atif Bin Nasiren กงสุลมาเลเซีย ณ จังหวัดสงขลา เป็นผู้ประสานงาน

สำหรับกิจกรรมในวันแรก (3 สิงหาคม 2568) เป็นการนำคณะเดินทางเยือนพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้กล่าวต้อนรับคณะเดินทาง โดยหน่วยงาน NCIA มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางและกลยุทธ์ในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคเหนือ

(NCER : (Northern Corridor Economic Region: NCER) ตามที่มาเลเซียได้ดำเนินนโยบายจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจขึ้นในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ เพื่อให้เกิดการกระจายความมั่งคั่งอย่างทั่วถึงทั่วประเทศ สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของชาติในการก้าวสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีรายได้สูง

ในห้วงหลายปีที่ผ่านมา มาเลเซียมีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่พัฒนาอย่างก้าวหน้าเป็นอย่างมากและมีสภาพที่เอื้อต่อการลงทุนมาก มีบริษัทข้ามชาติจำนวนมากเลือกลงทุนและจัดตั้งศูนย์ธุรกิจระดับโลกในพื้นที่ NCER ซึ่งแม้ว่ารัฐที่อยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคเหนือของมาเลเซีย จะไม่ได้มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดนราธิวาสของไทย แต่อย่างไรก็ตาม ได้มีการนำเสนอให้คณะเจ้าหน้าที่ NCIA ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับโครงการพัฒนาสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นในจังหวัดนราธิวาส เพื่อเชื่อมโยงไทยกับมาเลเซียในด้านเศรษฐกิจและสังคม

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณทาง ศอ.บต. ที่ได้จัดกำหนดการให้คณะเจ้าหน้าที่ NCIA ได้มาเยี่ยมชมศักยภาพของพื้นที่ที่มีความโดดเด่นทั้งในแง่ที่เป็นเมืองหน้าด่านสำคัญในภาคใต้ตอนล่าง มีเส้นทางรถไฟ มีสนามบินนานาชาติซึ่งกำลังขยายให้สามารถรองรับผู้โดยสารและสินค้าต่าง ๆ นอกจากนี้ จังหวัดนราธิวาสยังมีมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งเป็นแหล่งความรู้วิชาการสำคัญที่มีส่วนช่วยพัฒนาพื้นที่และประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดสอนในหลักสูตรองค์ความรู้สมัยใหม่เพื่อให้เรียนจบมามีงานทำและสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน

ซึ่งในช่วงเช้า คณะฯได้รับฟังการบรรยายสรุปความก้าวหน้าโครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงชายแดนและการขนส่งระหว่างประเทศ แผนการเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความสะดวกด้านการค้าชายแดนและระบบขนส่ง โครงการสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก ที่ อำเภอสุไหงโก-ลก

จังหวัดนราธิวาสกับรันเตาปันยัง รัฐกลันตันของมาเลเซีย ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางหาดใหญ่ – สุไหงโก-ลก และความเป็นไปได้ในการฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายสุไหงโก-ลก – รันเตาปันยัง โดยมีผู้แทนกรมศุลกากร กรมทางหลวง และการรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมให้ข้อมูล

จากนั้นในช่วงบ่าย คณะฯได้เดินทางไปมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษารองรับการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในส่วนที่เกี่ยวกับการสอนหลักสูตรสมัยใหม่ อาทิ ช่างเทคนิคระบบขนส่งทางราง ช่างเทคนิคอากาศยาน ช่างเทคนิคยานยนต์ไฟฟ้า และช่างเทคนิคระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ โดยได้ชมห้องปฏิบัติการไฟฟ้าระบบราง และสถานที่ฝึกปฏิบัติงานด้านเทคนิคอากาศยานอีกด้วย

ต่อจากนั้นคณะฯ ได้เดินทางไปยังท่าอากาศยานนราธิวาสเพื่อรับฟังการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาท่าอากาศยานนราธิวาสสู่การเป็นประตูเชื่อมการเดินทางสามจังหวัดชายแดนภาคใต้กับนานาชาติ ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่สำนักงาน NCIA ให้ความสนใจเกี่ยวกับการเปิดเส้นทางบินระหว่างจังหวัดนราธิวาสกับเมืองสำคัญของมาเลเซีย โดยเสนอให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงานด้านการคมนาคมขนส่งทางอากาศของไทยกับมาเลเซีย โดยสำนักงาน NCIA ยินดีจะรับเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานภายในมาเลเซียต่อไป

ตอริก สหสันติวรกุล รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / โครงการ “ฟุตบอลคลินิกสัญจร” เพื่อจุดประกายฝันและพัฒนาเยาวชนในพื้นที่ทุกอ. สนับสนุน สลากกินแบ่งรัฐบาล และการท่องเที่ยวและกีฬาจ.บึงกาฬ

นายณรงค์ศักดิ์ คุรุพันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยว่า โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อเริ่มต้นสร้างพื้นฐานด้านกีฬาฟุตบอลแก่เยาวชนในชุมชน พร้อมเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้จากวิทยากรผู้มีประสบการณ์จริงในระดับชาติและอาชีพ ซึ่งต่างเป็นบุคคลต้นแบบที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดบึงกาฬ

โดยมีไฮไลต์สำคัญคือการเข้าร่วมของ “เจ้าหมี” รัชชานนท์ ศรีนอก อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย รุ่นเยาวชน และชุดปรีโอลิมปิก ผู้เคยค้าแข้งกับหลายสโมสรชั้นนำ อาทิ โอสถสภา, สุพรรณบุรี เอฟซี, การท่าเรือ เอฟซี และลำพูน วอริเออร์

อีกทั้งยังได้รับเกียรติจาก ประธาน แม้นศิริ อดีตนักฟุตบอลชายหาดทีมชาติไทย สโมสร ปตท.ระยอง ซึ่งจะมาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ สร้างแรงบันดาลใจ และจุดประกายความฝันให้กับน้อง ๆ รุ่นใหม่

สำหรับโครงการฟุตบอลคลินิกสัญจร จะลงพื้นที่จัดกิจกรรมในทุกอำเภอของจังหวัดตลอดเดือนสิงหาคมนี้ โดยเปิดรับเยาวชนในท้องถิ่นเข้าร่วมแบบไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมส่งเสริมศักยภาพทางกีฬาอย่างยั่งยืน

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “เรือสำราญมุกดาหารปริ้นเซส” เกยตื้น! หลังน้ำโขงลดฮวบ ทำหัวเรือติดคาบันได

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดมุกดาหารว่า สถานการณ์ระดับน้ำแม่น้ำโขงในพื้นที่อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ยังคงผันผวนอย่างรวดเร็ว โดยหลังจากที่ระดับน้ำ

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 เพิ่มสูงขึ้นถึง 12.08 เมตร ทำให้เรือสำราญ “มุกดาหารปริ้นเซส” ซึ่งปกติจะจอดเทียบท่าบริเวณโป๊ะหน้าเขื่อนป้องกันตลิ่ง ท่าเทียบเรือท่าข้าม(มุกดาหาร–สะหวันนะเขต) เทศบาลเมืองมุกดาหาร ถูกกระแสน้ำพัดเข้ามาติดชิดกับบันไดคอนกรีตของท่าเรือ

แต่ไม่กี่วันต่อมา ระดับน้ำกลับลดลงอย่างรวดเร็ว โดยในวันนี้ (6 ส.ค.) วัดได้ที่ระดับ 11.18 เมตร ส่งผลให้หัวเรือที่เคยลอยน้ำอยู่กลับติดค้างแน่นอยู่บนบันไดของท่าเรือ ไม่สามารถเคลื่อนออกจากจุดเดิมได้ แม้คนขับเรือจะพยายามสตาร์ทเครื่องยนต์และขยับเรือเป็นเวลานานนับชั่วโมงก็ไม่สำเร็จ

ขณะเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งประเมินแนวทางในการกู้เรือออกจากจุดดังกล่าว โดยอาจใช้วิธีลากจูงหรือวิธีอื่นเข้าดำเนินการ ก่อนที่ระดับน้ำจะลดต่ำลงไปอีก ซึ่งอาจทำให้การเคลื่อนย้ายยุ่งยากมากขึ้น

เรือติดบันได #มุกดาหาร #เรือเกยตื้น #น้ำโขงลด #เรือมุกดาหารปริ้นเซส #ข่าวท้องถิ่น #เรือสำราญ #ท่าข้ามมุกดาหารสะหวันนะเขต #แม่น้ำโขง #เรือท่องเที่ยว #เทศบาลเมืองมุกดาหาร #ข่าวล่าสุด #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้​ ภาพ/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “รมว.อรรถกร” ลงพื้นที่ จ.น่าน ระดมกำลัง เปิดปฏิบัติการเร่งฟื้นฟูพื้นที่น้ำท่วมน่าน

วันที่ 5 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ที่ บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตรงข้ามวัดภูมินทร์ ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน จ.น่าน นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยกระทรวงศึกษาธิการ และมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า ได้ร่วมกันปฏิบัติการฟื้นฟูความสะอาดในพื้นที่

จังหวัดน่าน ภายใต้โครงการ “คาราวานคืนความสะอาด เก็บกวาดขยะ ล้างถนน” เพื่อร่วมกันเร่งฟื้นฟูและบรรเทาปัญหาหลังอุทกภัย โดยมี นายบรรจง ขุนเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วม

     นาย อรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยจากพายุ “วิภา” ที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของจังหวัดน่านในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านชลประทานและการเกษตรเป็นวงกว้าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน และหน่วยงานในสังกัด จึงร่วมกับจังหวัดน่าน และภาคีเครือข่ายจิตอาสา 

จัดกิจกรรมปฏิบัติการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนในเบื้องต้น และสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคการเกษตรให้กลับมาดำเนินการได้โดยเร็ว ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้ประกอบด้วย การขุดลอกและปรับปรุงระบบส่งน้ำที่ตื้นเขินหรือได้รับความเสียหาย การซ่อมแซมอาคารชลประทานที่สำคัญ การให้ความช่วยเหลือประชาชนในรูปแบบของแรงงาน เครื่องจักรกล และเวชภัณฑ์ที่จำเป็น

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้กล่าวให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่และจิตอาสาที่ร่วมปฏิบัติงาน และปล่อยคาราวานรถสนับสนุนการทำความสะอาด รวมกว่า 30 คัน รถทุกคันเคลื่อนขบวนออกปฏิบัติการไปยังถนน และชุมชนต่างๆ ในจังหวัดน่าน เพื่อจัดเก็บรวบรวมขยะออกจากพื้นที่ ฉีดน้ำทำความ

สะอาดถนนเร่งแก้ปัญหามลภาวะและสิ่งแวดล้อมของเมืองน่าน สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาสังคม ที่มุ่งหวังฟื้นฟูเมืองน่านให้กลับมาสวยงามและปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในพื้นที/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง