สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ชาวบ้านร้องขอ อยากให้ที่ดินป่าช้า สาธารณะประโยชน์ เป็นของวัด การรังวัดป่าโคกศิลา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. ปักธงชัย ไม่รับรอง อ้างกรรมสิทธ์

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 กลุ่มชาวบ้าน ออกมาร้องทุกข์ การรังวัด ของเจ้าหน้าที่รังวัด บริเวณติดป่าช้า สาธารณะประโยชน์ วัดป่าโคกศิลา ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา กลุ่มชาวบ้านเล่าว่า อยากให้ที่สาธารณะประโยชน์ตรงนี้ เป็นของวัด เพราะพื้นที่ตรงนี้เป็นป่าช้ามานานหลายสิบปีแล้ว ด้านนายอักษรย่อ (น)นามสมมุติ ผู้อ้างกรรมสิทธ์ ซึ่งนำเจ้าหน้าที่มารังวัด เล่าว่า ผมมีโฉนดนำมาแสดง ถูกต้อง และได้เสียภาษีตามกฎหมาย

พระสมชาย สร้อยฉิมพลี เจ้าอาวาส วัดโคกศิลา เล่าว่า เดิมทีนายอักษรย่อ(น) นามสมมุติ เจ้าของที่ มีที่ดินติดกับวัด 39 ไร่ ขายไปแล้ว 30 ไร่ เหลืออีก 9 ไร่ ซึ่งติดกับป่าช้าวัด จึงเป็นที่มาของการอ้างกรรมสิทธิ์ มารังวัดในครั้งนี้ ทั้งนี้ นายชุมพล หาญตะคุ กำนัน ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัย กล่าวว่า เจ้าของที่ มีโฉนดนำมาแสดง

แต่การออกโฉนดให้เมื่อหลายสิบปีก่อน ออกให้ได้อย่างไร ทั้งๆที่ ยังเป็นพื้นที่พิพาท และหมุดที่ปักไว้ก็ไม่มีตามโฉนดตามที่เจ้าของที่นำมาแสดงเป็นหลักฐาน และการที่ เจ้าของที่ นำเจ้าหน้าที่มารังวัด ก็ไม่ได้แจ้งกำนันไว้ล่วงหน้า การรังวัดในครั้งนี้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อบต. ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัย ไม่รับรอง รอกระบวนการพิสูจน์ ต่อไป

กันตินันท์ เรืองประโคน / รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / จนท.ทุกฝ่าย ร่วมแก้ปัญหาชาวบ้านหัวดง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี

วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 น. ที่บริเวณลานวัดหัวดง หมู่ที่5 ตำบลคลองเกตุ อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ได้มีประชาชนมากกว่าหนึ่งร้อยคนรวมตัวเรียกร้อง ขอความเป็นธรรม จากกรณีชาวบ้านกับผู้นำหมู่บ้าน ต่างมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน เดือนร้อนถึงหน่วยงานรัฐ คณะสงฆ์ภายในอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ต้องเดินทางแก้ไขปัญหาของชาวบ้านหัวดง

นายเจตน์พงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล นายอำเภอโคกสำโรง เจ้าหน้าที่สาธารณะสุข ฝ่าย อส. นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคลองเกตุ และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเดินทางเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยในการที่ประชาชนได้ออกมาหาขอสรุปร่วมกันความทราบถึงพระครูภัทรปัญญาวุธ (พระครูเภก) เจ้าคณะอำเภอโคกสำโรง ได้มอบหมายให้เจ้าคณะตำบลคลองเกตุ เขต2 รวมถึงพระสังฆาธิการเดินทางถึงบริเวณวัดหัวดง ที่ชาวบ้านได้รวมตัวกันอยู่ประมาณ
180 คน

โดยสาเหตุ เริ่มจากผู้นำหมู่บ้าน จะนำน้ำ จากลำคลองที่พัดไหลผ่าน ต้องการจะระบายน้ำเข้าบริเวณสระน้ำภายในวัดหัวดง เผื่อไว้ใช้น้ำรดต้นไม้ยามฤดูแล้ง รวมถึงจัดงานลอยกระทงที่จะมาถึงนี้ และจะปรับปรุงภูมิทัศน์รอบๆสระให้สะอาดเช่นแต่เก่าก่อน และเมื่อมีเหตุเกิดอัคคีภัยก็ไม่ต้องเดินทางไปรับน้ำจากที่อื่นๆที่ไกลออกไป เนื่องจากปัจจุบันนี้สระน้ำดังกล่าวเริ่มมีวัชพืชขึ้นภายในสระ และมองดูไม่สะอาดตา จึงจะปรับปรุงสระให้ดียิ่งๆขึ้นและกลับมาใช้ได้ในยามจำเป็นที่ต้องการใช้น้ำ

แต่มีชาวบ้านบางส่วนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยกับการที่จะนำน้ำดังกล่าวเข้ามาเก็บในสระเก็บไว้   โดยมีข้ออ้างว่าน้ำสกปรกมากเกินไป ไม่สะอาดเพียงพอที่จะนำน้ำมาเข้าไว้ในสระน้ำดังกล่าว   ทางฝ่ายนายอำเภอโคกสำโรง และเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขอำเภอโคกสำโรง ผู้ที่เกี่ยวข้องและคณะสงฆ์อำเภอโคกสำโรง ได้เดินตรวจสภาพบริเวณสระน้ำ รวมถึงน้ำที่จะนำเข้ามาไว้ในสระภายในวัดหัวดง
โดยในที่ประชุมสรุปผลออกมาได้ว่า ต้องให้ฝ่ายสาธารณะสุขออกมาวัดค่าของน้ำ ที่อยู่ภายในสระ กับน้ำที่จะนำเข้ามาได้มาตรฐานความสะอาดพอๆกันหรือไม่ และให้ฝ่ายปกครอง คณะกรรมการวัด รวมถึงชาวบ้านหัวดงทุกท่าน รอผลภายใน 1 สัปดาห์ แล้วค่อยนำน้ำเข้าภายในสระ โดยจะต้องมีขั้นตอนกรองน้ำที่ถูกต้องตามระบบการกรองน้ำเข้าสระ ทุกฝ่ายจึงตกลงเห็นชอบตามมติที่ออกมา และสุดท้ายได้มีการแต่งตั้งไวยาวัจกรวัดกัวดง ขึ้นมา 2 ท่าน รวมถึงคณะกรรมการ 18 ท่าน พร้อมทั้งผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อีก อีก 3 ท่านเป็นโดยตำแหน่งหน้าที่ จากนั้นชาวบ้านจึงได้แยกย้ายกันกลับ
สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี นายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / น่าน ทดสอบสัญญาณเตือนภัยน้ำท่วม พร้อมกัน 7 จุด ในพื้นที่อำเภอต่าง ๆ

วันที่ 1 ตุลาคม 25 67 จังหวัดน่าน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมทดสอบสัญญาณเตือนภัยน้ำท่วม พร้อมกัน 7 จุด ในพื้นที่อำเภอต่าง ๆ ซึ่งมีนายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมคณะทีมงานร่วมทดสอบสัญญาณ สำหรับหอเตือนภัย ในพื้นที่จังหวัดน่าน มีทั้งหมด 7 จุด ประกอบด้วย อำเภอเมืองน่าน อำเภอภูเพียง (2 จุด) อำเภอท่าวังผา อำเภอปัว อำเภอเชียงกลาง และอำเภอเวียงสา สำหรับแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนเมื่อเกิดเหตุวิกฤตภัยพิบัติในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงสถานการณ์จะเกิดน้ำท่วมในพื้นที่

โดยจากนี้จะมีการทดสอบระบบเป็นประจำ ซึ่งจะทำการเปิดเพลงชาติ ทุกเช้าวันพุธ เวลา 08.00 น. และจะมีการทดสอบสัญญาณเตือนภัยเป็นประจำอย่างต่อเนื่องการทำงานของระบบหอเตือนภัย และการปฏิบัติตนเมื่อได้ยินเสียงเตือนภัย โดยผู้นำในท้องที่ติดตาม ประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ จากนั้นประสาน ปภ.จังหวัด ในการให้สัญญาณเตือนภัย ปภ.จังหวัดขออนุมัติผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ความเห็นชอบในการปล่อยสัญญาณเตือนภัย จากนั้น ปภ.จังหวัด แจ้งศูนย์เตือนภัยแห่งชาติ ดำเนินการปล่อยสัญญาณเตือนภัย (สั่งการผ่านระบบดาวเทียม หรือระบบอินเทอร์เน็ต ไปยังหอเตือนภัย)

ระดับการแจ้งเตือน -เตือนฝนตกหนัก (M11) แจ้งเตือนเรื่องฝนตกหนัก อาจมีผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยในบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย ให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการอย่างต่อเนื่อง -เตือนฝนตกหนักมาก (M12) แจ้งเตือนเรื่องฝนตกหนักมากในพื้นที่ อาจก่อให้เกิดอุทกภัย มีน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ให้ประชาชนเก็บของมีค่าและอุปกรณ์ไฟฟ้าขึ้นที่สูง เก็บของใช้จำเป็น อาหารแห้ง ยารักษาโรค น้ำดื่ม เพื่อเตรียมการอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย -แจ้งน้ำป่าไหลหลาก (M4) แจ้งเกิดน้ำป่าไหลหลาก ขอให้ออกจากพื้นที่ ไปยังที่สูงโดยด่วน ให้ประชาชนทำการอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยทันที/

บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตร.ทางหลวงประจวบฯ จับหนุ่มสตูล ยึดยาบ้ากว่า 10 ล้านเม็ด ก่อนหลุดลงภาคใต้

เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 30 กันยายน 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ 3 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พ.ต.ต.พุทธางกูร เรืองธรรม สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวงประจวบฯ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมมาตร สังข์ทอง ผกก.สอบสวนภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.หญิง กมลทิพย์ สุทธิมรรคผล ผกก.พฐ.ประจวบฯ ร.ต.อ.เวิน ไชยอาษา รองสารวัตรตำรวจทางหลวงประจวบ 3 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกัน ตรวจยึดและทำบันทึกจับกุมของกลางเป็นยาบ้ากว่า 10 ล้านเม็ด ซึ่งบรรจุอยู่ในตะกร้าผักผลไม้คลุมมาด้วยผ้าใบสีดำ จำนวน 65 ตะกร้า บนท้ายรถบรรทุกพ่วงเทรลเลอร์ 22 ล้อยี่ห้อ Hino 500 สีขาว หมายเลขทะเบียน ส่วนหัว 71-9691 สงขลา หมายเลขตัวพ่วง 71-9692 สงขลา โดยมีผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย ประกอบด้วย นายอมร (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ชาวจังหวัดสตูล และนายวีระพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดตรัง ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด ส่ง เจ้าหน้าที่ปปส.ภาค 7 ดำเนินการต่อไป

โดยสืบเนื่องจาก ร.ต.อ.เวิน ไชยอาษา รองสารวัตรตำรวจทางหลวง ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 10 นาย ตั้งด่านจุดตรวจจุดสกัดกวดขันวินัยจราจร และตรวจความพร้อมการใช้งานของรถบรรทุกที่วิ่งบนถนน บริเวณถนนเพชรเกษม ฝั่งขาล่องใต้ หลักกิโลเมตรที่ 378 – 379 บ้านดงไม้งาม ตำบลร่อนทอง อำเภอบางสะพาน ระหว่างนั้นได้มีรถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวขับเข้ามาถึงด่าน ปรากฏว่าไม่มีบังโคลนคลุมล้อด้านท้ายรถ จึงได้เรียกตรวจปรากฏว่าผู้ขับขี่มีอาการพิรุธ และผู้โดยสารที่นั่งรถมาด้วย คือ นายวีระพงษ์ ได้วิ่งหลบหนี จึงได้ติดตามจับกุมตัวมาได้ และตรวจสอบสิ่งของที่บรรทุกมาบนท้ายรถปรากฏว่าเป็นยาบ้าจำนวนมากซึ่งบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกปิดผนึกอย่างแน่นหนาใส่ไว้ในตะกร้าผักผลไม้เรียงมาบนท้ายรถบรรทุกจำนวน 65 ตะกร้า รวมจำนวนประมาณ 10,300,000 เม็ด จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาสอบสวนและทำบันทึกจับกุมที่สถานีตำรวจทางหลวง และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นต่อไป

นายอมร อายุ 51 ปี ชาวจังหวัดสตูล ซึ่งเป็นคนขับยอมรับสารภาพกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้นำรถบรรทุกพ่วงซึ่งเป็นของพ่อมาขับรับจ้างขนยาบ้าจากอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี นำไปส่งที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยจะมีรถมารอรับ ซึ่งครั้งนี้ได้ทำเป็นครั้งที่ 2 ได้ค่าจ้างครั้งละ 200,000 บาท โดยก่อนหน้านี้ได้รับจ้างบรรทุกข้าวสาร จากกรุงเทพฯลงภาคใต้ ซึ่งครั้งนี้ได้เปลี่ยนมารับจ้างบรรทุกยาบ้าแทน และได้ใช้ผ้าใบคลุมให้ดูคล้ายกับบรรทุกสิ่งของทั่วไป

////////////////////////////

ข่าว ณฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กต.ตร.สภ.พัทยา ร่วมอำลา 8 นายตำรวจ สู่วันเกษียณที่ภาคภูมิ

ค่ำวันที่ 30 ก.ย.67 ที่ร้านอีสานกาฬเวลา ถนนเฉลิมพระเกียรติพัทยาสายสาม สภ.เมืองพัทยา โดย พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ร่วมกับ กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา โดย นายชัยรัตน์ รักทอง ประธาน กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา จัดงาน “เกษียณสำราญ งานสำเร็จ เสร็จสมบูรณ์” งานเลี้ยงสังสรรค์อำลาเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดที่เกษียณอายุราชการ “จากวันที่ภาคเพียร..สู่วันเกษียณที่ภาคภูมิ” ภายใต้ค็อนเซ็ปต์ Cowboy Night Party

สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด สภ.เมืองพัทยา ที่เกษียณอายุราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 รวมจำนวน 5 นาย ประกอบด้วย พ.ต.ท.เดชนะ อำนาจมั่นคง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา , ร.ต.อ.ทินพันธ์ พิลึก, ร.ต.อ.วินัย เนติสุทธิการ, ร.ต.อ.สุโทธนะ พึ่งภพ และ ร.ต.อ.เสริมชัย มะณีกุล ผบ.หมู่-รอง สว.สภ.เมืองพัทยา

และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล รุ่นที่ 25 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 รวมจำนวน 3 นาย ประกอบด้วย ร.ต.ท.มาโนช วรชุน ,ร.ต.ต.หปุณณัฐฐา พลายเถาะ รอง สว.(ป.) สภ.เมืองพัทย และ ด.ต.พัชรินทร์ ทองบ่อ ผบ.หมู่(ธร.)สภ.เมืองพัทยา

ภายในงานได้รับเกียรติจากผู้มีเกียรติเข้าร่วมงาน อาทิ นางอำพร แสงแก้ว นายกสมาคมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบันเทิงเมืองพัทยา นางลิซ่า แฮมิลตัน นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืนเมืองพัทยา นายประมวล ทองใบ ที่ปรึกษา กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา และนายสุขราช กาลรา ประธานชุมชนวอล์กกิ้งสตรีท

ทั้งนี้ ในงานได้มีการออกร้านจากผู้ประกอบการเมืองพัทยาให้บริการซุ้มอาหารนานาชนิดพร้อมเครื่องดื่ม ก่อนมีกิจกรรมบันเทิงสร้างสีสัน และจับรางวัลให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าร่วมกิจกรรมโดยพบว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักเป็นอย่างยิ่ง

สื่อรัฐทีวี – สื่อรัฐนิวส์ / ลูกสะตอ แห่ชิงเปรต สารทเดือนสิบ คนใต้ชลบุรี แน่นวัดหนองใหญ่ / พัทยาเตรียมจัดพิธี “นวราตรี” วันแห่งชัยชนะ 9 วัน 9 คืน

วันที่ 29 ก.ย.67 มีรายงานว่า สมาคมชาวใต้ชลบุรี โดย นายสมคิด อุ่นเรือน นายกสมาคมชาวใต้ชลบุรี ได้จัดกิจกรรมสืบสานประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่นชาวภาคใต้ งานบุญสารทเดือนสิบ ประจำปี 2567 ซึ่งได้รับเกียรติจากนายสมสิน ทิพย์มณี ประธานที่ปรึกษาสมาคมชาวใต้ชลบุรี ให้เกียรติร่วมงานท่ามกลางพี่น้องชาวใต้ในเมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรีที่เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

ด้วยสมาคมชาวได้ชลบุรี ได้ตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความสามัคคี สร้างความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกและประชาชนทั่วไป อีกทั้งเพื่อรักษาและเผยแพร่วัฒนธรรมขนบธรรมเนียม รวมถึงปลูกฝังคุณธรรมร่วมกัน และมีส่วนร่วมจัดกิจกรรมบำเพ็ญกุศลและละสาธารณะประโยชน์ให้สังคมตลอดมา

ในปีนี้ ทางสมาคมชาวใต้ได้กำหนดการจัดงานบุญสารทเดือนสิบขึ้น ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 42 เพื่อเปิดโอกาสให้พี่น้องชาวใต้ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียงที่ไม่สามารถจะเดินทางกลับ
ภูมิลำเมาได้ร่วมประกอบงามบุญในครั้งนี้โดยทั่วกัน โดยมุ่งเน้นรูปแบบการจัดงานให้เหมือนกับประเพณีทางภาคใต้ที่ได้ดำเนินงานเฉกเช่นเป็นประจำทุกปี

ภายในกิจกรรมปีนี้ไฮไลท์ที่น่าสนใจคือการแข่งขันปีนเสาน้ำมัน และพิธีชิงเปรต เป็นประเพณีของภาคใต้ที่ทำกันในวันสารทเดือนสิบ เป็นประเพณีเมืองมนุษย์ 15 วัน โดยมาในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 ซึ่งถือว่าเป็นวัน “รับเปรต” หรือ วันสารทเล็ก ลูกหลานต้องเตรียมขนมมาเลี้ยงดูให้อิ่มหมีพีมันและฝากกลับเมืองเปรต ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 นั้นคือวัน ” ส่งเปรต ” กลับคืนเมือง เรียกกันว่า วันสารทใหญ่

กระตุ้นท่องเที่ยวมูเตลู! พัทยาเตรียมจัดพิธี “นวราตรี” วันแห่งชัยชนะ 9 วัน 9 คืน

 วันที่ 29 ก.ย.67 มีรายงานว่า ผู้สื่อข่าวแขนงต่างๆ เข้าร่วมงานแถลงข่าวเตรียมจัดงานพิธีนวราตรี และงานแห่ประเพณี เนื่องในวันแห่งชัยชนะ ประจำปี 2567 โดยเทวาลัยมหากาลีอวตารจักรวาลชนนี ร่วมกับสมาคมอินเดียชลบุรี จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-11 ตุลาคม 2567 ทั้งนี้ ในพิธีแถลงข่าวมี นางอำพร แก้วแสง ผู้ก่อตั้งเทวาลัยมหากาลีอวตารจักรวาลชนนี พร้อมด้วย ดร.ดีโอ กูมาร์ ซิงค์ นายกสมาคมอินเดียชลบุรี, นายนเรช จันเดอร์ รองนายกสมาคมอินเดียชลบุรี, นายปราชาญ บาตต์ อุปนายกสมาคมอินเดียชลบุรี และนายเซเรช นักธุรกิจคุชราฏ พัทยา ร่วมพิธี สำหรับพิธีนวราตรี และงานแห่ประเพณี เนื่องในวันแห่งชัยชนะ ประจำปี 2567 ถือเป็นการจัดขึ้นครั้งแรกของเทวาลัยมหากาลีอวตาร จักรวาลชนนี โดยร่วมกับคณะกรรมการสมาคมอินเดียชลบุรี เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองสักการะบูชา และสรรเสริญแห่งองค์พระแม่ทุรคา โดยไฮไลท์ของงานจะมีขึ้นในวันที่ 8 ต.ค. 67 - มีพิธีสวดโซฮา อารตีถวายพระแม่ โดยพราหมณ์คณะบารมี เริ่มตั้งแต่ 17.00 น. เป็นต้นไป ส่วนวันที่ 9 ต.ค. 67 - ช่วงเช้าพราหมณ์ทำพิธีสวดถวายและอารตีไฟถวายพระแม่ หลังจากเสร็จพิธี ช่วงเวลา 16.00 น. จะมีการตั้งขบวนแห่องค์พระแม่และองค์เทพ จากเทวาลัยเคลื่อนขบวนไปยังถนนพัทยาสายสอง มุ่งหน้าลงสู่ถนนเลียบชายหาด วงเวียนปลาโลมา ซึ่งจะมีจุดพักให้ผู้มีจิตศรัทธาได้สักการะบูชา 4 จุด ประกอบด้วย ร้านอาหารอินเดีย Indigo ถนนพัทยา สาย 2 ร้านอาหารอินเดีย Rasoi ถนนพระตำหนัก ร้านอาหารอินเดีย Mumbai se ถนนพัทนา สาย 2 และร้านอาหารอินเดีย Peshwa ถนนเลียบชายหาด หลังจากนี้นั้นขบวนจะกลับมาที่เทวาลัยและเริ่มพิธีในเวลา 19.00น.

และในวันที่ 10 ต.ค. 67 ช่วงเวลา 19.00 น.พราหมณ์ทำพิธีสวดถวายพระแม่ การแสดงการร่ายรำ หรือที่เรียกว่า เต้นดานเดีย วัฒนธรรมจากประเทศอินเดีย ทั้งนี้ขอมห้ผู้มีจิตศรัทธาในองค์พระแม่ทุก ๆพระองค์ มาร่วมงานนวราตรีตลอด 9 วัน 9 คืน ณ เทวาลัยมหากาลีอวตารจักรวาลชนนี

สำหรับนวราตรี คืออีกหนึ่งเทศกาลสำคัญทางศาสนาของชาวฮินดูทั่วโลก เป็นวันเฉลิมฉลองชัยชนะขององค์พระแม่ทุรกาที่ปราบอสูรได้สำเร็จ หลังจากต่อสู้กันมาเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน (นวราตรี) และยังเป็นการฉลององค์พระแม่ทุรกา ทั้ง 9 องค์ จะเป็นวันที่ทุกคนจะไม่ทานเนื้อสัตว์ ไม่ดื่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไม่ปฏิบัติตัวที่ผิดศีล ทั้งนี้ภายในพิธีจะมีการจัดเต้นดานเดีย วัฒนธรรรมจากประเทศอินเดียที่ได้รับความนิยมในอินเดีย ในจังหวัดคุชราฏ และการในครั้วสมาคมคุชราฏ พัทยา ก็ได้สนับสนุนเต้นดานเดีย อีกทั้งภายในงานจะมีโรงทานอาหารอาหารมังสวิรัติไทยและอินเดีย ให้บริการผู้ร่วมงาน จึงขอเชิญชวนผู้ศรัทธาเข้าร่วมงาน ระหว่างวันที่ 3-11 ตุลาคม 2567 ณ เทวาลัยมหากาลีอวตารจักรวาลชนนี เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

สื่อรัฐทีวี – สื่อรัฐนิวส์ / แห่เปรต”สืบสานประเพณีสารทเดือน 10 คึกคัก ขอพร “ศพไม่เน่าไม่เปื่อยเหลือแต่กระดูกในโลงแก้ว”

วันที่ 29 กันยายน 2567 ประชาชนชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ร่วมกันสืบสานประเพณีสารทเดือน 10 หรืองานแห่เปรตจัดขึ้นโดยวัดดอยสวรรค์ (วัดเขาไก่เขี่ย) อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ โดยขบวนแห่เริ่ม ณ บริเวณด้านหน้า สภ.วังกะพี้ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์

มีพระครูประจักษ์กิตติคุณ เจ้าอาวาสวัดดอยสวรรค์ (เขาไก่เขี่ย) ต.วังแดง อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์นำพระภิกษุสงฆ์ สามเณร ออกรับบิณฑบาตไปตามถนนสายวังกะพี้ – ตรอนระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร และมีขบวนแห่พระพุทธรูปจำลอง เทวดา นางฟ้า เปรต กระหัง อสูรกาย และขบวนมหรสพ เช่น ลิเก มวยการกุศล ซึ่งตลอด 2 ข้างทาง มีประชาชนมารอใส่บาตรข้าวสาร อาหารแห้ง และปัจจัย เป็นจำนวนมากเมื่อขบวนแห่เปรตมาถึงยังวัดดอยสวรรค์ เป็นที่เรียบร้อย ได้มีการประกอบพิธีอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว

พระครูประจักษ์กิตติคุณ กล่าวว่า วัดดอยสวรรค์ (เขาไก่เขี่ย) จัดงานประเพณีสารทเดือนสิบ หรืองานแห่เปรต เป็นประจำทุกปีต่อเนื่องมากว่า 20 ปี เพื่อรักษาประเพณี สืบทอดพระพุทธศาสนา มีการจำลองนรก สวรรค์ และเมืองมนุษย์ เพื่อสอนให้คนเกรงกลัวต่อบาป หันมาทำความดีตามหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา และให้ชาวพุทธได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ ซึ่งจากการจัดงานมาอย่างต่อเนื่อง ได้รับความสนใจจากประชาชนเข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็จะได้อนุรักษ์สืบสานประเพณีนึ้ไว้ต่อไป

ภายหลังจากเสร็จพิธี ผู้สื่อข่าวได้สังเกตุเห็นมีประชาชนบางกลุ่มได้เข้าไปกราบขอพรโครงกระดูกที่บรรจุภายในโลงแก้ว สอบถามชาวบ้านจึงทราบว่า โครงกระดูกดังกล่าวเป็นศพของนายประกอบ นาคลัดดา ซึ่งเป็นบิดาของพระครูประจักษ์กิตติคุณ เจ้าอาวาสวัดดอยสวรรค์ (เขาไก่เขี่ย) เสียชีวิตไปเมื่อปี 2545 ด้วยวัยชรา ก่อนหน้าจะเสียชีวิตนายประกอบ ได้มาถือศิล ปฏิบัติธรรมนุ่งขาวห่มขาวอยู่ที่วัดดอยสวรรค์แห่งนี้ เมื่อเสียชีวิตลงศพกลับไม่เน่าไม่เปื่อย แต่จะเหี่ยวแห้งไปตามการเวลา จนเหลือแต่โครงกระดูกที่มีสภาพที่สมบูรณ์อยู่เท่าทุกวันนี้

นาคา คะเลิศรัมย์/ รายงาน

สื่อรัฐทีวี – สื่อรัฐนิวส์ / อบต.อ่างทอง จัดกิจกรรมโครงการพลังบวร ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรกับชุมชน

วันที่ 27 ก.ย. 67 นายบังเอิญ พึ่งโพธิ์ทอง นายกอบต.อ่างทอง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มอบหมายให้ นายอำนวย จันทร์เจ็ก รองนายกอบต.อ่างทอง นายธานินทร์ บุญนี ปลัดอบต.อ่างทอง ร่วมกับ นายชลิต เพชรดี กำนันตำบลอ่างทอง คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาอบต.อ่างทอง ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน แพทย์ประจำตำบล ข้าราชการ พนักงานอบต.อ่างทอง ร่วมกิจกรรมโครงการพลังบวร ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากร จิตอาสาพัฒนาสถานที่ราชการ บ้าน วัด โรงเรียนและชุมชน ณ.โรงเรียนบ้านสีดางาม หมู่ที่ 10 ตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก

โดยพร้อมใจพัฒนาปรับภูมิทัศน์ทำความสะอาดบริเวณโดยรอบโรงเรียน เพื่อให้เกิดความสามัคคีและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อ คณะครู นักเรียน ผู้ปกครอง และประชาชนเพื่อส่งเสริมให้บุคลากรของอบต.อ่างทอง มีความสัมพันธ์ที่ดีทั้งในชีวิตความเป็นอยู่และการปฏิบัติงานร่วมกับชุมชน หมู่บ้าน เป็นพลังผลักดันและขับเคลื่อนแผนการบริหารทรัพยากรบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิต และความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย
//////////////////////////////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กองทัพภาคที่ 2 จัดพิธี รับ–ส่งหน้าที่ แม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน/“นาทีชีวิตระทึก!! ทหาร ร.8 พัน.1 ช่วยเหลือประชาชนประสบอุบัติเหตุ

วันนี้ 28 กันยายน 2567 เวลา 10.30 น. ณ กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2 และพลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (ท่านใหม่) ร่วมกระทำพิธีรับ – ส่งหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2 โดยได้กระทำพิธีสักการะพระศรีสัมพุทธโมลี พระพุทธวิชัยเสนีย์นาถ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อนุสาวรีย์วีรไทย พระบรมรูป ร.5 พระบรมราชานุสาวรีย์ หลังจากนั้นจึงลงนามเอกสารรับ – ส่งหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2 ณ ห้องประชุมกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2

ก่อนจะเดินทางมายังบริเวณพิธีรับ – ส่งหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2 ณ ลานหน้าสโมสรร่วมเริงไชย โดยขึ้นแท่นรับการเคารพ พันเอก กิติพงศ์ พ่วงอยู่ ผู้อำนวยการกองกำลังพล ได้อ่านประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวมอบหน้าที่และการบังคับบัญชา และได้ส่งมอบธงประจำกองทัพภาคที่ 2 พร้อมทั้งเอกสารรับ – ส่งหน้าที่ แก่แม่ทัพภาคที่ 2 (ท่านใหม่) จากนั้น จึงกล่าวรับมอบหน้าที่และการบังคับบัญชา เสร็จแล้วทั้ง 2 ท่าน จึงขึ้นแท่นรับการเคารพจากกองผสมหมู่ธงสวนสนาม ซึ่งจัดจาก หมู่ธงประจำหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2 จำนวน 83 หมู่ธง

สำหรับ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 26 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 37 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรหลักประจำ ชุดที่ 77 เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 ค่ายพระยอดเมืองขวาง จ.นครพนม ,ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22, เสนาธิการกองพลทหารราบที่ 3, ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 ค่ายกฤษณ์สีวะรา จ.สกลนคร, ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3, รองแม่ทัพภาคที่ 2, แม่ทัพน้อยที่ 2 ก่อนที่จะดำรงตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ลำดับที่ 44

สำหรับท่านแม่ทัพบุญสิน หรือแม่ทัพกุ้ง ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้ดำรงตำแหน่งโดยเฉพาะตำแหน่งคุมกำลังรบสำคัญๆตลอดการรับราชการ รวมทั้งได้รับความร่วมมือจากผู้ใต้บังคับบัญชาทุกระดับ โดยการนำความรู้​ ทักษะ และประสบการณ์ในการบูรณาการขับเคลื่อนนโยบายทั้งในส่วนของกองทัพบกและในส่วนของรัฐบาล รวมถึงส่วนราชการ และภาคเอกชน ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน การปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มขีดความสามารถ ส่งผลให้มีผลการปฏิบัติงานสำเร็จมากมาย จนเป็นที่ประจักษ์

โดยที่สำคัญท่านได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาหน่วย พัฒนากำลังพล ดูแล ใส่ใจ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา กำลังพลในทุกระดับจนถึงพลทหารน้องเล็กคนสุดท้องกองทัพบก เสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานให้กำลังพล ส่งผลให้บรรลุทุกๆภารกิจอย่างมีประสิทธิภาพ จนเป็นที่ยอมรับของผู้บังคับบัญชาระดับสูงในทุกระดับ และเป็นที่เชื่อมั่นศรัทธาของพี่น้องประชาชน คนรากหญ้าชาวอีสาน ซึ่งท่านใช้ภาษาอีสานสื่อสารกับพี่น้องประชาชนในการลงพื้นที่ทุกครั้ง จึงสามารถเข้าใจบริบทของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคอีสานได้อย่างดี ตลอดการทำงานที่ผ่านมาจนมาถึงปัจจุบัน

“นาทีชีวิต!!! ทหาร ร.8 พัน.1 ช่วยเหลือประชาชนประสบอุบัติเหตุรถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ อาการสาหัส อำนวยการประสานการปฏิบัติในทุกๆส่วนนำส่งโรงพยาบาล”

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 เวลา 15.00 น. ที่ค่ายศรีสองรัก อ.เมือง จ.เลย หน่วย ร.8 พัน.1 โดย จ.ส.อ.ชัยยง นามเภา ตำแหน่ง ผบ.ลว ร้อย.สสก.ชรก.ฝยก.ร.8 พัน.1 ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ผบ.กองรักษาการณ์ ได้เกิดอุบัติเหตุรถกระบะโตโยต้าหมายเลขทะเบียน บจ 7570 เลย ชนกับรถจักยานยนต์ หมายเลขทะเบียน กนจ 52 เลย บริเวนถนนเลย-เชียงคาน ด้านหน้าประตูทางเข้า ร.8 พัน.1 ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 ราย เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ แม่กับลูก ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนนาอ้อวิทยา นั่งซ้อนท้ายแม่กำลังจะกลับบ้าน ในระหว่างเดินทางเกิดประสบอุบัติเหตุเสียก่อน

โดยรถกระบะคู่กรณี ทราบชื่อคนขับคือนายสมาน ทำสี ชาวบ้าน ต.เขาแก้ว อ.เชียงคาน จ.เลย ให้การว่าขับรถมาจากตัวเมือง จ.เลย มุ่งหน้ากำลังจะกลับบ้าน พอมาถึงที่เกิดเหตุมองไม่เห็นรถมอเตอร์ไซร์ จึงเกิดอุบัติเหตุขึ้น เมื่อ จ.ส.อ.ชัยยง นามเภาฯ พร้อมกำลังพลที่เข้าเวรรักษาการณ์ เห็นเหตุการณ์จึงร่วมกับกำลังพลรีบเข้าช่วยเหลือ อย่างรวดเร็ว ซึ่งเจ้าของรถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บ สาหัสเกิดบาดแผลบริเวณศรีษะ และบาดแผลตามร่างกาย เข้าปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนแล้ว จึงรีบโทรประสาน 1669 เพื่อขอหน่วยกู้ชีพฉุกเฉินนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเลย

ทั้งนี้ได้มี จ.ส.อ.วุฒิชัย อ้วนศิลา นายทหารเวรฯ พร้อมกับกำลังพลของหน่วยเข้ามาช่วยเหลือในการอำนวยการจราจรอีกทางหนึ่ง เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำซ้อน ตลอดจนประสาน จนท.สารวัตรทหาร มทบ.28 อำนวยสะดวกด้านการจราจร และจนท.ตำรวจในการเก็บหลักฐานและเคลื่อนย้ายรถจักรยานยนต์และวัตถุพยาน เพื่อใช้ประกอบรูปคดีต่อไป โดยในการช่วยเหลือประชาชนในครั้งนี้หวังเพียงให้ผู้ประสบอุบัติเหตุปลอดภัย จึงรีบเข้าช่วยเหลือเหลืออำนวยการประสานการปฏิบัติในทุกๆส่วน เพราะทหารเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร​ ภาพ/ข่าว : นายพรพิพัฒน์ เพ็ชรสังหาร
เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน ​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / เปิดศูนย์สีจระเข้ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก/ ชาวบ้านพัทยา ทยอยรับเงินดิจิตอล นายกฯอำนวยความสะดวกชาวบ้านกลุ่มเปราะบาง/เตรียมจัดงาน “เทศกาลกินเจเมืองพัทยา ปี 67” ยิ่งใหญ่!

วันที่ 27 ก.ย.67 มีรายงานว่า ได้มีการเปิดอย่างเป็นทางการสำหรับศูนย์สีจระเข้ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก ที่ร้านบ้านอำเภอเทรดดิ้ง จ.ชลบุรี โดยมีสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ในพิธี ได้รับเกียรติจาก นายวิกิจ กันฉาย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานขายในประเทศ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จํากัด พร้อมด้วย นางอังคณา โขนแจ่ม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บ้านอำเภอเทรดดิ้ง จำกัด, นายธำรงศักดิ์ เทพสุนทร ผู้อำนวยการฝ่ายขายผู้แทนจำหน่วย, นายสุภกิตติ์ เตชดนัย ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจสีจระเข้ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จํากัด, และน.ส.ตรีสุคนธ์ โขนแจ่ม กรรมการผู้จัดการบริษัท บ้านอำเภอเทรดดิ้ง จำกัด ร่วมเปิดงาน

นายสุภกิตติ์ เปิดเผยต่ออีกว่า โดย SEE JORAKAY SHOP แห่งแรกในภาคตะวันออกใน “ร้านบ้านอำเภอเทรดดิ้ง ชลบุรี” เป็นศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง ที่ครบครัน ทันสมัย ซึ่งเป็นสีจระเข้ช็อปอย่างเป็นทางการจังหวัดชลบุรี โชว์สัมผัสประสบการณ์แห่งสีสัน และลวดลายกับสีจระเข้ ด้วยเทคโนโลยีจากสีธรรมชาติ พร้อมสัมผัสประสบการณ์แห่งแรงบันดาลใจ ด้วยเทคนิคความรู้ดี ๆ จากผู้เชี่ยวชาญจากสีจระเข้ นำโดย คุณวรชาติ โชครัศมีดาว ผู้จัดการฝ่ายบริหารการตลาดผลิตภัณฑ์ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด มาร่วมอัปเดตผลิตภัณฑ์ ภายใต้หัวข้อ “Paint The New Norm” เพ้นท์มาตรฐานใหม่ให้ชีวิต สีปลอดภัย สีธรรมชาติ สีจระเข้ อีกด้วย

ด้าน น.ส.ตรีสุคนธ์ โขนแจ่ม กรรมการผู้จัดการบริษัท บ้านอำเภอเทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยถึงความร่วมมือในครั้งนี้ ว่า ด้วยบ้านอำเภอเทรดดิ้ง มีความตระหนักในเรื่องของสิ่งแวดล้อมและอยากให้ลูกค้าของบ้านอำเภอเทรดดิ้งได้สินค้าที่มีคุณภาพปลอดภัยต่อสุขภาพของลูกค้า เมื่อทางสีจระเข้ ได้มีการพัฒนาสินค้ากลุ่มทาสีบ้านขึ้นมาที่ตอบโจทย์ในเรื่องสิ่งแวดล้อมจึงได้สนับสนุนให้ทำ SEE JORAKAY SHOP ขึ้นเพื่อให้ลูกค้าได้คุณภาพสีของจริงที่บ้านอำเภอเทรดดิ้ง สำหรัยช่องทางในการติดต่อร้านสามารถติดต่อทางออนไลน์ เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม และTikTok บ้านอำเภอเทรดดิ้ง และสามารถมาเยี่ยมชมสินค้าได้ที่ร้านที่มีพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร มีสินค้าที่หลากหลายให้บริการ

สำหรับ สีจระเข้ เป็นสีที่ผลิตจากวัตถุดิบที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงปลอดภัยไร้กลิ่นฉุนและสารระเหยที่เป็นอันตราย โดยทางเราให้ความสำคัญกับสุขภาพของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบ้าน เจ้าของโครงการ หรือแม้แต่กลุ่มสถาปนิก และช่างผู้ใช้งานทั่วไป นอกจากนี้ สีจระเข้ เป็นรายแรกที่เลือกใช้วัตถุดิบในการผลิตที่มาจากไลม์สโตน หรือหินปูนธรรมชาติคุณภาพสูงจากประเทศสเปน มีความปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่มีกลิ่นฉุน ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานและผู้อยู่อาศัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผสานกับเทคโนโลยีกราฟีนที่ช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะพร้อมช่วยกระจายความร้อนทำให้อุณหภูมิภายในบ้านเย็น และมีระบบดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในระหว่างการแห้งตัวของสีตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานที่ห่วงใยสุขภาพ  คนรุ่นใหม่ ที่ต้องการความสะดวกสบายได้ดี เพราะสีมีความปลอดภัยในทุกขั้นตอน โดยคุณสามารถเปลี่ยนสีห้องได้โดยไม่ต้องย้ายออก สามารถเข้าอยู่ได้ทันทีหลังจากทาสีเสร็จ ทั้งนี้ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ SEE JORAKAY มี 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.Natural Color เป็นสีที่มุ่งเน้นแนวคิด Ecological ปลอดภัยต่อผู้ใช้ 2. Art Color สีจระเข้ Art Color เป็นสีที่ใช้สำหรับสร้างลวดลายสไตล์ลอฟท์และลายหินอ่อน 3.Texture Color สีจระเข้ Texture Color เป็นสีที่ผลิตจากไฮบริดพิเศษ และมีเทคโนโลยี 3D Texture และ4. Heritage Color สีจระเข้ Heritage Color เป็นสีที่ใช้สำหรับบูรณะ หรือซ่อมแซมโบราณสถานโดยเฉพาะ ละในช่วงเปิด SEE JORAKAY SHOPได้มีการจัดโปรโมชั่นให้กับลูกค้าตั้งวันนี้-30 กันยายน 2567 จะมีการลดราคา 25 % สำหรับสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์สี ซึ่งมี SHOP ให้บริการทั้งหมด 12 สาขาทั่วประเทศ และ SHOPที่บ้านอำเภอเทรดดิ้งถือเป็น SHOPแรกในภาคตะวันออก

ชาวบ้านพัทยา ทยอยรับเงินดิจิตอล นายกฯอำนวยความสะดวกชาวบ้านกลุ่มเปราะบาง

ตามที่รัฐบาลได้จัดโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ พิจารณาอนุมัติ “เงินดิจิตอล” โดยเริ่มให้ประชาชนกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมประมาณ 12.4 ล้านคน และกลุ่มผู้ถือบัตรประจำตัวคนพิการ อีกประมาณ 2 ล้านคน รวมทั้งหมดกว่า 14 ล้านบาท โดยเริ่มจ่ายเงินในวันที่ 25,26,27 และ 30 ก.ย. 67 นั้น

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศการเข้ารับบริการจากธนาคารกรุงไทย หลายสาขาในเขตเมืองพัทยา อาทิ สาขาบางละมุง (ตลาดนาเกลือ) สาขาพัทยากลาง และสาขาพัทยาใต้ พบว่ามี ประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มดังกล่าวทยอยเข้าติดต่อรับเงินดิจิตอลอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เช้า

นอกจากนี้ มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ได้มีความเป็นห่วงเป็นใยพี่น้องประชาชนกลุ่มเปราะบาง คนพิการ และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ออกมารับเงินกันอย่างต่อเนื่อง จึงได้ประสานงานเจ้าหน้าที่เทศกิจเมืองพัทยาร่วมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนตามธนาคารกรุงไทย สาขาต่างๆ ด้วย

เตรียมจัดงาน “เทศกาลกินเจเมืองพัทยา ปี 67” ยิ่งใหญ่!

มีรายงานว่า เมืองพัทยา ร่วมกับมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐและเอกชน กำหนดจัดงานมหากุศล อิ่มบุญ อิ่มใจ “เทศกาลกินเจเมืองพัทยา ประจำปี 2567” ระหว่างวันที่ 2-12 ตุลาคม 2567 ที่มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา จ.ชลบุรี

โดยในวันพุธที่ 2 ตุลาคม 2567 จะมีพิธีอัญเชิญเทพยดาฟ้าดิน (เซ็งทีตี๋) ในเวลา 09.19 น. ที่มูลนิธิฯ จากนั้นในเวลา 15.19 น. เป็นต้นไป จะเป็นการเคลื่อนขบวนแห่ออกจากมูลนิธิฯ เลี้ยวซ้ายผ่านสี่แยกโพธิ์งาม ตรงไปผ่านร้านวุฒิกรค้าวัสดุ ถึงสุขุมวิทเลี้ยวขวา (ย้อนศร) และเลี้ยวขวาลงถนนสว่างฟ้า ผ่านตลาดใหม่นาเกลือ ถึงสามแยกนำชัย เลี้ยวขวาไปเส้นทางตลาดเก่า ถึงสวนสาธารณะลานโพธิ์ เลี้ยวซ้ายเข้าชายหาดเพื่อทำพิธีอัญเชิญ “กิ้วอ้วงฮุกโจ้ว” และ “พระโพธิสัตว์” ไปสถิตยังมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยาต่อไป

ทั้งนี้ นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ยังได้ขอเชิญชวนสาธุชนเข้าร่วมพิธีอัญเชิญเทพยดาฟ้าดิน พร้อมพิธีอัญเชิญกิ้วอ้วงฮุกโจ้ว และพระโพธิสัตว์ไปสถิตย์ ณ โรงเจนาเกลือ ในวันและเวลาดังกล่าว พร้อมร่วมถือศีลกินเจในงาน “เทศกาลกินเจเมืองพัทยา ประจำปี 2567” ต่อไปด้วย

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง